The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 2 : || ข้อตกลง ||
EPISODE 2
ข้อตกลง
ข้อเสนอของวอลถือว่าน่าสนใจในระดับหนึ่ง
เด็กหนุ่มยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยเหลือเรื่องเส้นทางโดยแลกเปลี่ยนกับการให้เขาเดินทางไปด้วย มิเวลเกือบจะเผลอตกลงกับข้อตกลงนั่นไปเสียแล้วหากไม่ฉุกคิดขึ้นได้เสียก่อน ถ้าวอลรู้เรื่องเส้นทางหนีดี แล้วทำไมถึงโดนจับประหารชีวิตล่ะ จะเรื่องเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ก็ไม่น่าใช่ เพราะเธอสัมผัสไอเวทจากวอลไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นครั้งแรกที่มิเวลเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เซนเธคงขึ้นครองเมืองได้เพราะปกปิดพวกชาวเมืองเรื่องพลังเวทของตนเองเอาไว้ แต่ถ้าวันใดความลับถูกเปิดเผย ล่วงรู้ไปถึงเมืองอื่นเข้า จะต้องเกิดสงครามขึ้นแน่ และเมืองอื่นๆ ก็จะคิดว่าพวกชาวเมืองสมรู้ร่วมคิดด้วยที่ให้ผู้ใช้เวทขึ้นครองเมือง ยังดีหน่อยที่พวกเมืองใหญ่ๆ ไม่สนใจเมืองเล็กๆ อย่างเบอริล แต่ท่ามกลางสมรภูมิระหว่างคนธรรมดากับผู้ใช้เวทมนตร์เช่นนี้ เวลาแห่งความสงบสุขจะเหลืออีกนานเท่าไหร่หนอ
มิเวลไล่ความคิดไร้สาระในหัวออกไป ตอนนี้เธอสนใจเพียงแผนที่ต้องคำสาปเท่านั้น แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปว่ามันมาอยู่ในเบอริลได้อย่างไรก็ตาม
“เจ้ารู้เส้นทางในเมืองนี้ได้อย่างไรกัน” เสียงเครียดเอ่ยถาม วอลร้องอ๋อพร้อมรอยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำถามของเธอ
“นั่นเกี่ยวกับอาชีพหนึ่งที่ข้าทำน่ะ ข้าเป็นนักหวนคืน”
“นักหวนคืน?” มิเวลทวน เธอไม่เคยได้ยินอาชีพนี้มาก่อน
“ข้าเป็นผู้ดึงความทรงจำของคนที่ลืมเลือนให้กลับคืนมา ดังนั้นข้าก็เลยรู้เส้นทางมากมายเพราะพวกที่อยู่ในคุกส่วนใหญ่ก็โดนข้อหาขโมยของในวังนี่แหละ ส่วนค่าตอบแทนก็...ยังไงอยู่ในคุกมันก็ไม่มีเงินอยู่แล้วน่ะนะ แถมได้ดูความทรงจำมันก็สนุกดีอยู่แล้ว” วอลยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะถามกลับ “แล้วเจ้าล่ะทำอาชีพอะไร คงไม่ใช่หัวขโมยหรอกนะ”
เด็กสาวค้อนให้คนปากเสียหนึ่งที เห็นทีเธอต้องหาทางปิดปากเจ้าคนพูดมากก่อนไปขโมยแผนที่ก่อนซะแล้ว
“ข้าเป็นนักขายความฝัน”
“โฮ่...” วอลอ้าปากกว้างพร้อมกับทำตาโต
คนมือไวตบป้าบเข้าให้ที่หัวของอีกฝ่าย วอลหัวเราะเบาๆ พลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ปลื้มกับอาการอึ้งทึ่งเกินเลยของเขาสักเท่าไหร่
มิเวลบ่นอุบอิบอย่างรำคาญ ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่วอลบอก นัยน์ตาสีทับทิมเหล่มองคนข้างตัวอย่างสับสน
อาชีพนักหวนคืนอะไรนั่นฟังดูแล้วต้องใช้เวทมนตร์ แล้ววอลทำอาชีพนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวปฏิเสธว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ไม่ได้
“เจ้า...มีพลังเวทงั้นหรือ”
“พลังเวทคืออะไร” คนถูกถามเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าไร้เดียงสาเหมือนไม่รู้อะไรจริงๆ ทำให้มิเวลต้องข่มกลั้นอารมณ์ฉุนเอาไว้ เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยใจพร้อมทั้งรำคาญคนตรงหน้าเพิ่มมากขึ้นเข้าไปทุกที
“...เจ้าใช้ความสามารถอะไรในการทำอาชีพนักหวนคืนล่ะ”
“ข้าใช้พลังจิต คนที่มีจิตแรงกล้าใช้พลังจิตได้ทั้งนั้นแหละ”
“หมายความว่ายังไง”
“รวมเป็นหนึ่งเดียว...นั่นคือการใช้พลังจิต” วอลตอบลอยๆ น่าแปลกที่ประโยคนั้นฟังดูเศร้าประหลาด แต่คนพูดออกมายังคงยิ้มแย้มเหมือนไม่รู้สึกอะไร
ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “ข้าไม่เข้าใจ มันหมายความว่ายังไงกัน”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เป็นอีกครั้งที่มิเวลรู้สึกอยากฆ่าคน
“เอาล่ะ ข้าเชื่อก็ได้ว่าเจ้ารู้เรื่องเส้นทาง แต่ข้าไม่ตกลงเรื่องพาเจ้าเดินทางไปด้วยเด็ดขาด”
“อ้าว ทำไมล่ะ ข้าว่าเราออกจะเข้าขากันดี”
“ไม่เลยสักนิด เจ้าเป็นตัวถ่วงข้า แล้วข้าก็ไม่ต้องการเพื่อนร่วมเดินทาง เพราะฉะนั้นข้า...” มิเวลค้างไว้แค่นั้น เห็นเด็กหนุ่มก้มหน้าลงไม่พูดอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที สีหน้าเคยยิ้มแย้มตลอดเวลาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมาไม้นี้
“ใจร้าย”
“ละ...แล้วเพราะอะไรเจ้าถึงอยากไปกับข้านัก”
หมดกัน หมดสิ้นทุกอย่าง เธออุตส่าห์ตั้งใจแล้วว่าจะไม่อ่อนแอไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม เธอจะไม่แสดงความเห็นใจอะไรทั้งนั้นเพื่อเป็นคนเข้มแข็งที่สุดให้ได้ แต่วันนี้เธอกลับทลายความตั้งใจนั่นลง แล้วมันก็กำลังจะมีครั้งที่สองในวันเดียว!
“ข้าไม่มีเป้าหมายอะไร ไปกับเจ้าคงสนุกดี แถมข้าช่วยเจ้าเรื่องเส้นทางได้อีกนะ”
“ข้าไม่ต้องการ” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอเริ่มรู้สึกระแวดระวังกับคนตรงหน้ามากขึ้น ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นถึงนักโทษอาญาต้องโทษประหารชีวิต บางทีเขาอาจจะแกล้งหลอกทุกอย่างให้เธอตายใจแล้วค่อยเอามีดเสียบข้างหลังเธอก็เป็นได้ “เจ้าต้องการอะไร ไม่มีใครไม่มีจุดประสงค์เรื่องสิ่งตอบแทน”
วอลคิดหาคำตอบกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ท่าทางหมองเศร้าเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น “ไม่รู้สิ ข้าแค่อยากเดินทางไปเรื่อยๆ”
สีหน้าของเด็กสาวยังคงบอกว่าไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด
“ก็ได้ๆ ข้ามีเป้าหมายเดียวกับเจ้า อย่างน้อยก็คล้ายๆ แหละ”
มิเวลเงียบ สายตาคาดคั้นบอกว่ากำลังรอให้เขาสารภาพออกมาอีก
“เจ้าจะขโมยแผนที่ต้องคำสาปใช่มั้ยล่ะ ข้าก็ต้องใช้เหมือนกัน” วอลยิ้มแหยหลังจากสารภาพจนหมดเปลือก
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องการแผนที่ต้องคำสาป” เสียงข่มขู่พร้อมกับใช้สายตาดุมองอีกฝายอย่างไม่ไว้ใจ เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยบอกเหตุผลของการลอบเข้าวังหลวงกับวอลมาก่อน
“ข้ารู้เรื่องแผนที่จากผู้คุมในคุก เดาจากท่าทางและฝีดาบของเจ้าคงไม่ใช่พวกขโมยของมีค่าแน่ อ้อ ข้าเห็นเจ้าใช้ดาบตอนอยู่ที่ระเบียงน่ะ แล้วก็คงไม่มีพวกสติดีคนไหนอยากเข้าใกล้วังหลวงนักหรอก”
เด็กสาวคาดว่าผู้คุมที่ว่าคงเป็นคนเดียวกับคนในร้านเหล้าตอนนั้น คนประเภทปากสว่างก็เป็นอีกพวกที่เธอนึกเกลียด
“แล้วเจ้าจะเอาแผนที่ต้องคำสาปไปใช้อะไร”
“ส่งของ” รอยยิ้มกวนๆ ของวอลไม่ได้ทำให้มิเวลตกตะลึง แต่เป็นเหตุผลที่เขาต้องการแผนที่นั่นต่างหาก
“ส่งของ? หนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามในแผนที่เนี่ยนะ” เด็กสาวถามย้ำอย่างไม่อยากเชื่อ แต่วอลกลับยิ้มกว้างพยักหน้าตอบรับอย่างมั่นใจ เห็นแล้วเธอก็นึกหน่ายใจ ดูท่าเจ้าบ้านี่คงไม่รู้จักเรื่องสถานที่ต้องห้ามพวกนี้เสียด้วยซ้ำ
แต่จะว่าไป อาชีพนักหวนคืนนี่มันต้องไปส่งของด้วยหรือไงกัน
“เจ้าจะไปส่งของอะไร”
“ตุ๊กตาน่ะ” อีกครั้งที่มิเวลต้องอึ้งกับคำตอบอันแสนพิลึกของอีกฝ่าย
นักหวนคืนต้องการเดินทางไปยังสถานที่ต้องห้ามเพื่อส่งตุ๊กตา?
“...เจ้าหมายความว่า...ไปส่งตุ๊กตา...แล้ว...ทำไมเจ้าถึงต้องไปส่งตุ๊กตาด้วยล่ะ มันไม่เกี่ยวกับอาชีพของเจ้าเลยสักนิด” เด็กสาวพยายามคิดโยงอาชีพของวอลกับการเดินทางไปส่งตุ๊กตาเข้าด้วยกัน เธอยอมรับว่าอาจจะเกี่ยวเนื่องในเรื่องของการนำของไปคืน แต่ถึงกับต้องเดินทางฝ่าอันตรายเลยหรือไงกัน
วอลอมยิ้มพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหึๆ กวนประสาท ซึ่งทำให้เขาถูกมิเวลค้อนเข้าให้
“ข้าเป็นนักประดิษฐ์ตุ๊กตาน่ะ ก็เลยต้องทำตามรายการที่สั่งมา”
“แล้วเรื่องที่เจ้าบอกว่าตัวเจ้าเป็นนักหวนคืนล่ะ” มิเวลเริ่มอยากล้างสมองของตนเองแล้วไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เธองงไปหมดแล้ว
“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าเป็นแค่นักหวนคืนนี่นา ข้าเป็นนักประดิษฐ์ตุ๊กตาด้วย เจ้าจะเอาสักตัวมั้ยล่ะ คนรู้จักกันข้าคิดไม่แพง” เจ้าบ้าวอลโฆษณาขายของอย่างออกหน้า พลางก้มมองรอบตัวหาย่ามใส่ข้าวของของตัวเองโดยไม่สนใจสายตาประหลาดของมิเวล
“ย่ามของข้าอยู่ในคุกแน่ๆ แย่จริงเชียว” เสียงบ่นอุบอิบพร้อมส่ายหัวไปมาด้วยความเสียดาย แต่ไม่นานเจ้าตัวก็กลับมายิ้มแฉ่งเหมือนเดิม
“เจ้าทำตุ๊กตาขายงั้นหรือ” มิเวลเอ่ยถามอย่างสนใจ รู้สึกทึ่งในอาชีพแปลกๆ ของอีกฝ่าย เป็นทั้งนักหวนคืน แล้วก็ยังนักประดิษฐ์ตุ๊กตาอะไรนี่อีก
“ใช่ ข้าทำตุ๊กตาตามคำสั่ง แล้วค่อยเดินทางไปหาผู้สั่งทำเพื่อให้เขาใส่ ‘ความฝัน’ ลงในตุ๊กตาก่อนจะนำไปส่งให้กับผู้รับ”
เด็กสาวพยักหน้ารับฟังวิธีการทำงานของวอล ฟังแล้วดูเป็นเรื่องยุ่งยากมีรายละเอียดจุกจิกเต็มไปหมด แน่นอนว่าเธอไม่มีทางทำงานแบบนี้ได้
หลังจากถามอะไรอีกนิดหน่อยมิเวลก็ตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรอีก แล้วหันมาปรึกษากันเรื่องลอบเข้าวังหลวงแทน เธอไม่ได้อยากรู้เรื่องอะไรของวอลมากนัก ส่วนเรื่องให้เดินทางไปด้วยกันก็คงต้องเอาไว้คิดทีหลัง เพราะตอนนี้การขโมยแผนที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“เจ้าหมายความว่าเส้นทางในวังแบ่งเป็นเจ็ดทาง และห้าในเจ็ดคือทางตันอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ วังหลวงถูกเวทอะไรพะรุงพะรังนี่แหละซ่อนอยู่”
“เวทพรางตัว” มิเวลแก้
“นั่นแหละ โถ่ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สันทัดเรื่องมนตร์คาถา จะให้เจนโลกเหมือนเจ้าน่ะข้าทำไม่ได้หรอก” พูดจบวอลก็เอี้ยวตัวหลบหมัดพิฆาตได้อย่างหวุดหวิด สายตาอาฆาตจากเด็กสาวทำให้เขาส่งสายตากวนๆ กลับไป
เห็นทีเธอคงจะต้องหาอะไรมาอุดปากเจ้าบ้านี่เสียแล้ว
“เอาเป็นว่าเจ้าก็แค่พาตัวเองให้ถึงห้องนอนของเจ้าชายริชาร์ด ถอนเวทพรางตัววังหลวงออกแล้วก็คว้าแผนที่ หลังจากนั้นก็หนีออกมาตามท่อระบายน้ำ สมบูรณ์แบบ!”
“สมบูรณ์แบบซะที่ไหนกันล่ะ!”
มือไวตบป้าบเข้าให้ที่ไหล่ของคนกวนประสาท เด็กหนุ่มร้องโอ๊ยแล้วหันมองเธอด้วยสายตาเจ็บปวดเสียเต็มประดา ยังดีนะที่เธอไม่ร่ายเวทไฟเผาซะเลย
“หนึ่ง เจ้าลืมไปว่าห้องนอนเจ้าชายคงมีทหารห้อมล้อมอยู่เพียบ กว่าข้าจะฝ่าฟันไปถึงเขาก็รู้ตัวก่อนแล้ว สอง ถึงข้าจะใช้เวทได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะสามารถร่ายเวทถอนมนตราของผู้มีพลังเวทสูงกว่าออกได้ แล้วเจ้าคิดหรือว่าผู้เป็นถึงเจ้าเมืองสามารถหลอกทุกคนเรื่องตัวเองเป็นผู้ใช้เวทได้อย่างกษัตริย์เซนเธจะมีพลังเวทต่ำต้อย แล้วก็สาม! ท่อระบายน้ำยิ่งเป็นจุดป้องกันสูงที่สุด ข้าคนเดียวสู้กับทหารเป็นพันไม่ไหวหรอกนะ”
แต่ผู้แนะนำเส้นทางกลับส่ายหน้าพร้อมกับส่งเสียงจุ๊ๆ มิเวลเม้มปากแน่น ยืนกอดอกมองรอยยิ้มทะเล้นของคนขี้เล่น อารมณ์เดือดของเธอชักจะหยุดไม่อยู่เสียแล้ว
“เรื่องลอบเข้าวังน่ะง่ายเหมือนปอกกล้วย แค่เจ้าทำตามข้าก็พอ”
“หา! นั่นมันเรื่องฆ่าตัวตายชัดๆ!”
“เอาน่า ข้าขอถามแค่อย่างเดียวว่าเจ้าร่ายมนตร์อะไรได้บ้าง แบบมนตราพื้นฐานทั่วๆ ไป อะไรก็ได้ หลังจากนั้นเรื่องทางหนีทีไล่ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง” วอลกล่าวอย่างมั่นใจ เขายืดตัวขึ้นเพื่อให้คนฟังมั่นใจตาม แต่เด็กสาวยังคงมองเขาเหมือนกำลังมองตัวประหลาด
“ข้าจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”
วอลเงียบไป พลางใช้ความคิดหาคำตอบของคำถามนั้น แต่ใช้เวลาไม่นานเขาก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าไม่มีอะไรพิสูจน์ตัวเอง ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าว่าจะเชื่อข้าหรือไม่”
มิเวลมองใบหน้าแต้มรอยยิ้มบางๆ ของอีกฝ่ายพร้อมใช้ความคิดถามตัวเองในใจ เธอไม่อยากเชื่อใจใคร ยิ่งเป็นนักโทษอย่างวอลยิ่งไม่น่าเชื่อ แต่อะไรบางอย่างในตัวเขากลับทำให้เธอรู้สึกอยากลองเชื่อเขาดูสักครั้ง
ใช้เวลาครุ่นคิดหาคำตอบอยู่นาน เด็กสาวก็ตัดสินใจ
“บอกมาเลยว่าข้าต้องทำอะไรบ้าง” เด็กหนุ่มยิ้มร่าแล้วเอ่ยตอบคำถามของมิเวลเสียงใสด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“...พาตัวเองไปที่ห้องนอนของเจ้าชายริชาร์ด ถอนเวทพรางตัววังหลวงออกแล้วก็คว้าแผนที่ หลังจากนั้นก็หนีออกมาตามท่อระบายน้ำ...ตามที่ข้าบอกเมื่อกี้นี่แหละ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ท้องฟ้ายามค่ำคืนแผ่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง ประดับด้วยแสงสว่างน้อยๆ จากดวงดาวและพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ราตรีนี้เงียบสงัดนัก ไร้เสียงใดๆ แม้แต่เสียงลมหนาว พักนี้อุณภูมิในเวลากลางคืนของเมืองเบอริลลดต่ำจนน่ากลัว จนมีบางครั้งที่ชาวเมืองถึงกับเสียชีวิตเพราะความหนาวจัด ซึ่งน่าแปลกมากเพราะเบอริลเป็นเมืองด้านตะวันออก ปีก่อนๆ ก็ไม่ได้มีอากาศหนาวเย็นอะไรนักเหมือนกับสองสามปีที่ผ่านมานี้
ภายในวังหลวงเริ่มประดับประดาด้วยไฟแสงสีบ้างแล้ว การตกแต่งทั้งหมดไว้สำหรับงานเลี้ยงฉลองต้อนรับเจ้าเมืองแคว้นยูราซึ่งจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การมาเยือนครั้งนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าทำไม
การดูตัวระหว่างเจ้าชายริชาร์ดและเจ้าหญิงเรเน่
ถึงจะมีงานรื่นเริงในอีกไม่ช้าและถือเป็นเรื่องไม่ดีตามคำเชื่อมาแต่โบราณหากทั้งวังเต็มไปด้วยพวกทหาร กษัตริย์เซนเธกลับออกคำสั่งเพิ่มทหารเวรยามขึ้นอีกสิบเท่า โดยเฉพาะตามทางเดินและหน้าห้องของเจ้าชายริชาร์ด รวมทั้งทางท่อระบายน้ำซึ่งเป็นทางหนีออกไปข้างนอกได้ เขามั่นใจว่าผู้บุกรุกเมื่อตอนกลางวันจะต้องย้อนกลับมาขโมยแผนที่ต้องคำสาปอีกแน่
คำสั่งตรงจากกษัตริย์เร่งให้ทุกฝ่ายรีบปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ยามหน้าประตูวังคือปราการป้องกันภัยที่ต้องแข็งแกร่ง สายตากวาดมองในความมืดหาสิ่งแปลกปลอมพร้อมกับตั้งสมาธิมั่น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
เขาคิดอย่างสบายใจ
แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นี้มัน...
เสียงอะไรบางอย่างหล่นตุ้บในความมืด ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนอีกสี่คน ก่อนทั้งสี่จะพยักหน้าลงความเห็นให้เขาเป็นคนเดินไปดู ทหารผู้กล้า (?) จึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ความมืดมิดนั่น แล้วเขาก็เห็นมัน
“...นี่มัน...ตุ๊กตานี่ ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้”
ตุ๊กตารูปร่างคล้ายสัตว์เวทชนิดหนึ่งซึ่งเขาหาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นชนิดอะไร ตามปกติแล้ว มีโอกาสน้อยมากถ้าคนที่ไม่ได้มีอาชีพข้องเกี่ยวกับพวกสัตว์เวทหรือจะเคยเห็นพวกสัตว์เหล่านี้นอกจากจะเคยอ่านเจอในหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ใช้เวท แถมยังเกลียดการอ่านหนังสือเข้าไส้ เพราะฉะนั้นแม้แต่ชื่อเรียกของมันเขาก็ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
แล้วทำไมตุ๊กตาสัตว์เวทถึงมาอยู่ตรงนี้กันล่ะ
ชายหนุ่มคว้าตุ๊กตาขึ้นมาแล้วเดินกลับไปยังประตูวัง ทหารทั้งห้าคนช่วยกันออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องตุ๊กตาตัวน้อย แต่ยังไม่ทันจะได้สรุปความอะไร เจ้าตุ๊กตาตัวปัญหาก็ดันขยับเคลื่อนไหว
มือที่ถือตุ๊กตาอยู่รีบสะบัดปล่อยทันที
ตุ๊กตาหล่นลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น สายตาทั้งห้าคู่จับจ้องไปยังร่างเล็กพร้อมด้วยหัวใจเต้นระรัว ในใจภาวนาให้เมื่อครู่นี้เป็นเพียงจินตนาการหรือไม่ก็พวกเขาแค่ตาฝาดไป
แต่อยู่ๆ ร่างน้อยๆ บนพื้นก็เริ่มขยับลุกขึ้นยืน ดวงตากลมโตสีดำสนิทแหงนมองร่างยักษ์ทั้งห้าอย่างใสซื่อ ซึ่งทุกคนยืนตัวแข็งเป็นหินจ้องเขม็งกลับมาราวกับคนตกใจสุดขีด
ตุ๊กตาตัวน้อยยิ้ม
ร่างเล็กปรากฏเปลวไฟลุกท่วมพร้อมกับมีภาพจางๆ เหมือนมีอีกร่างซ้อนทับอยู่...จากหนึ่ง เป็นสอง จากสอง เป็นสี่...มันเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขามองภาพนั้นตาค้าง ไม่นานบริเวณหน้าประตูวังก็เต็มไปด้วยตุ๊กตาจำนวนมหาศาล
พวกเขาทั้งห้าต่างยืนขวางหน้าประตูมองกองทัพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ตุ๊กตาตัวหนึ่งวิ่งลอดใต้ขาของทหารยามไปที่ประตูวังก่อนจะกระโดดเกาะบานประตูแล้วมีเสียงกริ๊กเบาๆ
ตูม!
บานประตูเหล็กไม่สะทกสะท้านอะไร ส่วนกำแพงอิฐด้านข้างแตกกระจาย แต่คนเฝ้ายามนี่สิ พวกเขาโดนสะเก็ดระเบิดจนต้องลงไปนอนร้องโอดครวญบนพื้น เหล่าตุ๊กตาได้โอกาสจึงพากันวิ่งกรูไปที่ประตู ทั้งเตะทั้งต่อยบานประตูเหล็ก เกิดเสียงก๊อกแก๊กฟังคล้ายเสียงเพลงดูแล้วน่ารักมากกว่าน่ากลัว ส่วนบานประตูก็ยังคงตั้งตระหง่านไม่มีแม้กระทั่งรอยขูดขีด
ผ่านไปสักพักไม่มีทีท่าว่าจะสร้างความเสียหายอะไรได้ ตุ๊กตาทั้งหลายจึงเริ่มแผนสองตามคำสั่งของเจ้านาย ทั้งหมดเริ่มต้นขุดดินหน้าประตูเป็นหลุมกว้างอย่างรวดเร็ว ขุดลึกลงไปเรื่อยๆ จากนอกประตู จนในที่สุดก็ขุดผ่านประตูเหล็กขึ้นมาโผล่ด้านใน
เพราะเสียงระเบิดเมื่อครู่จึงมีทหารสองสามคนวิ่งมาดูสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเห็นกองทัพตุ๊กตาน้อยๆ แถมทั้งหมดยังเคลื่อนไหวได้อีกต่างหาก ดูน่ารักก็จริงอยู่ แต่เห็นตุ๊กตาขยับได้แบบนี้พวกเขาจึงยืนนิ่งตะลึงงัน
ตั้งสติได้ก็หลังจากที่เหล่าตุ๊กตาตัวจ้อยวิ่งกรูผ่านพวกเขาเข้าไปในเขตของวังหลวง ทั้งสามอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่คนหนึ่งจะเลือกวิ่งไปเปิดประตูเหล็กเพื่อถามทหารเฝ้ายามหน้าประตูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเขาเปิดประตูออกกลับเห็นนัยน์ตาสีเงินสว่างบนใบหน้าหวานพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างแทน
“ขอบคุณมากครับ ข้ากำลังกลุ้มใจว่าจะมุดดินยังไงอยู่พอดี”
“หะ...หา เอ๊ะ เจ้านี่หน้าคุ้นๆ อยู่นะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายนึกออก วอลออกหมัดไปที่ท้องของทหารผู้โชคร้าย หรืออาจจะโชคดีเพราะเรี่ยวแรงปวกเปียกของเด็กหนุ่มทำให้รู้สึกเจ็บๆ คันๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นทหารผู้กล้าจึงรีบสวนหมัดกลับไปให้ศัตรู แต่ยังไม่ทันถึงร่างของเจ้าตัวดี เด็กหนุ่มหน้าหวานก็ลงไปนั่งยองๆ กับพื้น เอามืดปิดหน้าพร้อมกับร้องโฮดังลั่น
ทหารหนุ่มจึงได้แต่ยืนทำอะไรไม่ถูก มองคนร้องไห้อย่างมึนงง
หมัดยังไม่โดนตัวเลยนะ หรือข้าทำอะไรรุนแรง? นี่ข้าทำอะไรผิดไป?
“ใจร้าย” น้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะร้องโฮต่ออีก
ทหารหนุ่มกลืนน้ำลาย รีบกวาดสายตามองหาความช่วยเหลือจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เห็นร่างผู้ร่วมงานอีกห้าคนนอนสลบไสลอยู่ไม่ไกล แต่พอหันกลับมาที่เดิม ปลายดาบแหลมก็จ่ออยู่ที่คอของตัวเองแล้ว
“ข้าขอโทษนะ” มิเวลเปลี่ยนเป็นใช้สันดาบตีหลังคอของอีกฝ่ายจนสลบ วอลรีบคว้าพวงกุญแจที่เสียบอยู่ตรงเอวของร่างไร้สติแล้วยื่นส่งให้มิเวล
“อะไร”
“กุญแจไง เผื่อต้องใช้”
มิเวลรับมาเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอว พอเงยหน้าขึ้นก็เจอเข้ากับดาบยาวของศัตรู เธอเอี้ยวตัวหลบได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะหันไปถลึงตาใส่พวกเดียวกันซึ่งวิ่งไปหลบภัยอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ก่อนใบหน้าหวานจะหายเข้าไปในที่กำบัง
ทุเรศที่สุด!
ปล่อยให้ผู้หญิงอย่างเธอต้องสู้ ส่วนตัวเองหนีเอาตัวรอด น่าโมโหจริงๆ!
มิเวลจัดการทหารยามสองคนได้พร้อมกันในดาบเดียว เพราะอารมณ์เสียเลยทำให้เธอรุนแรงเกินไปหน่อย เสียงตบมือเปาะแปะดังขึ้นพร้อมกับถ้อยคำชมเชย
“เยี่ยมยอด เจ้าเก่งจริงๆ ด้วย”
“วิ่งหนีไปหลบหลังผู้หญิง เจ้านี่มันขี้ขลาดที่สุด” เด็กสาวรีบเดินหนี นึกเสียใจที่ช่วยเจ้าบ้าเมื่อตอนกลางวัน ถ้าเธอไม่อ่อนแอตอนนั้น ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่อย่างนี้แล้ว
“ข้าไม่กีดกันเพศนี่นา ข้าถือคติว่าคนเก่งก็คือคนเก่ง ไม่แบ่งแยกหญิงชาย ในเมื่อเจ้าเก่งกว่าข้า ข้าก็ต้องหลบอยู่หลังเจ้าสิถึงจะถูก จะให้ข้าสู้แล้วเจ้าหลบ ไม่เกินนาทีเดียวรับรองว่าไม่รอด”
เด็กสาวมองใบหน้าใสซื่ออย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยังมีหน้ามาเถียงฉอดๆ แต่เธอขี้เกียจเถียงกลับก็เลยยอมเออออตามไปด้วย
ทั้งคู่ตกลงเรื่องแผนการกันอีกสักพักจนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพร้อมทั้งเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งใกล้เข้ามา ทั้งสองจึงเริ่มแผนการของตนเอง วิ่งแยกจากกันไปคนละทาง
มิเวลวิ่งไปตามเส้นทางที่วอลบอกว่ามันจะพาไปยังห้องของเจ้าชายริชาร์ด เมื่อครู่เธอถามซ้ำอีกครั้งขอให้เขาบอกรายละเอียดมากกว่าการให้ไปที่ห้องเจ้าชาย ขโมยแผนที่ แล้วก็หนีไปตามท่อระบายน้ำ แต่วอลกลับยิ้มกวนๆ ทำเสียงจุ๊ๆ บอกให้สนใจแค่นั้น ยังดีที่ยอมตัดเรื่องทำลายเขตอาคมเข้าได้แต่ออกไม่ได้ของกษัตริย์เซนเธออกไป แต่ในเมื่อมีเรื่องเขตอาคมเป็นปัญหา แล้วแบบนี้แล้วจะหนีออกไปอย่างไรกันล่ะ
ทางเดินมียามเฝ้าน้อยกว่าที่คิด ไม่สิ น้อยเกินไป ตลอดทางที่วิ่งมามิเวลเจอยามแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งเธอก็ใช้ดาบจัดการได้อย่างง่ายดาย เด็กสาวไม่รู้ว่าวอลแยกตัวไปอีกด้านนั้นไปทำอะไรบ้าง หวังเพียงอย่างเดียวว่าเขาจะไม่ขายเธอ
แต่ความเสี่ยงก็ดันสูงเสียเหลือเกิน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โฮป: ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านอย่างสุดซึ้ง
จากนี้ไปโฮปขอฝากเนื้อฝากตัว ขอความกรุณาด้วยนะฮับ!!
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2560, 13:58:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2560, 13:58:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 729
<< Episode 1 : || นักโทษประหาร || | Episode 3 : || พลังจิตของนักโทษประหาร || >> |