ป่วนรักเจ้านายตัวร้าย
เธอ สาวสวยร้ายแสบดราม่าตัวแม่ ผู้ที่ชะตาชีวิตพลิกผันให้มาเป็นผู้ช่วย ซีอีโอหนุ่มหล่อตัวร้ายที่มีศัตรูรอบด้าน ที่ตั้งใจรับเธอมาป่วนศัตรู ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นหัวใจตัวเองที่ถูกป่วน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1


หญิงสาวใบหน้าอ่อนใสสวยน่ารักสะดุดตาผู้พบเห็นเดินเข้ามาในอาคารสำนักงานจัดหางานครบวงจร
หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีที่มีชื่อเสียงเก่าแก่แห่งหนึ่ง รูปร่างสูงโปร่งบอบบางอรชรงดงามชวนมอง ผิวขาวใสอมชมพู บุคลิกท่าทางบ่งบอกความเป็นสาวมั่นเต็มร้อย ทว่ากลับดูเลอะเทอะมอมแมมไปทั้งตัว
ผมรวบเป็นมวยนั้นหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง เสื้อเชิ้ตสีขาวมีจุดดำแต่งแต้มไปทั่วตัว ผู้คนที่เห็นต่างพากันมองด้วยความสนใจทว่าหญิงสาวกลับมีสีหน้าเรียบเฉยและมุ่งตรงไปที่ลิฟต์กดชั้นผู้บริหารทันที พอออกจากลิฟต์ก็ไปหาเลขาฯ สาวใหญ่อายุเกินสามสิบปีซึ่งกำลังวุ่นกับการรับโทรศัพท์ พอฝ่ายหลังเห็นหน้าตามอมแมมของผู้มาเยือนก็แทบทำโทรศัพท์ตกจากมือ
“ตายแล้ว! คุณวุ้น ไปทำอะไรมาคะ ทำไมถึงได้มอมอย่างนี้” เลขาฯ สาวใหญ่ทักอย่างตกใจ
“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่โชคร้ายนิดหน่อย พาลูกค้าไปดูที่แต่ถูกปล้ำแทน เลยสอนให้รู้จักจุดจบของความหื่น แต่ดันซวยมาเจอยายบ้าที่ไหนไม่รู้ขับรถไม่ระวัง ทำน้ำโคลนกระเด็นมาถูกตัวเลอะไปหมด แถมนางยังเปิดกระจกมายิ้มเยาะก่อนซิ่งหนีอีก อย่าให้เจออีกครั้งนะ แม่จะเอาคืนให้เข็ด”
คนเล่ากล่าวอาฆาตด้วยแค้นจัด เลขาฯ สาวใหญ่มองแล้วยิ้มเล็กน้อย รู้ดีว่าสาวสวยน่ารักผู้นี้ไม่ยอมให้ใครมารังแกง่าย ๆ แม้รูปร่างหน้าตาภายนอกจะดูน่ารักน่าถนอมซึ่งผิดจากบุคลิกกับนิสัยยิ่งนัก แต่คิดอีกที ถ้าใครเจอกับตัวเองก็น่าโมโหอยู่เหมือนกัน
“ช่างมันเถอะค่ะคุณวุ้น ถือว่าฟาดเคราะห์ ให้อภัยไปก็แล้วกันนะคะ” เลขาฯ สาวใหญ่ใจดีเกินเหตุ
“คุณแก้วก็พูดได้สิ ไม่เจอกับตัวเองไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง ไม่รู้ละ วุ้นจะเข้าไปเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้านายคุณแก้ว อยากส่งวุ้นไปเสี่ยงภัย ไม่ดูให้ดีก่อน คิดแต่จะหาเงินอย่างเดียว ไม่สนใจคัดกรองลูกค้าให้ดี ปล่อยให้พนักงานรับเคราะห์ตลอด”หญิงสาวสวนกลับอย่างฉุนจัด
“คุณพานพบคงไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องกับคุณวุ้น ถ้ารู้คงไม่...” เลขาฯ สาวใหญ่รีบแก้ตัวแทนเจ้านาย แต่ยังไม่ทันพูดจบหญิงสาวก็สวนกลับทันควัน
“ไม่รอช้า รีบประเคนวุ้นให้ไอ้แก่หื่นนั่น เพื่อกิจการจะได้รุ่งเรือง คนอะไรหายใจเข้าออกเป็นเงินทองไปหมด วุ้นจะไปเอาต่อมงกของนายคนนี้ออก” ว่าจบก็เดินตรงเข้าห้องไปโดยที่เลขาฯ สาวใหญ่ไม่ทันขยับปากห้าม
แก้วใจทำงานที่นี่มานานและรู้เรื่องในครอบครัวท่านประธานมากที่สุด
ปารมิตาหรือคุณวุ้นที่ผู้คนเรียกกันติดปากนั้นเป็นลูกสาวคุณปัญญาอดีตผู้ก่อตั้งบริษัท และมีศักดิ์เป็นหลานสาวคุณปรัชญาประธานคนปัจจุบันซึ่งเป็นพี่ชายคุณปัญญา พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก แต่โชคร้ายกลับเป็นของคนน้อง เพราะคุณปัญญาป่วยเป็นมะเร็งในกระเพาะระยะสุดท้ายจึงต้องลาออกจากตำแหน่งผู้บริหาร ปล่อยให้พี่ชายบริหารคนเดียว ไม่นานเขาก็เสียชีวิต ทิ้งให้ภรรยากับบุตรสาววัยสิบขวบผจญชะตากรรมตามลำพังคุณนวลปรางเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา ไม่รู้เรื่องอะไรในบริษัท เธอพอใจกับเงินปันผลที่บริษัทให้เป็นค่าเลี้ยงดูตัวเองและส่งเสียบุตรสาวเรียน แต่กลับเสียรู้คุณสุพัตราภรรยาคุณปรัชญาเพราะไว้ใจ ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นหุ้นทั้งหมดของคุณปัญญาจึงถูกถ่ายโอนเป็นเงินเข้าบัญชีส่วนตัวคุณสุพัตราโดยที่คุณปรัชญาไม่รู้
ทว่าความลับไม่มีในโลก ในที่สุดคุณปรัชญาก็รู้เข้าจนได้เมื่อวันหนึ่งคุณนวลปรางมาบริษัทเพื่อขอเบิกค่าเทอมให้บุตรสาว ทุกครั้งคุณสุพัตราจะให้คนสนิทจัดการให้แต่บังเอิญช่วงนั้นเธอยุ่งอยู่กับเรื่องหุ้นจึงลืมนึกไป แก้วใจยังจำการโต้เถียงระหว่างคุณปรัชญากับภรรยาในวันนั้นได้ดี
‘คุณพัตร จัดการโอนหุ้นทั้งหมดคืนปรางซะ’ เป็นครั้งแรกที่ปรัชญาออกคำสั่งกับภรรยาต่อหน้าคนอื่น สุพัตรารู้สึกอับอายมาก จ้องมองนวลปรางที่ยืนนิ่งโดยไม่เอ่ยอะไรอย่างแค้นจัด
‘ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว พัตรเอาไปลงทุนในตลาดหุ้นเจ๊งหมดแล้ว ส่วนที่เหลือ ตาพบขอไปลงทุนลองทำธุรกิจ พัตรเห็นด้วย ลูกจะได้เรียนรู้เรื่องค้าขาย เรียนจบจะได้มาช่วยงานบริษัทได้ พัตรจึงให้ลูกไปลงทุน ถ้ามีกำไรจะใช้คืน’ สุพัตราสารภาพโดยไม่รู้สึกผิด ปรัชญาจ้องหน้าภรรยาเหมือนคนไม่รู้จัก คิดไม่ถึงภรรยาจะเป็นได้ถึงเพียงนี้
‘คุณทำให้ผมทึ่งในความเลวร้ายของคุณจริง ๆ คนในครอบครัวกำลังหมดที่พึ่ง คุณยังไปซ้ำเติมอีก ไม่เป็นไร เมื่อคุณไม่ให้ ผมจะยกหุ้นส่วนของผมให้ปรางกับลูกเอง’ คำพูดของปรัชญาทำให้ภรรยามีสีหน้าไม่พอใจ เธอไม่มีวันยอมให้สามีทำเช่นนี้เป็นอันขาด
‘ฉันเข้าใจแล้ว ที่คุณว่าฉันเพราะต้องการเอาใจนังแม่หม้ายนี่ใช่มั้ย ฉันไม่มีวันยอมให้คุณยกสมบัติที่เราร่วมกันสร้างมาไปให้คนอื่นเด็ดขาด ถ้าฉันไม่ยอม คุณก็ไม่มีสิทธิ์โอน’ สุพัตราพูดเสียงกร้าวก่อนจากไป
เหตุการณ์ในวันนั้นยุติลงด้วยนวลปรางเป็นฝ่ายปฏิเสธสิ่งที่ปรัชญาเสนอมา เธอไม่อยากเป็นสาเหตุให้ครอบครัวพี่สามีที่นับถือต้องแตกแยก ปรัชญาจึงเปลี่ยนเป็นจ่ายค่าเลี้ยงดูน้องสะใภ้กับหลานสาวแทน ซึ่งนวลปรางก็ไม่ปฏิเสธและขอย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับบุตรสาวตามลำพัง ไม่อยากให้พี่สะใภ้ตามราวีเพราะหวาดระแวงในตัวสามี กลัวมีอะไรกับน้องสะใภ้ แต่สุพัตราก็ระแวงไม่เลิก
ต่อมาไม่นานสุพัตราก็เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวกะทันหัน เรื่องของผู้ใหญ่ยุติลง แต่เรื่องราวของลูก ๆ กลับไม่ยุติง่าย ๆ เพราะปารมิตากับพานพบนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดตั้งแต่รู้เรื่อง แต่กลับสนิทกับพัทธพลน้องชายของพานพบซึ่งไปเรียนและทำงานที่อเมริกายังไม่ยอมกลับ แถมนิสัยดีด้วยผิดกับพี่ชายราวขาวกับดำ วันนี้หวังว่าคงไม่เกิดสงครามในห้องนะ

ภายในห้องผู้ช่วยประธานฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มอายุไม่เกินสามสิบห้า ใบหน้าดูดีแม้แก้มจะตอบเล็กน้อย รูปร่างสูงเพรียวค่อนข้างผอม ผิวขาวเหลือง กำลังคุยโทรศัพท์เสียงเครียด
“ทางเราจะรับผิดชอบครับคุณผุสสดี จะส่งคนใหม่ไปแทน รับรองจะไม่เกิดเรื่องอย่างนั้นอีกครับ” พานพบพูดจาสุภาพกับคนปลายสาย จากนั้นก็วางสายแล้วผ่อนคลายสีหน้าเคร่งเครียดลงเล็กน้อย แต่พอเห็นร่างโปร่งบางอรชรเข้า สีหน้าก็กลับมาเครียดเหมือนเดิม
เป็นที่รู้กัน ระหว่างเขากับปารมิตานั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แต่บิดากลับทำเหมือนแกล้งโดยให้เธอมาช่วยงาน เขาจึงส่งเธอไปทำงานนอกสถานที่บ่อย ๆ โดยให้เป็นตัวอะไหล่เสริมเวลาเจ้าหน้าที่ที่ส่งไปทำงานไม่ได้หรือขาดตัวเลือก ทั้งนี้เพราะต้องการบีบให้เธอลาออกไปหางานทำที่อื่น แต่เธอก็ไม่ยอมออกสักที จงใจอยู่ให้เขาเจ็บใจเล่นท่าทางโกรธจัดแบบนี้คงถูกไอ้แก่ตัณหากลับนั่นลวนลามมาแน่เขาจงใจให้เป็นเช่นนั้น ทำให้ลูกค้าพอใจเพื่อโปรเจกต์ของเขาจะได้ผ่านประมูล แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ ให้มันรู้ไปว่าจะเอาเรื่องเขาได้ ถ้าทำผิดระเบียบจะหาข้ออ้างเชิญออกทันที ต่อให้มีบิดาคอยให้ท้ายก็ตามพานพบคิดกำจัดปารมิตาและรอคอยโอกาสมาตลอดแต่ไม่เคยสำเร็จ เธอเหมือนหอกข้างแคร่ เขากลัวบิดาจะยกหุ้นทั้งหมดให้เธอเพื่อชดเชยความผิดตามที่มารดาบอกไว้ เขายอมไม่ได้ หุ้นทั้งหมดต้องเป็นของเขา ไม่ยอมให้ใครอื่นเด็ดขาด แม้แต่น้องชายแท้ ๆ ที่อยู่เมืองนอกก็อย่าหวัง
“นายพานพบ เห็นสภาพฉันแล้ว จะรับผิดชอบยังไง หลอกฉันไปให้ไอ้แก่ตัณหากลับนั่นฟันเพื่อแลกกับการประมูลส่งคนงานไปทำงานที่เกาหลี-ญี่ปุ่น เสียใจด้วยนะ นายชวดงานนี้แน่”
พานพบได้ยินแล้วให้แค้นนัก ยายตัวแสบ ทำให้เขาชวดรายได้งาม ๆ อีกแล้วไอ้แก่บ้าตัณหานั่นทำไมไม่รู้จักชอบพอสาวอื่น ไม่น่ามาชอบยายคนนี้เลย แม้จะโกรธแค้นสาวสวยตรงหน้ามากแค่ไหนแต่เขากลับมีสีหน้านิ่งเฉย การจะเล่นงานปารมิตาต้องใจเย็น
“ดี...เธอทำให้บริษัทชวดโปรเจกต์สำคัญ เธอต้องชดใช้ พรุ่งนี้ฉันจะส่งเธอไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ถ้าเขาพอใจ เธอต้องเริ่มงานทันที” เขาขู่เย็น ๆ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันไปสัมภาษณ์แน่ บอกมาก่อน ในฐานะฝ่ายบริหารจะชดเชยค่าเสียหายให้กับพนักงานที่ต้องเสี่ยงภัยขณะทำงานให้บริษัทได้อย่างไร” ปารมิตาถามกลับเสียงเข้ม นัยน์ตาเอาเรื่อง
พานพบยักไหล่ไม่สน ก่อนพูดขึ้นว่า “เท่าที่เห็น เธอก็ไม่มีอะไรบอบช้ำนี่ ทำไมต้องชดใช้ อยากได้ค่าเสียหายก็ไปบอกพ่อฉันสิ เธอกับแม่ออดอ้อนเก่งอยู่แล้วคงได้แหละ แต่อย่าหวังจะได้อะไรจากฉันนอกจากเงินเดือน”
ปารมิตาได้ยินแล้วแทบอยากชกปากผู้ชายตรงหน้าให้ยับแล้วลาออกให้รู้แล้วรู้รอด ผู้ชายนิสัยผู้หญิง ขี้อิจฉา งก แต่ติดที่ความตั้งใจบางอย่างจึงยอมมาทำงานที่นี่ รอให้ได้ข้อมูลก่อนค่อยว่ากัน แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรสักอย่างเพราะถูกคนตรงหน้าส่งไปทำงานนอกสถานที่บ่อย ๆ
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ขอเอาคืนให้กระอักไปเลย
คิดได้ดังนั้นเธอจึงยิ้มอย่างอารมณ์ดีจนอีกฝ่ายแปลกใจ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเครียดเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอก
“ขอบใจนะที่ช่วยแนะให้ ทีแรกก็คิดไม่ออกแต่ตอนนี้คิดออกแล้ว คุณลุงยิ่งปลื้มเราอยู่ด้วย สงสัยต้องเล่าพฤติกรรมแย่ ๆ ของผู้บริหารที่นี่ให้ฟังสักหน่อย เผื่อว่าอานิสงส์จะตกกับพนักงานคนอื่นบ้าง ยิ่งไปให้ท่านเห็นในสภาพนี้คงได้ค่าทำขวัญก้อนโต ไปก่อนนะนายพานพบ บ๊ายบาย”
ปารมิตารู้จุดอ่อนของพานพบดี และก็จริงเพราะชายหนุ่มโกรธจัด ถ้าให้บิดารู้มีหวังเขาเสียเงินก้อนโตกับสวัสดิการที่เพิ่มขึ้นของพนักงานอีกเท่าตัว แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือกลัวว่าบิดาจะหมดความนิยมในตัวเขาและยกทุกอย่างให้น้องชายแทน น้องชายคนดี รวยน้ำใจแถมเข้ากันได้ดีกับยายตัวแสบนี่ เขาไม่มีวันยอมหรอก
“แล้วเธอจะเอายังไง บอกมา” เสียงเรียบถามทันที
“จ่ายค่าเสียหายวันนี้ให้ฉัน กับค่าชุดใหม่ ค่าแท็กซี่ด้วย” ปารมิตาตอบทันควัน
“ได้ ไปเบิกที่แผนกการเงินได้เลย ฉันอนุญาต” พานพบยินยอมอย่างง่ายดายจนผิดนิสัย
“อย่าเลย ถ้าไปเบิกที่การเงินจะยุ่งยาก ขั้นตอนเยอะ ไม่รู้ว่าจะถูกดึงไปอีกนานแค่ไหน ขอเงินส่วนตัวของนายจะดีกว่า แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” ได้จากแม่ฉันไปเยอะแล้วนี่ หญิงสาวพูดต่อในใจก่อนพูดออกเสียงให้ได้ยิน “คิดดูให้ดีนะ ถ้าฉันไปฟ้องคุณลุงว่านายทำอะไรกับฉันบ้าง ผลจะเป็นอย่างไร จะยินดีชดเชยด้วยเงินส่วนตัวหรือให้เบิกบริษัท” ปารมิตาไม่หลงกลง่าย ๆ
พานพบกัดฟันจ้องหน้าอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนตัดใจควักแบงก์พันออกจากกระเป๋าให้แต่เธอไม่รับ
“ค่าชุดก็เกินสามพันแล้ว มันจะไม่งกไปหน่อยเรอะนายพานพบ อย่างน้อย ๆ ต้องหมื่นขึ้นไป ถ้าไม่ยอมจ่ายฉันจะไปขอคุณลุง คงได้มากกว่านี้”
“มันจะมากไปแล้วนะ” พานพบโกรธจัด การเสียเงินครั้งนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะให้กับคนที่เขาอยากกำจัด
“ไม่มากหรอก เพราะนายได้ประโยชน์จากฉันมามากแล้ว กดเงินเดือนฉันต่ำกว่าวุฒิการศึกษาที่ควรจะได้ แถมใช้งานฉันหนัก แค่หมื่นน่ะมันจิ๊บ ๆ" ปารมิตาไม่ยอมง่าย ๆ วันนี้นายคนนี้ต้องชดใช้ให้เธอ อยากคิดร้ายกับเธอนัก
“ก็ได้ ยกนี้เธอชนะ แต่อย่าเพิ่งลำพองใจไป พรุ่งนี้เธอต้องไปถึงบริษัทวินนิ่งคอร์เปอเรชั่นไม่เกินเก้าโมงและรอสัมภาษณ์ เธอต้องทำให้คนสัมภาษณ์ยอมรับเข้าทำงานแทนคนเดิม ถ้างานนี้ไม่สำเร็จอีก เตรียมตัวยื่นใบลาออกได้เลย”
ปารมิตาอึ้งกับคำสั่ง ใช่สิ งานนี้ไม่ง่ายเลย บริษัทนี้เปลี่ยนคนมาแล้วไม่รู้กี่ราย ไม่มีใครอยู่ทนหรือทำให้พอใจสักราย ไม่รู้เพราะอะไร บริษัทนี้ทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจห้างฯ ดัง มีสาขาทั่วประเทศ ถ้าเทียบกับบริษัทเธอคงไม่ติดฝุ่น ช่างเถอะ อย่างกับที่ผ่านมา นายคนนี้เคยให้งานสบาย ๆ เธอทำนักนี่
“ไม่ต้องห่วง ยังไง ๆ นายก็ต้องทนเห็นหน้าฉันไปอีกนาน ฉันไม่ยอมถูกไล่ออกง่าย ๆ หรอก ขอบคุณสำหรับเงินหมื่น รับรองจะใช้ให้คุ้มค่า นายจะได้ไม่เสียดายจนต่อมงกเป็นพิษ” ปารมิตาแขวะก่อนจากไป
พานพบมองตามหลังหญิงสาวไปอย่างแค้นจัด วันนี้ปล่อยให้ชนะไปก่อน พรุ่งนี้เธอจะได้รู้ คุณผุสสดีบอกว่าลูกชายประธานใหญ่ขอสัมภาษณ์เอง โหดยิ่งกว่าใคร ๆ ทุกคนที่อยู่ไม่ได้เพราะนายคนนี้แหละ
เสร็จแน่ ยายตัวแสบ ฉันไล่เธอออกสำเร็จแน่ พานพบยิ้มออกเมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้

ปารมิตานั่งแท็กซี่กลับบ้านเพราะซื้อของมามากมาย แท็กซี่มาจอดหน้าบ้านสองชั้นปลูกบนเนื้อที่ประมาณร้อยตารางวาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวฝั่งธนฯ เดินทางไปมาสะดวก หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในบ้านซึ่งร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เพราะมารดาชอบ บ้านนี้เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่คุณตาเหลือไว้ให้มารดา เธอกับมารดามาอยู่ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นในครอบครัว มารดานั้นไม่เคยคิดแค้นใคร ยกทุกอย่างให้เป็นเรื่องของกรรม ผิดกับเธอที่ยอมรับไม่ค่อยได้ ดีที่ป้าสะใภ้ตัวร้ายชิงเสียชีวิตก่อน ไม่อย่างนั้นความแค้นในใจเธอไม่มีวันจางลงแน่ แม้ทุกวันนี้พานพบผู้มีส่วนอมเงินที่มารดาควรได้ยังอยู่ให้เธอเห็นตำตาก็ตาม มารดาสอนเสมอไม่ให้แค้นเพื่อเห็นแก่คุณลุงกับพัทธพลที่ดีกับเธอ ดังนั้นเธอจึงจำยอมยุติความแค้นในใจแต่ถ้าพานพบยังมีจิตคิดร้ายเธอไม่เลิกก็อย่าหวังว่าจะยอม พี่น้องสองคนนี้ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่น่าเกิดมาเป็นพี่น้องกันได้เลย หญิงสาวคิดพลางเดินไปตามทางเดินที่ปูลาดด้วยหินก้อนใหญ่ก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน
“ตายแล้วคุณวุ้น ไปตกท่อที่ไหนมาคะนั่นถึงได้มอมอย่างนี้” เสียงทักอย่างตกใจของเด็กสาวร่างท้วม ผิวขาว หน้าตาสวยพอใช้ หลานกำพร้าของคนเก่าแก่ในบ้านคุณตาที่เสียชีวิตไปแล้ว ชื่ออรอุมา ชื่อเล่นว่าสวย
มารดาพาตัวมาอยู่ด้วย ส่งให้เรียนและช่วยทำงานบ้านกับทำขนมส่งขายตามร้านใกล้ ๆ หมู่บ้านหรือตามบ้านยามว่างจากเรียน มารดาของเธอมีฝีมือในการทำขนมไทย และไม่ชอบอยู่เฉยจึงถือเป็นรายได้อีกทางทำให้ยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนมากนักหลังออกจากบ้านหลังใหญ่ของบิดามา
“สวยอย่าเว่อร์ แค่เสื้อเปื้อนหน่อยทำเป็นร้องเหมือนเจอระเบิดในบ้าน มาช่วยถือของหน่อย” ปารมิตาพูดกับเด็กสาวอย่างเป็นกันเอง
“ทักถามธรรมดาก็ไม่ตื่นเต้นสิคะ นาน ๆ จะเห็นคุณวุ้นคนสวยไม่สวย ดีออก” อรอุมาชอบใจที่เห็นเธอในสภาพนี้ ดีนะที่เธอล้างหน้ามาก่อน ไม่อย่างนั้นเด็กสาวคงร้องไชโยโห่ฮิ้วแน่
“เกินไปมั้ง แล้วแม่อยู่มั้ย หรือออกไปส่งขนมปล่อยให้สวยเฝ้าบ้าน” เธอถามถึงมารดาเพราะถ้าคนในหมู่บ้านสั่งขนมมารดามักไปส่งเอง
“เปล่าค่ะ กำลังเตรียมตัวทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้าน”
“งั้นเอาอาหารพวกนี้ไปแกะใส่จานก่อน คืนนี้เรามีปาร์ตี้ ฉันซื้อของโปรดของแม่กับสวยมาด้วย ขอไปบอกแม่ก่อนนะ” สั่งจบก็เดินตัวปลิวเข้าบ้าน ปล่อยให้เด็กสาวยืนงงทำหน้าไม่เข้าใจ
“คุณวุ้นไปรวยอะไรมา หรือว่าถูกหวย ไม่นี่ ไม่ได้เล่น” อรอุมาพูดกับตัวเองก่อนเอาอาหารไปจัดใส่จาน

ปารมิตาพาร่างโปร่งบางสมส่วนมาหามารดาที่ครัว ร่างเล็กบางของสตรีวัยห้าสิบกว่ากำลังล้างผักอยู่ที่อ่าง พอได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ก็หันไปดู เห็นหน้าบุตรสาวอันเป็นแก้วตาดวงใจก็ส่งยิ้มให้ รอยยิ้มของมารดาดูแล้วอบอุ่นทุกครั้งที่เห็น หญิงสาวเดินเข้าไปกอดร่างเล็กบางไว้แล้วหอมแก้มทีหนึ่ง
“วันนี้ดีใจอะไรมา วุ้นของแม่ถึงยิ้มหน้าบาน หรือว่าพานพบยอมขึ้นเงินเดือนให้” นวลปรางยั่วเล่น สายตาทอดมองบุตรสาวคนเดียวอย่างรักใคร่
“สงสัยต้องรอให้หิมะตกในเมืองไทยก่อนมั้ง กว่านายคนนั้นจะหายงก เลิกพูดถึงนายคนนี้ดีกว่า แม่ไม่ต้องทำกับข้าวแล้วค่ะ คืนนี้เรามีปาร์ตี้กัน วุ้นซื้อของมาเยอะแยะเลยค่ะแม่”
นวลปรางมีสีหน้าไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสภาพบุตรสาวก็ร้องถามขึ้นว่า
“วุ้นไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มอมอย่างนี้”
ปารมิตายิ้ม “ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ถูกคนเกิดมารวยขับรถไม่ระวังคนเดินตามฟุตบาททำน้ำกระเด็นใส่ เบื่อจริง ๆ ไม่รวยบ้างแล้วไป แต่วุ้นก็พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ไถเงินค่าชุดจากนายตึ๋งหนืดได้มาหมื่นหนึ่งเลยไปซื้ออาหารจากร้านดังมาเลี้ยงฉลองชัยกัน ส่วนที่เหลือเก็บไว้ทำทุน” เธอเล่าโดยไม่ปิดบัง เพียงแค่ข้ามบางอย่างเพื่อให้ท่านสบายใจ
นวลปรางตีมือเรี\ยวสวยเบา ๆ ส่ายหน้าระอาในความร้ายกาจของบุตรสาว ปกติปารมิตาจะอ่อนหวานน่ารักแต่ถ้าถูกรังแกจะไม่ยอมอยู่เฉยต้องเอาคืน เรียกว่าร้ายมาร้ายตอบ ดีมาดีไป
“เมื่อไรวุ้นของแม่จะเลิกจองเวรกับพานพบเสียที เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะลูก แม่ยังอภัยได้ ทำไมวุ้นไม่รู้จักอภัย ยังไง ๆ พานพบก็เป็นลูกพี่ลูกน้องเรานะลูก” นวลปรางไม่อยากให้บุตรสาวมีศัตรูมากกว่า
“วุ้นรู้นะคะว่าแม่รักและห่วงวุ้น ไม่อยากให้วุ้นมีศัตรูโดยเฉพาะนายพานพบ วุ้นรับรองค่ะ เขาไม่มีวันทำอะไรวุ้นได้ ให้วุ้นนับญาติด้วย ไม่เอาหรอก อีกอย่างเขาคงไม่คิดนับญาติกับวุ้นเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นศัตรูก็ไม่แน่”
ข้ออ้างของบุตรสาวทำให้นวลปรางรู้ว่าสิ่งที่ตนหวังคงเป็นไปได้ยากซึ่งก็เข้าใจอยู่ เพราะกว่าตนเองจะทำใจให้อภัยพี่สะใภ้ได้ก็ตอนพี่สะใภ้เสียชีวิตแล้ว
“แม่ไม่ว่าก็ได้ วุ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาทานข้าวกัน เออ แม่เกือบลืม พรุ่งนี้ช่วยไปส่งขนมให้แม่ที่บ้านคุณสาลี่ก่อนไปทำงานที เขาให้ไปส่งแต่เช้า แม่จะเก็บเงินมาดาวน์รถให้วุ้นสักคัน แม่อยากให้วุ้นเดินทางไปทำงานสบายหน่อย”
ปารมิตาซาบซึ้งนักในความรักของมารดาที่มีให้ ใช่ว่าเธอไม่รู้ ที่มารดายอมเหนื่อยทำขนมเพราะอยากเก็บเงินให้เธอในอนาคต
“วุ้นไม่ลำบากหรอกค่ะแม่ วุ้นไม่อยากเห็นแม่เหนื่อยกับการทำขนม แม่เลิกทำก็ได้นี่คะ วุ้นจะพยายามหาเงินมาให้มาก ๆ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยหรอกลูก เพราะแม่ชอบ เวลาได้ทำอะไรที่ชอบ ความสุขก็ตามมา แล้วอย่างนี้จะเหนื่อยได้อย่างไรกัน” นวลปรางรู้จักหาความสุขให้ชีวิตจากสิ่งที่ทำ
“ค่ะ ไว้วุ้นรู้ตัวว่าชอบอะไรก่อน แล้ววุ้นจะบอกแม่ว่า มีความสุขมั้ย วุ้นขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมากินข้าวเย็นมื้อหรูกัน ซื้อมาเกือบสี่พัน” ว่าจบก็เดินขึ้นห้อง
นวลปรางส่ายหน้าช้า ๆ ให้กับความแสบของบุตรสาว ถ้าพานพบรู้เข้าคงบ่นเสียดายไปหลายวัน หลานชายคนนี้เป็นคนงกกับคนอื่น แต่กับตัวเองถ้าชอบจะใช้ไม่อั้น ถ้ารู้ว่าปารมิตาเอาเงินหลายพันมาผลาญกับอาหารเย็นเพียงมื้อเดียวคงแทบลมจับเพราะความเสียดาย

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังส่งขนมให้มารดาแล้ว ปารมิตามีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงที่จะไปให้ทันนัดสัมภาษณ์ตามที่พานพบบอก เธอใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพื่อซิ่งให้ถึงอาคารสำหนักงานใหญ่ของวินนิ่งคอร์ปฯ โดยไม่นำพาผมยาวสลวยที่เกล้าเป็นมวยเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านซึ่งตอนนี้หลุดลุ่ยไม่เป็นทรงแล้ว พอลงจากรถเธอดึงกิ๊บออก คิดไปจัดแต่งใหม่ในห้องน้ำ หญิงสาวเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตัวอาคารเพื่อเข้าห้องน้ำแปลงโฉมก่อน แต่ด้วยความรีบจึงทำให้ชนกับร่างสูงใหญ่ของใครเข้า แต่แทนที่คนถูกชนจะล้มกลับเป็นคนชนเองที่ล้มเพราะอีกฝ่ายดูจะไม่สะเทือน
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” ปารมิตาเอ่ยคำขอโทษโดยอัตโนมัติ เงยหน้าขึ้นแล้วนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองเธอนิ่งก่อนฉีกยิ้มให้ที่มุมปากเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อ อันตรายมากสำหรับสาว ๆ อาจกรี๊ดสลบได้ถ้าเห็น แต่สำหรับเธอคงไม่เพราะสายตาที่จ้องมองมานั้นมีแววขบขันเหมือนเธอเป็นตัวตลก แถมปากยังพูดจาไม่สร้างสรรค์อีกด้วย
“ไม่เป็นไร ผมให้อภัยได้เสมอสำหรับสาวสวยซุ่มซ่าม ช่วยตัวเองนะคุณซุ่ม”
จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่คิดจะช่วยฉุดให้เธอลุกขึ้น ปารมิตาฉุนกึกกับคำพูดอันเจ็บแสบที่ออกจากปากได้รูปของชายหนุ่มหน้าตาดีที่สุดเท่าที่เคยพบมา
“อย่าให้เจออีกครั้งนะ ผู้ชายปากเสีย ฉันจะเอาคืนให้หนักเลย” ปารมิตากล่าวอาฆาตไล่หลัง
แต่พอนึกได้ว่าต้องรีบไปให้ทันสัมภาษณ์ก็รีบลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ โดยไม่รู้ว่าผู้ชายปากเสียหันมามองเธออีกครั้งก่อนเดินเข้าลิฟต์

ปารมิตาออกจากห้องน้ำด้วยบุคลิกใหม่ ใบหน้าสวยอ่อนใสดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยแว่นสายตาค่อนข้างหนา ความจริงไม่ใช่แว่นสายตา เธอใช้เพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนแก่เรียนและเคร่งขรึมเป็นการป้องกันตัวเองจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลายที่คิดเกาะแกะ ผมยาวสลวยถูกม้วนเป็นมวยด้วยปิ่นตัวเล็กเพียงตัวเดียวที่ซ่อนอยู่ในผมซึ่งหากไม่สังเกตจะไม่เห็น เธอมาถึงหน้าห้องสัมภาษณ์ก็เลยเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอีกหลายรายนั่งรออยู่เกือบสิบคน
ถ้าเดาไม่ผิดคงมาจากที่เดียวกับเธอ พานพบคงกลัวชวดงานนี้เลยหาคนเผื่อด้วยนิสัยงกขึ้นสมอง หรือกลัวเธอทำพิษ แต่ละคนล้วนแต่งตัวทันสมัยอวดช่วงขาเรียวงาม เน้นรูปทรง ผิดกับเธอที่แต่งกายสุภาพด้วยเสื้อสูทกับกระโปรงยาวคลุมเข่า ดูแล้วเรียบร้อยเกินงาม
“ตกลงเขาต้องการสัมภาษณ์คนเข้าทำงานหรือประกวดนางงามกันแน่นะ ดูแต่ละนางจงใจเน้นจัง” หญิงสาวแอบพึมพำเบา ๆ ดวงตาคู่สวยพยายามสอดส่ายหาเจ้าหน้าที่ของบริษัทเพื่อแนะนำตัวก่อน พอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งแต่งกายสุภาพ หน้าตาเรียบร้อย แขวนบัตรพนักงานก็มั่นใจว่าต้องเป็นเจ้าหน้าที่จึงเดินเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาจากบริษัท Brother Recruitment มาสัมภาษณ์ตำแหน่ง เอ่อ...” ปารมิตาเกิดอาการเอ๋อไปชั่วขณะลืมถามพานพบว่าตำแหน่งอะไรเพราะมัวแต่สะใจที่เอาเงินจากเขาได้
“ตำแหน่งผู้ช่วยทั่วไปของท่านรองประธาน เชิญนั่งรอด้านนี้ครับ มีคนรอสัมภาษณ์อยู่อีกเก้าคน มาจากบริษัทเดียวกับคุณ เพราะเราต้องการตัวเลือกหลายคน” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ หากแต่นัยน์ตาภายใต้แว่นทันสมัยจ้องมองเธออย่างแปลกใจ ยายคนนี้ไม่รู้หลุดมาจากไหนถึงแต่งตัวป้า ๆ ท่าทางก็เช้ยเชย สงสัยจะถูกคัดออกตั้งแต่คนในห้องเห็นแล้ว ต่อให้หน้าตาผิวพรรณสวยชวนมองแค่ไหนก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ” ปารมิตาตอบสั้น ๆ ก่อนเดินไปนั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์
คนที่รอสัมภาษณ์ต่างพกพาความมั่นใจมาเต็มร้อยและไม่มองเธอเป็นคู่แข่ง ไม่นานนัก ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าซีดเผือดของสาวสวย แต่งตัวเหมือนเพิ่งลงจากเวทีแคตวอล์ก ปารมิตาขยับแว่นเล็กน้อยแล้วรอดูต่อไป เจ้าหน้าที่เรียกรายต่อไป เป็นสาวเปรี้ยวเข้าไปสัมภาษณ์ต่อ ไม่ทันถึงสิบนาที ก็ออกมาตาแดง ๆ คล้ายจะร้องไห้ รายต่อมาพกพาใบหน้าบึ้งตึงออกมา ขณะที่อีกรายออกมามีอาการเคลิบเคลิ้มคล้ายคนกำลังฝันหวาน อาการของคนถูกสัมภาษณ์แต่ละคนที่ออกจากห้องทำให้เธออดมีคำถามในใจไม่ได้
เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น หรือว่า เจอพวกโรคจิต จากนั้นก็ดูต่อจนกระทั่งรายสุดท้ายเดินตรงมาหาเธอ มาถึงก็ระเบิดอารมณ์ใส่ทันที
“นี่เธอไม่ต้องเข้าไปสัมภาษณ์ให้เสียเวลาหรอก เชย ๆ อย่างเธอรับรองเขารีบไล่ตะเพิดแน่ พวกเรื่องมาก ไม่น่าเสียเวลามาสัมภาษณ์เลย” พอได้ระบายอารมณ์แล้วก็สะบัดสะโพกเดินหน้าเชิดจากไป ปารมิตาทำหน้าไม่เข้าใจจนกระทั่งมีเสียงเรียกเข้าห้อง

ภายในห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีโน้ตบุ๊กทันสมัยวางอยู่กับเก้าอี้ตัวหรู หลังโต๊ะทำงานเป็นกระจกกันแสง มีม่านสีสวยรวบไว้เรียบร้อยตามมุม มองเห็นวิวภายนอกได้สบาย ที่สะดุดตาคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนหันหลังให้ สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อน ปารมิตารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบที่ไหน แต่ไม่มีเวลาคิดต่อเพราะเสียงพนักงานสาวสวยพูดขัดขึ้นก่อน
“คุณปารมิตาเชิญทางนี้ค่ะ"
ปารมิตาเดินตามไปถึงรู้ว่าห้องนี้กว้างมาก เพราะถัดจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปไม่ไกลมีโต๊ะกลมขนาดกลางนั่งได้สี่ห้าคน มีหญิงอายุประมาณสี่สิบปลาย ๆ หน้าตาเรียบเฉย ใส่แว่นสายตากับชายวัยใกล้เคียงกันแต่งตัวสุภาพนั่งข้าง ๆ ใบหน้าเรียบเฉยเช่นกัน ทั้งคู่ต่างมีสมุดกับปากกาและแฟ้มพลาสติกสีใสคนละแฟ้มเข้าใจว่าคงเป็นประวัติผู้สมัครแต่ละคน
“คุณชื่อปารมิตาใช่หรือไม่” ฝ่ายหญิงเป็นคนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ทันทีที่เห็นปารมิตานั่งลงเรียบร้อยพร้อมให้สัมภาษณ์
นี่เขาสัมภาษณ์หรือขู่กรรโชกกันแน่ หญิงสาวคิดพลางยิ้มเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ ดิฉันชื่อปารมิตา เจริญวิชา” ปารมิตาตอบอย่างมั่นใจ ดวงตาคู่สวยจ้องมองหน้าคนสัมภาษณ์โดยไม่กลัวเกรง และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเสียงห้าวราบเรียบจากคนตัวสูงใหญ่ดังมาให้ได้ยิน
“พวกคุณออกไปได้แล้ว ผมขอสัมภาษณ์ตามลำพัง”

********* อาจจะดูไม่เรียบร้อยนะคะ เพราะกอบจากเวิร์ดมาแปะ แต่กลับไม่มีย่อหน้าให้ให้ ต้องจัดใหม่ เรื่องนี้ออกมาในรูปแบบอีบุ๊กแล้วค่ะ ไว้จะมาโพสให้ใหม่ ในตอนต่อไป แต่ขอหาวิธีแก้ก่อน ขี้เกียจจัดเรียงหน้ากับวรรคตอนใหม่ค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2560, 21:28:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ย. 2560, 21:28:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 892





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account