กลลวงรักจอมบาป
“ผมชอบก้นงอนๆ ของคุณจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้ก้าวร้าวใต้ร่างผมเมื่อไหร่
เรื่องอัปไซส์เป็นคัพบีหรือมากกว่านั้นคงไม่มีปัญหา”
ชีวิตโสดของ อคิลลีส คูแลนท์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ผู้มั่งคั่งแห่งเวสต์อเมริกา เขามีความสุขอย่างสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้
และการแสดงโชว์เปลือยที่มีอย่างกลาดเกลื่อนในลาสเวกัส
กลับต้องสะดุดเมื่อน้องชายซึ่งเป็นดาราดังของฮอลลีวูด
เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ แต่นั่นยังไม่ทำให้ชีวิตของ
‘จอมบาปแห่งลาสเวกัส’ วุ่นวายเท่ากับการต้องกลายเป็น
ผู้ปกครองของเด็กชายวัยขวบครึ่ง ซึ่งอยู่ในความดูแลของ
‘แม่สาวก้นงอน’ ที่คอยจะ ‘ตัดคะแนน’ เขาตลอดเวลา!
หากเปรียบเขาเป็นความชั่วร้าย ปภัชสา ซึ่งเป็นหนึ่งใน
เจ้าหน้าที่ประเมินความพร้อมผู้ปกครองคนใหม่ของเด็กน้อย
ก็เปรียบเสมือนความดีงามของโลกที่หลงเหลืออยู่อย่างน้อยนิด
เด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาจากจิตอันเป็นกุศลของผู้ใจบุญ
ย่อมไม่มีทางคล้อยตาม ‘ความคิดเจ้าเล่ห์ของจอมบาป’
ซึ่งประกาศกร้าวว่าต้องการเชยชมเรือนร่างของเธอด้วยการใช้
‘เหตุผลสองข้อ’ ที่เธอขาดแคลนมาทั้งชีวิตเข้าล่อลวงโดยเด็ดขาด!
เรื่องอัปไซส์เป็นคัพบีหรือมากกว่านั้นคงไม่มีปัญหา”
ชีวิตโสดของ อคิลลีส คูแลนท์ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ผู้มั่งคั่งแห่งเวสต์อเมริกา เขามีความสุขอย่างสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้
และการแสดงโชว์เปลือยที่มีอย่างกลาดเกลื่อนในลาสเวกัส
กลับต้องสะดุดเมื่อน้องชายซึ่งเป็นดาราดังของฮอลลีวูด
เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ แต่นั่นยังไม่ทำให้ชีวิตของ
‘จอมบาปแห่งลาสเวกัส’ วุ่นวายเท่ากับการต้องกลายเป็น
ผู้ปกครองของเด็กชายวัยขวบครึ่ง ซึ่งอยู่ในความดูแลของ
‘แม่สาวก้นงอน’ ที่คอยจะ ‘ตัดคะแนน’ เขาตลอดเวลา!
หากเปรียบเขาเป็นความชั่วร้าย ปภัชสา ซึ่งเป็นหนึ่งใน
เจ้าหน้าที่ประเมินความพร้อมผู้ปกครองคนใหม่ของเด็กน้อย
ก็เปรียบเสมือนความดีงามของโลกที่หลงเหลืออยู่อย่างน้อยนิด
เด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาจากจิตอันเป็นกุศลของผู้ใจบุญ
ย่อมไม่มีทางคล้อยตาม ‘ความคิดเจ้าเล่ห์ของจอมบาป’
ซึ่งประกาศกร้าวว่าต้องการเชยชมเรือนร่างของเธอด้วยการใช้
‘เหตุผลสองข้อ’ ที่เธอขาดแคลนมาทั้งชีวิตเข้าล่อลวงโดยเด็ดขาด!
Tags: แด็ดดี้เคิร์ท, ปิ่น, บูตี้เลิฟ, เมมฟีส, เด็ก, ฟิน
ตอน: ตอนที่ 5 100%
เนื้อความตามพินัยกรรมที่สั่งให้อคิลลีสเป็นผู้ปกครองเมมฟีสแต่เพียงผู้เดียวนั้น ทำให้เขามีความอดทนรอคอยการกลับมาของหลานชายด้วยอารมณ์ที่สงบขึ้น
ในระหว่างที่ทนายความกำลังจัดการเดินเรื่องอยู่นี้ หัวหน้าศูนย์ฯ ลาสเวกัสจึงไม่ต้องใจหายใจคว่ำกับท่าทีเกรี้ยวกราดของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หนุ่ม บรรยากาศในศูนย์ฯ ลาสเวกัสจึงเป็นไปตามปกติและไม่ได้ยินเสียงแผดร้องของเมมฟีสอีกเพราะมีเจ้าหน้าที่สาวชาวไทย ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ข้างกายเด็กน้อยตลอดเวลา
แม้ในแต่ละวันสำหรับปภัชสาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีกิจกรรมมากมายที่เธอตั้งใจทำให้เด็กๆ เกิดความสนุกสนานและเพลิดเพลินแต่อีกใจก็ยังคิดถึงเรื่องของประพจน์อยู่ตลอดเวลา ข่าวที่น่ายินดีในวันนี้คือเด็กน้อยที่ติดเธอแจราวกับรอยสักบนร่างกายอย่างเมมฟีสกำลังจะได้กลับไปอยู่บ้านโดยถาวร
“ถอยไป!...”
เสียงตวาดที่ดังขึ้นนั้นดึงสติของปภัชสาให้หลุดออกจากห้วงความคิดแล้วมองไปยังต้นกำเนิดของเสียง ในขณะที่ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือเล็กๆ เอาไว้เสียก่อนที่เด็กน้อยจะผลักหน้าอกของเพื่อน
“จุ๊ๆ ไม่เกเรนะเมมฟีส”
สิ้นเสียงปรามของปภัชสาเสียงร้องไห้ของเด็กวัยใกล้เคียงกับเมมฟีสก็ดังขึ้น ฝ่ามือบอบบางซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นจึงยื่นออกไปตั้งใจจะอุ้มเด็กที่กำลังร้องไห้เข้ามาใกล้ๆ แล้วปลอบโยน แต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนร้องไห้กลับขยับตัวปีนขึ้นมานั่งบนตักของปภัชสาเสียก่อน ที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือเจ้าหนูเมมฟีสก้มหน้าลงต่ำ มองเพื่อนตาขวาง ทำปากจู๋จนริมฝีปากบนแทบจะติดปลายจมูกอยู่รอมร่อ
ใครบ้างจะมองไม่ออกว่านั่นเป็นการส่งสารขู่ฟ่อห้ามให้ทุกคนเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้! เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ จึงอาสาปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้หนักมากขึ้นเพราะท่าทางดุดันของเมมฟีส “คุณดูแลเมมฟีสไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเด็กคนนี้เอง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเมมฟีสจึงขยับตัวนั่งเอียงข้างแล้วสอดมือขึ้นกอดรัดร่างของหญิงสาวที่คิดว่าเป็นของตนเพียงผู้เดียว สายตายังจ้องมองราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งชิงของรักไป
“เกเรแบบนี้จะรักดีไหมนะ” ปภัชสาเปรยออกมา
คำพูดของเธอนั้นทำให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักรีบขยับตัวแล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นสอดเข้าไปช่วงลำคอระหง ซบศีรษะอยู่กับบ่าบอบบางอย่างหวงแหน
“ปิ่น... รักปิ่น”
ไม่ใช่แค่ท่าทางที่ออดอ้อนเสียงเรียกเองก็ยังสามารถลดคำพูดที่ปภัชสาจะใช้ปรามให้เลือนหายไปชั่วขณะ แต่หญิงสาวยังเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของเด็กอีกคนอย่างปลอบประโลมด้วยจิตใจที่เป็นกลาง ไม่เคยคิดว่าจะต้องดูแลเด็กคนไหนเป็นพิเศษ
ไม่นานนักเมมฟีสก็เงยหน้าขึ้นแล้วทาบฝ่ามือเล็กๆ ทั้งสองข้างเข้ากับแก้มนุ่มนิ่ม จากนั้นก็ซบหน้าลงอย่างอนง้อจนคนที่ไม่เคยใจแข็งกับเด็กๆ ได้เลยสักครั้งต้องลูบแผ่นหลังอย่างปลอบประโลม
“โอ... เมมฟีส” ปภัชสาคร่ำครวญเพราะไม่มีวันที่เธอจะใจแข็งกับท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กๆ ได้อยู่แล้ว ทั้งยังรู้ดีว่าเด็กทุกคนอยากได้รับความรักและความอบอุ่นจากผู้ใหญ่
พูดได้เต็มปากว่าเด็กทุกคนที่อาศัยอยู่ในศูนย์ฯย่อมมีปัญหาที่เกาะกินในจิตใจมากน้อยแตกต่างกัน
หากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวิเคราะห์ ประเมินผลแล้วเข้าช่วยแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วเท่าไหร่ เด็กก็จะเติบโตขึ้นอย่างคนสุขภาพจิตดี ส่วนเจ้าหนูเมมฟีสนี้ก็คงมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจเช่นกัน ถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะร่ำรวยแต่ดูจากความหวงที่แสดงออกมาแล้วก็ทำให้ปภัชสาอยากมีเวลาพูดคุยกันให้มากกว่านี้ อีกไม่นานเมมฟีสคงจะไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ฯ แห่งนี้
เธอจึงได้แต่หวังว่าผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งเป็นคุณลุงของเมมฟีสนั้นจะใส่ใจและไม่มองข้ามปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับหลานชาย จุดมุ่งหมายของเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯ ซานฟรานซิสโกมายังลาสเวกัสนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป
แผนงานที่ใช้เวลาในช่วงเด็กๆ นอนกลางวันจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีระเบียบแบบแผน การส่งมอบเด็กๆ สู่ครอบครัวใหม่ยังเป็นการลดภาระทุกอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งได้ผลดีที่สุด เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ซานฟรานซิสโกจึงต้องแบ่งงานกันทำ ปภัชสาและแมนดี้รับมอบหมายการประเมินศักยภาพของครอบครัวใหม่ที่ได้รับเด็กๆ ไปดูแลแล้ว
หากยังต้องรอผลประเมินความพร้อมในด้านต่างๆ อย่างเป็นทางการเสียก่อน ซึ่งปภัชสาและแมนดี้นั้นต้องทำงานแยกกัน จับคู่กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ลาสเวกัสที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ในวันต่อมาหลังจากที่สามารถปลีกตัวออกห่างจากเจ้าหนูเมมฟีสในเวลานอนหลับหลังอาหารมื้อกลางวัน
เป็นครั้งแรกที่ปภัชสาได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ การดูแลของแต่ละครอบครัวก็ย่อมแตกต่างกัน แต่ก็ไม่มีครอบครัวใดดูผิดปกติหรือเลี้ยงดูเด็กผิดแปลกจนเป็นเรื่องที่ต้องบันทึกในรายงาน
เนวาดาเป็นมลรัฐที่ครอบคลุมพื้นที่ของทะเลทรายโมฮาวี (Mojave Desert) จึงทำให้ลาสเวกัสมีสภาพอากาศแบบทะเลทราย ในตอนกลางวันของเดือนกันยายนจึงร้อนจัด บางวันอุณหภูมิอาจสูงเกือบหนึ่งร้อยสิบองศาฟาเรนไฮต์ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเหมือนว่าดวงอาทิตย์นั้นส่องสว่างอยู่ไม่ไกลจากศีรษะจนรู้สึกแสบร้อนและเมื่อยล้ากว่าปกติ
เมื่อรถยนต์ของศูนย์ฯลาสเวกัสจอดหน้าโรงแรมที่พักแล้ว ปภัชสาจึงแทบผงะกับลมที่ให้ความรู้สึกแห้งแล้งซึ่งพัดมากระทบกับใบหน้าในตอนที่ก้าวลงจากรถ
“ขอบคุณนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ปภัชสาก้มตัวลงร่ำลาคู่หูชั่วคราวก่อนจะปิดประตูแล้วมองตามรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกไปจากโรงแรมพลางคิดในใจว่าจะรีบกลับขึ้นไปอาบน้ำโดยเร็ว
ทั้งที่เลือกสวมสูทซึ่งด้านในเป็นผ้าซาตินให้ความรู้สึกลื่นเย็นแล้ว ยังไม่อาจลดความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นได้เลยสักนิดเธอต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบข้างแก้มของตนเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนซึ่งลามเลียอยู่บนผิวแก้ม ในช่วงที่กำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงแรมนั้น สายตาก็ไปปะทะกับร่างคุ้นตาที่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามห่างไปจากจุดที่เธอยืนราวสองร้อยเมตร
“พ่อพจน์!” ปภัชสาครางออกมาด้วยความรู้สึกตกใจระคนดีใจ
ความรู้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วครู่ หลังจากที่หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสภาพให้ชัดเจนขึ้นกลับเห็นว่ามีแท็กซี่คันหนึ่งเข้าจอดข้างทางแล้วร่างของชายที่เธอคุ้นตาว่าเป็นประพจน์นั้นก็ก้าวเข้าไปนั่งในแท็กซี่ ปฏิกิริยาของร่างกายที่ออกวิ่งไปยังฝั่งตรงกันข้ามเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความคิด รอไม่นานเลยปภัชสาก็ก้าวขึ้นมานั่งอยู่ในแท็กซี่อีกคันหนึ่ง
“ตามแท็กซี่คันข้างหน้าไปค่ะ” บอกพร้อมทั้งชี้นิ้วไปข้างหน้า หญิงสาวย้ำด้วยน้ำเสียงร้อนใจอีกครั้งหนึ่ง “คันนั้นค่ะ อย่าให้พลาดนะคะ ฉันพบคนรู้จัก”
“ครับๆ รับรองว่าไม่พลาดแน่”
แม้คนขับแท็กซี่จะรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะทั้งยังรู้สึกได้ว่าเขาเร่งความเร็วขึ้น ส่งสัญญาณไฟพร้อมทั้งแซงรถคันข้างหน้าเพื่อให้เข้าใกล้แท็กซี่คันดังกล่าวมากที่สุด ด้วยลักษณะของลาสเวกัส บูเลอวาร์ด ซึ่งเป็นถนนที่ทอดตัวยาวในย่านสตริป สองฟากฝั่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมมากมาย คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว
การจราจรในเวลานี้ยังเป็นช่วงที่จอแจมากที่สุดของวัน ยิ่งทำให้ปภัชสาร้อนใจมากยิ่งขึ้น
ทว่าคนที่นั่งอยู่บนแท็กซี่อีกคันหนึ่งกลับรู้สึกโล่งใจที่เรื่องวุ่นวายและความไม่ถูกต้องซึ่งตนปล่อยปละละเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปีกำลังจะพบกับทางออก ทั้งที่ความจริงแล้วประพจน์เองก็ไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ แต่เขาปล่อยให้ความขี้ขลาดเข้าครอบงำมาเกือบทั้งชีวิตแล้วก็สมควรที่ต้องแก้ไขให้มันถูกต้อง
คำยกย่องสรรเสริญของผู้คนในสังคมที่มองว่าตนนั้นเป็นผู้เสียสละ มีจิตอันเป็นกุศลอย่างแรงกล้า ตอกย้ำให้ต้องยิ้มรับทั้งที่ความจริงแล้วรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่น่ายกย่องเช่นนั้น
“ถึงโรงแรมลักซอร์แล้วครับ” เสียงของแท็กซี่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหลังยังนั่งนิ่งทั้งที่ถึงจุดหมายมาได้ครู่หนึ่งแล้ว
ความคิดทั้งหมดของประพจน์จึงต้องชะงักงันแล้วหยิบค่าโดยสารออกมาให้กับคนขับรถ
ในขณะที่ปภัชสาวิ่งออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อไล่ตามประพจน์นั้น อคิลลีสก็ต้องต้อนรับคู่ค้าธุรกิจชาวโมนาโกที่เพิ่งจรดปากกาลงนามร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่รอบๆ ลาสเวกัสที่ยังเป็นทะเลทรายให้กลายเป็นศูนย์กลางโรงพยาบาลขนาดใหญ่และครบวงจร
วาลิค มาร์วาน ซีอีโอกลุ่มบริษัทประกันภัยที่มุ่งเน้นลงทุนเฉพาะการประกันสุขภาพ กลุ่มบริษัทนี้ยังถือหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่งที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูง การเจรจานั้นจบลงในช่วงบ่ายแก่จึงเป็นไปได้ยากที่จะฉลองการเจรจาที่สัมฤทธิผลนั้นด้วยอาหารมื้อค่ำ โชว์เรตอาร์จึงเป็นสิ่งที่จอมบาปแห่งลาสเวกัสจัดให้ตามความชื่นชอบของวาลิค
แม้ยังไม่ถึงเวลาเปิดการแสดงตามปกติแต่สาวๆ จากแฟนตาซีซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดของลาสเวกัส การันตีด้วยรางวัลเบสต์โชว์เกิร์ลถึงสามปีซ้อนก็เตรียมพร้อมกับการแสดงรอบพิเศษด้วยค่าจ้างที่ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ลง
บรรยากาศภายในห้องแสดงโชว์จึงตกแต่งด้วยเสาโอบิลิสก์สลับกับภาพเขียนอียิปต์โบราณตามธีมชื่อและการตกแต่งของโรงแรม
ทว่าสิ่งที่พิเศษไปกว่าโชว์ปกติอย่างที่อคิลลีสมองเป็นอาหารตาในช่วงรับประทานมื้อค่ำนั่นคือสาวๆ ทุกคนไม่ได้อยู่บนเวทีแต่กลับลงมาร้องเล่นเต้นรำให้ลูกค้าซูเปอร์วีไอพีได้เห็นเต็มสองตาเสียงเพลง แสงสีที่ถูกจัดให้เข้ากับท่าเต้นยั่วราคะ การฝึกฝนมาอย่างหนักและเป็นเวลานานจึงสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชม
“อู้ว...” วาลิคถึงกับต้องครางอู้วเมื่อเสียงกลองที่ระรัวติดกันหลายครั้ง
สาวหุ่นสะบึมมีเพียงสติ๊กเกอร์ปิดยอดทรวงทั้งสองข้างเอาไว้ ใส่เพียงทีแบ็กและสวมรองเท้าส้นสูง มายืนกางขาตรงหน้า สองมือดันทรวงอกแล้วส่ายไหวตามเสียงกลอง
“โนว...” ขยับปากปฏิเสธอย่างชัดเจนแต่กลับไม่ออกเสียง เธอถูกฝึกฝนมาให้รับมือกับความไวของผู้ชายทุกวัยอยู่แล้ว
อคิลลีสซึ่งดูโชว์เหล่านี้จนชินตาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “ดูได้แต่ตา มือห้ามแตะ”
“ไม่ขายจริงเหรอ” วาลิคถามแล้วสบสายตาคู่สนทนาเพียงแวบหนึ่งก่อนจะหันไปจ้องในสิ่งที่น่ามองกว่า
อคิลลีสยิ้มกริ่มพร้อมทั้งยกแก้ววิสกี้ขึ้นสูงถึงปลายจมูก ฝ่ามือแข็งแรงบังคับให้น้ำสีอำพันเคลื่อนไหวตามรูปทรงของแก้ว “นั่นก็แล้วแต่กึ๋นของแต่ละคน”
ความจริงแล้วการจะซื้อบริการผู้หญิงสักคนไม่ต้องใช้กึ๋นอย่างที่ว่าหรอก แต่อคิลลีสรู้ดีว่าสาวๆ ที่กำลังเต้นโชว์ในท่าทางยั่วตัณหานี้มีรายได้ไม่ใช่น้อยเลย ความคิดที่ว่าของทุกอย่างย่อมมีราคาในตัวของมันนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่บางครั้งก็ควรต้องเพิ่มปัจจัยบางอย่างร่วมด้วย
ค่าจ้างที่มาพร้อมกับการคาดหวังในความสนุกของเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ดึงดูดความสนใจไม่แพ้กัน
เมื่อเพลงแรกจบลงสาวๆ ทั้งหลายก็วิ่งกลับเข้าไปหลังม่านแล้วอีกกลุ่มหนึ่งก็สลับออกมาอย่างรวดเร็วไม่ให้ต้องเสียอรรถรสในการรับชม วาลิคส่งสัญญาณให้คนสนิทตามผู้หญิงที่มาสะบัดทรวงอกต่อหน้าต่อตาตนเมื่อครู่นี้เข้าไปด้านในแล้วหันกลับมาเอ่ยถามคู่ค้าธุรกิจด้วยความสงสัย เพราะจากที่ศึกษาประวัติมาบ้างนั้นไม่พบว่าอคิลลีสมีคนสนิทอยู่ข้างกายเลย
“แปลกนะที่คุณไม่มีบอดี้การ์ดติดตามเลย ทำไมไม่หาคนที่ไว้ใจได้สักคนมาคอยรับคำสั่ง” วาลิคถาม แต่ต้องยิ้มออกมาอย่างถูกอกถูกใจ
โชว์ที่ผ่านมาว่าเร้าใจแล้ว แต่โชว์นี้เร้าอารมณ์ยิ่งกว่าเพราะสาวๆ ที่กำลังยืนหันหลังแล้วก้มตัวลงต่ำ จนคนมองเห็นทรวงอกทั้งสองข้างที่เปิดเปลือย ยอดทรวงยังหดเกร็งจนวาลิคนึกถึงความรู้สึกที่มียอดทรวงนั้นอยู่ใต้ฝ่ามือ ทว่าคำถามนั้นกลับทำให้จอมบาปแห่งลาสเวกัสแสยะยิ้ม ก่อนจะอัดเอาบุหรี่เข้าไว้เต็มปอดแล้วแหงนหน้าพ่นควันขึ้นกลางอากาศให้เป็นวงกลมที่มีขนาดเล็กลงๆ เรื่อยๆ
การกระทำนั้นเป็นเรื่องสนุกของคนที่ดำรงชีวิตอยู่ในเมืองแห่งแสงสี แม่สาวที่กำลังยืนชิดอยู่กับหลังเสาสแตนเลสแล้วเลื่อนตัวขึ้นลงเร็วๆ สื่อให้คนมองได้เข้าใจว่าเสาสแตนเลสที่พาดผ่านกลางหว่างอกลงไปจนถึงหว่างขานั้นส่อไปถึงท่วงท่าการร่วมเพศ
เธอคงเปรี้ยวปากอยากสูบบุหรี่มวนเดียวกันนั้นจึงก้าวออกมายืนหน้าเสาแล้วโน้มตัวลง จงให้เปิดเผยเนื้อตัวให้จอมบาปได้เห็นเต็มตา ทว่ากลับเผยอริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงเป็นเชิงขอบุหรี่
“ไม่จำเป็นสำหรับผม” อคิลลีสตอบแต่สายตากลับมองผู้หญิงตรงหน้าแล้วส่งบุหรี่ที่อยู่ในมือให้กับเธอถึงริมฝีปาก“เอาเข้าจริงในโลกนี้มีคนอีกมากมายที่พร้อมทำตามคำสั่งเพื่อแลกกับเงินของผม”
คำตอบที่ได้ยินทำให้วาลิคผายมือทั้งสองข้างพร้อมทั้งไหวหัวไหล่อย่างช่วยไม่ได้เพราะรู้ดีว่าคนบางคนก็ไม่อาจหาบริวารที่จงรักภักดีจริงๆ มาไว้ข้างกาย
ความจริงในเรื่องเหล่านั้นเรื่องโชคดีที่เขามีเหนือคู่ค้าธุรกิจ แต่ตอนนี้ควรพักเรื่องเครียดเอาไว้เสียก่อนแล้วหันมาสนใจกับลีลาการเต้นรำของสาวๆ ตรงหน้า ยิ่งมองยิ่งเกิดความต้องการ แม้ท่าทางของวาลิคที่แสดงออกมานั้นจะสื่อให้เขาเข้าใจว่ามีความโชคดีในเรื่องนี้น้อยกว่า อคิลลีสก็ไม่ใส่ใจเพราะเขายังมีความสุขกับการใช้เงินตราเพื่อบงการให้คนรอบข้างทำตามคำสั่ง
ทั้งยังพบว่าในโลกใบนี้ยังไม่มีใครน่าเชื่อถือได้เท่าตนเอง!
ในขณะที่การแสดงเพลงแรกนั้นจบลงก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ปภัชสาก้าวลงจากแท็กซี่ รูปปั้นสฟิงซ์ขนาดใหญ่ที่โรงแรมตั้งใจตกแต่งเพื่อดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวยังไม่อาจเบี่ยงเบนความสนใจของเธอได้จากร่างคุ้นตาที่เดินลึกเข้าไปในโรงแรม
ระยะห่างอาจจะไม่ไกลนักเพราะหญิงสาวยังเห็นแผ่นหลังของประพจน์แต่ด้วยจำนวนคนที่อยู่ในบริเวณนั้นมีมากมายนัก ต่อให้เธอตะโกนเรียกจนสุดเสียงประพจน์ก็คงไม่ได้ยินเมื่อเป็นเช่นนั้นปภัชสาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่กะพริบตาแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“ขอโทษค่ะ ขอทางด้วย” หญิงสาวเอ่ยแล้วฝ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งยืนกันแน่นขนัด ชื่นชมการจำลองบรรยากาศแบบอียิปต์โบราณ
ทิศทางที่ประพจน์เดินผ่านนั้นเป็นเหมือนกับทางเดินเข้าสุสานฟาโรห์ เมื่อถึงทางแยกซึ่งปภัชสาเห็นกับตาว่าประพจน์นั้นเดินเลี้ยวซ้ายและเธอก็รีบตามมาด้วยเวลาที่แตกต่างกันไม่นาน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเป็นทางเดินแคบๆ ราวหนึ่งเมตร ผนังทั้งสองข้างเป็นสีดำจากพื้นจรดเพดาน
เมื่อจู่ๆ ร่างของประพจน์นั้นหายไปเธอจึงเดินกลับมาตรงทางแยกอีกครั้ง ด้านขวามือเป็นทางเดินออกไปสู่ล็อบบี้ ตรงหน้าเป็นทางเดินสู่สุสานฟาโรห์ที่มีนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกเป็นระยะ ปภัชสาจึงกวาดสายตามองรอบๆ หมุนตัวเป็นวงกลมอย่างเชื่องช้า อ่านทุกป้ายที่อยู่ในระยะสายตาแต่ก็ไม่พบช่องทางอื่นใดอีก
หากแต่เธอก็มั่นใจว่าสายตาของตนนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยน ร่างของประพจน์เดินมาถึงจุดนี้แล้วเลี้ยวซ้ายจริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นปภัชสาจึงเดินเข้าไปในช่องทางแคบๆ นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือบางเริ่มแตะไปทั่วผนังที่ติดวอลล์เปเปอร์สีดำสนิท ออกแรงผลักไปทุกจุดราวกับว่ามันมีประตูลับซ่อนเร้นเอาไว้
ทางเดินแคบๆ นั้นยาวราวห้าเมตร ปภัชสาออกแรงผลักไปเรื่อยๆ จนสุดผนังกลับต้องทอดถอนหายใจออกมาด้วยความสิ้นหวัง นึกในใจว่าช่องทางลับใดๆ ที่คิดอยู่ในหัวคงมีแต่ในนิยายเท่านั้น ทว่าความคิดกลับต้องหยุดชะงักลง เมื่อผ่ามือของเธอผลักผนังซึ่งมีความกว้างราวหนึ่งเมตรนั้นแล้วปรากฏว่ามันขยับเขยื้อน!
ในระหว่างที่ทนายความกำลังจัดการเดินเรื่องอยู่นี้ หัวหน้าศูนย์ฯ ลาสเวกัสจึงไม่ต้องใจหายใจคว่ำกับท่าทีเกรี้ยวกราดของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หนุ่ม บรรยากาศในศูนย์ฯ ลาสเวกัสจึงเป็นไปตามปกติและไม่ได้ยินเสียงแผดร้องของเมมฟีสอีกเพราะมีเจ้าหน้าที่สาวชาวไทย ผู้ซึ่งมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่ข้างกายเด็กน้อยตลอดเวลา
แม้ในแต่ละวันสำหรับปภัชสาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีกิจกรรมมากมายที่เธอตั้งใจทำให้เด็กๆ เกิดความสนุกสนานและเพลิดเพลินแต่อีกใจก็ยังคิดถึงเรื่องของประพจน์อยู่ตลอดเวลา ข่าวที่น่ายินดีในวันนี้คือเด็กน้อยที่ติดเธอแจราวกับรอยสักบนร่างกายอย่างเมมฟีสกำลังจะได้กลับไปอยู่บ้านโดยถาวร
“ถอยไป!...”
เสียงตวาดที่ดังขึ้นนั้นดึงสติของปภัชสาให้หลุดออกจากห้วงความคิดแล้วมองไปยังต้นกำเนิดของเสียง ในขณะที่ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือเล็กๆ เอาไว้เสียก่อนที่เด็กน้อยจะผลักหน้าอกของเพื่อน
“จุ๊ๆ ไม่เกเรนะเมมฟีส”
สิ้นเสียงปรามของปภัชสาเสียงร้องไห้ของเด็กวัยใกล้เคียงกับเมมฟีสก็ดังขึ้น ฝ่ามือบอบบางซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นจึงยื่นออกไปตั้งใจจะอุ้มเด็กที่กำลังร้องไห้เข้ามาใกล้ๆ แล้วปลอบโยน แต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนร้องไห้กลับขยับตัวปีนขึ้นมานั่งบนตักของปภัชสาเสียก่อน ที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือเจ้าหนูเมมฟีสก้มหน้าลงต่ำ มองเพื่อนตาขวาง ทำปากจู๋จนริมฝีปากบนแทบจะติดปลายจมูกอยู่รอมร่อ
ใครบ้างจะมองไม่ออกว่านั่นเป็นการส่งสารขู่ฟ่อห้ามให้ทุกคนเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้! เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ จึงอาสาปลอบเด็กที่กำลังร้องไห้หนักมากขึ้นเพราะท่าทางดุดันของเมมฟีส “คุณดูแลเมมฟีสไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเด็กคนนี้เอง”
เมื่อได้ยินดังนั้นเมมฟีสจึงขยับตัวนั่งเอียงข้างแล้วสอดมือขึ้นกอดรัดร่างของหญิงสาวที่คิดว่าเป็นของตนเพียงผู้เดียว สายตายังจ้องมองราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งชิงของรักไป
“เกเรแบบนี้จะรักดีไหมนะ” ปภัชสาเปรยออกมา
คำพูดของเธอนั้นทำให้เด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักรีบขยับตัวแล้วเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นสอดเข้าไปช่วงลำคอระหง ซบศีรษะอยู่กับบ่าบอบบางอย่างหวงแหน
“ปิ่น... รักปิ่น”
ไม่ใช่แค่ท่าทางที่ออดอ้อนเสียงเรียกเองก็ยังสามารถลดคำพูดที่ปภัชสาจะใช้ปรามให้เลือนหายไปชั่วขณะ แต่หญิงสาวยังเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังของเด็กอีกคนอย่างปลอบประโลมด้วยจิตใจที่เป็นกลาง ไม่เคยคิดว่าจะต้องดูแลเด็กคนไหนเป็นพิเศษ
ไม่นานนักเมมฟีสก็เงยหน้าขึ้นแล้วทาบฝ่ามือเล็กๆ ทั้งสองข้างเข้ากับแก้มนุ่มนิ่ม จากนั้นก็ซบหน้าลงอย่างอนง้อจนคนที่ไม่เคยใจแข็งกับเด็กๆ ได้เลยสักครั้งต้องลูบแผ่นหลังอย่างปลอบประโลม
“โอ... เมมฟีส” ปภัชสาคร่ำครวญเพราะไม่มีวันที่เธอจะใจแข็งกับท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กๆ ได้อยู่แล้ว ทั้งยังรู้ดีว่าเด็กทุกคนอยากได้รับความรักและความอบอุ่นจากผู้ใหญ่
พูดได้เต็มปากว่าเด็กทุกคนที่อาศัยอยู่ในศูนย์ฯย่อมมีปัญหาที่เกาะกินในจิตใจมากน้อยแตกต่างกัน
หากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวิเคราะห์ ประเมินผลแล้วเข้าช่วยแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วเท่าไหร่ เด็กก็จะเติบโตขึ้นอย่างคนสุขภาพจิตดี ส่วนเจ้าหนูเมมฟีสนี้ก็คงมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นในจิตใจเช่นกัน ถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะร่ำรวยแต่ดูจากความหวงที่แสดงออกมาแล้วก็ทำให้ปภัชสาอยากมีเวลาพูดคุยกันให้มากกว่านี้ อีกไม่นานเมมฟีสคงจะไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ฯ แห่งนี้
เธอจึงได้แต่หวังว่าผู้ปกครองคนใหม่ซึ่งเป็นคุณลุงของเมมฟีสนั้นจะใส่ใจและไม่มองข้ามปัญหาเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับหลานชาย จุดมุ่งหมายของเจ้าหน้าที่จากศูนย์ฯ ซานฟรานซิสโกมายังลาสเวกัสนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป
แผนงานที่ใช้เวลาในช่วงเด็กๆ นอนกลางวันจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีระเบียบแบบแผน การส่งมอบเด็กๆ สู่ครอบครัวใหม่ยังเป็นการลดภาระทุกอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งได้ผลดีที่สุด เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ซานฟรานซิสโกจึงต้องแบ่งงานกันทำ ปภัชสาและแมนดี้รับมอบหมายการประเมินศักยภาพของครอบครัวใหม่ที่ได้รับเด็กๆ ไปดูแลแล้ว
หากยังต้องรอผลประเมินความพร้อมในด้านต่างๆ อย่างเป็นทางการเสียก่อน ซึ่งปภัชสาและแมนดี้นั้นต้องทำงานแยกกัน จับคู่กับเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ลาสเวกัสที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว
ในวันต่อมาหลังจากที่สามารถปลีกตัวออกห่างจากเจ้าหนูเมมฟีสในเวลานอนหลับหลังอาหารมื้อกลางวัน
เป็นครั้งแรกที่ปภัชสาได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ การดูแลของแต่ละครอบครัวก็ย่อมแตกต่างกัน แต่ก็ไม่มีครอบครัวใดดูผิดปกติหรือเลี้ยงดูเด็กผิดแปลกจนเป็นเรื่องที่ต้องบันทึกในรายงาน
เนวาดาเป็นมลรัฐที่ครอบคลุมพื้นที่ของทะเลทรายโมฮาวี (Mojave Desert) จึงทำให้ลาสเวกัสมีสภาพอากาศแบบทะเลทราย ในตอนกลางวันของเดือนกันยายนจึงร้อนจัด บางวันอุณหภูมิอาจสูงเกือบหนึ่งร้อยสิบองศาฟาเรนไฮต์ ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเหมือนว่าดวงอาทิตย์นั้นส่องสว่างอยู่ไม่ไกลจากศีรษะจนรู้สึกแสบร้อนและเมื่อยล้ากว่าปกติ
เมื่อรถยนต์ของศูนย์ฯลาสเวกัสจอดหน้าโรงแรมที่พักแล้ว ปภัชสาจึงแทบผงะกับลมที่ให้ความรู้สึกแห้งแล้งซึ่งพัดมากระทบกับใบหน้าในตอนที่ก้าวลงจากรถ
“ขอบคุณนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ปภัชสาก้มตัวลงร่ำลาคู่หูชั่วคราวก่อนจะปิดประตูแล้วมองตามรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกไปจากโรงแรมพลางคิดในใจว่าจะรีบกลับขึ้นไปอาบน้ำโดยเร็ว
ทั้งที่เลือกสวมสูทซึ่งด้านในเป็นผ้าซาตินให้ความรู้สึกลื่นเย็นแล้ว ยังไม่อาจลดความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นได้เลยสักนิดเธอต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นทาบข้างแก้มของตนเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนซึ่งลามเลียอยู่บนผิวแก้ม ในช่วงที่กำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโรงแรมนั้น สายตาก็ไปปะทะกับร่างคุ้นตาที่กำลังยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามห่างไปจากจุดที่เธอยืนราวสองร้อยเมตร
“พ่อพจน์!” ปภัชสาครางออกมาด้วยความรู้สึกตกใจระคนดีใจ
ความรู้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วครู่ หลังจากที่หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสภาพให้ชัดเจนขึ้นกลับเห็นว่ามีแท็กซี่คันหนึ่งเข้าจอดข้างทางแล้วร่างของชายที่เธอคุ้นตาว่าเป็นประพจน์นั้นก็ก้าวเข้าไปนั่งในแท็กซี่ ปฏิกิริยาของร่างกายที่ออกวิ่งไปยังฝั่งตรงกันข้ามเกิดขึ้นพร้อมๆ กับความคิด รอไม่นานเลยปภัชสาก็ก้าวขึ้นมานั่งอยู่ในแท็กซี่อีกคันหนึ่ง
“ตามแท็กซี่คันข้างหน้าไปค่ะ” บอกพร้อมทั้งชี้นิ้วไปข้างหน้า หญิงสาวย้ำด้วยน้ำเสียงร้อนใจอีกครั้งหนึ่ง “คันนั้นค่ะ อย่าให้พลาดนะคะ ฉันพบคนรู้จัก”
“ครับๆ รับรองว่าไม่พลาดแน่”
แม้คนขับแท็กซี่จะรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะทั้งยังรู้สึกได้ว่าเขาเร่งความเร็วขึ้น ส่งสัญญาณไฟพร้อมทั้งแซงรถคันข้างหน้าเพื่อให้เข้าใกล้แท็กซี่คันดังกล่าวมากที่สุด ด้วยลักษณะของลาสเวกัส บูเลอวาร์ด ซึ่งเป็นถนนที่ทอดตัวยาวในย่านสตริป สองฟากฝั่งเรียงรายไปด้วยโรงแรมมากมาย คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว
การจราจรในเวลานี้ยังเป็นช่วงที่จอแจมากที่สุดของวัน ยิ่งทำให้ปภัชสาร้อนใจมากยิ่งขึ้น
ทว่าคนที่นั่งอยู่บนแท็กซี่อีกคันหนึ่งกลับรู้สึกโล่งใจที่เรื่องวุ่นวายและความไม่ถูกต้องซึ่งตนปล่อยปละละเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปีกำลังจะพบกับทางออก ทั้งที่ความจริงแล้วประพจน์เองก็ไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ แต่เขาปล่อยให้ความขี้ขลาดเข้าครอบงำมาเกือบทั้งชีวิตแล้วก็สมควรที่ต้องแก้ไขให้มันถูกต้อง
คำยกย่องสรรเสริญของผู้คนในสังคมที่มองว่าตนนั้นเป็นผู้เสียสละ มีจิตอันเป็นกุศลอย่างแรงกล้า ตอกย้ำให้ต้องยิ้มรับทั้งที่ความจริงแล้วรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่น่ายกย่องเช่นนั้น
“ถึงโรงแรมลักซอร์แล้วครับ” เสียงของแท็กซี่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหลังยังนั่งนิ่งทั้งที่ถึงจุดหมายมาได้ครู่หนึ่งแล้ว
ความคิดทั้งหมดของประพจน์จึงต้องชะงักงันแล้วหยิบค่าโดยสารออกมาให้กับคนขับรถ
ในขณะที่ปภัชสาวิ่งออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อไล่ตามประพจน์นั้น อคิลลีสก็ต้องต้อนรับคู่ค้าธุรกิจชาวโมนาโกที่เพิ่งจรดปากกาลงนามร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่รอบๆ ลาสเวกัสที่ยังเป็นทะเลทรายให้กลายเป็นศูนย์กลางโรงพยาบาลขนาดใหญ่และครบวงจร
วาลิค มาร์วาน ซีอีโอกลุ่มบริษัทประกันภัยที่มุ่งเน้นลงทุนเฉพาะการประกันสุขภาพ กลุ่มบริษัทนี้ยังถือหุ้นในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่งที่มีเครื่องมือทางการแพทย์ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูง การเจรจานั้นจบลงในช่วงบ่ายแก่จึงเป็นไปได้ยากที่จะฉลองการเจรจาที่สัมฤทธิผลนั้นด้วยอาหารมื้อค่ำ โชว์เรตอาร์จึงเป็นสิ่งที่จอมบาปแห่งลาสเวกัสจัดให้ตามความชื่นชอบของวาลิค
แม้ยังไม่ถึงเวลาเปิดการแสดงตามปกติแต่สาวๆ จากแฟนตาซีซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดของลาสเวกัส การันตีด้วยรางวัลเบสต์โชว์เกิร์ลถึงสามปีซ้อนก็เตรียมพร้อมกับการแสดงรอบพิเศษด้วยค่าจ้างที่ทำให้ไม่อาจปฏิเสธได้ลง
บรรยากาศภายในห้องแสดงโชว์จึงตกแต่งด้วยเสาโอบิลิสก์สลับกับภาพเขียนอียิปต์โบราณตามธีมชื่อและการตกแต่งของโรงแรม
ทว่าสิ่งที่พิเศษไปกว่าโชว์ปกติอย่างที่อคิลลีสมองเป็นอาหารตาในช่วงรับประทานมื้อค่ำนั่นคือสาวๆ ทุกคนไม่ได้อยู่บนเวทีแต่กลับลงมาร้องเล่นเต้นรำให้ลูกค้าซูเปอร์วีไอพีได้เห็นเต็มสองตาเสียงเพลง แสงสีที่ถูกจัดให้เข้ากับท่าเต้นยั่วราคะ การฝึกฝนมาอย่างหนักและเป็นเวลานานจึงสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชม
“อู้ว...” วาลิคถึงกับต้องครางอู้วเมื่อเสียงกลองที่ระรัวติดกันหลายครั้ง
สาวหุ่นสะบึมมีเพียงสติ๊กเกอร์ปิดยอดทรวงทั้งสองข้างเอาไว้ ใส่เพียงทีแบ็กและสวมรองเท้าส้นสูง มายืนกางขาตรงหน้า สองมือดันทรวงอกแล้วส่ายไหวตามเสียงกลอง
“โนว...” ขยับปากปฏิเสธอย่างชัดเจนแต่กลับไม่ออกเสียง เธอถูกฝึกฝนมาให้รับมือกับความไวของผู้ชายทุกวัยอยู่แล้ว
อคิลลีสซึ่งดูโชว์เหล่านี้จนชินตาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “ดูได้แต่ตา มือห้ามแตะ”
“ไม่ขายจริงเหรอ” วาลิคถามแล้วสบสายตาคู่สนทนาเพียงแวบหนึ่งก่อนจะหันไปจ้องในสิ่งที่น่ามองกว่า
อคิลลีสยิ้มกริ่มพร้อมทั้งยกแก้ววิสกี้ขึ้นสูงถึงปลายจมูก ฝ่ามือแข็งแรงบังคับให้น้ำสีอำพันเคลื่อนไหวตามรูปทรงของแก้ว “นั่นก็แล้วแต่กึ๋นของแต่ละคน”
ความจริงแล้วการจะซื้อบริการผู้หญิงสักคนไม่ต้องใช้กึ๋นอย่างที่ว่าหรอก แต่อคิลลีสรู้ดีว่าสาวๆ ที่กำลังเต้นโชว์ในท่าทางยั่วตัณหานี้มีรายได้ไม่ใช่น้อยเลย ความคิดที่ว่าของทุกอย่างย่อมมีราคาในตัวของมันนั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่บางครั้งก็ควรต้องเพิ่มปัจจัยบางอย่างร่วมด้วย
ค่าจ้างที่มาพร้อมกับการคาดหวังในความสนุกของเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ดึงดูดความสนใจไม่แพ้กัน
เมื่อเพลงแรกจบลงสาวๆ ทั้งหลายก็วิ่งกลับเข้าไปหลังม่านแล้วอีกกลุ่มหนึ่งก็สลับออกมาอย่างรวดเร็วไม่ให้ต้องเสียอรรถรสในการรับชม วาลิคส่งสัญญาณให้คนสนิทตามผู้หญิงที่มาสะบัดทรวงอกต่อหน้าต่อตาตนเมื่อครู่นี้เข้าไปด้านในแล้วหันกลับมาเอ่ยถามคู่ค้าธุรกิจด้วยความสงสัย เพราะจากที่ศึกษาประวัติมาบ้างนั้นไม่พบว่าอคิลลีสมีคนสนิทอยู่ข้างกายเลย
“แปลกนะที่คุณไม่มีบอดี้การ์ดติดตามเลย ทำไมไม่หาคนที่ไว้ใจได้สักคนมาคอยรับคำสั่ง” วาลิคถาม แต่ต้องยิ้มออกมาอย่างถูกอกถูกใจ
โชว์ที่ผ่านมาว่าเร้าใจแล้ว แต่โชว์นี้เร้าอารมณ์ยิ่งกว่าเพราะสาวๆ ที่กำลังยืนหันหลังแล้วก้มตัวลงต่ำ จนคนมองเห็นทรวงอกทั้งสองข้างที่เปิดเปลือย ยอดทรวงยังหดเกร็งจนวาลิคนึกถึงความรู้สึกที่มียอดทรวงนั้นอยู่ใต้ฝ่ามือ ทว่าคำถามนั้นกลับทำให้จอมบาปแห่งลาสเวกัสแสยะยิ้ม ก่อนจะอัดเอาบุหรี่เข้าไว้เต็มปอดแล้วแหงนหน้าพ่นควันขึ้นกลางอากาศให้เป็นวงกลมที่มีขนาดเล็กลงๆ เรื่อยๆ
การกระทำนั้นเป็นเรื่องสนุกของคนที่ดำรงชีวิตอยู่ในเมืองแห่งแสงสี แม่สาวที่กำลังยืนชิดอยู่กับหลังเสาสแตนเลสแล้วเลื่อนตัวขึ้นลงเร็วๆ สื่อให้คนมองได้เข้าใจว่าเสาสแตนเลสที่พาดผ่านกลางหว่างอกลงไปจนถึงหว่างขานั้นส่อไปถึงท่วงท่าการร่วมเพศ
เธอคงเปรี้ยวปากอยากสูบบุหรี่มวนเดียวกันนั้นจึงก้าวออกมายืนหน้าเสาแล้วโน้มตัวลง จงให้เปิดเผยเนื้อตัวให้จอมบาปได้เห็นเต็มตา ทว่ากลับเผยอริมฝีปากที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงเป็นเชิงขอบุหรี่
“ไม่จำเป็นสำหรับผม” อคิลลีสตอบแต่สายตากลับมองผู้หญิงตรงหน้าแล้วส่งบุหรี่ที่อยู่ในมือให้กับเธอถึงริมฝีปาก“เอาเข้าจริงในโลกนี้มีคนอีกมากมายที่พร้อมทำตามคำสั่งเพื่อแลกกับเงินของผม”
คำตอบที่ได้ยินทำให้วาลิคผายมือทั้งสองข้างพร้อมทั้งไหวหัวไหล่อย่างช่วยไม่ได้เพราะรู้ดีว่าคนบางคนก็ไม่อาจหาบริวารที่จงรักภักดีจริงๆ มาไว้ข้างกาย
ความจริงในเรื่องเหล่านั้นเรื่องโชคดีที่เขามีเหนือคู่ค้าธุรกิจ แต่ตอนนี้ควรพักเรื่องเครียดเอาไว้เสียก่อนแล้วหันมาสนใจกับลีลาการเต้นรำของสาวๆ ตรงหน้า ยิ่งมองยิ่งเกิดความต้องการ แม้ท่าทางของวาลิคที่แสดงออกมานั้นจะสื่อให้เขาเข้าใจว่ามีความโชคดีในเรื่องนี้น้อยกว่า อคิลลีสก็ไม่ใส่ใจเพราะเขายังมีความสุขกับการใช้เงินตราเพื่อบงการให้คนรอบข้างทำตามคำสั่ง
ทั้งยังพบว่าในโลกใบนี้ยังไม่มีใครน่าเชื่อถือได้เท่าตนเอง!
ในขณะที่การแสดงเพลงแรกนั้นจบลงก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ปภัชสาก้าวลงจากแท็กซี่ รูปปั้นสฟิงซ์ขนาดใหญ่ที่โรงแรมตั้งใจตกแต่งเพื่อดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวยังไม่อาจเบี่ยงเบนความสนใจของเธอได้จากร่างคุ้นตาที่เดินลึกเข้าไปในโรงแรม
ระยะห่างอาจจะไม่ไกลนักเพราะหญิงสาวยังเห็นแผ่นหลังของประพจน์แต่ด้วยจำนวนคนที่อยู่ในบริเวณนั้นมีมากมายนัก ต่อให้เธอตะโกนเรียกจนสุดเสียงประพจน์ก็คงไม่ได้ยินเมื่อเป็นเช่นนั้นปภัชสาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่กะพริบตาแล้วรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
“ขอโทษค่ะ ขอทางด้วย” หญิงสาวเอ่ยแล้วฝ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งยืนกันแน่นขนัด ชื่นชมการจำลองบรรยากาศแบบอียิปต์โบราณ
ทิศทางที่ประพจน์เดินผ่านนั้นเป็นเหมือนกับทางเดินเข้าสุสานฟาโรห์ เมื่อถึงทางแยกซึ่งปภัชสาเห็นกับตาว่าประพจน์นั้นเดินเลี้ยวซ้ายและเธอก็รีบตามมาด้วยเวลาที่แตกต่างกันไม่นาน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าเป็นทางเดินแคบๆ ราวหนึ่งเมตร ผนังทั้งสองข้างเป็นสีดำจากพื้นจรดเพดาน
เมื่อจู่ๆ ร่างของประพจน์นั้นหายไปเธอจึงเดินกลับมาตรงทางแยกอีกครั้ง ด้านขวามือเป็นทางเดินออกไปสู่ล็อบบี้ ตรงหน้าเป็นทางเดินสู่สุสานฟาโรห์ที่มีนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกเป็นระยะ ปภัชสาจึงกวาดสายตามองรอบๆ หมุนตัวเป็นวงกลมอย่างเชื่องช้า อ่านทุกป้ายที่อยู่ในระยะสายตาแต่ก็ไม่พบช่องทางอื่นใดอีก
หากแต่เธอก็มั่นใจว่าสายตาของตนนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยน ร่างของประพจน์เดินมาถึงจุดนี้แล้วเลี้ยวซ้ายจริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นปภัชสาจึงเดินเข้าไปในช่องทางแคบๆ นั้นอีกครั้ง ฝ่ามือบางเริ่มแตะไปทั่วผนังที่ติดวอลล์เปเปอร์สีดำสนิท ออกแรงผลักไปทุกจุดราวกับว่ามันมีประตูลับซ่อนเร้นเอาไว้
ทางเดินแคบๆ นั้นยาวราวห้าเมตร ปภัชสาออกแรงผลักไปเรื่อยๆ จนสุดผนังกลับต้องทอดถอนหายใจออกมาด้วยความสิ้นหวัง นึกในใจว่าช่องทางลับใดๆ ที่คิดอยู่ในหัวคงมีแต่ในนิยายเท่านั้น ทว่าความคิดกลับต้องหยุดชะงักลง เมื่อผ่ามือของเธอผลักผนังซึ่งมีความกว้างราวหนึ่งเมตรนั้นแล้วปรากฏว่ามันขยับเขยื้อน!
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2560, 21:19:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2560, 21:19:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 759
<< ตอนที่ 4 100% | ตอนที่ 6 100% >> |