แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 14 -50%
วันที่สองของเมทิยากับการมาทำงานเป็นเลขาหน้าห้องให้ภควัตน์นั้น สร้างความปวดหัววุ่นวายแก่เลขาเก่าอย่างวรีวาฏิกาเป็นอย่างมาก หลังจากที่ให้ลองนัดหมายประชุมเอง เมื่อวรีวาฏิกามาตรวจทานให้ก็พบว่าเลขาสาวคนใหม่ทำผิดเป็นแถบๆ ไม่ว่าจะเป็นใส่ชื่อห้องประชุมแต่ดันลืมจองห้องประชุมนั้นไว้ หรือนัดหมายไว้สิบโมงแต่ดันทำนัดเป็นสิบเอ็ดโมง เพราะกด Time zone ผิด รวมถึงเรื่องอื่นๆ จิปาถะอีกมากมายจนวรีวาฏิกาอยากเอามือกุมหัวร้องไห้อย่างน่าเวทนา
กะอีแค่นัดประชุมมันยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่! ตอนเรียนปริญญาโท สาวตรงหน้าฝากคนอื่นสอบหรือยังไงถึงได้สอบผ่านมาได้ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ
วันที่สาม เป็นวันที่วรีวาฏิกาสอนทุกอย่างจนหมด สอนแบบไม่ได้แคร์ว่าลูกศิษย์จะจำได้หรือไม่ได้ จะจดหรือไม่จด เธอสักแต่ว่าสอนแล้ว ทำได้ไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน โดยเมทิยาก็ยังคงมาตรฐานเดิมคือ ไม่จด ไม่จำ และเอาแต่ทำหน้าเบื่อหน่ายเวลาเรียนรู้งาน แต่วรีวาฏิกาแคร์ไหม ก็ไม่ เธอยังตั้งใจสอนแบบเดิม จนกระทั่งเย็นวันที่สาม เธอก็ได้รู้ฤทธิ์ของสาวที่มะลิตราหน้าว่ายิ้มเหมือนนางมารร้ายตั้งแต่เห็นรูป
มันเริ่มมาจากเช้าวันนั้น เมทิยาทำนัดผิดคน ภควัตน์ให้เธอนัดคุณพี พีรยาจากฝ่ายขาย แต่เลขาคนใหม่ดันไปนัดคุณภี ภีรเดช จากฝ่ายวิจัยและพัฒนา ซึ่งวรีวาฏิกามารู้เรื่องก็เมื่อภควัตน์ถามคุณภีรเดชอย่างงงงวยว่าเขามาประชุมทำไม เดือดร้อนให้เธอโทร.ไปบอกคุณพีรยาให้รีบขึ้นมาประชุมแทนแทบไม่ทัน และหญิงสาวยังต้องรีบไปขอโทษขอโพยคุณภีรเดช โดยไม่กล่าวโทษเมทิยาแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนคนทำผิดจะร้อนตัว เพราะเย็นวันนั้นเมทิยารีบเข้าไปฟ้องภควัตน์ทันทีว่าที่ตัวเองนัดคนผิด เพราะวรีวาฏิกาเป็นคนบอกผิด
ฮะ! เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ หล่อนนี่มันงูพิษชัดๆ!
ภควัตน์เพียงแต่ปรายตามามองคนโดนโยนความผิดโดยไม่ได้กล่าวโทษอะไร และวรีวาฏิกาก็ไม่แม้แต่จะแก้ต่างให้ตัวเองว่า เธอไม่รู้สักนิดว่าภควัตน์ให้เมทิยานัดประชุมให้ หญิงสาวเพียงยืนเงียบ และขอตัวออกจากห้องเมื่อเห็นว่าภควัตน์ไม่ได้คิดจะต่อว่าอะไรเธอ
วันที่สี่ เมทิยาก็ก่อเรื่องใหม่ หญิงสาวสั่งอาหารกลางวันเป็นปลาหมึกผัดไข่เค็ม ทั้งๆ ที่ภควัตน์แพ้ปลาหมึก แน่นอนคนที่โดนโยนความผิดมาให้คือวรีวาฏิกาอีกเช่นกัน เมทิยายังใช้มุกเดิมโดยโบ้ยว่าเธอไม่ได้บอก ว่าเขาแพ้อะไรบ้าง และร้องห่มร้องไห้ดราม่าจนเกินงาม คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างวรีวาฏิกาเลยได้แต่ถอนหายใจ
ทั้งบอก ทั้งจด ทั้งเขียนไว้ในโน้ตที่ทำไว้ให้ ถ้าหล่อนจะรู้จักจำ รู้จักอ่านเสียบ้างก็ไม่มีปัญหาแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ รอบหน้าถ้าอยากให้เมทิยาสั่งอาหารให้ถูก เธอคงจะต้องโน้ตใส่กระดาษแล้วเอาไปแปะหน้าผากเลขาสาวคนใหม่เสียแล้วมั้ง!
แน่นอนว่าเมื่อโดนโยนความผิด ภควัตน์ก็ยังจ้องมาที่เธอเขม็งโดยไม่ได้พูดอะไร และวรีวาฏิกาก็ไม่ได้แก้ต่างให้ตัวเองอีกเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าเธอจิตใจงดงาม เพียงแต่คำนวณมาแล้วว่าโดนภควัตน์ด่าเสียหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร ดีกว่าต้องอยู่ต่อสอนงานเพราะสาวคนใหม่ไม่รู้จักจำเยอะ ให้เขาเข้าใจว่าคนผิดคือเธอก็ดีแล้ว วันมะรืนจะได้กลับไปทำงานแผนกเดิมเสียที
ที่สำคัญถึงแม้จะไม่ได้แก้ต่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าวรีวาฏิกาจะไม่เอาความ! ในวันที่สี่นี่เองที่สองสาวมองหน้ากันไม่ติด แต่คนสอนงานอย่างเธอก็ยังมีสปิริตสอนงานแต่แอบจิกกัดลอยๆ ก่อนเริ่มต้นสอนงานต่อว่า
“รู้ไหมคะว่าการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นถือเป็นการหมิ่นประมาท สามารถฟ้องร้องเอาความกันได้”
แล้วค่อยเริ่มต้นสอนงานต่อไป โดยมีเมทิยาทำหน้าไม่พอใจให้เห็นอย่างชัดเจน
*****************
บ่ายวันนั้น นอกจากวรีวาฏิกาจะได้รู้ความชั่วร้ายของเมทิยาแล้ว ยังเซอร์ไพรส์ที่เจอบิดาและมารดาเลี้ยงที่ห้างสรรพสินค้าข้างตึกออฟฟิศอีกด้วย ระหว่างที่กำลังเดินไปกินข้าวกลางวันกับมะลิ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นบิดาใส่สูทเต็มยศ และมารดาเลี้ยงที่ประโคมเครื่องเพชรเสียเต็มตัวกำลังเดินไปยังลานอีเวนต์ของห้างสรรพสินค้า วรีวาฏิกาจึงตรงลิ่วเข้าไปสวัสดีผู้เป็นบิดา
“อ้าว วามาชอปปิงกับเพื่อนเหรอ”
คำทักทายของบิดานั้นทำให้วรีวาฏิกาถึงกับหน้าชา ขณะเดียวกันก็ถูกมารดาเลี้ยงทำให้ชาหนักกว่าเดิมด้วยการตอบคำถามแทนเธอว่า
“โธ่ คุณธีร์ วาเขาทำงานที่ตึกนี้ไงคะ พูดแบบนี้วาเขาเสียใจแย่ว่าคุณไม่รู้ว่าเขาทำงานแล้วนะคะ”
โห อีเลวววว ตบหน้าเธอเลยเถอะถ้าจะพูดแบบนี้!
แต่วรีวาฏิกาก็ได้แค่คิด เพราะมะลิที่ยืนอยู่ด้านหลังก้าวออกมา ไหว้สวัสดีบิดาเธออย่างนอบน้อม พร้อมบอกท่านและมารดาเลี้ยงให้ได้ยินไปพร้อมๆ กัน โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ปูมหลังปัญหาครอบครัวเธอสักนิดว่า
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อมะลิ เป็นเพื่อนที่บริษัทวาค่ะ คุณอาทั้งสองโชคดีมากเลยนะคะที่มีวาเป็นลูกสาว พ่อหนูยังบ่นทุกวันเลยค่ะว่าอยากให้หนูได้เรื่องได้ราวอย่างวาบ้าง วาเขาทำตำแหน่ง Management Trainee ค่ะ ปีนึงรับแค่สิบคนแต่คนสมัครหลายร้อยคนเลยนะคะ แถมคนที่สมัครทั้งหมดโพรไฟล์ดีมากทุกคนด้วยค่ะ แล้วนี่วายังได้เข้าชิงรางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปีที่จะประกาศรางวัลในงานเลี้ยงปีใหม่บริษัทด้วย ได้ลูกแบบวา พ่อแม่ที่ไหนก็คงภูมิใจกันน่าดูเลยนะคะ คุณอาทั้งสองเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ ค่ะ”
อุ๊บส์! นี่ยิ่งกว่าตบหน้าท่านทั้งสองอีก เพราะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลยสักนิด มะลินี่เอ่ยเหมือนชมหน้าตาใสซื่อ แต่กลับประชดประชันน่าดู
พอมะลิพูดจบ วรีวาฏิกาก็ได้ยินเสียงบิดากระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยชมเธอต่อหน้าเพื่อนเพื่อรักษาหน้าว่า
“วาเขาเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้วละ นี่เดี๋ยววันไหนวาว่าง มากินข้าวเย็นกับพ่อบ้างสิ”
หม่อมหลวงวาริตธีร์เอ่ยพลางตบไหล่ลูกสาวที่ตนไม่ค่อยจะสนใจไยดีเบาๆ แต่การกระทำเพียงน้อยนิดนี้กลับทำให้ดวงตาของวรีวาฏิกาเปล่งประกายสุกใสและมีความหวังขึ้นมาทันใด เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้กินข้าวกับบิดาก็สามปีมาแล้ว วรีวาฏิการีบพยักหน้าแล้วยังกระตือรือร้นบอก
“วาว่างทุกวันค่ะ คุณพ่อสะดวกวันไหนบอกวาได้เลยค่ะ”
แต่พอพูดจบ เธอก็ถูกมารดาเลี้ยงที่ยิ้มให้ แต่ไปไม่ถึงตา เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า
“ช่วงนี้คงยังไม่ได้หรอกนะวา คุณธีร์ตารางแน่นมาก เดี๋ยวก็ต้องไปต่างประเทศอีก ไว้ว่างเมื่อไหร่จะให้เลขาคุณธีร์เขาติดต่อไปแล้วกันนะจ๊ะ”
คนถูกตัดรอนเลยผงะ สายตาที่มองบิดามีความตัดพ้อ...แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะบิดาเธอไม่เอ่ยแย้งแต่อย่างใด วรีวาฏิกาจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับรับคำเบาๆ โดยไม่โต้แย้งอะไรออกไปเช่นกัน
เธอจะหวังอะไรกับสิ่งที่ไม่ควรจะหวังล่ะ หญิงสาวได้แต่นึกปลอบตัวเองอยู่เงียบๆ
วิภาวรรณเอ่ยเร่งให้สามีรีบพาไปงานอีเวนต์ในห้างฯ วรีวาฏิกาและเพื่อนจึงหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว เมื่อเดินมาถึงร้านอาหารที่ตั้งใจมากินกันวันนี้ วรีวาฏิกาก็มีท่าทีห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด จนมะลิต้องรีบเอ็นเตอร์เทน ด้วยการชวนคุยถึงปาร์ตี้วันพรุ่งนี้แทน
“แกเตรียมชุดสำหรับงานปีใหม่พรุ่งนี้หรือยังวา”
คำถามนั้นของมะลิ ทำเอาวรีวาฏิกามีสีหน้าเหลอหลา “ต้องเตรียมด้วยเหรอ ไม่ใช่แค่ใส่ชุดทำงานไปได้เลยเหรอแก”
“โอ๊ย แกไปอยู่ที่ไหนมา นี่คืองานใหญ่ งานประชันโฉม งานที่บริษัททุ่มเงินจัดทุกปีเลยนะยะ ถ้าขืนแกใส่ชุดทำงานไปคนคงมองอย่างดูถูกกันทั้งงาน ขนาดป้าแม่บ้านยังจัดเต็มกันทุกปี ธีมปีนี้คือ The Great Gatsby ย่ะ แกมีหรือเปล่า ชุดราตรีวิบๆ วับๆ น่ะ มีหรือยัง ฉันขอเดาว่าคนอย่างแกไม่มีหรอก ถูกไหม!”
ทำไมมะลิต้องเดาถูกเผงด้วย เพราะเธอตอบเสียงอ่อยไปว่า
“...ไม่มี”
“งั้นไปซื้อเดี๋ยวนี้! กินข้าวเสร็จเราไปซื้อกันเลย เมื่อวานฉันไปซื้อมาแล้ว เดี๋ยวฉันพาไปร้านเดียวกัน ฉันเห็นมีตัวนึงเหมาะกับแกมาก ฉันใส่ไม่ได้เพราะเตี้ย แต่แกใส่แล้วต้องเลิศแน่นอน รีบๆ กินข้าว แล้วไปกันเลย!”
พูดจบมะลิก็เรียกบริกรมาสั่งอาหาร พร้อมบอกให้คิดเงินล่วงหน้าทันทีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลารอตอนหลังกินเสร็จ มื้อนั้นสองสาวทำเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ เบ็ดเสร็จแค่เพียงสามสิบนาทีก่อนจะตรงดิ่งไปร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ราคากลางๆ ไม่ได้แพงเว่อร์วังอะไร แต่มีชุดถูกธีมของงานปาร์ตี้ เรียกว่าวรีวาฏิกาได้ชุดอย่างหวุดหวิด เฉียดวันงานเพียงวันเดียวเท่านั้น
***************
หนังสือมาสัปดาห์หน้าแล้วจ้ารีดเดอร์ ใครสั่งไว้รอรับนะ จุ๊บๆ
รายละเอียดสั่งจองคลิกที่ปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
กะอีแค่นัดประชุมมันยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่! ตอนเรียนปริญญาโท สาวตรงหน้าฝากคนอื่นสอบหรือยังไงถึงได้สอบผ่านมาได้ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ
วันที่สาม เป็นวันที่วรีวาฏิกาสอนทุกอย่างจนหมด สอนแบบไม่ได้แคร์ว่าลูกศิษย์จะจำได้หรือไม่ได้ จะจดหรือไม่จด เธอสักแต่ว่าสอนแล้ว ทำได้ไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน โดยเมทิยาก็ยังคงมาตรฐานเดิมคือ ไม่จด ไม่จำ และเอาแต่ทำหน้าเบื่อหน่ายเวลาเรียนรู้งาน แต่วรีวาฏิกาแคร์ไหม ก็ไม่ เธอยังตั้งใจสอนแบบเดิม จนกระทั่งเย็นวันที่สาม เธอก็ได้รู้ฤทธิ์ของสาวที่มะลิตราหน้าว่ายิ้มเหมือนนางมารร้ายตั้งแต่เห็นรูป
มันเริ่มมาจากเช้าวันนั้น เมทิยาทำนัดผิดคน ภควัตน์ให้เธอนัดคุณพี พีรยาจากฝ่ายขาย แต่เลขาคนใหม่ดันไปนัดคุณภี ภีรเดช จากฝ่ายวิจัยและพัฒนา ซึ่งวรีวาฏิกามารู้เรื่องก็เมื่อภควัตน์ถามคุณภีรเดชอย่างงงงวยว่าเขามาประชุมทำไม เดือดร้อนให้เธอโทร.ไปบอกคุณพีรยาให้รีบขึ้นมาประชุมแทนแทบไม่ทัน และหญิงสาวยังต้องรีบไปขอโทษขอโพยคุณภีรเดช โดยไม่กล่าวโทษเมทิยาแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนคนทำผิดจะร้อนตัว เพราะเย็นวันนั้นเมทิยารีบเข้าไปฟ้องภควัตน์ทันทีว่าที่ตัวเองนัดคนผิด เพราะวรีวาฏิกาเป็นคนบอกผิด
ฮะ! เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ หล่อนนี่มันงูพิษชัดๆ!
ภควัตน์เพียงแต่ปรายตามามองคนโดนโยนความผิดโดยไม่ได้กล่าวโทษอะไร และวรีวาฏิกาก็ไม่แม้แต่จะแก้ต่างให้ตัวเองว่า เธอไม่รู้สักนิดว่าภควัตน์ให้เมทิยานัดประชุมให้ หญิงสาวเพียงยืนเงียบ และขอตัวออกจากห้องเมื่อเห็นว่าภควัตน์ไม่ได้คิดจะต่อว่าอะไรเธอ
วันที่สี่ เมทิยาก็ก่อเรื่องใหม่ หญิงสาวสั่งอาหารกลางวันเป็นปลาหมึกผัดไข่เค็ม ทั้งๆ ที่ภควัตน์แพ้ปลาหมึก แน่นอนคนที่โดนโยนความผิดมาให้คือวรีวาฏิกาอีกเช่นกัน เมทิยายังใช้มุกเดิมโดยโบ้ยว่าเธอไม่ได้บอก ว่าเขาแพ้อะไรบ้าง และร้องห่มร้องไห้ดราม่าจนเกินงาม คนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างวรีวาฏิกาเลยได้แต่ถอนหายใจ
ทั้งบอก ทั้งจด ทั้งเขียนไว้ในโน้ตที่ทำไว้ให้ ถ้าหล่อนจะรู้จักจำ รู้จักอ่านเสียบ้างก็ไม่มีปัญหาแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ รอบหน้าถ้าอยากให้เมทิยาสั่งอาหารให้ถูก เธอคงจะต้องโน้ตใส่กระดาษแล้วเอาไปแปะหน้าผากเลขาสาวคนใหม่เสียแล้วมั้ง!
แน่นอนว่าเมื่อโดนโยนความผิด ภควัตน์ก็ยังจ้องมาที่เธอเขม็งโดยไม่ได้พูดอะไร และวรีวาฏิกาก็ไม่ได้แก้ต่างให้ตัวเองอีกเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าเธอจิตใจงดงาม เพียงแต่คำนวณมาแล้วว่าโดนภควัตน์ด่าเสียหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร ดีกว่าต้องอยู่ต่อสอนงานเพราะสาวคนใหม่ไม่รู้จักจำเยอะ ให้เขาเข้าใจว่าคนผิดคือเธอก็ดีแล้ว วันมะรืนจะได้กลับไปทำงานแผนกเดิมเสียที
ที่สำคัญถึงแม้จะไม่ได้แก้ต่าง ก็ไม่ได้หมายความว่าวรีวาฏิกาจะไม่เอาความ! ในวันที่สี่นี่เองที่สองสาวมองหน้ากันไม่ติด แต่คนสอนงานอย่างเธอก็ยังมีสปิริตสอนงานแต่แอบจิกกัดลอยๆ ก่อนเริ่มต้นสอนงานต่อว่า
“รู้ไหมคะว่าการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นถือเป็นการหมิ่นประมาท สามารถฟ้องร้องเอาความกันได้”
แล้วค่อยเริ่มต้นสอนงานต่อไป โดยมีเมทิยาทำหน้าไม่พอใจให้เห็นอย่างชัดเจน
*****************
บ่ายวันนั้น นอกจากวรีวาฏิกาจะได้รู้ความชั่วร้ายของเมทิยาแล้ว ยังเซอร์ไพรส์ที่เจอบิดาและมารดาเลี้ยงที่ห้างสรรพสินค้าข้างตึกออฟฟิศอีกด้วย ระหว่างที่กำลังเดินไปกินข้าวกลางวันกับมะลิ หญิงสาวก็เหลือบไปเห็นบิดาใส่สูทเต็มยศ และมารดาเลี้ยงที่ประโคมเครื่องเพชรเสียเต็มตัวกำลังเดินไปยังลานอีเวนต์ของห้างสรรพสินค้า วรีวาฏิกาจึงตรงลิ่วเข้าไปสวัสดีผู้เป็นบิดา
“อ้าว วามาชอปปิงกับเพื่อนเหรอ”
คำทักทายของบิดานั้นทำให้วรีวาฏิกาถึงกับหน้าชา ขณะเดียวกันก็ถูกมารดาเลี้ยงทำให้ชาหนักกว่าเดิมด้วยการตอบคำถามแทนเธอว่า
“โธ่ คุณธีร์ วาเขาทำงานที่ตึกนี้ไงคะ พูดแบบนี้วาเขาเสียใจแย่ว่าคุณไม่รู้ว่าเขาทำงานแล้วนะคะ”
โห อีเลวววว ตบหน้าเธอเลยเถอะถ้าจะพูดแบบนี้!
แต่วรีวาฏิกาก็ได้แค่คิด เพราะมะลิที่ยืนอยู่ด้านหลังก้าวออกมา ไหว้สวัสดีบิดาเธออย่างนอบน้อม พร้อมบอกท่านและมารดาเลี้ยงให้ได้ยินไปพร้อมๆ กัน โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ปูมหลังปัญหาครอบครัวเธอสักนิดว่า
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อมะลิ เป็นเพื่อนที่บริษัทวาค่ะ คุณอาทั้งสองโชคดีมากเลยนะคะที่มีวาเป็นลูกสาว พ่อหนูยังบ่นทุกวันเลยค่ะว่าอยากให้หนูได้เรื่องได้ราวอย่างวาบ้าง วาเขาทำตำแหน่ง Management Trainee ค่ะ ปีนึงรับแค่สิบคนแต่คนสมัครหลายร้อยคนเลยนะคะ แถมคนที่สมัครทั้งหมดโพรไฟล์ดีมากทุกคนด้วยค่ะ แล้วนี่วายังได้เข้าชิงรางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปีที่จะประกาศรางวัลในงานเลี้ยงปีใหม่บริษัทด้วย ได้ลูกแบบวา พ่อแม่ที่ไหนก็คงภูมิใจกันน่าดูเลยนะคะ คุณอาทั้งสองเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ ค่ะ”
อุ๊บส์! นี่ยิ่งกว่าตบหน้าท่านทั้งสองอีก เพราะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลยสักนิด มะลินี่เอ่ยเหมือนชมหน้าตาใสซื่อ แต่กลับประชดประชันน่าดู
พอมะลิพูดจบ วรีวาฏิกาก็ได้ยินเสียงบิดากระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยชมเธอต่อหน้าเพื่อนเพื่อรักษาหน้าว่า
“วาเขาเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้วละ นี่เดี๋ยววันไหนวาว่าง มากินข้าวเย็นกับพ่อบ้างสิ”
หม่อมหลวงวาริตธีร์เอ่ยพลางตบไหล่ลูกสาวที่ตนไม่ค่อยจะสนใจไยดีเบาๆ แต่การกระทำเพียงน้อยนิดนี้กลับทำให้ดวงตาของวรีวาฏิกาเปล่งประกายสุกใสและมีความหวังขึ้นมาทันใด เพราะครั้งสุดท้ายที่ได้กินข้าวกับบิดาก็สามปีมาแล้ว วรีวาฏิการีบพยักหน้าแล้วยังกระตือรือร้นบอก
“วาว่างทุกวันค่ะ คุณพ่อสะดวกวันไหนบอกวาได้เลยค่ะ”
แต่พอพูดจบ เธอก็ถูกมารดาเลี้ยงที่ยิ้มให้ แต่ไปไม่ถึงตา เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า
“ช่วงนี้คงยังไม่ได้หรอกนะวา คุณธีร์ตารางแน่นมาก เดี๋ยวก็ต้องไปต่างประเทศอีก ไว้ว่างเมื่อไหร่จะให้เลขาคุณธีร์เขาติดต่อไปแล้วกันนะจ๊ะ”
คนถูกตัดรอนเลยผงะ สายตาที่มองบิดามีความตัดพ้อ...แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะบิดาเธอไม่เอ่ยแย้งแต่อย่างใด วรีวาฏิกาจึงรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติพร้อมกับรับคำเบาๆ โดยไม่โต้แย้งอะไรออกไปเช่นกัน
เธอจะหวังอะไรกับสิ่งที่ไม่ควรจะหวังล่ะ หญิงสาวได้แต่นึกปลอบตัวเองอยู่เงียบๆ
วิภาวรรณเอ่ยเร่งให้สามีรีบพาไปงานอีเวนต์ในห้างฯ วรีวาฏิกาและเพื่อนจึงหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว เมื่อเดินมาถึงร้านอาหารที่ตั้งใจมากินกันวันนี้ วรีวาฏิกาก็มีท่าทีห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด จนมะลิต้องรีบเอ็นเตอร์เทน ด้วยการชวนคุยถึงปาร์ตี้วันพรุ่งนี้แทน
“แกเตรียมชุดสำหรับงานปีใหม่พรุ่งนี้หรือยังวา”
คำถามนั้นของมะลิ ทำเอาวรีวาฏิกามีสีหน้าเหลอหลา “ต้องเตรียมด้วยเหรอ ไม่ใช่แค่ใส่ชุดทำงานไปได้เลยเหรอแก”
“โอ๊ย แกไปอยู่ที่ไหนมา นี่คืองานใหญ่ งานประชันโฉม งานที่บริษัททุ่มเงินจัดทุกปีเลยนะยะ ถ้าขืนแกใส่ชุดทำงานไปคนคงมองอย่างดูถูกกันทั้งงาน ขนาดป้าแม่บ้านยังจัดเต็มกันทุกปี ธีมปีนี้คือ The Great Gatsby ย่ะ แกมีหรือเปล่า ชุดราตรีวิบๆ วับๆ น่ะ มีหรือยัง ฉันขอเดาว่าคนอย่างแกไม่มีหรอก ถูกไหม!”
ทำไมมะลิต้องเดาถูกเผงด้วย เพราะเธอตอบเสียงอ่อยไปว่า
“...ไม่มี”
“งั้นไปซื้อเดี๋ยวนี้! กินข้าวเสร็จเราไปซื้อกันเลย เมื่อวานฉันไปซื้อมาแล้ว เดี๋ยวฉันพาไปร้านเดียวกัน ฉันเห็นมีตัวนึงเหมาะกับแกมาก ฉันใส่ไม่ได้เพราะเตี้ย แต่แกใส่แล้วต้องเลิศแน่นอน รีบๆ กินข้าว แล้วไปกันเลย!”
พูดจบมะลิก็เรียกบริกรมาสั่งอาหาร พร้อมบอกให้คิดเงินล่วงหน้าทันทีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลารอตอนหลังกินเสร็จ มื้อนั้นสองสาวทำเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ เบ็ดเสร็จแค่เพียงสามสิบนาทีก่อนจะตรงดิ่งไปร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ราคากลางๆ ไม่ได้แพงเว่อร์วังอะไร แต่มีชุดถูกธีมของงานปาร์ตี้ เรียกว่าวรีวาฏิกาได้ชุดอย่างหวุดหวิด เฉียดวันงานเพียงวันเดียวเท่านั้น
***************
หนังสือมาสัปดาห์หน้าแล้วจ้ารีดเดอร์ ใครสั่งไว้รอรับนะ จุ๊บๆ
รายละเอียดสั่งจองคลิกที่ปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
eBook โหลดได้ที่ mebmarket
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2564, 09:03:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2564, 09:03:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 393
<< บทที่ 13 -100% | บทที่ 14 -100% >> |