กรุ่นไอรักจากตำหนักหวางเฟย
ในเมื่อท่านมีข้าแล้วท่านจะถามหาหญิงอื่นใย ถ้าหากว่าข้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ ข้าคงยืนหยัดที่จะแต่งงานกับจวิ้นอ๋องตั้งแต่วันนั้น
Tags: #นิยายจีน #จีน #จีนโบราณ #นิยายจีนโบราณ #ท่านอ๋อง #พระชายา #พระราชวัง
ตอน: แผลงฤทธิ์
ณ จวนชินอ๋อง.. ภายในตำหนักที่ถูกตกแต่งไปด้วยของสีเขียว หันไปทางไหนก็ยังเห็นเป็นไผ่ที่มีสีเขียวสด ไม่มีทางเหี่ยว ถ้าสังเกตตอนกลางคืนจะมองไม่ค่อยเห็น แต่ยิ่งตอนเช้าอย่างกับอยู่ในป่าไผ่ไปเลย ไป๋ไป๋เดินเข้ามาในตำหนักพร้อมกับถือเสื้อผ้าที่พับไว้ในกล่องมากมายเข้ามา
"พระชายา พระชายาท่านจะตื่นเมื่อไหร่กัน แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องแล้วแต่กลับยังใช้นิสัยเดิมอยู่นะเพคะ" ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับเดินไปหยิบชามไม้ที่มีน้ำอุ่นๆ อยู่ในนั้นซึ่งพาดกับผ้าขาวมาวางไว้ข้างล่างเตียง
"นั่นเจ้าทำอะไร!? " เสียงเคร่งขรึมของชายหนุ่มเดินเข้ามา ไป๋ไป๋ตกใจจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะคำนับชินอ๋อง
"นี่คือน้ำอุ่นสำหรับคุณหนูเพคะ" เธอพูดก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความกลัว ไม่นานเสี่ยวฉินก็จับชามนั้นขึ้นพร้อมกับสาดใส่คนบนเตียง
"กรี๊ด!!! " เสี่ยวหลานสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาราวกับว่าจิตออกจากร่าง เธอมองทั่วเรือนร่างของตนซึ่งตอนนี้เปียกฉ่ำน้ำไปหมดแล้ว
"ไม่ใช่แบบนั้นเพคะ นี่คือน้ำล้างเท้าตอนเช้าให้กับพระชายาทุกๆ วันใหม่" เธอรนรานและทำท่าทางปฏิเสธ
"ข้าไม่รู้นี่นา" เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะโยนชามให้ไป๋ไป๋รับและเลิกคิ้วใส่เสี่ยวหลานหนึ่งครั้ง ก็หันหลังเดินหนีไปเลย
"ชินอ๋องงงง" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงลากยาวสื่อถึงความโกรธ ดวงตาคู่งามของเสี่ยวหลานจ้องมองเขาด้วยความโมโหเธอขมวดคิ้วแน่น แต่ทว่าเสี่ยวฉินกลับหันมายิ้มและเดินออกไป หญิงสาวโมโหมากจึงโยนหมอนออกไปเพื่อระบาย ขณะนั้นก็มีขันทีเดินเข้ามาพอดีกลับโดนเขาเข้าไปเต็มๆ แพะรับบาปสิ้นดี
"พระชายา" ขันทีผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งเรียบนิ่ง สีหน้าดูไม่เล่นด้วย เธอจึงได้แค่ยิ้มแห้งๆ ให้กับเขา และบวกกับสีหน้าที่สื่อว่าผิดไปแล้ว
เมื่อเหตุการณ์สงบลงเขาจึงตัดสินใจเอ่ย "ฮ่องเต้ มีรับสั่งให้พระชายากับท่านอ๋องเข้าเฝ้าตามความต้องการของจวิ้นอ๋องพะยะค่ะ" เขาพูดจบก็หันไปพยักหน้าให้ไป๋ไป๋เพื่อสื่อให้แต่งตัวให้กับนาง ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาไม่ได้สงสัยที่ตัวนางเปียกน้ำเลยแม้แต่นิด หรือเพราะจะเป็นเรื่องส่วนตัว หญิงสาวคิด
เสี่ยวหลานนั่งนิ่ง เธอคิดว่าที่ท่านอ๋องเดินออกไปก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าต้องได้เข้าเฝ้า แล้วที่มาตอนนี้ก็คงมาปลุก แต่ช่างกล้านักที่กล้าสาดน้ำที่ใช้ล้างเท้าใส่เธอเช่นนี้
"พระชายา ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเพคะ! " ไป๋ไป๋หันไปพูดก่อนจะลากกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาแล้วทำการเปิดเลือกเสื้อผ้า
"ข้าชอบสีม่วง เอาชุดที่เป็นสีม่วงให้ข้าไป๋ไป๋" เสี่ยวหลินลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เธอแต่งตัวก่อนที่จะเห็นทุกอย่างในตำหนัก ใบไผ่สีเขียวสด ตำหนักที่มีแต่อะไรเขียวๆ ผ้าม่านเขียวลายไผ่ ของตกแต่งสีเขียว เธอไม่ได้สังเกตมันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เธอจำได้ว่าภาพวาดของหญิงสาวนั้น มีใบไผ่ด้วย เสี่ยวหลานยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องคนนี้ช่างโรแมนติก ตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนางในฝันคนนั้นงั้นหรอ
ภายในพระราชวัง ทุกคนต่างยืนอยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวากัน แต่ชินอ๋องกำลังคำนับฮ่องเต้และฮองเฮาอยู่ข้างหน้า ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ ที่กำลังจะเดินเข้าไป เธอมาช้าหรอกหรอ
"ถวายบังคมฝ่าบาท" เสี่ยวหลินถวายบังคมก่อนที่จะหันไปมองชินอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมองเขาด้วยสายตางอน ตามที่ผู้หญิงจะเป็น แต่เขากลับถอนหายใจทิ้งใส่เธอ เสี่ยวหลานจึงหันไปทำตาโตใส่เขา
"นั่นไงพะยะค่ะ นางคือพระชายาของหม่อมฉัน ชินอ๋องร้ายกาจนัก กล้าแย่งนางไปจากข้า! " จวิ้นอ๋องพูดด้วยความโมโหตาลุกเป็นไฟ พยายามกรูใส่ แต่ก็ต้องพยายามหยุดความคิดนั่นเพราะสายตาของฮ่องเต้ที่มองมา เขาจึงอุทานออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ได้ดั่งใจ
"ข้าทราบเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ควรปล่อยไปจริงหรือไม่จวิ้นอ๋อง ข้าว่าชินอ๋องก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอก ข้าจะค้นหาสาวงามทั้งแผ่นดินมาคืนเจ้า ดีหรือไม่เล่า" ฮ่องเต้พูดก่อนจะจ้องมองที่เขา นั่นมันเหมือนคำประชดเอาซะเลยถ้าขืนได้ยืนอยู่ต่อคงน่าอาย จวิ้นอ๋องรีบเดินหนีออกไปด้วยท่าทีกระฟึดกระฟัดไม่ได้ดั่งใจ ทุกคนต่างรู้ว่าชินอ๋องเป็นยังไง แถมฮ่องเต้ยังเข้าข้างเขาอีกก็เพราะหวังใช้ประโยชน์จากเขาทั้งนั้นเรื่องนี้เองชินอ๋องก็รู้
"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านชอบกินขนมดอกกุ้ยฮวา จริงหรือไม่" ฮองเฮาเอ่ยปากถามเมื่อทุกคนตกอยู่ในภวังค์เงียบ
"จริงเพคะ หม่อมฉันชอบมาก กินแล้วรู้สึกดี รู้สึกเหมือนมีวรยุทธทั้งๆ ที่ตนไม่มีวรยุทธเหมือนสวามีเลยเพคะ ชินอ๋องเก่งทั้งวาดภาพ เป่าขลุ่ย เชียวนะเพคะ ซักวันหนึ่งหม่อมฉันจะเรียนกระบี่ปกป้องเขาเองเพคะ" เสี่ยวหลานเชยชมพร้อมกับทำท่าทางประกอบเปรียบเสมือนตนเป็นนักรบ นี่เธอกำลังออกทะเลไปมั่ว ทุกคนต่างหัวเราะให้เธอต่างเอ็นดูกัน แม้แต่ฮองเฮาด้วย เธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรเธอต้องการทำให้ชินอ๋องขายหน้าทุกคน
"เด็กน้อย เจ้าช่างน่าเอ็นดูจริงๆ ถามว่าทำไมข้าถึงรู้ เมื่อเช้าข้าเห็นชินอ๋องไปที่ห้องครัว สั่งให้คนทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปที่ตำหนักเจ้า ข้ารู้ว่าเสี่ยวฉินไม่ชอบกิน แต่กลับสั่งคนทำซะงั้น ตอนนี้ข้ารู้คำตอบแล้วล่ะ" ฮองเฮาพูดก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนและมองดูท่าทางของชินอ๋อง
"หือ? " เสี่ยวหลานหันไปมองชินอ๋องที่กำลังเบือนหน้าหนี ที่แท้เขาก็คงจะมีเยื่อใยสินะแต่เพียงท่าทางปากแข็ง เสี่ยวหลานคิดก่อนจะอมยิ้มออกมา
"ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วกระหม่อมขอทูลลา" เสี่ยวฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เย็นเยือกเหมือนน้ำนิ่งในทะเล ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปมองชายาด้วยสายตาดุดัน น่ากลัวเสียจริง เสี่ยวหลานคิด
"หม่อมฉันขอตัวเพคะ" หานเสี่ยวหลานคำนับก่อนจะวิ่งตามชินอ๋องออกไป
"ฉินฉิน!! " เธอร้องเรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่หยุดเดินเลยแถมยังเดินเร็วอีก สงสัยจะโกรธอะไรไปเสียแล้ว
"เจ้าว่าอะไรนะ! " ชินอ๋องหยุดเดินก่อนจะหันมามองเสี่ยวหลานจากสายตาดุดันก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อกี๊เขาต้องไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ คนที่จะเรียกเขาแบบนี้ได้ก็คงมีแค่ผิงเยว่ฉีเท่านั้น เธอมีสิทธิ์อะไรกัน
"เปล่าๆๆ ข้าขอโทษด้วยละกันเรื่องของวันนี้ ข้าตั้งใจที่ไม่ได้ตั้งใจ" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะเดินผ่านไป แต่แขนเล็กๆ ของเธอก็ถูกคว้าด้วยมือหยาบกระด้างที่จับดาบมานานของชายหนุ่ม
"เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป่าขลุ่ย หรือเมื่อคืนเจ้าแอบฟังที่ข้าเป่า" เขาถาม แต่ทว่าเสี่ยวหลานกลับอมยิ้ม มันเป็นครั้งแรกที่เขาจับตัวเธอ ช่างอ่อนน้อมเหลือเกิน
"ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าเพียงเห็นขลุ่ยของท่านวางอยู่ในตำหนักที่ถูกแกะสลักเป็นชื่อผิงเยว่ฉี มันวางอยู่ข้างๆ กับภาพวาดของนางแถมตำหนักยังมีแต่อะไรเป็นไผ่เต็มไปหมด สดชื่นเนาะ" เสี่ยวหลานพูดกระพริบตาเล็กน้อยแบบไม่พอใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรักกลับเคยมีใจให้ใครมาก่อน พร้อมกับมอบตำหนักป่าไผ่นั่นให้เพราะหวังว่านางจะได้เป็นชายาเอก
ชินอ๋องไม่พูดอะไรเพียงแต่ปล่อยแขนของเสี่ยวหลานลงอย่างแรงและเดินหนีไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม ในใจโกรธเป็นไฟเมื่อผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาจุ้นจ้านในความรักของเขาเฉกเช่นนี้ ช่างบังอาจ และเมื่อเช้าที่สั่งทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปให้เพราะหวังดี
เสี่ยวหลินกลับไปที่ตำหนักแต่พบว่าไป๋ไป๋กำลังขนของออกมา
"เจ้าทำอะไรน่ะไป๋ไป๋" เสี่ยวหลานตกใจมากจึงรีบถามออกไป กวาดสายตาไปเห็นขนมดอกกุ้ยฮวาที่ถูกโยนทิ้งลงกับพื้น
"ชินอ๋องมีคำสั่งให้พวกเราย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นเพคะพระชายา เขาบอกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับคนแพศยาอย่างพวกเรา" ไป๋ไป๋เอ่ย
"กล้ามาก! ขนกลับเข้าไปเหมือนเดิม! ข้าจะไม่ออกไปไหน แล้วก็ลื้อของต่างๆ ที่เกี่ยวกับป่าไผ่นั่นออกไป รูปภาพกับขลุ่ย เอาออกไปซะ" เสี่ยวหลานพูดด้วยความโมโหที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน ในเมื่อเธอเป็นพระชายาเอก นี่คือตำหนักของชายาเอก จะมีใครกันล่ะที่จะเข้ามาพรากตำแหน่งนี้ไปได้ เสี่ยวหลานเดินไปกระโดดเหยียบขนมกุ้ยฮวาจนเละด้วยความโกรธ
"พระชายา พระชายาท่านจะตื่นเมื่อไหร่กัน แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องแล้วแต่กลับยังใช้นิสัยเดิมอยู่นะเพคะ" ไป๋ไป๋พูดพร้อมกับเดินไปหยิบชามไม้ที่มีน้ำอุ่นๆ อยู่ในนั้นซึ่งพาดกับผ้าขาวมาวางไว้ข้างล่างเตียง
"นั่นเจ้าทำอะไร!? " เสียงเคร่งขรึมของชายหนุ่มเดินเข้ามา ไป๋ไป๋ตกใจจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะคำนับชินอ๋อง
"นี่คือน้ำอุ่นสำหรับคุณหนูเพคะ" เธอพูดก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความกลัว ไม่นานเสี่ยวฉินก็จับชามนั้นขึ้นพร้อมกับสาดใส่คนบนเตียง
"กรี๊ด!!! " เสี่ยวหลานสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาราวกับว่าจิตออกจากร่าง เธอมองทั่วเรือนร่างของตนซึ่งตอนนี้เปียกฉ่ำน้ำไปหมดแล้ว
"ไม่ใช่แบบนั้นเพคะ นี่คือน้ำล้างเท้าตอนเช้าให้กับพระชายาทุกๆ วันใหม่" เธอรนรานและทำท่าทางปฏิเสธ
"ข้าไม่รู้นี่นา" เขายักไหล่เล็กน้อยก่อนจะโยนชามให้ไป๋ไป๋รับและเลิกคิ้วใส่เสี่ยวหลานหนึ่งครั้ง ก็หันหลังเดินหนีไปเลย
"ชินอ๋องงงง" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงลากยาวสื่อถึงความโกรธ ดวงตาคู่งามของเสี่ยวหลานจ้องมองเขาด้วยความโมโหเธอขมวดคิ้วแน่น แต่ทว่าเสี่ยวฉินกลับหันมายิ้มและเดินออกไป หญิงสาวโมโหมากจึงโยนหมอนออกไปเพื่อระบาย ขณะนั้นก็มีขันทีเดินเข้ามาพอดีกลับโดนเขาเข้าไปเต็มๆ แพะรับบาปสิ้นดี
"พระชายา" ขันทีผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งเรียบนิ่ง สีหน้าดูไม่เล่นด้วย เธอจึงได้แค่ยิ้มแห้งๆ ให้กับเขา และบวกกับสีหน้าที่สื่อว่าผิดไปแล้ว
เมื่อเหตุการณ์สงบลงเขาจึงตัดสินใจเอ่ย "ฮ่องเต้ มีรับสั่งให้พระชายากับท่านอ๋องเข้าเฝ้าตามความต้องการของจวิ้นอ๋องพะยะค่ะ" เขาพูดจบก็หันไปพยักหน้าให้ไป๋ไป๋เพื่อสื่อให้แต่งตัวให้กับนาง ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาไม่ได้สงสัยที่ตัวนางเปียกน้ำเลยแม้แต่นิด หรือเพราะจะเป็นเรื่องส่วนตัว หญิงสาวคิด
เสี่ยวหลานนั่งนิ่ง เธอคิดว่าที่ท่านอ๋องเดินออกไปก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าต้องได้เข้าเฝ้า แล้วที่มาตอนนี้ก็คงมาปลุก แต่ช่างกล้านักที่กล้าสาดน้ำที่ใช้ล้างเท้าใส่เธอเช่นนี้
"พระชายา ได้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเพคะ! " ไป๋ไป๋หันไปพูดก่อนจะลากกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาแล้วทำการเปิดเลือกเสื้อผ้า
"ข้าชอบสีม่วง เอาชุดที่เป็นสีม่วงให้ข้าไป๋ไป๋" เสี่ยวหลินลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เธอแต่งตัวก่อนที่จะเห็นทุกอย่างในตำหนัก ใบไผ่สีเขียวสด ตำหนักที่มีแต่อะไรเขียวๆ ผ้าม่านเขียวลายไผ่ ของตกแต่งสีเขียว เธอไม่ได้สังเกตมันตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เธอจำได้ว่าภาพวาดของหญิงสาวนั้น มีใบไผ่ด้วย เสี่ยวหลานยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องคนนี้ช่างโรแมนติก ตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนางในฝันคนนั้นงั้นหรอ
ภายในพระราชวัง ทุกคนต่างยืนอยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวากัน แต่ชินอ๋องกำลังคำนับฮ่องเต้และฮองเฮาอยู่ข้างหน้า ทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ ที่กำลังจะเดินเข้าไป เธอมาช้าหรอกหรอ
"ถวายบังคมฝ่าบาท" เสี่ยวหลินถวายบังคมก่อนที่จะหันไปมองชินอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอมองเขาด้วยสายตางอน ตามที่ผู้หญิงจะเป็น แต่เขากลับถอนหายใจทิ้งใส่เธอ เสี่ยวหลานจึงหันไปทำตาโตใส่เขา
"นั่นไงพะยะค่ะ นางคือพระชายาของหม่อมฉัน ชินอ๋องร้ายกาจนัก กล้าแย่งนางไปจากข้า! " จวิ้นอ๋องพูดด้วยความโมโหตาลุกเป็นไฟ พยายามกรูใส่ แต่ก็ต้องพยายามหยุดความคิดนั่นเพราะสายตาของฮ่องเต้ที่มองมา เขาจึงอุทานออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ได้ดั่งใจ
"ข้าทราบเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ควรปล่อยไปจริงหรือไม่จวิ้นอ๋อง ข้าว่าชินอ๋องก็คงไม่ได้ตั้งใจหรอก ข้าจะค้นหาสาวงามทั้งแผ่นดินมาคืนเจ้า ดีหรือไม่เล่า" ฮ่องเต้พูดก่อนจะจ้องมองที่เขา นั่นมันเหมือนคำประชดเอาซะเลยถ้าขืนได้ยืนอยู่ต่อคงน่าอาย จวิ้นอ๋องรีบเดินหนีออกไปด้วยท่าทีกระฟึดกระฟัดไม่ได้ดั่งใจ ทุกคนต่างรู้ว่าชินอ๋องเป็นยังไง แถมฮ่องเต้ยังเข้าข้างเขาอีกก็เพราะหวังใช้ประโยชน์จากเขาทั้งนั้นเรื่องนี้เองชินอ๋องก็รู้
"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านชอบกินขนมดอกกุ้ยฮวา จริงหรือไม่" ฮองเฮาเอ่ยปากถามเมื่อทุกคนตกอยู่ในภวังค์เงียบ
"จริงเพคะ หม่อมฉันชอบมาก กินแล้วรู้สึกดี รู้สึกเหมือนมีวรยุทธทั้งๆ ที่ตนไม่มีวรยุทธเหมือนสวามีเลยเพคะ ชินอ๋องเก่งทั้งวาดภาพ เป่าขลุ่ย เชียวนะเพคะ ซักวันหนึ่งหม่อมฉันจะเรียนกระบี่ปกป้องเขาเองเพคะ" เสี่ยวหลานเชยชมพร้อมกับทำท่าทางประกอบเปรียบเสมือนตนเป็นนักรบ นี่เธอกำลังออกทะเลไปมั่ว ทุกคนต่างหัวเราะให้เธอต่างเอ็นดูกัน แม้แต่ฮองเฮาด้วย เธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรเธอต้องการทำให้ชินอ๋องขายหน้าทุกคน
"เด็กน้อย เจ้าช่างน่าเอ็นดูจริงๆ ถามว่าทำไมข้าถึงรู้ เมื่อเช้าข้าเห็นชินอ๋องไปที่ห้องครัว สั่งให้คนทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปที่ตำหนักเจ้า ข้ารู้ว่าเสี่ยวฉินไม่ชอบกิน แต่กลับสั่งคนทำซะงั้น ตอนนี้ข้ารู้คำตอบแล้วล่ะ" ฮองเฮาพูดก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนและมองดูท่าทางของชินอ๋อง
"หือ? " เสี่ยวหลานหันไปมองชินอ๋องที่กำลังเบือนหน้าหนี ที่แท้เขาก็คงจะมีเยื่อใยสินะแต่เพียงท่าทางปากแข็ง เสี่ยวหลานคิดก่อนจะอมยิ้มออกมา
"ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วกระหม่อมขอทูลลา" เสี่ยวฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เย็นเยือกเหมือนน้ำนิ่งในทะเล ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปมองชายาด้วยสายตาดุดัน น่ากลัวเสียจริง เสี่ยวหลานคิด
"หม่อมฉันขอตัวเพคะ" หานเสี่ยวหลานคำนับก่อนจะวิ่งตามชินอ๋องออกไป
"ฉินฉิน!! " เธอร้องเรียกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่หยุดเดินเลยแถมยังเดินเร็วอีก สงสัยจะโกรธอะไรไปเสียแล้ว
"เจ้าว่าอะไรนะ! " ชินอ๋องหยุดเดินก่อนจะหันมามองเสี่ยวหลานจากสายตาดุดันก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อกี๊เขาต้องไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ คนที่จะเรียกเขาแบบนี้ได้ก็คงมีแค่ผิงเยว่ฉีเท่านั้น เธอมีสิทธิ์อะไรกัน
"เปล่าๆๆ ข้าขอโทษด้วยละกันเรื่องของวันนี้ ข้าตั้งใจที่ไม่ได้ตั้งใจ" เสี่ยวหลานพูดก่อนจะเดินผ่านไป แต่แขนเล็กๆ ของเธอก็ถูกคว้าด้วยมือหยาบกระด้างที่จับดาบมานานของชายหนุ่ม
"เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าเป่าขลุ่ย หรือเมื่อคืนเจ้าแอบฟังที่ข้าเป่า" เขาถาม แต่ทว่าเสี่ยวหลานกลับอมยิ้ม มันเป็นครั้งแรกที่เขาจับตัวเธอ ช่างอ่อนน้อมเหลือเกิน
"ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าเพียงเห็นขลุ่ยของท่านวางอยู่ในตำหนักที่ถูกแกะสลักเป็นชื่อผิงเยว่ฉี มันวางอยู่ข้างๆ กับภาพวาดของนางแถมตำหนักยังมีแต่อะไรเป็นไผ่เต็มไปหมด สดชื่นเนาะ" เสี่ยวหลานพูดกระพริบตาเล็กน้อยแบบไม่พอใจเมื่อเห็นว่าคนที่ตนรักกลับเคยมีใจให้ใครมาก่อน พร้อมกับมอบตำหนักป่าไผ่นั่นให้เพราะหวังว่านางจะได้เป็นชายาเอก
ชินอ๋องไม่พูดอะไรเพียงแต่ปล่อยแขนของเสี่ยวหลานลงอย่างแรงและเดินหนีไปด้วยท่าทางเคร่งขรึม ในใจโกรธเป็นไฟเมื่อผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้เข้ามาจุ้นจ้านในความรักของเขาเฉกเช่นนี้ ช่างบังอาจ และเมื่อเช้าที่สั่งทำขนมดอกกุ้ยฮวาไปให้เพราะหวังดี
เสี่ยวหลินกลับไปที่ตำหนักแต่พบว่าไป๋ไป๋กำลังขนของออกมา
"เจ้าทำอะไรน่ะไป๋ไป๋" เสี่ยวหลานตกใจมากจึงรีบถามออกไป กวาดสายตาไปเห็นขนมดอกกุ้ยฮวาที่ถูกโยนทิ้งลงกับพื้น
"ชินอ๋องมีคำสั่งให้พวกเราย้ายไปอยู่ตำหนักอื่นเพคะพระชายา เขาบอกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับคนแพศยาอย่างพวกเรา" ไป๋ไป๋เอ่ย
"กล้ามาก! ขนกลับเข้าไปเหมือนเดิม! ข้าจะไม่ออกไปไหน แล้วก็ลื้อของต่างๆ ที่เกี่ยวกับป่าไผ่นั่นออกไป รูปภาพกับขลุ่ย เอาออกไปซะ" เสี่ยวหลานพูดด้วยความโมโหที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน ในเมื่อเธอเป็นพระชายาเอก นี่คือตำหนักของชายาเอก จะมีใครกันล่ะที่จะเข้ามาพรากตำแหน่งนี้ไปได้ เสี่ยวหลานเดินไปกระโดดเหยียบขนมกุ้ยฮวาจนเละด้วยความโกรธ
เหวินฉี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2563, 09:48:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2563, 09:48:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 227
<< สาวงาม | อำมหิต >> |