เพื่อนพ่อหนูขอ (จีบ) นะคะ
ครั้งแรกที่ได้เจอกับ 'เพื่อนพ่อ' เธอก็ตกหลุมรักเขาแทบจะทันที ปฏิบัติการพิชิตหนุ่มใหญ่รุ่นพ่อจึงบังเกิดขึ้น
Tags: เพื่อนพ่อหนูขอจีบนะคะ, ไหมขวัญ, นิยายรัก, โรแมนติก, กุ๊กกิ๊ก, น่ารัก, แอบรัก, โคแก่, อาหลาน, รักต่างวัย

ตอน: ตอนที่ 1 แรกพบสบตาพาหัวใจหวั่น

ตอนที่ 1

แรกพบสบตา พาหัวใจหวั่น

หลังจากที่เฝ้าเพียรพยายาม เพียงสามปีลดาก็สามารถคว้าใบปริญญาจากรั้วมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังมาครอบครองได้สำเร็จ แม้ผลการเรียนจะไม่ดีเลิศถึงกับได้เกียรตินิยมครอบครัวของเธอก็ภูมิใจ เพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานั้นเธอทั้งเรียนและทำงานควบคู่กันไป เพื่อพอแบ่งเบาภาระของทางบ้าน ซึ่งก็ทำมันออกมาได้ดีทั้งสองอย่าง

“พ่อ...แม่...” ลดาที่ฉีกยิ้มกว้างวิ่งเข้ามาหาท่านทั้งสองพร้อมกับโชว์ปริญญาบัตรในมือ สิ่งที่พยายามมาตลอดมันสำเร็จแล้ว ใครจะว่าใบปริญญาไม่สำคัญก็ช่างแต่สำหรับเธอมันสำคัญที่สุด เพราะสิ่งนี้จะสามารถนำไปต่อยอดหางานหาเงินมาเลี้ยงบุพการีทั้งสองได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ใช่แค่ทำงานพาร์ทไทม์เหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น “ลดาได้มันมาแล้วนะ นี่จ้ะ” เธอยื่นมันให้กับมารดา แล้วเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มบิดาที่อ้าแขนรออย่างออดอ้อน

“ลูกพ่อเก่ง”

“เก่งเหมือนพ่อไงคะ” หญิงสาวรีบปล่อยลูกอ้อน จนคนเป็นพ่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะและโยกศีรษะได้รูปของลูกสาวอย่างเอ็นดู

“มัวป้อนลูกยอกันอยู่นั่นแหละ ไปข้างนอกได้แล้วทุกคนรอถ่ายรูปอยู่” นางญดามองค้อนสองพ่อลูกแล้วเดินนำทั้งคู่ออกไปยังสนามที่ที่จัดไว้สำหรับให้ผู้คนได้ถ่ายภาพวันแห่งความสำเร็จและน่ายินดีไว้เป็นที่ระลึก เพื่อไปหาบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงทั้งของตัวเองและลูกสาวจับกลุ่มรอกันอยู่ ส่วนบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยเธอกับลูกสาวถ่ายเก็บไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นวันซ้อมใหญ่แล้ว

“ไปค่ะพ่อ” ว่าแล้วลดาก็เดินควงแขนคนเป็นพ่อเดินตามคนเป็นแม่ไปด้วยท่าทีสดใส ความเหนื่อยความล้าความง่วงจากการที่ต้องตื่นนอนแต่เช้ามืดมลายหายไปจนหมดสิ้น

“สวัสดีค่ะทุกคน” เมื่อไปถึงลดาก็ยกมือไหว้ผู้ที่สูงวัยกว่า ไม่ว่าจะเป็นลุงป้าน้าอาที่ต่างสละเวลาเดินทางมาแสดงความยินให้กับเธอ บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดก็มี จุดนี้ทำให้เธอซึ้งใจในน้ำใจของทุกคนเป็นอย่างมาก

“ยินดีด้วยนะจ๊ะ”

“ขอบคุณค่ะ” ลดายกมือไหว้น้าสะใภ้แล้วรับดอกไม้ช่อใหญ่มาถือเอาไว้ หลังจากนั้นทุกคนต่างก็เอาช่อดอกไม้บ้างก็ตุ๊กตามาแสดงความยินดีจนหอบแทบไม่ไหว เธอจึงแบ่งไปให้คนเป็นพ่อและแม่ช่วยถือ

“นี่จากฉัน” ปฐมาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่สมัยเรียมมัธยม แม้ตอนนี้จะเรียนกันคนละมหาวิทยาลัยแต่ก็ยังติดต่อกันตลอดนำมงกุฎดอกไม้ไปสวมที่ศีรษะของลดา

“ขอบใจมาก”

“แล้วนี่ของยายฟ้า มันไม่ว่างเลยฝากของมาให้แทน” ปฐมายื่นกล่องของขวัญของฟ้ารุ่งที่ติดธุระมาไม่ได้ให้อีกชิ้น ลดารับไปแล้วสั่นเบาๆ พร้อมกับเอียงหูเข้าไปฟังใกล้ๆ อย่างสงสัยว่าข้างในมันคืออะไร

“อะไรเนี่ยเบาแต่สั่นแทบไม่ได้ยินเสียง แถมกล่องนิดเดียว” ลดาแกล้งบ่น

“ก็มันบอกว่าโทษฐานที่จบก่อน หมั่นไส้เลยให้กล่องเล็กๆ พอ” ปฐมาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ และยื่นมือไปขอกล่องของขวัญที่เธอเพิ่งให้เพื่อนไปกลับมาสั่นดู ทั้งที่ก่อนหน้าถือมาตั้งนานไม่คิดจะสั่นและไม่ได้อยากรู้ว่าข้างในมันคืออะไร พอลดาพูดก็เลยเกิดความอยากรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ตุ๊กตามั้ง” เธอคาดเดาจากน้ำหนัก

“ตุ๊กตาอะไรจะเล็กขนาดนี้พวกกุญแจตุ๊กตาเหรอ” ลดาพูดพลางขมวดคิ้วมองกล่องของขวัญขนาดเล็กที่แม้แต่จะใส่ตุ๊กตาตัวละสามสิบเก้าบาทยังไม่ได้

“ไม่รู้สิ ถาม มันก็ไม่บอก”

“คงไม่ใช่ของขวัญพิลึกๆ นะ” ลดาทำหน้าแหยงๆ กลัวโดนเพื่อนแกล้ง นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่แกะมันตอนนี้ที่นี่

“นั่นละที่ฉันกลัว” ปฐมาพูดพลางหัวเราะอย่างเห็น ไม่แน่ของข้างในมันอาจจะไม่ใช่ของอะไรที่นำมาใช้ประโยชน์ได้เลย แต่มันอาจจะเป็นของที่เปิดมาแล้วแตกโพละใส่หน้าก็ได้ คนอื่นไม่ทำแต่สำหรับคนอย่างฟ้ารุ้งต้องบอกว่าไม่แน่

“ลดาลูก ซุ้มว่างแล้วมาถ่ายภาพรวมกับทุกคนหน่อยเร็ว” นางญดาที่ยืนอยู่กลางซุ้มดอกไม้กวักมือเรียกลูกสาวและทุกคน

นายลภชัยเดินเอากล้องไปวานให้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นถ่ายภาพรวมกลุ่มให้ และภาพต่อไปจะเป็นภาพรวมญาติซึ่งปฐมาอาสาเป็นตากล้องให้ เก็บภาพตรงซุ้มดอกไม้ ไม่กี่ภาพทุกคนก็ย้ายไปมุมอื่นบรรยากาศอื่นบ้าง และมีทั้งการถ่ายภาพกลุ่มและเดี่ยวผลัดกันจนเป็นที่พอใจ ญาติบางคนเลยขอตัวกลับบ้านก่อน ตอนนี้จึงเหลือแค่ปฐมา ชลธีและนรีนาถ ซึ่งเป็นน้งชายและน้องสะใภ้ของนางลดา

“มองหาอะไรคะ” ลดาเดินเข้าไปถามคนเป็นพ่ออย่างสงสัยเมื่อเห็นท่านยืนชะคอมอง คุยแล้ววางวางแล้วคุยโทรศัพท์เกือบจะตลอดเวลาขณะที่เธอและทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพ

“เพื่อนสนิทพ่อน่ะ มันบอกว่ามาถึงแล้ว แต่ป่านนี้ยังไม่โผล่เลย” นายลภชัยบ่นและกดต่อสายหาเพื่อนรักอีกครั้ง ก่อนเขาจะทำหน้ายุ่งเมื่ออีกฝ่ายตัดสายทิ้ง “หมายความว่าไงกดทิ้ง”

“เพื่อนพ่อเขาอาจจะกำลังหาที่จอดรถอยู่มั้งคะ” ลดาออกความเห็น เพราะดูจากจำนวนรถของผู้คนที่มาร่วมงานรับปริญญาบัตรของนักศึกษาในวันนี้แล้วต้องบอกเลยว่าเยอะมาก และการจะหาที่จอดรถนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน

“ลดา...” ปฐมาเรียกพร้อมกับวิ่งเข้ามาลากตัวเพื่อนรักไปเข้าเฟรม “ฉันยังไม่ได้ถ่ายภาพคู่แกเลย”

“นั่นสิ คุณพ่อก็รีบตามมานะคะ” เธอบอกคนเป็นพ่อก่อนจะเดินตามแรงลากของเพื่อนไปโพสท่าให้คนเป็นแม่ที่อาสาเป็นตากล้องถ่ายภาพให้ และสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อย บางครั้งถ้าต้องภาพรวมก็จะวานให้คนที่มาร่วมงานที่ยืนอยู่แถวนั้นถ่ายให้ จนทุกคนแทบลืมนายลภชัยที่เลี่ยงออกมาโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท

“แกอยู่ไหนเนี่ย โทร.ตั้งหลายสายก็ไม่ยอมรับ ไม่พอยังตัดสายทิ้งอีก” นายลภชัยบ่นอุบเมื่อเพื่อนรักรับสายหลังจากที่ก่อนหน้านี้พยายามโทร.หาครั้งแล้วครั้งเล่า

“อยู่ข้างหลัง” ปลายสายบอกเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับตบบ่าคนที่บ่นตนผ่านโทรศัพท์เบาๆ

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้บ้านี่”

“บ่นๆ แหกตาดูบ้างว่ารถเยอะอย่างกับกองทัพมด กว่าจะเข้ามาได้ กว่าจะหาที่จอดรถอีกรู้งี้นั่งรถเมล์มาดีกว่า ระยะทางแค่กิโลเดียวใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง เสียเวลาชิบหาย” ธันน์บ่นอย่างหงุดหงิด นอกจากรถจะติดแล้วอากาศก็ร้อนบรรลัยมีแต่มลพิษจากควัน ทำเอาคนบ้านไร่อย่างเขาหายใจหายคอไม่สะดวกเอาเสียเลย

“บ่นเข้าไป ต้องเข้าใจวันนี้มันวันงานนี่หว่า”

“ไม่วันงานรถก็ติดเป็นปกติหรือเปล่าวะ” ไม่ใช่เขาไม่เคยใช้ชีวิตเมืองกรุง สมัยเรียนมหาวิทยาลัยรถติดอย่างไรทุกวันนี้มันก็ยังติดอย่างนั้น และดูเหมือนจะหนักขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ

“เอ่อน่า มันจะไปไหนมาไหนสะดวกรวดเร็วถนนว่างโล่งเหมือนที่บ้านไร่ของแกได้ยังไง นานๆ มาทีอย่าบ่นให้มันมากนักไปๆ ทุกคนรออยู่” ว่าแล้วนายลภชัยก็พยักหน้าเรียกให้เพื่อนรักเดินตามไปหาทุกคนที่กำลังสนุกกับการหามุมถ่ายภาพ

“แม่ ไอ้ธันน์มันมาแล้ว” นายลภชัยสะกิดบอกภรรยาที่กำลังสนุกกับการเป็นตากล้องให้กับทุกคน

“อ้าว คุณธันน์สวัสดีค่ะ นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ งานที่ฟาร์มเป็นไปได้ด้วยดีนะคะ” นางญดายกมือไหว้เพื่อนสนิทของสามีที่อายุมากกว่า แล้วพูดคุยทักทายถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่ถึงอย่างนั้นก็พอรู้ข่าวคราวของอีกฝ่ายจากสามีที่ติดต่อกับเพื่อนคนนี้ตลอด

“ครับ หลังจากวางแผนและปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่างมันก็ดีขึ้นตามลำดับ ผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ” ธันน์บอกอย่างภูมิใจ หลังจากที่สามารถทำให้ฟาร์มม้าของคนเป็นพ่อที่ต้องเกือบจะขายทิ้งเพราะขาดทุนกลับมารุ่งเรื่องได้อีกครั้ง “ว่างๆ ก็ไปเที่ยวได้นะครับ ยินดีต้อนรับ”

“หาเวลาก่อน มีโอกาสเมื่อไหร่ไปแน่นอน” นายลภชัยเอ่ยแทรกขึ้น “แต่ตอนนี้แกมานี่ มารู้จักหลานก่อน...ลดา” ว่าแล้วก็กวักมือเรียกลูกสาวที่ยืนคุยอยู่กับเพื่อนให้มาหา

“คะพ่อ” ลดาเดินยิ้มเข้ามาหาบุพการีทั้งสองแล้วรอยยิ้มนั้นก็ค้าเติ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีนิลของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ บุพการี แล้วยกมือขึ้นทาบหน้าอกข้างซ้ายที่หัวใจมันเต้นรัวเร็วผิดปกติแบบอัตโนมัติ รู้สึกลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายยิ้มให้จนต้องคว้ามือของปฐมาที่ยืนข้างๆ มาจับเอาไว้

“เป็นอะไร” ปฐมากระซิบถามเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงบีบมือจากเพื่อนรัก แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบนายลภชัยก็แนะนำคนมาใหม่ให้ลูกสาวและทุกคนได้รู้จัก

“นี่อาธันน์เพื่อนรักพ่อ ธันน์นี่ยายลดาลูกสาวฉัน”

“สะ...สวัสดีค่ะ” ลดายกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยทักเสียงตะกุกตะกัก และยิ่งคนที่พ่อแนะนำว่าเป็นเพื่อนรักหญิงสาวถึงกับตาพร่าเม้มปากยื่นมือไปจับแขนของปฐมาแล้วเขย่าแรงๆ

“สวัสดีสาวน้อย ไม่ได้เจอกันนานมาก...เจออีกทีโตเป็นสาวแล้ว” ธันน์รับไหว้และทักทายลูกสาวของเพื่อนรักที่วันนี้โตเป็นสาวสวยสะพรั่งชวนมอง “เอ่อ...อาเพิ่งมาถึงและรีบมากเลยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาแสดงความยินดีด้วยเลย แต่ยังไงก็ยินดีด้วยนะกับความสำเร็จในวันนี้”

“ขอบคุณมากค่ะ” ลดายกมือไหว้หนุ่มใหญ่เพื่อนพ่ออีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับก่อนจะหันไปรับไหว้ปฐมาเพื่อนของเธอและหันไปคุยกับน้าชายและน้าสะใภ้

“แก...” ลดาเขย่าแขนของปฐมาหากสายตานั้นยังจับจ้องมองตามเพื่อนรักของพ่อตาปรอย

“อะไร”

“หล่อลาก...” ลดาลากเสียงยาว “ทำไมผู้ชายอายุมากแล้วถึงหล่อกระชากใจได้มากมายขนาดนี้นะ” เธอหันมาพูดกับเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงและสีหน้าติดจะเสียดายระผิดหวัง เพราะขึ้นชื่อว่ารุ่นเดียวกับพ่อแล้วมีหรือจะยังโสด

“ใคร...เพื่อนพ่อแกน่ะเหรอ”

ลดาพยักหน้ารับ “อื้อ ไม่น่าเชื่อเนาะว่าอายุขนาดนี้แล้วยังดูหล่อ...เท่...สมาร์ท...ได้ขนาดนี้” ว่าพลางทำตาปรือหวานเยิ้มอย่างไม่เก็บอาการ

“นี่แกจะเล่นของสูงเลยเหรอ” ปฐมาถามพลางมองเพื่อนที่เหมือนตกอยู่ในวังวนเสน่หาของผู้สูงวัยกว่าแล้วยิ้มแหยๆ

“ไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบ”

“เว้ย! ฉันไม่ได้หมายถึงส่วนสูง แต่หมายถึงแบบชอบเพื่อนพ่อที่อายุมากกว่าตั้งหลายปีอะไรแบบเนี้ย สองรอบกว่ามั้งนั่น” ปฐมาคาดเดาจากอายุของพ่อเพื่อนรัก ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วถือว่าธันน์หน้าตายังดูเด็กกว่าอายุค่อนข้างมากเลยทีเดียว

“ฉันก็กรี๊ดกร๊าดไปอย่างนั้นแหละ ดูหุ่นดูหนังหน้าสิแกคิดว่าอย่างนี้จะโสดเหรอ ไม่มีทาง” ลดาบอกอย่างเสียดายแกมหมั่นไส้และอิจฉาผู้หญิงที่ได้เป็นภรรยาของเพื่อนพ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ก็ว่างั้นแหละ รุ่นนี้คงเหลือถึงมือเราหรอก มองหาคนรุ่นราวคราวเดียวกันดีกว่าว่าไหม” ปฐมาแนะนำ แล้วหัวเราะเมื่อลดามองเพื่อนของพ่อตัวเองอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง “อย่าริคิดปีนต้นงิ้วเชียวนะ”

“อย่างฉันเนี่ยนะ ไม่มีทาง” ลดาบอกพลางเชิดหน้า “อ่านกินไปงั้นแหละ เข้าใจปะ อาหารตาอาหารใจน่ะ”

“จ้าๆ กินก็กินเงียบๆ เนียนๆ หน่อยนะแก เจ้าตัวเขาจับได้ละจะหาที่ซุกหน้าไม่ทัน” ปฐมาเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าถูกจำได้ขึ้นมาคนที่จะอายมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แถมดีไม่ดีจะโดนคนเป็นพ่อด่าเข้าให้

“รู้น่า ไปขอถ่ายภาพคู่เก็บเป็นที่ระลึกดีกว่า แกมาด้วยจะได้ไม่ผิดสังเกต” ลดาว่าพลางลากแขนเพื่อนเดินตรงไปหาพวกผู้ใหญ่ที่ยืนคุยกันอยู่

“พ่อคะ” ลดาเข้าไปสะกิดคนเป็นพ่อ

“ว่าไงลูก”

“หนูอยากถ่ายภาพร่วมกับทุกคนอีกครั้งน่ะค่ะ แบบว่าคราวก่อนขาดเพื่อนพ่อไปคนหนึ่ง” ลดาบอกเสียงแผ่ว พยายามเก็บท่าทีกระดี๋กระด๋าให้มิด เห็นอย่างนี้พ่อของเธอนั้นก็หวงลูกสาวใช่ย่อยเหมือนกัน ขืนไปแสดงท่าทีว่าสนใจผู้ชายรุ่นพ่อละก็โดนด่าแน่ๆ

“จริงด้วย เอาสิ” นายลภชัยเออออเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ อีกทั้งยังออกปากเรียกทุกคนมารวมกลุ่มเพื่อถ่ายภาพรวมอีกครั้ง “ทุกคนมาถ่ายภาพกลุ่มหน่อยเร็ว โดยเฉพาะแกไอ้ธันน์ ยังไม่มีภาพสักซอต”

“ก็คนเพิ่งมาถึง”

“หนูถ่ายให้เองค่ะ” ปฐมาอาสา รู้ว่าจุดประสงค์หลักของการเรียกทุกคนที่เหลือมารวมเฟลมภาพถ่ายในครั้งนี้คืออะไร และเมื่อเธอถ่ายภาพกลุ่มเสร็จก็ร้องขอช๊อตสำคัญ “ขอภาพคู่ลดากับคุณธันน์หน่อยนะคะ ยังไม่มีสักภาพเลย”

ลดาได้ยินอย่างนั้นแทบอยากจะคลานเข่าเข้าไปกอดเพื่อนรัก ไม่เสียแรงที่คบกันมายาวนาน มองตาก็รู้ใจ เดี๋ยวหลังจากนี้คงต้องหาเวลาไปเลี้ยงขอบคุณนอกรอบกันหน่อยแล้ว

“ได้สิ”

คำตอบรับจากธันน์ทำให้ลดาแอบกำกำปั้นแล้วเขย่ามันอย่างถูกใจ และยิ่งช่างภาพจำเป็นบอกเธอก็ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่

“ชิดๆ หน่อยค่ะเดี๋ยวตกเฟลม” ปฐมาบอกพลางโบกมือให้ธันน์ขยับเข้าไปใกล้ๆ เพื่อนรักอีกหน่อย เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของลดารู้ว่ามันคือความพอใจ เธอจึงกดชัตเตอร์ “ขออีกภาพนะคะ ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากันแล้วเอียงข้างนิดๆ ค่ะ”

ลดาทำตามคำสั่งของช่างภาพจำเป็นอย่างรู้งานและรู้ใจ ให้เพื่อนรักได้กดชัตเตอร์และเปลี่ยนท่าโพสอยู่อีกสองสามภาพธันน์จึงถูกปล่อยตัว

“ขอบคุณนะคะ” ลดาบอกพลางส่งยิ้มหวานให้เพื่อนของพ่อ จากนั้นก็รีบวิ่งไปหาปฐมาเพื่อดูผลงาน “แป๋มขอดูภาพหน่อยซิ”

“ฝีมือระดับนี้สวยอย่างกับมืออาชีพ” ปฐมายื่นกล้องให้เพื่อนแล้วยอตัวเอง

“สวยๆ จริงๆ ด้วยอะ อาธันน์หล่ออย่างกับนายแบบแน่ะ” ลดามองภาพคนที่เธอเอ่ยถึงแล้วถอนหายใจอย่างเสียดาย เพราะทำได้แค่ชื่นชม แล้วร้องเพลงขึ้นลอยๆ ว่า “ที่บ้านมีอีกไหม มีอีกไหม มีอีกคนไหม มีอีกคนไหมเธอ...”

“คนนี้ไม่มีสิทธิ์จะไปจีบน้องชายเขาหรือไง” ปฐมาถามเพื่อนรักที่เป็นเอามากเสียงกลั้วหัวเราะ นี่ถ้าไม่คิดว่าอีกฝ่ายมีภรรยาแล้ว ป่านนี้บีบน้ำตาให้พ่อไปสู่ขอแล้วมั้ง

“บ้า ฉันหมายถึงลูกชายอะไรอย่างงี้ เผื่อมี และถ้ามีก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเราหรือเปล่า” ลดาเอาเรื่องของธันน์มาเม้าท์มอยกับเพื่อนรักอย่างสนุกปาก และคิดไปว่าหากเขามีอย่างที่เธอว่าจริงมันก็คงจะดีไม่น้อย

“ไม่ได้พ่อก็จะเอาลูกว่างั้นเถอะ”

“ก็งานเขาดี พ่อลูกงานก็คงดีไม่ต่างกันมั้งแก” พูดจบลดาก็ปิดปากหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

“สาธุ...ขอให้เขามีแต่ลูกสาว” ปฐมาพนมมือยกขึ้นเหนือศีรษะ เห็นแล้วลดาก็ฟาดเข้าที่แขนของเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

“ยายแป๋ม แกมันชอบสกัดดาวรุ่ง”

“ถ้าฉันจะสกัดจริงๆ ไม่ช่วยแกเรื่องถ่ายรูปหรอกจริงไหม อย่าลืมของเซ่นฉันละ” ปฐมาทักท้วงอย่างไม่ได้จริงจังนัก ที่ทำไปทั้งหมดก็รู้ว่าเพื่อนชอบและดีใจแหละ ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ในวันรับปริญญา

“เรื่องนั้นรู้น่า ขอบใจมากนะจ๊ะเพื่อนร๊ากกก...” ลดาโผเข้าไปกอดและซบไหล่ปฐมาอย่างออดอ้อน

“ไม่ต้องมาอ้อน เตรียมทรัพย์ไว้ให้ดีละกัน ฉันจะกินจนกระเป๋าแกฉีกขาดกระจุย” เธอแกล้งขู่

“อย่างแก ฉีกไม่กลัวกลัวไม่ฉีก” ลดารับคำท้า รู้ดีว่าคนอย่างปฐมาเป็นกินน้อย ที่ว่าหิวมากๆ ยังไม่เท่าเธอหิวธรรมดาเลย กินอย่างกับแมวดม เธอมักเตือนบ่อยๆ ว่าให้กินเยอะๆ เพราะถ้าว่ากันตามตรงคือปฐมาติดจะผอมไปด้วยซ้ำ ไม่รู้เพราะพฤติกรรมการกินหรือพันธุกรรม

“ลดา...”

“คะแม่” หญิงสาวขานรับคนเป็นแม่ แต่ตานั้นกลับมองไปที่ร่างสูงของใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนเป็นพ่อ

“จะถ่ายรูปที่ไหนอีกไหม ถ้าไม่แม่กับทุกคนว่าจะกลับแล้วนะ จะได้ไปซื้อของไปย่างกินที่บ้านเย็นนี้ไง”

“กลับเลยก็ได้ค่ะ หนูก็ร้อนและเหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่” ลดาบอกพลางเดินนำปฐมาไปหาทุกคน

“งั้นเอาอย่างนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แม่จะไปซื้อของกินกับชลและนาถ ส่วนพ่อก็พาทุกคนไปรอที่บ้านโอเคไหม” นางญดาเสนอความคิด เพราะกว่าจะฝ่าการจราจรของที่นี่ออกไปได้ก็กินเวลาไม่น้อย ไหนกว่าจะวิ่งรถไปถึงบ้านอีก ถึงการจราจรจะไม่หนาแน่นเท่าที่นี่ แต่ถนนก็ไม่ได้โล่งโปร่งสบาย สู้แวะซื้อของและกลับบ้านทีเดียวเลยน่าจะประหยัดเวลาได้มากกว่า

“โอเคตามนั้น งั้นก็แยกย้าย ไอ้ธันน์จำได้ใช่ไหมว่าบ้านฉันอยู่ไหน” นายลภชัยหันไปถามเพื่อนรัก เพื่อความแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหาทางไปบ้านของตัวเองถูก เพราะล่าสุดธันน์มาที่บ้านเขามันก็หลายปีมาแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ถึงบ้านจะตั้งอยู่ที่เดิมแต่สภาพแวดล้อมหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนแปลงไปมาก

“คิดว่าได้ ถ้าหลงเดี๋ยวโทร.ถามละกัน” ธันน์ที่ไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งยากบอกตัดบทอย่างกรงใจ อีกทั้งยังเชื่อในการจดจำเส้นทางที่แม่นยำของตัวเองอยู่

“โอเค งั้นไปลดาหนูแป๋มไปขึ้นรถ” เรียกแล้วนายลภชัยก็เดินนำทั้งสองสาวไปที่รถ

“ฉันควรเสนอตัวนำทางดีไหม” ลดากระซิบกระซาบถามความเห็นของเพื่อน

“เก็บอาการนิดหนึ่งเพื่อน เขาไม่ได้อยากได้คนนำทาง เขาบอกว่าเขาจำทางไปบ้านแกได้ และอีกอย่างท่องไว้เขามีเจ้าของแล้ว” ปฐมาเตือนสติเพื่อนรัก แล้วหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตกใจเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ต้องมนต์อะไรสักอย่าง

“โทษทีขอดึงสติแป๊บ...ความหล่อมันมอมเมาฉัน” ลดายกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองแรงๆ ก่อนมือทั้งสองข้างจะนิ่งชะงักเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ว่าแต่อาธันน์มาบ้านฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้บอกว่าจำทางไปบ้านฉันได้น่ะ” เธอถามอย่างสงสัย อยากรู้ถึงอยากรู้มากเพราะตอนที่ชายหนุ่มมาเธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ถึงไม่เจอและเพิ่งมาเจอเอาตอนนี้

“ถามพ่อแกดูสิ” ปฐมาพยักพเยิดหน้าไปยังผู้สูงวัยที่เดินนำเธอและเพื่อนรักห่างออกไปค่อนข้างมาก และตอนนี้ท่านก็เดินไปถึงรถแล้วและกำลังกวักมือเรียกเธอและลดาที่มัวแต่เดินคุยกัน

“จริงด้วย ถามเรื่องนี้พ่อคงไม่สงสัยมั้งเนาะ”

“ก็ถ้าแกไม่แสดงอาการอยากรู้จนออกนอกหน้าน่ะนะ”

“แน่นอน” ลดาบอกให้ปฐมาวางใจ และการถามเรื่องนี้มันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงไปถึงข้อมูลเรื่องอื่นๆ ของธันน์ด้วย เธอเชื่อว่าเธอสามารถหลอกถามมันจากคนเป็นพ่อได้อย่างแนบเนียนแน่นอน คิดอย่างหมายมาดก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ โดยที่เธอนั่งคู่คนเป็นพ่อ ส่วนปฐมานั่งเบาะหลังแต่ก็ใช้มือเกาะหลังเบาะตลอดเวลา เพื่อที่จะได้คุยกันถนัด

“ถามสิ” ปฐมากระซิบบอกเพื่อนพลางพยักพเยิดหน้าไปที่นายลภชัย หลังจากที่นั่งรถมาได้ระยะหนึ่ง แต่ลดายังเงียบ

“เดี๋ยวๆ ขอเรียกความกล้า” ว่าแล้วลดาก็เบือนหน้าไปทางประตูรถแล้วแอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เริ่มคิดว่าจะชวนคนเป็นพ่อคุยและปูเรื่องเข้าเรื่องที่เธอจะถามนี้อย่างไรดีไม่ให้เป็นที่สงสัย

“พ่อขับรถออกมาเลยแบบนี้โดยไม่รออาธันน์ ไม่กลัวอาธันน์จะหลงทางเหรอคะ” แล้วหญิงสาวก็เริ่มถามพลางเอี้ยวตัวมองกลับไปด้านหลังที่มีรถติดยาวเหยียด แต่ไม่เห็นแม้เงารถยนต์ของธันน์

“ก็มันบอกว่ามันจำได้” นายลภชัยบอกอย่างไม่เป็นกังวล เพราะถ้าจำไม่ได้หรือหลงธันน์ก็คงโทร.หาเขาเองอย่างที่เจ้าตัวบอกนั่นแหละ

“อาธันน์เคยมาบ้านเราด้วยเหรอคะ” เมื่อปูทางเรียบร้อย ลดาก็รีบถามเข้าเรื่องที่ตัวเองสงสัยทันที และคำตอบที่ได้รับก็ทำเอาคนฟังอย่างเธอเจ็บจี๊ดไปทั้งใจ

“เคยมาสิ ตอนนั้นรู้สึกมันจะพาเมียมาเที่ยวกรุงเทพเลยแวะมาเยี่ยม แต่ก็มาแป๊บเดียว” นายลภชัยตอบคำถามของลูกสาวอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร

“แล้วทำไมคราวนี้อาธันน์ไม่เอาเมียมาด้วยล่ะคะ หนูอยากเห็น” ลดาบอกคนเป็นพ่ออย่างสนใจ เอาจริงๆ เธอก็ทั้งอยากเห็นและไม่อยากเห็น แต่ถึงอย่างนั้นความอยากเห็นก็ยังมีมากกว่า จะได้รู้ว่าหน้าตาของผู้หญิงที่ครองใจผู้ชายอย่างธันน์เป็นอย่างไร สวยแค่ไหน

“คงไม่ได้เห็นแล้วละ”

“ทำไมคะ หรือเมียอาธันน์ไม่ชอบกรุงเทพ” ลดาละล้ำละลักถาม

“เปล่า แต่พวกเขาเลิกกันมาได้หลายปีแล้ว”

“เลิกกัน!” ทั้งสองสาวถามขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจระคนดีใจ โดยเฉพาะลดา ถ้าตอนนี้ไม่ใช่อยู่บนรถ เธอคงกระโดดตัวลอย

“ทำไมคะ” ลดาเผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้

นายลภชัยที่ถือโอกาสในช่วงรถติดมามองสองสาวยิ้มๆ พร้อมกับเอ่ยล้อว่า “สนใจจังน้า...”

“เปล๊า! พวกหนูก็แค่อยากรู้อยากเห็นแค่นั้นเองค่ะ เนาะยายแป๋ม” ลดาปฏิเสธเสียงสูง รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน แล้วทิ้งท้ายด้วยการหาพรรคพวก

“ค่ะ เรียกง่ายๆ ว่าชอบเผือกค่ะ” ปฐมายอมรับแบบตรงๆ เธอจึงโดนเพื่อนรักมองค้อน

“เมียมันทิ้ง...” และยังไม่ทันที่นายลภชัยจะพูดจบลดาก็รีบแทรกขึ้น

“ทิ้ง! หล่อขนาดนี้โดนทิ้งเหรอคะ” เธอถามอย่างสงสัย

“หล่อมันกินได้ไหมล่ะ” นายลภชัยถามลูกสาวกลับ หน้าตาดีหล่อเริดเลอเฟอร์เฟคขนาดไหนมันก็อยู่ด้วยกันไม่รอดหรอก เพราะการใช้ชีวิตคู่มันมีองค์ประกอบหลายอย่างและสำคัญมากกว่าเรื่องหน้าตา

“แหม...มันก็ไม่ได้หรอกค่ะ” ลดาแก้ตัวเสียงอ่อย เมื่อรู้สึกว่าเธอเอาเรื่องหน้าตามาตัดสินเรื่องนี้ และลืมคิดไปว่าถ้าคนเราเลือกที่จะอยู่ด้วยกันเพียงแค่หน้าตาอย่างนั้น คนหน้าตาดีๆ ก็คงไม่โดนทิ้งหรือผิดหวังในเรื่องความรักสินะ “แต่ถ้ารักกันจริงก็ต้องช่วยกันทำมาหากินสิคะ หรืออาธันน์ขี้เกียจ” ลดาเดาสาเหตุและมุ่งเน้นไปที่ฝ่ายชาย ถ้าหน้าตาดีและขยันฝ่ายหญิงก็ไม่น่าทิ้ง ดังนั้นมันน่าจะเป็นปัญหาอื่น

“คนที่ขี้เกียจคือฝ่ายหญิงโน้น พอลำบากไม่มีเงินให้ใช้จ่ายมือเติบเหมือนเดิม เขาก็ตีจาก” นายลภชัยแย้งด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง เอ่ยถึงอดีตภรรยาของเพื่อนรักทีไรรู้สึกฉุนขาดทุกที ผู้หญิงอะไรหน้าตาก็สวยดีอยู่หรอกแต่ใจดำเหลือเกิน ตอนทิ้งไม่คิดถึงตอนที่รักกันเลยสักนิด

“เกิดอะไรขึ้นคะ” ลดาถามอย่างสนใจ

“ฟาร์มม้าเกิดภาวะขาดทุน หนี้สินรุงรังแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้หญิงที่ไหนเขาจะอยู่ด้วย” นายลภชัยสรุปให้ลูกสาวฟังสั้นๆ และมันคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธันน์กับอดีตภรรยาระหองระแหงสุดท้ายก็เลิกรากันในที่สุด โดนที่ฝ่ายหญิงเป็นคนเลือกที่จะจากไป

“แต่คนที่เป็นคู่ชีวิตกันก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุข ฝ่าฟันปัญหาช่วยเป็นแรงกายแรงใจให้กันสิคะ” ลดาออกความเห็นเสียงเข้ม รู้สึกโกรธผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่รู้ว่าอีกฝ่ายทิ้งธันน์ไปยามที่ชายหนุ่มลำบากต้องการกำลังใจ

“พูดน่ะมันง่าย แต่เอาเข้าจริง การเผชิญความลำบากเผชิญปัญหาจริงๆ มันก็นะ ผู้หญิงเขาก็หวังให้ผัวเลี้ยงให้ได้อยู่อย่างสุขสบาย ตอนมีเงินมันทำได้ แต่พอหมดเงินจะเอาอะไรไปเปย์เขาล่ะจริงไหม” นายลภชัยหันมาถามสองสาวเสียงขืน พูดถึงทีไรสะเทือนใจทุกที แม้มันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่มันเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทที่เขารับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด

“ถ้าผ้หญิงเป็นแบบนั้นก็ปล่อยไปเถอะ เนาะยายแป๋ม” ลดาหันมาหาปฐมา ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วโน้มตัวกระซิบ

“แกจะได้เสียบแทนใช่ไหม”

ลดาพยักหน้าหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ อย่างน้อยความหวังที่เคยดับสนิทมันก็เริ่มเรืองรองขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนมันจะสว่างจ้าเมื่อได้คำพูดต่อมาของคนเป็นพ่อ

“ก็ปล่อยไงมันถึงได้เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้”

“อาธันน์ยังไม่มีใครจริงๆ เหรอคะ” ลดาหันไปถามคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและออกอาการดีใจจนออกนอกหน้า ปฐมาเห็นแล้วต้องรีบสะกิดและขยิบตาเป็นสัญญาณเตือนเมื่อเพื่อนรักหันมามอง ตอนนี้เองลดาถึงรู้ตัวทำตาโตหันไปมองคนเป็นพ่อที่เลิกคิ้วมองอยู่แล้วยิ้มแหย่ๆ แก้ตัวเสียงแผ่วว่า “คือ...ก็ยังเห็นว่าอาธันน์ยังดูไม่แก่เลยสักนิด น่าจะมีคนเข้ามาบ้างอะไรบ้างน่ะค่ะ”

“ตั้งแต่เมียมันทิ้งไป มันก็หมกตัวอยู่แต่กับงานในฟาร์มปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอยู่หลายปีกว่ามันจะเข้าที่เข้าทางและเห็นผลจะเอาเวลาที่ไหนไปมีล่ะ” นายลภชัยบอกเท่าที่รู้ นอกเสียจากว่าเพื่อนเขามันจะซุกเอาไว้และยังไม่อยากเปิดตัว

“นั่นสินะคะ” ปากก็พูดกับคนเป็นพ่อหากสายตานั้นหันมามองปฐมาแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้อย่างรู้กัน จากที่คิดว่าจะแอบมองแอบชื่นชอบธันน์ให้พอเป็นอาหารตาอาหารใจ แต่เมื่อตอนนี้สถานะของชายหนุ่มมันเปลี่ยนไปเป้าหมายของเธอมันก็จะเปลี่ยนไปเหมือนกัน



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 23:03:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2560, 23:03:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1227





   ตอนที่ 2 แผนพิชิตสะกิดใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account