โซ่รักนางฟ้า
ความผิดพลาดในคืนนั้น กลายเป็นโซ่ที่ผูกมัดเขากับเธอเอาไว้ จนไม่อาจกลับไปเดินบนเส้นทางของตัวเองได้อีกต่อไป
Tags: โซ่รักนางฟ้า
ตอน: บทนำ
บทนำ
รถสปอร์ตสีดำรูปทรงโฉบเฉี่ยวแล่นเข้ามาจอดยังหน้าตึกสามชั้นสไตล์ลอฟท์ย่านทองหล่อ ตัวตึกรูปทรงทันสมัยตั้งอยู่ท่ามกลางร่มเงาต้นไม้สีเขียวสด สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นเย็นตา แม้อากาศในเช้าวันนี้จะค่อนข้างร้อนอบอ้าวก็ตาม
เหนือประตูกระจกบานคู่ตรงทางเข้าตึกมีตัวอักษรสีดำทำจากเหล็กดัดเขียนว่า The Ground (เดอะ กราวนด์) ซึ่งชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการออกแบบตกแต่งบ้านมากว่าสิบปี ด้วยผลงานที่โดดเด่น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งบ้านดีไซน์ทันสมัย แปลก แตกต่าง แต่ใช้งานได้จริง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเปิดประตูรถหรูลงจากฝั่งคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกด้านให้หญิงสาวที่มาด้วยกัน
“ขอบคุณค่ะ” วราลียิ้มให้เขา ทว่าเป็นยิ้มที่ไม่สดใสนัก
ภากรยิ้มตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในตึกเดอะ กราวนด์ เพื่อใช้บริการออกแบบและตกแต่งบ้านสำหรับเป็นเรือนหอในปีหน้า
ภายนอกเขาและเธอเป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมกันมาก เหมือนสำนวนที่เปรียบเปรยว่า สมกันราวกิ่งทองใบหยก ฝ่ายชายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและกางเกงสแล็คสีดำนั้นมีรูปร่างสูงสง่า ผิวขาว ผมสีดำขลับหวีเสยเปิดใบหน้าคมคาย คิ้วหนาพาดอยู่เหนือดวงตาคมมีอำนาจ จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อโดยธรรมชาติ
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นอ่อนหวานทั้งใบหน้าและกิริยาท่าทาง ร่างเล็กน่าทะนุถนอมอยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ผมยาวตรงสีน้ำตาลทำให้ดวงหน้ารูปไข่ดูหวานละมุนมากขึ้นไปอีก ผิวของเธอเป็นสีชมพูใสราวกับไม่เคยถูกแมลงไต่ตอม จมูกเล็กและริมฝีปากบางนั้นยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ทว่าแม้สายตาคนนอกจะมองว่าเขาและเธอเป็นคู่ที่ลงตัวแค่ไหน แต่ดูเหมือนความเป็นจริงจะตรงข้าม แม้จะเดินเคียงกัน แต่สายตาของทั้งสองว่างเปล่า ไร้ความเสน่หาใดๆในแบบคนรัก ระหว่างทางแต่ละฝ่ายต่างอยู่กับความคิดของตัวเอง
“สวัสดีค่ะ” พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่เคาน์เตอร์ลุกขึ้นไหว้อย่างสุภาพและเป็นมิตร
“นัดไว้สิบโมงเช้าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ
“ขอทราบชื่อลูกค้าด้วยค่ะ”
“ภากร ทีปกรนฤนาถ”
“สักครู่นะคะ” เจ้าตัวบอกก่อนจะเช็กข้อมูลในคอมพิวเตอร์
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็มองสำรวจไปรอบๆ ตามประสาวิศวกรซึ่งเคยดูแลงานก่อสร้างทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มาเก้าปีนับตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมโยธาจากสหรัฐอเมริกา
ที่จริงเขาก็มีเพื่อนในวงการสถาปนิกและมัณฑนากรที่ช่วยออกแบบเรือนหอให้ได้ แต่ภากรก็ตามใจคู่หมั้นที่อยากมาใช้บริการที่นี่
“เดี๋ยวเชิญลูกค้าทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวว่า ก่อนจะเดินนำขึ้นไปยังห้องรับรองชั้นสอง
ภากรและวราลีเดินตามไป ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่ง เดาอารมณ์ไม่ออก ส่วนสีหน้าของวราลีนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่ายินดีสักนิด ซึ่งไม่แปลกเลยที่พนักงานสาวจะแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของลูกค้า
“อ้าว พี่ภัทรมาพอดี นี่คุณภากรกับคุณวราลีที่นัดไว้ค่ะ” พนักงานของเดอะ กราวนด์ทักทายชายหนุ่มผิวสองสี ใบหน้าคม ลุคออกแนวเซอร์ๆที่เดินมาจากอีกด้าน “คุณภากร คุณวราลีคะ นี่คุณภูมิภัทร สถาปนิกที่จะดูแลการออกแบบบ้านให้คุณสองคนค่ะ”
สายตาของวราลีที่ประสานกับผู้มาใหม่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ไม่ต่างจากเขาที่หนักหน่วงในหัวใจไม่น้อยกว่ากัน
และก่อนที่ใครจะทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างลูกค้าสาวและสถาปนิกหนุ่ม ภูมิภัทรก็เอ่ยขึ้น “เชิญเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่าครับ เดี๋ยวมัณฑนากรกับนักจัดสวนกำลังตามมา” ชายหนุ่มฝืนยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ” วราลีรู้สึกอึดอัดคล้ายมีหินก้อนใหญ่กดทับหน้าอกอยู่
“คุณภากรกับคุณวราลีจะรับชาหรือกาแฟดีคะ” พนักงานสาวถาม
“กาแฟครับ”
“ฉันขอน้ำเปล่าแล้วกันค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าตัวว่าก่อนจะเดินออกไปเตรียมเครื่องดื่ม
“ห้องน้ำอยู่ไหนครับ” ภากรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าไหนๆก็ยังมาไม่ครบ
“อยู่ด้านนอกครับ เดินตรงไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย จะมีประตูอยู่ เปิดประตูออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายอีกที”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวว่านคุยคร่าวๆไปก่อนก็ได้นะ”
“ค่ะพี่นาย”
เมื่อภากรเดินออกไปแล้ว ภูมิภัทรก็หันมาเอ่ยกับเจ้าของร่างเล็ก “ว่านสบายดีนะ” รอยยิ้มของเขาทำให้เธออดเจ็บปวดไปด้วยไม่ได้
วราลีพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องรับรองที่เป็นผนังปูนเปลือย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเหล็กตามสไตล์ลอฟท์
หญิงสาวลอบระบายลมหายใจ ก่อนจะถามด้วยแววตาเศร้าหมอง “ภัทรแน่ใจนะว่าจะทำโปรเจ็คต์นี้จริงๆ”
ภากรเดินออกจากห้องน้ำหลังทำธุระเสร็จเพื่อจะกลับไปยังห้องรับรอง จังหวะนั้นมีหญิงสาวรูปร่างเพรียวคนหนึ่งเดินสวนมาพอดี และเขาก็คงจะเดินผ่านไป หากเธอคนนั้นไม่ใช่คนที่เคยพบกัน!
ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนที่ขาจะหยุดเดินโดยอัตโนมัติในระยะห่างกันไปไม่ถึงสามก้าว ดวงตาคมของชายหนุ่มที่ฉายแววมั่นคงเสมอเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม ดวงตาโตเรียวของเธอเองก็เบิกกว้างอย่างตกใจไม่แพ้กัน
อุณหภูมิในร่างกายของชายหนุ่มและหญิงสาวปั่นป่วนคล้ายคนเป็นไข้ ร้อนวูบแล้วเย็นเยียบสลับกันไปมา ทั้งสองสบตากันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานราวกับเวลาได้หยุดเดิน ก่อนหัวใจที่บีบรัดรุนแรงจะเตือนว่าเข็มนาฬิกาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว
พักตร์อัปสรกะพริบตาเร็วๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ขณะที่ภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“คุณ…” เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเธอ แต่ใบหน้าหวานเศร้าที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมสลวยสีดำขลับนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน
คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดเครียด มันเป็นความบังเอิญที่อึดอัดและประดักประเดิดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ พักตร์อัปสรไม่รู้แม้แต่จะทักทายด้วยคำไหนดี ในเมื่อเธอไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ
“คุณ…ทำงานที่นี่เหรอครับ” ภากรคิดว่านั่นน่าจะเป็นคำถามที่ดีกว่า สบายดีไหม ซึ่งมักใช้กับคนที่สนิทสนมกัน เพราะตั้งแต่ ‘คืนนั้น’ เขากับหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว
“ค่ะ” เธอมีสีหน้าพะอืดพะอม และดูเหมือนพยายามอดทนอดกลั้นกับบางอย่าง จมูกโด่งรั้นเป็นสีแดงเรื่อๆเหมือนคนไม่สบาย
“ผมมาปรึกษาเรื่องออกแบบบ้าน”
“ค่ะ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” หัวใจของพักตร์อัปสรกำลังสั่นคลอนอย่างหนัก เธอไม่ได้เตรียมใจเลยว่าวันนี้จะได้เจอเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นต่างคนต่างก็เงียบไปอีก เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำลายความเงียบ
“บังเอิญจริงๆนะครับ” ภากรเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึกอะไร กลับกันข้างในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความหนักอึ้งและสับสน
“ค่ะ บัง…” พักตร์อัปสรเอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ เพราะก้อนอะไรบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ
ชายหนุ่มได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากดังมาจากข้างใน ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงสาวกำลังอาเจียนอย่างหนัก
เธออาเจียน…
ใบหน้าของภากรเครียดเคร่งขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างหลังจาก ‘ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ’ ในคืนนั้น!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
รถสปอร์ตสีดำรูปทรงโฉบเฉี่ยวแล่นเข้ามาจอดยังหน้าตึกสามชั้นสไตล์ลอฟท์ย่านทองหล่อ ตัวตึกรูปทรงทันสมัยตั้งอยู่ท่ามกลางร่มเงาต้นไม้สีเขียวสด สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นเย็นตา แม้อากาศในเช้าวันนี้จะค่อนข้างร้อนอบอ้าวก็ตาม
เหนือประตูกระจกบานคู่ตรงทางเข้าตึกมีตัวอักษรสีดำทำจากเหล็กดัดเขียนว่า The Ground (เดอะ กราวนด์) ซึ่งชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในวงการออกแบบตกแต่งบ้านมากว่าสิบปี ด้วยผลงานที่โดดเด่น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งบ้านดีไซน์ทันสมัย แปลก แตกต่าง แต่ใช้งานได้จริง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเปิดประตูรถหรูลงจากฝั่งคนขับ ก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกด้านให้หญิงสาวที่มาด้วยกัน
“ขอบคุณค่ะ” วราลียิ้มให้เขา ทว่าเป็นยิ้มที่ไม่สดใสนัก
ภากรยิ้มตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในตึกเดอะ กราวนด์ เพื่อใช้บริการออกแบบและตกแต่งบ้านสำหรับเป็นเรือนหอในปีหน้า
ภายนอกเขาและเธอเป็นคู่หมั้นที่เหมาะสมกันมาก เหมือนสำนวนที่เปรียบเปรยว่า สมกันราวกิ่งทองใบหยก ฝ่ายชายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและกางเกงสแล็คสีดำนั้นมีรูปร่างสูงสง่า ผิวขาว ผมสีดำขลับหวีเสยเปิดใบหน้าคมคาย คิ้วหนาพาดอยู่เหนือดวงตาคมมีอำนาจ จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากหยักลึกสีระเรื่อโดยธรรมชาติ
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นอ่อนหวานทั้งใบหน้าและกิริยาท่าทาง ร่างเล็กน่าทะนุถนอมอยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ผมยาวตรงสีน้ำตาลทำให้ดวงหน้ารูปไข่ดูหวานละมุนมากขึ้นไปอีก ผิวของเธอเป็นสีชมพูใสราวกับไม่เคยถูกแมลงไต่ตอม จมูกเล็กและริมฝีปากบางนั้นยิ่งทำให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู
ทว่าแม้สายตาคนนอกจะมองว่าเขาและเธอเป็นคู่ที่ลงตัวแค่ไหน แต่ดูเหมือนความเป็นจริงจะตรงข้าม แม้จะเดินเคียงกัน แต่สายตาของทั้งสองว่างเปล่า ไร้ความเสน่หาใดๆในแบบคนรัก ระหว่างทางแต่ละฝ่ายต่างอยู่กับความคิดของตัวเอง
“สวัสดีค่ะ” พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่เคาน์เตอร์ลุกขึ้นไหว้อย่างสุภาพและเป็นมิตร
“นัดไว้สิบโมงเช้าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ
“ขอทราบชื่อลูกค้าด้วยค่ะ”
“ภากร ทีปกรนฤนาถ”
“สักครู่นะคะ” เจ้าตัวบอกก่อนจะเช็กข้อมูลในคอมพิวเตอร์
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็มองสำรวจไปรอบๆ ตามประสาวิศวกรซึ่งเคยดูแลงานก่อสร้างทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มาเก้าปีนับตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมโยธาจากสหรัฐอเมริกา
ที่จริงเขาก็มีเพื่อนในวงการสถาปนิกและมัณฑนากรที่ช่วยออกแบบเรือนหอให้ได้ แต่ภากรก็ตามใจคู่หมั้นที่อยากมาใช้บริการที่นี่
“เดี๋ยวเชิญลูกค้าทางนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวว่า ก่อนจะเดินนำขึ้นไปยังห้องรับรองชั้นสอง
ภากรและวราลีเดินตามไป ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบนิ่ง เดาอารมณ์ไม่ออก ส่วนสีหน้าของวราลีนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่ายินดีสักนิด ซึ่งไม่แปลกเลยที่พนักงานสาวจะแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของลูกค้า
“อ้าว พี่ภัทรมาพอดี นี่คุณภากรกับคุณวราลีที่นัดไว้ค่ะ” พนักงานของเดอะ กราวนด์ทักทายชายหนุ่มผิวสองสี ใบหน้าคม ลุคออกแนวเซอร์ๆที่เดินมาจากอีกด้าน “คุณภากร คุณวราลีคะ นี่คุณภูมิภัทร สถาปนิกที่จะดูแลการออกแบบบ้านให้คุณสองคนค่ะ”
สายตาของวราลีที่ประสานกับผู้มาใหม่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ไม่ต่างจากเขาที่หนักหน่วงในหัวใจไม่น้อยกว่ากัน
และก่อนที่ใครจะทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างลูกค้าสาวและสถาปนิกหนุ่ม ภูมิภัทรก็เอ่ยขึ้น “เชิญเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่าครับ เดี๋ยวมัณฑนากรกับนักจัดสวนกำลังตามมา” ชายหนุ่มฝืนยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ” วราลีรู้สึกอึดอัดคล้ายมีหินก้อนใหญ่กดทับหน้าอกอยู่
“คุณภากรกับคุณวราลีจะรับชาหรือกาแฟดีคะ” พนักงานสาวถาม
“กาแฟครับ”
“ฉันขอน้ำเปล่าแล้วกันค่ะ”
“ได้ค่ะ” เจ้าตัวว่าก่อนจะเดินออกไปเตรียมเครื่องดื่ม
“ห้องน้ำอยู่ไหนครับ” ภากรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าไหนๆก็ยังมาไม่ครบ
“อยู่ด้านนอกครับ เดินตรงไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย จะมีประตูอยู่ เปิดประตูออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายอีกที”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวว่านคุยคร่าวๆไปก่อนก็ได้นะ”
“ค่ะพี่นาย”
เมื่อภากรเดินออกไปแล้ว ภูมิภัทรก็หันมาเอ่ยกับเจ้าของร่างเล็ก “ว่านสบายดีนะ” รอยยิ้มของเขาทำให้เธออดเจ็บปวดไปด้วยไม่ได้
วราลีพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องรับรองที่เป็นผนังปูนเปลือย ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเหล็กตามสไตล์ลอฟท์
หญิงสาวลอบระบายลมหายใจ ก่อนจะถามด้วยแววตาเศร้าหมอง “ภัทรแน่ใจนะว่าจะทำโปรเจ็คต์นี้จริงๆ”
ภากรเดินออกจากห้องน้ำหลังทำธุระเสร็จเพื่อจะกลับไปยังห้องรับรอง จังหวะนั้นมีหญิงสาวรูปร่างเพรียวคนหนึ่งเดินสวนมาพอดี และเขาก็คงจะเดินผ่านไป หากเธอคนนั้นไม่ใช่คนที่เคยพบกัน!
ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนที่ขาจะหยุดเดินโดยอัตโนมัติในระยะห่างกันไปไม่ถึงสามก้าว ดวงตาคมของชายหนุ่มที่ฉายแววมั่นคงเสมอเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม ดวงตาโตเรียวของเธอเองก็เบิกกว้างอย่างตกใจไม่แพ้กัน
อุณหภูมิในร่างกายของชายหนุ่มและหญิงสาวปั่นป่วนคล้ายคนเป็นไข้ ร้อนวูบแล้วเย็นเยียบสลับกันไปมา ทั้งสองสบตากันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานราวกับเวลาได้หยุดเดิน ก่อนหัวใจที่บีบรัดรุนแรงจะเตือนว่าเข็มนาฬิกาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว
พักตร์อัปสรกะพริบตาเร็วๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ขณะที่ภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“คุณ…” เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเธอ แต่ใบหน้าหวานเศร้าที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมสลวยสีดำขลับนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน
คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดเครียด มันเป็นความบังเอิญที่อึดอัดและประดักประเดิดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ พักตร์อัปสรไม่รู้แม้แต่จะทักทายด้วยคำไหนดี ในเมื่อเธอไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำ
“คุณ…ทำงานที่นี่เหรอครับ” ภากรคิดว่านั่นน่าจะเป็นคำถามที่ดีกว่า สบายดีไหม ซึ่งมักใช้กับคนที่สนิทสนมกัน เพราะตั้งแต่ ‘คืนนั้น’ เขากับหญิงสาวก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว
“ค่ะ” เธอมีสีหน้าพะอืดพะอม และดูเหมือนพยายามอดทนอดกลั้นกับบางอย่าง จมูกโด่งรั้นเป็นสีแดงเรื่อๆเหมือนคนไม่สบาย
“ผมมาปรึกษาเรื่องออกแบบบ้าน”
“ค่ะ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” หัวใจของพักตร์อัปสรกำลังสั่นคลอนอย่างหนัก เธอไม่ได้เตรียมใจเลยว่าวันนี้จะได้เจอเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นต่างคนต่างก็เงียบไปอีก เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำลายความเงียบ
“บังเอิญจริงๆนะครับ” ภากรเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึกอะไร กลับกันข้างในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความหนักอึ้งและสับสน
“ค่ะ บัง…” พักตร์อัปสรเอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ เพราะก้อนอะไรบางอย่างแล่นขึ้นมาจุกที่ลำคอ
ชายหนุ่มได้ยินเสียงโอ๊กอ๊ากดังมาจากข้างใน ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงสาวกำลังอาเจียนอย่างหนัก
เธออาเจียน…
ใบหน้าของภากรเครียดเคร่งขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างหลังจาก ‘ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ’ ในคืนนั้น!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ภัคธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2560, 19:09:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2560, 19:09:33 น.