ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 10 -100%
แสงแดดเริ่มแตะขอบฟ้าแล้ว เมื่อรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ล่าสุด เลี้ยวออกพ้นรั้วอัตโนมัติของบ้านจัดสรรหลังใหม่ในย่านบ้านหรูที่เจ้าของเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน ชายหนุ่มมองบ้านสองชั้นหลังใหญ่ผ่านกระจกมองหลังของรถด้วยความภาคภูมิใจ
บ้านหลังนี้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ศมาตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอเพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับผู้หญิงดีๆ สักคน เขาจะมีลูกสักสองสามคนไว้ให้ชื่นใจยามกลับบ้าน ส่วนพ่อแม่พี่น้องและญาติๆ นั้นเขายกทาวน์เฮาส์สามชั้นสองคูหาแถวชานเมืองที่ซื้อเก่ามาทำใหม่ให้ไปแล้ว ก่อนที่จะแยกออกมาอยู่ตามลำพังได้เดือนกว่า
จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขารักกันเหนียวแน่นอบอุ่นดี เพราะผ่านพ้นความทุกข์ยากลำบากกันมามาก แต่ศมาเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน เมื่อเหนื่อยจากการทำงานแล้วเขาก็อยากกลับไปอยู่บ้านที่สงบสบาย ไม่วุ่นวายเอะอะอย่างที่ทาวน์เฮาส์ ฉะนั้นนานๆ เขาจะแวะกลับไปที่ทาวน์เฮาส์สักครั้งก็ไม่มีใครกล้าว่า เพราะหากไม่ใช่เพราะความวิริยะอุตสาหะของศมา ทุกคนในครอบครัวก็คงไม่อยู่ดีกินดีกันอย่างทุกวันนี้ แม้กระทั่งพ่อแม่เองจึงเกรงใจเขามาก
ศมาเหลือบมองเวลาในรถเล็กน้อย เช้านี้ชายหนุ่มวางแผนไว้แล้วว่า จะแวะไปที่ไซต์ก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ของตรีเมฆก่อน เพราะไม่ได้ไปดูมาเกือบสัปดาห์แล้ว เมื่อคืนตรีเมฆโทร.มาหาเขาด้วย
‘เป็นไงข้าวเย็นมื้อสำคัญ อร่อยไหมวะ’
‘อะไรของเอ็ง’
‘เอาเถอะ ไม่บอกก็ไม่ว่า จะถามอย่างเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาลุงบนตึกนั่น’ น้ำเสียงของตรีเมฆไม่ได้ล้อเล่นในประโยคนั้น ศมาเล่าเรื่องเท่าที่เห็นไปตามจริงพร้อมปิดท้ายว่า
‘คุณตวงทองเป็นลูกสาวคนเดียวของ ผอ. สุปราณี’
‘เหอะ แม่ก็เลยทูนหัวทูนเกล้า ใครแตะต้องไม่ได้ เลยเที่ยวกดหัวคนอื่นไปทั่ว ไม่เลือกหัวดำหัวหงอกสินะ’
‘นายก็พูดเกินไป มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ คุณจันทน์ยังไม่ได้ว่าอะไร เลิกแล้วต่อกันไปก็เท่านั้น’
‘ใช้ไม่ได้ มีอย่างที่ไหนพ่อโดนว่าขนาดนั้น ยังไม่ด่ากลับ นายเองยืนอมสากอยู่หรือไงวะ’
‘เบาๆ ไอ้เสือ ข้าจะพูดอะไรได้วะ’
‘เออสินะ กูลืมว่ามึงหวังจะงาบงานรับเหมาอยู่ เออดี แต่อย่ามัวแต่จ้องงานใหม่เงินร้อยล้านจนลืมงานหอพักกระจอกๆ ของกูก็แล้วกัน’
ตรีเมฆวางสายไปด้วยอารมณ์ขุ่น ศมาไม่คิดถือสา เขามีเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดต้องตัดสินใจอีกมากมายนัก
เมื่อรถคันใหญ่ของศมาเลี้ยวเข้ามาบริเวณเขตก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ตรีเนตร เขาก็ต้องแปลกใจกับงานก่อสร้างที่เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วในหนึ่งสัปดาห์ที่เขาไม่มีเวลามาดูงาน นับว่าตรีเมฆยังไม่สิ้นฝีมือที่ร่ำเรียนมาแม้จะไม่ได้จบการศึกษาอย่างสมบูรณ์ก็ตาม
ที่ม้านั่งใต้ต้นขนุนใหญ่ ตรีเมฆ ช่างเอก ลุงเกิด และพ่อคำจันทร์กำลังล้อมวงจิบกาแฟกันอยู่ คนงานต่างเริ่มเตรียมตัวลงทำงานกันตั้งแต่เช้าเช่นกัน ศมาไม่เห็นจันทน์กะพ้อจึงรู้สึกเสียดายอยู่หน่อยๆ ใจคิดจะรับหล่อนเข้าไปส่งในวิทยาลัยเพราะเขาจะเข้าไปดูงานอยู่พอดี สงสัยหล่อนจะออกไปทำงานแต่เช้า ป้ามาลีได้ลำดวนกลับมาช่วยงานที่ร้านขายผลไม้แล้ว ข้างๆ มีเปลผูกไว้ไกวอยู่ไหวๆ ศมาเลื่อนรถเข้ามาจอดก่อนจะลงไปร่วมวงกาแฟเช้า
“อ้าว นายช่างใหญ่ มาแต่เช้าเลยครับวันนี้ รับกาแฟไหมครับ” ช่างเอกกุลีกุจอลุกให้เจ้านายนั่ง ขณะที่ตรีเมฆปรายตามองศมาเงียบๆ
“หล่อหัวจรดเท้าเลยนะครับวันนี้” ช่างเอกชมไม่หยุดปาก ศมายกมือไหว้พ่อคำจันทร์และลุงเกิด ทั้งสองรับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตรีเมฆแค่พยักหน้าให้เป็นการทักทายกันอย่างปกติ
“กาแฟหรือชาปลาไหลเผือกดีครับนายช่าง” ช่างเอกถาม พลางยกกาต้มน้ำควันพวยพุ่งขึ้นให้ดู
“ชาปลาไหลเผือกอะไรเหรอพี่เอก”
“ยาบำรุงกำลังสูตรลุงคำจันทร์ไงครับนายช่าง รับรองฟิตปั๋ง ผมทดลองมาแล้วเมื่อคืน” ช่างเอกการันตีหน้าแดงก่ำ ยกน้ำต้มสมุนไพรซดโฮกๆ
“พ่อคำจันทร์มียาดีมาด้วยเหรอครับนี่ ผมพลาดไปแล้วแน่ๆ”
“ยังไม่มีลูกมีเมียอย่ากินเลยนายช่าง มันจะฟุ้งซ่านนะ” เจ้าของตำรับยาหยอกเย้า เลื่อนหม้อต้มกาแฟให้ยิ้มๆ “เอานี่กาแฟดำ”
“ขอบคุณครับ” ศมาโล่งใจที่ไม่เห็นร่องรอยความหมางใจบนใบหน้าอูมอิ่มนั้น
“เป็นไงวะ กินข้าวกับสาวสวยเมื่อคืน” ตรีเมฆเปิดเรื่องหน้าตาเฉย ศมาอยากจะตุ้ยคางเพื่อนสักหมัด
“เลี้ยงขอบคุณผู้อำนวยการเรื่องงานนิดหน่อยเท่านั้นละ”
“นี่นายช่างไปกินข้าวกับแม่หนูปรอทแตกนั่นมาเรอะ โอย...นี่ลุงยังปวดหูไม่หาย คนอะไร สวยก็สวยดีอยู่หรอก แต่เสียงแหลมปรี๊ด กรี๊ดทีขี้หูแตก”
“หา...ไม่นึกว่านายช่างมีรสนิยมชอบสาวเปรี้ยว ผมนึกว่าชอบสาวหวานๆ แบบ เอ่อ...”
“นั่นสิ พ่อศมาเรียบร้อยสุภาพแบบนี้คบกับคุณหนูขี้วีนแบบนั้นจะไหวเรอะ” พ่อคำจันทร์ทอดเสียงเนิบนาบน่าฟัง ตรีเมฆหรี่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจ
ตาลุงนี่จะวางหมากอะไรอีกล่ะ
“คนสุขุมก็ต้องเหมาะกับคนเรียบร้อยอ่อนหวานสิ”
นั่นปะไรเล่า! ตรีเมฆนึก แววรู้ทันเต้นระริกในดวงตาคมกล้า
ศมาหน้าเรื่อ ดวงตาเป็นประกายวาดหวัง
“ส่วนแม่หนูขาวีนนั่นก็ยกให้ช่างเมฆก็แล้วกัน ท่าทางจะปราบกันได้อยู่หมัด ดีไหม”
“ฮา!”
เสียงหัวเราะลั่นดังประสานกันขึ้น ตรีเมฆแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวยักษ์ทรงเสน่ห์
“ดีสิ กรี๊ดมาจะได้จับหักคอจิ้มน้ำพริกเสียเลย”
“ดุเกินไปหรือเปล่าช่าง ผู้หญิงเขากลัวมากๆ จะร้องไห้วิ่งหนีเอานา...” คนแก่ผมหงอกครึ่งค่อนหัวพูดไปจิบชาไปราวกับไม่มีอะไร แต่มันกลับกระตุกขั้วหัวใจของยักษ์ใหญ่อย่างหนัก
ตาลุงนี่! ชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้วสิ!
************
มาต่อให้ในวันหยุดจ้า ใครอยากอ่านรัวๆ โหลด eBook ได้ที่ mebmarket นะคะ หรือซื้อเล่มที่ ‘ศูนย์หนังสือจุฬาฯ’ มีวางขายที่หน้าร้านเลยค่ะ หรือ ‘ร้านต้นสน วังหลัง ศิริราช’ ก็มีจ้า
ถ้าสะดวกสั่งออนไลน์ ดังนี้
-inbox สั่งซื้อที่เพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’
-line แชตมาสั่งซื้อโดยอย่าลืมแอดเฟรนด์ plaipakkabooks ก่อนนะคะ
-Shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเรื่อง)
-ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun เป็นต้น
บ้านหลังนี้เป็นของเขาเพียงคนเดียว ศมาตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอเพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับผู้หญิงดีๆ สักคน เขาจะมีลูกสักสองสามคนไว้ให้ชื่นใจยามกลับบ้าน ส่วนพ่อแม่พี่น้องและญาติๆ นั้นเขายกทาวน์เฮาส์สามชั้นสองคูหาแถวชานเมืองที่ซื้อเก่ามาทำใหม่ให้ไปแล้ว ก่อนที่จะแยกออกมาอยู่ตามลำพังได้เดือนกว่า
จริงอยู่ที่ครอบครัวของเขารักกันเหนียวแน่นอบอุ่นดี เพราะผ่านพ้นความทุกข์ยากลำบากกันมามาก แต่ศมาเองก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน เมื่อเหนื่อยจากการทำงานแล้วเขาก็อยากกลับไปอยู่บ้านที่สงบสบาย ไม่วุ่นวายเอะอะอย่างที่ทาวน์เฮาส์ ฉะนั้นนานๆ เขาจะแวะกลับไปที่ทาวน์เฮาส์สักครั้งก็ไม่มีใครกล้าว่า เพราะหากไม่ใช่เพราะความวิริยะอุตสาหะของศมา ทุกคนในครอบครัวก็คงไม่อยู่ดีกินดีกันอย่างทุกวันนี้ แม้กระทั่งพ่อแม่เองจึงเกรงใจเขามาก
ศมาเหลือบมองเวลาในรถเล็กน้อย เช้านี้ชายหนุ่มวางแผนไว้แล้วว่า จะแวะไปที่ไซต์ก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ของตรีเมฆก่อน เพราะไม่ได้ไปดูมาเกือบสัปดาห์แล้ว เมื่อคืนตรีเมฆโทร.มาหาเขาด้วย
‘เป็นไงข้าวเย็นมื้อสำคัญ อร่อยไหมวะ’
‘อะไรของเอ็ง’
‘เอาเถอะ ไม่บอกก็ไม่ว่า จะถามอย่างเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาลุงบนตึกนั่น’ น้ำเสียงของตรีเมฆไม่ได้ล้อเล่นในประโยคนั้น ศมาเล่าเรื่องเท่าที่เห็นไปตามจริงพร้อมปิดท้ายว่า
‘คุณตวงทองเป็นลูกสาวคนเดียวของ ผอ. สุปราณี’
‘เหอะ แม่ก็เลยทูนหัวทูนเกล้า ใครแตะต้องไม่ได้ เลยเที่ยวกดหัวคนอื่นไปทั่ว ไม่เลือกหัวดำหัวหงอกสินะ’
‘นายก็พูดเกินไป มันแค่เรื่องเข้าใจผิดกันน่ะ คุณจันทน์ยังไม่ได้ว่าอะไร เลิกแล้วต่อกันไปก็เท่านั้น’
‘ใช้ไม่ได้ มีอย่างที่ไหนพ่อโดนว่าขนาดนั้น ยังไม่ด่ากลับ นายเองยืนอมสากอยู่หรือไงวะ’
‘เบาๆ ไอ้เสือ ข้าจะพูดอะไรได้วะ’
‘เออสินะ กูลืมว่ามึงหวังจะงาบงานรับเหมาอยู่ เออดี แต่อย่ามัวแต่จ้องงานใหม่เงินร้อยล้านจนลืมงานหอพักกระจอกๆ ของกูก็แล้วกัน’
ตรีเมฆวางสายไปด้วยอารมณ์ขุ่น ศมาไม่คิดถือสา เขามีเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดต้องตัดสินใจอีกมากมายนัก
เมื่อรถคันใหญ่ของศมาเลี้ยวเข้ามาบริเวณเขตก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ตรีเนตร เขาก็ต้องแปลกใจกับงานก่อสร้างที่เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วในหนึ่งสัปดาห์ที่เขาไม่มีเวลามาดูงาน นับว่าตรีเมฆยังไม่สิ้นฝีมือที่ร่ำเรียนมาแม้จะไม่ได้จบการศึกษาอย่างสมบูรณ์ก็ตาม
ที่ม้านั่งใต้ต้นขนุนใหญ่ ตรีเมฆ ช่างเอก ลุงเกิด และพ่อคำจันทร์กำลังล้อมวงจิบกาแฟกันอยู่ คนงานต่างเริ่มเตรียมตัวลงทำงานกันตั้งแต่เช้าเช่นกัน ศมาไม่เห็นจันทน์กะพ้อจึงรู้สึกเสียดายอยู่หน่อยๆ ใจคิดจะรับหล่อนเข้าไปส่งในวิทยาลัยเพราะเขาจะเข้าไปดูงานอยู่พอดี สงสัยหล่อนจะออกไปทำงานแต่เช้า ป้ามาลีได้ลำดวนกลับมาช่วยงานที่ร้านขายผลไม้แล้ว ข้างๆ มีเปลผูกไว้ไกวอยู่ไหวๆ ศมาเลื่อนรถเข้ามาจอดก่อนจะลงไปร่วมวงกาแฟเช้า
“อ้าว นายช่างใหญ่ มาแต่เช้าเลยครับวันนี้ รับกาแฟไหมครับ” ช่างเอกกุลีกุจอลุกให้เจ้านายนั่ง ขณะที่ตรีเมฆปรายตามองศมาเงียบๆ
“หล่อหัวจรดเท้าเลยนะครับวันนี้” ช่างเอกชมไม่หยุดปาก ศมายกมือไหว้พ่อคำจันทร์และลุงเกิด ทั้งสองรับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตรีเมฆแค่พยักหน้าให้เป็นการทักทายกันอย่างปกติ
“กาแฟหรือชาปลาไหลเผือกดีครับนายช่าง” ช่างเอกถาม พลางยกกาต้มน้ำควันพวยพุ่งขึ้นให้ดู
“ชาปลาไหลเผือกอะไรเหรอพี่เอก”
“ยาบำรุงกำลังสูตรลุงคำจันทร์ไงครับนายช่าง รับรองฟิตปั๋ง ผมทดลองมาแล้วเมื่อคืน” ช่างเอกการันตีหน้าแดงก่ำ ยกน้ำต้มสมุนไพรซดโฮกๆ
“พ่อคำจันทร์มียาดีมาด้วยเหรอครับนี่ ผมพลาดไปแล้วแน่ๆ”
“ยังไม่มีลูกมีเมียอย่ากินเลยนายช่าง มันจะฟุ้งซ่านนะ” เจ้าของตำรับยาหยอกเย้า เลื่อนหม้อต้มกาแฟให้ยิ้มๆ “เอานี่กาแฟดำ”
“ขอบคุณครับ” ศมาโล่งใจที่ไม่เห็นร่องรอยความหมางใจบนใบหน้าอูมอิ่มนั้น
“เป็นไงวะ กินข้าวกับสาวสวยเมื่อคืน” ตรีเมฆเปิดเรื่องหน้าตาเฉย ศมาอยากจะตุ้ยคางเพื่อนสักหมัด
“เลี้ยงขอบคุณผู้อำนวยการเรื่องงานนิดหน่อยเท่านั้นละ”
“นี่นายช่างไปกินข้าวกับแม่หนูปรอทแตกนั่นมาเรอะ โอย...นี่ลุงยังปวดหูไม่หาย คนอะไร สวยก็สวยดีอยู่หรอก แต่เสียงแหลมปรี๊ด กรี๊ดทีขี้หูแตก”
“หา...ไม่นึกว่านายช่างมีรสนิยมชอบสาวเปรี้ยว ผมนึกว่าชอบสาวหวานๆ แบบ เอ่อ...”
“นั่นสิ พ่อศมาเรียบร้อยสุภาพแบบนี้คบกับคุณหนูขี้วีนแบบนั้นจะไหวเรอะ” พ่อคำจันทร์ทอดเสียงเนิบนาบน่าฟัง ตรีเมฆหรี่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจ
ตาลุงนี่จะวางหมากอะไรอีกล่ะ
“คนสุขุมก็ต้องเหมาะกับคนเรียบร้อยอ่อนหวานสิ”
นั่นปะไรเล่า! ตรีเมฆนึก แววรู้ทันเต้นระริกในดวงตาคมกล้า
ศมาหน้าเรื่อ ดวงตาเป็นประกายวาดหวัง
“ส่วนแม่หนูขาวีนนั่นก็ยกให้ช่างเมฆก็แล้วกัน ท่าทางจะปราบกันได้อยู่หมัด ดีไหม”
“ฮา!”
เสียงหัวเราะลั่นดังประสานกันขึ้น ตรีเมฆแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวยักษ์ทรงเสน่ห์
“ดีสิ กรี๊ดมาจะได้จับหักคอจิ้มน้ำพริกเสียเลย”
“ดุเกินไปหรือเปล่าช่าง ผู้หญิงเขากลัวมากๆ จะร้องไห้วิ่งหนีเอานา...” คนแก่ผมหงอกครึ่งค่อนหัวพูดไปจิบชาไปราวกับไม่มีอะไร แต่มันกลับกระตุกขั้วหัวใจของยักษ์ใหญ่อย่างหนัก
ตาลุงนี่! ชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้วสิ!
************
มาต่อให้ในวันหยุดจ้า ใครอยากอ่านรัวๆ โหลด eBook ได้ที่ mebmarket นะคะ หรือซื้อเล่มที่ ‘ศูนย์หนังสือจุฬาฯ’ มีวางขายที่หน้าร้านเลยค่ะ หรือ ‘ร้านต้นสน วังหลัง ศิริราช’ ก็มีจ้า
ถ้าสะดวกสั่งออนไลน์ ดังนี้
-inbox สั่งซื้อที่เพจ ‘ปลายปากกาสำนักพิมพ์’
-line แชตมาสั่งซื้อโดยอย่าลืมแอดเฟรนด์ plaipakkabooks ก่อนนะคะ
-Shopee ร้าน plaipakkabooks_officialshop (ส่งฟรีทุกเรื่อง)
-ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun เป็นต้น
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2563, 19:32:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2563, 19:32:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 471
| << บทที่ 10 -80% | บทที่ 11 -25% >> |