ดอกไม้ไฟ
เมื่อผกางามที่แสนอ่อนโยน
กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ...
เธอที่ทั้งอ่อนหวาน และ เข้มแข็ง
จึงต้องออกตัวปกป้องลดาวัลย์อันบริสุทธิ์
จากคนใจดำอำมหิตที่มีแต่ความมืดมิดในหัวใจ
กลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ...
เธอที่ทั้งอ่อนหวาน และ เข้มแข็ง
จึงต้องออกตัวปกป้องลดาวัลย์อันบริสุทธิ์
จากคนใจดำอำมหิตที่มีแต่ความมืดมิดในหัวใจ
Tags: ชีวิต ดอกไม้ ความบริสุทธิ์ ความหวัง จีน ไฟ ต่อสู้ เข้มแข็ง หญิงสาว
ตอน: อุบัติเหตุหลงยุค
ดอกไม้ไฟ ตอนที่ 1 "อุบัติเหตุหลงยุค"
ร่างกายที่บอบช้ำอย่างหนักจากแรงกระแทก แน่นิ่งนอนหนุนอยู่กับเตียงสาธารณะ
ความเจ็บปวดอย่างสาหัสมันทำให้ประสาทสัมผัสทั่วกายของเธอด้านชาไร้ความรู้สึก
มีเพียงโสตที่เปิดอยู่ ให้สติได้รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่ง
เสียงก๊องแก๊งของเครื่องมือที่กระทบเบาๆกับบีกเกอร์
เสียงตี๊ดๆที่ดังอยู่ตลอดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
และ เสียงแว่วของคนร้องไห้ มันแว่วไกล ไกล ไกล ไกล ออกไปจากเธอทุกที
แล้วหูของเธอคู่นั้นก็ดับลง ก่อนที่ความหนาวจะเข้ามากอดกายเธอไปพร้อมๆกับความเมื่อยล้าที่แทรกซึมอยู่ในกล้ามเนื้อของเธอ มันกระตุ้นม่านตาคู่นั้นให้เปิดออกช้าๆ
เธอเห็นเพดานห้องที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีทอง ปลายเท้ามีม่านไม้ฉลุลายสีทองบังตาอยู่ ร่างกายของเธอถูกรายล้อมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สีทองอันล้ำค่าทั่วห้อง แม้นเตียงนอนที่กำลังแบกรับร่างกายของเธอในตอนนี้นั้นก็ถูกห่มด้วยประกายทองไสว
“นี่ฉันอยู่ที่ไหน!” ประโยคแรกที่เธอเปล่งออกมา มันเรียกให้สาวใช้ในชุดทาสโบราณรีบวิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วด้วยท่าทีลุกรี้ลุกรน
“ท่านองครักษ์ นางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” นางทาสร้องบอกคนที่อยู่ด้านนอก แล้วชายที่อยู่ด้านนอกก็ตอบกลับ “ข้าจักไปทูลพระโอรส เจ้าจงสอนนางให้พร้อมสำหรับการเข้าเฝ้าพระโอรส” หลังจากสิ้นสุดคำสั่งจากชายด้านนอก นางทาสก็ดึงตัวเธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลงจากเตียงนอน แล้วพาไปนั่งพับเพียบรออยู่ส่วนหน้าของห้อง แล้วนางทาสก็ปัดกวาดเช็ดถูพื้นที่ตรงนั้นจนเอี่ยม
“นี่เรากำลังเล่นอะไรกันอยู่เหรอ!” คำถามที่สองที่เธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนั้นเอ่ยขึ้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะได้คำตอบ “ข้าหาได้กำลังเล่นไม่ อีกประเดี๋ยวพระโอรสก็จักเสด็จมา หากเจ้ายังทำเป็นเรื่องเล่นอยู่แล้วไซร้ จักหัวขาดข้าก็หาช่วยได้ไม่” นางทาสกล่าว
สิ้นเสียงนางทาส พระโอรสซึ่งเป็นหนุ่มสง่า แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดเจ้านายชั้นฟ้าผู้สูงศักดิ์ก็เข้ามา ณ ที่นั้น “พระโอรส!” นางทาสอุทานขึ้นก่อนที่จะรีบวิ่งมานั่งลงข้างๆเธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้วกราบลงตรงเก้าอี้ทอง ซึ่งพระโอรสประทับนั่ง และองครักษ์นั่งเข่าอยู่ด้านข้าง
“กราบพระโอรสสิ” นางทาสบอกแก่เธอผู้นั้น หญิงสาวก็กราบลงตามคำสั่ง
“เจ้ามีชื่อว่ากระไร เรือนของเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจักให้ข้าทาสของข้าไปส่งให้ถึงเรือน” พระโอรสรูปงามเอ่ยถามเธอผู้นั้น แต่มีเพียงเสียงอ้ำอึ้งดังออกมาจากปากของเธอ
“ฉันชื่อน้ำหอม บ้านของฉันอยู่ที่กรุงเทพ” เธอผู้ชื่อน้ำหอมตอบคำถามพระโอรส ที่พาให้ทุกคนต้องทำหน้างุนงงไปตามๆกัน
“กรุงเทพอยู่หนใด เจ้าเคยได้ยินหรือไม่” พระโอรสตรัสถามองครักษ์ “หาเคยได้ยินไม่ขอรับ อีมาลีเล่า เคยได้ยินชื่อเมืองนี้หรือไม่” องครักษ์ที่งุนงงก็ถามนางทาสที่ชื่อว่ามาลีต่อ “หาเคยไม่เจ้าค่ะ หนำซ้ำถ้อยวาจาของนางก็ฟังแปลกหูพิกลนะเจ้าคะ ข้าว่าพระโอรสไล่ๆนางไปเสียดีกว่านะเจ้าคะ” มาลีกล่าว
“หาได้ไม่ ข้าเป็นคนนำตัวนางมา ข้าก็จักต้องส่งนางให้ถึงเรือน วันพรุ่งเจ้าจงหานายช่างวาดภาพฝีมือดีมาวาดภาพนาง แล้วเอาไปติดประกาศให้ทั่ว การนี้หาควรให้เจ้าแม่แลคนอื่นๆในวังรู้ไม่” พระโอรสสั่งการกับองครักษ์ “จนกว่าจะมีคนมารับนาง ข้าขอสั่งให้มาลีดูแลนางอย่างดี ให้นางอยู่พำนักในเรือนทองของข้า การนี้ก็หาควรให้ใครรู้ไม่เช่นกัน” พระโอรสยังสั่งการไว้กับนางทาสมาลีก่อนที่จะเสด็จกลับไป
ค่ำคืนนั้น น้ำหอมสนทนากับนางทาสมาลีตลอดทั้งคืน จนเช้าวันรุ่งขึ้น....
“ว้าว! สวนที่นี่สวยจังเลยพี่มาลี” น้ำหอมเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นสวนดอกไม้หลวงเป็นครั้งแรก พร้อมๆกับวิ่งทะยานไปชื่นชมมวลดอกไม้นานาพันธุ์เหล่านั้นอย่างมีความสุข
“แน่นอนสิ ก็ข้าเป็นคนดูแลที่นี่ด้วยตัวเอง แต่เจ้าท่าทางจะชื่นชอบดอกไม้มากเลยนะ พอข้าพาเจ้ามาที่นี่ หน้าของเจ้าเปลี่ยนสีทันที” มาลีกล่าว
“ใช่ ข้ารักดอกไม้ ข้าเห็นที่นี่ทำให้ข้าคิดถึงสวนดอกไม้ที่เรือนของข้านัก จะมีใครดูแลรดน้ำให้หรือป่าวก็ไม่รู้” การสนทนาหนึ่งคืนที่ผ่านมาของน้ำหอมและมาลี ทำให้น้ำหอมคุ้นชินกับภาษาของคนที่นี่มากขึ้น เธอเริ่มปรับเปลี่ยนการพูดของตัวเอง
ในขณะที่มาลี และ น้ำหอม กำลังสนุกสนานกันอยู่นั่นเอง พระโอรสก็เสด็จมาที่สวน พร้อมกันนั้นก็ไล่ให้มาลีออกไปเฝ้าทางเข้า ด้วยเกรงว่าจะมีใครเข้ามาพบเห็น
“เหตุใดพระโอรสถึงพาข้ามาอยู่ที่นี่หรือเจ้าค่ะ” ครั้งนี้น้ำหอมเป็นฝ่ายเอ่ยถามพระโอรสก่อนบ้าง
“หลายวันก่อนมีงานแข่งม้าที่กลางเมือง การแข่งขันให้เข้าแข่งได้เฉพาะบุรุษ แต่เจ้ากลับเข้ามาร่วมแข่งขันได้อย่างไรก็หารู้ไม่ ข้าจึงจำต้องกระชากเจ้าลงจากม้า แล้วพามาหลบยังสวนดอกไม้หลวงในวัง เพื่อช่วยเจ้า หาไม่เจ้าจะถูกเจ้าแม่ของข้าลงอาญา” พระโอรสเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่น้ำหอมจะฟื้นให้น้ำหอมฟัง แล้วยังตรัสต่อ “ชื่อของเจ้าก็ฟังแปลกหูพิกล ชื่อน้ำหอม ที่หมายถึง น้ำอบ นะรึ” คำถามนี้ทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างสนุก พร้อมทั้งให้คำสัญญาไว้กับพระโอรส “ไว้ข้าจักปรุงกลิ่นที่ข้าชอบ ถวายพระโอรสนะเจ้าคะ” ต่อจากนั้นทั้งสองก็สนทนาหยอกล้อกันสนุกสนาน
หลังจากวันนั้น พระโอรสก็มักจะเสด็จมาสนทนา หยอกล้อ กับน้ำหอมทุกวันในตอนเย็น หากวันใดไม่มีกิจที่ท้องพระโรงในตอนเช้า ก็จะเสด็จมาทั้งเช้าและเย็น
“น้ำหอม ไยเจ้าเด็ดดอกไม้ในสวนมามากมายเยี่ยงนี้ วันพรุ่งพระโอรสเสด็จมา เห็นดอกไม้ในสวนหายไปเยอะ เจ้าจักเอาข้ออ้างใดมาทูลพระโอรส” มาลีเข้ามาโหวกเหวกโวยวายในตำหนักทอง ด้วยเห็นกองดอกไม้จำนวนมากที่น้ำหอมเด็ดมา
“พระโอรสหรือจะกล้าลงอาญาข้า พี่มาลีหาต้องกลัวไม่ ข้าทูลขอแล้วจ้ะ” น้ำหอมเอ่ยกับมาลี ในขณะที่กำลังใช้สากขยี้ดอกไม้ที่เด็ดมา แล้วตักน้ำที่ได้จากดอกไม้นั้นใส่ขวดไว้ ส่วนหนึ่งก็นำใส่กาต้มไว้ที่ห้องครัว ตำหนักทองอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้
“ข้าลืมไปว่า เจ้าในวันนี้กับเจ้าในวันนั้น ไม่เหมือนกันแล้วนี่ เดี๋ยวนี้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับพระโอรส..” ไม่ทันที่มาลีจะพูดจบ น้ำหอมก็วิ่งมาเอามือปิดปากมาลีไว้ “อย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้เลยพี่มาลี ข้าหาบังอาจเอื้อมไปเคียงข้างพระโอรสไม่” น้ำหอมพูดจบ มาลีก็ปัดมือน้ำหอมออก “ก็ดีแล้ว เพราะพระธิดาพญาวัลย์ พระธิดาบุญธรรมในเจ้าแม่หลวง พระนางทรงรักพระโอรสมาก เห็นนางเงียบๆซื่อๆ แต่จริงๆร้ายหาใช่เล่นไม่ ข้ามิอยากให้เจ้าต้องกลายเป็นที่เกียจชังของนาง”
น้ำหอมยังคงทำสิ่งที่เธอทำอยู่ต่อไป “ข้าหาสนไม่พี่มาลี ข้าบริสุทธิ์ใจ น้ำหอมที่ข้ากำลังทำอยู่นนี่ก็เพราะข้าได้ให้สัญญากับพระโอรสไว้ว่าจักทำถวาย ข้าหาสนไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างใด ข้ารู้แก่ใจข้าดีว่าข้าทำสิ่งที่ถูกที่ควร” แล้วค่ำคืนนั้น กลิ่นดอกไม้ก็ได้หอมอบอวลไปทั่วทั้งฝ่ายใน
เช้าวันรุ่งขึ้นไม่มีการประชุมใดในท้องพระโรง พระโอรสจึงเสด็จมาสวนดอกไม้หลวงเพื่อหาน้ำหอมตามปกติ แต่เหตุการณ์ดอกไม้หอมที่ส่งกลิ่นทั่วทั้งฝ่ายในเมื่อคืน ทำให้มีเสียงนินทากันให้หนาหูในฝ่ายใน ว่าคนของสวนดอกไม้หลวงปรุงน้ำหอม แล้วไยคนฝ่ายในจึงไม่มีใครรู้ เพราะสวนดอกไม้หลวงเป็นสมบัติของหลวง หากใครจะกระทำการใดก็ต้องให้ฝ่ายในรับรู้เสียก่อน ในวันนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น นับเป็นเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของทุกคน เมื่อ...........(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ร่างกายที่บอบช้ำอย่างหนักจากแรงกระแทก แน่นิ่งนอนหนุนอยู่กับเตียงสาธารณะ
ความเจ็บปวดอย่างสาหัสมันทำให้ประสาทสัมผัสทั่วกายของเธอด้านชาไร้ความรู้สึก
มีเพียงโสตที่เปิดอยู่ ให้สติได้รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่ง
เสียงก๊องแก๊งของเครื่องมือที่กระทบเบาๆกับบีกเกอร์
เสียงตี๊ดๆที่ดังอยู่ตลอดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
และ เสียงแว่วของคนร้องไห้ มันแว่วไกล ไกล ไกล ไกล ออกไปจากเธอทุกที
แล้วหูของเธอคู่นั้นก็ดับลง ก่อนที่ความหนาวจะเข้ามากอดกายเธอไปพร้อมๆกับความเมื่อยล้าที่แทรกซึมอยู่ในกล้ามเนื้อของเธอ มันกระตุ้นม่านตาคู่นั้นให้เปิดออกช้าๆ
เธอเห็นเพดานห้องที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีทอง ปลายเท้ามีม่านไม้ฉลุลายสีทองบังตาอยู่ ร่างกายของเธอถูกรายล้อมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สีทองอันล้ำค่าทั่วห้อง แม้นเตียงนอนที่กำลังแบกรับร่างกายของเธอในตอนนี้นั้นก็ถูกห่มด้วยประกายทองไสว
“นี่ฉันอยู่ที่ไหน!” ประโยคแรกที่เธอเปล่งออกมา มันเรียกให้สาวใช้ในชุดทาสโบราณรีบวิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วด้วยท่าทีลุกรี้ลุกรน
“ท่านองครักษ์ นางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” นางทาสร้องบอกคนที่อยู่ด้านนอก แล้วชายที่อยู่ด้านนอกก็ตอบกลับ “ข้าจักไปทูลพระโอรส เจ้าจงสอนนางให้พร้อมสำหรับการเข้าเฝ้าพระโอรส” หลังจากสิ้นสุดคำสั่งจากชายด้านนอก นางทาสก็ดึงตัวเธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลงจากเตียงนอน แล้วพาไปนั่งพับเพียบรออยู่ส่วนหน้าของห้อง แล้วนางทาสก็ปัดกวาดเช็ดถูพื้นที่ตรงนั้นจนเอี่ยม
“นี่เรากำลังเล่นอะไรกันอยู่เหรอ!” คำถามที่สองที่เธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนั้นเอ่ยขึ้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเธอจะได้คำตอบ “ข้าหาได้กำลังเล่นไม่ อีกประเดี๋ยวพระโอรสก็จักเสด็จมา หากเจ้ายังทำเป็นเรื่องเล่นอยู่แล้วไซร้ จักหัวขาดข้าก็หาช่วยได้ไม่” นางทาสกล่าว
สิ้นเสียงนางทาส พระโอรสซึ่งเป็นหนุ่มสง่า แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดเจ้านายชั้นฟ้าผู้สูงศักดิ์ก็เข้ามา ณ ที่นั้น “พระโอรส!” นางทาสอุทานขึ้นก่อนที่จะรีบวิ่งมานั่งลงข้างๆเธอผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้วกราบลงตรงเก้าอี้ทอง ซึ่งพระโอรสประทับนั่ง และองครักษ์นั่งเข่าอยู่ด้านข้าง
“กราบพระโอรสสิ” นางทาสบอกแก่เธอผู้นั้น หญิงสาวก็กราบลงตามคำสั่ง
“เจ้ามีชื่อว่ากระไร เรือนของเจ้าอยู่ที่ใด ข้าจักให้ข้าทาสของข้าไปส่งให้ถึงเรือน” พระโอรสรูปงามเอ่ยถามเธอผู้นั้น แต่มีเพียงเสียงอ้ำอึ้งดังออกมาจากปากของเธอ
“ฉันชื่อน้ำหอม บ้านของฉันอยู่ที่กรุงเทพ” เธอผู้ชื่อน้ำหอมตอบคำถามพระโอรส ที่พาให้ทุกคนต้องทำหน้างุนงงไปตามๆกัน
“กรุงเทพอยู่หนใด เจ้าเคยได้ยินหรือไม่” พระโอรสตรัสถามองครักษ์ “หาเคยได้ยินไม่ขอรับ อีมาลีเล่า เคยได้ยินชื่อเมืองนี้หรือไม่” องครักษ์ที่งุนงงก็ถามนางทาสที่ชื่อว่ามาลีต่อ “หาเคยไม่เจ้าค่ะ หนำซ้ำถ้อยวาจาของนางก็ฟังแปลกหูพิกลนะเจ้าคะ ข้าว่าพระโอรสไล่ๆนางไปเสียดีกว่านะเจ้าคะ” มาลีกล่าว
“หาได้ไม่ ข้าเป็นคนนำตัวนางมา ข้าก็จักต้องส่งนางให้ถึงเรือน วันพรุ่งเจ้าจงหานายช่างวาดภาพฝีมือดีมาวาดภาพนาง แล้วเอาไปติดประกาศให้ทั่ว การนี้หาควรให้เจ้าแม่แลคนอื่นๆในวังรู้ไม่” พระโอรสสั่งการกับองครักษ์ “จนกว่าจะมีคนมารับนาง ข้าขอสั่งให้มาลีดูแลนางอย่างดี ให้นางอยู่พำนักในเรือนทองของข้า การนี้ก็หาควรให้ใครรู้ไม่เช่นกัน” พระโอรสยังสั่งการไว้กับนางทาสมาลีก่อนที่จะเสด็จกลับไป
ค่ำคืนนั้น น้ำหอมสนทนากับนางทาสมาลีตลอดทั้งคืน จนเช้าวันรุ่งขึ้น....
“ว้าว! สวนที่นี่สวยจังเลยพี่มาลี” น้ำหอมเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นสวนดอกไม้หลวงเป็นครั้งแรก พร้อมๆกับวิ่งทะยานไปชื่นชมมวลดอกไม้นานาพันธุ์เหล่านั้นอย่างมีความสุข
“แน่นอนสิ ก็ข้าเป็นคนดูแลที่นี่ด้วยตัวเอง แต่เจ้าท่าทางจะชื่นชอบดอกไม้มากเลยนะ พอข้าพาเจ้ามาที่นี่ หน้าของเจ้าเปลี่ยนสีทันที” มาลีกล่าว
“ใช่ ข้ารักดอกไม้ ข้าเห็นที่นี่ทำให้ข้าคิดถึงสวนดอกไม้ที่เรือนของข้านัก จะมีใครดูแลรดน้ำให้หรือป่าวก็ไม่รู้” การสนทนาหนึ่งคืนที่ผ่านมาของน้ำหอมและมาลี ทำให้น้ำหอมคุ้นชินกับภาษาของคนที่นี่มากขึ้น เธอเริ่มปรับเปลี่ยนการพูดของตัวเอง
ในขณะที่มาลี และ น้ำหอม กำลังสนุกสนานกันอยู่นั่นเอง พระโอรสก็เสด็จมาที่สวน พร้อมกันนั้นก็ไล่ให้มาลีออกไปเฝ้าทางเข้า ด้วยเกรงว่าจะมีใครเข้ามาพบเห็น
“เหตุใดพระโอรสถึงพาข้ามาอยู่ที่นี่หรือเจ้าค่ะ” ครั้งนี้น้ำหอมเป็นฝ่ายเอ่ยถามพระโอรสก่อนบ้าง
“หลายวันก่อนมีงานแข่งม้าที่กลางเมือง การแข่งขันให้เข้าแข่งได้เฉพาะบุรุษ แต่เจ้ากลับเข้ามาร่วมแข่งขันได้อย่างไรก็หารู้ไม่ ข้าจึงจำต้องกระชากเจ้าลงจากม้า แล้วพามาหลบยังสวนดอกไม้หลวงในวัง เพื่อช่วยเจ้า หาไม่เจ้าจะถูกเจ้าแม่ของข้าลงอาญา” พระโอรสเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าที่น้ำหอมจะฟื้นให้น้ำหอมฟัง แล้วยังตรัสต่อ “ชื่อของเจ้าก็ฟังแปลกหูพิกล ชื่อน้ำหอม ที่หมายถึง น้ำอบ นะรึ” คำถามนี้ทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างสนุก พร้อมทั้งให้คำสัญญาไว้กับพระโอรส “ไว้ข้าจักปรุงกลิ่นที่ข้าชอบ ถวายพระโอรสนะเจ้าคะ” ต่อจากนั้นทั้งสองก็สนทนาหยอกล้อกันสนุกสนาน
หลังจากวันนั้น พระโอรสก็มักจะเสด็จมาสนทนา หยอกล้อ กับน้ำหอมทุกวันในตอนเย็น หากวันใดไม่มีกิจที่ท้องพระโรงในตอนเช้า ก็จะเสด็จมาทั้งเช้าและเย็น
“น้ำหอม ไยเจ้าเด็ดดอกไม้ในสวนมามากมายเยี่ยงนี้ วันพรุ่งพระโอรสเสด็จมา เห็นดอกไม้ในสวนหายไปเยอะ เจ้าจักเอาข้ออ้างใดมาทูลพระโอรส” มาลีเข้ามาโหวกเหวกโวยวายในตำหนักทอง ด้วยเห็นกองดอกไม้จำนวนมากที่น้ำหอมเด็ดมา
“พระโอรสหรือจะกล้าลงอาญาข้า พี่มาลีหาต้องกลัวไม่ ข้าทูลขอแล้วจ้ะ” น้ำหอมเอ่ยกับมาลี ในขณะที่กำลังใช้สากขยี้ดอกไม้ที่เด็ดมา แล้วตักน้ำที่ได้จากดอกไม้นั้นใส่ขวดไว้ ส่วนหนึ่งก็นำใส่กาต้มไว้ที่ห้องครัว ตำหนักทองอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้
“ข้าลืมไปว่า เจ้าในวันนี้กับเจ้าในวันนั้น ไม่เหมือนกันแล้วนี่ เดี๋ยวนี้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับพระโอรส..” ไม่ทันที่มาลีจะพูดจบ น้ำหอมก็วิ่งมาเอามือปิดปากมาลีไว้ “อย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้เลยพี่มาลี ข้าหาบังอาจเอื้อมไปเคียงข้างพระโอรสไม่” น้ำหอมพูดจบ มาลีก็ปัดมือน้ำหอมออก “ก็ดีแล้ว เพราะพระธิดาพญาวัลย์ พระธิดาบุญธรรมในเจ้าแม่หลวง พระนางทรงรักพระโอรสมาก เห็นนางเงียบๆซื่อๆ แต่จริงๆร้ายหาใช่เล่นไม่ ข้ามิอยากให้เจ้าต้องกลายเป็นที่เกียจชังของนาง”
น้ำหอมยังคงทำสิ่งที่เธอทำอยู่ต่อไป “ข้าหาสนไม่พี่มาลี ข้าบริสุทธิ์ใจ น้ำหอมที่ข้ากำลังทำอยู่นนี่ก็เพราะข้าได้ให้สัญญากับพระโอรสไว้ว่าจักทำถวาย ข้าหาสนไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างใด ข้ารู้แก่ใจข้าดีว่าข้าทำสิ่งที่ถูกที่ควร” แล้วค่ำคืนนั้น กลิ่นดอกไม้ก็ได้หอมอบอวลไปทั่วทั้งฝ่ายใน
เช้าวันรุ่งขึ้นไม่มีการประชุมใดในท้องพระโรง พระโอรสจึงเสด็จมาสวนดอกไม้หลวงเพื่อหาน้ำหอมตามปกติ แต่เหตุการณ์ดอกไม้หอมที่ส่งกลิ่นทั่วทั้งฝ่ายในเมื่อคืน ทำให้มีเสียงนินทากันให้หนาหูในฝ่ายใน ว่าคนของสวนดอกไม้หลวงปรุงน้ำหอม แล้วไยคนฝ่ายในจึงไม่มีใครรู้ เพราะสวนดอกไม้หลวงเป็นสมบัติของหลวง หากใครจะกระทำการใดก็ต้องให้ฝ่ายในรับรู้เสียก่อน ในวันนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น นับเป็นเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของทุกคน เมื่อ...........(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ทางแสงดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2560, 20:46:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ค. 2560, 12:07:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 932
ตอนที่ 2 หน้ากากเพื่อนรัก >> |
ทางแสงดาว 27 เม.ย. 2560, 07:30:12 น.
นักเขียนมือใหม่ครับ ยินดีรับทุกคำวิจารณ์ แนะนำ เพื่อการปรับปรุงครับ
นักเขียนมือใหม่ครับ ยินดีรับทุกคำวิจารณ์ แนะนำ เพื่อการปรับปรุงครับ