Crazy Love Song เพลงรักลวงใจ
เธอ ฝันอยากจะเป็นนักร้อง เลือกเดินหนีจากทุกสิ่งเพื่อไขว่คว้าหาอิสระ
เขา นักดนตรีผู้ไร้ความฝัน เลือกเดินหนีจากทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหาที่พักของหัวใจ
พวกเขาจะพากันหนีไปจนสุดขอบฟ้า... หรือว่าจะดิ่งลงเหวไปด้วยกัน
เขา นักดนตรีผู้ไร้ความฝัน เลือกเดินหนีจากทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหาที่พักของหัวใจ
พวกเขาจะพากันหนีไปจนสุดขอบฟ้า... หรือว่าจะดิ่งลงเหวไปด้วยกัน
Tags: วัยรุ่น,ดราม่า,ดนตรี,วง,รัก,ดาร์ก
ตอน: บทนำ
พวกเขาจะพากันหนีไปจนสุดขอบฟ้า ... หรือว่าจะดิ่งลงเหวไปด้วยกัน
Will they be running away to the end of the world … or falling down together into the abyss?
#######
บทนำ
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ...
ผมเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ห้าแล้วในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ก่อนจะหันกลับไปมองที่ประตูด้วยความรู้สึกตื่นเต้น จากนั้นก็ต้องพร่ำบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ห้าอีกเช่นกัน แต่มันก็ช่างทำได้ยากลำบากสิ้นดี ในเมื่อคนที่ผมเฝ้ารอมานานกำลังจะเดินผ่านประตูบานนั้นเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
สี่ปี...
ผ่านมาสี่ปีแล้วสินะ นับตั้งแต่ที่ผมได้พบกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่ประกาศผลว่าผมสอบติดคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยภูมิฤดี สถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศ หรืออาจจะเป็นวันที่ผมรับปริญญา วันที่ผมสามารถก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปสู่สังคมใหม่ของการเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สี่ปี...
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นช่างยาวนานเหลือเกิน จนทำให้ผมรู้สึกห่างเหินกับเธอไป แต่เมื่อสองวันก่อน เธอก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ในตอนแรกผมถึงกับจำเสียงของเธอไม่ได้ เพราะว่าทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูดนั้นให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ ฟังดูเปลี่ยนไปจากบุคลิกเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ ของหญิงสาวที่อยู่ในความทรงจำมากเลยทีเดียว
ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากที่ผมได้รู้ว่าเป็นเสียงของเธอ ผมอยากจะวิ่งไปหาเธอเสียเดี๋ยวนั้น แม้ว่าเสียงของเธอจะฟังดูนิ่งๆ แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกแสนเศร้า จนผมอยากจะรวบตัวเธอเข้ามากอด เพื่อปลอบโยนว่าเธอยังมีผมอยู่ แต่ความรู้สึกห่างเหินกลับกลายเป็นกำแพงที่ทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไป จึงทำได้เพียงแค่เอ่ยคำทักทายเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับที่ผมรีบร้อนตะโกนขานรับคนด้านนอกทันทีด้วยความตกใจ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกอายตัวเองจนแทบอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในมุมมืด เสียงของผมเมื่อกี้นี้มันช่างฟังดูเงอะงะสิ้นดี
ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับมีหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของใบหน้าแสนคุ้นตาเดินเข้ามาข้างใน หัวใจของผมเต้นโครมครามด้วยความประหม่าทันทีที่เห็นเธอ แม้ว่าสไตล์การแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้าจะเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร ดูเรียบๆ และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่ผมก็ยังจำอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็น ‘เดย์’ ในสายตาของผมอยู่เสมอ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงเอ่ยทักเรียบๆ ของคนตรงหน้าทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเองได้ในที่สุด ผมจึงรีบกระแอมเสียงเล็กน้อยเพื่อแก้อาการเก้อเขินของตัวเอง
“อือ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผมส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้เธอ ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเดย์พูดลงท้ายด้วยคำสุภาพกับผมเสียด้วย ต่างจากเมื่อก่อนที่เธอไม่เคยพูดแบบนั้นกับผมเลยสักครั้ง แม้ว่าผมจะอายุมากกว่าก็ตาม
กาลเวลานี่มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
“เดย์นั่งก่อนสิ” ผมผายมือไปทางโซฟาที่อยู่ทางด้านขวามือ แล้วเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ เดย์ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ผม ก่อนที่จะกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ผมก็ต้องรู้สึกโกรธตัวเองที่เอาแต่คำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัว ผมมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้พบกับเธอ ไม่ได้คิดสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมาหาผมในวันนี้
“วันนี้เดย์มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” ผมรีบเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
เดย์มองตรงมาที่ผมด้วยสายตานิ่งๆ โดยที่ไม่ได้พูดตอบอะไรอยู่พักใหญ่ แต่ผมก็ไม่อยากเร่งรัดอะไร จึงนั่งเงียบๆ รอให้เธอพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างออกมาเอง
“ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนน่ะค่ะ”
“สี่ปีก่อน...” ผมเอ่ยทวน พร้อมกับตั้งสมาธิเพื่อที่จะรับฟังทุกคำพูดของเธออย่างตั้งใจ
“สี่ปีก่อน...ที่ทำให้ฉันเป็นฉันในทุกวันนี้”
หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง สีหน้าเรียบๆ เริ่มแสดงความรู้สึกหลากหลายออกมาทีละนิด มีความสุข โกรธเกรี้ยว เศร้าโศก สนุกสนาน และปวดร้าว เธอคงจะกำลังนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเธอจะถูกขังอยู่ในเขาวงกตที่ไร้ทางออก จนไม่สามารถกลับมาสู่ปัจจุบันได้อีกต่อไป
เพราะว่าจิตใจของคนเรา...ซับซ้อนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง
ดังนั้นผมจึงซื้อตั๋วรถไฟ แล้วออกเดินทางย้อนกลับไปในอดีตพร้อมกับเธอ
กลับไปยังอดีต...เมื่อสี่ปีก่อน
#########
//โปรดติดตามตอนต่อไป//
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยยยยย ชื่อเลซี่จ้า
Will they be running away to the end of the world … or falling down together into the abyss?
#######
บทนำ
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ...
ผมเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ห้าแล้วในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ก่อนจะหันกลับไปมองที่ประตูด้วยความรู้สึกตื่นเต้น จากนั้นก็ต้องพร่ำบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ห้าอีกเช่นกัน แต่มันก็ช่างทำได้ยากลำบากสิ้นดี ในเมื่อคนที่ผมเฝ้ารอมานานกำลังจะเดินผ่านประตูบานนั้นเข้ามาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
สี่ปี...
ผ่านมาสี่ปีแล้วสินะ นับตั้งแต่ที่ผมได้พบกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ผมจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่ประกาศผลว่าผมสอบติดคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยภูมิฤดี สถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศ หรืออาจจะเป็นวันที่ผมรับปริญญา วันที่ผมสามารถก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปสู่สังคมใหม่ของการเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สี่ปี...
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นช่างยาวนานเหลือเกิน จนทำให้ผมรู้สึกห่างเหินกับเธอไป แต่เมื่อสองวันก่อน เธอก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ในตอนแรกผมถึงกับจำเสียงของเธอไม่ได้ เพราะว่าทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูดนั้นให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ ฟังดูเปลี่ยนไปจากบุคลิกเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ ของหญิงสาวที่อยู่ในความทรงจำมากเลยทีเดียว
ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากที่ผมได้รู้ว่าเป็นเสียงของเธอ ผมอยากจะวิ่งไปหาเธอเสียเดี๋ยวนั้น แม้ว่าเสียงของเธอจะฟังดูนิ่งๆ แต่มันกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกแสนเศร้า จนผมอยากจะรวบตัวเธอเข้ามากอด เพื่อปลอบโยนว่าเธอยังมีผมอยู่ แต่ความรู้สึกห่างเหินกลับกลายเป็นกำแพงที่ทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไป จึงทำได้เพียงแค่เอ่ยคำทักทายเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับที่ผมรีบร้อนตะโกนขานรับคนด้านนอกทันทีด้วยความตกใจ แต่แล้วก็ต้องรู้สึกอายตัวเองจนแทบอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในมุมมืด เสียงของผมเมื่อกี้นี้มันช่างฟังดูเงอะงะสิ้นดี
ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมกับมีหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของใบหน้าแสนคุ้นตาเดินเข้ามาข้างใน หัวใจของผมเต้นโครมครามด้วยความประหม่าทันทีที่เห็นเธอ แม้ว่าสไตล์การแต่งตัวของหญิงสาวตรงหน้าจะเปลี่ยนไปจากเดิมพอสมควร ดูเรียบๆ และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก แต่ผมก็ยังจำอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็น ‘เดย์’ ในสายตาของผมอยู่เสมอ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” เสียงเอ่ยทักเรียบๆ ของคนตรงหน้าทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ของตัวเองได้ในที่สุด ผมจึงรีบกระแอมเสียงเล็กน้อยเพื่อแก้อาการเก้อเขินของตัวเอง
“อือ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ผมส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้เธอ ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเดย์พูดลงท้ายด้วยคำสุภาพกับผมเสียด้วย ต่างจากเมื่อก่อนที่เธอไม่เคยพูดแบบนั้นกับผมเลยสักครั้ง แม้ว่าผมจะอายุมากกว่าก็ตาม
กาลเวลานี่มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
“เดย์นั่งก่อนสิ” ผมผายมือไปทางโซฟาที่อยู่ทางด้านขวามือ แล้วเดินไปนั่งลงตรงที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ เดย์ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ผม ก่อนที่จะกลับมามีสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ผมก็ต้องรู้สึกโกรธตัวเองที่เอาแต่คำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัว ผมมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้พบกับเธอ ไม่ได้คิดสงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมาหาผมในวันนี้
“วันนี้เดย์มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” ผมรีบเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
เดย์มองตรงมาที่ผมด้วยสายตานิ่งๆ โดยที่ไม่ได้พูดตอบอะไรอยู่พักใหญ่ แต่ผมก็ไม่อยากเร่งรัดอะไร จึงนั่งเงียบๆ รอให้เธอพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างออกมาเอง
“ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนน่ะค่ะ”
“สี่ปีก่อน...” ผมเอ่ยทวน พร้อมกับตั้งสมาธิเพื่อที่จะรับฟังทุกคำพูดของเธออย่างตั้งใจ
“สี่ปีก่อน...ที่ทำให้ฉันเป็นฉันในทุกวันนี้”
หญิงสาวค่อยๆ หลับตาลง สีหน้าเรียบๆ เริ่มแสดงความรู้สึกหลากหลายออกมาทีละนิด มีความสุข โกรธเกรี้ยว เศร้าโศก สนุกสนาน และปวดร้าว เธอคงจะกำลังนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อสี่ปีที่แล้ว ซึ่งมันทำให้ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเธอจะถูกขังอยู่ในเขาวงกตที่ไร้ทางออก จนไม่สามารถกลับมาสู่ปัจจุบันได้อีกต่อไป
เพราะว่าจิตใจของคนเรา...ซับซ้อนเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง
ดังนั้นผมจึงซื้อตั๋วรถไฟ แล้วออกเดินทางย้อนกลับไปในอดีตพร้อมกับเธอ
กลับไปยังอดีต...เมื่อสี่ปีก่อน
#########
//โปรดติดตามตอนต่อไป//
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยยยยย ชื่อเลซี่จ้า
LazyMe
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2560, 01:22:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2560, 01:22:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 826
บทเพลงที่ 1 >> |