มาลีเริงไฟ: รังสี(วิรัตต์ยา) ปลายปากกาสำนักพิมพ์
‘ญานีน’ ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า แก้แค้น แต่งงาน สลับตัว เล่นของ
ตอน: บทที่ 11 -100%
วิญญูกล่าวเปิดงาน กล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานตลอดจนนักข่าว ตามมาด้วยการแสดงวิสัยทัศน์ของสถานีต่อพนักงานทุกคน จากนั้นจึงเปิดโอกาสให้ลูกสาวทั้งสองกล่าวอวยพร โดยพิธีกรเลือกยื่นไมโครโฟน ให้ ‘ญานีน’ ก่อน
“เป็นปีแรกที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นเวทีกับคุณพ่อ ตื่นเต้นมากค่ะ ท่องสคริปต์มาอย่างดี แต่ตอนนี้ลืมหมดเลย”
วิรัลยาปล่อยมุกด้วยน้ำเสียงสดใส เรียกเสียงหัวเราะจากพนักงานได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งอัคนีด้วย
“ยิหวาขอให้คุณพ่อมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง อยู่กับพวกเราไปนานๆ นะคะ แล้วก็ต้องขอบคุณมากจริงๆ ค่ะที่ให้เกียรติยิหวาทั้งเรื่องวันนี้ ทั้งเรื่องงาน ยิหวาสัญญาค่ะว่าจะทำให้ละครของเราเพิ่มเรตติ้งให้กับช่องให้ได้ และยิหวาก็ต้องขอฝากตัวกับพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ ไม่อยากให้คิดกันว่ายิหวาเป็นลูกสาวคุณพ่อ แต่อยากให้มองยิหวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ยังอ่อนประสบการณ์ เตือนได้ แนะนำได้ สอนงานได้ ด่าได้ แต่อย่าแรง ขอบคุณค่ะ”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวเมื่อหญิงสาวพูดจบ พิธีกรซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานของช่องรับไมโครโฟนคืนมาแล้วเอ่ยว่า
“ขอบคุณคุณยิหวามากครับ ผมคิดว่าคุณคิดผิดแล้วละที่บอกให้พนักงานด่าได้ คนพวกนี้ปากไม่เบานะครับ” เขาแซวเพื่อนร่วมงานเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้เป็นกันเองและสนุกสนานยิ่งขึ้น
“คนต่อไปที่จะอวยพร เป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสาวคนเก่งอีกคนของท่าน ซึ่งเธอคนนี้ประสบอุบัติเหตุ และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นาน แต่ตอนนี้หายป่วยแล้ว หายทันวันเกิดของท่าน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณหนึ่ง วิรัลยาด้วยครับ”
คราวนี้เสียงปรบมือดังหนาหูกว่าเมื่อครู่นี้ คงเพราะพนักงานต่างก็รักและรอคอยการกลับมาของวิรัลยา เจ้านายที่พวกเขารักและศรัทธานั่นเอง
“สวัสดีค่ะ...เอ่อ...คือ...ว่า...” ญานีนออกอาการอึกอักคล้ายคนประหม่า และนั่นก็ทำให้วิรัลยายิ้มเยาะ
หล่อนจำได้ว่าญานีนเกลียดการอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ เกลียดการแสดงความคิดเห็น เพราะจะทำให้คนรู้ว่าเจ้าหล่อนโง่ เป็นตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแล้ว ขณะที่หล่อนได้รับเสียงชื่นชมในวิชาการสื่อสาร ญานีนเกือบตก และครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
ที่ด้านล่าง ไอศูรย์ลุ้นและเอาใจช่วยเจ้านายของตนจนตัวโก่ง เขาพยักหน้าให้หล่อนเมื่อเห็นความไม่มั่นใจนั้น ส่วนอัคนีมองหล่อนตาแทบไม่กะพริบ
“ก็...ก็...จะไม่ขอพูดเยอะนะคะ...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อหันไปทางบิดา
“คุณพ่อคะ...เมื่อไหร่จะยกสถานีให้หนูคะ” แล้วหล่อนก็หัวเราะสนุกใส่ไมโครโฟน ขณะที่ทุกคนมีอาการตาโตอย่างไม่อยากเชื่อหู มีแต่วิญญูเท่านั้นที่หน้าซีด ไม่คิดว่าลูกสาวจะกล้าขอต่อหน้าคนเยอะๆ ขนาดนี้ ชายวัยกลางคนกวาดตาไปยังด้านล่างเวทีคล้ายมองหาใครบางคน แล้วเขาก็เห็นและได้สบตากันพอดี อันทำให้ร่างของเขาเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ
เจิมจันทร์ อดีตแม่ยายของเขาก็มาร่วมงานด้วย!
แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เยาะหยัน และหมายมาด
“หนูล้อเล่นค่า...นี่ไม่ตลกกันเหรอคะ” จากนั้นหล่อนก็หัวเราะอีกด้วยเสียงแหลมเล็ก อันทำให้ทุกคนยิ่งอึ้ง โดยเฉพาะไอศูรย์ผู้ซึ่งสอนงานหล่อนมา สอนกระทั่งบทพูดที่จะพูดบนเวที
‘ทุกคนรักคุณอยู่แล้ว คุณแค่ฝากเนื้อฝากตัวและบอกว่าจะกลับมาตั้งใจทำงานเหมือนเดิม เท่านั้นก็ได้ใจพนักงานแล้ว’ ไอศูรย์พูดกับเจ้านายสาวไว้ตอนที่คุยโทรศัพท์สอนงานกัน
อีกทั้งก่อนถึงวันงาน ไอศูรย์ก็ให้หล่อนลองฝึกพูดให้เขาฟังอยู่ตั้งหลายรอบ ถึงแม้จะดูไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เขาก็ว่าหล่อนน่าจะยังพอจำได้บ้าง แต่นี่อะไร คำพูดเหล่านั้นหายไปไหนหมด ท่าทางประหลาดๆ เหมือนคนเมาแบบนั้นมาจากไหนกันเนี่ย
“มีอะไรจะพูดอีกไหมครับคุณหนึ่ง...” พิธีกรถามขึ้นหวังช่วยแก้ไขสถานการณ์
“ทำไม จะไล่ฉันลงจากเวทีแล้วหรือไง” หล่อนย้อนกลับด้วยน้ำ เสียงโกรธเกรี้ยว
“ฉันคือวิรัลยา ลูกสาวคนโปรดของคุณพ่อนะ คนที่ทำกำไรให้สถานีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ลืมกันไปแล้วหรือไง”
“ซวยแล้ว คุณหนึ่ง”
ไอศูรย์ครางชื่อนั้นอย่างเหลือใจ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเวทีเสียเอง ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของบรรดาพนักงาน
“ลงไปข้างล่างกับผมนะครับคุณหนึ่ง”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยน หยิบไมโครโฟนยื่นให้พิธีกร ก่อนพาร่างแบบบางออกเดิน ซึ่งต้องผ่านวิรัลยาด้วย
“คงต้องฝึกกันนานหน่อยนะ คุณไอศูรย์” วิรัลยาเอ่ยเสียงเยาะ มองหญิงสาวในวงแขนเขาด้วยความสมเพช
ขณะนั้น ญานีนกลับอมยิ้มน้อยๆ ด้วยความพึงพอใจและไม่ตอบโต้อะไร ยอมเดินตามไอศูรย์ไปโดยง่ายดาย
“คุณหนึ่งขา เป็นอะไรไปคะเนี่ย ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ” นักข่าวของช่องที่ชื่อหมอกกรากเข้ามาหา ‘เจ้านายของตน’
“พวกเราอุตส่าห์เอาใจช่วย อุตส่าห์ดีใจที่คุณกลับมา”
“ฉันคงสู้คุณยิหวาไม่ได้เลยสินะ” ญานีนแสร้งทำเสียงเสียใจ
“ต้องยอมรับจริงๆ ว่าวันนี้คุณยิหวาพูดดีมากค่ะ เอาจริงๆ นะคะ คุณยิหวากลับมารอบนี้ ทำดีมากๆ เลยค่ะ”
ญานีนแค่พยักหน้ารับรู้ ดี! ขอบใจนะหนึ่ง ที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันดีขึ้น ส่วนฉัน สัญญาด้วยชีวิตว่าจะทำให้ชื่อวิรัลยาป่นปี้เสียหายเอง!
“อย่าเพิ่งกวนคุณหนึ่งเลยนะหมอก ผมขอพาคุณหนึ่งไปพักก่อน”
ไอศูรย์ตัดบท แล้วประคองหญิงสาวผละออกมา
“ฉันไม่ได้เหนื่อยเลยสักนิด จะพาฉันไปไหนคะเนี่ย”
“ไปจูนสมอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเชิงระอา แต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วง
“มันดูแย่มากเลยใช่ไหมคะ” ญานีนยังแสร้งถามเสียงอ่อย
“มากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักคุณมาเลยล่ะ”
ญานีนลอบยิ้มสะใจ ก่อนทำหน้าเศร้าใส่เขา “ขอโทษค่ะ ฉันตื่นเต้น ตาลาย ก็เลยสติแตกมากไปหน่อย...แต่ฉันสัญญานะคะว่า จากวันนี้ฉันจะเรียกศรัทธาจากพนักงานกลับมาให้ได้”
ไอศูรย์พยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงเดินตามกันมายังด้านนอกห้องจัดงาน ซึ่งมีระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ชัด สายลมยามค่ำพัดมาเป็นระยะ ญานีนสูดลมหายใจด้วยความปลอดโปร่งมากขึ้น
“คุณรอผมอยู่ตรงนี้นะ ผมจะไปหาเครื่องดื่มมาให้”
“ขอบคุณค่ะ ไอซ์”
ไอศูรย์เดินจากไปแล้ว ญานีนระบายลมหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ถึงจะยังเป็นใบหน้าของวิรัลยาอยู่ก็เถอะ
“วันนี้แกทำได้ดีมาก” เสียงยายดังขึ้นด้านหลัง ญานีนรีบหันไปยิ้ม ขณะที่เจิมจันทร์เอ่ยต่อ “เมื่อกี้ฉันเดินผ่านมา คนชื่นชมยิหวากันใหญ่ ส่วนวิรัลยานะเหรอ โดนเมาท์ว่านอนนานก็เลยสมองฝ่อ”
ญานีนหัวเราะสะใจ “ดีค่ะ ให้ยายหนึ่งมันหลงลำพองไปเถอะ มันทำดีให้หนูไม่รู้ตัว และกว่ามันจะรู้ว่าหนูตั้งใจทำลายชื่อเสียงของมัน ก็ตอนที่มันกลับมาเป็นมันตัวจริงเสียงจริงไปแล้ว...ส่วนหนูก็จะกลายเป็นญานีนตัวจริงที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ”
“อย่าใจอ่อนให้ผัวแกล่ะ เดี๋ยวที่ลงทุนมาทั้งหมดจะเสียเปลา ฉันไปก่อน แกมีอะไรก็โทร.หาฉันแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะคุณยายที่มาให้กำลังใจหนู...ว่าแต่ จี้ที่คุณยายบอกว่ามีผีพรายคอยรายงานความเคลื่อนไหวของยายหนึ่งนั่น ให้มันเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“ให้แล้ว มันใส่ไว้ที่คอนั่นไง...” คนเป็นยายยิ้มพอใจ
“นังเด็กนั่นไม่เฉลียวใจแม้แต่นิดเดียว”
ขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางที่หล่อนกับยายเจิมจันทร์กำลังพูดคุยกันอยู่ หญิงชราจึงผละจากไปอย่างรวดเร็ว ญานีนเองก็หันหน้ามองวิวด้านนอกตามเดิม
ครู่ต่อมาฝีเท้านั้นก็หยุดอยู่ด้านหลังหล่อน หญิงสาวไม่ได้หันไปมองทันที หล่อนปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นวิรัลยาเรียบร้อยแล้วถึงเอ่ย
“ยังไม่รีบเอาน้ำมาให้ฉันอีก หิวจะแย่อยู่แล้วนะคะ”
จบคำนั้น แก้วบรรจุน้ำสีอำพันก็ถูกยื่นมาตรงหน้า และการขยับตัวของเขาก็ทำให้ญานีนได้กลิ่นน้ำหอม...กลิ่นนั้น...อีกครั้ง
หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความแปลกใจ
“พี่เดี่ยว...มาได้ยังไงคะ” หล่อนถามพลางเหลียวหาไอศูรย์
“คุณไอซ์เขาติดคุยธุระกับผู้ใหญ่น่ะ พี่เลยอาสาเอาน้ำมาให้แทน” อัคนีว่าพลางยื่นแก้วน้ำมาให้อีกครั้งเมื่อเห็นหล่อนไม่ยอมรับเสียที
ญานีนยื่นมือที่สั่นน้อยๆ ไปรับแก้วน้ำสีอำพันจากมือเขา
“มีอะไรจะคุยกับหนึ่งคะ อ๋อ หรือจะตำหนิที่หนึ่งทำทุเรศๆ บนเวที ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องหรอกค่ะ พนักงานวายอีเอสทำหน้าที่แล้ว”
“มันน่าตกใจมากจริงๆ...เอ่อ หนึ่งแน่ใจนะว่าโอเคแล้ว”
“ทำไมคะ จะจับหนึ่งโยนลงบนเตียงอีกเหรอคะ” ญานีนย้อนถามเสียงสั่น ความโกรธแล่นริ้วไปทั่วร่าง
“โยนลงบนเตียง หมายความว่าไง? หนึ่งพูดเหมือนพี่เป็นคนทำให้หนึ่งเป็นแบบนั้น?”
“ก็หรือไม่จริงคะ...แต่ก็ช่างเถอะ คนอย่างพี่เดี่ยว ถ้าไม่มีหลักฐานก็คงไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ...ว่าแต่มายืนคุยกับหนึ่งแบบนี้ เมียคนสวยของพี่ไม่ตามหาแย่เหรอคะ”
“เขาคุยติดพันอยู่กับคุณหญิงเดือนน่ะ อีกอย่าง ยิหวาเป็นคนมีเหตุผล การที่พี่มาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบน้องสาว ก็เป็นเรื่องปกติ”
ญานีนเหยียดปาก ยิหวาเป็นคนมีเหตุผล แต่ไม่มีความดีความน่ารักมากพอให้เขารักสินะ เขาถึงทำร้ายหล่อนรุนแรงขนาดนี้
“ค่ะ...แล้วเป็นไงคะชีวิตคู่ของพี่ตอนนี้ สุขสบายดีใช่ไหมคะ”
“ดีสิ ดีมากด้วย หนึ่งคงไม่รู้ว่ายิหวาเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นมาก”
หญิงสาวหันไปทางอื่นเพื่อข่มความเจ็บปวดและความโกรธไม่ให้ไหลทะลักออกมา...ผิดจากที่วิรัลยาบอกหล่อนวันเกิดอุบัติเหตุเสียที่ไหน เขาไม่มีวันรักผู้หญิงโง่ๆ สมองนิ่มเหมือนเยลลี่อย่างหล่อนได้หรอก น่าสมเพชตัวเองเสียนี่กระไรที่เคยคิดว่าเขามีใจให้
“ดีใจด้วยค่ะ ดีใจที่เขาไม่ระแวงพี่เรื่องของเราแล้ว เขาคงเปิดใจรักพี่ได้เต็มหัวใจมากขึ้นใช่ไหมคะ”
อัคนีผงกศีรษะรับ “ใช่จ้ะ”
ญานีนฝืนยิ้ม “และงานวันนี้ก็คงเป็นการแสดงความรักในแบบของเขาใช่ไหมคะ”
“หนึ่งหมายถึงเรื่องไหนจ๊ะ”
“ก็สถานที่จัดงานนี่ไงคะ เขาเป็นคนเลือกสถานที่กับธีมงานใช่ไหมคะ...นี่มันห้องจัดเลี้ยงตอนพี่กับเขาแต่งงานกัน แถมธีมก็ยังเป็นสีเขียวเหมือนกันอีกด้วย”
อัคนีชะงักครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบา “ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งจะจำได้”
“ทำไมคะ อย่าบอกนะคะว่านัง เอ่อ..ยายยิหวาจำไม่ได้” หล่อนย้อนถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
คราวนี้ชายหนุ่มเงียบ แต่มองหล่อนนิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ญานีนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ดูหนึ่งแปลกๆ ไป...”
“จริงๆ ต้องบอกว่าเปลี่ยนไปจะตรงกว่าค่ะ ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ...และเครื่องดื่มสีนี้ก็ไม่ใช่เครื่องดื่มที่ผู้หญิงคนนี้ชอบอีกแล้ว” พูดจบหล่อนก็เทเครื่องดื่มดังกล่าวลงพื้น
“ผู้หญิงคนนี้เป็นอิสระจากความลุ่มหลงที่มีต่อคนเลวๆ คนหนึ่งแล้วค่ะ”
ญานีนตบท้ายคำพูดด้วยการปล่อยแก้วให้หลุดมือ แก้วใบบางกระทบพื้นแข็งๆ ก็แตกกระจาย ยากเกินจะกอบมันขึ้นมาประสานให้เป็นดังเดิม จากนั้นหล่อนก็เดินเชิดหน้าจากมาและไม่เหลียวหลังกลับไปมองเขาอีกเลย
“เป็นปีแรกที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นเวทีกับคุณพ่อ ตื่นเต้นมากค่ะ ท่องสคริปต์มาอย่างดี แต่ตอนนี้ลืมหมดเลย”
วิรัลยาปล่อยมุกด้วยน้ำเสียงสดใส เรียกเสียงหัวเราะจากพนักงานได้ระดับหนึ่ง รวมทั้งอัคนีด้วย
“ยิหวาขอให้คุณพ่อมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง อยู่กับพวกเราไปนานๆ นะคะ แล้วก็ต้องขอบคุณมากจริงๆ ค่ะที่ให้เกียรติยิหวาทั้งเรื่องวันนี้ ทั้งเรื่องงาน ยิหวาสัญญาค่ะว่าจะทำให้ละครของเราเพิ่มเรตติ้งให้กับช่องให้ได้ และยิหวาก็ต้องขอฝากตัวกับพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ ไม่อยากให้คิดกันว่ายิหวาเป็นลูกสาวคุณพ่อ แต่อยากให้มองยิหวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ยังอ่อนประสบการณ์ เตือนได้ แนะนำได้ สอนงานได้ ด่าได้ แต่อย่าแรง ขอบคุณค่ะ”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวเมื่อหญิงสาวพูดจบ พิธีกรซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานของช่องรับไมโครโฟนคืนมาแล้วเอ่ยว่า
“ขอบคุณคุณยิหวามากครับ ผมคิดว่าคุณคิดผิดแล้วละที่บอกให้พนักงานด่าได้ คนพวกนี้ปากไม่เบานะครับ” เขาแซวเพื่อนร่วมงานเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้เป็นกันเองและสนุกสนานยิ่งขึ้น
“คนต่อไปที่จะอวยพร เป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสาวคนเก่งอีกคนของท่าน ซึ่งเธอคนนี้ประสบอุบัติเหตุ และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่นาน แต่ตอนนี้หายป่วยแล้ว หายทันวันเกิดของท่าน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณหนึ่ง วิรัลยาด้วยครับ”
คราวนี้เสียงปรบมือดังหนาหูกว่าเมื่อครู่นี้ คงเพราะพนักงานต่างก็รักและรอคอยการกลับมาของวิรัลยา เจ้านายที่พวกเขารักและศรัทธานั่นเอง
“สวัสดีค่ะ...เอ่อ...คือ...ว่า...” ญานีนออกอาการอึกอักคล้ายคนประหม่า และนั่นก็ทำให้วิรัลยายิ้มเยาะ
หล่อนจำได้ว่าญานีนเกลียดการอยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ เกลียดการแสดงความคิดเห็น เพราะจะทำให้คนรู้ว่าเจ้าหล่อนโง่ เป็นตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแล้ว ขณะที่หล่อนได้รับเสียงชื่นชมในวิชาการสื่อสาร ญานีนเกือบตก และครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
ที่ด้านล่าง ไอศูรย์ลุ้นและเอาใจช่วยเจ้านายของตนจนตัวโก่ง เขาพยักหน้าให้หล่อนเมื่อเห็นความไม่มั่นใจนั้น ส่วนอัคนีมองหล่อนตาแทบไม่กะพริบ
“ก็...ก็...จะไม่ขอพูดเยอะนะคะ...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อหันไปทางบิดา
“คุณพ่อคะ...เมื่อไหร่จะยกสถานีให้หนูคะ” แล้วหล่อนก็หัวเราะสนุกใส่ไมโครโฟน ขณะที่ทุกคนมีอาการตาโตอย่างไม่อยากเชื่อหู มีแต่วิญญูเท่านั้นที่หน้าซีด ไม่คิดว่าลูกสาวจะกล้าขอต่อหน้าคนเยอะๆ ขนาดนี้ ชายวัยกลางคนกวาดตาไปยังด้านล่างเวทีคล้ายมองหาใครบางคน แล้วเขาก็เห็นและได้สบตากันพอดี อันทำให้ร่างของเขาเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติ
เจิมจันทร์ อดีตแม่ยายของเขาก็มาร่วมงานด้วย!
แววตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เยาะหยัน และหมายมาด
“หนูล้อเล่นค่า...นี่ไม่ตลกกันเหรอคะ” จากนั้นหล่อนก็หัวเราะอีกด้วยเสียงแหลมเล็ก อันทำให้ทุกคนยิ่งอึ้ง โดยเฉพาะไอศูรย์ผู้ซึ่งสอนงานหล่อนมา สอนกระทั่งบทพูดที่จะพูดบนเวที
‘ทุกคนรักคุณอยู่แล้ว คุณแค่ฝากเนื้อฝากตัวและบอกว่าจะกลับมาตั้งใจทำงานเหมือนเดิม เท่านั้นก็ได้ใจพนักงานแล้ว’ ไอศูรย์พูดกับเจ้านายสาวไว้ตอนที่คุยโทรศัพท์สอนงานกัน
อีกทั้งก่อนถึงวันงาน ไอศูรย์ก็ให้หล่อนลองฝึกพูดให้เขาฟังอยู่ตั้งหลายรอบ ถึงแม้จะดูไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เขาก็ว่าหล่อนน่าจะยังพอจำได้บ้าง แต่นี่อะไร คำพูดเหล่านั้นหายไปไหนหมด ท่าทางประหลาดๆ เหมือนคนเมาแบบนั้นมาจากไหนกันเนี่ย
“มีอะไรจะพูดอีกไหมครับคุณหนึ่ง...” พิธีกรถามขึ้นหวังช่วยแก้ไขสถานการณ์
“ทำไม จะไล่ฉันลงจากเวทีแล้วหรือไง” หล่อนย้อนกลับด้วยน้ำ เสียงโกรธเกรี้ยว
“ฉันคือวิรัลยา ลูกสาวคนโปรดของคุณพ่อนะ คนที่ทำกำไรให้สถานีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ลืมกันไปแล้วหรือไง”
“ซวยแล้ว คุณหนึ่ง”
ไอศูรย์ครางชื่อนั้นอย่างเหลือใจ ก่อนจะตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเวทีเสียเอง ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของบรรดาพนักงาน
“ลงไปข้างล่างกับผมนะครับคุณหนึ่ง”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยน หยิบไมโครโฟนยื่นให้พิธีกร ก่อนพาร่างแบบบางออกเดิน ซึ่งต้องผ่านวิรัลยาด้วย
“คงต้องฝึกกันนานหน่อยนะ คุณไอศูรย์” วิรัลยาเอ่ยเสียงเยาะ มองหญิงสาวในวงแขนเขาด้วยความสมเพช
ขณะนั้น ญานีนกลับอมยิ้มน้อยๆ ด้วยความพึงพอใจและไม่ตอบโต้อะไร ยอมเดินตามไอศูรย์ไปโดยง่ายดาย
“คุณหนึ่งขา เป็นอะไรไปคะเนี่ย ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ” นักข่าวของช่องที่ชื่อหมอกกรากเข้ามาหา ‘เจ้านายของตน’
“พวกเราอุตส่าห์เอาใจช่วย อุตส่าห์ดีใจที่คุณกลับมา”
“ฉันคงสู้คุณยิหวาไม่ได้เลยสินะ” ญานีนแสร้งทำเสียงเสียใจ
“ต้องยอมรับจริงๆ ว่าวันนี้คุณยิหวาพูดดีมากค่ะ เอาจริงๆ นะคะ คุณยิหวากลับมารอบนี้ ทำดีมากๆ เลยค่ะ”
ญานีนแค่พยักหน้ารับรู้ ดี! ขอบใจนะหนึ่ง ที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันดีขึ้น ส่วนฉัน สัญญาด้วยชีวิตว่าจะทำให้ชื่อวิรัลยาป่นปี้เสียหายเอง!
“อย่าเพิ่งกวนคุณหนึ่งเลยนะหมอก ผมขอพาคุณหนึ่งไปพักก่อน”
ไอศูรย์ตัดบท แล้วประคองหญิงสาวผละออกมา
“ฉันไม่ได้เหนื่อยเลยสักนิด จะพาฉันไปไหนคะเนี่ย”
“ไปจูนสมอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเชิงระอา แต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วง
“มันดูแย่มากเลยใช่ไหมคะ” ญานีนยังแสร้งถามเสียงอ่อย
“มากที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จักคุณมาเลยล่ะ”
ญานีนลอบยิ้มสะใจ ก่อนทำหน้าเศร้าใส่เขา “ขอโทษค่ะ ฉันตื่นเต้น ตาลาย ก็เลยสติแตกมากไปหน่อย...แต่ฉันสัญญานะคะว่า จากวันนี้ฉันจะเรียกศรัทธาจากพนักงานกลับมาให้ได้”
ไอศูรย์พยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงเดินตามกันมายังด้านนอกห้องจัดงาน ซึ่งมีระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ชัด สายลมยามค่ำพัดมาเป็นระยะ ญานีนสูดลมหายใจด้วยความปลอดโปร่งมากขึ้น
“คุณรอผมอยู่ตรงนี้นะ ผมจะไปหาเครื่องดื่มมาให้”
“ขอบคุณค่ะ ไอซ์”
ไอศูรย์เดินจากไปแล้ว ญานีนระบายลมหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ถึงจะยังเป็นใบหน้าของวิรัลยาอยู่ก็เถอะ
“วันนี้แกทำได้ดีมาก” เสียงยายดังขึ้นด้านหลัง ญานีนรีบหันไปยิ้ม ขณะที่เจิมจันทร์เอ่ยต่อ “เมื่อกี้ฉันเดินผ่านมา คนชื่นชมยิหวากันใหญ่ ส่วนวิรัลยานะเหรอ โดนเมาท์ว่านอนนานก็เลยสมองฝ่อ”
ญานีนหัวเราะสะใจ “ดีค่ะ ให้ยายหนึ่งมันหลงลำพองไปเถอะ มันทำดีให้หนูไม่รู้ตัว และกว่ามันจะรู้ว่าหนูตั้งใจทำลายชื่อเสียงของมัน ก็ตอนที่มันกลับมาเป็นมันตัวจริงเสียงจริงไปแล้ว...ส่วนหนูก็จะกลายเป็นญานีนตัวจริงที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ”
“อย่าใจอ่อนให้ผัวแกล่ะ เดี๋ยวที่ลงทุนมาทั้งหมดจะเสียเปลา ฉันไปก่อน แกมีอะไรก็โทร.หาฉันแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะคุณยายที่มาให้กำลังใจหนู...ว่าแต่ จี้ที่คุณยายบอกว่ามีผีพรายคอยรายงานความเคลื่อนไหวของยายหนึ่งนั่น ให้มันเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“ให้แล้ว มันใส่ไว้ที่คอนั่นไง...” คนเป็นยายยิ้มพอใจ
“นังเด็กนั่นไม่เฉลียวใจแม้แต่นิดเดียว”
ขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางที่หล่อนกับยายเจิมจันทร์กำลังพูดคุยกันอยู่ หญิงชราจึงผละจากไปอย่างรวดเร็ว ญานีนเองก็หันหน้ามองวิวด้านนอกตามเดิม
ครู่ต่อมาฝีเท้านั้นก็หยุดอยู่ด้านหลังหล่อน หญิงสาวไม่ได้หันไปมองทันที หล่อนปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นวิรัลยาเรียบร้อยแล้วถึงเอ่ย
“ยังไม่รีบเอาน้ำมาให้ฉันอีก หิวจะแย่อยู่แล้วนะคะ”
จบคำนั้น แก้วบรรจุน้ำสีอำพันก็ถูกยื่นมาตรงหน้า และการขยับตัวของเขาก็ทำให้ญานีนได้กลิ่นน้ำหอม...กลิ่นนั้น...อีกครั้ง
หญิงสาวหันขวับไปมองด้วยความแปลกใจ
“พี่เดี่ยว...มาได้ยังไงคะ” หล่อนถามพลางเหลียวหาไอศูรย์
“คุณไอซ์เขาติดคุยธุระกับผู้ใหญ่น่ะ พี่เลยอาสาเอาน้ำมาให้แทน” อัคนีว่าพลางยื่นแก้วน้ำมาให้อีกครั้งเมื่อเห็นหล่อนไม่ยอมรับเสียที
ญานีนยื่นมือที่สั่นน้อยๆ ไปรับแก้วน้ำสีอำพันจากมือเขา
“มีอะไรจะคุยกับหนึ่งคะ อ๋อ หรือจะตำหนิที่หนึ่งทำทุเรศๆ บนเวที ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องหรอกค่ะ พนักงานวายอีเอสทำหน้าที่แล้ว”
“มันน่าตกใจมากจริงๆ...เอ่อ หนึ่งแน่ใจนะว่าโอเคแล้ว”
“ทำไมคะ จะจับหนึ่งโยนลงบนเตียงอีกเหรอคะ” ญานีนย้อนถามเสียงสั่น ความโกรธแล่นริ้วไปทั่วร่าง
“โยนลงบนเตียง หมายความว่าไง? หนึ่งพูดเหมือนพี่เป็นคนทำให้หนึ่งเป็นแบบนั้น?”
“ก็หรือไม่จริงคะ...แต่ก็ช่างเถอะ คนอย่างพี่เดี่ยว ถ้าไม่มีหลักฐานก็คงไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ...ว่าแต่มายืนคุยกับหนึ่งแบบนี้ เมียคนสวยของพี่ไม่ตามหาแย่เหรอคะ”
“เขาคุยติดพันอยู่กับคุณหญิงเดือนน่ะ อีกอย่าง ยิหวาเป็นคนมีเหตุผล การที่พี่มาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบน้องสาว ก็เป็นเรื่องปกติ”
ญานีนเหยียดปาก ยิหวาเป็นคนมีเหตุผล แต่ไม่มีความดีความน่ารักมากพอให้เขารักสินะ เขาถึงทำร้ายหล่อนรุนแรงขนาดนี้
“ค่ะ...แล้วเป็นไงคะชีวิตคู่ของพี่ตอนนี้ สุขสบายดีใช่ไหมคะ”
“ดีสิ ดีมากด้วย หนึ่งคงไม่รู้ว่ายิหวาเขาเปลี่ยนไปแล้วนะ เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นมาก”
หญิงสาวหันไปทางอื่นเพื่อข่มความเจ็บปวดและความโกรธไม่ให้ไหลทะลักออกมา...ผิดจากที่วิรัลยาบอกหล่อนวันเกิดอุบัติเหตุเสียที่ไหน เขาไม่มีวันรักผู้หญิงโง่ๆ สมองนิ่มเหมือนเยลลี่อย่างหล่อนได้หรอก น่าสมเพชตัวเองเสียนี่กระไรที่เคยคิดว่าเขามีใจให้
“ดีใจด้วยค่ะ ดีใจที่เขาไม่ระแวงพี่เรื่องของเราแล้ว เขาคงเปิดใจรักพี่ได้เต็มหัวใจมากขึ้นใช่ไหมคะ”
อัคนีผงกศีรษะรับ “ใช่จ้ะ”
ญานีนฝืนยิ้ม “และงานวันนี้ก็คงเป็นการแสดงความรักในแบบของเขาใช่ไหมคะ”
“หนึ่งหมายถึงเรื่องไหนจ๊ะ”
“ก็สถานที่จัดงานนี่ไงคะ เขาเป็นคนเลือกสถานที่กับธีมงานใช่ไหมคะ...นี่มันห้องจัดเลี้ยงตอนพี่กับเขาแต่งงานกัน แถมธีมก็ยังเป็นสีเขียวเหมือนกันอีกด้วย”
อัคนีชะงักครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบา “ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งจะจำได้”
“ทำไมคะ อย่าบอกนะคะว่านัง เอ่อ..ยายยิหวาจำไม่ได้” หล่อนย้อนถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ
คราวนี้ชายหนุ่มเงียบ แต่มองหล่อนนิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ญานีนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ดูหนึ่งแปลกๆ ไป...”
“จริงๆ ต้องบอกว่าเปลี่ยนไปจะตรงกว่าค่ะ ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ...และเครื่องดื่มสีนี้ก็ไม่ใช่เครื่องดื่มที่ผู้หญิงคนนี้ชอบอีกแล้ว” พูดจบหล่อนก็เทเครื่องดื่มดังกล่าวลงพื้น
“ผู้หญิงคนนี้เป็นอิสระจากความลุ่มหลงที่มีต่อคนเลวๆ คนหนึ่งแล้วค่ะ”
ญานีนตบท้ายคำพูดด้วยการปล่อยแก้วให้หลุดมือ แก้วใบบางกระทบพื้นแข็งๆ ก็แตกกระจาย ยากเกินจะกอบมันขึ้นมาประสานให้เป็นดังเดิม จากนั้นหล่อนก็เดินเชิดหน้าจากมาและไม่เหลียวหลังกลับไปมองเขาอีกเลย
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2562, 09:17:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ม.ค. 2562, 09:17:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 680
<< บทที่ 11 -50% | บทที่ 12 -50% + เล่มตัวอย่าง >> |