รักสลักเล่ห์
'เล่ห์' หรือ 'รัก' ที่จะชนะใจทั้งสองดวงได้
Tags: นิยาย รัก หวานแหวว

ตอน: บทนำ

บทนำ

ท่ามกลางแสงไฟพร่างพราวใต้ท้องฟ้าดำมืดมิดในคืนเดือนดับ เสียงเพลงลูกกรุงเก่าๆ ถูกเปิดคลอเบาๆ ราวจะกล่อมเกลาคนนับพันที่อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่ามาในงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายคนโตกลับเมืองไทยของ ‘คุณนายกรวรา’ และ ‘คุณกวิน’ เจ้าของ ‘เหินฟ้าวิลล่า’ รีสอร์ตใหญ่ย่านชานเมือง และ ‘เหินฟ้าเรสซิเดนซ์’ คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ทั้งยังเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การเคารพยกย่องว่าเป็นคู่บุญมหากุศลที่จัดตั้ง ‘มูลนิธิเหินหาว’ ซึ่งทำการช่วยเหลือผู้ยากไร้ เด็กกำพร้า คนชรา รวมไปจนถึงผู้ทุพพลภาพทางร่างกายและจิตใจอย่างจริงจังและถ้วนทั่ว

ช้องนางจึงไม่แปลกใจเท่าไรนัก...ที่ได้เห็นกองทัพมนุษย์จำนวนมากพากันหลั่งไหลเข้ามาแสดงความยินดีในงานเลี้ยงสุดแสนธรรมดาเช่นนี้ เธอเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ที่มาในงานนี้อย่างบริสุทธิ์ใจ คือ ชื่นชมและเทิดทูนบุคคลทั้งสองเป็นอย่างมาก แม้ว่าในตอนแรกที่เธอพยายามผลักดันตัวเองให้ได้มาทำงานกับเหินฟ้านั้น เพียงเพราะอยากเอาชนะคำถากถางของผู้ชายสั่วๆ บางคนที่ว่า ‘ถ้าเธอมีสิทธิได้เป็นสะใภ้บ้านเหินฟ้าเมื่อไหร่ ฉันจะลองพิจารณาตัวเองดูว่าอาจประเมินเธอต่ำเกินไป’
นั่นแหละสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด!

เขาควรได้ทบทวนตัวเองเสียใหม่...ว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่เธอเคยมอบโอกาสให้เขานานถึงสามเดือนเต็ม!

ที่ช้องนางเจ็บใจมากที่สุด คือสายตาดูถูกยามที่มองมา และคำประณามหยามเหยียด เดียดฉันท์ว่าเธอไม่มีค่าและไร้ความหมายยิ่งกว่าขยะมือเดียวที่เขาไม่มีวันจะนำกลับมารียูสใหม่

ทันทีที่เพลงลูกกรุงอันไพเราะจบลงเสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้น ดึงช้องนางให้หลุดจากภวังค์มองไปยังเวทีใหญ่เบื้องหน้าที่คุณนายกรวรากำลังเดินขึ้นไปพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ มาดดี ท่าทางสุขุม มองจากจุดที่ยืนอยู่ซึ่งไกลจากเวทีหลายสิบเมตร หญิงสาวจึงไม่อาจประเมินได้ว่าหน้าตาของเขาจะหล่อเหลาสู้น้องชายทั้งสองได้หรือไม่...

“มาหลบอยู่ที่นี่เอง พ่อถามหาแน่ะนกยูง”

“นกยูงไม่ได้หลบนะคะ แต่มาช่วยจัดของขวัญต่างหาก ดูสิเอาโต๊ะมาเพิ่มกี่โต๊ะก็ไม่พอวาง คนทยอยกันมาอีกแล้ว” ช้องนางพยักเพยิดไปทางกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา พลางหันไปบอกเด็กรับใช้ให้เอาของขวัญไปเก็บเป็นบางส่วน

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นถึงพนักงานคนโปรดของคุณนายกรวรา แต่ช้องนางก็รู้เรื่องในตระกูลเหินฟ้าเท่าๆ กับที่คนอื่นๆ รู้ นั่นก็คือ คุณนายกรวราและคุณกวินมีลูกชายสามคน คนแรกชื่อ กรจิรัสย์ เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าเพราะเขาอายุห่างจากเธอมาก และไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทันทีที่เรียนจบ ทั้งยังได้ทุนจากบริษัทให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศแล้วกลับมาทำงานเพื่อใช้ทุน ก่อนจะถูกย้ายมาประจำสาขาที่บ้านเกิด

ขณะที่ลูกชายคนกลาง คือ กรธวัช เป็นดาราหนุ่มเนื้อหอมในวงการบันเทิง ลูกชายคนเล็กของบ้านเหินฟ้ากลับเลือกเส้นทางที่ราบเรียบเกินกว่าฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ดั้งเดิมอย่างเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐบาลและสละชีวิตส่วนใหญ่เพื่อช่วยเหลือผู้คนในมูลนิธิเหินหาว

ด้วยเหตุนี้เอง...ช้องนางจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับ กรณัฐ มากกว่าพี่น้องคนอื่นในตระกูลเหินฟ้า

“หยุดงานสักพักแล้วไปกับพี่ทางโน้นดีกว่า” ไม่ว่าเปล่าคนมือไวก็ฉวยลำแขนกลมกลึงแล้วดึงเบาๆ ให้เธอเดินตาม

“พี่ณัฐ...” เธอโอดครวญ เคยขอร้องไม่ให้เขาบอกเรื่องที่รับปากจะแต่งงานกับเขาไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แม้จะรับปากแต่ดูเหมือนจะไม่ยอมทำตาม เพราะกรณัฐชอบเที่ยวพาเธอไปอวดชาวบ้านพร้อมกับเผลอประกาศเป็นนัยโจ่งแจ้งว่า ‘คนนี้แหละว่าที่เจ้าสาวในเร็ววันนี้’

ริมฝีปากหยักลึกรูปสวยหยัดขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดียวกับนัยน์ตารีเรียวสีน้ำตาลอ่อน “น่านะ คราวนี้พี่สัญญาว่าจะไม่เผลอหลุดปากอีก”

หญิงสาวค้อนตาคว่ำ ทำปากขมุบขมิบ “ก็สัญญาแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ” ใครจะไปหลงเชื่อว่าคนฉลาดเป็นกรดอย่างเขาจะความจำเสื่อมซ้ำซากแบบนั้น ต้องจงใจแน่ๆ

“กลัวเกินเหตุไปหรือเปล่า แม่กับพ่อออกจะปลื้มนกยูงจะตายไป” เสียงหัวเราะทุ้มๆ นั่นยิ่งทำให้คนเดินตามหน้าบึ้ง

อุตส่าห์เพียรใช้เวลาอยู่ร่วมปีกว่าที่คุณนายกรวราและคุณกวินจะมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูเพราะเธอเป็นพนักงานดีเด่นที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการทำงานอย่างสุดความสามารถต่างหาก แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้เธอมั่นใจได้ว่า...เธอจะถูกยอมรับในฐานะสะใภ้ของตระกูลเหินฟ้าได้สักหน่อย

ยิ่งเวลานี้เธอยังไม่อยากให้ความพยายามทั้งหมดพังครืนลงมาเพียงเพราะถูกมองว่า เธอใฝ่สูงเกินไปที่คิดอยากเป็นสะใภ้ของเหินฟ้า...หญิงสาวไม่เคยออกปากว่า ‘กลัว’ เรื่องอะไร แต่กรณัฐมักทึกทักเอาเองว่าเธอคงแค่ประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายเหมือนกับที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นกันเท่านั้น

ช้องนางมองมือใหญ่อบอุ่นที่โอบรอบข้อมือเธอและแผ่นหลังกว้างผึ่งผายตรงหน้าแล้วยิ้มละไม...การตัดสินใจครั้งนี้คงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตของเธอแล้ว...

“นกยูงคงยังไม่เคยเจอพี่วัชตัวเป็นๆ เหมือนกันสินะ” กรณัฐหมายถึงกรธวัชพี่ชายคนที่สอง

“ค่ะ” ช้องนางตาโตขึ้นพอๆ กับที่รู้สึกเหมือนหัวใจคับอกเมื่อได้ยินชื่อของกรธวัช เธอเองก็เป็นแฟนคลับของพระเอกหนุ่มเหมือนกัน

“งั้นวันนี้ก็คงไม่ได้เจอเหมือนเดิม เห็นว่าติดงานเลยกลับมาไม่ได้”

เขาทำเอาหัวใจที่พองโตของเธอเหี่ยวแฟบลง

“งั้นไม่ต้องบอกก็ได้มั้งคะ ว่าพี่วัชจะไม่มา” กระแทกเสียงไม่สบอารมณ์ เรียกเสียงหัวเราะในลำคอของคนฟังได้เป็นอย่างดี

“ไม่ได้เจอคนหนึ่งแต่ยังได้เจออีกคน ยังไงๆ พี่ก็ตั้งใจจะแนะนำให้พี่ทั้งสองคนของพี่รู้จักนกยูงอยู่แล้ว” เขากำมือเธอแน่นเข้าคล้ายจะปลอบใจ เหมือนจะตีความหมาย ‘การไม่สบอารมณ์’ ของเธอเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถพาเธอไปแนะนำกับพี่ๆ ร่วมตระกูลให้ครบทุกคนในคืนนี้เสียได้ ทั้งที่เธอแค่ ‘เสียดาย’ ที่พลาดโอกาสเห็นตัวเป็นๆ ของดาราหนุ่มเท่านั้น

ถึงอย่างนั้นช้องนางก็ระบายยิ้มแล้วตอบกลับไปอย่างคนมีความสุขจนจุกอก “ค่ะ”

ช้องนางขอร้องให้กรณัฐพาเธอลัดเลาะไปทางสนามด้านข้างเพื่อจะได้ไม่ต้องทักทายคนรู้จักมากเกินไปอันจะทำให้เขาหลุดปากอะไรๆ ที่จงใจออกมาได้ ยิ่งเดินไปใกล้เวทีเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมองเห็นภาพบนนั้นชัดขึ้น โดยเฉพาะตอนที่คุณนายกรวรากล่าวต้อนรับลูกชายอย่างซาบซึ้งพร้อมกับร้องเพลงโปรดเป็นของขวัญต้อนรับการกลับมาของลูกชายบนเวที แต่เพราะร่างสูงใหญ่ของกรจิรัสย์นั้นยืนอยู่ด้านเดียวกับที่เธอกับกรณัฐเดินอ้อมมาพอดี เธอจึงหมดโอกาสเห็นหน้าว่าเขาจะมีสีหน้าซาบซึ้งกับความพยายามของมารดาหรือไม่อย่างไร

ทันทีที่เดินไปถึงโต๊ะเจ้าภาพหน้าเวทีที่คุณกวินนั่งอยู่ เจ้าของอาณาจักรเหินฟ้าก็ทักทายเธออย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเชิญเธอนั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน โดยปกติแล้วช้องนางมีโอกาสเจอคุณกวินน้อยครั้งมาก เพราะเธอทำงานเป็นเลขานุการให้คุณนายกรวราซึ่งจะทำงานอยู่ที่มูลนิธิเหินหาวเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอก็รู้สึกได้ว่ากรณัฐมีส่วนที่เหมือนคุณกวินอยู่มากทีเดียวทั้งท่าทางและบุคลิกบางอย่างทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง

“แย่หน่อยนะหนูนกยูง เป็นคนโปรดของกรเขาก็อย่างนี้แหละ ขนาดวันหยุดยังโดนรบกวน” หัวเราะเสียงทุ้มอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นกยูงเต็มใจมาช่วยงานอยู่แล้ว”

กวินยิ้มกว้าง “สมกับที่กรกับณัฐชมนักชมหนา หนูนกยูงนี่ทั้งเก่งทั้งน่ารักจริงๆ”

ใบหน้าใสขึ้นสีเรื่อเมื่อถูกชม ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ “นกยูงแค่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้นเองค่ะ”

“ฉันชมจากใจจริงนะหนูนกยูง อย่าถ่อมตัวเลย”

“ถ้าอย่างนั้นนกยูงก็ต้องขอบพระคุณท่านมากนะคะสำหรับคำชม” ช้องนางยกมือไหว้ขัดๆ เขินๆ อย่างเสียมิได้ กวินได้แต่กลั้วหัวเราะนึกเอ็นดูหญิงสาวขึ้นมาครามครัน ก่อนจะโพล่งขึ้น

“พ่อจะดีใจจริงๆ ถ้าหนูนกยูงจะมาเป็นลูกสาวอีกคน” คำพูดของเขาทำเอาคนสองคนสะดุ้งตัวโยน

“พ่อครับ!” กรณัฐปราม แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเห็นสายตาขึงขังที่มองมาของช้องนางเหมือนเป็นคำถามว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นหมายความว่าอย่างไร “เอ่อ...นกยูง คือ พี่...” ได้แต่อึกอัก จนคนมองอยู่นึกรำคาญ

“ไม่มีอะไรมากหรอกหนูนกยูง คือเจ้าณัฐมันมาขอร้องให้พ่อไปสู่ขอหนูแต่ย้ำนักย้ำหนา อย่าเพิ่งบอกหนูว่ามันได้พูดเรื่องนี้กับพ่อกับแม่ไว้แล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละ...พ่อเห็นมันทำท่าเหมือนกับจะขาดใจตายเพราะอยากแต่งงานจนตัวสั่นเลยอึดอัดแทน ทนไม่ไหว อยากถามหนูให้รู้เรื่องกันไป”

“โธ่ พ่อ...ที่ผมห้ามเพราะนกยูงเขายังไม่พร้อมต่างหาก...”

“อ้าว...ยังไม่ได้ตกลงกันอีกเหรอ พ่อก็เห็นเราคบกันมาสักพักแล้วนี่”

“แล้วพ่อจะทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนทำไมเล่า เดี๋ยวนกยูงเขาเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา...ผมก็แย่น่ะสิ” กรณัฐโอดครวญ

“ก็พ่อดีใจที่จะได้สะใภ้คนแรกนี่นา รู้ๆ กันอยู่ว่าวัชมันเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ส่วนวินก็ยังไม่มีท่าทีกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ”

ช้องนางได้แต่ก้มมองมือที่กำแน่นของตัวเองด้วยความสับสน ‘สิทธิในการเป็นสะใภ้ของเหินฟ้า’ กำลังเป็นของเธอ ไม่สิเธอไม่ได้สนใจคำท้าทายของผู้ชายพรรค์นั้นมาตั้งแต่เจอกับกรณัฐแล้วไม่ใช่หรือ เธอรักเขาด้วยความรู้สึกที่เป็นของจริง และพร้อมที่จะทำหน้าที่เพื่อน คนรัก และภรรยาที่ดีของเขา...

มันควรเป็นอย่างนั้น...ใช่มันเป็นอย่างนั้น...

แต่ทำไม...

“ผมได้ยินเสียงพ่อนินทาผมดังไปไกลถึงบนเวทีเลยนะครับ” คนเดินมาสมทบทีหลังเอ่ยหยอกเย้า หากน้ำเสียงคุ้นหูของเขาทำให้ช้องนางถึงกับต้องหันขวับไปมองคนร่างสูงในชุดสูทสีเทาซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ยืนอยู่กับคุณนายกรวราและเหล่าพิธีกรบนเวทีด้วยใบหน้าซีดสนิท

“พี่วิน ทิ้งแม่ไว้บนเวทีคนเดียว เดี๋ยวโดนสวดยับหรอก”

คนถูกเรียกว่า ‘พี่วิน’ หรือก็คือคนเดียวกับ ‘กรจิรัสย์’ ชำเลืองมองมาทางเธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ทรุดตัวลงนั่งระหว่างคุณกวินกับกรณัฐด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

“ฉันไม่ไหวแล้ว ขืนยืนฟังแม่ร้องอีกสามเพลงได้ขาแข็งกันพอดี” แล้วทั้งกรจิรัสย์และกรณัฐก็หันไปสนทนากับคุณกวินอย่างออกรสเฉกเช่นคนในครอบครัวที่สนิทสนมกันมากและพูดจาภาษาเดียวกัน ราวกับลืมไปแล้วว่ายังมีเธอนั่งอยู่ตรงนี้อีกหนึ่งคน

แต่นั่นไม่ทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างเท่ากับว่า...เขาไม่ได้มองมาทางเธอแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้สนใจ หรือแม้แต่จะสังเกตเห็น...

“อ้อ...พี่วิน ผมจะแนะนำให้พี่รู้จัก” กรณัฐหันมาทางช้องนาง “นกยูง...แฟนผม”

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่านัยน์ตาคู่ดำสนิทนั้นเบือนมามองเธออย่างเต็มตา ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายที่เย็นจับจิตในคราแรกถึงเริ่มอุ่นซ่านขึ้นมาจนร้อนไปทั้งใบหน้ายามเมื่อเขาเอ่ยทักทายเธออย่างคนเพิ่งรู้จักพบเจอกัน

“พี่ชื่อวิน...ยินดีที่ได้รู้จักนะนกยูง”

ช้องนางรู้สึกว่ามือไม้สั่นไปหมด หากแต่ยังกลั้นใจเอ่ยตอบออกไป “ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

เธอเม้มริมฝีปาก กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งกรณัฐทักขึ้น “หน้าซีดเชียว ไม่สบายหรือเปล่า”

ได้โอกาสพยักหน้าแล้วก็กระซิบบอกให้เขาช่วยพาเธอออกไปจากที่ๆ ทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้องโดยเร็ว หากพอกรณัฐประคองเธออ้อมไปด้านหลังที่นั่งของพี่ชาย ขาสั้นๆ ของเธอก็กลับยาวขึ้นอย่างน่าเกะกะจนไปสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นหญ้าให้อับอายขายขี้หน้าเขาไปกันใหญ่

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย มือหนาที่โอบประคองไหล่ทำให้เธอรู้สึกมั่นคงขึ้น

“ไม่ค่ะ พี่ณั...” ช้องนางกลืนชื่อใครบางคนลงคอไป ก่อนรีบลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล “ขอบคุณค่ะ คุณวิน”

“ไม่เป็นไร ถ้าเขาไม่สบายมากคืนนี้ก็ให้นอนพักที่นี่ก่อนสิ งานคงเลิกดึก นายจะออกไปตอนนี้คงไม่เหมาะ” กรจิรัสย์เอ่ยกับช้องนางห้วนๆ ก่อนหันไปบอกกับน้องชายแสดงความหวังดีที่ไม่รู้ว่าจริงใจหรือไม่

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่เป็นอะไรมาก แล้วก็ไม่ต้องรบกวนพี่ณัฐหรอกค่ะ นกยูงเรียกแท็กซี่กลับเองได้” หญิงสาวเอ่ยรัวเร็ว ยกมือไหว้กวิน ก่อนหันหลังเดินออกไปอย่างไม่คิดจะเสียเวลาร่วมใช้อากาศหายใจกับผู้ชายคนนั้นอีกแม้สักวินาทีเดียว

เธอทั้งพะอืดพะอมทั้งคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนบางอย่างในท้องจะมวนชวนให้ขย้อนอาหารที่ทานเข้าไปออกมาเสียให้ได้...เป็นเพราะเขาคนเดียว!

เธอรังเกียจเขาจนเข้าไส้ ขยะแขยงผู้ชายอันตรายยิ่งกว่าแมลงร้ายพรรค์นั้น

เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรก และคนเดียวที่ใช้แล้วทิ้งเธออย่างไม่ไยดี!




kanan
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2554, 19:39:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2554, 19:39:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1623





violette 21 ส.ค. 2554, 16:53:32 น.
ท่าจะเศร้า แต่ดูแทกแล้วแอบงงๆ
รออ่านต่อค่ะ ชอบชื่อนางเอกจัง


ปูสีน้ำเงิน 22 ส.ค. 2554, 00:37:11 น.
มีความหลังกันนี่เอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account