เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์)
“ผมใช่ไก่อ่อนวัยตื่นเพศ ตื่นฮอร์โมน เพราะฉะนั้นอย่าบังคับให้ต้องจีบเมียตัวเองแต่คุณควรจะใช้งานมือโปรคนนี้ให้ถูกหน้าที่ อย่างน้อยจะได้ไม่เสียของ”


การพบหน้ากันครั้งแรก แพรวา ต้องกลายเป็นสาวเอสคอร์ตที่เขาใช้เป็นเครื่องมือเขี่ยผู้หญิงอีกคนทิ้ง

ในครั้งที่สองเขากลับลากเธอขึ้นเตียง ช่วงชิงเอาความสาวไปโดยที่เธอไม่ทันได้ทัดทาน นั่นก็เป็นเหตุผลอันยอดเยี่ยมแล้วที่ควรต้องอยู่ให้ห่างจากมาเฟียผู้ดุดัน อันตราย

ถึงแม้ว่านักกายภาพบำบัดสาวจะประพฤติตัวตามเหตุผลข้างต้นนั้นได้ดีสักเพียงใด

เธอควรต้องรู้เอาไว้ว่า... นอกจากเขาจะเป็นมาเฟียผู้ดุดัน อันตรายแล้ว ยังเชี่ยวชาญในการบังคับข่มขู่!


เมื่อหญิงสาวใบหน้างดงามหล่นลงกลางเตียงให้เขาได้ตักตวงเอาความหอมหวานจากเรือนกายแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่ อาเชอร์ เฟร์นานโด จะหันหลังกลับไปใส่ใจในลำดับขั้นก่อนหลังของความสัมพันธ์จากค่ำคืนอันเริงร้อนนั้น

สาวบริสุทธ์ควรต้องหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย หลงใหลได้ปลื้มกับความร้อนแรงทางกาย เรียนรู้ชั้นเชิงจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงซึ่งผู้หญิงค่อนโลกใฝ่หาแล้วหันมาปรนเปรอเขาให้พึงใจในคราวเดียวกัน

ให้สมกับข้อได้เปรียบที่เธอมีเวลาอยู่บนเตียงของเขาเนิ่นนานกว่าผู้หญิงทั่วไป

...แม้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่สร้างรอยอัปยศไว้บนเรือนกายอย่างน่าอดสูใจแล้ว แพรวาไม่เกรงกลัวที่จะตอบโต้เขาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เธอสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองอย่างหนาแน่นเสียจนลืมไปว่า ทุกย่างก้าวของเธออยู่ในสายตาของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล

การต่อต้าน หลีกหนีของเธอกำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นตลอดวัยหนุ่ม

หรือเขาต้องหันกลับไปมองหา ดอกไม้ เครื่องเพชร การดินเนอร์ใต้แสงเทียนเพื่อใช้ล่อลวงเมียตัวเองให้ปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง!?


เช่นนี้แล้วเธอจะต้านทานมาเฟียผู้ขยันใช้เสน่ห์ทางกาย ‘ล่อลวงให้หลงใหล’ ทุกครั้งที่เผลอ... เขาจะใช้อาวุธอันร้ายกาจกะเทาะกำแพงหัวใจให้พังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีได้อย่างไร

เจ้าหัวใจมาเฟีย ฉบับรีไรต์นี้เพิ่มฉากหวานที่ทำให้ต้องอมยิ้มไปกับความรักของอาเชอร์และเบนเซม่าที่มีให้นางเอก เพิ่มเนื้อหาให้เต็มอิ่ม เพิ่มตอนพิเศษอย่างจุใจ ตามคำเรียกร้องของนักอ่านที่อยากเก็บสะสมแทนเล่มเดิมหรือบางท่านยังไม่เคยได้สัมผัสกับความรักของดอนอาเชอร์และนักฟุตบอลหนุ่มซึ่งเคยตีพิมพ์มาแล้วครั้งหนึ่ง

Tags: ดอนอาเชอร์, นักฟุตบอล, มาเฟีย,

ตอน: ตอนที่ 7 50%

เปลือกตาที่หลับใหลสนิทมากกว่าหกชั่วโมงเริ่มขยับเพราะมีแสงสว่างรบกวน แพรวาลืมตาขึ้นมองแชนเดอเลียร์ซึ่งห้อยอยู่บนฝ้าทิ้งตัวเป็นระย้าลงมาอย่างงดงามอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสติสัมปชัญญะเริ่มครบถ้วน เธอจึงผุดลุกขึ้นนั่งอยู่กลางเตียงอย่างกะทันหัน
อากัปกิริยาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของคนที่นั่งจิบเอสเพรสโซ่อยู่ตรงระเบียง เขาลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูงแล้วก้าวเข้ามาในห้องนอนในขณะที่ยังถือกาแฟไว้ในมือ “หลับสบายไหม”
แพรวาไม่ได้ตอบคำถามว่าอย่างไรแต่เธอผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียงนุ่มลงไปยืนเบียดตัวอยู่ข้างหัวเตียงโดยไม่ลืมคว้าเอาหมอนใบใหญ่ติดมือมากอดเอาไว้ ก้มลงสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองแล้ววกสายตากลับขึ้นมามองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ
อาเชอร์หัวเราะร่วนเพราะรู้ทันความคิดของเธอ “ลักหลับน่ะเหรอ ไม่หรอกน่า... หรือต่อให้ผมอยากจะลองก็ไม่ใช่เมื่อคืนนี้หรอก”
“ทะลึ่ง ในสมองไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลยใช่ไหม”
“คุณคิดก่อนนะแพร แล้วอย่ามาเถียงว่าไม่ได้คิด” อาเชอร์ดักคออย่างรู้ทันแล้วขยับเข้าไปใกล้เธออีกสองก้าว “ไม่เอาดีกว่า ตื่นขึ้นมาก็หาเรื่องชวนทะเลาะเลย ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วมากินมื้อเช้ากัน”
“กินมื้อเช้าแล้วขอกลับบ้านนะ” แพรวากระอ้อมกระแอ้มต่อรองกับเขาไม่เต็มเสียงนัก เมื่อเห็นดวงตาคู่คมแสดงความพอใจจึงรีบย้ำอีกครั้ง “นะคะ”
แน่ะ! มีคะมีขา อ้อนแบบนี้จะไม่ให้ดอนทั้งรักทั้งหลงได้ยังไง อาเชอร์คิดในใจ “อือ... ไปล้างหน้าก่อนสิ เดี๋ยวผมจะออกไปรอข้างนอก”
จบคำพูดร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปจากห้องนอน ทิ้งให้แพรวามองตามด้วยความประหลาดใจ หากไม่เสียเวลาขบคิดถึงต้นสายปลายเหตุที่เขารับปากโดยง่ายเช่นนี้ เธอแทบจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ไม่เพียงแค่ล้างหน้าแปรงฟันแต่ยังอาบน้ำแต่งตัวที่ทำเวลาได้รวดเร็วที่สุดในชีวิต
ราวสิบนาทีต่อมาแพรวาก็เดินออกมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับมาเฟียหนุ่ม ซึ่งเลิกคิ้วมองเธอด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่งก่อนจะผายมือเชิญให้รับประทานมื้อเช้าแบบสเปนแท้ๆ กว่าอาหารมื้อเช้าอันกระอักกระอ่วนใจของแพรวาจะสิ้นสุดลงก็กินเวลาไปเกือบยี่สิบนาที ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงแค่การจ้องตากันอยู่บ่อยครั้งและเธอเองก็เป็นฝ่ายหลบสายตาคู่คมนั้นทุกครั้งไป
“ความจริงไม่ต้องกลับไปเองก็ได้ คุณจดๆ มาว่าอยากได้อะไรบ้าง เดี๋ยวผมจะให้คนไปเอามาให้” อาเชอร์บอกราวกับว่าตกลงทุกอย่างกับเธอเรียบร้อยแล้ว
มีหรือที่แพรวาจะไม่รู้ว่ามาเฟียผู้ร้ายกาจต้องการให้เธอมาอยู่ที่นี่แต่ฝันไปซะเถอะ เธอจะใช้ความใจเย็นเข้าตะล่อมจนกว่าเขาจะเผลอไผล ปล่อยตัวออกไปจากที่นี่แล้วอย่าหวังว่าชาตินี้จะลากเธอไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจอีก
“วันนี้ฉันมีเรียนด้วยสิคะ ยังไงก็คงต้องออกไปอยู่ดี” สีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ยอมให้เขาจับพิรุธได้เลย
“อืม... มีเรียนกี่โมงเดี๋ยวผมไปด้วย” ตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยในขณะที่สายตาจดจ้องอยู่กับหนังสือพิมพ์
หน็อย... ไอ้คนร้ายกาจ คิดได้อีกนะว่าจะเข้าเรียนกับฉัน แพรวาคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจ ความจริงแล้วเธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่อาจารย์หรือทางมหาวิทยาลัยจะอนุญาตให้คนนอกเข้าไปนั่งฟังบรรยายแต่ เธอก็รู้นิสัยมาเฟียที่นั่งอยู่ตรงหน้าดีว่าเขาทำได้อย่างที่พูดแน่ๆ
เพราะฉะนั้นแล้วมีเพียงใจเย็นตะล่อมเขาต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้นถึงจะเป็นทางรอดเดียวที่มองเห็นในตอนนี้ “ฉันมีเรียนตอนสิบโมงไปจนถึงบ่ายสาม แล้วตอนเย็นก็ต้องไปทำงานที่สโมสรถึงสี่ทุ่ม ถ้าวันนี้คุณว่างไม่ต้องไปทำงานก็คงต้องนั่งรอฉันทั้งวัน”
นอกจากไม่เคยมอบรอยยิ้มและแววตาอ่อนโยนให้เขาแล้ว เธอยังกุเอาเรื่องทั้งหมดมาหลอกลวงเขาได้อย่างหน้าซื่อตาใส ประวัติส่วนตัวโดยละเอียดของเธอเขายังรู้แล้วมีหรือเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้จะพลาด
“ผมให้ไมค์ไปจัดการเรื่องงานที่สโมสร...แล้ว ต่อไปนี้เรียนอย่างเดียวก็พอ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” อาเชอร์บอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคยและไม่ได้ลดหนังสือพิมพ์ลงจากระดับสายตา จึงไม่มีโอกาสเห็นความงุนงงที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“หมายความว่า... ยังไง” เหมือนเธอยังจับต้นชนปลายไม่ได้ ตีความหมายของคำพูดนั้นไม่ออก
“ลาออกไปแล้ว จ่ายเงินชดเชยไปแล้วด้วย” สำหรับสปอนเซอร์รายใหญ่ของสโมสร...แล้ว เรื่องเช่นนี้ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเชียวล่ะ ที่สำคัญยังไม่มีใครกล้าคิดว่าคำสั่งของเขาคือปัญหา สัญญาทุกอย่างสิ้นสุดลงเพราะถูกบังคับด้วยเงินชดเชยจำนวนมากโข
หากคนฟังกำลังเริ่มจะหมดความอดทนเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะก้าวก่ายชีวิตความเป็นส่วนตัวของเธอเช่นนี้ แพรวายกมือขึ้นชี้หน้าเขาอีกครั้งแต่กลับไม่รู้ว่าจะสรรหาคำด่าว่าใดถึงจะสาสมกับการกระทำของเขา “อาเชอร์! คุณมัน...”
อาเชอร์ลดหนังสือพิมพ์ลงอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มพรายด้วยความพอใจ “ถ้าวันนี้เราจะออกไปข้างนอกก็เพราะคุณทำตัวดีๆ ผมอาจจะพาออกไปหาอะไรกินแล้วจบลงด้วยงบช็อปปิ้งที่ไม่อั้น โอเค้?...”
“ไม่โอเค!” ตวาดตอบเสียงดุพลางผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง มองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “มันจะมากไปแล้วนะอาเชอร์ คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของฉัน เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”
“พูดอีกทีซิ”
แพรวาก้าวถอยหลังเว้นระยะให้ห่างจากคนที่ลุกขึ้นแล้วก้าวตามมา “จะให้พูดอีกกี่ครั้งฉันก็ยืนยันคำเดิม คืนนั้นมันคือความผิดพลาดที่ฉันไม่อยากจดจำ ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ขืนใจหรือทำร้ายร่างกายฉันแต่นั่นเพราะฉันสู้แรงคุณไม่ได้ ไม่ได้สมยอมตั้งแต่แรก ไม่เคยมีใจให้เหมือนเช่นคู่รักที่พึงกระทำเรื่องนี้ด้วยกัน แล้วแบบนี้คุณจะมาอ้างสิทธิ์อะไรเหนือตัวฉัน ฉันไม่ยอมเด็ดขาด”
“อ่อ... แปลว่าต้องสมยอมแต่แรกใช่ไหม” อาเชอร์ก้าวตามอย่างเชื่องช้า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะอย่าหวังว่านับจากนี้เขาจะปล่อยเธอไปง่ายๆ
“หยุดตรงนั้นเลย อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะ” ขู่ฟ่อหลังจากที่วิ่งห่างออกไปจากเขาอยู่พอสมควร
“ถ้าผมจะทำจริงๆ คุณก็ไม่รอดหรอกแพรวา”
“ภูมิใจมากสินะที่ข่มเหงผู้หญิงไร้ทางต่อสู้แล้วเอามาประจานว่ามันคือการสมยอม น่ารังเกียจที่สุด”
อาเชอร์ทำหน้าหน่ายใจ ทำไมผู้หญิงที่ยึดตำแหน่งเมียของดอนอาเชอร์ไปถึงได้สมองช้าแบบนี้ “อย่าว่าแต่สู้แรงผมไม่ได้เลย ถ้าเรื่องคืนนั้นมันเกิดขึ้นเพราะผมบังคับจิตใจคุณแล้วล่ะก็... ร่างกายคุณไม่ตอบสนองผมแบบนั้น ถ้าไม่อยากให้ผมยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุณก็ต้องยอมรับมาว่าชอบมันพอๆ กับผม”
“คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม ขาดแคลนคู่นอนจนต้องยกเรื่องนี้มาเถียงกับฉันเลยเหรอ เปิดประตูแล้วปล่อยฉันกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองเดี๋ยวนี้”
“อย่า... ริอ่านมาออกคำสั่งกับผม” เตือนด้วยเสียงเฉียบขาด
แม้จะโมโหโกรธาหนักแค่ไหนแต่ท่าทางวางอำนาจนั้นก็ข่มขวัญเธอได้ทุกครั้ง หากคราวนี้แพรวากลับอยู่นิ่งๆ เช่นเดิมไม่ได้เพราะการตัดสินใจหลายอย่างถูกเขายึดครองไปแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบเอาหมอนอิงบนโซฟาปาใส่ร่างสูงใหญ่อย่างระบายความโกรธ
“ทำไมต้องปฏิเสธความต้องการของตัวเองในเมื่อเราต่างก็ชอบในสิ่งที่ทำร่วมกัน ผมชอบคุณยังกล้ายอมรับออกมาตรงๆ” อาเชอร์อดไม่ได้ที่จะขำกับท่าทางย่ำเท้าแล้วปาหมอนมาระบายความคับข้องใจ
“มันถูกต้องที่ไหนล่ะ แค่ความรู้สึกชอบ มันไม่ได้ทำให้ฉันหน้ามืดปล่อยตัวให้คุณย่ำยีได้ตามอำเภอใจแล้วพอเบื่อก็เขี่ยทิ้งเหมือนขยะไร้ค่า” ใช่... เขาต้องเขี่ยเธอทิ้งอย่างไม่ต้องสงสัย ก็ครั้งแรกมาเฟียร้ายกาจคนนี้ขโมยถ่ายรูปเธอแล้วอ้างว่าจะเอาไปใช้บอกเลิกกับผู้หญิงอีกคน
อาเชอร์รู้ทันความคิดเธอเป็นอย่างดีเชียวล่ะ หากต้องถอนหายใจกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของตน แล้วถ้าเธอจะจำฝังใจกับการพบหน้ากันครั้งแรกมันก็เป็นเรื่องที่เขาควรแก้ไขให้ถูกต้อง “แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะถูกต้อง บอกมาสิ”
เจอคำถามนั้นเข้าตรงๆ แพรวากลับพูดไม่ออกเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน นั่นเป็นโอกาสที่ทำให้อาเชอร์เริ่มโจมตีหัวใจดวงน้อยด้วยคำพูดและคำถามอีกหลายประโยค
“ถ้าไม่อยากจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ควรตอบคำถามผมมาตรงๆ ไอ้เรื่องที่คุณว่ามันถูกต้องน่ะ คืออะไร ต้องทำแบบไหน” ถามพร้อมก้าวเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ “อย่าต่อต้านผมเพียงเพราะหลอกตัวเองว่าสู้แรงผมไม่ได้ กล้าปฏิเสธรึเปล่าว่าหลายเดือนที่ผ่านมาไม่ได้คิดถึงผม คุณโหยหาอ้อมกอดของผม แพรวา...”
นอกจากจะเชี่ยวชาญในการบังคับขู่เข็ญแล้ว เธอกำลังเผชิญหน้ากับผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างน่าเหลือเชื่อ
หากความมั่นใจเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะความคิดถึง โหยหาเธอเช่นกัน แน่นอนว่าโลกของแพรวากำลังหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อต้องจมจ่อมอยู่กับความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ความเสียใจที่เผลอไผลมอบตัวให้เขาในครั้งนั้นต่างหากทำให้เธอต้องละอายใจมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วถ้าจะทำให้มันถูกต้องล่ะ เธอต้องการอะไร?
โอ... แพรวา! ทำไมในหัวสมองถึงได้นึกแต่นัดเดต ดอกไม้ช่อโต เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่จะเกิดขึ้นในสถานการณ์นั้นนะ
“ตอบผมมาสิแพรวา” ถามและไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หนีไปไหนอีกเมื่อเขาก้าวเข้ามาประชิดร่างอรชรจนเสียหลักล้มลงไปนอนบนโซฟาด้วยกันทั้งคู่
“ว้าย... อาเชอร์ อุ๊บ!”
เสียงประท้วงนั้นเหือดหายเข้าไปในลำคอ เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่เธอตกอยู่ในภวังค์ความคิดบดจุมพิตลงมาอย่างไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้อีก ไม่ใช่จุมพิตดุดันเต็มไปด้วยอารมณ์อยากปราบพยศเหมือนเคย แต่ครั้งนี้มาเฟียหนุ่มตวัดปลายลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด หยอกเอินกับลิ้นบาง ไล่เลียงจนทั่วโพรงปากหวานแล้วจึงถอนจุมพิตออกมาและเล็มริมฝีปากอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง
ดวงตาสองคู่ยังจดจ้องกันอย่างเหลือเชื่อเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจุมพิตไม่ถึงนาทีนี้แสนวิเศษ ตอบคำถามที่ค้างคาในใจของทั้งคู่โดยไร้ซึ่งข้อกังขา ความร้าวรวดใจของแพรวาซึ่งเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนเริ่มเลือนหาย ดวงตาเป็นประกายฉายแววความพึงใจจนเขาต้องกลับมามอบจุมพิตดูดดื่มให้เป็นรางวัล
อาเชอร์ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าจะปรารถนาผู้หญิงใต้ร่างมากถึงเพียงนี้ ความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของเธอคนแรกนั้นยังถูกเติมเต็มด้วยความเอ็นดูในจูบที่ตอบสนองกลับมาอย่างเงอะงะ ความลำพองใจในเรื่องที่เคยเห็นว่ามันคร่ำครึกลับทำให้เขาผยองขึ้นมาอีกหลายเท่า
...จุมพิตละลายความคิดและอาการต่อต้านทั้งมวลนั้นถูกถอนออกไปอย่างขัดใจ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำในสิ่งที่น่าอับอายด้วยการผงกศีรษะตามริมฝีปากที่ถอยออกมาเล็กน้อย เสียงหัวเราะร่วนอย่างพออกพอใจนั้นต่างหากที่ทำให้รู้สึกตัวและเขินอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
“ทีนี้เลิกเถียง หยุดต่อต้านได้แล้วนะสวีตตี้” กระซิบชิดริมฝีปากอิ่มซึ่งเจ้าตัวสะเทิ้นอายจนไม่กล้าสบสายตา หากอากัปกิริยาเหล่านั้นกลับทำให้มาเฟียหนุ่มดวงตาพร่าเลือน ไม่คิดว่าการเขินอายของผู้หญิงสักคนจะน่ารักน่าชังถึงเพียงนี้ สุดท้ายเขาก้มลงสูดเอาความหอมจากแก้มนุ่มนั้นเข้าไว้เต็มปอด “หมั่นไส้นัก”
“อื้อ...”
“แปลว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วนะแพร คุณเป็นคนรักของผม” สรุปและตีขลุมเข้าข้างตัวเองจนอีกคนต้องเบิกตากว้างมองอย่างไม่อยากเชื่อ
“ได้ที่ไหนล่ะ!” ส่ายหน้าดิกแล้วอธิบายเร็วๆ “เราต้องลองคบกันก่อน เรียนรู้นิสัยใจคอกันไปแล้วค่อยพัฒนามาเป็นคนรัก ถ้าจะให้เป็นคนรักคุณปุบปับแบบนี้ ฉันรับไม่ทันหรอกค่ะ มันดูเร็วไป”
อาเชอร์หรี่ตามองผู้หญิงใต้ร่างที่เริ่มมีข้อต่อรองกับเขามากจนเกินความจำเป็น อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอต้องเรียกร้องของขวัญในวันพิเศษที่ไม่รู้ว่าเขาจะจำได้รึเปล่าว่ามันพิเศษยังไง หรือไม่ก็คงจะเป็นการคุกเข่าบอกรัก ซึ่ง... มันดูมากไปหน่อยถ้าต้องลงทุนหมดหน้าตักเช่นนั้น



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ย. 2559, 11:50:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ย. 2559, 11:50:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1158





<< ตอนที่ 6 100%   ตอนที่ 7 100% >>
แว่นใส 11 ก.ย. 2559, 20:09:39 น.
ทำเถอะน่า เดี๋ยวดีเอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account