ซุลนูรอยน์...The man with two lights

ซุลนูรอยน์ (Zul Nurain) คือ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง
หรือ ผู้มีสองรัศมี


คือ เรื่องราวความรักความผูกพันธ์ในครอบครัว...
และการสร้างครอบครัวภายใต้เงื่อนไขที่ถูกใครบางคนวางขึ้นมาเพื่อให้ตัวละครในเรื่องขับเคลื่อนชีวิตเดี่ยวไปสู่ชีวิตคู่...
จากชีวิตคู่...ไปสู่ครอบครัว


โดยมี 'บ้าน' เป็นรางวัลให้กับผู้ชนะที่ทำตามเงื่อนไข
ทั้งหมดได้...จนจบเกม


เมื่ออึกหนึ่งเหมือน 'ไฟเย็น'

ส่วนอีกหนึ่งเหมือน 'น้ำร้อน'

และ...

เมื่อร้อนกระหาย...ดับได้ด้วยน้ำเย็น
แล้วถ้าร้อนรนด้วยกิเลสของความอยาก...จะดับด้วยกับอะไร

และ

บ้านจะอบอุ่นได้...จะต้องใช้อะไรอบถึงจะอุ่น...


และ

ซุลนูรอยน์...จะเป็นฉายาของใคร ???


Tags: ดราม่า คาเวห์ มัสรานี มัสลัน นิมัสรา โซรัน ซูไฮล่า ซุลนูรอยน์ ผู้ครอบครองรัศมีทั้งสอง ความสัมพันธ์ในครอบครัว บ้าน

ตอน: ภาคพิเศษ : Part 21 : เจ้าชายดอกไม้ (50%)



เช้าของวันใหม่เริ่มต้นด้วยเสียงนกที่ปลุกผู้คนให้ลุกขึ้นมาละหมาด
ก่อนจะดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของหมอกหนาและกลิ่นไอจากขุนเขา
ทั้งกลิ่นน้ำค้างผสมผสานกลิ่นหอมของดอกไม้ป่านานาชนิด
ที่ต่างเบ่งบานต้อนรับการมาถึงของแสงตะวัน…

ซัลซาบีล่าที่ยืนตรงหน้าระเบียงสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยในอดีต…แล้วลงจากกระท่อมหลังน้อย
ไปตามกลิ่นดังกล่าว ก็พบกับร่างของมารดากำลังนั่งปรุงอาหารอยู่หน้าเตาฟืน…
อีกเตากำลังย่างปลาดุกตัวใหญ่สองตัวด้วยเตาถ่าน ส่วนอีกเตากำลังหุงข้าว
ด้วยเตาฟืนที่ไฟกำลังมอดบ่งบอกว่าข้าวกำลังสุกได้ที่แล้ว

“บีล่ามัวแต่เดินชมรอบๆกระท่อมเพลินไปหน่อยจนลืมหน้าที่แม่ครัวเลย”
หญิงสาวออกตัวขณะนั่งลงพลิกปลาดุกแล้วยกขึ้นมาดมดู

“หอมจังเลยค่ะ…ไม่เคยได้กลิ่นปลาดุกย่างที่ไหนจะหอมขนาดนี้มาก่อนเลย…”

“สูตรของเคนเขา…เขาบอกว่า…เขาทำเป็นแต่พวกย่างๆ…อย่างอื่นทำไม่ได้เรื่อง…
แต่ดูเหมือนจะเชี่ยวชำนาญจนรสชาติหาที่ติไม่ได้เลย”

เมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว พลอยทำให้ซัลซาบีล่ามองไปรอบๆตัว

“แล้ว…เจ้าของสูตรไม่ได้อยู่ย่างด้วยเหรอคะ…”

“เวลานี้คงอยู่กับพวกต้นไม้โน่นแหล่ะ…ละหมาดเสร็จก็เห็นจะไปขลุกอยู่กับต้นไม้…ทุกวัน…”

ซัลซาบีล่าพอจะรู้ว่านฤเคนทร์นั้นเป็นคนที่ชอบอยู่กับต้นไม้มากกว่าอยู่กับผู้คน

“แล้วหนุ่มๆอีกสองคนล่ะคะ…ตอนนี้หายไปไหนกันหมดแล้ว…”

“สงสัยจะเดินชมไพรนั่นแหล่ะ…คนที่ไม่เคยมาที่นี่ก็มักจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศของที่นี่
จนลืมเวลากันทั้งนั้น ยิ่งคนเมือง…ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง…

ครั้งแรกที่แม่มาพบกับที่นี่ แม่รับรู้ได้ในทันที…ว่าที่นี่แหล่ะ…รังตายของแม่…
แม่ไม่อยากไปไหนอีกแล้ว…แม่อยากทิ้งกายที่หนักอึ้ง ทิ้งปัญหาทุกอย่างในชีวิต
ที่แบกมาตลอดเส้นทางให้ป่าแห่งนี้แบกรับเอาไว้…แล้วปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระ
จากการถูกครอบครอง…ด้วยสิ่งที่ไม่ยั่งยืนทั้งหมด…
ขอยอมตกอยู่ใต้พระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น…

แม่ขอหยุด…หยุดไว้ตรงนี้…”

รอยยิ้มอุ่นๆบนใบหน้าอวบอิ่มนั่นทำให้ซัลซาบีล่ารู้ได้ในทันทีว่า
มารดาของตนมีความสุขกับชีวิตแบบนี้มากแค่ไหน…

หญิงสาวมองไปยังควันไฟจากฟืนในเตา มองหม้อข้าวที่มีควันดำเกาะอยู่ภายนอก
ในขณะที่ภายในนั้นคือข้าวสวยที่กำลังส่งกลิ่นหอม

หอมกว่ากลิ่นข้าวที่หุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้าเสียอีก…

และมันทำให้เธอคิดถึง…คิดถึงวัยเด็ก…ที่เธอมีโอกาสได้อยู่กับท่าน…
และรู้สึกตื้นตันที่วันนี้ เธอได้กลับมา…อยู่กับท่าน…ได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง…

“บีล่าเคยคิดว่าบีล่าจะเสียดายมั้ยที่หันหลังให้กับทุกสิ่งที่บีล่าจากมา…
แต่พอ…ได้กลิ่นข้าวในยามเช้าแบบนี้…มันทำให้บีล่ารู้ได้ในทันทีว่า…
ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียดายอีกแล้วค่ะ…

ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร…บีล่าขอหยุดอยู่ตรงนี้ด้วยคนได้มั้ยคะ…
ให้บีล่า…ได้…อยู่ที่นี่…กับแม่…เหมือนที่ครั้งนึง…เราเคยอยู่ด้วยกัน…ในบ้านน้อยกลางป่า
แต่อบอุ่นไปด้วยความรัก”

แม้คนตรงหน้าเธอจะพยายามปกปิดเก็บซ่อนความจริงเรื่องสถานะที่แท้จริง
ระหว่างเรามาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่คนตรงหน้าเธอไม่เคยคิดจะปกปิด
หรือเก็บซ่อนมันไว้เลย นั่นคือ ความรักของแม่…ที่มีต่อลูก…

ไม่ว่าจะย้อนกลับไปแล้วนึกถึงฉากใดๆระหว่างเรา มันก็มีแต่ความทรงจำที่ดีระหว่างกัน…

และตอนนี้เธอโตพอที่จะเข้าใจในเหตุผลของแม่ที่ไม่ยอมบอกเธอตรงๆว่าเธอคือลูกในอก…
จึงไม่มีเหตุผลหรือความโกรธใดจะมาอยู่เหนือความรักระหว่างเรา
ที่เคยสะสมทับถมอยู่ในหัวใจเธอได้…

“บีล่าไม่โกรธแม่ใช่มั้ย…” มือหยาบกร้านสัมผัสมือนุ่มนิ่มของลูกสาว

ซัลซาบีล่ายิ้มบางขณะส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่เลยค่ะ…บีล่าต้องการแม่คนนี้มานานแล้ว…การได้รู้ว่าเราคือแม่ลูกกันจริงๆ
มันเหมือนความฝันของบีล่าเป็นความจริง บีล่ารู้สึกสมหวัง
สมปรารถนามากกว่าจะรู้สึกเป็นอย่างอื่นค่ะ…”

ว่าแล้วก็โอบรัดร่างของมารดาเอาไว้แน่น…น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกที่เต็มตื้น
มือหยาบลูบแผ่นหลังลูกสาวแล้วคลี่ยิ้มทั้งน้ำตาอาบแก้ม…

“เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่…ใช่มั้ยบีล่า…”

เสียงนั้นหมายจะอ้อนวอนมากกว่าจะขอคำยืนยัน

“ค่ะ…เราจะอยู่ด้วยกัน…ที่นี่…บีล่าจะอยู่กับแม่…”

นฤเคนทร์ที่เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ในมือถึงกับหยุดชะงักกึกกับภาพตรงหน้า
และประโยคนั้นที่ได้ยินจากปากของซัลซาบีล่าชัดเจนเต็มสองหู…
ก่อเกิดเป็นรอยยิ้มตรงมุมปากของชายหนุ่ม…จนไม่อาจหุบลงได้โดยง่ายดาย…
ก่อนจะก้มลงมองดอกไม้ในมือตนที่ตั้งใจจะนำมาให้…คนที่ชอบดอกไม้ชนิดนี้…

“อ้าวเคน…” เสียงของมารดาทำให้ซัลซาบีล่าผละจากอกของท่านแล้วรีบปาดน้ำตา
ก่อนจะหันไปทางคนที่เพิ่งเข้ามา

“ปลาดุกน่าจะไหม้แล้วนะครับผมว่า…” นฤเคนทร์ชี้ไปที่ปลาดุกย่าง
พร้อมรอยยิ้มตรงมุมปากที่ยังคงค้างอยู่ไม่จางหายไปจากใบหน้า

“อุ้ย…ตายจริง…” หญิงกลางคนรีบกุลีกุจอเข้าไปดูปลาดุกก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา…
เมื่อพบว่ามันยังใช้การได้อยู่

“อาจจะขาดความนุ่มไปบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร…ยังกินได้อยู่จ้า…”

เสียงเป่าปากดังออกมาพร้อมกับรีบยกปลาทั้งสองตัวไปวางไว้ยังที่พัก
แล้วรีบไปดูหม้อแกงของตน…แล้วหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อพบว่ามันยังใช้การได้อยู่…

ในขณะที่ซัลซาบีล่าทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาเสียดื้อๆ
เมื่อมองไปยังเจ้าดอกไม้ในมือของนฤเคนทร์…

ชายหนุ่มก็เกิดละล้าละลังขึ้นมาว่าจะเอายังไงต่อ…โชคดีที่ได้ผู้ช่วยคนสำคัญ

“นั่นจะเอาดอกไม้ที่ปลูกมาให้แขกได้ชื่นชมล่ะสิ…มามะ…ให้บีล่าเขาจัดการเอาลงแจกันเลย…
ใกล้จะได้เวลากินข้าวแล้วด้วย…มีดอกไม้มาประดับคงจะช่วยเจริญอาหารไม่น้อย”

นฤเคนทร์จึงยื่นช่อดอกไม้ส่งให้ซัลซาบีล่า หญิงสาวรับไปด้วยสีหน้าท่าทาง
ที่พยายามเก็บงำความขวยเขิน หากมันก็มิอาจปิดซ่อนได้ เพราะแก้มทั้งสองของเธอ
มันฟ้องด้วยรอยสีเลือดฝาดที่เริ่มแดงปลั่งขึ้นเป็นริ้วๆ

“เอ่อ…ไหน…แจกันล่ะคะ…” คนที่กำลังยุ่งอยู่กับหม้อแกงบนเตา
จึงเอ่ยปากให้นฤเคนทร์ช่วยจัดการให้

“หาแจกันให้น้องหน่อยสิเคน…”

“เราไม่เคยมีแจกันนี่ครับ…” นั่นคือความจริง…เพราะแจกันใดๆ
ไม่มีปรากฎให้เห็นเลย

“แต่ไม่เป็นไรครับ…เดี่ยวรอแป๊บนึง…ผมจะไปเอาแจกันมาให้…”

แล้วร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มหนวดเครารกรุงรัง เจ้าของกระท่อมหลังน้อย
ที่อยู่ห่างออกไปจากกระท่อมหลังนี้ที่เธอยังไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าไปสำรวจดูให้เต็มตา…

แม้สภาพภายนอกของเขาจะดูแย่ลงไปจากที่เธอเคยเห็น…
แต่จากที่สังเกตดู…เขาดูจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดียิ่งกว่าแต่ก่อน…
พูดจาสุภาพ ไม่ห้วน มีหางเสียง ไม่กระโชกโฮกฮาก…ใบหน้าก็ดูอ่อนโยนกว่าแต่ก่อน
ดวงตาก็ไม่ได้แข็งกร้าวน่ากลัว…ท่าทางก็ปราศจากการคุกคาม ดูเป็นมิตร
และ…อบอุ่นประหลาดๆ

…อะไรกันนะที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้…

ระหว่างรอแจกัน ซัลซาบีล่าจึงช่วยมารดาจัดสำรับอาหาร…จนใกล้จะแล้วเสร็จ
ก็เห็นนฤเคนทร์กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อม…กระบอกไม้ไผ่ในมือแล้วส่งมันให้เธอ…

“นี่ไง…แจกันดอกไม้…ของฉัน…” ซัลซาบีล่ามองแจกันดอกไม้ในมือเขา
แล้วเงยหน้ามองเขาแว้บนึงก่อนจะรีบหลบสายตาต่ำ…
รับแจกันนั้นมาไว้ในมือ เห็นมีน้ำอยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว…

“ที่นี่ไม่มีแจกันหรู…หรอก…ฉันหาให้เธอได้แค่นี้แหล่ะ…”

ซัลซาบีล่าพยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบช่อดอกไม้ของเขาที่วางไว้ในถาด
นำมันมาจัดไว้ในแจกันกระบอกไม้ไผ่…แล้วเอียงคอพิศมองมัน
ก่อนจะคลี่ยิ้มสวยที่ทำให้คนกำลังมองอยู่ถึงกับหัวใจกระตุก

“เข้ากันจังเลยค่ะ…สวย…บีล่าชอบจัง…
นี่ถ้าอยู่บนต้น...มันคงจะสวยยิ่งกว่านี้แน่ๆ”

หญิงสาวหลุดปากพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร คิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น
ทั้งปากทั้งแววตาบ่งบอกว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าตนนั้นช่างแสนถูกใจ…
จนถึงกับประคับประคองอย่างหวงแหนขึ้นมากอดเอาไว้
แล้วหันไปยิ้มให้กับเจ้าของช่อดอกไม้และแจกันใบนี้

“ขอนะคะ…ขอเอาไปไว้ในห้องนอนนะคะ…”

หญิงกลางวัยที่ลอบมองทั้งสองอยู่ตรงนั้นถึงกับคลี่ยิ้มออกมาด้วยรับรู้ถึงรัศมีบางอย่าง…
ท่ีคนที่มีความรักต่อกันเท่านั้นจะเปล่งมันออกมาให้คนรอบตัวรับรู้ได้

“ตามสบายเถอะ…ฉันตั้งใจเอามาให้เธอ…”

คนที่พยายามกักเก็บความขวยเขินเอาไว้ถึงกับตาโต กะพริบตาปริบๆ หัวใจเต้นแรง…
จนสูบฉีดเลือดไปกองอยู่ที่ใบหน้าเธอจนรู้สึกร้อนผ่าว…

ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยจริงๆนะ…เธอไม่อยากโทษหัวใจตัวเองถ้ามัน
จะคิดไปไกลหรือตู่เอาเองว่า…เขากำลังส่งดอกไม้จีบเธอ…

ก็…ดอกไฮเดรนเยียสีม่วงครามดอกโตช่อใหญ่เบ่อเริ่มในแจกันใบนี้
มันคือดอกไม้ที่เธอชื่นชอบที่สุด…

เขาจะรู้หรือไม่รู้เธอก็ไม่รู้หรอก…แต่ที่รู้ๆก็คือ...เธอชอบ…มัน…
ยิ่งได้รู้ว่าเขาคือคนปลูกมันด้วยแล้วยิ่งรัก…เข้าไปใหญ่...

“ขอบคุณค่ะ…” ว่าแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินผ่านหน้านฤเคนทร์
ไปยังห้องนอนของตนที่เมื่อคืนนอนกับมารดา แล้ววางแจกันไว้ตรงโต๊ะข้างๆเตียง…
ก้มลงสูดดมกลิ่นของมัน…แม้จะไม่หอม…แต่…มันทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั้งหัวใจเลยทีเดียว…

ซัลซาบีล่ายกมือขึ้นปิดปากแล้วยิ้มกว้างเท่าที่อยากจะยิ้มออกมา
ก่อนจะยกมือขึ้นทาบตรงตำแหน่งของหัวใจที่กำลังเต้นแรง…

เมื่อมันเริ่มสงบลงแล้วจึงลุกออกจากห้องไปยังระเบียงบ้าน
ซึ่งเป็นที่สำหรับนั่งร่วมทานอาหารเช้าด้วยกัน…
เห็นทุกคนอยู่พร้อมล้อมวงกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเดินอ้อมไปนั่งตรงกลาง
ระหว่างมารดากับพี่ชาย…

คาออสจึงก้มลงกระซิบถามข้างๆหูน้องสาวทันทีว่า

“ไปทำอะไรมา…ทำไมหน้าแดงขนาดนี้…”

เจอคำถามนี้เข้าไปสายตาเจ้ากรรมของหญิงสาวกลับหันไปทางต้นตอที่นั่งอยู่
ฝั่งตรงข้ามอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบก้มหน้างุดเมื่อได้สติ...

“ว่าไง…” คนเป็นพี่ยังไม่วายสงสัยติดหมัดด้วยรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล…

“เปล่าค่ะ…สงสัยอากาศจะร้อนไปหน่อย…”

“อากาศร้อน?”

เช้าอันแสนสดชื่นแบบนี้เนี่ยนะอากาศร้อน เขาจะเชื่อเข้าไปได้ยังไง…
และเพราะไม่เชื่อเช่นนั้นจึงหันไปจับจ้องยังนฤเคนทร์ที่ตอนนี้กำลังล้างมือ
เตรียมพร้อมสำหรับเปิบข้าวเข้าปาก…

“ลองปลาดุกย่างดูสิลูก…” มือหยาบกร้านวางปลาดุกลงบนจานของลูกชาย
ที่ดูจะจดจ้องนฤเคนทร์ตาเป็นมัน…

คาออสก้มมองปลาดุกย่างแล้วหันไปยิ้มให้มารดา
ก่อนจะหันมาจ้องหน้านฤเคนทร์อย่างไม่ลดละ

“ฮึฮื้อ…ระวังก้างติดคอนะเคน…”

โซรันที่กำลังหยิบปลาดุกย่างมาลองชิมดูบ้างเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางเต็มดวงหน้า

แม้จะไม่ค่อยกินเส้นกับพี่ใหญ่นัก แต่นฤเคนทร์ก็อดลอบยิ้มไม่ได้
กับประโยคนั้นของพี่ชายคนโตของเขา ซึ่งมันทำเอาคาออสยอมหันกลับไป
จัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ…

“หลังจากกินเสร็จ…อยากไปเดินย่อยอาหารด้วยการเดินชมสวนดอกไม้กันมั้ยบีล่า…”

นฤเคนทร์พูดเอ่ยชวนซัลซาบีล่าพร้อมยักคิ้วให้กับคาออส

“พาพี่ชายของเธอไปด้วยนะ…จะได้ดูไม่น่าเกลียด…”

“ที่นี่มีสวนดอกไม้ด้วยเหรอคะ…” แววตาคนพูดดูตื่นเต้นไม่น้อย

“ฮึอื้อ…” คาออสกระแอมไอแล้วหันไปตำหนิน้องสาว

“สำรวมหน่อยบีล่า…”

“อะไรคือสำรวมคะ…” ผู้เป็นน้องสาวขมวดคิ้วมุ่นทีเดียว...เธอเนี่ยนะไม่สำรวม

“ผู้ชายเขาชวนไปชมดอกไม้…มันหมายถึงอะไร…เธอไม่รู้เลยรึไง…”

“แต่ผู้ชายที่พี่คิวว่านั้นน่ะคือพี่ชายพี่คิวนะคะ…ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน…”

นฤเคนทร์ลอบยิ้มให้กับประโยคที่แสนจะถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก

“มีดอกไม้นานาชนิด…มีผีเสื้อป่าหลากสายพันธุ์บินมาเชยชมดอกไม้ในสวน…
ไหนจะพวกแมลงสวยๆอีก...อยากจะลองหายไปอยู่ในสวนดอกไม้
แล้วล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้านุ่มๆพร้อมกับสูดกลิ่นหอมๆของดอกไม้ดูบ้างมั้ยล่ะ…”

ซัลซาบีล่าตาโตเลยทีเดียว…เพราะปกติคนชวนมักจะหวงดอกไม้จะตาย
คราวนี้ถึงกับออกปากชวนเธอ นั่นก็แสดงว่าเขาเต็มใจให้เธอเข้าไปเชยชมดอกไม้
ในสวนของเขาแล้ว…

มันน่ายินดีขนาดไหนคิดดูสิ…

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกนี้ของเธอได้ดีไปกว่าเธอที่เคยถูกเขาไล่ตะเพิด
ออกจากสวนดอกไม้ของเขาหรอก

“อนุญาตให้ฉันเข้าไปในสวนของคุณจริงๆเหรอ…ไม่ไล่ตะเพิดออกมาแน่ๆนะ…”
นฤเคนทร์ลอบยิ้มก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่หรอก…ก็ฉันตั้งใจปลูกให้เธอนี่…”

ประโยคนี้ราวกับมีคลื่นพลังงานระลอกใหญ่เข้าจู่โจมเข้าเต็มๆ
จนหัวใจของซัลซาบีล่าถึงกับตีลังกาหกคะเมน…อ้าปากค้างจนพี่ชายต้องยัดปลาดุกย่างในมือ
เข้าปากนั่นเพื่อเรียกสติน้องสาวให้กลับมาหาตน…

“กินข้าวให้อิ่ม สมองจะได้กลับมาทำงาน…ได้เต็มที่หน่อย”

ถ้อยคำนั้นทำเอาซัลซาบีล่าหันไปส่งค้อนให้พี่ชายทันควันพลางเคี้ยวอาหารในปากตุ้ยๆไปด้วย

“เชื่ออะไรกับคำพูดผู้ชาย…”

คราวนี้โซรันกับซัลวาหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

“นั่นมันคำพูดของพี่ชายของพี่คิวนะ…”

“ฮึ…พี่ชายที่เพิ่งจะมานึกนับญาติกันเนี่ยนะ…”

คราวนี้เป็นซัลซาบีล่าที่ยกน้ำหวานป้อนให้พี่ชายถึงปาก

“กินน้ำหวานๆนะคะ…ปากจะได้หวาน…หวานซาบซ่านไปถึงหัวใจ”

ซัลซาบีล่าส่ง โดยมีนฤเคนทร์คอยรับต่อในทันทีว่า

“กลัวว่าจะกินของหวานแล้วยิ่งดุล่ะสิไม่ว่า…เดี่ยวก็พาลกัดเขาไปมั่วหรอก”

คาออสจ้องนฤเคนทร์ตาเป็นมันเลยทีเดียว ในขณะท่ีอีกฝ่ายดูใจเย็น
และมีสีหน้าแววตาผ่อนคลาย หาได้ตึงเครียดเหมือนอีกคนที่ตอนนี้ราวกับหัวอก
สุมไปด้วยไฟแห่งความโกรธ

“ไม่เอาน่าพี่คิว…พี่คิวคนดีของบีล่าหายไปไหนซะแล้ว…”
ซัลซาบีล่ายกมือขึ้นลูบหลังพี่ชายพร้อมส่งเสียงออดอ้อน

“กินข้าวกันนะ…มามะ…เดี่ยวบีล่าป้อนให้ก็ได้…” เวลาแบบนี้ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบเท่านั้น

“ไม่ต้อง…พี่ไม่กินแล้ว…”

พูดจบคาออสก็ลุกขึ้นแล้วรีบเดินลงจากกระท่อมไปด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน

“แกก็ไปจุดไฟสุมอกเขานะเคน…เขายิ่งหวงๆอยู่…”

“ก็ผมหมั่นไส้…” พูดแล้วก็หันไปทางซัลซาบีล่าก่อนจะยืนยันว่า

“แต่ที่พูดไปทั้งหมดนั้นน่ะ…เรื่องจริงนะ…อาจจะพูดไปเพราะหมั่นไส้พี่ชายเธออยู่บ้างก็เถอะ…
แต่…ฉันพูดจากใจจริง…”

ว่าแล้วก็หันไปทางมารดาของหญิงสาว

“ผมขอตัวก่อนนะครับ…จะไปเดินย่อยอาหารที่สวนดอกไม้…” เหมือนจะมีอ่อยส่งท้าย
ให้คนที่ยังนั่งปั้นเจ๋ออยู่อีกฝั่งได้รับรู้

“จ่ะ…ตามสบายเถอะ…”

ซัลซาบีล่ามองตามร่างของนฤเคนทร์ไปจนสุดสายตาเลยทีเดียว
ทำเอาโซรันกับซัลวาถึงกับลอบยิ้มให้กับท่าทางเปิดเผยนั่นของหญิงสาว

“กินให้เสร็จก่อน เดี่ยวแม่พาไปดูก็ได้…” ซัลซาบีล่าหันมาทางมารดา

“จริงๆนะคะแม่…”

“จริงสิ…” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างทีเดียวก่อนจะหันไปเผื่อแผ่รอยยิ้มให้กับโซรัน
ที่นั่งยิ้มบางให้เธออยู่ก่อนแล้ว





............โปรดติดตามตอนต่อไป...............

โหย...คิดถึงเรื่องนี้...คิดถึงนักอ่านที่นี่มากๆเลยค่ะ...แต่หาเวลามาปั่นไม่ค่อยได้
ต้องขอโทษนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะที่ผลุบๆโผล่ๆ ปกติเดือนรอมาฎอนโยจะงด
งานเขียนน่ะค่ะ...ตอนนี้เลยพยายามเคลียร์งานแล้วมานั่งจินตนาการถึงเฮียเคน
5555

ชอบ...เจ้าชายดอกไม้สไตล์นี้กันบ้างมั้ยคะ....^^

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆเลยนะคะที่ยังคงให้การติดตามผลงานของโยอยู่...
ขอบคุณจากใจค่ะ...




.....ขอตอบความเห็นย้อนหลังนะคะ...

1.คุณแว่นใส...คิดถึงเช่นกันจ้าาาาา...ช่วงนี้เต่ายุ่งมากๆเลยค่ะ...
ต้องขอโทษด้วยน้าาาาา...แต่จะพยายามปิดเรื่องนี้ให้ได้ในเร็ววันค่ะ ^^

2.คุณFidavs...คิดถึงสุดๆเลยค่ะ...คิดถึงทั้งนักอ่านและเฮียเคน...
พอว่างเลยรีบนำเฮียเคนมาส่งเลย อิอิ

3.คุณphakarat...ดีใจเช่นกันค่ะ...ที่ได้รับความคิดถึงจากแดนไกล...
คิดถึงเช่นกันนะคะ...คราวนี้จะพยายามไม่ให้หายไปนานๆค่ะ ^^

4.คุณKaelek...มาค่ะมา...พอดีโยยุ่งๆ ติดเดือนรอมาฎอนด้วยค่ะ
เลยยาวเป็นเดือนๆกว่าจะโผล่ออกมาจากกระดอง แหะๆ...
อย่าเพิ่งทอดทิ้งเต่าไปน้าาาาา...มาส่งเสียงให้เต่าชื่นใจทุกตอนเลยน้าาาา
ึคิดถึงที่ซู้ดดดดดด อิอิ...

คราวนี้ผีเสื้อ...ตาโตยอมติดกับดักไปกับท่าอ่อยของเจ้าชายดอกไม้แล้วนะคะ...
ส่วนพี่คิวแกดูจะไม่ยอมลงให้ง่ายๆค่ะ...5555
มาดูกันต่อนะคะ ว่าเฮียเคนจะปราบน้องชายตัวเองที่อยากจะได้มาเป็นพี่เขยยังไง...เหอๆๆ

5.คุณyapapaya...คิดถึงมากๆเลยค่ะ...พยายามจะปั่นหลายรอบแล้ว
แต่เวลาไม่พอ พอทำงานเสร็จ โม้กับเพื่อนๆแล้วก็หมดแรงนอนพับไปแล้วค่ะ
ตอนนี้เรื่องงานค่อยๆคลี่คลายลงบ้างแล้ว เลยแว้บมาปั่น มาได้แค่ครึ่งเดียวเอง
ไม่โกรธกันน้าาาาาาา...รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันนะคะ...อากาศประหลาดที่สุดเลยค่ะ
ช่วงนี้ ^^



.....สุดท้ายไม่ท้ายสุด.....

ขอให้นักอ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจกันถ้วนหน้านะคะ

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2560, 21:12:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2560, 21:12:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2214





<< ภาคพิเศษ : Part 20 : หัวใจดวงเดียวที่รอคอย   ภาคพิเศษ: Part 21: เจ้าชายดอกไม้ (100%) >>
แว่นใส 8 ก.ค. 2560, 18:06:56 น.
คิดถึงค่ะ หายไปนานเลย ดูแลสุขภาพด้วยนะ
ปลูกดอกไม้ให้สาว ดีจังน๊า


yapapaya 8 ก.ค. 2560, 23:57:35 น.
คิดถึงเช่นกัน ปลูกดอกไม้เต็มสวนเลยพี่เคน รอบนี้กล้าๆหน่อยนะ มีหน้าแดงกันด้วยดีต่อใจจริงๆ รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะคุณโย เดี่ยวฝนเดี่ยวแดด ร่างกายปรับตัวไม่ทัน คิดถึงมากจ้า


kaelek 11 ก.ค. 2560, 14:18:39 น.
หูยยยยย คิดถึงจังเลย เซอร์ไพร์อ่ะ เปิดมาแล้วมาเจอเฮียเคน

ดอกไม้ขี้อ่อยอ่าาาา..เฮียคิวก็ก้างชิ้นโตเลย จะต้านได้นานแค่ไหนหนอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account