เสน่ห์ดรุณี
เมื่อหนุ่มนักรัก ริอยากจะเป็นป๋ามีสาวน้อยมาประดับกายเพื่อคลายเหงา ความรักของหนุ่มโสดที่ต้องการแค่คู่นอน กับสาวน้อยที่ต้องการใครสักคนมาเข้าใจ นิยามรักในฉบับ ป๋าขา หนูขอ จะทำให้คุณยิ้มโดยไม่รู้ตัว
Tags: รักใสๆ
ตอน: เสน่ห์ดรุณี 2 อีหนู...สู้โว้ย
วิปัศย์กระตุกยิ้มในความมืดเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องในเวลาห้าทุ่มเศษ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใครเพราะเพนท์เฮาส์หรูชั้นบนสุดของตึกสามสิบสามชั้นมีเขาเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวและคนที่จะขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้ก็ต้องมีคีย์การ์ดสำรอง
ร่างน้อยค่อยๆแทรกตัวเข้ามาพร้อมกับมือก็ควานไปที่ฝาผนังเพื่อหาสวิตซ์ไฟ ปากบ่นพึม
“ที่พักออกจะหรู แต่ทำไมถึงได้งกขนาดนี้ ไฟฟืนไม่รู้จักเปิดไว้บ้างเลย”
แชะ!
“อุ๊ย! ผีหลอก”หญิงสาวอุทานรีบหันกลับไปที่ประตูอย่างตกใจ เพราะบ่นไม่ทันขาดคำไฟก็สว่างโร่ไปทั้งห้อง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังคบเงียบสงบจึงค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังและต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อหันไปสบตากับเจ้าของห้องที่ยืนเอามือท้าวสะเอวใบหน้าบึ้งตึง
“ผีหลอก!...ไม่น่ากลัวเท่ากับเด็กหลอกหรอก”คนหน้าบูดเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรก
“พี่ปัศย์กลับมาถึงห้องนานแล้วเหรอคะ”หญิงสาวเฉไฉ ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาตำหนิของอีกฝ่าย
“พี่ควรจะถามน้องลินมากกว่าว่าหายไปไหนมา...ทำไมถึงไม่รอที่รถตามที่พี่สั่ง”วิปัศย์สาวเท้าเข้ามาใกล้
“ทำไมต้องรอ”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม ตั้งใจจะยอกย้อนเต็มที่ เขาจะมาโกรธเธอได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทิ้งเธอไปเองนี่นา
ชายหนุ่มสะอึกหรี่ตามองคนที่ยืนเชิดหน้ามองเขาอย่างไม่กลัวเกรง อารมณ์โกรธกระพือขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มันมอดลงไปบ้างแล้วระหว่างที่กลับมารอหญิงสาวอยู่ที่ห้องเป็นเวลาหกชั่วโมงเต็ม
“หมายความว่าอย่างไรที่ถามอย่างนี้”วิปัศย์ย้อนถามหน้าเคร่งขรึมไม่แสดงออกถึงอารมณ์เกรี้ยวทั้งที่ความจริงแล้วในใจกลับร้อนยิ่งกว่าไฟ
“หนูก็หิวเป็นเหมือนกันนี่...ในเมื่อพี่ไปทานข้าวกับคนอื่น หนูก็ต้องดูแลปากท้องตัวเองสิ”หญิงสาวโต้กลับไปอย่างไม่ลดละ
“ถ้าไปหาอะไรทานจริงก็ไม่น่าจะใช่เวลาเกินสามชั่วโมง”ชายหนุ่มจ้องคนตัวเล็กเขม็ง
“ทำไมจะไม่เกินในเมื่อหนูกลับไปทานกับยายที่บ้าน”
“อะไรนะ!”วิปัศย์ถามเสียงดังลั่น “พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าจะกลับไปหายายต้องขออนุญาตพี่ก่อน”
“แล้วพี่อยู่ให้หนูขออนุญาตตอนไหนล่ะ”นันท์นลินย้อนกลับหน้าตาย เบี่ยงตัวจะเดินออกไปเพื่อสร้างระยะห่างจากเขาสักหน่อย เขาเข้ามาประชิดตัวทีไรใจเธอเต้นแปลกๆทุกที
“พี่ไม่ชอบให้ใครเดินหนี ถ้ายังคุยกันไม่จบ”ชายหนุ่มคว้าเรียวแขนเล็กเอาไว้
นันท์นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ ดวงตาสองคู่สบกันอย่างจะประเมินกันและกัน
“หนูก็ไม่ใช่สิ่งของที่พี่จะคิดวางหรือทิ้งขว้างไว้ที่ไหนก็ได้”หญิงสาวบอกความรู้สึกของตัวเองไปบ้าง ในเมื่อยังต้องอยู่ร่วมกัน เขาก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะมาล้อมกรอบหรือสร้างกฎเกณฑ์ทำเหมือนเธอเป็นนักโทษในคุกไม่ได้
“ไม่พอใจที่พี่ไปทานข้าวกับคนอื่น?”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
หญิงสาวยิ้ม มองเค้าคล้ายจะเอ็นดู “หนูจะรู้สึกอย่างนั้นกับเจ้าหนี้ได้อย่างไรล่ะค่ะ ตำแหน่งอีหนูมีหน้าที่ให้บริการและสร้างความประทับใจให้คุณป๋า ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร แต่พี่ต้องไม่ลืมว่า อีหนู ก็มีชีวิตจิตใจ” เมื่อเห็นเขานิ่งฟัง จึงพูดต่อไปว่า
“ตัวพี่ยังมีสังคมและครอบครัวให้กลับไปหา...หนูเองก็มียายที่ต้องดูแลเหมือนกัน พี่จะเก็บหนูไว้แต่ในห้องอย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“เรากำลังกลับมาที่เรื่องเดิมๆ”วิปัศย์แย้งขึ้นมา เพราะทุกครั้งที่หญิงสาวพูดเรื่องนี้ก็จะมีแต่เรื่องให้ถกเถียงและลงเอยด้วยน้ำตา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย
หญิงสาวหลุบตาลงมองพื้น “หนูบอกยายว่าหนูได้งานทำแล้ว เป็นพนักงานโรงแรมที่ต้องเข้ากะตอนกลางคืน ซึ่งทางโรงแรมจะมีที่พักให้ อาจจะไม่ค่อยได้กลับบ้าน”พึมพำบอก เจ็บปวดที่ต้องพูดโกหกกับยายคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิด
วิปัศย์มุ่นคิ้ว “ทำไมถึงบอกอย่างนั้น”
“แล้วพี่จะให้อธิบายกับยายยังไง เรื่องที่หนูต้องออกจากบ้านมาปรนนิบัติดูแลพี่ในเวลากลางคืน”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามเขาเสียงฉุน
“ก็บอกความจริงไปสิว่า หนูต้องไปชดใช้ความผิดที่ก่อไว้เมื่อสองปีก่อน”ชายหนุ่มทำเสียงเล็กเสียงน้อยในประโยคท้าย
นันท์นลินเม้มปากเงยหน้าขึ้นมองเขาตาขุ่นเขียว
“ถ้าบอกไปอย่างนั้น ยายหนูได้ช๊อคตายนะสิ”พูดจบก็ค้อนขวับ
ชายหนุ่มยิ้ม ความโกรธลดลงไปกว่าครึ่ง “เอาเป็นว่าเรื่องวันนี้พี่ยกโทษให้...”
หญิงสาวยิ้ม แต่ทว่ากลับต้องหุบยิ้มทันควันกับประโยคต่อมาของเขา
”ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่น้องลินจะชำระหนี้ให้พี่เสียที”แกล้งพูดน้ำเสียงจริงจังแต่ในใจก็แอบหวังลึกๆว่าจะได้แอ้มสาวน้อยเสียที
ลูกหนี้สาวกระพริบตาปริบๆ ใบหน้างามถอดสีเมื่อคิดว่าจะต้องใช้หนี้แบบไหน
“เริ่มวันนี้เลยเหรอ”ถามเขาอย่างตื่นตระหนก
วิปัศย์พยักหน้า “แล้วต้องรออะไรอีกล่ะ...ไปที่ห้องกันดีกว่า พี่ชอบสบายๆ บนเตียง”
“ตะ...แต่ว่าหนูยังไม่พร้อมเลยนะ ขอเวลาหนูทำใจอีกสักสองสามวันไม่ได้เหรอ”หญิงสาวต่อรองเสียงอ่อย ตาก็มองเจ้าหนี้หนุ่มอย่างวิงวอน แข้งขาสั่นพาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ
คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ
“พี่ให้เวลาน้องลินมานานแล้ว...ถ้ายังมีลูกเล่นอีกละก็พี่จะไม่ปราณีแล้วนะ”เขาขู่พร้อมกับฉวยโอกาสตวัดรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแนบชิดร่างสูง
“อุ๊ย!”หญิงสาวเบิกตาโพลง สองมือน้อยยกขึ้นยันอกกว้างเอาไว้
“หนูยังไม่ได้อาบน้ำเลย ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อทั้งนั้น... หนูขออาบน้ำก่อนนะพี่นะ”นันท์นลินพยายามหาทางถ่วงเวลาเพื่อเอาตัวรอด ทั้งที่ใจเต้นระทึก
วิปัศย์หรี่ตา มองคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่ไว้ใจ
“เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอหนูที่เตียงก่อนนะ...รับรองคืนนี้พี่ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนแน่ๆ”หญิงสาวรีบบอกอย่างเอาใจ ภาวนาให้เขายอมเชื่อใจเธออีกสักครั้ง
“พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าครั้งนี้น้องลินจะไม่ตุกติกกับพี่อีก”ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาถามจนจมูกแทบจะชนกัน
“ถ้าหนูจะชิ่ง คืนนี้หนูคงไม่กลับมาหาพี่หรอก...ยังไงพี่ก็รอหนูมาตั้งสองปีแล้ว รออีกสักยี่สิบนาทีจะเป็นไรไป”นันท์นลินเจรจาหว่านล้อมเจ้าหนี้อย่างสุดความสามารถ
“ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายค่ามัดจำไว้ก่อน...เพื่อความสบายใจของพี่”ชายหนุ่มบอกดวงตาฉายแววกรุ้มกริ่ม ปากแดงร้อนผ่าวประทับจูบที่ปากอิ่มของลูกหนี้สาว ปิดโอกาสต่อรองใดๆทั้งสิ้น
หญิงสาวตัวแข็งทื่อเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างหนักหน่วงระคนเรียกร้องให้เธอเปิดปากตอบสนอง ลูกหนี้มือใหม่รีบหลับตา มือขยุ้มเสื้อเขาแน่น เมื่อลิ้นของเขาแทรกซอนเข้ามาสำรวจหาความหวาน และพันเกี่ยวหยอกเย้ากับปลายลิ้นของเธอ
กายสาวสะดุ้งเมื่อชายเสื้อยืดถูกเลิกขึ้นและแทนที่ด้วยปลายนิ้วยาวที่สอดเข้ามาลูบไล้ที่บั้นเอว
“อืม...พะ...พอก่อน”หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าหนี หากว่าไม่รีบหยุดจูบมัดจำมาราธาอนเธอคงต้องขาดใจตายเพราะขาดอากาศหายใจแน่ๆ ดึงปลายนิ้วนักสำรวจออกจากเสื้ออย่างอายๆ
วิปัศย์ยิ้มอย่างเห็นขันมองหญิงสาวที่ยืนหอบหายใจ ใบหน้างามแดงก่ำเป็นสีเดียวกับริมฝีปากดูเย้ายวนชวนให้ก้มลงไปประทับจูบอีกสักรอบ
“ตอนนี้พี่เครื่องร้อนแล้ว...ไม่ต้องอาบน้ำหรอกเสียเวลาเปล่า ยังไงก็ต้องมีเหงื่ออยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งแหย่
หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวอดที่จะค้อนกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาเสียไม่ได้
ก๊อก! ก๊อก!
วิปัศย์เคาะประตูห้องน้ำเป็นรอบที่ห้าหลังจากที่เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดว่าคนในห้องน้ำใช้เวลาอาบน้ำเกินความจำเป็น
“น้องลิน! จะให้พี่ไขกุญแจเข้าไปไหม”เขาถามกึ่งตะโกนอย่างหมดความอดทน
คนที่กำลังเดินวนไปมาอยู่ที่หน้าประตูในห้องน้ำถึงกับชะงัก ดวงตากลมใสไหวระริก เธอไม่ได้คิดจะหนีหนี้ แต่ต้องการยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปอีกนิด จนกว่าจะแยกแยะความสัมพันธ์ทางกายกับทางใจให้ได้เสียก่อน ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าจะจ่ายหนี้ครบและได้อิสระภาพคืนมา แต่ทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ยายเคยบอกเอาไว้ว่าผู้หญิงนั้นเป็นเพศที่อ่อนไหวและมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนหากลองได้ตกเป็นของใครแล้วก็จะผูกพันธ์และมองแต่เขาคนเดียว ซึ่งจะต่างกับผู้ชายที่มองว่าเรื่องสัมพันธ์ทางกายเป็นเรื่องง่ายๆ จะเกิดกับใครก็ได้ถ้าหากว่าเขาพอใจ
“เดี๋ยวค่ะ...หนูกำลังจะเปลี่ยนชุดนอน”ร้องบอกเขาไปทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังไม่ได้เปลี่ยนชุดอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมต้องเปลี่ยน...ยังไงคืนนี้ก็ไม่ต้องใช้ชุดนอนอยู่แล้ว รีบๆออกมาก่อนที่พี่จะโมโหและพังประตูเข้าไป”เจ้าหนี้ขู่เสียงขึง
โห! หน้าตาก็ดีทำไมถึงได้หื่นจนออกนอกหน้าขนาดนี้ หญิงสาวคิดค้อนคนที่อยู่ด้านนอก
“หนูยังไม่เคยเลยนะพี่...หากทำอะไรไม่ถูกใจพี่อาจจะหงุดหงิดได้ เอาอย่างนี้ไหมให้หนูไปอ่านหนังสือศึกษาเบื้องต้นก่อน”นันท์นลินทำทีหารือเขา
“ไม่เป็นไร...เรื่องนี้พี่สอนเองได้ และตอนนี้พี่ก็ร้อนวิชาอยากสอนแล้วด้วย”ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อคิดว่าที่หญิงสาวยังไม่ยอมออกมานั้นเป็นเพราะกังวลเรื่องความสามารถที่จะให้ความสุขกับเขาไม่ใช่ยืดเวลาเพื่อหนีหนี้อย่างที่เขาคิด
นันท์นลินรู้สึกคอแห้งขึ้นมากระทันหัน มือบีบเข้าหากันแน่น ปากก็ชวนเขาคุยไปเรื่อย “ดูพี่ปัศย์เก่งเรื่องบนเตียงจังเลยนะคะ”
“ก็ไม่เคยได้ยินผู้หญิงคนไหนบ่นหรือขอลดปริมาณนี่...มีแต่จะขอเพิ่ม และตามติดเป็นกาว”วิปัศย์ตอบพร้อมกับเผลอหัวเราะออกมา โดยลืมไปสนิทว่าตอนนี้เขากับเธอคุยกันผ่านประตูห้องน้ำ
โห! หลงตัวเองที่สุด! หญิงสาวย่นจมูก ค้อนไปอีกขวับแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม
“แล้วผู้หญิงพวกนั้นเขาเก่งเรื่องบนเตียงไหมคะ”นันท์นลินถามอย่างสงสัยจริงๆ
“เก่งสิ...บางคนแทบจะไม่ต้องสอน”
“แล้วพี่ชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่างเก่ง เป็นงาน กับ ไม่เป็นอะไรเลย”หญิงสาวถาม แม้จะบอกตัวเองว่าถามเพื่อยืดเวลา แต่ใจนี่สิกลับเต้นแรงจนน่าหยิก เดินเข้าไปอีกนิดเพื่อเอียงหูแนบประตูรอฟังคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ
“ก็แล้วแต่เวลา และ สถานการณ์”ชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์ตอบมาหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
นันท์นลินทำปากเบ้ถอยห่างออกมาจากประตูเช่นเดิม
“แล้ว...แล้วมัน เอ่อ”หญิงสาวถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงจัดไม่กล้าเอ่ยถามออกไปตรงๆ กับเรื่องที่เธอสงสัยมานานแล้ว และไม่กล้าที่จะถามใครมาก่อน
“แล้ว?”วิปัศย์ถามกลับมาทันที
“คือ...หนูอยากรู้ว่า ครั้งแรกมันจะเจ็บหรือเปล่า!”นันท์นลินตัดสินใจถามออกไป มือบิดไปมาอย่างเขินสุดๆ และยิ่งหน้าม้านไปอีกเมื่อเธอถามจบเขาก็หัวเราะก๊ากออกมา
“พี่หัวเราะทำไม...หนูจริงจังนะ”หญิงสาวถามกลับไปเสียงดุเพื่อกลบความเขิน ถ้ารู้อย่างนี้เธอไม่ถามหรอก
“เอาเป็นว่า พี่จะถนอมน้องลินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”คนที่ยังไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ ให้สัญญามา
“ตะ..แต่หนูได้ยินมาว่าผู้ชายที่อายุมากแล้ว หักโหมไปจะไม่ดีนะ อาจหัวใจวายได้”
“...”
“หรือไม่...พี่ก็ควรจะไปออกกำลังกาย เพื่อวอร์มร่างกายเตรียมพร้อมก่อนก็ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้แรงไม่ใช่เหรอคะ”นันท์นลินนึกกระหยิ่มในใจเมื่อคิดว่าคำเตือนของเธอได้ผล แต่ทว่าความคิดกลับต้องชะงักกึก อ้าปากค้าง เมื่ออยู่ๆ ประตูตรงหน้าก็เปิดผางออกมา พร้อมกับคุณป๋าที่ตีหน้ายักษ์ใส่
“พะ...พี่ปัศย์ เข้ามาได้ยังไง”ถามออกไปอย่างตกใจ
“เมื่อกี้น้องลินว่าใครแก่”เขาย้อนถามเสียงเข้ม คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ
หญิงสาวมองเขาตาปริบๆ ค่อยๆยกมือขึ้นชี้ไปที่เขา ทำหน้าแหยเมื่อเขาทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ
“ถ้าผู้ชายอายุสามสิบจัดว่าอยู่ในวัยชรา ถ้าอย่างนั้นในโลกนี้ก็คงจะไม่มีคนหนุ่มแล้วล่ะ”วิปัศย์ใช้สายตามองกราดไปทั่วร่างเล็ก และเขาต้องทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวยังอยู่ในชุดเดิม
“แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”
คนที่มีชนักติดหลังรีบถอยหลังกรูด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา
“หรือว่าอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นในห้องน้ำ”เขาก้าวเข้ามาชิด ดวงตาเป็นประกายวาวเมื่อหญิงสาวไปจนมุมอยู่ที่อ่างล้างหน้า
นันท์นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโต เมื่อเห็นว่าหมดทางประนีประนอมแล้วเธอก็จำเป็นต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดและแน่นอนว่าต้องไม่พลาด ไม่เช่นนั้นแล้วคืนนี้เธอต้องถูกกระชากความสาวไปแน่ๆ
“พี่ปัศย์ใจร้อนไปหรือเปล่าคะ...ดูสิทำหน้าดุเชียว กลัวหนูเปลี่ยนใจหรือคะ”หญิงสาวทำใจกล้าเปิดยิ้มหวาน สองแขนเรียวตวัดขึ้นคล้องลำคอหนา
ชายหนุ่มชะงักกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ดวงตาคมหรี่มองหญิงสาวอย่างไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่นัก
“หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะที่คืนนี้จะได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ทั้งคืน”หญิงสาวลดมือซ้ายลงมา ลูบไล้อกกว้างช้าๆ ชะม้ายชายตาขึ้นมองเขายิ้มๆ
“รู้ไหมคะว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา หนูฝันถึงพี่ทุกคืนเลย ฝันว่าเรา...”หญิงสาวหยุดเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางเขาเบาๆ ลอบยิ้มเมื่อเห็นเขาสะดุ้ง “กำลังชำระหนี้กันแบบนี้ และบางทีก็ไม่มีเสื้อผ้า...พี่คิดว่าหนูเป็นเด็กใจแตกหรือเปล่าคะ”กระซิบถามข้างๆใบหูเขาในประโยคท้าย
เจ้าหนี้หนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ และทำให้เขาถึงกับอึ้งไปต่อไม่ถูกเอาเสียเลย
“น้องลินพูดจริงหรือเปล่า”วิปัศย์ถามเสียงแหบพร่า
“จริงสิคะพี่ขา...แล้วตอนที่พี่บอกว่าพี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน หนูไม่ชอบเลยค่ะ รู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาปักที่ตรงนี้”นันท์นลินยกมือเขาขึ้นมาวางที่อกด้านซ้าย
“ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหรือคะพี่”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามเขาพร้อมกับกระพริบตาช้าๆ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ มีอาการเป็นใบ้ขึ้นมาในทันที ตาก็หลุบลงมองฝ่ามือของตัวเองที่วางอยู่ในจุดที่น่าหวาดเสียว อีกใจก็อยากจะขยับมือลงต่ำกว่านี้อีกสักนิด
“แล้วตอนที่พี่จูบหนูเมื่อกี้...”หญิงสาวหยุดพูด ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเขินๆ
“ทะ...ทำไมจ๊ะ”ชายหนุ่มถามหลังจากที่หาเสียตัวเองเจอ เลื่อนหน้าลงมาใกล้ๆใบหน้างามสมวัย
“หนูกลัวว่าตอบไปแล้ว...พี่จะมองว่าหนูเป็นเด็กใจเร็ว”นันท์นลินทำเสียงอ้อน ซบหน้าลงกับอกกว้าง
“พี่ไม่ว่าหรอก...”ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่ม ยกมือขึ้นลูบผมดำยาวเบาๆอย่างเอ็นดูและพึงพอใจกับปฏิกิริยาออดอ้อนออเซาะของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง
“น้องลินมีอะไรก็พูดกับพี่ตรงๆได้เลยนะครับ...เราสองคนยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน อะไรที่ปรับได้เราก็จะช่วยกันปรับเพื่อความสุขของเรา”เสียงออกสั่น เมื่อก้มลงเห็นซุกซนของสาวน้อยกำลังแกะกระดุมเสื้อเขา
หญิงสาวยิ้มแก้มตุ่ย กลั้นอาการขันเอาไว้อย่างเต็มที่ ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าเจ้าหนี้ของเธอนั้นแพ้ความหวาน
“หนูยังเด็ก ก่อนหน้านี้อาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่คิด พี่ปัศย์อย่าโกรธหนูนะคะ”ลูกหนี้สาวผละออกจากอ้อมกอด แหงนหน้าขึ้นมองเขานัยน์ตากลมใสเป็นประกายหวาน ตรึงตาคนมองยิ่งนัก
“ถ้าน้องลินไม่อยากให้พี่โกรธ ก็อย่าดื้อกับพี่นักสิครับ...ตามใจพี่บ้าง”
“แล้วถ้าหนูทำผิดหรือทำให้พี่โกรธโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะคะ”อีหนูวัยใสฉอ้อนถาม
“อย่างเช่นอะไรครับ”วิปัศย์เคลิ้มไปกับความน่ารักของสาวน้อยในอ้อมแขน
“ก็...อย่างนี้ไงคะ”พูดจบหญิงสาวก็อาศัยตอนที่เขาเผลอใช้สันมือกระแทกไปที่ใต้คางเขา พร้อมกับยกเข่าขึ้นกระแทกไปที่เป้ากางเกงเขาสุดแรง
“โอ๊ะ!”ร่างสูงร้องได้แค่นั้น ก่อนจค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นใบหน้าคมหล่อแดงก่ำ รู้สึกเจ็บและชาไปทั้งส่วนบนและล่าง เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวอย่างโกรธจัด
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ...พี่ขา”อีหนูก้มลงมองคนเจ็บที่นั่งหน้าเขียวหน้าเหลือมือกุมเป้ากางเกง
“ยัย...ยัยเด็กแสบ! อูย!”วิปัศย์เค้นเสียงเรียกอย่างโมโห เจ็บใจตัวเองที่เสียรู้ลูกหนี้ตัวแสบที่แกล้งอ่อยให้เขาหลงเชื่อ
“คืนนี้...พี่คงต้องพักแล้วนะคะ...เสียดายจริงๆที่สวรรค์ล่มเสียแล้ว”ยัยตัวแสบหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำ ไม่สนใจเสียงเรียกของคนเจ็บที่ตอนนี้ยังไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“อุ๊ย! พี่ปัศย์จะไปทำงานแล้วเหรอคะ”นันท์นลินถามเสียงสูงเมื่อเดินออกมาจากห้องนอนและเห็นชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำ รอยยิ้มขันปรากฏในดวงตาคู่หวานเมื่อเห็นเขาสะดุ้งเฮือก
วิปัศย์กระแอมในลำคอก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตวัดหางตาไปมองยัยตัวแสบที่ทำให้เขาเกือบจะสูญพันธ์
“หนูขอโทษนะคะที่ตื่นสาย ไม่ได้ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้พี่ก่อนไปทำงาน”หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตรงข้ามกับเขา
“ค่อยๆปรับตัวไปก็แล้วกัน”ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้มือมาเปิดอ่าน ใจนั้นก็คิดหาวิธีแก้เผ็ดหญิงสาวกลับบ้าง ร่างกายเจ็บยังไม่เท่าไหร่แต่เสียหน้านี่สิที่เขายอมไม่ได้ และคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากมีใครรู้ว่าเขาเพลี่ยงพล้ำให้กับอีหนูขัดดอกตั้งแต่คืนแรก
“พี่ปัศย์ทานอาหารได้ทุกอย่างหรือเปล่าคะ...มีแพ้อะไรไหม”หญิงสาวเริ่มปฏิบัติภารกิจแรกของวันนี้ด้วยการสัมภาษณ์เรื่องการเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่เธอต้องดูแล
“พี่ทานได้ทุกอย่าง...ยกเว้นอาหารที่ใส่ผงชูรส”ชายหนุ่มตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์
นันท์นลินพยักหน้าก้มลงจดใส่สมุดบันทึกเล่มเล็กที่เตรียมเอาไว้
“ส่วนเรื่องซักรีดจะมีแม่บ้านจ้างประจำอยู่แล้ว”ชายหนุ่มบอกต่อ
มือที่จดชะงัก “ปกติแล้วพี่ปัศย์จ่ายค่าซักรีดเดือนละเท่าไหร่คะ”นันท์นลินเกริ่นถาม พยายามไม่แสดงสีหน้าสนใจจนเกินไป
“ไม่รู้สิ...พี่มีคนดูแลเรื่องพวกนี้ให้ต่างหาก”
หญิงสาวยิ้มกว้างดวงตาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“แล้วพี่ปัศย์ไม่ได้ตรวจดูยอดเงินที่จ่ายไปเหรอ...อย่างนี้ถ้าถูกโกงก็คงจะไม่รู้นะสิ”
วิปัศย์ลดหนังสือพิมพ์ลง “เงินเล็กๆน้อยๆ...ใครจะมาโกง”
“มันก็ไม่แน่นะคะ...เดือนละนิดละหน่อยสะสมเป็นปีก็มากโขอยู่ เรื่องเงินเรื่องทองพี่ไม่ควรไว้ใจใครงายๆ”
ปากสีแดงสดกระตุกยิ้ม พับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะ “ใช่...โดยเฉพาะกับน้องลินด้วยแล้ว ยิ่งไม่ควรไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง”
หญิงสาวหุบยิ้ม ตวัดค้อนคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ความคิดที่จะหารายได้ด้วยการรับดูแลเรื่องเสื้อผ้าเขาเป็นอันสลายไปด้วย
“นอกจากทำอาหารแล้ว...พี่จะให้หนูทำอะไรอีกไหม”นันท์นลินถาม
“ก็อยู่รอพี่รับพี่กลับมาจากที่ทำงานตอนเย็นไง”
“แล้วระหว่างที่พี่ไปทำงานล่ะ...จะให้หนูอยู่เฉยๆหรือไง น่าเบื่อตายเลย”หญิงสาวเบ้ปากอย่างเซ็งๆ
“น้องลินนี่แปลกคนจริงๆ...ผู้หญิงคนอื่นมีแต่จะอยากอยู่บ้านเฉยๆให้สามีเลี้ยง”วิปัศย์ส่ายหน้าอย่างระอา
“ถ้าคิดแต่จะพึ่งผู้ชาย...หนูก็คงไม่ต้องทิ้งชีวิตช่วงวัยรุ่นเพื่อไปทำงานแลกเงิน มาจ่ายค่าเทอมหรอก เปลี่ยนไปแต่งตัวสวยๆ เรียนรู้วิธีเอาอกเอาใจให้ผู้ชายส่งเสียเลี้ยงดูไม่ดีกว่าเหรอ”นันท์นลินมองเขาอย่างผิดหวังอยู่บ้าง เพราะเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไปที่มองว่าตัวเป็นใหญ่ ส่วนผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอยังต้องพึ่งพาผู้ชาย
ชายหนุ่มทำหน้าบึ้ง ตาเข้มดุ เมื่อสร้างมโนภาพขึ้นมาตามคำพูดของหญิงสาว กรามบดเข้าหากันแน่นกับภาพที่สร้างขึ้นโดยให้อีหนูของเขาแต่งตัวล่อแหลมไปคลุกคลีออดอ้อนผู้ชายคนอื่น
“อย่าได้คิดทำอย่างนั้นเป็นอันขาด”เขาคำรามออกมา
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร “ทำอะไรคะ”
“ก็อย่าไปสนิทสนมหรือทำตัวใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนนะสิ”วิปัศย์ตอบเสียงดุกึ่งหงุดหงิดกับภาพที่สร้างขึ้นมาเอง
“ผู้ชายที่ว่านี่...รวมถึงตัวพี่ปัศย์ด้วยหรือเปล่า”นันท์นลินเลิกคิ้วย้อนถาม
วิปัศย์หลุดยิ้มออกมา “ยกเว้นพี่สิครับ”
“หวงก้าง!”
“อะไรนะครับ...”ชายหนุ่มถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาฉายแววขัน
“เปล่าค่ะ...แล้วพี่ปัศย์จะมาค้างที่นี่ทุกวันเลยหรือคะ”
“อ้าว!...ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เลิกงานแล้วก็ต้องกลับบ้านมาพักผ่อนสิ มีสาวน้อยแสนสวยรออยู่อย่างนี่ ก็ยิ่งอยากกลับบ้านมาผ่อนคลาย”ชายหนุ่มสัพยอกมองสาวน้อยแสนสวยอย่างเอ็นดู
“แล้วคนที่บ้านพี่ไม่ว่าอะไรเหรอ”
“คนที่บ้าน?”คุณป๋าวัยสามสิบทำหน้างง
“ก็ภรรยา...หรือคนรักอย่างไรละคะ”นันท์นลินกระแทกเสียงตอบ
“อ๋อ...ไม่ว่าหรอก”ชายหนุ่มตอบ เสมองไปทางอื่นพร้อมทั้งกลั้นเสียงหัวเราะไปด้วย
นันท์นลินอึ้งไปนิด ‘เขามีคนรักอยู่แล้ว’ ตีความหมายจากคำตอบของเขาที่ไม่ปฏิเสธเรื่องที่เธอถาม
“แฟนพี่เขารู้และอนุญาตให้พี่มีอีหนูได้เหรอ”หญิงสาวถามเสียงสูง ไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกนี้จะหลงเหลือผู้หญิงแบบนี้อยู่
“อือ ฮึ”ชาหนุ่มทำเสียงตอบในลำคอ
“แล้วพี่ไม่รักแฟนพี่เหรอ”
“รักสิ!”วิปัศย์ตอบน้ำเสียงหนักแน่น ต่างกับดวงตาที่เต้นระริก
“แล้วทำไมพี่ถึงนอกใจแฟนพี่ล่ะ...ทำอย่างนี้แฟนพี่ไม่เสียใจแย่เหรอ”หญิงสาวคิดสงสารผู้หญิงคนนั้นจับใจ แล้วพาลโกรธผู้ชายรักสนุก ที่ไม่คิดถึงใจใครเลย ขึ้นมาทันที
“ไม่รู้สิ...ไม่เคยถาม”วิปัศย์ยักไหล่
“หนูถามจริงๆเถอะ...พี่มีหัวใจหรือเปล่า”นันท์นลินมองเขาอย่างเดียดฉันท์ ผิดหวังที่เขาไม่ได้เป็นดั่งภาพที่เคยวาดไว้ เธอเองก็ไม่ต่างจากเด็กสาววัยช่างฝันที่สร้างจินตนาการถึงผู้ชายที่แสนดี ในวันที่เหนื่อยล้าและท้อแท้แค่คิดว่าเขาอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้ร่วมแบ่งปันความทุกข์ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป แต่ทว่าตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าชายในฝันของเธอสักนิดเดียว
วิปัศย์เลื่อนเก้าอี้ออก ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปด้านหลังหญิงสาว แล้วโน้มตัวลงสวมกอดคนหน้างอที่นั่งตัวแข็งเกร็ง
“พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าไปคิดถึงคนอื่น”ชายหนุ่มกดจูบที่แก้มนวลหนักๆ
“แต่พี่กำลังผิดศีลข้อสามนะ...แล้วหนูก็จะผิดบาปไปด้วย”นันท์นลินแย้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจมาอยู่ในตำแหน่งนี้แต่ยังไงก็มีส่วนร่วมรู้เห็น และเธออาจจะเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวเขาร้าวฉานก็เป็นได้
“จะบาปได้อย่างไรล่ะ...ตอนนี้น้องลินกำลังจะได้บุญมากกว่า”วิปัศย์ใช้จมูกโด่งเคล้าเคลียแก้มนุ่มที่มีกลิ่นหอมของแป้งเด็กอย่างพึงพอใจ
“ได้บุญ?...จากอะไรคะ”เจ้าของแก้มนุ่มทำหน้านิ่วเอียงแก้มหนี ทั้งที่ใจเต้นแรงกึ่งวาบหวาม
“ก็จากการทำบุญให้กับผู้อดอยากอย่างไรละจ๊ะ”ผู้อดอยากกระซิบข้างใบหูขาวเนียน
เลือดฝาดแห่งวัยสาวกระจายทั่วแก้มขาวนวล กับคำกระซิบส่อความหมายชวนใจหวาม
“คืนนี้...OK ไหมครับ”
“พี่หายระบมแล้วเหรอ”หญิงสาวหันมาถาม และต้องสะดุ้งเมื่อแก้มไปปะทะกับจมูกโด่งเต็มรัก
วิปัศย์หัวเราะเฝื่อนๆยืดตัวขึ้นยืนตรงพร้อมกับดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
“เด็กอะไรแสบจริงๆ ...รู้ไหมว่าเมื่อคืนพี่เจ็บมากเลย”ชายหนุ่มตัดพ้อ
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ...พอตกใจทีไรเส้นมันก็กระตุกทุกครั้งเลย”เด็กแสบแก้ตัวเสียงอ่อย
“โรคนี้รักษาได้...เดี๋ยวตอนเย็นพี่กลับมาจะรักษาให้นะ รับรองหายสนิท”
“รักษายังไงคะ”หญิงสาวถามอย่าพาซื่อ
“นวดแล้วก็นา...อุ๊บ!”
นันท์นลินรีบเขย่งปลายเท้ายกมือขึ้นปิดปากคุณป๋าจอมหื่นก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
“คนทะลึ่ง!”หญิงสาวทำตาขึงใส่
ชายหนุ่มฉวยโอกาสฝังจูบกลางฝ่ามือน้อยก่อนที่จะปลดมือเธอมากุมเอาไว้
“ไม่เห็นต้องเขินเลย...พี่สัญญาเลยนะว่าจะทำให้น้องลินประทับใจกับประสบการณ์แรก”ชายหนุ่มให้สัญญาดวงตาวิบวับ
“ไปทำงานได้แล้วค่ะ...สายแล้ว”นันท์นลินรีบไล่คนที่ยังโอ้เอ้ไม่ยอมไปทำงานเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็สายมากแล้ว
“ไปส่งพี่ที่ประตูด้วยสิครับ”ชายหนุ่มสั่ง เมื่อหญิงสาวยื่นกระเป๋าเอกสารส่งให้เขา
“เชิญค่ะ...คุณป๋า”นันท์นลินประชดเดินนำเขาไปก่อน ในขณะที่คุณป๋าหัวเราะร่ารีบก้าวตามมาติดๆ
“ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ”หญิงสาวบอกเสียงใส แล้วหมุนตัวจะเดินเข้าห้องแต่ทว่า
“อะไรอีกละคะ”ถามหน้ายุ่งเมื่อเขายื่นมือมาเกี่ยวเอวและจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“ยังทำหน้าที่ไม่ครบเลยนะ”วิปัศย์ทวง มองหญิงสาวอย่างมีเลศนัย
“ก้มลงมาหน่อยสิคะ”หญิงสาวสั่งเจ้าหนี้จอมงกที่ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อย
เจ้าหนี้หนุ่มอมยิ้มโน้มตัวลงมา เตรียมรับดอกเบี้ยจากลูกหนี้สาว
นันท์นลินยื่นหน้าไปประทับจูบแก้มของเจ้าหนี้อย่างเสียไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจ
“แค่นี่เองเหรอ?”
“ตอนเช้าเอาแบบเบาๆ ก่อนสิคะ...แล้วตอนเย็นค่อยจัดหนัก”หญิงสาวปลอบ เมื่อเห็นว่าเขาตั้งท่าจะโยเย
“แน่ใจนะว่าน้องลินไม่มีแผนการทำร้ายพี่อีก”ชายหนุ่มยังผวากับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่หาย
นันท์นลินส่ายหน้ายิ้มแฉ่ง นัยน์ตาเต้นระริก ‘เมื่อคืนแค่รับน้องเท่านั้น’
“แล้วพบกันตอนเย็นนะครับ”ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาจูบแก้มสาวน้อยดังฟอด ก่อนจะเปิดประตูและผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
-----------------------------
สวัสดีค่ะ LALA ขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านที่เข้ามาอ่านและเม้นท์ทักทายกันนะคะ
สำหรับเพื่อนๆบางคนที่จำภาคแรกไม่ได้และขอให้มาลงให้อ่านใหม่อีกครั้ง>>> LALA ต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่ไม่สามารถมาลงให้อ่านได้ เพราะเรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์แล้ว
และแจ้งเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนเพื่อทราบนะจ๊ะ
สำหรับการลงโพสนิยายเรื่องนี้ LALA จะขอลบตอนแรกๆออก เช่น ถ้ามาลงบทที่ 2 LALA ก็จะขอลบบทที่ 1 ออก และเมื่อมาลงบทที่ 3 ก็จะลบบทที่ 2 ออก
ร่างน้อยค่อยๆแทรกตัวเข้ามาพร้อมกับมือก็ควานไปที่ฝาผนังเพื่อหาสวิตซ์ไฟ ปากบ่นพึม
“ที่พักออกจะหรู แต่ทำไมถึงได้งกขนาดนี้ ไฟฟืนไม่รู้จักเปิดไว้บ้างเลย”
แชะ!
“อุ๊ย! ผีหลอก”หญิงสาวอุทานรีบหันกลับไปที่ประตูอย่างตกใจ เพราะบ่นไม่ทันขาดคำไฟก็สว่างโร่ไปทั้งห้อง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังคบเงียบสงบจึงค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลังและต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อหันไปสบตากับเจ้าของห้องที่ยืนเอามือท้าวสะเอวใบหน้าบึ้งตึง
“ผีหลอก!...ไม่น่ากลัวเท่ากับเด็กหลอกหรอก”คนหน้าบูดเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรก
“พี่ปัศย์กลับมาถึงห้องนานแล้วเหรอคะ”หญิงสาวเฉไฉ ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาตำหนิของอีกฝ่าย
“พี่ควรจะถามน้องลินมากกว่าว่าหายไปไหนมา...ทำไมถึงไม่รอที่รถตามที่พี่สั่ง”วิปัศย์สาวเท้าเข้ามาใกล้
“ทำไมต้องรอ”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถาม ตั้งใจจะยอกย้อนเต็มที่ เขาจะมาโกรธเธอได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นฝ่ายทิ้งเธอไปเองนี่นา
ชายหนุ่มสะอึกหรี่ตามองคนที่ยืนเชิดหน้ามองเขาอย่างไม่กลัวเกรง อารมณ์โกรธกระพือขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มันมอดลงไปบ้างแล้วระหว่างที่กลับมารอหญิงสาวอยู่ที่ห้องเป็นเวลาหกชั่วโมงเต็ม
“หมายความว่าอย่างไรที่ถามอย่างนี้”วิปัศย์ย้อนถามหน้าเคร่งขรึมไม่แสดงออกถึงอารมณ์เกรี้ยวทั้งที่ความจริงแล้วในใจกลับร้อนยิ่งกว่าไฟ
“หนูก็หิวเป็นเหมือนกันนี่...ในเมื่อพี่ไปทานข้าวกับคนอื่น หนูก็ต้องดูแลปากท้องตัวเองสิ”หญิงสาวโต้กลับไปอย่างไม่ลดละ
“ถ้าไปหาอะไรทานจริงก็ไม่น่าจะใช่เวลาเกินสามชั่วโมง”ชายหนุ่มจ้องคนตัวเล็กเขม็ง
“ทำไมจะไม่เกินในเมื่อหนูกลับไปทานกับยายที่บ้าน”
“อะไรนะ!”วิปัศย์ถามเสียงดังลั่น “พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าจะกลับไปหายายต้องขออนุญาตพี่ก่อน”
“แล้วพี่อยู่ให้หนูขออนุญาตตอนไหนล่ะ”นันท์นลินย้อนกลับหน้าตาย เบี่ยงตัวจะเดินออกไปเพื่อสร้างระยะห่างจากเขาสักหน่อย เขาเข้ามาประชิดตัวทีไรใจเธอเต้นแปลกๆทุกที
“พี่ไม่ชอบให้ใครเดินหนี ถ้ายังคุยกันไม่จบ”ชายหนุ่มคว้าเรียวแขนเล็กเอาไว้
นันท์นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ ดวงตาสองคู่สบกันอย่างจะประเมินกันและกัน
“หนูก็ไม่ใช่สิ่งของที่พี่จะคิดวางหรือทิ้งขว้างไว้ที่ไหนก็ได้”หญิงสาวบอกความรู้สึกของตัวเองไปบ้าง ในเมื่อยังต้องอยู่ร่วมกัน เขาก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะมาล้อมกรอบหรือสร้างกฎเกณฑ์ทำเหมือนเธอเป็นนักโทษในคุกไม่ได้
“ไม่พอใจที่พี่ไปทานข้าวกับคนอื่น?”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว
หญิงสาวยิ้ม มองเค้าคล้ายจะเอ็นดู “หนูจะรู้สึกอย่างนั้นกับเจ้าหนี้ได้อย่างไรล่ะค่ะ ตำแหน่งอีหนูมีหน้าที่ให้บริการและสร้างความประทับใจให้คุณป๋า ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร แต่พี่ต้องไม่ลืมว่า อีหนู ก็มีชีวิตจิตใจ” เมื่อเห็นเขานิ่งฟัง จึงพูดต่อไปว่า
“ตัวพี่ยังมีสังคมและครอบครัวให้กลับไปหา...หนูเองก็มียายที่ต้องดูแลเหมือนกัน พี่จะเก็บหนูไว้แต่ในห้องอย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“เรากำลังกลับมาที่เรื่องเดิมๆ”วิปัศย์แย้งขึ้นมา เพราะทุกครั้งที่หญิงสาวพูดเรื่องนี้ก็จะมีแต่เรื่องให้ถกเถียงและลงเอยด้วยน้ำตา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย
หญิงสาวหลุบตาลงมองพื้น “หนูบอกยายว่าหนูได้งานทำแล้ว เป็นพนักงานโรงแรมที่ต้องเข้ากะตอนกลางคืน ซึ่งทางโรงแรมจะมีที่พักให้ อาจจะไม่ค่อยได้กลับบ้าน”พึมพำบอก เจ็บปวดที่ต้องพูดโกหกกับยายคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิด
วิปัศย์มุ่นคิ้ว “ทำไมถึงบอกอย่างนั้น”
“แล้วพี่จะให้อธิบายกับยายยังไง เรื่องที่หนูต้องออกจากบ้านมาปรนนิบัติดูแลพี่ในเวลากลางคืน”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามเขาเสียงฉุน
“ก็บอกความจริงไปสิว่า หนูต้องไปชดใช้ความผิดที่ก่อไว้เมื่อสองปีก่อน”ชายหนุ่มทำเสียงเล็กเสียงน้อยในประโยคท้าย
นันท์นลินเม้มปากเงยหน้าขึ้นมองเขาตาขุ่นเขียว
“ถ้าบอกไปอย่างนั้น ยายหนูได้ช๊อคตายนะสิ”พูดจบก็ค้อนขวับ
ชายหนุ่มยิ้ม ความโกรธลดลงไปกว่าครึ่ง “เอาเป็นว่าเรื่องวันนี้พี่ยกโทษให้...”
หญิงสาวยิ้ม แต่ทว่ากลับต้องหุบยิ้มทันควันกับประโยคต่อมาของเขา
”ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่น้องลินจะชำระหนี้ให้พี่เสียที”แกล้งพูดน้ำเสียงจริงจังแต่ในใจก็แอบหวังลึกๆว่าจะได้แอ้มสาวน้อยเสียที
ลูกหนี้สาวกระพริบตาปริบๆ ใบหน้างามถอดสีเมื่อคิดว่าจะต้องใช้หนี้แบบไหน
“เริ่มวันนี้เลยเหรอ”ถามเขาอย่างตื่นตระหนก
วิปัศย์พยักหน้า “แล้วต้องรออะไรอีกล่ะ...ไปที่ห้องกันดีกว่า พี่ชอบสบายๆ บนเตียง”
“ตะ...แต่ว่าหนูยังไม่พร้อมเลยนะ ขอเวลาหนูทำใจอีกสักสองสามวันไม่ได้เหรอ”หญิงสาวต่อรองเสียงอ่อย ตาก็มองเจ้าหนี้หนุ่มอย่างวิงวอน แข้งขาสั่นพาลจะหมดแรงเอาดื้อๆ
คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ
“พี่ให้เวลาน้องลินมานานแล้ว...ถ้ายังมีลูกเล่นอีกละก็พี่จะไม่ปราณีแล้วนะ”เขาขู่พร้อมกับฉวยโอกาสตวัดรั้งร่างเล็กเข้ามากอดแนบชิดร่างสูง
“อุ๊ย!”หญิงสาวเบิกตาโพลง สองมือน้อยยกขึ้นยันอกกว้างเอาไว้
“หนูยังไม่ได้อาบน้ำเลย ตัวมีแต่กลิ่นเหงื่อทั้งนั้น... หนูขออาบน้ำก่อนนะพี่นะ”นันท์นลินพยายามหาทางถ่วงเวลาเพื่อเอาตัวรอด ทั้งที่ใจเต้นระทึก
วิปัศย์หรี่ตา มองคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่ไว้ใจ
“เดี๋ยวพี่ไปนั่งรอหนูที่เตียงก่อนนะ...รับรองคืนนี้พี่ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนแน่ๆ”หญิงสาวรีบบอกอย่างเอาใจ ภาวนาให้เขายอมเชื่อใจเธออีกสักครั้ง
“พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าครั้งนี้น้องลินจะไม่ตุกติกกับพี่อีก”ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาถามจนจมูกแทบจะชนกัน
“ถ้าหนูจะชิ่ง คืนนี้หนูคงไม่กลับมาหาพี่หรอก...ยังไงพี่ก็รอหนูมาตั้งสองปีแล้ว รออีกสักยี่สิบนาทีจะเป็นไรไป”นันท์นลินเจรจาหว่านล้อมเจ้าหนี้อย่างสุดความสามารถ
“ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายค่ามัดจำไว้ก่อน...เพื่อความสบายใจของพี่”ชายหนุ่มบอกดวงตาฉายแววกรุ้มกริ่ม ปากแดงร้อนผ่าวประทับจูบที่ปากอิ่มของลูกหนี้สาว ปิดโอกาสต่อรองใดๆทั้งสิ้น
หญิงสาวตัวแข็งทื่อเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างหนักหน่วงระคนเรียกร้องให้เธอเปิดปากตอบสนอง ลูกหนี้มือใหม่รีบหลับตา มือขยุ้มเสื้อเขาแน่น เมื่อลิ้นของเขาแทรกซอนเข้ามาสำรวจหาความหวาน และพันเกี่ยวหยอกเย้ากับปลายลิ้นของเธอ
กายสาวสะดุ้งเมื่อชายเสื้อยืดถูกเลิกขึ้นและแทนที่ด้วยปลายนิ้วยาวที่สอดเข้ามาลูบไล้ที่บั้นเอว
“อืม...พะ...พอก่อน”หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าหนี หากว่าไม่รีบหยุดจูบมัดจำมาราธาอนเธอคงต้องขาดใจตายเพราะขาดอากาศหายใจแน่ๆ ดึงปลายนิ้วนักสำรวจออกจากเสื้ออย่างอายๆ
วิปัศย์ยิ้มอย่างเห็นขันมองหญิงสาวที่ยืนหอบหายใจ ใบหน้างามแดงก่ำเป็นสีเดียวกับริมฝีปากดูเย้ายวนชวนให้ก้มลงไปประทับจูบอีกสักรอบ
“ตอนนี้พี่เครื่องร้อนแล้ว...ไม่ต้องอาบน้ำหรอกเสียเวลาเปล่า ยังไงก็ต้องมีเหงื่ออยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งแหย่
หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวอดที่จะค้อนกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาเสียไม่ได้
ก๊อก! ก๊อก!
วิปัศย์เคาะประตูห้องน้ำเป็นรอบที่ห้าหลังจากที่เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม คิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดว่าคนในห้องน้ำใช้เวลาอาบน้ำเกินความจำเป็น
“น้องลิน! จะให้พี่ไขกุญแจเข้าไปไหม”เขาถามกึ่งตะโกนอย่างหมดความอดทน
คนที่กำลังเดินวนไปมาอยู่ที่หน้าประตูในห้องน้ำถึงกับชะงัก ดวงตากลมใสไหวระริก เธอไม่ได้คิดจะหนีหนี้ แต่ต้องการยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปอีกนิด จนกว่าจะแยกแยะความสัมพันธ์ทางกายกับทางใจให้ได้เสียก่อน ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าจะจ่ายหนี้ครบและได้อิสระภาพคืนมา แต่ทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ยายเคยบอกเอาไว้ว่าผู้หญิงนั้นเป็นเพศที่อ่อนไหวและมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนหากลองได้ตกเป็นของใครแล้วก็จะผูกพันธ์และมองแต่เขาคนเดียว ซึ่งจะต่างกับผู้ชายที่มองว่าเรื่องสัมพันธ์ทางกายเป็นเรื่องง่ายๆ จะเกิดกับใครก็ได้ถ้าหากว่าเขาพอใจ
“เดี๋ยวค่ะ...หนูกำลังจะเปลี่ยนชุดนอน”ร้องบอกเขาไปทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังไม่ได้เปลี่ยนชุดอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมต้องเปลี่ยน...ยังไงคืนนี้ก็ไม่ต้องใช้ชุดนอนอยู่แล้ว รีบๆออกมาก่อนที่พี่จะโมโหและพังประตูเข้าไป”เจ้าหนี้ขู่เสียงขึง
โห! หน้าตาก็ดีทำไมถึงได้หื่นจนออกนอกหน้าขนาดนี้ หญิงสาวคิดค้อนคนที่อยู่ด้านนอก
“หนูยังไม่เคยเลยนะพี่...หากทำอะไรไม่ถูกใจพี่อาจจะหงุดหงิดได้ เอาอย่างนี้ไหมให้หนูไปอ่านหนังสือศึกษาเบื้องต้นก่อน”นันท์นลินทำทีหารือเขา
“ไม่เป็นไร...เรื่องนี้พี่สอนเองได้ และตอนนี้พี่ก็ร้อนวิชาอยากสอนแล้วด้วย”ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อคิดว่าที่หญิงสาวยังไม่ยอมออกมานั้นเป็นเพราะกังวลเรื่องความสามารถที่จะให้ความสุขกับเขาไม่ใช่ยืดเวลาเพื่อหนีหนี้อย่างที่เขาคิด
นันท์นลินรู้สึกคอแห้งขึ้นมากระทันหัน มือบีบเข้าหากันแน่น ปากก็ชวนเขาคุยไปเรื่อย “ดูพี่ปัศย์เก่งเรื่องบนเตียงจังเลยนะคะ”
“ก็ไม่เคยได้ยินผู้หญิงคนไหนบ่นหรือขอลดปริมาณนี่...มีแต่จะขอเพิ่ม และตามติดเป็นกาว”วิปัศย์ตอบพร้อมกับเผลอหัวเราะออกมา โดยลืมไปสนิทว่าตอนนี้เขากับเธอคุยกันผ่านประตูห้องน้ำ
โห! หลงตัวเองที่สุด! หญิงสาวย่นจมูก ค้อนไปอีกขวับแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม
“แล้วผู้หญิงพวกนั้นเขาเก่งเรื่องบนเตียงไหมคะ”นันท์นลินถามอย่างสงสัยจริงๆ
“เก่งสิ...บางคนแทบจะไม่ต้องสอน”
“แล้วพี่ชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่างเก่ง เป็นงาน กับ ไม่เป็นอะไรเลย”หญิงสาวถาม แม้จะบอกตัวเองว่าถามเพื่อยืดเวลา แต่ใจนี่สิกลับเต้นแรงจนน่าหยิก เดินเข้าไปอีกนิดเพื่อเอียงหูแนบประตูรอฟังคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ
“ก็แล้วแต่เวลา และ สถานการณ์”ชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์ตอบมาหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
นันท์นลินทำปากเบ้ถอยห่างออกมาจากประตูเช่นเดิม
“แล้ว...แล้วมัน เอ่อ”หญิงสาวถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงจัดไม่กล้าเอ่ยถามออกไปตรงๆ กับเรื่องที่เธอสงสัยมานานแล้ว และไม่กล้าที่จะถามใครมาก่อน
“แล้ว?”วิปัศย์ถามกลับมาทันที
“คือ...หนูอยากรู้ว่า ครั้งแรกมันจะเจ็บหรือเปล่า!”นันท์นลินตัดสินใจถามออกไป มือบิดไปมาอย่างเขินสุดๆ และยิ่งหน้าม้านไปอีกเมื่อเธอถามจบเขาก็หัวเราะก๊ากออกมา
“พี่หัวเราะทำไม...หนูจริงจังนะ”หญิงสาวถามกลับไปเสียงดุเพื่อกลบความเขิน ถ้ารู้อย่างนี้เธอไม่ถามหรอก
“เอาเป็นว่า พี่จะถนอมน้องลินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”คนที่ยังไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ ให้สัญญามา
“ตะ..แต่หนูได้ยินมาว่าผู้ชายที่อายุมากแล้ว หักโหมไปจะไม่ดีนะ อาจหัวใจวายได้”
“...”
“หรือไม่...พี่ก็ควรจะไปออกกำลังกาย เพื่อวอร์มร่างกายเตรียมพร้อมก่อนก็ได้ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้แรงไม่ใช่เหรอคะ”นันท์นลินนึกกระหยิ่มในใจเมื่อคิดว่าคำเตือนของเธอได้ผล แต่ทว่าความคิดกลับต้องชะงักกึก อ้าปากค้าง เมื่ออยู่ๆ ประตูตรงหน้าก็เปิดผางออกมา พร้อมกับคุณป๋าที่ตีหน้ายักษ์ใส่
“พะ...พี่ปัศย์ เข้ามาได้ยังไง”ถามออกไปอย่างตกใจ
“เมื่อกี้น้องลินว่าใครแก่”เขาย้อนถามเสียงเข้ม คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ
หญิงสาวมองเขาตาปริบๆ ค่อยๆยกมือขึ้นชี้ไปที่เขา ทำหน้าแหยเมื่อเขาทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ
“ถ้าผู้ชายอายุสามสิบจัดว่าอยู่ในวัยชรา ถ้าอย่างนั้นในโลกนี้ก็คงจะไม่มีคนหนุ่มแล้วล่ะ”วิปัศย์ใช้สายตามองกราดไปทั่วร่างเล็ก และเขาต้องทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมเมื่อหญิงสาวยังอยู่ในชุดเดิม
“แล้วทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”
คนที่มีชนักติดหลังรีบถอยหลังกรูด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา
“หรือว่าอยากให้ครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นในห้องน้ำ”เขาก้าวเข้ามาชิด ดวงตาเป็นประกายวาวเมื่อหญิงสาวไปจนมุมอยู่ที่อ่างล้างหน้า
นันท์นลินเงยหน้าขึ้นมองเขาตาโต เมื่อเห็นว่าหมดทางประนีประนอมแล้วเธอก็จำเป็นต้องใช้วิธีที่เด็ดขาดและแน่นอนว่าต้องไม่พลาด ไม่เช่นนั้นแล้วคืนนี้เธอต้องถูกกระชากความสาวไปแน่ๆ
“พี่ปัศย์ใจร้อนไปหรือเปล่าคะ...ดูสิทำหน้าดุเชียว กลัวหนูเปลี่ยนใจหรือคะ”หญิงสาวทำใจกล้าเปิดยิ้มหวาน สองแขนเรียวตวัดขึ้นคล้องลำคอหนา
ชายหนุ่มชะงักกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ดวงตาคมหรี่มองหญิงสาวอย่างไม่ไว้วางใจสักเท่าไหร่นัก
“หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะที่คืนนี้จะได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ทั้งคืน”หญิงสาวลดมือซ้ายลงมา ลูบไล้อกกว้างช้าๆ ชะม้ายชายตาขึ้นมองเขายิ้มๆ
“รู้ไหมคะว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา หนูฝันถึงพี่ทุกคืนเลย ฝันว่าเรา...”หญิงสาวหยุดเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางเขาเบาๆ ลอบยิ้มเมื่อเห็นเขาสะดุ้ง “กำลังชำระหนี้กันแบบนี้ และบางทีก็ไม่มีเสื้อผ้า...พี่คิดว่าหนูเป็นเด็กใจแตกหรือเปล่าคะ”กระซิบถามข้างๆใบหูเขาในประโยคท้าย
เจ้าหนี้หนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ และทำให้เขาถึงกับอึ้งไปต่อไม่ถูกเอาเสียเลย
“น้องลินพูดจริงหรือเปล่า”วิปัศย์ถามเสียงแหบพร่า
“จริงสิคะพี่ขา...แล้วตอนที่พี่บอกว่าพี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน หนูไม่ชอบเลยค่ะ รู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาปักที่ตรงนี้”นันท์นลินยกมือเขาขึ้นมาวางที่อกด้านซ้าย
“ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหรือคะพี่”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นถามเขาพร้อมกับกระพริบตาช้าๆ
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ มีอาการเป็นใบ้ขึ้นมาในทันที ตาก็หลุบลงมองฝ่ามือของตัวเองที่วางอยู่ในจุดที่น่าหวาดเสียว อีกใจก็อยากจะขยับมือลงต่ำกว่านี้อีกสักนิด
“แล้วตอนที่พี่จูบหนูเมื่อกี้...”หญิงสาวหยุดพูด ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเขินๆ
“ทะ...ทำไมจ๊ะ”ชายหนุ่มถามหลังจากที่หาเสียตัวเองเจอ เลื่อนหน้าลงมาใกล้ๆใบหน้างามสมวัย
“หนูกลัวว่าตอบไปแล้ว...พี่จะมองว่าหนูเป็นเด็กใจเร็ว”นันท์นลินทำเสียงอ้อน ซบหน้าลงกับอกกว้าง
“พี่ไม่ว่าหรอก...”ชายหนุ่มตอบเสียงนุ่ม ยกมือขึ้นลูบผมดำยาวเบาๆอย่างเอ็นดูและพึงพอใจกับปฏิกิริยาออดอ้อนออเซาะของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง
“น้องลินมีอะไรก็พูดกับพี่ตรงๆได้เลยนะครับ...เราสองคนยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน อะไรที่ปรับได้เราก็จะช่วยกันปรับเพื่อความสุขของเรา”เสียงออกสั่น เมื่อก้มลงเห็นซุกซนของสาวน้อยกำลังแกะกระดุมเสื้อเขา
หญิงสาวยิ้มแก้มตุ่ย กลั้นอาการขันเอาไว้อย่างเต็มที่ ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่าเจ้าหนี้ของเธอนั้นแพ้ความหวาน
“หนูยังเด็ก ก่อนหน้านี้อาจจะทำอะไรลงไปโดยไม่คิด พี่ปัศย์อย่าโกรธหนูนะคะ”ลูกหนี้สาวผละออกจากอ้อมกอด แหงนหน้าขึ้นมองเขานัยน์ตากลมใสเป็นประกายหวาน ตรึงตาคนมองยิ่งนัก
“ถ้าน้องลินไม่อยากให้พี่โกรธ ก็อย่าดื้อกับพี่นักสิครับ...ตามใจพี่บ้าง”
“แล้วถ้าหนูทำผิดหรือทำให้พี่โกรธโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะคะ”อีหนูวัยใสฉอ้อนถาม
“อย่างเช่นอะไรครับ”วิปัศย์เคลิ้มไปกับความน่ารักของสาวน้อยในอ้อมแขน
“ก็...อย่างนี้ไงคะ”พูดจบหญิงสาวก็อาศัยตอนที่เขาเผลอใช้สันมือกระแทกไปที่ใต้คางเขา พร้อมกับยกเข่าขึ้นกระแทกไปที่เป้ากางเกงเขาสุดแรง
“โอ๊ะ!”ร่างสูงร้องได้แค่นั้น ก่อนจค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นใบหน้าคมหล่อแดงก่ำ รู้สึกเจ็บและชาไปทั้งส่วนบนและล่าง เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวอย่างโกรธจัด
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ...พี่ขา”อีหนูก้มลงมองคนเจ็บที่นั่งหน้าเขียวหน้าเหลือมือกุมเป้ากางเกง
“ยัย...ยัยเด็กแสบ! อูย!”วิปัศย์เค้นเสียงเรียกอย่างโมโห เจ็บใจตัวเองที่เสียรู้ลูกหนี้ตัวแสบที่แกล้งอ่อยให้เขาหลงเชื่อ
“คืนนี้...พี่คงต้องพักแล้วนะคะ...เสียดายจริงๆที่สวรรค์ล่มเสียแล้ว”ยัยตัวแสบหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำ ไม่สนใจเสียงเรียกของคนเจ็บที่ตอนนี้ยังไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“อุ๊ย! พี่ปัศย์จะไปทำงานแล้วเหรอคะ”นันท์นลินถามเสียงสูงเมื่อเดินออกมาจากห้องนอนและเห็นชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำ รอยยิ้มขันปรากฏในดวงตาคู่หวานเมื่อเห็นเขาสะดุ้งเฮือก
วิปัศย์กระแอมในลำคอก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะตวัดหางตาไปมองยัยตัวแสบที่ทำให้เขาเกือบจะสูญพันธ์
“หนูขอโทษนะคะที่ตื่นสาย ไม่ได้ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้พี่ก่อนไปทำงาน”หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตรงข้ามกับเขา
“ค่อยๆปรับตัวไปก็แล้วกัน”ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้มือมาเปิดอ่าน ใจนั้นก็คิดหาวิธีแก้เผ็ดหญิงสาวกลับบ้าง ร่างกายเจ็บยังไม่เท่าไหร่แต่เสียหน้านี่สิที่เขายอมไม่ได้ และคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหากมีใครรู้ว่าเขาเพลี่ยงพล้ำให้กับอีหนูขัดดอกตั้งแต่คืนแรก
“พี่ปัศย์ทานอาหารได้ทุกอย่างหรือเปล่าคะ...มีแพ้อะไรไหม”หญิงสาวเริ่มปฏิบัติภารกิจแรกของวันนี้ด้วยการสัมภาษณ์เรื่องการเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่เธอต้องดูแล
“พี่ทานได้ทุกอย่าง...ยกเว้นอาหารที่ใส่ผงชูรส”ชายหนุ่มตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์
นันท์นลินพยักหน้าก้มลงจดใส่สมุดบันทึกเล่มเล็กที่เตรียมเอาไว้
“ส่วนเรื่องซักรีดจะมีแม่บ้านจ้างประจำอยู่แล้ว”ชายหนุ่มบอกต่อ
มือที่จดชะงัก “ปกติแล้วพี่ปัศย์จ่ายค่าซักรีดเดือนละเท่าไหร่คะ”นันท์นลินเกริ่นถาม พยายามไม่แสดงสีหน้าสนใจจนเกินไป
“ไม่รู้สิ...พี่มีคนดูแลเรื่องพวกนี้ให้ต่างหาก”
หญิงสาวยิ้มกว้างดวงตาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“แล้วพี่ปัศย์ไม่ได้ตรวจดูยอดเงินที่จ่ายไปเหรอ...อย่างนี้ถ้าถูกโกงก็คงจะไม่รู้นะสิ”
วิปัศย์ลดหนังสือพิมพ์ลง “เงินเล็กๆน้อยๆ...ใครจะมาโกง”
“มันก็ไม่แน่นะคะ...เดือนละนิดละหน่อยสะสมเป็นปีก็มากโขอยู่ เรื่องเงินเรื่องทองพี่ไม่ควรไว้ใจใครงายๆ”
ปากสีแดงสดกระตุกยิ้ม พับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะ “ใช่...โดยเฉพาะกับน้องลินด้วยแล้ว ยิ่งไม่ควรไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง”
หญิงสาวหุบยิ้ม ตวัดค้อนคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ความคิดที่จะหารายได้ด้วยการรับดูแลเรื่องเสื้อผ้าเขาเป็นอันสลายไปด้วย
“นอกจากทำอาหารแล้ว...พี่จะให้หนูทำอะไรอีกไหม”นันท์นลินถาม
“ก็อยู่รอพี่รับพี่กลับมาจากที่ทำงานตอนเย็นไง”
“แล้วระหว่างที่พี่ไปทำงานล่ะ...จะให้หนูอยู่เฉยๆหรือไง น่าเบื่อตายเลย”หญิงสาวเบ้ปากอย่างเซ็งๆ
“น้องลินนี่แปลกคนจริงๆ...ผู้หญิงคนอื่นมีแต่จะอยากอยู่บ้านเฉยๆให้สามีเลี้ยง”วิปัศย์ส่ายหน้าอย่างระอา
“ถ้าคิดแต่จะพึ่งผู้ชาย...หนูก็คงไม่ต้องทิ้งชีวิตช่วงวัยรุ่นเพื่อไปทำงานแลกเงิน มาจ่ายค่าเทอมหรอก เปลี่ยนไปแต่งตัวสวยๆ เรียนรู้วิธีเอาอกเอาใจให้ผู้ชายส่งเสียเลี้ยงดูไม่ดีกว่าเหรอ”นันท์นลินมองเขาอย่างผิดหวังอยู่บ้าง เพราะเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไปที่มองว่าตัวเป็นใหญ่ ส่วนผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอยังต้องพึ่งพาผู้ชาย
ชายหนุ่มทำหน้าบึ้ง ตาเข้มดุ เมื่อสร้างมโนภาพขึ้นมาตามคำพูดของหญิงสาว กรามบดเข้าหากันแน่นกับภาพที่สร้างขึ้นโดยให้อีหนูของเขาแต่งตัวล่อแหลมไปคลุกคลีออดอ้อนผู้ชายคนอื่น
“อย่าได้คิดทำอย่างนั้นเป็นอันขาด”เขาคำรามออกมา
หญิงสาวกระพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร “ทำอะไรคะ”
“ก็อย่าไปสนิทสนมหรือทำตัวใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนนะสิ”วิปัศย์ตอบเสียงดุกึ่งหงุดหงิดกับภาพที่สร้างขึ้นมาเอง
“ผู้ชายที่ว่านี่...รวมถึงตัวพี่ปัศย์ด้วยหรือเปล่า”นันท์นลินเลิกคิ้วย้อนถาม
วิปัศย์หลุดยิ้มออกมา “ยกเว้นพี่สิครับ”
“หวงก้าง!”
“อะไรนะครับ...”ชายหนุ่มถามน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาฉายแววขัน
“เปล่าค่ะ...แล้วพี่ปัศย์จะมาค้างที่นี่ทุกวันเลยหรือคะ”
“อ้าว!...ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ เลิกงานแล้วก็ต้องกลับบ้านมาพักผ่อนสิ มีสาวน้อยแสนสวยรออยู่อย่างนี่ ก็ยิ่งอยากกลับบ้านมาผ่อนคลาย”ชายหนุ่มสัพยอกมองสาวน้อยแสนสวยอย่างเอ็นดู
“แล้วคนที่บ้านพี่ไม่ว่าอะไรเหรอ”
“คนที่บ้าน?”คุณป๋าวัยสามสิบทำหน้างง
“ก็ภรรยา...หรือคนรักอย่างไรละคะ”นันท์นลินกระแทกเสียงตอบ
“อ๋อ...ไม่ว่าหรอก”ชายหนุ่มตอบ เสมองไปทางอื่นพร้อมทั้งกลั้นเสียงหัวเราะไปด้วย
นันท์นลินอึ้งไปนิด ‘เขามีคนรักอยู่แล้ว’ ตีความหมายจากคำตอบของเขาที่ไม่ปฏิเสธเรื่องที่เธอถาม
“แฟนพี่เขารู้และอนุญาตให้พี่มีอีหนูได้เหรอ”หญิงสาวถามเสียงสูง ไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกนี้จะหลงเหลือผู้หญิงแบบนี้อยู่
“อือ ฮึ”ชาหนุ่มทำเสียงตอบในลำคอ
“แล้วพี่ไม่รักแฟนพี่เหรอ”
“รักสิ!”วิปัศย์ตอบน้ำเสียงหนักแน่น ต่างกับดวงตาที่เต้นระริก
“แล้วทำไมพี่ถึงนอกใจแฟนพี่ล่ะ...ทำอย่างนี้แฟนพี่ไม่เสียใจแย่เหรอ”หญิงสาวคิดสงสารผู้หญิงคนนั้นจับใจ แล้วพาลโกรธผู้ชายรักสนุก ที่ไม่คิดถึงใจใครเลย ขึ้นมาทันที
“ไม่รู้สิ...ไม่เคยถาม”วิปัศย์ยักไหล่
“หนูถามจริงๆเถอะ...พี่มีหัวใจหรือเปล่า”นันท์นลินมองเขาอย่างเดียดฉันท์ ผิดหวังที่เขาไม่ได้เป็นดั่งภาพที่เคยวาดไว้ เธอเองก็ไม่ต่างจากเด็กสาววัยช่างฝันที่สร้างจินตนาการถึงผู้ชายที่แสนดี ในวันที่เหนื่อยล้าและท้อแท้แค่คิดว่าเขาอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้ร่วมแบ่งปันความทุกข์ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอมีกำลังใจที่จะก้าวต่อไป แต่ทว่าตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าชายในฝันของเธอสักนิดเดียว
วิปัศย์เลื่อนเก้าอี้ออก ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะไปด้านหลังหญิงสาว แล้วโน้มตัวลงสวมกอดคนหน้างอที่นั่งตัวแข็งเกร็ง
“พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าไปคิดถึงคนอื่น”ชายหนุ่มกดจูบที่แก้มนวลหนักๆ
“แต่พี่กำลังผิดศีลข้อสามนะ...แล้วหนูก็จะผิดบาปไปด้วย”นันท์นลินแย้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจมาอยู่ในตำแหน่งนี้แต่ยังไงก็มีส่วนร่วมรู้เห็น และเธออาจจะเป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวเขาร้าวฉานก็เป็นได้
“จะบาปได้อย่างไรล่ะ...ตอนนี้น้องลินกำลังจะได้บุญมากกว่า”วิปัศย์ใช้จมูกโด่งเคล้าเคลียแก้มนุ่มที่มีกลิ่นหอมของแป้งเด็กอย่างพึงพอใจ
“ได้บุญ?...จากอะไรคะ”เจ้าของแก้มนุ่มทำหน้านิ่วเอียงแก้มหนี ทั้งที่ใจเต้นแรงกึ่งวาบหวาม
“ก็จากการทำบุญให้กับผู้อดอยากอย่างไรละจ๊ะ”ผู้อดอยากกระซิบข้างใบหูขาวเนียน
เลือดฝาดแห่งวัยสาวกระจายทั่วแก้มขาวนวล กับคำกระซิบส่อความหมายชวนใจหวาม
“คืนนี้...OK ไหมครับ”
“พี่หายระบมแล้วเหรอ”หญิงสาวหันมาถาม และต้องสะดุ้งเมื่อแก้มไปปะทะกับจมูกโด่งเต็มรัก
วิปัศย์หัวเราะเฝื่อนๆยืดตัวขึ้นยืนตรงพร้อมกับดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้นตามมาด้วย
“เด็กอะไรแสบจริงๆ ...รู้ไหมว่าเมื่อคืนพี่เจ็บมากเลย”ชายหนุ่มตัดพ้อ
“หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ...พอตกใจทีไรเส้นมันก็กระตุกทุกครั้งเลย”เด็กแสบแก้ตัวเสียงอ่อย
“โรคนี้รักษาได้...เดี๋ยวตอนเย็นพี่กลับมาจะรักษาให้นะ รับรองหายสนิท”
“รักษายังไงคะ”หญิงสาวถามอย่าพาซื่อ
“นวดแล้วก็นา...อุ๊บ!”
นันท์นลินรีบเขย่งปลายเท้ายกมือขึ้นปิดปากคุณป๋าจอมหื่นก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
“คนทะลึ่ง!”หญิงสาวทำตาขึงใส่
ชายหนุ่มฉวยโอกาสฝังจูบกลางฝ่ามือน้อยก่อนที่จะปลดมือเธอมากุมเอาไว้
“ไม่เห็นต้องเขินเลย...พี่สัญญาเลยนะว่าจะทำให้น้องลินประทับใจกับประสบการณ์แรก”ชายหนุ่มให้สัญญาดวงตาวิบวับ
“ไปทำงานได้แล้วค่ะ...สายแล้ว”นันท์นลินรีบไล่คนที่ยังโอ้เอ้ไม่ยอมไปทำงานเสียทีทั้งที่ตอนนี้ก็สายมากแล้ว
“ไปส่งพี่ที่ประตูด้วยสิครับ”ชายหนุ่มสั่ง เมื่อหญิงสาวยื่นกระเป๋าเอกสารส่งให้เขา
“เชิญค่ะ...คุณป๋า”นันท์นลินประชดเดินนำเขาไปก่อน ในขณะที่คุณป๋าหัวเราะร่ารีบก้าวตามมาติดๆ
“ขอให้ทำงานอย่างมีความสุขนะคะ”หญิงสาวบอกเสียงใส แล้วหมุนตัวจะเดินเข้าห้องแต่ทว่า
“อะไรอีกละคะ”ถามหน้ายุ่งเมื่อเขายื่นมือมาเกี่ยวเอวและจับเธอหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
“ยังทำหน้าที่ไม่ครบเลยนะ”วิปัศย์ทวง มองหญิงสาวอย่างมีเลศนัย
“ก้มลงมาหน่อยสิคะ”หญิงสาวสั่งเจ้าหนี้จอมงกที่ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อย
เจ้าหนี้หนุ่มอมยิ้มโน้มตัวลงมา เตรียมรับดอกเบี้ยจากลูกหนี้สาว
นันท์นลินยื่นหน้าไปประทับจูบแก้มของเจ้าหนี้อย่างเสียไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่พอใจ
“แค่นี่เองเหรอ?”
“ตอนเช้าเอาแบบเบาๆ ก่อนสิคะ...แล้วตอนเย็นค่อยจัดหนัก”หญิงสาวปลอบ เมื่อเห็นว่าเขาตั้งท่าจะโยเย
“แน่ใจนะว่าน้องลินไม่มีแผนการทำร้ายพี่อีก”ชายหนุ่มยังผวากับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่หาย
นันท์นลินส่ายหน้ายิ้มแฉ่ง นัยน์ตาเต้นระริก ‘เมื่อคืนแค่รับน้องเท่านั้น’
“แล้วพบกันตอนเย็นนะครับ”ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาจูบแก้มสาวน้อยดังฟอด ก่อนจะเปิดประตูและผิวปากเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
-----------------------------
สวัสดีค่ะ LALA ขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านที่เข้ามาอ่านและเม้นท์ทักทายกันนะคะ
สำหรับเพื่อนๆบางคนที่จำภาคแรกไม่ได้และขอให้มาลงให้อ่านใหม่อีกครั้ง>>> LALA ต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่ไม่สามารถมาลงให้อ่านได้ เพราะเรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์แล้ว
และแจ้งเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนเพื่อทราบนะจ๊ะ
สำหรับการลงโพสนิยายเรื่องนี้ LALA จะขอลบตอนแรกๆออก เช่น ถ้ามาลงบทที่ 2 LALA ก็จะขอลบบทที่ 1 ออก และเมื่อมาลงบทที่ 3 ก็จะลบบทที่ 2 ออก

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ส.ค. 2554, 17:10:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ส.ค. 2554, 17:10:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 4993

anOO 8 ส.ค. 2554, 17:55:58 น.
ยัยลินนี่ แสบใช่ได้เลย
ยัยลินนี่ แสบใช่ได้เลย

lovemuay 8 ส.ค. 2554, 19:54:32 น.
พี่ปัศย์หื่นอ่ะ หยั่งกะเฆ่าหัวงูเลย ^^
พี่ปัศย์หื่นอ่ะ หยั่งกะเฆ่าหัวงูเลย ^^

nutcha 8 ส.ค. 2554, 20:23:57 น.
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ

nutcha 8 ส.ค. 2554, 20:24:08 น.
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ

nutcha 8 ส.ค. 2554, 20:24:13 น.
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ
คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีหนูอีกหรือเปล่าหนอ

ปั้นฝัน 8 ส.ค. 2554, 21:24:52 น.
55 น่ารักอ่ะ อยากรู้คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีกหรือเปล่าน้า
55 น่ารักอ่ะ อยากรู้คืนนี้คุณป๋าจะเสียรู้อีกหรือเปล่าน้า

Zephyr 8 ส.ค. 2554, 21:32:34 น.
พี่หายระบมแล้วเหรอคะ..ช่างเป็นประโยคที่เสียดแทงใจคุณป๋าจริงๆเลยใช่มั้ย พี่ปัศย์ คืนนี้เตรียมรับมืออีหนูดีๆล่ะ
พี่หายระบมแล้วเหรอคะ..ช่างเป็นประโยคที่เสียดแทงใจคุณป๋าจริงๆเลยใช่มั้ย พี่ปัศย์ คืนนี้เตรียมรับมืออีหนูดีๆล่ะ

lnefficient 8 ส.ค. 2554, 21:44:42 น.
ป๋าปัศย์ขา คืนนี้จะรู้ว่าหญ้านะ "อ่อน"จริงหรือเปล่า
ป๋าปัศย์ขา คืนนี้จะรู้ว่าหญ้านะ "อ่อน"จริงหรือเปล่า

whitelotus 8 ส.ค. 2554, 23:05:02 น.
ชื่อตอนน่าจะเปลี่ยนเป็น "เหลี่ยมดรุณี" 555
ชื่อตอนน่าจะเปลี่ยนเป็น "เหลี่ยมดรุณี" 555

omelet 9 ส.ค. 2554, 00:12:14 น.
ตอนที่ 1 ไปไหนละคะ
ตอนที่ 1 ไปไหนละคะ

XaWarZd 9 ส.ค. 2554, 02:33:38 น.
คุณป๋าเสียรู้ตลอดกาล
คุณป๋าเสียรู้ตลอดกาล

หมูอ้วน 9 ส.ค. 2554, 06:22:17 น.
คืนต่อไปอีหนูจะรอดมั้ยเอ๋ย รออ่านตอนต่อไปค่าา
คืนต่อไปอีหนูจะรอดมั้ยเอ๋ย รออ่านตอนต่อไปค่าา

รอให้เป็นเล่ม 9 ส.ค. 2554, 07:49:53 น.
กด ไลค์ ไปหนึ่งที
กด ไลค์ ไปหนึ่งที

Siang 9 ส.ค. 2554, 09:34:48 น.
ดูท่าแล้ว ตอนหน้า คุณป๋าก็ยังคงไม่ได้แอ้มหนูลินแน่ๆ
ดูท่าแล้ว ตอนหน้า คุณป๋าก็ยังคงไม่ได้แอ้มหนูลินแน่ๆ

gozilar 9 ส.ค. 2554, 09:48:55 น.
ขอโทษนะคะ ถ้าจะลงหนึ่งตอนแต่ลบตอนเก่า คงต้องมีเวลาในการลงที่แน่นอน สำหรับแฟนๆ ของคุณวิปัศย์แล้วหล่ะคะ ว่าจะมาลงวันไหน เช่น ทุกวันจันทร์ แบบนี้อะคะ
ขอโทษนะคะ ถ้าจะลงหนึ่งตอนแต่ลบตอนเก่า คงต้องมีเวลาในการลงที่แน่นอน สำหรับแฟนๆ ของคุณวิปัศย์แล้วหล่ะคะ ว่าจะมาลงวันไหน เช่น ทุกวันจันทร์ แบบนี้อะคะ

yunjaelover 9 ส.ค. 2554, 11:36:15 น.
เอ่อ พลาดตอน 1 ซะแล้วอะ เสียดายจัง
เอ่อ พลาดตอน 1 ซะแล้วอะ เสียดายจัง

หญิงใหญ่ 9 ส.ค. 2554, 12:56:02 น.
รอจะสอย "นายหัววรรธกับน้องภา" อยู่อ่ะ เมื่อไหร่จะได้ยลโฉมล่ะจ๊ะ =_='
รอจะสอย "นายหัววรรธกับน้องภา" อยู่อ่ะ เมื่อไหร่จะได้ยลโฉมล่ะจ๊ะ =_='

dee_jung 9 ส.ค. 2554, 23:24:59 น.
อดอ่านตอนหนึ่งเลยค่ะ
อดอ่านตอนหนึ่งเลยค่ะ


nunoi 16 ส.ค. 2554, 19:02:08 น.
ไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เหมือนกันเลย เสียดายจังค่ะ
ไม่ได้อ่านตอนที่ 1 เหมือนกันเลย เสียดายจังค่ะ