ฤารักมิอาจเลือน
เมื่อโชคชะตานำพาให้เจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งเตกีร์ มาพบกับหญิงสาวที่มีปมในใจอย่างเจนจิรา ฤารักครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร

เจ้าชายแห่งรัฐเตกีร์พยายามจับร่างที่กำลังดิ้นรน ความโกรธทำให้พระองค์ออกแรงบีบต้นแขนเนียนจนแน่น

“โอ๊ย...” เจนจิราครางด้วยความเจ็บปวด

เสียง ร้องของหญิงสาวทำให้ราชนิกูลหนุ่มรู้สึกตัวและคลายมือออก และนั่นก็เป็นโอกาสของเธอ ระยะประชิดเช่นนี้ เจนจิรางอหัวเข่าตีที่หน้าท้องแบนราบของอีกฝ่ายทันที

เพราะคิดไม่ถึงและไม่ทันตั้งตัว เจ้าชายหนุ่มตัวงอผงะถอยไปด้านหลัง หญิงสาวพุ่งตัวเข้าไปในลิฟต์อีกครั้งก่อนกดมันปิด

“โธ่เว้ย!”

เสียงเข้มสบถลั่น! ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่หญิงสาวมอบให้ แต่ด้วยความเจ็บใจต่างหาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเจ้าชายราซัค ทรงเค้นเสียงในลำคอ

“เราต้องเจอกันอีกแน่นอน เจนจิรา!”

ราคาหน้าปก 199.- บาท พิเศษวันนี้เพียง 159.- สั่งได้ที่แพรพริมา
อ่านตัวอย่างนิยายคลิกที่รูปเล่มได้เลยค่ะ ^^
Tags: รัก หวาน ชิงบัลลังก์

ตอน: บทที่ 1

เริ่มซึมซับ...สีสรร



สภาพเทือกเขาใหญ่น้อยมากมาย หมู่ต้นไม้หนาทึบเรียงราย มองเห็นเป็นสีเขียวเข้มอ่อนแก่สลับสวยงามดั่งภาพวาด และ ณ กลางวงล้อมของกำแพงธรรมชาตินี้ ปรากฏพื้นที่ราบของรัฐอิสระเล็กๆ ‘รัฐเตกีร์’ ซึ่งมีวัฒนธรรม และการปกครองเป็นของตัวเอง

ความสวยงามท่ามกลางเทือกเขาโอบล้อมของ ‘รัฐเตกีร์’ ไม่ได้เป็นเพียงอาหารตาเท่านั้น แต่มันยังคงคุณค่ามหาศาล ไม่ว่าจะเป็นด้านของความอุดมสมบูรณ์ในดิน น้ำ หรือป่าเขา ที่มิเคยถูกทำลาย ทว่ายังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้เกือบทุกกระเบียด

หรือในด้านมูลค่า เพราะการสั่งสมทับถมของชั้นดินภูเขาไฟ ที่ดับมาหลายร้อยปีแล้ว และปราศจากการรบกวนของมนุษย์ ทำให้ ‘รัฐเตกีร์’ เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ตกผลึกอัญมณีอันมีค่า และบริสุทธิ์ที่สุดในสายตามนุษย์ สิ่งนั้นก็คือ “เพชร”

วีถีชีวิต ความเป็นอยู่แบบพอเพียงของประชากรจำนวนไม่มาก การปลูกฝังจิตสำนึกให้รักษ์ธรรมชาติจากรุ่นสู่รุ่นที่ดำเนินต่อกันมา การปกครองที่มีเจ้ารัฐผู้ทรงธรรม เป็นผู้บริหารทุกอย่างอย่างเท่าเทียม ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทุกคนที่นี่จึงไม่สนใจในสิ่งที่กินไม่ได้

นั่นทำให้ ‘ชาวเตกีร์’ อยู่กันอย่างสงบสุข

แต่ทุกสิ่งในโลกย่อมมีข้อยกเว้น ไม่มีแห่งหนใด ที่ไม่หลบซ่อนมุมมืดเอาไว้ และที่นี่ก็เช่นกัน



**************************************



ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ถูกแบ่งส่วนออกจากโรงนาขนาดไม่ใหญ่นัก ฝาผนังห้องใช้ไม้เก่า ๆ ตีกั้น พอให้เห็นเป็นสัดส่วน บรรยากาศภายในนั้นดูมืดสลัว มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ลางๆ

อากาศโดยรอบ ในขณะนี้ค่อนข้างเย็น เพราะฝนเพิ่งหยุดตก ฝาห้องส่วนที่ติดกับผนังโรงนา มีน้ำซึมเป็นหย่อมๆ ความชื้นทำให้กลิ่นหมักหมมของมูลสัตว์คละคลุ้งไม่ชวนหายใจนัก แต่เด็กหนุ่มอายุประมาณ14 ปี กลับยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนั้น เส้นผมสีเข้มหยักศก รุงรัง ไม่เป็นทรง สายตาที่มองภาพตรงหน้า เต็มไปด้วยความรวดร้าว

ผู้หญิงวัยกลางคนนอนจมอยู่บนเตียงสกปรก ผ้าห่มสีน้ำเงินเก่า ๆ คลุมยาวตลอดร่าง ลักษณะกระเพื่อมไหวของผ้า ทำให้รู้ว่าเธอกำลังสั่น ภายใต้ผ้าผืนนั้นมีคำพูดแผ่ว ๆ งึมงำ ฟังไม่ได้ศัพท์

เสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของประตูโรงนา ทำให้เด็กหนุ่มขยับ เขามองชายชราผมสีดอกเลาซึ่งถือกระเป๋าใบใหญ่ ที่กำลังเดินตรงมาหาพลางบ่น

“กลิ่นแรงน่าดูเลย”

คำพูดนั่นทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ด้วยความรู้สึก ‘โกรธ’ ไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายแสดงความรู้สึก แต่โกรธสภาพความเป็นอยู่ที่น่าสมเพชของตัวเองมากกว่า

ความรู้สึกเช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้จิตใจของเขาชินชา เด็กชายยังรู้สึกเจ็บทุกครั้ง ที่คิดถึงสภาพชีวิตของตนเองกับแม่ ยิ่งได้ฟังมารดาบรรยายถึงสภาพที่สมควรจะเป็นของตัวเอง ในจิตใจของเขาก็ยิ่งรู้สึก ‘เจ็บ’ มากขึ้นทุกวัน

ผู้เดินเข้ามาไม่ได้สนใจต่ออารมณ์ของอีกฝ่าย เขาคล้ายคนที่ต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จๆ แล้วจะได้รีบไป ท่าทางวางกระเป๋าหยิบอุปกรณ์การแพทย์ขึ้นมา ดูคล้ายหมอรักษาโรค แต่เด็กชายรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นเพียงหมอยาชาวบ้านคนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงส่งเสียงดังถาม

“มาหาใคร!”

ชายชรายังตั้งใจจะทำหน้าที่ให้เสร็จ ๆ เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่ง ปลดล๊อกกระเป๋าเสียงดัง ‘ปึก!’ หยิบอุปกรณ์การแพทย์ออกมา พร้อมบอกว่า

“มีคนบอกว่าที่นี่มีคนป่วย”

เด็กหนุ่มตามมาใกล้ ๆ

“ใครบอก!”

ชายที่นั่งใช้หูฟังเสียบเข้าที่หู และเอื้อมมือจะดึงผ้าห่มออกจากร่างที่สั่น เด็กหนุ่มถลันเข้ามาผลักอกเขาอย่างแรงทันที

“อย่าแตะต้องแม่! ใครให้แกมา!”

ชายชรา ร่วงลงจากเก้าอี้กระแทกพื้นปูนสกปรก ความเจ็บทำให้เขาสบถ “โธ่เว้ย!” ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นพร้อมชี้หน้าเด็กหนุ่ม

“ไอ้ขี้ครอก! คุณอิริคเจ้าของที่นี่ เขาขอให้ฉันมาดูแม่ของแก กลัวจะมาตายในบ้านของเขา ทำไม! แกสองคนยังกลัวใครเขามาวางยาพิษแกอีกหรือไง โธ่เอ๋ย! พวกแกมีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง”

ชายชราทำสีหน้าดูถูก มือเก็บอุปกรณ์เมื่อครู่กลับเข้าที่เดิม “ถ้าพวกแกดีขนาดนั้น ระเห็จมาลำบากแบบนี้ทำไมกัน ปัดโธ่เอ๋ย!” เขาคว้ากระเป๋าเดินกระเผลก ๆ ออกจากที่นั่นทันที

เด็กชายมองตามด้วยสายตาก้าวร้าว ก่อนมีแววอ่อนลงเมื่อนั่งข้าง ๆ มารดา

“แม่ครับ!” เขาเรียกเบาๆ และมีเสียงครางตอบรับมาจากร่างบนเตียง “พวกนั้นจะมาทำร้ายแม่ใช่ไหม? พวกเขาไม่อยากให้เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์อีกใช่ไหม? แม่เคยเล่าให้ผมฟังแบบนั้น พวกเขากีดกันแม่กับผม ใช่ไหมครับ?”

มารดายื่นมือสั่นเทามาจับบุตรชายไว้ ลักษณะที่นางขยับ เหมือนการบีบมือเบา ๆ และในความรู้สึกของเด็กหนุ่มนั่นคือการยืนยัน เขาดึงผ้าห่มออกจากร่างบนเตียง

ร่างผอมเกร็ง สั่นน้อย ๆ ในชุดสีกระดำกระด่างซึ่งปะชุนหลายต่อหลายที่ ทำให้เขารู้สึกเสียดแทงหัวใจยิ่งนัก เด็กหนุ่มยกมือผอม ๆ ของมารดาขึ้นแนบแก้ม มองริมผีปากที่เหมือนอยากจะพูดบางอย่าง

แต่ยังไม่ทันได้บอกอะไร เสียงฝีเท้าคนหลายคนวิ่งเข้ามาในโรงนา รวมทั้งผู้ชายวัยกลางคน ผอมสูง แต่งตัวดีที่เด็กชายเคยคุ้นหน้ามาแต่เยาว์ เขาปรากฏกายพร้อมเสียงร้องลั่น

“มาเรีย! น้องของพี่” ชายผู้นั้นวิ่งเข้ามา กอดร่างผอมของผู้หญิงบนเตียง และพร่ำพรรณาด้วยความเสียใจ “เจ้าหนีมาทำไม หนีพี่มาทำไม”

เด็กชายมองผู้เข้ามาใหม่พร้อมเรียก “ลุงมินอล”

มินอลใช้มืออีกข้างรวบหลานชายไว้ พร่ำถามน้องสาวอย่างไม่เข้าใจ

“พาลูกมาลำบากทำไม รู้ไหมทุกคนเป็นห่วงมาก”

แต่เมื่อได้ฟังดังนี้สีหน้าคนป่วยกลับมีแววเจ็บแค้น มือที่แทบไม่มีแรงของเธอยกขึ้นกุมหน้าอกผอมแห้งอย่างเจ็บปวด ก่อนเปล่งเสียงแหบพร่า “เขาด้วย.....ใช่ไหม”

พี่ชายชะงักนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ

“พระองค์ทรงเป็นห่วงเจ้ามากเช่นกัน ทรงให้พี่ตามหาและพาเจ้ากลับให้ได้”

“ไม่!” มาเรียเค้นเสียงทันที ระล่ำระลักคำพูดกระท่อนกระแท่นออกมา “น้องอยากให้........เขารู้สึกผิด.....ให้เขารู้......เขานั่นแหละ..........ที่ฆ่าน้อง”

มินอลสั่นศีรษะ ไม่เห็นด้วยในความคิดของน้องสาว “แต่เจ้า.........ไม่น่าพาลูกมาลำบาก”

“ผมไม่ลำบาก!” เด็กหนุ่มพูดขึ้นทันที แม้ว่าประโยคนี้จะตรงข้ามกับความจริงนัก แต่เขาก็ไม่อยากให้ลุงตำหนิแม่อีก

มารดาและเขา เคยอาศัยอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้ แม้จะไม่หรูหรา มีเกียรตินัก แต่ก็ไม่ลำบากลำบนอะไร แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี ในวันที่แม่ได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งส่งมาจากวังเตกีร์ นางก็โมโหโกรธาจุดไฟเผากระดาษแผ่นนั้นทันที และพาเขาหนีออกมา ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘จดหมายฉบับนี้ คือคำปฏิเสธของพ่อเจ้า ที่จะรับลูกกลับเข้าราชวงศ์ แม่จะทำให้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่านี้อีก คอยดู!’

และจากนั้นเขาก็ต้องผจญกับความยากจนข้นแค้น ซุกหัวนอนในโรงนาเก่า ๆ รับฟังสิ่งที่แม่บอกซ้ำ ๆ เช่นวันนี้ วันที่นางใกล้จะถึงวาระสุดท้าย

ร่างผอมแห้งบนเตียงส่งมือสั่นเทาให้ลูกชายอีกครั้ง เด็กหนุ่มจับมือนั่นไว้ ฟังเสียงแผ่ว ๆ ติดขัดของมารดา

“ต้อง..........เอาคืนมา...........มันเป็น...............ของลูก.........ทั้งนั้น”

เธอหยุดหายใจก่อนยกมือขึ้นห้ามพี่ชายที่ทำท่าจะขัด พร้อมพยายามส่งเสียงขาดห้วงต่อไป “พี่ต้อง.....ช่วยหลาน” มาเรียมองหน้าบุตรชายอย่างอ่อนเพลีย

“ถึงแม่ตาย..........แต่เจ้า............” เสียงกระอัก เหมือนกำลังจะขาดลมหายใจ ทำให้ลูกชายผวากอดร่างมาดาไว้ พร้อมร้องไห้

“พอแล้วแม่ ไม่ต้องพูดแล้ว!”

แต่ร่างผอมซูบไม่ยอม นางพยายามยกมือซีดเซียวขึ้นจับใบหน้าลูกชาย “ไม่.......ไม่......เราต้องได้” ลมหายใจเธอสะดุดลงอีกครั้ง เสียงครึก ๆ ในคอเหมือนบางอย่างกำลังจะเอ่อล้นออกมา มือผอม ๆ กระตุกจนต้องจับปกเสื้อของลูกชายไว้แน่น ก่อนเค้นคำสุดท้าย พร้อมก้อนโลหิตมากมายทะลักริมฝีปาก

“........บัลลังก์”

เด็กชายเห็นดังนั้นก็ตกใจ หัวใจของลูกที่มีเพียงแม่แทบแหลกสลาย เสียงแผดร้องก้อง

“แม่!!!”



นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐอันสงบสุขนี้ นานหลายปีมาแล้ว................



มีคนบอกว่า ‘เด็กก็เหมือนกับผ้าขาว ถ้าท่านต้องการให้ผ้าซึมซับสิ่งใด ก็ให้เอาสิ่งนั้นเติมใส่ผืนผ้าทุก ๆ วัน เหตุเพราะมันจะค่อย ๆ แทรกซึม ฝังแน่น จนกระทั่งต่อมาไม่ว่าจะพยายามทำความสะอาดสักเพียงใด ก็ยากที่จะทำให้สิ่งนั้นหมดไปได้’



******************************









แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2554, 11:43:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2557, 14:23:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1941





อัปสรา 17 ส.ค. 2554, 12:32:17 น.
ติดตามอย่างรวดเร็วค่ะน่าสนใจมาก


แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 12:33:53 น.
ขอบคุณคร่าน้องนก แบบว่ายังไม่มีนิยายใหม่ ก็เอานิยายเก่ามาช่วย สนพ.ขายไปก่อน อิอิ


Zephyr 17 ส.ค. 2554, 13:05:08 น.
อ่าว ไมให้ฟาโรห์เจอก่อนเจ้าชายล่ะคะ อย่างนี้เจ้าชายก็มาทีหลังสิคะ ฟาโรห์ต้องแห้วแน่เลยอ่ะ อ่านจากคำโปรย เฮ้อ น่าสงสารเนอะ ^^ คุณแพรมาทำให้อยากอีกแล้ว ตอนไปร้านหนังสือเห็นแว้บๆเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนแต่งเดียวกันกับคุณแพร เดี๋ยวไปสอยมาก่อนนะคะ


แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 13:24:57 น.
ขอบคุณมากคร่า คุณ Neferretti เป็นผลงานที่ภูมิใจเสนอ (อีกแล้ว) ค่ำ อิอิ


แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 13:26:25 น.
หาซื้อไม่ได้สั่งที่ผุ้เขียนได้นะคะทุกคน ลดจาก 199 เหลือแค่ 159.- เท่านั้นค่ะ ^^ ขายอีกแระ อิอิ


หมูอ้วน 17 ส.ค. 2554, 13:55:37 น.
พี่แพรลงเรื่องนี้ให้อ่าน 4 ตอนเท่านั้นใช่ป่าวค่ะ
ราคาพิเศษอย่างนี้ต้องสั่งซื้อกับพี่แพรซะแล้วสิค่ะ ฮิ...(ขายเก่งนะเนี่ย)


จิรารัตน์ 17 ส.ค. 2554, 14:22:59 น.
ใครแอบมาขายของกันเนี้ยะ


แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 15:44:00 น.
แหมพี่จิรารัตน์ แบบหนูเป็นนักเขียนเล็กๆ (จริงๆ ตัวใหญ่ค่ะ55+) ต้องช่วย สนพ.ทำมาหากินค่ะ อิอิ

หมูอ้วนจ๋า พี่เป็นตัวกลางติดต่อสนพ.ให้น๊า แต่ไม่ต้องห่วง บก.กรีนใจดีจ๊ะ ราคาพิเศษแบบนี้ให้ได้อยู่แล้ว ^^

สนใจฝากข้อความไว้หรือส่งจดหมายน้อยไปหาที่ตู้จดหมายก็ได้นะคะ


Siang 17 ส.ค. 2554, 15:51:31 น.
สนใจจะสั่งซื้อค่ะ ส่งจดหมายไปให้แล้วนะคะ


แพรพริมา 17 ส.ค. 2554, 15:55:18 น.
ได้รับแล้วจร้า ส่งเลขที่บัญชีไปให้แล้วนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account