โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 7 -30%
ภาณุรุจคลิกดูแผนงานรีสอร์ตใหม่ที่ตั้งชื่อล่วงหน้าอย่างไพเราะว่า ‘รีสอร์ตสะพานรุ้ง’ แล้วสะท้อนในอก ทุกอย่างกลายเป็นวิมานทรายที่ถูกคลื่นลูกล่าสุดโถมเข้าทำลายจนไม่เหลืออะไรเลย เขาต้องปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเดินออกไปยืนสูดอากาศที่ระเบียงด้านนอก
ภาณุรุจมองเหม่อออกไป ยามเย็นในชนบทสวยอมเศร้า ใครที่ผิดหวังจากความรัก หากได้มาอยู่ที่นี่ก็เป็นไปได้ว่า คนคนนั้นอาจคิดฆ่าตัวตายเอาได้เลย เพราะบรรยากาศยามสายัณห์ตะวันรอนชวนให้ว้าเหว่อย่างหนักเขาเอง ช่วงที่มาที่นี่ใหม่ๆ เมื่อมองฟ้าสีแดงหม่นๆ และเห็นนกกาบินเป็นกลุ่มกลับรวงรังก็รู้สึกเหงาจนแทบร้องไห้ ภาณุรุจไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเขาไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ไกลแสนไกลขนาดนั้น แต่ยังไม่รู้สึกคิดถึงบ้านเท่าอยู่ที่นี่ อันเป็นที่ที่สามารถขับรถกลับกรุงเทพฯ ได้ง่ายดายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แต่แม้จะคิดถึงบ้านเพียงใด ในช่วงที่มาบุกเบิกใหม่ๆ ชายหนุ่มก็ไม่ ได้กลับบ้านบ่อยนัก เพราะตราบใดที่งานยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง เขาก็ยังไม่อยากแบกหน้าไปให้ครอบครัวเห็น จนเมื่อรีสอร์ตอิงไพรได้เปิดรับลูกค้าเข้าพักอย่างเป็นทางการแล้วนั่นแหละ เขาถึงได้กลับไปบ้านเพื่อรับคำชม เชยจากผู้เป็นบิดาเจ้าของทุน แต่อยู่กรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับมาที่นี่อีก เพราะทนคิดถึงธารรุ้งไม่ไหว
หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองและอาจจะเป็นหลังสุดท้ายของเขาไปแล้ว ที่นี่มีอะไรให้ทำมากมาย เขาสนุกกับงานทุกวัน ทั้งงานบริหาร และงานที่ออกลุยน้ำลุยป่าพาแขกไปเอง
ชีวิตที่ธารรุ้งตั้งแต่เช้ายันค่ำมีรสชาติจนเขาไม่เคยคิดโหยหาความ สุขอย่างอื่น ไม่ว่าเรื่องเที่ยวเตร่เฮฮาประสาผู้ชาย เรื่องผู้หญิงยิงเรือทั้งหลายภาณุรุจก็แทบไม่เคยนึกถึง บางครั้งก็งงตัวเองว่า ที่มาอยู่ที่นี่ มาบวชหรือมาทำอะไรกันแน่
ชีวิตช่วงสามปีที่ผ่านมามีแต่ความสุขและความสนุก ปัญหาในการทำงานแม้จะพบบ้างก็เป็นปัญหาเล็กน้อยทั่วไปของนักท่องเที่ยว เขาแทบไม่เคยเจอปัญหาใหญ่ๆ ให้รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวหรือหนักใจเลย
แต่คราวนี้...โชคแบบนั้นเหมือนจะหมดไปแล้ว โครงการใหม่ที่ครอบ ครัวรอดูอีกครั้ง ดูเหมือนจะพังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ภาณุรุจทอดถอนใจ มองไปที่ฟ้าที่เริ่มกลายสี เห็นฟ้าแลบและแว่วเสียงครืนครางของมัน นี่ใกล้จะเข้าฤดูฝนแล้วหรือ นั่นแปลว่าลำธารจะมีน้ำไหลเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกปีน้ำจะน้อยจนเป็นอุปสรรคต่อการล่องแพ โชคดีที่หมู่ บ้านสร้างเขื่อนเล็กๆ ไว้ช่วยชุมชน จึงสามารถล่องแก่งได้ตลอดปี เสียแต่ว่าการปล่อยน้ำคราวละมากๆ นั้น ทำได้มากสุดแค่สามครั้งต่อวันเท่านั้น ยก เว้นหน้าฝนที่เขื่อนปล่อยน้ำได้ถี่ขึ้น ปีนี้เขาอยากได้น้ำเยอะๆ เพื่อจะจัดล่องแก่งได้ห้าหกเที่ยวต่อวัน หรือมากกว่านั้นก็ยิ่งดี
เมื่อครู่นี้เขานั่งดูตัวเลขรายรับรายจ่ายของรีสอร์ต ยอดลดลงมากถ้าเทียบกับของปีก่อนๆ อาจเป็นเพราะเขาเองมัวแต่คิดโครงการใหม่ๆ โดยไม่ ได้คำนึงเลยว่า เขาควรจัดกิจกรรมส่งเสริมของเดิมที่มีอยู่นี้เพื่อดึงดูดให้คนมาเที่ยวมากกว่า
บางที...เขาอาจทำกิจกรรมล่องแพให้ครึกครื้นขึ้น จัดเป็นงานพิเศษ ชักชวนให้ผู้คนมาล่องแพฟรีๆ เขาคงต้องคิดแคมเปญอะไรสักอย่างอย่าง เช่น ล่องแพไปปลูกป่า...อืม เข้าที
เลือดในสมองเริ่มไหล ชายหนุ่มเริ่มคิดสโลแกนของงาน
‘ล่องแพ ขึ้นช้าง ไปสร้างป่า’
ใช่...มันช่างเป็นประโยคที่จำง่ายและน่าสนใจ เขาอาจจะขอความร่วมมือกับทางอุทยานฯ ให้ช่วยเรื่องพันธุ์ไม้และพื้นที่ที่จะปลูก เขตป่ารอย ต่อกับหมู่บ้านด้านนอกน่าจะเป็นทำเลปลูกป่าได้ดีที่สุด จากนั้นก็กระพือข่าวโดยเชิญสื่อมวลชนทางกรุงเทพฯ มาร่วมงาน กินฟรี พักฟรี ล่องแก่งฟรี เขาเชื่อว่าพวกสื่อต้องแห่กันมา กิจกรรมของฟรีที่สนุกสนานแบบนี้ ใครบ้างไม่ชอบ
ตอนที่คุยกับเกดแก้ว เธอยังบอกเลยว่าช่วงนี้ร้านเธอเงียบเหงา ถ้างานล่องแก่งนี้สำเร็จ เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น คงต้องให้เธอช่วยเป็นแม่งานให้อีกคน
ที่ลืมไม่ได้คือ ชาวบ้านธารรุ้งจะต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพกับงานนี้ด้วย เขาจะไปคุยกับกำนันและผู้ใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อประโยชน์ของชุมชนเอง ทุกคนจะได้ทำมาค้าคล่อง ข้อสำคัญงานนี้ควรจะให้ชาวบ้านธารรุ้งได้สัมผัสการล่องแก่งกันทั่วหน้า เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นที่ได้สนุกสนานกับเรื่องพวกนี้ เจ้าถิ่นเอง เคยเสียที่ไหน เจ้าถิ่นบางคนอย่าว่าแต่ล่องแพเลย นั่งช้างก็ไม่เคย แถมยังจะกลัวช้างเสียอีก
...พิมริสา…แล้วชื่อนี้ก็เข้ามาในหัวเขาอีกจนได้ เข้ามาอีกคืนแล้วสิ เฮ้อ...ชายหนุ่มถอนใจเฮือก
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ภาณุรุจมองเหม่อออกไป ยามเย็นในชนบทสวยอมเศร้า ใครที่ผิดหวังจากความรัก หากได้มาอยู่ที่นี่ก็เป็นไปได้ว่า คนคนนั้นอาจคิดฆ่าตัวตายเอาได้เลย เพราะบรรยากาศยามสายัณห์ตะวันรอนชวนให้ว้าเหว่อย่างหนักเขาเอง ช่วงที่มาที่นี่ใหม่ๆ เมื่อมองฟ้าสีแดงหม่นๆ และเห็นนกกาบินเป็นกลุ่มกลับรวงรังก็รู้สึกเหงาจนแทบร้องไห้ ภาณุรุจไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อเขาไปเรียนหนังสือที่อังกฤษ ไกลแสนไกลขนาดนั้น แต่ยังไม่รู้สึกคิดถึงบ้านเท่าอยู่ที่นี่ อันเป็นที่ที่สามารถขับรถกลับกรุงเทพฯ ได้ง่ายดายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
แต่แม้จะคิดถึงบ้านเพียงใด ในช่วงที่มาบุกเบิกใหม่ๆ ชายหนุ่มก็ไม่ ได้กลับบ้านบ่อยนัก เพราะตราบใดที่งานยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง เขาก็ยังไม่อยากแบกหน้าไปให้ครอบครัวเห็น จนเมื่อรีสอร์ตอิงไพรได้เปิดรับลูกค้าเข้าพักอย่างเป็นทางการแล้วนั่นแหละ เขาถึงได้กลับไปบ้านเพื่อรับคำชม เชยจากผู้เป็นบิดาเจ้าของทุน แต่อยู่กรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับมาที่นี่อีก เพราะทนคิดถึงธารรุ้งไม่ไหว
หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองและอาจจะเป็นหลังสุดท้ายของเขาไปแล้ว ที่นี่มีอะไรให้ทำมากมาย เขาสนุกกับงานทุกวัน ทั้งงานบริหาร และงานที่ออกลุยน้ำลุยป่าพาแขกไปเอง
ชีวิตที่ธารรุ้งตั้งแต่เช้ายันค่ำมีรสชาติจนเขาไม่เคยคิดโหยหาความ สุขอย่างอื่น ไม่ว่าเรื่องเที่ยวเตร่เฮฮาประสาผู้ชาย เรื่องผู้หญิงยิงเรือทั้งหลายภาณุรุจก็แทบไม่เคยนึกถึง บางครั้งก็งงตัวเองว่า ที่มาอยู่ที่นี่ มาบวชหรือมาทำอะไรกันแน่
ชีวิตช่วงสามปีที่ผ่านมามีแต่ความสุขและความสนุก ปัญหาในการทำงานแม้จะพบบ้างก็เป็นปัญหาเล็กน้อยทั่วไปของนักท่องเที่ยว เขาแทบไม่เคยเจอปัญหาใหญ่ๆ ให้รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวหรือหนักใจเลย
แต่คราวนี้...โชคแบบนั้นเหมือนจะหมดไปแล้ว โครงการใหม่ที่ครอบ ครัวรอดูอีกครั้ง ดูเหมือนจะพังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ภาณุรุจทอดถอนใจ มองไปที่ฟ้าที่เริ่มกลายสี เห็นฟ้าแลบและแว่วเสียงครืนครางของมัน นี่ใกล้จะเข้าฤดูฝนแล้วหรือ นั่นแปลว่าลำธารจะมีน้ำไหลเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกปีน้ำจะน้อยจนเป็นอุปสรรคต่อการล่องแพ โชคดีที่หมู่ บ้านสร้างเขื่อนเล็กๆ ไว้ช่วยชุมชน จึงสามารถล่องแก่งได้ตลอดปี เสียแต่ว่าการปล่อยน้ำคราวละมากๆ นั้น ทำได้มากสุดแค่สามครั้งต่อวันเท่านั้น ยก เว้นหน้าฝนที่เขื่อนปล่อยน้ำได้ถี่ขึ้น ปีนี้เขาอยากได้น้ำเยอะๆ เพื่อจะจัดล่องแก่งได้ห้าหกเที่ยวต่อวัน หรือมากกว่านั้นก็ยิ่งดี
เมื่อครู่นี้เขานั่งดูตัวเลขรายรับรายจ่ายของรีสอร์ต ยอดลดลงมากถ้าเทียบกับของปีก่อนๆ อาจเป็นเพราะเขาเองมัวแต่คิดโครงการใหม่ๆ โดยไม่ ได้คำนึงเลยว่า เขาควรจัดกิจกรรมส่งเสริมของเดิมที่มีอยู่นี้เพื่อดึงดูดให้คนมาเที่ยวมากกว่า
บางที...เขาอาจทำกิจกรรมล่องแพให้ครึกครื้นขึ้น จัดเป็นงานพิเศษ ชักชวนให้ผู้คนมาล่องแพฟรีๆ เขาคงต้องคิดแคมเปญอะไรสักอย่างอย่าง เช่น ล่องแพไปปลูกป่า...อืม เข้าที
เลือดในสมองเริ่มไหล ชายหนุ่มเริ่มคิดสโลแกนของงาน
‘ล่องแพ ขึ้นช้าง ไปสร้างป่า’
ใช่...มันช่างเป็นประโยคที่จำง่ายและน่าสนใจ เขาอาจจะขอความร่วมมือกับทางอุทยานฯ ให้ช่วยเรื่องพันธุ์ไม้และพื้นที่ที่จะปลูก เขตป่ารอย ต่อกับหมู่บ้านด้านนอกน่าจะเป็นทำเลปลูกป่าได้ดีที่สุด จากนั้นก็กระพือข่าวโดยเชิญสื่อมวลชนทางกรุงเทพฯ มาร่วมงาน กินฟรี พักฟรี ล่องแก่งฟรี เขาเชื่อว่าพวกสื่อต้องแห่กันมา กิจกรรมของฟรีที่สนุกสนานแบบนี้ ใครบ้างไม่ชอบ
ตอนที่คุยกับเกดแก้ว เธอยังบอกเลยว่าช่วงนี้ร้านเธอเงียบเหงา ถ้างานล่องแก่งนี้สำเร็จ เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น คงต้องให้เธอช่วยเป็นแม่งานให้อีกคน
ที่ลืมไม่ได้คือ ชาวบ้านธารรุ้งจะต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพกับงานนี้ด้วย เขาจะไปคุยกับกำนันและผู้ใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อประโยชน์ของชุมชนเอง ทุกคนจะได้ทำมาค้าคล่อง ข้อสำคัญงานนี้ควรจะให้ชาวบ้านธารรุ้งได้สัมผัสการล่องแก่งกันทั่วหน้า เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นที่ได้สนุกสนานกับเรื่องพวกนี้ เจ้าถิ่นเอง เคยเสียที่ไหน เจ้าถิ่นบางคนอย่าว่าแต่ล่องแพเลย นั่งช้างก็ไม่เคย แถมยังจะกลัวช้างเสียอีก
...พิมริสา…แล้วชื่อนี้ก็เข้ามาในหัวเขาอีกจนได้ เข้ามาอีกคืนแล้วสิ เฮ้อ...ชายหนุ่มถอนใจเฮือก
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2562, 18:20:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2562, 18:20:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 536
<< บทที่ 6 -100% | บทที่ 7 -70% >> |