นาฏกรรมลวง: ขวัญของใจ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
แม้จะชินชากับกลิ่นโรงพยาบาลสักเพียงใด...ทว่ากลิ่นคละคลุ้งคาวเลือดในเศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อ ก็ได้ปลุกให้ ‘ขวัญ’ แพทย์หญิงชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ ตื่นขึ้นมาพบกับวิญญาณของชายหนุ่มปริศนา ‘นิธิศ’
ขณะเดียวกันนาฏกรรมที่ใครสักคนอุปโลกน์ขึ้น กำลังนำไปสู่การไขปริศนาของความตายที่บังเอิญเกี่ยวพันกับความฝันแสนประหลาดของขวัญอย่างจงใจ และยิ่งขยับเข้าไปใกล้ทุกขมวดของปมมากเท่าไหร่ บ่วงที่ฆาตกรวางไว้ก็กำลังรอต้อนรับด้วยความตายมากเท่านั้น!
“ผมจะต้องกลับเข้าร่างให้ได้เร็วที่สุด” นิธิศพูดด้วยความมุ่งมั่น และนั่นก็ทำให้ฉันสลัดเอาความหวาดกลัวทั้งหลายออกไปจากใจ
“เราจะช่วยกันค่ะ ฉันจะช่วยเป็นมือทั้งสองข้างให้คุณเอง”
“ถ้าคุณอยากช่วยเป็นมือให้ผมจริงๆ ช่วยตอนนี้เลยได้ไหม ทำอะไรให้ผมสักอย่างสิ”
“คะ?” ฉันมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้ามือของคุณคือตัวแทนของมือผม คุณก็ช่วยกอดตัวเองหน่อยได้ไหม กอดตัวเองไว้ แล้วผมจะปลอบใจคุณเอง”
**************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ขวัญของใจ" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนว Romantic Suspense มิควรพลาดจ้า #รับประกันว่าแหกกฎนิยายรักทุกเรื่องที่เคยมีมา เพราะนอกจากมีปมสืบสวนฆาตกรรมให้ตามติดแล้ว พระเอกของเราสายทะเล้น ตื๊อนางเอก และ...เป็นวิญญาณ พระรองก็เป็นวิญญาณ ส่วนนางเอกเป็นหมอผ่าศพ!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 30฿ (รวมเป็น 359฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
ขณะเดียวกันนาฏกรรมที่ใครสักคนอุปโลกน์ขึ้น กำลังนำไปสู่การไขปริศนาของความตายที่บังเอิญเกี่ยวพันกับความฝันแสนประหลาดของขวัญอย่างจงใจ และยิ่งขยับเข้าไปใกล้ทุกขมวดของปมมากเท่าไหร่ บ่วงที่ฆาตกรวางไว้ก็กำลังรอต้อนรับด้วยความตายมากเท่านั้น!
“ผมจะต้องกลับเข้าร่างให้ได้เร็วที่สุด” นิธิศพูดด้วยความมุ่งมั่น และนั่นก็ทำให้ฉันสลัดเอาความหวาดกลัวทั้งหลายออกไปจากใจ
“เราจะช่วยกันค่ะ ฉันจะช่วยเป็นมือทั้งสองข้างให้คุณเอง”
“ถ้าคุณอยากช่วยเป็นมือให้ผมจริงๆ ช่วยตอนนี้เลยได้ไหม ทำอะไรให้ผมสักอย่างสิ”
“คะ?” ฉันมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้ามือของคุณคือตัวแทนของมือผม คุณก็ช่วยกอดตัวเองหน่อยได้ไหม กอดตัวเองไว้ แล้วผมจะปลอบใจคุณเอง”
**************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ขวัญของใจ" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนว Romantic Suspense มิควรพลาดจ้า #รับประกันว่าแหกกฎนิยายรักทุกเรื่องที่เคยมีมา เพราะนอกจากมีปมสืบสวนฆาตกรรมให้ตามติดแล้ว พระเอกของเราสายทะเล้น ตื๊อนางเอก และ...เป็นวิญญาณ พระรองก็เป็นวิญญาณ ส่วนนางเอกเป็นหมอผ่าศพ!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 30฿ (รวมเป็น 359฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: สืบสวน ฆาตกรรม วิญญาณ ทะเล้น หมอ พยาบาล น่ารัก สยอง
ตอน: บทที่ 12 นาฏกรรมแห่งความลวง (30%)
“ไม่ผิด! นี่ไงแก้ว แก้วเพื่อนฉัน ไม่เชื่อเธอลองดูนี่สิ” นิจนันท์ว่าพลางยื่นภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือให้พวกเราดู ซึ่งในภาพนั้นเป็นภาพของหมอขวัญในชุดนางพยาบาลของโรงพยาบาลชิษณุพงศ์ถ่ายคู่กับนิจนันท์ที่อยู่ในยูนิฟอร์มเดียวกัน
“แก้วไหน? ไม่ใช่ ฉันคือขวัญ ชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ไง” หมอขวัญรีบส่ายหน้า ทั้งๆ ที่ดวงตาของเธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดเดียว
“บ้าน่ะสิ! เธอจะเป็นขวัญไปได้ยังไงแก้ว นี่เธอป่วยหรือเปล่า” นิจนันท์ยื่นมือมาอังหน้าผากของคู่สนทนาที่หล่อนทำท่าเหมือนรู้จักกันมาดี
“ฉันไม่ได้ชื่อแก้ว” หมอขวัญถอยห่างสัมผัสของนิจนันท์พลางยืนกรานเสียงแน่นหนัก สายตาเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักและไม่ไว้วางใจมองตรงไปยังคุณนิจนันท์
“เธอคือแก้ว ไม่ใช่ขวัญ!” คนพูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ ก่อนเดินเข้าไปหาคนที่หล่อนมั่นใจว่าเป็นแก้วแล้วจึงพูดต่อ
“ฉันกับเธอเราคบกันมาตั้งแต่สมัยมอปลายนะแก้ว ทำไมฉันจำเพื่อนสนิทตัวเองไม่ได้ล่ะ เธอกับฉันเรียนมอปลายด้วยกันสามปี แถมเรียนคณะพยาบาลที่มหา’ลัยเดียวกันอีก ตอนทำงานเราก็ทำงานที่เดียวกัน แผนกเดียวกัน”
“แต่ฉันไม่รู้จักคุณ และฉันก็เพิ่งเจอคุณวันนี้วันแรกด้วย”
“ถ้าแบบนั้นเธออาจจะป่วยก็ได้นะแก้ว สมองคงได้รับความกระทบกระเทือนมาแหงๆ”
“ฉันคือแพทย์หญิงชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ค่ะ ฉันคือหมอขวัญ ไม่ใช่แก้วเพื่อนของคุณ ขอโทษด้วยนะคะคุณนิจนันท์” พูดจบหมอขวัญก็หันหลังทำท่าจะเดินหนีไป ทว่าเสียงเย็นๆ ของพยาบาลสาวเพื่อนสิตางค์ดังขึ้นมาชะงักฝีเท้าของคุณขวัญให้หยุดลง
“เธอจะเป็นขวัญได้ยังไง เพราะหมอขวัญ แพทย์หญิงชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ น้องสาวเธอน่ะ! ตายไปตั้งนานแล้ว ฆ่าตัวตายที่นี่ด้วยซ้ำ!”
“หมายความว่ายังไง” ทั้งสิตางค์และหมอขวัญถามขึ้นมาพร้อมกัน
บอกตรงๆ นะครับว่าผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วที่จะเรียกผู้หญิงข้างกายว่าหมอขวัญ...ขณะนี้ความจริงจังจากสายตาบนใบหน้าและในความคิดของนิจนันท์ฟ้องได้ดีว่าหล่อนไม่ได้กำลังโกหก!
“น้องสาวเธอผูกคอตายในห้องทำงานที่โรงพยาบาลนี้นั่นแหละ เป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูด เธอจะไปถามใครในโรงพยาบาลนี้ดูก็ได้...หรือว่าเธอความจำเสื่อมไปแล้ว”
“ไม่จริง...ฉันไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”
หมอขวัญส่ายหน้ารัว ก้าวถอยหลังหนีนัจนันท์ราวกับหล่อนเป็นตัวประหลาด
“เธอควรไปหาหมอไพศาลนะแก้ว จู่ๆ เธอก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครรู้ร่องรอยของเธอเลย นี่ถ้าสิตางค์ไม่พาเธอขึ้นมากรุงเทพฯ ฉันคงยังตามหาเธอไม่เจอแน่ๆ และฉันก็คงไม่รู้ว่าเธอกำลังป่วยแบบนี้” นิจนันท์ก้าวเข้าไปหาพร้อมบอกกับหมอขวัญด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริง
“ฉันไม่ได้ป่วย! คุณจำคนผิด...ฉันยังไม่ตาย!” อีกฝ่ายยังคงก้าวหนี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหมอขวัญตะคอกเสียงดังลั่น
“แก้ว...” นิจนันท์ครางออกมาด้วยความอ่อนใจ
“ฉันต้องพาเธอไปรักษาให้ได้”
“เดี๋ยวก่อนนันท์” สิตางค์เข้าไปแตะแขนเพื่อนของเธอเบาๆ
“คุณหมอกำลังสับสน และฉันก็กำลังงงมากๆ”
“แก้วไม่ใช่หมอนะสิตางค์ ถึงที่ผ่านมาแก้วจะอยากเป็นหมอแค่ไหน แก้วก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะแก้วเป็นพยาบาล”
“วันนี้พอแค่นี้เถอะ จะเป็นหมอหรือจะเป็นพยาบาลก็ค่อยว่ากันอีกทีนะ ฉันคงต้องพาหมอขวัญของฉัน และคุณแก้วของเธอกลับไปพักก่อน เห็นไหมว่าตอนนี้เธอกำลังช็อกมาก ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่สิตางค์ใช้ในการล่ำลาคุณนิจนันท์ที่ยังมองตามหมอขวัญจนกระทั่งพวกเราลับสายตา
เราทั้งหมดแยกทางกับนิจนันท์ที่หน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น สิตางค์พาคุณขวัญที่กำลังช็อกสุดๆ กลับมายังโรงแรมเดิม ขณะที่คุณขวัญของผมยังเงียบอยู่ตลอดทาง
“สิตางค์ เธอรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า” ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง คนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองมาตลอดก็เอ่ยปากถาม
“สิตางค์ก็เพิ่งรู้พร้อมกับคุณขวัญนี่แหละค่ะ” คนถูกถามตอบหน้าแหย
“ทำไมฉันถึงคิดว่าตัวเองเป็นขวัญมาตลอดเลยนะ”
“แต่บางทีคุณอาจจะป่วยแบบที่นันท์บอกเราก็ได้นี่คะ” คำพูดของสิตางค์ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เราจะกลับมายังโรงแรม...
*************
ผมเริ่มไม่สบายใจกับการเงียบจนเข้าขั้นผิดปกติของคุณขวัญ เธอดูเครียด และสับสนอย่างเห็นได้ชัดทีเดียวกับสิ่งที่ได้ยินในวันนี้ และผมก็ไม่ต้องการให้เธอจมอยู่กับความทุกข์มากไปกว่านี้ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“เรื่องนั้นพักไว้ก่อนดีไหม” เมื่อทนต่อความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วห้องไม่ไหว ผมจึงเอ่ยขึ้นมา ในตอนนี้สิตางค์เข้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนแล้ว ส่วนคุณขวัญยังนั่งนิ่งทบทวนอะไรบางอย่างอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของโรงแรม
“ขวัญ” ผมเรียกหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อเธอยังไม่หือไม่อือ
“คะ?”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราให้สิตางค์นัดนิจนันท์ออกมาถามให้รู้เรื่องก็ได้”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนลวง ขนาดตัวขวัญเอง ยังไม่รู้เลยว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ สรุปแล้วแก้วคือใคร ขวัญคือใคร ทุกอย่างมันชวนให้สับสนไปหมด” คนพูดย้อนถาม สีหน้าทั้งสับสนระคนหมดหวังจนผมรู้สึกเห็นใจเธอมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยนะ ผมขอร้อง ไม่ว่าจะเป็นแก้วหรือเป็นขวัญ ยังไงคุณก็คือคุณอยู่ดี และไม่ว่าอะไรจะเป็นความลวง ความจริง ยังไงๆ ผมก็ต้องช่วยขวัญตามหาทุกอย่างจนกระจ่าง ผมไม่มีทางทิ้งคุณแน่นอน” ผมขยับเข้าไปใกล้เธอพลางทอดน้ำเสียงพูดปลอบให้อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ จากนั้นสิตางค์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนพอดี
“คุณหมออย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ รอให้พรุ่งนี้นันท์ออกเวร สิตางค์จะโทร.นัดมาคุยกับคุณหมอเอง เพราะถ้าเป็นอย่างที่นันท์พูดจริง ก็แปลว่านันท์ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาลชิษณุพงศ์พอสมควร บางทีเราอาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมนะคะ”
“ใช่ เห็นไหมว่าขนาดสิตางค์ยังคิดแบบเดียวกับผมเลย”
เมื่อสบโอกาสผมก็ไม่รอช้าที่จะผสมโรงร่วมไปกับสิตางค์
“ตอนนี้สิตางค์ว่าคุณหมอน่ะ ไปอาบน้ำให้สบายตัวและมานอนพักผ่อนเถอะค่ะ วันนี้เราเหนื่อยกันมาเยอะแล้ว นี่ก็จะเช้าอยู่แล้วด้วย ได้นอนพักสักสองสามชั่วโมงก็ยังดี”
เป๊าะ!
เสียงผมดีดนิ้วพร้อมกับขยิบตาให้สิตางค์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าหล่อนก็มองไม่เห็น
“ถูกต้องตามที่สิตางค์บอกทุกอย่างเลย และคุณก็ควรรีบปฏิบัติตามให้ว่องไวด้วย”
“สิตางค์...” หมอขวัญลุกขึ้นจากเตียง ก่อนเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมทาง
“ถ้าหากทุกอย่างเป็นแบบที่นิจนันท์พูดจริงๆ สิตางค์จะโกรธฉันไหม ที่หลอกลวงเธอมาตลอดเลย”
“โธ่...สิตางค์จะไปโกรธคุณหมอได้ยังไงคะ คุณหมอไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิตางค์ก็จะขอช่วยเหลือคุณหมอให้ตลอดรอดฝั่งค่ะ ตอนแรกก็ยอมรับว่าทำเพราะกลัวผีนะคะ แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่สิตางค์พร้อมจะทำมันมาจากฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งค่ะ ที่อยากจะช่วยเหลือคุณหมอให้สำเร็จจริงๆ”
“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะสิตางค์”
ผมเห็นสองสาวยิ้มให้แก่กัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นก็คือสายใยแห่งมิตรภาพที่เริ่มถักทอหนาขึ้น หนาขึ้น ตามความห่วงใย ความจริงใจ ที่ต่างฝ่ายต่างส่งต่อให้กันและกัน
*************
เอาใจช่วยนางเอกของเราด้วยนะคะ T^T
สำหรับบทที่ 12 จะเป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานจะลงให้อ่านกัน ซึ่งก็คือเหลืออีกหนึ่งตอนย่อยเท่านั้น ที่เหลือตามต่อกันในเล่มได้เลยน้าาาา
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“แก้วไหน? ไม่ใช่ ฉันคือขวัญ ชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ไง” หมอขวัญรีบส่ายหน้า ทั้งๆ ที่ดวงตาของเธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดเดียว
“บ้าน่ะสิ! เธอจะเป็นขวัญไปได้ยังไงแก้ว นี่เธอป่วยหรือเปล่า” นิจนันท์ยื่นมือมาอังหน้าผากของคู่สนทนาที่หล่อนทำท่าเหมือนรู้จักกันมาดี
“ฉันไม่ได้ชื่อแก้ว” หมอขวัญถอยห่างสัมผัสของนิจนันท์พลางยืนกรานเสียงแน่นหนัก สายตาเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักและไม่ไว้วางใจมองตรงไปยังคุณนิจนันท์
“เธอคือแก้ว ไม่ใช่ขวัญ!” คนพูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ ก่อนเดินเข้าไปหาคนที่หล่อนมั่นใจว่าเป็นแก้วแล้วจึงพูดต่อ
“ฉันกับเธอเราคบกันมาตั้งแต่สมัยมอปลายนะแก้ว ทำไมฉันจำเพื่อนสนิทตัวเองไม่ได้ล่ะ เธอกับฉันเรียนมอปลายด้วยกันสามปี แถมเรียนคณะพยาบาลที่มหา’ลัยเดียวกันอีก ตอนทำงานเราก็ทำงานที่เดียวกัน แผนกเดียวกัน”
“แต่ฉันไม่รู้จักคุณ และฉันก็เพิ่งเจอคุณวันนี้วันแรกด้วย”
“ถ้าแบบนั้นเธออาจจะป่วยก็ได้นะแก้ว สมองคงได้รับความกระทบกระเทือนมาแหงๆ”
“ฉันคือแพทย์หญิงชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ค่ะ ฉันคือหมอขวัญ ไม่ใช่แก้วเพื่อนของคุณ ขอโทษด้วยนะคะคุณนิจนันท์” พูดจบหมอขวัญก็หันหลังทำท่าจะเดินหนีไป ทว่าเสียงเย็นๆ ของพยาบาลสาวเพื่อนสิตางค์ดังขึ้นมาชะงักฝีเท้าของคุณขวัญให้หยุดลง
“เธอจะเป็นขวัญได้ยังไง เพราะหมอขวัญ แพทย์หญิงชีวาภรณ์ ชิษณุพงศ์ น้องสาวเธอน่ะ! ตายไปตั้งนานแล้ว ฆ่าตัวตายที่นี่ด้วยซ้ำ!”
“หมายความว่ายังไง” ทั้งสิตางค์และหมอขวัญถามขึ้นมาพร้อมกัน
บอกตรงๆ นะครับว่าผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วที่จะเรียกผู้หญิงข้างกายว่าหมอขวัญ...ขณะนี้ความจริงจังจากสายตาบนใบหน้าและในความคิดของนิจนันท์ฟ้องได้ดีว่าหล่อนไม่ได้กำลังโกหก!
“น้องสาวเธอผูกคอตายในห้องทำงานที่โรงพยาบาลนี้นั่นแหละ เป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ถ้าไม่เชื่อที่ฉันพูด เธอจะไปถามใครในโรงพยาบาลนี้ดูก็ได้...หรือว่าเธอความจำเสื่อมไปแล้ว”
“ไม่จริง...ฉันไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”
หมอขวัญส่ายหน้ารัว ก้าวถอยหลังหนีนัจนันท์ราวกับหล่อนเป็นตัวประหลาด
“เธอควรไปหาหมอไพศาลนะแก้ว จู่ๆ เธอก็หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครรู้ร่องรอยของเธอเลย นี่ถ้าสิตางค์ไม่พาเธอขึ้นมากรุงเทพฯ ฉันคงยังตามหาเธอไม่เจอแน่ๆ และฉันก็คงไม่รู้ว่าเธอกำลังป่วยแบบนี้” นิจนันท์ก้าวเข้าไปหาพร้อมบอกกับหมอขวัญด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริง
“ฉันไม่ได้ป่วย! คุณจำคนผิด...ฉันยังไม่ตาย!” อีกฝ่ายยังคงก้าวหนี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหมอขวัญตะคอกเสียงดังลั่น
“แก้ว...” นิจนันท์ครางออกมาด้วยความอ่อนใจ
“ฉันต้องพาเธอไปรักษาให้ได้”
“เดี๋ยวก่อนนันท์” สิตางค์เข้าไปแตะแขนเพื่อนของเธอเบาๆ
“คุณหมอกำลังสับสน และฉันก็กำลังงงมากๆ”
“แก้วไม่ใช่หมอนะสิตางค์ ถึงที่ผ่านมาแก้วจะอยากเป็นหมอแค่ไหน แก้วก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะแก้วเป็นพยาบาล”
“วันนี้พอแค่นี้เถอะ จะเป็นหมอหรือจะเป็นพยาบาลก็ค่อยว่ากันอีกทีนะ ฉันคงต้องพาหมอขวัญของฉัน และคุณแก้วของเธอกลับไปพักก่อน เห็นไหมว่าตอนนี้เธอกำลังช็อกมาก ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันนะ” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่สิตางค์ใช้ในการล่ำลาคุณนิจนันท์ที่ยังมองตามหมอขวัญจนกระทั่งพวกเราลับสายตา
เราทั้งหมดแยกทางกับนิจนันท์ที่หน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น สิตางค์พาคุณขวัญที่กำลังช็อกสุดๆ กลับมายังโรงแรมเดิม ขณะที่คุณขวัญของผมยังเงียบอยู่ตลอดทาง
“สิตางค์ เธอรู้เรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า” ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง คนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองมาตลอดก็เอ่ยปากถาม
“สิตางค์ก็เพิ่งรู้พร้อมกับคุณขวัญนี่แหละค่ะ” คนถูกถามตอบหน้าแหย
“ทำไมฉันถึงคิดว่าตัวเองเป็นขวัญมาตลอดเลยนะ”
“แต่บางทีคุณอาจจะป่วยแบบที่นันท์บอกเราก็ได้นี่คะ” คำพูดของสิตางค์ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เราจะกลับมายังโรงแรม...
*************
ผมเริ่มไม่สบายใจกับการเงียบจนเข้าขั้นผิดปกติของคุณขวัญ เธอดูเครียด และสับสนอย่างเห็นได้ชัดทีเดียวกับสิ่งที่ได้ยินในวันนี้ และผมก็ไม่ต้องการให้เธอจมอยู่กับความทุกข์มากไปกว่านี้ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“เรื่องนั้นพักไว้ก่อนดีไหม” เมื่อทนต่อความเงียบที่ปกคลุมไปทั่วห้องไม่ไหว ผมจึงเอ่ยขึ้นมา ในตอนนี้สิตางค์เข้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนแล้ว ส่วนคุณขวัญยังนั่งนิ่งทบทวนอะไรบางอย่างอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของโรงแรม
“ขวัญ” ผมเรียกหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อเธอยังไม่หือไม่อือ
“คะ?”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราให้สิตางค์นัดนิจนันท์ออกมาถามให้รู้เรื่องก็ได้”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนลวง ขนาดตัวขวัญเอง ยังไม่รู้เลยว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ สรุปแล้วแก้วคือใคร ขวัญคือใคร ทุกอย่างมันชวนให้สับสนไปหมด” คนพูดย้อนถาม สีหน้าทั้งสับสนระคนหมดหวังจนผมรู้สึกเห็นใจเธอมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้เลยนะ ผมขอร้อง ไม่ว่าจะเป็นแก้วหรือเป็นขวัญ ยังไงคุณก็คือคุณอยู่ดี และไม่ว่าอะไรจะเป็นความลวง ความจริง ยังไงๆ ผมก็ต้องช่วยขวัญตามหาทุกอย่างจนกระจ่าง ผมไม่มีทางทิ้งคุณแน่นอน” ผมขยับเข้าไปใกล้เธอพลางทอดน้ำเสียงพูดปลอบให้อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ จากนั้นสิตางค์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนพอดี
“คุณหมออย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ รอให้พรุ่งนี้นันท์ออกเวร สิตางค์จะโทร.นัดมาคุยกับคุณหมอเอง เพราะถ้าเป็นอย่างที่นันท์พูดจริง ก็แปลว่านันท์ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับโรงพยาบาลชิษณุพงศ์พอสมควร บางทีเราอาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมนะคะ”
“ใช่ เห็นไหมว่าขนาดสิตางค์ยังคิดแบบเดียวกับผมเลย”
เมื่อสบโอกาสผมก็ไม่รอช้าที่จะผสมโรงร่วมไปกับสิตางค์
“ตอนนี้สิตางค์ว่าคุณหมอน่ะ ไปอาบน้ำให้สบายตัวและมานอนพักผ่อนเถอะค่ะ วันนี้เราเหนื่อยกันมาเยอะแล้ว นี่ก็จะเช้าอยู่แล้วด้วย ได้นอนพักสักสองสามชั่วโมงก็ยังดี”
เป๊าะ!
เสียงผมดีดนิ้วพร้อมกับขยิบตาให้สิตางค์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าหล่อนก็มองไม่เห็น
“ถูกต้องตามที่สิตางค์บอกทุกอย่างเลย และคุณก็ควรรีบปฏิบัติตามให้ว่องไวด้วย”
“สิตางค์...” หมอขวัญลุกขึ้นจากเตียง ก่อนเอ่ยเรียกชื่อเพื่อนร่วมทาง
“ถ้าหากทุกอย่างเป็นแบบที่นิจนันท์พูดจริงๆ สิตางค์จะโกรธฉันไหม ที่หลอกลวงเธอมาตลอดเลย”
“โธ่...สิตางค์จะไปโกรธคุณหมอได้ยังไงคะ คุณหมอไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย ตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิตางค์ก็จะขอช่วยเหลือคุณหมอให้ตลอดรอดฝั่งค่ะ ตอนแรกก็ยอมรับว่าทำเพราะกลัวผีนะคะ แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่สิตางค์พร้อมจะทำมันมาจากฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งค่ะ ที่อยากจะช่วยเหลือคุณหมอให้สำเร็จจริงๆ”
“ขอบใจมากเลยนะจ๊ะสิตางค์”
ผมเห็นสองสาวยิ้มให้แก่กัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นก็คือสายใยแห่งมิตรภาพที่เริ่มถักทอหนาขึ้น หนาขึ้น ตามความห่วงใย ความจริงใจ ที่ต่างฝ่ายต่างส่งต่อให้กันและกัน
*************
เอาใจช่วยนางเอกของเราด้วยนะคะ T^T
สำหรับบทที่ 12 จะเป็นบทสุดท้ายที่ทีมงานจะลงให้อ่านกัน ซึ่งก็คือเหลืออีกหนึ่งตอนย่อยเท่านั้น ที่เหลือตามต่อกันในเล่มได้เลยน้าาาา
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2561, 12:05:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2561, 12:05:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 514
<< สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า (หมดเขตสิ้นปีนี้) | บทที่ 12 นาฏกรรมแห่งความลวง (60%) >> |