อ้อมกอดสุภาพบุรุษ
ความรักที่สุขงอมจึงตัดสินใจแต่งงานกัน แต่มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อมีเบรกรถเกิดขัดข้องส่งผลให้หญิงสาวเป็นเจ้าหญิงนิทรา
Tags: นนทภัทร กรรณิกา นิยายรัก พัชญา

ตอน: บทที่ 2 (100%)


บทที่ 2

ทั้งคู่อยู่พูดคุยและร่วมถ่ายรูปกับแขกจนครบทุกโต๊ะก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เลยฝากให้กานตพงศ์คอยอยู่ส่งแขกที่นั่งอยู่บ้างประปราย ส่วนบิดามารดาของทั้งคู่ก็กลับไปพักผ่อนกันตั้งแต่สามทุ่มแล้ว เนื่องจากว่าเหนื่อย เพราะต้องตื่นกันแต่เช้ามืด จากนั้นคู่สามีภรรยาหมาด ๆ เอ่ยชวนกันนั่งรถทีเอวีที่ให้ลูกน้องไปขับมาจอดไว้ให้ ซึ่งห้องหอก็เป็นบ้านเกรียงไกรนั่นเอง
อันเนื่องมาจากว่าไม่อยากให้บุตรชายสร้างเรือนหอใหม่ก็เลยห้ามไว้ เพราะถ้านันท์นลินออกเรือนไปแล้วก็คงจะไปอยู่บ้านสามี บ้านหลังนี้ก็จะไม่มีใครดูแล ปล่อยรกร้างไปกาลเวลา ถ้าเป็นเช่นนั้นตนคงเสียใจแย่ เพราะพ่อแม่สร้างมากับมือ
เข้าห้องมาได้นนทภัทรดันประตูปิดพร้อมกดล๊อกเสร็จสรรพ จนทำให้คนเข้ามาก่อนที่เดินไปนั่งสตูลปลายเตียงสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ ก่อนจะก้าวสามขุมมาหาหญิงสาวด้วยท่าทางคุกคาม ยิ่งทำให้ร่างบางกลัวหนักกว่าเดิมเสียอีก จนต้องถอยหลังไปชิดปลายเตียง มองไปทางไหนก็ไม่มีทางหนีทีไล่ เพราะฝั่งซ้ายขวาก็เป็นที่ท้าวแขน ส่วนด้านหลังก็เป็นเตียง ใช่! ขยับตัวไปนั่งบนเตียงสิ กรรณิกาคิดอย่างลำพอง แต่คงจะไม่รู้ว่าสามีหมาด ๆ มองทุกกิริยาของเธออย่างไม่ละสายตาไปไหน เมื่อเธอขยับตัวก็ถูกชายร่างสูงกอดร่างเธอไว้เสียอย่างนั้น
และชุดนี้ก็เกะกะจริง!
“กิ่งคะ...” นนทภัทรเรียกชื่อของภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“คะ...?”
ยัยกิ่งแกเป็นอะไรของแกเนี่ย ทำไมเสียงถึงสั่นอย่างนี้
“หนูจะอาบน้ำก่อนพี่ หรือให้พี่อาบก่อนดีคะ”
ยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนถาม และยังแกล้งหญิงสาวต่อ ด้วยการหายใจรินรดแก้มเนียน แต่ดวงตานี่สิสั่นระริกอย่างคนกลั้นขำ แต่หญิงสาวกับมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น เพราะถ้ามองเห็นคงจะโวยวายยกใหญ่
มันใช่คำถามที่ควรถามไหมเนี่ย ทว่าคำตอบกับสวนทางกับที่ใจคิด
“เอ่อ...คือ...ให้...พี่นนท์อาบก่อนเลยค่ะ...กิ่งว่าจะเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดเสียก่อนน่ะ” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วเบาแทบไม่ค่อยได้ยิน ส่งผลให้ร่างสูงต้องก้มหน้าลงมา และเกิดเหตุไม่คาดฝันหรือเป็นการตั้งใจของสามีหมาด ๆ ก็สุดรู้ คือชายหนุ่มขยับหน้าจนจมูกโด่งรั้นของเธอแตะแผ่ว ๆ ไปบนแก้มสากอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พี่นนท์ อย่ามาหายใจรินกันได้ไหมคะ ไม่รู้หรือยังไงว่ากลิ่นกายของพี่ทำให้กิ่งสั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเองน่ะ
“โอเคครับ” ร่างสูงตอบรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะสูดลมหายใจที่มีกลิ่นของภรรยาติดมาด้วยเข้าไปเต็มปอด
ใช่ เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจให้เกิด และก็เป็นอย่างใจอยากให้เป็นเสียด้วย แม้คนเป็นภรรยาไม่ได้อยากจะให้เป็นก็ตาม ทว่าถือเป็นกำไรชีวิตแล้วไม่ใช่หรือสำหรับตัวเองนานะ
“เฮ้อ ไปสักที” ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อสามีผงะออกไปได้เสียที แม้จะอึดอัดกับสิ่งที่ชายหนุ่มทำ แต่ความรู้สึกอีกอย่างก็รู้สึกว่าปลอดภัย แม้จะถูกลวนลามอยู่เนือง ๆ ก็ตาม

ระหว่างรอชายหนุ่มอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หญิงสาวก็เดินตรงมาหน้ากระจกเพื่อเช็คคราบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้างามมานานหลายชั่วโมง พอเช็ดเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ที่ช่างละเลงออกจนหมดก็พบกับหน้ากระจ่างใสไร้สิวเสี้ยนของตัวเอง รู้สึกว่าสบายหน้าเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าคนที่จำเป็นต้องใช้พวกนี้ทุกวันไม่รู้สึกรำคาญบ้างเหรอ ผ่านไปสิบห้านาทีร่างสูงถึงออกจากห้องน้ำซึ่งมีเพียงผ้าขนหนูสีขาวสะอาดตาเท่านั้นที่พันเอวสอบไว้
“กรี๊ด!! พี่นนท์ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนคะค่อยออกมา”
กรรณิกากรีดร้องอย่างตกใจเมื่อหันหลังจะไปหยิบกล่องใส่เครื่องเพชรที่วางบนตู้ซึ่งผู้เป็นมารดานำมาวางไว้ให้ก่อนออกจากห้อง แต่ต้องเจอเข้ากับชีเปลือยที่เดินออกห้องน้ำมายืนโชว์หุ่นที่ละลายใจสาว ๆ มานักต่อนักให้เธอมองอยู่นั่นแหละ แต่ตัวเองหาได้สนใจในสิ่งที่เธอบอกไม่ กลับล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เช็ดผมที่เปียกอยู่ก่อน
ร่างบางถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นว่าคนตัวโตไม่สนใจจะเช็ดผมให้แห้งก่อนค่อยนอน เลยเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พับวางไว้บนชั้นในห้องน้ำออกมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ถอดชุดแต่งงานที่เธอรู้สึกว่ามันซักจะรุ่มร่ามมากไปแล้วในตอนนี้ เพราะว่าเดินเหินไปทางไหนก็ไม่ค่อยสะดวกนัก
“พี่นนท์คะ...ลุกนั่งก่อนได้ไหม จะนอนตั้งที่ผมเปียกอย่างนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาหรอก” เรียกชื่อของสามี พร้อมกับใช้มือเรียวเล็กเขย่าแขนแกร่งเบา ๆ ให้รู้สึกตัว
“คะ?...ค่ะ” ชายหนุ่มส่งเสียงรับในลำคออย่างงัวเงีย ลุกขึ้นนั่งตามคำสั่งของภรรยาทั้งที่ตายังปิดอยู่ หญิงสาวเลยต้องขึ้นไปนั่งบนเตียงทางด้านหลังของสามีแล้วลงมือเช็ดให้จนมันหมาดไม่ย้อยเปียกที่นอนอีกแล้วนั่นแหละถึงหยุดมือ
“พี่นนท์...พี่นนท์คะ!” เสียงของหญิงสาวที่ดังกว่าปกติเป็นผลให้คนที่นั่งให้ร่างบางเช็ดผมอยู่ก็สะดุ้งตื่นอย่างตกใจ
“หืม? คะ”
“เอ่อ คือ”
“อะไรครับ” นนทภัทรมองคนที่ยืนพูดติด ๆ ขัด ๆ อยู่ข้างเตียง
เอาน่า ยัยกิ่งพี่นนท์เป็นสามีแกนะ แล้วแกจะอายอะไร
รีบพูดให้จบ ๆ จะได้ไปนอนเสียที ง่วงจนจะหลับอยู่แล้วนะ!!
“เอ่อ คือ...แก้เชือกที่มัดไขว้กันให้หน่อยค่ะ”
พูดรัวเร็วจนคนที่งัวเงียอยู่ฟังแทบไม่ทัน แล้วหันแผ่นหลังที่เปรียบดั่งน้ำนมเพื่อให้สามีแก้ปมที่มัดไว้แน่นออกให้ พอดีจะแก้เองมือก็ยังไม่ถึงอีกเลยต้องรบกวนเขาอย่างที่เห็น
จากคนเคยง่วงเหงาหาวนอนต้องตื่นเต็มตาเมื่อเห็นแผ่นหลังขาวเนียนของภรรยา กว่าจะแก้ปมออกได้ก็ใช้เวลาไปสิบกว่านาที ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ทำอย่างช้า ๆ เพื่อจะเชยชมความงามที่อยู่ตรงหน้า พลางใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วหลัง เรื่อยมาถึงสะโพกงามงอนใต้ร่มผ้าที่หญิงสาวประคองไว้กันไม่ให้หล่นไปกองพื้นและกันสายตาโลมเลียของสามีที่คอยส่งมาให้จนตัวเธอเองรู้สึกได้
พลางสวมกอดร่างบางที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี มอบให้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และชายหนุ่มใช้จังหวะนี้พลิกร่างหญิงสาวก่อนจะผลักเบา ๆ ให้ล้มตัวลงไปบนเตียงที่ลุกออกมาก่อนหน้า แต่ก่อนที่ร่างเล็กจะรู้ตัวก็ถูกคร่อมร่างไว้ไม่ให้ดิ้นหนีจากการลุกล้ำ พลางดึงทึ่งชุดเกาะอกที่หญิงสาวประคองไว้ออกให้อย่างเบามือ ตามด้วยชั้นในชิ้นบนล่างที่ปลิวหายไปกองรวมกันกับเกาะอกที่เขาถอดไปก่อนหน้า
“งาม...ช่างงามอะไรอย่างนี้คะกิ่ง” ร่างสูงพูดอย่างละเมอเพ้อพกที่เห็นร่างขาวนวลดั่งน้ำนมร่วงข้าวของกรรณิกา
“พี่นนท์...อื้อ”
ไม่ทันที่หญิงสาวจะเอื้อนเอ่ยอะไรริมฝีปากหนารีบก้มปิดกลีบปากบางทันที พลางใช้ฝ่ามือลูบไล้สัมผัสไปทั่วตัวเรื่อยมาถึงเนื้อสปันจ์เค้กก้อนโตขนาดพอดีมือบีบนวดเค้นคลึงอย่างเมามัน ขบเม้มริมฝีปากหนาไปตามลำคอระหงและหน้าอกงามเพื่อจะฝากรอยรักเอาไว้ ส่วนมือข้างที่ว่างค่อย ๆ ดันขาเรียวงามออกให้กว้างเพื่อใช้ปลายนิ้วเตรียมความพร้อมให้หญิงสาวใต้ร่าง มือบางของกรรณิกาก็ไม่ได้ว่างเว้นคอยใช้ปลายนิ้วไล้เรื่อยไปทั่วร่างกายกำยำของชายหนุ่ม เสียงหวาน ๆ ที่ปล่อยออกมาส่งผลให้เขาพร้อมลงสนามรบที่ตนเป็นคนสร้าง พอเห็นว่าร่างเล็กพร้อมก็ค่อย ๆ ดันความแข็งแกร่งเข้าไปช้า ๆ ทว่าเป็นไปอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวลที่สุดเพื่อไม่ให้ภรรยาสาวเจ็บมากนัก
“อื้อ...เจ็บค่ะพี่นนท์” เสียงหวานเปล่งครางออกมาอย่างเจ็บปวดที่สุด หลังจากเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของสามี สติที่ล่องลอยหายไปจนหมด เริ่มกับเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเมื่อความเจ็บเริ่มคุกคาม
“ชูว์”
นนทภัทรไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรออกมามากไปกว่านี้ แค่ปลอบประโลมหญิงสาวด้วยการจูบซับน้ำตาให้ พลางขยับสะโพกสอบเข้าออกอย่างช้า ๆ เมื่อท่อนเหล็กแหลมด้ามใหญ่เข้าไปสุดทางก็เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเพื่อให้หญิงสาวคุ้นชิน
สะโพกสอบที่ขยับเข้าออกเริ่มเพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อภายในของแฟนสาวคุ้นชินและคอยพูดปลอบโยนให้หญิงสาวมั่นใจอยู่ตลอดเวลา ใช้เวลาไม่นานที่ร่างสูงขยับไปมาอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าร่างบางใกล้จะถึงสวรรค์ชั้นดาวก็รีบติดสปีดเครื่องให้ทันหญิงสาวจนไปเยือนชั้นดาวพร้อมกัน ก่อนจะถอดถอนกายแกร่งออกจากส่วนบอบบางของแฟนสาวช้า ๆ ไม่อยากให้เธอเจ็บมากไปกว่านี้ แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดจนหมาดมาเช็ดตามร่างกายของหญิงสาวให้สะอาดหมดจด ส่วนตัวเองก็เดินไปอาบน้ำชำระกายอีกรอบ
“นอนซะนะ พี่ไม่กวนแล้ว”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนพลิกร่างนอนตะแคงข้างคว้าร่างหญิงสาวเข้าไปกอด โดยให้เธอนอนหนุนแขนของตนต่างหมอน เมื่อเธอชิงหลับไปซะก่อนด้วยความเหนื่อยอ่อนที่ต้องลุกมาแต่งหน้าทำผมแต่เช้าและยังต้องโดนเขากวนอีก ไม่เหนื่อยก็บ้าแล้ว!!
“ฝันดีนะคะ นางกรรณิกา เกรียงไกร” นนทภัทรกระซิบบอกข้างหูของภรรยา และหลับตามภรรยาที่เขารักสุดหัวใจไป…

ย้อนมาพิธีในช่วงเช้า...
วันนี้บ้านรุ่งโรจน์มีแขกมากหน้าหลายตามาช่วยกันเตรียมงานตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องของสองครอบครัวมากกว่าที่ทำกับข้าวเลี้ยงแขก ต่างดังแซซ้องไปด้วยเสียงพูดคุยของทุกคน ระหว่างที่ข้างนอกมีแต่เสียงคนคุยกัน เข้ามาในบ้านก็วุ่นไม่แพ้กันเลยทีเดียว
เพราะตอนนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังทำพิธีการของสงฆ์อยู่ ซึ่งนิมนต์พระมา 9 รูป เพื่อเป็นสิริมงคลกับคนทั้งคู่ เมื่อพิธีสงฆ์เสร็จสิ้นเจ้าสาวถูกเพื่อนอย่างชณิดาภา ภิญโญ ซึ่งเป็นนามสกุลของสามีและพราวนภา ตะวัน ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งเข้าโรงเรียนมัธยมศึกษานำตัวมาอยู่ในห้องเก็บตัวภายในห้องที่เธออยู่มาตั้งแต่เด็ก
“กิ่งแกอยู่ในนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเราจะมาตาม” เสียงของพราวนภาบอกเจ้าสาว เมื่อพาเพื่อนมาอยู่ในห้องพักเรียบร้อย
“จ้ะ”
“เราอยู่เป็นเพื่อนกิ่งเองนะน้ำฟ้า” สาวเรียบร้อยประจำกลุ่มที่แต่งงานก่อนเพื่อนบอก
“อ้าว แล้วแกไม่ไปกั้นประตูด้วยกันก่อนเหรอ”
“ไม่หรอก” ส่ายหน้าอย่างปฏิเสธ
“ตามใจนะ” แล้วเจ้าของร้านพราวนภาพรีเวดดิ้งก็ออกจากห้องไป
“เราตื่นเต้นแทนแกจังเลยยัยกิ่ง”
“จริงเหรอ” กรรณิกาส่งสายตาระยิบระยับให้เพื่อนอย่างล้อเลียน
“จริงสิ ดูนี่” พร้อมกับยื่นมือบางให้เพื่อนจับ “เย็นเจี๊ยบเลย”
ชณิดาภารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เป็นเจ้าสาวเองอย่างไงอย่างนั้น
“มือเย็นจริงด้วย ฮ่า ๆ”
เมื่อทำให้เพื่อนขำได้ก็ดีใจ เพื่อช่วยลดอาการตื่นเต้นของคุณเธอได้ เธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีความสุขแค่ไหนที่ได้แต่งงานกับคนที่เรารัก เพราะเธอเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้ว และเป็นยัยสองคนนี่แหละที่อยู่ข้าง ๆ ในวันสำคัญของตัวเอง

ฝ่ายเจ้าบ่าวเองตอนนี้กำลังจัดขบวนขันหมากกันอยู่อย่างเร่งรีบให้ทันฤกษ์ในเวลา 09.09 น. ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย โดยมีพานธูปเทียนแพนำหน้า ตามด้วยพานขันหมากเอกและพานขันหมากโทที่ยืนอยู่คู่กัน ถัดมาจะเป็นญาติของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าบ่าวเอง ปิดท้ายด้วยขนมมงคล 9 อย่างที่ถูกจัดใส่พานห่อด้วยผ้าอย่างดี สวยสดงดงามและประณีต
“จัดเสร็จแล้วนะ” คุณภาวิดาเดินเข้ามาถาม
“ค่ะคุณแม่”
พร้อมกันแล้วก็มีคนส่งเสียงโห่สามครั้งเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย กระทั่งเคลื่อนมาถึงหน้าบ้านของเจ้าสาวก็โห่อีกสามครั้งเป็นการร้องบอกฝ่ายนั้นว่าขันหมากมาถึงแล้ว จากนั้นจะมีเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นลูกของคนงานในรีสอร์ทมาล้างเท้าให้ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นพิธีที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก นนทภัทรเลยมอบซองที่ใส่เงินไว้ในนั้นเป็นของกำนัล
ด่านประตูเงินประตูทองนั้นนนทภัทรทำได้ผ่านฉลุย ไม่ว่าจะร้องเล่นเต้นรำก็ทำได้หมดทั้งยังมีสายย่อที่เพื่อนเจ้าบ่าวต้องเต้นด้วย เป็นที่ถูกอกถูกใจของสาวน้อยสาวใหญ่ที่เห็นคนหล่อทำอะไรก็ดูดีไปหมด จนมาถึงด่านสุดท้าย...
“อ้าวนลิน เราเป็นน้องเจ้าบ่าวไม่ใช่หรือ ทำไมไปอยู่ฝ่ายเจ้าสาวได้ล่ะ” คุณนนทวัฒน์แซวลูกสาวตัวเองที่ยืนกั้นประตูเงินประตูทองด่านสุดท้ายอยู่กับพราวนภา
“อุ๊ย คุณพ่อขา นลินอยู่ฝ่ายพี่กิ่งดีกว่าค่ะ พี่นนท์น่ะชอบแกล้งนลิน” นันท์นลินอ้อนคนเป็นพ่อแล้วส่งค้อนเบ้อเริ่มใส่พี่ชายอย่างนนทภัทร
“อ่ะ พ่อให้หมดเลย” พ่อของเจ้าบ่าวยื่นซองใส่เงินให้กับลูกสาวและพราวนภา
“ขอบคุณค่ะ เชิญค่ะ” สองสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกัน ก่อนเดินหลีกทางให้ขบวนขันหมาก
คิดว่าด่านนี้จะหนัก ที่ไหนได้เขาไม่ต้องทำอะไรเลย อยากจะร้องเพลงเป็นภาษาแมวนัก
“นนท์ลูก...ขึ้นไปรับน้องมาเร็ว” คุณขวัญหทัยบอกลูกชายเมื่อทุกคนเข้ามานั่งโซฟาที่จัดไว้เพื่อให้ญาติผู้ใหญ่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้ามานั่งเป็นพยานให้ความรักของคนทั้งสอง
“ครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้แม่ยายเมื่อท่านเอ่ยอนุญาต ก่อนจะเดินก้มตัวออกไปเคาะประตูเรียกเจ้าสาวซึ่งอยู่ในห้องนอนของเธอเองไม่ถึงนาทีร่างบางก็เดินออกมาเจอชายหนุ่ม โดยมีเพื่อนสนิทเดินตามหลังออกมาพร้อมกัน
“ใส่ชุดนี้แล้วสวยอย่างกับนางในวรรณคดีเลยนะคะ” กวาดสายตามองดูอย่างหลงใหลได้ปลื้มที่มีเจ้าสาวสวยเช่นนี้ และยิ่งเสริมบุคลิกให้ดูอ่อนช้อย นุ่มนวล
“จริงเหรอคะ” คนฟังเช่นเธอยังเขินจนหน้าแดง แล้วเจ้าสาวที่ได้ยินคำชมตรง ๆ จะเหลือเหรอที่ไม่อาย
“ป่ะค่ะ ใกล้ฤกษ์หมั้นแล้วนะ”

งานหมั้นเป็นไปอย่างชื่นมื่นมีแต่ความสุขที่เจ้าบ่าวแกล้งให้เจ้าสาวเขินอายอยู่เนือง ๆ อย่างเช่นตอนนี้ที่เพื่อน ๆ เชียร์ให้หอมแก้ม กรรณิกาหอมก่อนปล่อยค้างไว้ประเดี๋ยวเดียวเพื่อให้ช่างภาพได้กดชัตเตอร์รัว ๆ พอมาถึงเจ้าบ่าวนั้นกับนานกว่าปกติจนมีคนเอ่ยปากแซวถึงยอมปล่อย เลยเป็นที่อิจฉาตาร้อนนักสำหรับคนที่พบเห็น
“ไอ้นนท์พอแล้วมั้ง เดี๋ยวแก้มเจ้าสาวช้ำหมด ค่อยไปทำกันสองคนไม่ดีกว่าเหรอ”
เสียงเพื่อนเจ้าบ่าวคนหนึ่งตะโกนขึ้นมากลางวง เป็นเหตุให้นนทภัทรผละออกมาอย่างเสียดาย ก่อนจะสอดส่องสายตาคาดโทษหาเพื่อนคนที่พูดก็เจอเข้ากับสายตาพราวระยิบระยับของกานตพงศ์นั่นเองที่ทะลุกลางปล้องอย่างนั้น พี่ชายเจ้าสาวหาสลดไม่กับหัวเราะหึ ๆ ในลำคอจนถูกมารดาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ฟาดเพี๊ยะเข้าให้
เสร็จจากพิธีหมั้นก็เข้าสู่ช่วงนับสินสอด ซึ่งครอบครัวทางฝ่ายเจ้าบ่าวได้ให้ชุดเครื่องเพชรสามชุด เงินสดอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้มูลค่าเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ลงตัวเลขไว้ ทว่ารวม ๆ แล้วก็มากโข ส่วนบิดามารดาของกรรณิกาก็ไม่ได้รับเงินสินสอดไว้กลับยกให้บ่าวสาวทั้งหมดเหมือนเป็นเงินถุงเงินถังให้ลูก ๆ
มาถึงพิธีรดน้ำสังข์หรือประสาทพร เจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยเสร็จ ก็เดินเข้าไปนั่งที่ตั่งรดน้ำสังข์ มีหมอนสำหรับรองมือและพานรองรับน้ำสังข์ โดยทั้งสองได้ขอให้บิดามารดามาสวมมงคลแฝดพร้อมทั้งเจิมหน้าผากให้ ด้านหลังมีชณิดาภาและพราวนภาที่ยืนอยู่เพื่อคอยแจกของชำร่วยให้แขกที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งเป็นช้อนส้อมอันหมายถึงความผูกพันที่ขาดออกจากกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“ขอให้มีความสุขนะลูก” บิดาของเจ้าสาวเข้ามาให้พรลูกเป็นคนแรก
“แม่ขอให้ลูกทั้งสองมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองมาให้ไว ๆ นะลูก” คุณขวัญหทัยที่ตามหลังสามีมาติด ๆ กล่าวอวยพรบ้าง
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ”
เมื่อบิดามารดาของทั้งคู่รดน้ำสังข์เรียบร้อย จากนั้นก็ตามด้วยคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้
มองจากกระจกใสออกไป ทำให้เห็นสวนดอกกุหลาบสีขาวที่กรรณิกาปลูกเรียงไว้เต็มไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้รอบ ๆ สดชื่นและร่มรื่นจากต้นปีบที่ส่งกลิ่นหอมแผ่กิ่งก้านมากมาย ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายพร้อมใจให้พรและเชิญท่านนายอำเภอมาเป็นสักขีพยานในการจดทะเบียนสมรส
ต่อจากนั้นก็เป็นการส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอคอยรักซึ่งเป็นฤกษ์มงคลที่ไปดูมากับพระอาจารย์ที่นับถือ โดยมีญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมให้สินให้พรในการใช้ชีวิตคู่ครั้งนี้ เจ้าสาวที่ควงแขนเจ้าบ่าวมาในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีแดงโรยเป็นรูปหัวใจไว้กลางเตียงนอน ซึ่งมีพ่อแม่ของทั้งคู่นั่งคอยอยู่ก่อนแล้วตรงสตูลปลายเตียง
"แม่ขอให้ทั้งสองมีความสุขนะ" คุณภาวิดากล่าวให้พรสั้น ๆ ทว่าความหมายกินใจ
"รักกันยืนยาวเหมือนเส้นขนมจีนนะลูก แม้เส้นจะเล็กแต่ความเหนียวของข้าวที่เราหมักไว้นาน ก็เหมือนความรักของลูกทั้งสองนั้นแหละ มีอะไรก็หันหน้ามาคุยกันนะ ถ้าอีกคนร้อนอีกคนต้องเย็น จำคำของพ่อไว้ล่ะ!!" คุณนนทวัฒน์สอนการใช้ชีวิตคู่
"ขอให้ลูกทั้งสองอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า เป็นปู่ย่าและเป็นตายายเลยนะ" มารดาของกรรณิกาบอก
"พ่อฝากดวงใจของพ่อด้วยนะนนท์" คุณกรรชัยตบไปที่บ่าของนนทภัทรอย่างฝากฝั่ง
“ขอบคุณนะคะ / ขอบคุณนะครับ” บ่าวสาวก้มกราบเท้าผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่ทำให้พวกเธอมีวันนี้
"เราออกไปกันเถอะ ปล่อยให้บ่าวสาวพักผ่อนกัน" คุณกรรชัยเอ่ยชวนปนแซวไปในตัว

ก่อนหน้านั้นหกเดือน
“กิ่งปิดร้านเสร็จหรือยังคะ เดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตกนะ” เสียงนนทภัทร เกรียงไกร หรือนนท์ วัย 26 ปี ผลักประตูร้านเข้ามาถามแฟนสาว
“เสร็จแล้วค่ะ”
กรรณิกา รุ่งโรจน์ วัย 24 ปี ยืนจัดของอยู่หลังเคาน์เตอร์ร้านเบเกอรี่ของตน ซึ่งมีทั้งของรับมา ส่วนใหญ่จะเป็นของกินขึ้นชื่อของสระบุรีและนครราชสีมา อีกทั้งยังมีที่เธอทำสด ๆ กับมือวางขายหน้าร้านหรือมีออเดอร์เข้ามาเธอก็รับทำหมด ไม่ว่าจะขนมเปี๊ยะ ขนมปังไส้ต่าง ๆ และเค้ก
ร้าน King Bakery ตั้งอยู่ทางเข้ารีสอร์ท ขนาดของร้านประมาณ 3*6 ตารางเมตร เมื่อกิจการรุ่งเรืองเลยทำการต่อเต็มร้านให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวร้านถูกออกแบบให้มีลักษณะเหมือนตัวแอล สามารถมองเห็นวิวได้ถึงสามร้อยหกสิบองศา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่อยู่ด้านหน้าและมีฉากหลังเป็นวิวบ้านพักเพราะติดกระจกใสล้อมรอบไว้ บ่อน้ำที่ขุดอย่างตื่นเขินยามนี้กับมีนกเป็ดน้ำและนกกระยางมาหากินกุ้ง หอย ปู ปลาตัวเล็ก ๆ บินร่อนไปร่อนมา เป็นผลให้นักท่องเที่ยวที่ขับรถผ่านไปมาเข้ามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เหตุนี้เลยทำให้ร้านเบเกอรี่ของเธอคึกคักไปด้วย แถมที่ร้านยังตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นสีเขียวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่นั่งก็เป็นสีเขียวอ่อนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศธรรมชาติที่โอบรอบร้านไว้ โดยไม่ต้องพึ่งแอร์แม้แต่น้อย อันเนื่องจากมีแรงลมพัดโชยมาอยู่ตลอดเวลา
“ไปกันเลยมั้ยคะ”
ชายหนุ่มส่งเสียงถามขึ้นอีกครั้ง กรรณิกาตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จแล้ว เดินสะพายกระเป๋าออกมายืนรอหน้าประตูร้าน เพื่อแฟนหนุ่มล็อกประตูให้ ปกติที่ร้านจะมีลูกน้องมาช่วยงาน ทว่าวันนี้เธอให้กลับก่อน จะรอให้น้องสาวของแฟนมาช่วยดูแลให้ ก็พอดีว่าวันนี้เด็กสาวยังไม่กลับมาเลยต้องปิดร้านก่อนเวลาเป็นชั่วโมง จากนั้นทั้งสองเดินขึ้นเนินเขาลูกเล็ก ๆ ทว่าไม่สูงมากนักใช้เวลาแค่สิบนาทีก็ถึง
นนทภัทรก้มมองนาฬิกาตลอดเวลาเมื่อใกล้ที่พระอาทิตย์จะตกเลยรีบจูงมือของหญิงสาวให้เดินตามทั้งที่ช่วงขาของเธอนั้นสั้นกว่าเขามาก
“พี่นนท์เดินช้า ๆ หน่อยได้ไหมคะ กิ่งเดินตามไม่ทันค่ะ” กรรณิกาบอกเมื่อเธอก้าวขาไม่ทันแถมยังเกือบหกล้มก็หลายครั้ง
ตลอดเส้นทางที่เดินขึ้นเต็มไปด้วยดอกหญ้าสีขาวของหญ้าหิมะกำลังแข่งกันลู่ไปตามแรงลม ตามทางเดินจะมีม้านั่งทำจากไม้ไผ่ผ่าซีกตอกด้วยตะปูเพื่อยึดติดกับไม้วางไว้ใต้ต้นไม้น้อยใหญ่เป็นระยะ จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวบางส่วนแวะถ่ายรูปและวิวเก็บไว้เป็นที่ระลึกแม้จะย่ำเย็นแล้วก็ตาม
สิบนาทีพอดีทั้งสองเดินมาถึงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทันเวลากับแสงสีส้มที่กำลังลาลับขอบฟ้าเป็นภาพสวยงามยิ่งนักสำหรับผู้พบเห็นและยังเป็นอังซีนของที่นี่เลยก็ว่าได้ที่ในทุก ๆ ปีจะมีคนเข้ามาพักและใช้สถานที่ตรงนี้ถ่ายพรีเวดดิ้ง
“ถึงแล้วค่ะ” นนทภัทรบอกหลังจากพาแฟนสาวเดินออกห่างจากผู้คนเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่นนท์?” ระหว่างนั้นชายหนุ่มเดินอ้อมมาสวมกอดจากทางด้านหลังแล้วมองพระอาทิตย์ที่กำลังอัสดง ค่อย ๆ เดินมาคุกเข่าตรงหน้าของแฟนสาวที่ยืนตกตะลึงกับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำ
“กิ่งคะ ชีวิตที่เหลืออยู่ของกิ่งให้พี่เป็นคนดูแลได้ไหมคะ”
“พี่นนท์” คนกำลังถูกขอแต่งงานถึงกับพูดไม่ออกและบอกไม่ถูกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเช่นไรกันแน่
“แต่งงานกับพี่นะคะ” ร่างสูงที่คุกเข่าอยู่ยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงซึ่งภายในใส่แหวนเงินเกลี้ยงเรียบ ๆ ไว้ข้างในออกมาสวมนิ้วนางข้างซ้ายให้กับว่าที่เจ้าสาวก่อนเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธ
มัดมือชกชัด ๆ
อะไรจะเจ้าเล่ห์ปานนั้นพี่นนท์ หญิงสาวได้สะบัดค้อนส่งให้ชายหนุ่ม ก่อนจะตอบรับออกไปอย่างไม่อยากให้คนขอใจเสียถ้าบอกช้ามากกว่านี้
“ค่ะ กิ่งแต่งกับพี่นนท์” กรรณิกาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาและพยักหน้ารับอย่างดีใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานในสถานที่แห่งความทรงจำอย่างนี้ เลยทำให้อดที่จะน้ำตาคลอออกมาด้วยความซึ้งใจไม่ได้
แป๊ะ! แป๊ะ! เสียงปรบมือดังก้องขึ้นเมื่อหญิงสาวตอบตกลง นักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณนั้นต่างร่วมใจกันปรบมือให้ด้วยความยินดี
“ไชโย! ขอบคุณค่ะ! พี่รักกิ่งที่สุดเลยนะ” นนทภัทรระร่ำระลักบอก พลางก้มหน้าไปพรมจูบหน้าผากมนกับความสุขครั้งนี้
ด้วยความที่ชายหนุ่มชอบพูดคะ ขา กับกรรณิกามาตั้งแต่เด็ก พอโตมาหน่อยก็ยังพูดตั้งแต่นั้นมาเลยติด ซึ่งคนฟังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน

หลังลงจากจุดชมวิวนนทภัทรได้ขับเอทีวี (ATV) มาส่งหญิงสาวที่บ้านและอยู่คุยกับว่าที่พ่อตาอยู่สักพักก็ขอตัวกลับ
“ผมขอตัวกลับก่อนนะคะคุณพ่อ”
อย่างที่รู้ ๆ กันว่ากานตพงศ์และนนทภัทรถูกเลี้ยงมาคู่กันทั้งสองครอบครัวเลยให้ลูก ๆ ของตนเรียกพ่อแม่ของอีกฝ่ายได้
“อ้าว ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรือ”
“ไม่ดีกว่าครับ”
“อ้อ ๆ” ว่าที่พ่อตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
บ้านของครอบครัวรุ่งโรจน์ถูกออกแบบให้เป็นทรงไทยขนาดสองชั้น ทำจากไม้สักทั้งหลังทาด้วยสีไม้สักทอง มองรอบ ๆ จะเห็นความร่มเงาของต้นปีบและดอกแก้วที่ปลูกไว้จนเต็มพื้นที่ และปูด้วยหญ้านวลน้อย ภายในบ้านจะถูกแบ่งออกเป็นห้อง ชั้นล่างจะมีทั้งห้องรับแขกอยู่ซ้ายมือของโถงบ้านสามารถมองเห็นดอกไม้ที่กรรณิกาปลูกไว้อย่างสวยงาม ห้องนั่งเล่นที่อยู่เยื้องไปทางขวาจะมีทีวีแอลซีดีจอใหญ่ยักษ์ตั้งไว้บนตู้และมีโซฟาสีน้ำตาลตัดกันกับสีครีมของผนัง ด้านหลังโซฟามีรูปขนาดใหญ่ที่ถูกวาดจากช่างมืออาชีพและมีประตูกระจกใสสามารถมองเห็นสวนดอกไม้ที่มีไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิดที่แข่งกันส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน ทั้งยังเป็นสถานที่ที่กรรณิกาชอบมานั่งเล่นมองความสวยงามของดอกไม้ในยามว่างอีกด้วย

หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น ทันทีที่คุณนนทวัฒน์และคุณภาวิดาทราบเรื่องในวันนั้นก็อยากมาในวันรุ่งขึ้นเลย ทว่าบิดามารดาฝ่ายว่าที่เจ้าสาวไปทำธุระกันเลยต้องมาวันนี้แทน ครอบครัวรุ่งโรจน์ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้ออกมาต้อนรับขับสู่เพื่อนสนิทที่มาตกลงสินสอดทองหมั้นให้สมกับเป็นลูกหลานของตระกูลดังเทียบเท่ากับตระกูลเกรียงไกรเลยทีเดียว
“ส่วนของหมั้นเธอเรียกมาได้เลยนะขวัญไม่ต้องเกรงใจ” คุณภาวิดาพูดขึ้น
“แล้วแต่เธอจะเห็นสมควรนะภา” มารดาของว่าที่เจ้าสาวกล่าว
“ได้ยังไงกัน เสียชื่อตระกูลดังหมด แถมหนูกิ่งจะถูกนินทาไปในทางเสียหายเอาได้” คนตัดสินใจสูงสุดของบ้านเกรียงไกรถึงกับไม่ยอม “เอาอย่างนี้ไหม แม่ให้แหวนวงนี้กับหนูกิ่งใส่วันงานแล้วกันนะลูก”
“เอ่อ...แต่...คุณแม่คะ”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะกล่าวอะไรออกมา ก็ถูกมารดาตีไปที่มือเบา ๆ อย่างตักเตือนไม่ให้ปฏิเสธการรับของจากผู้ใหญ่ แม้เธอจะเห็นแหวนวงนี้มาตั้งแต่เด็กก็ตามและยังทราบมาว่าคุณแม่ภารักและหวงแหวนยิ่งกว่าอะไร จะให้เธอรับมาไว้กับตัวอย่างไรล่ะ
“ขอบคุณคุณแม่ภามากนะคะที่กรุณากิ่ง” กรรณิกายกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย
“นนท์สวมแหวนให้น้องสิลูก”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว นนทภัทรก็หยิบแหวนจากมือมารดามาสวมให้คู่หมั้น ผลปรากฏว่าพอกับนิ้วนางข้างซ้ายของกรรณิกาพอดิบพอดี
แหวนเพชรสิบกะรัตที่ใส่ติดตัวคุณภาวิดามาตั้งแต่สมัยสาว ๆ ซึ่งคุณนนทวัฒน์ซื้อให้ในวันแต่งงาน ช่วงนั้นสามีของนางไม่ค่อยจะมีเงินเลยซื้อให้แค่สองกะรัต ต่อมาพอเริ่มมีเงินเก็บได้ซื้อเพิ่มให้
เมื่อพูดคุยตกลงกันจนเป็นที่เข้าใจเรียบร้อย โดยฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวได้ให้สร้อยคอทองคำ และแหวนเพชรอีกสองชุด แถมในวันแต่งจะมีสินสอดเพิ่มเข้ามาอีก พอถามออกไปก็บอกแค่ว่าให้รู้ในวันแต่งทีเดียว
จากนั้นสองครอบครัวได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน การพูดคุยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของความสุขและดีใจที่ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องคู่ครองว่าจะเจอคนไม่ดี เพราะทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายถึงขนาดดื่มน้ำสาบานกันเลยทีเดียวเชียว ตั้งแต่สมัยของคุณปู่คุณย่าของทั้งสองเลยหมดปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ เนื่องจากว่าคุณภาวิดานั้นรักกรรณิกาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง

‘ฤกษ์แต่งจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกา นนท์ว่ายังไงบ้างลูก’
เสียงคุณภาวิดาถามขึ้นในเช้าวันหนึ่ง ซึ่งมีครอบครัวรุ่งโรจน์มาทานข้าวเช้าที่นี้ด้วย
“ก็ดีนะครับ มีเวลาเตรียมตัวตั้งห้าหกเดือน แล้วกิ่งล่ะคะคิดว่าทันมั้ย” ประโยคสุดท้ายหันมาถามคู่หมั้นสาวที่นั่งฟังมารดาของเขาพูดอย่างไม่แสดงความคิดเห็น
“อืม ทันนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาวันนี้เลยนะลูก”
“ค่ะ / ครับคุณแม่”
เมื่อทราบว่าฤกษ์แต่งเป็นวันไหน นนทภัทรรีบเข้ามาเซ็นเอกสารที่รอการอนุมัติจากเขา กว่าจะหมดทุกแฟ้มก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง เลยตัดสินใจขับเอทีวี (All-Terrain Vehicle) ออกมารับหญิงสาวที่ร้านเพื่อไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน จากนั้นจะได้ไปเลือกชุดแต่งงานและของชำร่วยที่ร้านพราวนภาพรีเวดดิ้ง ซึ่งเป็นร้านเพื่อนสนิทของหญิงสาวเอง
“สวัสดีค่ะคุณกิ่ง มาหาคุณน้ำฟ้าเหรอคะ” พนักงานของร้านเอ่ยทักอย่างสนิทสนมเมื่อกรรณิกาเปิดประตูร้านเข้ามา
“ค่ะ กิ่งมาหาน้ำฟ้าน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าเขาว่างไหมคะ”
“ว่างค่ะ เชิญนั่งรอที่ห้องรับรองแขกก่อนนะคะ พี่จะไปตามคุณน้ำฟ้ามาให้”
“ขอบคุณค่ะ” กรรณิกานั่งรออยู่สักพักพราวนภาก็เดินเข้ามาในโซนรับแขก ที่มีโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ตั้งเรียงไว้สี่ชุด เพื่อที่ร้านจะใช้เป็นที่รับรองลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งมองรอบ ๆ แล้วก็ไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก ตกแต่งด้วยสไตล์วินเทจ
“มาตรงเวลานัดจริงนะยัยกิ่ง”
พราวนภา ตะวันหรือน้ำฟ้า เอ่ยทักเพื่อนสาวคนสนิทเมื่อเข้ามานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน และหันมาไหว้แฟนหนุ่มของเพื่อนที่นั่งอยู่โซฟาเดียวข้าง ๆ กรรณิกา
“สวัสดีค่ะพี่นนท์”
“สวัสดีครับ” นนทภัทรยกมือไหว้ตอบ
ทักทายกันเรียบร้อยพราวนภาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยื่นอัลบั้มรูปที่ข้างในมีชุดให้เลือกมากมาย ร้านของเธอเป็นร้านเปิดใหม่ที่มีลูกค้ามาใช้บริการมากที่สุด เพราะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชุดไทย ชุดราตรี ชุดสูทที่ใส่ออกงาน ทั้งให้เช่าและซื้อเก็บไว้ได้ เนื่องจากเธอออกแบบมาเพียงชุดเดียวในแต่คอลเลคชั่นและไม่เหมือนใครอีกด้วย บางชุดจะเป็นชุดคู่ที่ออกแบบมาให้คู่รักให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“กิ่งชอบชุดนี้จังค่ะพี่นนท์”
กรรณิกาชี้ปลายนิ้วเรียวไปที่ชุดไทยประยุกต์สีครีมทอลวดลายลูกไม้ปักเลื่อมสีทองดูสง่างามเป็นชุดพิธีในช่วงเช้า
“พี่ก็คิดเหมือนกิ่งเลยค่ะ” เขามองชุดนี้อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว และกลัวว่าคู่หมั้นจะไม่ชอบด้วยเลยยังไม่บอกอะไรออกไป พอเห็นว่าแฟนสาวชอบชุดเดียวกันก็ดีใจจนเนื้อเต้น
“ถ้าอย่างนั้นกิ่งเลือกชุดนี้เป็นชุดพิธีการนะคะ”
“จ้า”
เลือกชุดของตนได้เรียบร้อยก็มาดูให้คู่หมั้นหนุ่มอีกเช่นกัน ซึ่งทั้งคู่คิดตรงกันว่าต้องชุดราชปะแตนและโจง
กระเบนสีแดงเลือดหมูดูเข้ากันกับว่าที่เจ้าบ่าวที่สุด
“พี่โบว์คะ พาว่าที่เจ้าสาวไปลองชุดทีค่ะ” พราวนภาที่ปล่อยให้คนทั้งคู่เลือกชุดตามใจชอบแล้วก็หันไปเรียกผู้ช่วยที่เดินอยู่แถวนั้นมาพาเพื่อนตนไปลองชุด เผื่อจะได้ปรับแก้ตรงไหนจะได้ทำให้ทันเลย
“ส่วนพี่นนท์นี่ค่ะ ลองไปใส่มาให้ฟ้าดูหน่อย” ยื่นชุดใส่มือให้เสร็จสรรพ ก่อนจะออกมาให้เจ้าของร้านยลโฉม
เมื่อตกลงกันเรื่องชุดและได้ลองใส่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็ออกมาเลือกของชำร่วยที่วางโชว์ในตู้กระจกที่จัดเป็นแพ๊คไว้อย่างสวยงาม และตัดสินใจเลือกเป็นชุดช้อนส้อมทองที่มีความหมายดีทีเดียว
หลังจากเลือกของได้ตามต้องการ ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้อยู่พูดคุยนัดแนะเรื่องสถานที่ที่จะใช้ถ่ายพรีเวดดิ้งในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้าง ซึ่งทั้งสองเลือกเป็นรีสร์ทเนื่องมาจากว่าเป็นสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างเธอสองคน
ก่อนขอตัวกลับเมื่อมีแขกมาดูชุดแต่งงาน พราวนภาเลยขอตัวออกไปรับรองแขกด้วยตัวเอง

พัชญา




พัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2560, 12:07:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2560, 11:15:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 699





<< แนะนำ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account