ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3 -75%
ใกล้มื้อค่ำมากแล้ว จันทน์กะพ้อกำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว หลังจากที่ป้ามาลีขอตัวไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวหลังจากลงมือทำกับข้าวช่วยกันมาตั้งแต่ช่วงเย็น หล่อนรู้ว่านางตั้งใจทำอาหารบางอย่างเป็นพิเศษสำหรับลูกชายที่หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่ แม้จะไม่พูดออกมาแต่จันทน์กะพ้อก็เห็นป้ามองไปทางประตูหน้าบ้านหลายครั้งแล้วก็ทอดถอนใจ หญิงสาวทำได้เพียงเห็นใจแต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้ ดูเหมือนความสัมพันธ์และปัญหารอยร้าวของสองแม่ลูกจะลึกกว่าที่ใครจะคาดคิด
“เสร็จหรือยังจ๊ะเพชร” เสียงหวานร้องถามเด็กชายที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกลางครัว ข้างๆ มีนมอุ่นๆ แก้วหนึ่งกับขนมที่เหลืออยู่เพียงเศษเล็กๆ ในปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ มือเล็กลากไปตามรอยประตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นการบ้าน
“อีก หนึ่ง สอง สาม สี่ สี่แถวครับคุณครู”
“รีบทำให้เสร็จนะจ๊ะ จะได้กินข้าวกัน”
“ครับผม เฮ้ย!” เสียงเด็กชายร้องอุทานดังลั่น ระคายหู
จันทน์กะพ้อหันมาทำท่าจะเอ็ดแต่ดวงตาโตเบิกกว้าง จมูกสัมผัสกลิ่นไม่พึงประสงค์มาจากร่างสูงใหญ่กำยำอกเปลือยเปล่าที่เดินอาดๆ ทั้งที่สวมกางเกงเพียงตัวเดียวแถมยังเปียกชื้นแนบต้นขา เข้ามาในครัวที่หล่อนขัดถูไว้อย่างเงางาม เขาเดินผ่านหน้าหล่อนไปที่อ่างล้างจาน เทของที่ห่อไว้ในเสื้อเชิ้ตลงในอ่างจนเต็มแล้วก็หันมาทางหล่อนที่ผงะถอยไปหลายก้าว คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นท่าทางนั้น
“สายบัวกับมะม่วงสุก เก็บมาจากสวน” ตรีเมฆบอกแล้วก็ปรายตามองเด็กชายอ้วนๆ ที่นั่งอ้าปากค้างมองชายที่ตนเองเรียกว่า ‘ลุงยักษ์’ มานานหลายปีเดินเปลือยอกหน้าเรียบไร้อารมณ์ออกไปจากครัว
“อี๊ เหม็นฉิบ...” เด็กชายระบายลมหายใจพรวด ทำท่าจะอาเจียนจริงดังว่า
“เพชร!” จันทน์กะพ้อร้องแล้วฟาดลงที่แขนนิ่มทีนึง
“ไปเอาคำหยาบจากไหนมาพูด ห้ามพูดอีกนะ”
“ครับ ก็เพชรเหม็นนี่นา ยังกับไปตกบ่อส้วมมาแน่ะ”
“เอ๊ะ เพชรนี่ ตีอีกทีดีไหมนี่”
“ไม่ดีครับ อุย ครูตีเจ็บ” เด็กชายลูบแขนตนเองป้อยๆ จันทน์กะพ้อยืนหันซ้ายแลขวา คว้างอยู่กลางห้องจนเสียงและกลิ่นปลาทอดในกระทะเตือนให้ได้สติจากกล้ามท้องแน่นๆ เปลือยเปล่าของผู้ชายตัวเป็นๆ ที่หลอกหลอนติดตา หล่อนจัดการกับปลาทอดที่เกือบต้องทิ้งแล้วก็เปิดน้ำให้ไหลล้างมะม่วงกับสายบัวจนเต็มอ่าง เปิดทิ้งและล้างอีกถึงสองรอบเพื่อไล่กลิ่นเหม็นรุนแรงนั่น
หรือว่าจะไปตกส้วมมาอย่างที่เพชรว่าจริงๆ กระมัง หล่อนนึก
****************
มื้อค่ำเรียบง่าย เต็มไปด้วยผักผลไม้และอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่คุ้นเคยผ่านไปอย่างเงียบๆ มีเพียงเด็กชายตรีเพชรที่บางครั้งก็ลืมไปว่ามีลุงยักษ์มาร่วมโต๊ะอยู่ด้วยจึงได้เผลอเจื้อยแจ้วไปตามประสาเด็ก บ้างก็เล่าเรื่องที่โรงเรียน บ้างก็โม้เรื่องของเล่นและร้องหาจะเติมข้าวเป็นพักๆ ตรีเมฆเหลือบตามองเมื่อเด็กชายเติมข้าวหนที่สาม มองมือเรียวขาวเนียนสะอาดนั้นตักข้าวเติมให้ครึ่งทัพพีก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป แต่พอเด็กชายตรีเพชรอ้อนขอข้าวอีกเขาก็กดคิ้วเข้มขมวดมุ่น
“ยังไม่อิ่มอีกหรือเจ้าเพชร เดี๋ยวก็ท้องแตกตายกันพอดี”
เสียงแหบๆ ของนางมาลีเอ่ยบอก หากดวงตามีแววความเอ็นดู
“เพชรกินข้าวเก่งครับยาย กินเก่งๆ จะได้โตไวๆ” เด็กชายคุยโว ที่หางตาวิบวับหรี่มองไปทางคนที่ตัวโตเรียบร้อยแล้วคนเดียวของบ้านอย่างนึกอิจฉาประสาเด็ก ตั้งแต่เกิดมาตรีเพชรก็เป็นผู้ชายคนเดียวของบ้านมาโดยตลอดนี่นา อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายตัวโต สูงใหญ่ ท่าทางดุดันเข้ามาอยู่ด้วย แถมยังสวมบทพระเอกช่วยคุณครูคนสวยของตนไว้อีก หัวใจเล็กๆ ของเด็ก ชายแทบจะทนไม่ไหว
“กินข้าวมากเกินไป ไม่ได้ทำให้โตไวนะจ๊ะ แต่จะทำให้อ้วนต่างหาก” คนมีความรู้ปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ดุทั้งตายังยิ้มหวาน ตรีเมฆวางช้อน ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เด็กชายมองตามแล้วก็วางมือจากจานข้าวไปด้วย
“วันนี้ผมไปที่สวนมาครับ” ตรีเมฆเอ่ยเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เริ่มจิ้มผลไม้เข้าปากเป็นอย่างสุดท้าย นางมาลีชะงักมือ ก่อนจะเอ่ย
“เป็นยังไงบ้างล่ะ มันโทรมมากแล้วละ ดูแลไม่ค่อยไหว”
“ต่อไปผมจะไปดูให้” ตรีเมฆเอ่ย
“ดีแล้ว สวนนั่นพ่อเขารักมาก” นางมาลีเอ่ยพลางพยักหน้าหงึกๆ
มื้อค่ำดำเนินไปอีกสักพักในความเงียบที่แสนอึดอัด ก่อนจะมีเสียงร้องเรียกดังมาจากทางหน้าบ้าน
“ป้ามาลี ป้ามาลี”
“ใครน่ะ มีอะไรรึ”
“ดาเองป้า”
“อ้าว มีอะไรเรอะ” นางมาลีชะโงกหน้ามองไปที่ใต้ถุนบ้าน ร่างอวบอิ่มของสายสุดาในชุดผ้าถุงลายดอกสวย และเสื้อกล้ามสีขาวเนื้อบางยืนกระจ่างอยู่ที่ไฟหน้าบ้าน ดวงตาที่แต่งไว้งามเด่นสอดส่ายมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไฟที่ห้องฉันน่ะสิป้า มันดับ กำลังรีดผ้าอยู่แท้ๆ เลย ไม่รู้ไฟช็อตหรือเปล่า”
“งั้นเรอะ เออ รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะโทร.ตามช่างไฟให้ อาจช้าหน่อยนะ ค่ำมืดแล้ว บ้านเขาอยู่คลองสาม”
“ไม่มีช่างอื่นใกล้ๆ นี่เหรอป้า ฉันรีบอะ ต้องไปที่ผับตอนสองทุ่มนะนี่ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ”
“จะทำยังไงได้ละ หรือจะไปก่อน เดี๋ยวจะให้ช่างดูให้” ป้ามาลีเอ่ยอย่างจนใจ
“ได้ยังไงกันจ๊ะป้า ฉันจะอาบน้ำอาบท่ายังไงละ มืดอย่างนั้น”
“เดี๋ยวผมไปดูให้ กล่องเครื่องมือของพ่อยังอยู่ไหม” ตรีเมฆเอ่ยถามพร้อมลุกขึ้นยืน
“เออะ เออ อยู่ อยู่ในโรงรถนั่นละ” ป้ามาลีเกือบลืมไปแล้วว่าลูกชายเรียนสายช่างและเกือบจะได้ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตมาครองแล้ว นางมองตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนในชุดเสื้อยืดเก่าๆ ที่ซุกไว้มาหลายปีกับกางเกงกีฬาแบบผูกเอวใส่อยู่บ้านสีเข้มเมื่อเดินลงบันไดหายเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วไม่นานก็เดินหิ้วลังเครื่องมือออกมาที่ลานบ้าน มองสบตาหญิงสาวผู้มาขอความช่วยเหลือยามค่ำคืนที่อดสะเทิ้นอายด้วยความประหม่าน้อยๆ ไม่ได้เมื่อร่างสูงใหญ่แน่นไปด้วยมัดกล้ามเดินเข้ามาใกล้ หล่อนสาวเท้าเดินนำเขากลับไปที่ห้องพักของตนด้วยหัวใจระรี้ระริกและร้อนรุ่ม
“เสร็จหรือยังจ๊ะเพชร” เสียงหวานร้องถามเด็กชายที่นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกลางครัว ข้างๆ มีนมอุ่นๆ แก้วหนึ่งกับขนมที่เหลืออยู่เพียงเศษเล็กๆ ในปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ มือเล็กลากไปตามรอยประตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นการบ้าน
“อีก หนึ่ง สอง สาม สี่ สี่แถวครับคุณครู”
“รีบทำให้เสร็จนะจ๊ะ จะได้กินข้าวกัน”
“ครับผม เฮ้ย!” เสียงเด็กชายร้องอุทานดังลั่น ระคายหู
จันทน์กะพ้อหันมาทำท่าจะเอ็ดแต่ดวงตาโตเบิกกว้าง จมูกสัมผัสกลิ่นไม่พึงประสงค์มาจากร่างสูงใหญ่กำยำอกเปลือยเปล่าที่เดินอาดๆ ทั้งที่สวมกางเกงเพียงตัวเดียวแถมยังเปียกชื้นแนบต้นขา เข้ามาในครัวที่หล่อนขัดถูไว้อย่างเงางาม เขาเดินผ่านหน้าหล่อนไปที่อ่างล้างจาน เทของที่ห่อไว้ในเสื้อเชิ้ตลงในอ่างจนเต็มแล้วก็หันมาทางหล่อนที่ผงะถอยไปหลายก้าว คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นท่าทางนั้น
“สายบัวกับมะม่วงสุก เก็บมาจากสวน” ตรีเมฆบอกแล้วก็ปรายตามองเด็กชายอ้วนๆ ที่นั่งอ้าปากค้างมองชายที่ตนเองเรียกว่า ‘ลุงยักษ์’ มานานหลายปีเดินเปลือยอกหน้าเรียบไร้อารมณ์ออกไปจากครัว
“อี๊ เหม็นฉิบ...” เด็กชายระบายลมหายใจพรวด ทำท่าจะอาเจียนจริงดังว่า
“เพชร!” จันทน์กะพ้อร้องแล้วฟาดลงที่แขนนิ่มทีนึง
“ไปเอาคำหยาบจากไหนมาพูด ห้ามพูดอีกนะ”
“ครับ ก็เพชรเหม็นนี่นา ยังกับไปตกบ่อส้วมมาแน่ะ”
“เอ๊ะ เพชรนี่ ตีอีกทีดีไหมนี่”
“ไม่ดีครับ อุย ครูตีเจ็บ” เด็กชายลูบแขนตนเองป้อยๆ จันทน์กะพ้อยืนหันซ้ายแลขวา คว้างอยู่กลางห้องจนเสียงและกลิ่นปลาทอดในกระทะเตือนให้ได้สติจากกล้ามท้องแน่นๆ เปลือยเปล่าของผู้ชายตัวเป็นๆ ที่หลอกหลอนติดตา หล่อนจัดการกับปลาทอดที่เกือบต้องทิ้งแล้วก็เปิดน้ำให้ไหลล้างมะม่วงกับสายบัวจนเต็มอ่าง เปิดทิ้งและล้างอีกถึงสองรอบเพื่อไล่กลิ่นเหม็นรุนแรงนั่น
หรือว่าจะไปตกส้วมมาอย่างที่เพชรว่าจริงๆ กระมัง หล่อนนึก
****************
มื้อค่ำเรียบง่าย เต็มไปด้วยผักผลไม้และอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่คุ้นเคยผ่านไปอย่างเงียบๆ มีเพียงเด็กชายตรีเพชรที่บางครั้งก็ลืมไปว่ามีลุงยักษ์มาร่วมโต๊ะอยู่ด้วยจึงได้เผลอเจื้อยแจ้วไปตามประสาเด็ก บ้างก็เล่าเรื่องที่โรงเรียน บ้างก็โม้เรื่องของเล่นและร้องหาจะเติมข้าวเป็นพักๆ ตรีเมฆเหลือบตามองเมื่อเด็กชายเติมข้าวหนที่สาม มองมือเรียวขาวเนียนสะอาดนั้นตักข้าวเติมให้ครึ่งทัพพีก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป แต่พอเด็กชายตรีเพชรอ้อนขอข้าวอีกเขาก็กดคิ้วเข้มขมวดมุ่น
“ยังไม่อิ่มอีกหรือเจ้าเพชร เดี๋ยวก็ท้องแตกตายกันพอดี”
เสียงแหบๆ ของนางมาลีเอ่ยบอก หากดวงตามีแววความเอ็นดู
“เพชรกินข้าวเก่งครับยาย กินเก่งๆ จะได้โตไวๆ” เด็กชายคุยโว ที่หางตาวิบวับหรี่มองไปทางคนที่ตัวโตเรียบร้อยแล้วคนเดียวของบ้านอย่างนึกอิจฉาประสาเด็ก ตั้งแต่เกิดมาตรีเพชรก็เป็นผู้ชายคนเดียวของบ้านมาโดยตลอดนี่นา อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายตัวโต สูงใหญ่ ท่าทางดุดันเข้ามาอยู่ด้วย แถมยังสวมบทพระเอกช่วยคุณครูคนสวยของตนไว้อีก หัวใจเล็กๆ ของเด็ก ชายแทบจะทนไม่ไหว
“กินข้าวมากเกินไป ไม่ได้ทำให้โตไวนะจ๊ะ แต่จะทำให้อ้วนต่างหาก” คนมีความรู้ปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ดุทั้งตายังยิ้มหวาน ตรีเมฆวางช้อน ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เด็กชายมองตามแล้วก็วางมือจากจานข้าวไปด้วย
“วันนี้ผมไปที่สวนมาครับ” ตรีเมฆเอ่ยเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เริ่มจิ้มผลไม้เข้าปากเป็นอย่างสุดท้าย นางมาลีชะงักมือ ก่อนจะเอ่ย
“เป็นยังไงบ้างล่ะ มันโทรมมากแล้วละ ดูแลไม่ค่อยไหว”
“ต่อไปผมจะไปดูให้” ตรีเมฆเอ่ย
“ดีแล้ว สวนนั่นพ่อเขารักมาก” นางมาลีเอ่ยพลางพยักหน้าหงึกๆ
มื้อค่ำดำเนินไปอีกสักพักในความเงียบที่แสนอึดอัด ก่อนจะมีเสียงร้องเรียกดังมาจากทางหน้าบ้าน
“ป้ามาลี ป้ามาลี”
“ใครน่ะ มีอะไรรึ”
“ดาเองป้า”
“อ้าว มีอะไรเรอะ” นางมาลีชะโงกหน้ามองไปที่ใต้ถุนบ้าน ร่างอวบอิ่มของสายสุดาในชุดผ้าถุงลายดอกสวย และเสื้อกล้ามสีขาวเนื้อบางยืนกระจ่างอยู่ที่ไฟหน้าบ้าน ดวงตาที่แต่งไว้งามเด่นสอดส่ายมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไฟที่ห้องฉันน่ะสิป้า มันดับ กำลังรีดผ้าอยู่แท้ๆ เลย ไม่รู้ไฟช็อตหรือเปล่า”
“งั้นเรอะ เออ รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวจะโทร.ตามช่างไฟให้ อาจช้าหน่อยนะ ค่ำมืดแล้ว บ้านเขาอยู่คลองสาม”
“ไม่มีช่างอื่นใกล้ๆ นี่เหรอป้า ฉันรีบอะ ต้องไปที่ผับตอนสองทุ่มนะนี่ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ”
“จะทำยังไงได้ละ หรือจะไปก่อน เดี๋ยวจะให้ช่างดูให้” ป้ามาลีเอ่ยอย่างจนใจ
“ได้ยังไงกันจ๊ะป้า ฉันจะอาบน้ำอาบท่ายังไงละ มืดอย่างนั้น”
“เดี๋ยวผมไปดูให้ กล่องเครื่องมือของพ่อยังอยู่ไหม” ตรีเมฆเอ่ยถามพร้อมลุกขึ้นยืน
“เออะ เออ อยู่ อยู่ในโรงรถนั่นละ” ป้ามาลีเกือบลืมไปแล้วว่าลูกชายเรียนสายช่างและเกือบจะได้ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตมาครองแล้ว นางมองตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนในชุดเสื้อยืดเก่าๆ ที่ซุกไว้มาหลายปีกับกางเกงกีฬาแบบผูกเอวใส่อยู่บ้านสีเข้มเมื่อเดินลงบันไดหายเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วไม่นานก็เดินหิ้วลังเครื่องมือออกมาที่ลานบ้าน มองสบตาหญิงสาวผู้มาขอความช่วยเหลือยามค่ำคืนที่อดสะเทิ้นอายด้วยความประหม่าน้อยๆ ไม่ได้เมื่อร่างสูงใหญ่แน่นไปด้วยมัดกล้ามเดินเข้ามาใกล้ หล่อนสาวเท้าเดินนำเขากลับไปที่ห้องพักของตนด้วยหัวใจระรี้ระริกและร้อนรุ่ม
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2563, 10:37:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 มี.ค. 2563, 10:37:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 461
<< บทที่ 3 -40% | บทที่ 3 -100% >> |