แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 20 -40%
ความกลัวนี้...มีที่มาจากตอนเด็กๆ เธอเคยถูกมารดาเลี้ยงขังในห้องเก็บของที่ตึกเล็ก เนื่องจากพี่สาวต่างมารดาซึ่งก็คือวิกานดาขโมยของขวัญวันเกิดที่บิดาให้เธอไปไว้ที่ห้องนอนตัวเอง เด็กหญิงวรีวาฏิกาเลยแอบเข้าไปตึกเล็กเพื่อจะไปเอาของคืน แต่โดนมารดาเลี้ยงจับได้เลยถูกขังไว้ในห้องใต้บันไดในความมืดมิดเกือบหกชั่วโมง ที่ร้ายที่สุดคือตอนที่เธอได้ยินเสียงบิดากลับมา เธอพยายามตะโกนให้ท่านช่วย แต่หม่อมหลวงวาริตธีร์นั้นมีความลำเอียงอย่างเสมอต้นเสมอปลาย พอมารดาเลี้ยงบอกเหตุผลว่าที่ขังเธอไว้ก็เพื่อต้องการสั่งสอน เพราะเธอแอบเข้ามาขโมยของในห้องนอนของวิกานดา บิดาเธอก็เชื่ออย่างสนิทใจ เด็กน้อยอายุเพียงเจ็ดขวบร้องไห้จนสลบไป บิดาก็ยังไม่คิดจะมาเปิดประตูให้
จนกระทั่งถึงมื้อเย็น คุณย่าให้คนออกตามหา เรื่องเลยแดงขึ้นมากลายเป็นดราม่าครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูล คุณย่าตำหนิบิดาและมารดาเลี้ยงอย่างรุนแรง และยังสั่งห้ามไม่ให้ใครลงโทษวรีวาฏิกาอีกทั้งสิ้น นอกจากตัวท่านเอง ที่พีกไปกว่านั้นคือ คุณย่าตบท้ายด้วยการบอกว่า
‘ถ้าวรีวาฏิกาไม่มีสิทธิ์มาเหยียบที่ตึกเล็ก ต่อไปนี้พวกเธอพ่อ แม่ ลูก ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเหยียบที่ตึกใหญ่เหมือนกัน ส่วนตาธีร์ เธอมีสิทธิ์เข้าไปที่ตึกใหญ่เมื่อได้รับการอนุญาตจากฉันแล้วเท่านั้น ถ้าฉันเห็นว่าพวกเธอขึ้นตึกใหญ่โดยพลการ ฉันจะตัดเงินเดือนพวกเธอทั้งหมด และเชิญออกไปหาที่อยู่ข้างนอกเอาเอง สมบัติสักชิ้นเดียวฉันก็ไม่มีให้ จำไว้ให้ดี!’
และกฎนั้นยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ บิดาเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นตึกใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต พีกในพีกมาก สวัสดี
หลังจากเหตุการณ์นั้น วรีวาฏิกาในวัยเจ็ดขวบต้องไปหาจิตแพทย์อยู่สามเดือน เพราะกลายเป็นคนกลัวความมืดในห้องแคบๆ มากจนต้องเปิดไฟนอนอยู่เกือบปี ยังดีที่ในตอนหลังๆ เธอนอนปิดไฟได้แล้ว แต่เธอต้องเป็นคนปิดไฟเองเท่านั้น ถ้าให้คนอื่นปิดไฟให้ หรือไฟดับ เธอจะจิตตกและกลัวจนตัวสั่น
ว่าแต่ว่า...
“คุณภควัตน์รู้ได้ไงคะว่าวากลัวความมืด”
“ผมรู้เรื่องคุณมากกว่าที่คุณคิด วรีวาฏิกา”
ไม่พูดเปล่า ภควัตน์ยังจูงมือเธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน พร้อมไฟฉายที่เขาเตรียมมาอีกด้วย ก่อนจะสั่งอย่างเผด็จการว่า
“ไปเก็บเสื้อผ้าซะ คืนนี้คุณต้องไปนอนที่คอนโดฯ ผม”
ฮะ! ? จะบ้าเหรอ
“มะ...ไม่ถึงขนาดจะต้องรบกวนคุณหรอกมั้งคะ เดี๋ยววาไปนอนที่โรงแรม”
“แล้วจะให้ศิลป์กับศาสตร์ตามไปเฝ้าคุณยังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะยอมเปิดห้องสวีตราคาแพงเพื่อให้บอดี้การ์ดของผมตามเข้าไปเฝ้าได้”
เออะ! ทำไมต้องเอาเรื่องเงินมาขู่กันด้วย! ถ้าต้องจ่ายแพงขนาดนั้น อย่างมากเธอก็แค่นอนที่บ้านทั้งไฟดับๆ นี่แหละ!
ซึ่งนอนได้ไหม บอกเลยว่าไม่ได้!
เมื่อครู่วรีวาฏิกาลองพยายามแล้วแต่ยังกลัวจนตัวสั่นเหมือนเดิม... แต่เธอยังมีแผนสำรอง
“งั้นวาไปนอนกับคุณย่าที่วังอัครากรก็ได้ค่ะ”
“นี่ห้าทุ่มกว่าแล้ว กว่าจะถึงวังก็เที่ยงคืนกว่า คุณจะปลุกคนทั้งวังตื่นตอนเที่ยงคืน?”
ทำไมเขาต้องพูดให้เธอดูนิสัยไม่ดีขนาดนั้นด้วย
“อย่าเรื่องมากวรีวาฏิกา คืนนี้คุณไปนอนคอนโดฯ ผม ผมรับรองความปลอดภัยให้คุณได้ ที่คอนโดฯ ผมมีห้องนอนห้าห้อง ไม่ต้องกลัวว่าผมจะบังคับให้คุณนอนห้องเดียวกันหรอก”
ห้าห้อง! ? ห้าห้องนี่เขาเรียกเพนท์เฮาส์แล้วย่ะ ไม่ใช่คอนโดฯ
คิดได้ดังนั้นวรีวาฏิกาก็เก็บเสื้อผ้าสำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้อย่างสงบเสงี่ยมใส่กระเป๋าเดินทางล้อลากใบเล็ก เมื่อเสร็จเรียบร้อยภควัตน์ก็ยกลงไปไว้ที่รถให้ ใช้เวลาเพียงห้านาที เธอก็มาถึงหน้าประตูเพนท์เฮาส์สุดหรูที่ต้องทั้งสแกนม่านตา กดรหัสผ่าน และสแกนลายนิ้วมือ
นี่เพนท์เฮาส์หรือองค์กรลับคะพ่อคุณ!
เพียงเห็นแค่หน้าประตู หญิงสาวก็รู้แล้วว่าห้องนี้ต้องเกินสองร้อยกว่าล้านบาทแน่ๆ! เธอจำได้ว่าโครงการนี้มีเพียงร้อยยูนิต เริ่มต้นที่หนึ่งห้องนอน สามสิบเก้าล้านบาท แต่นี่เขาเล่นเหมาสองชั้นบนสุด ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรคะท่านรองประธาน
คอนโดฯ ของภควัตน์ตกแต่งสไตล์คลาสสิก คอนเทมโพรารี เน้นใช้สีเอิร์ธโทน ดูยิ่งใหญ่ สง่างาม แต่ก็ดูร่วมสมัยในคราวเดียวกัน หลังจากเดินเข้ามาอย่างงุนงงและตรงดิ่งไปอยู่แถวโซฟาในห้องรับแขกที่เป็นโถงเปิดกว้างเห็นวิวมุมสูงผ่านกระจกเต็มบานร้อยแปดสิบองศา วรีวาฏิกาก็เห็นว่าภควัตน์กำลังยกกระเป๋าเธอขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เจ้าของกระเป๋าเลยรีบวิ่งตามไปขวาง
“คุณภควัตน์พอจะมีห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างบ้างไหมคะ”
พอวิ่งไปรั้งเขาไว้ได้ก็รีบเอ่ยถาม แต่ทว่าเจ้าของห้องตอบกลับมาหน้าตายว่า
“มี...แต่ไม่ให้นอน”
เออะ!
“ห้องนอนข้างล่างผมจะให้ศาสตร์นอน ส่วนศิลป์ผมให้เฝ้าอยู่ที่บ้านคุณ ตอนนี้ห้องนอนทั้งหมดที่คุณเลือกได้อยู่ชั้นสอง”
มีห้าห้องนอน หายไปแล้วสอง เธอก็เลือกได้แค่จากสามห้องข้างบนน่ะสิ! แต่เป็นสามห้องนอนชั้นบนสุด ใจกลางย่านสุดหรูในกรุงเทพมหานครซึ่งยังไงก็เลิศเลออยู่ดี
แต่นั่น...ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันมีอยู่ว่า
“แล้วห้องนอนคุณภควัตน์คือห้องไหนคะ”
ถามเสร็จเธอก็เห็นภควัตน์ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ห้องริมสุด หรือคุณจะเปลี่ยนใจนอนห้องเดียวกับผม?”
“เปล่าค่ะ วาจะขอนอนห้องสุดโน้นเลยค่ะ”
ได้ยินคำตอบนั้น ภควัตน์ก็หุบยิ้มฉับ เพราะคนพูดเล่นชี้ไปยังทิศทางฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเขาโดยสิ้นเชิง คนโดนตัดความหวังทำเป็นมองเมินห้องไกลสุดที่เธอชี้ แล้วเดินดุ่มๆ ไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องเขาแทนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนบอก
“คุณต้องนอนห้องนี้ ห้องนี้ดีที่สุดรองจากห้องผม”
อ้าว ไหนบอกเธอเลือกห้องไหนก็ได้ไง ทำไมตอนนี้ต้องมาบังคับ!
แต่จะปฏิเสธออกไปแบบไร้เยื่อใยก็ใช่ที่ ยังไงเธอก็เป็นผู้มาขออยู่อาศัย วรีวาฏิกาเลยตัดสินใจปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลว่า
“ไม่ต้องดีที่สุดก็ได้ค่ะ วานอนคืนเดียว ตรงไหนวาก็นอนได้”
“นอนตรงไหนก็ได้? แน่ใจนะวรีวาฏิกา”
“แน่ใจค่ะ”
แต่พอตอบว่าแน่ใจออกไปอย่างห้าวหาญ คนตอบก็เริ่มจะไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเองอีกต่อไป เมื่อเห็นภควัตน์ยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะบอกว่า
“งั้นถ้าคุณไม่ยอมนอนห้องนี้ ก็ไปนอนที่พื้นชั้นล่าง”
เออะ
“ไหนบอกนอนตรงไหนก็ได้ไงวรีวาฏิกา”
“...”
เขานี่มันโคตรจะชั่วร้ายเลย!
พอเห็นเธอยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก ภควัตน์ก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถือกระเป๋าไปไว้ในห้องนอนที่อยู่ข้างห้องเขาอย่างสบายอารมณ์
จนกระทั่งถึงมื้อเย็น คุณย่าให้คนออกตามหา เรื่องเลยแดงขึ้นมากลายเป็นดราม่าครั้งยิ่งใหญ่ของตระกูล คุณย่าตำหนิบิดาและมารดาเลี้ยงอย่างรุนแรง และยังสั่งห้ามไม่ให้ใครลงโทษวรีวาฏิกาอีกทั้งสิ้น นอกจากตัวท่านเอง ที่พีกไปกว่านั้นคือ คุณย่าตบท้ายด้วยการบอกว่า
‘ถ้าวรีวาฏิกาไม่มีสิทธิ์มาเหยียบที่ตึกเล็ก ต่อไปนี้พวกเธอพ่อ แม่ ลูก ก็ไม่มีสิทธิ์ไปเหยียบที่ตึกใหญ่เหมือนกัน ส่วนตาธีร์ เธอมีสิทธิ์เข้าไปที่ตึกใหญ่เมื่อได้รับการอนุญาตจากฉันแล้วเท่านั้น ถ้าฉันเห็นว่าพวกเธอขึ้นตึกใหญ่โดยพลการ ฉันจะตัดเงินเดือนพวกเธอทั้งหมด และเชิญออกไปหาที่อยู่ข้างนอกเอาเอง สมบัติสักชิ้นเดียวฉันก็ไม่มีให้ จำไว้ให้ดี!’
และกฎนั้นยังดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ บิดาเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นตึกใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต พีกในพีกมาก สวัสดี
หลังจากเหตุการณ์นั้น วรีวาฏิกาในวัยเจ็ดขวบต้องไปหาจิตแพทย์อยู่สามเดือน เพราะกลายเป็นคนกลัวความมืดในห้องแคบๆ มากจนต้องเปิดไฟนอนอยู่เกือบปี ยังดีที่ในตอนหลังๆ เธอนอนปิดไฟได้แล้ว แต่เธอต้องเป็นคนปิดไฟเองเท่านั้น ถ้าให้คนอื่นปิดไฟให้ หรือไฟดับ เธอจะจิตตกและกลัวจนตัวสั่น
ว่าแต่ว่า...
“คุณภควัตน์รู้ได้ไงคะว่าวากลัวความมืด”
“ผมรู้เรื่องคุณมากกว่าที่คุณคิด วรีวาฏิกา”
ไม่พูดเปล่า ภควัตน์ยังจูงมือเธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน พร้อมไฟฉายที่เขาเตรียมมาอีกด้วย ก่อนจะสั่งอย่างเผด็จการว่า
“ไปเก็บเสื้อผ้าซะ คืนนี้คุณต้องไปนอนที่คอนโดฯ ผม”
ฮะ! ? จะบ้าเหรอ
“มะ...ไม่ถึงขนาดจะต้องรบกวนคุณหรอกมั้งคะ เดี๋ยววาไปนอนที่โรงแรม”
“แล้วจะให้ศิลป์กับศาสตร์ตามไปเฝ้าคุณยังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะยอมเปิดห้องสวีตราคาแพงเพื่อให้บอดี้การ์ดของผมตามเข้าไปเฝ้าได้”
เออะ! ทำไมต้องเอาเรื่องเงินมาขู่กันด้วย! ถ้าต้องจ่ายแพงขนาดนั้น อย่างมากเธอก็แค่นอนที่บ้านทั้งไฟดับๆ นี่แหละ!
ซึ่งนอนได้ไหม บอกเลยว่าไม่ได้!
เมื่อครู่วรีวาฏิกาลองพยายามแล้วแต่ยังกลัวจนตัวสั่นเหมือนเดิม... แต่เธอยังมีแผนสำรอง
“งั้นวาไปนอนกับคุณย่าที่วังอัครากรก็ได้ค่ะ”
“นี่ห้าทุ่มกว่าแล้ว กว่าจะถึงวังก็เที่ยงคืนกว่า คุณจะปลุกคนทั้งวังตื่นตอนเที่ยงคืน?”
ทำไมเขาต้องพูดให้เธอดูนิสัยไม่ดีขนาดนั้นด้วย
“อย่าเรื่องมากวรีวาฏิกา คืนนี้คุณไปนอนคอนโดฯ ผม ผมรับรองความปลอดภัยให้คุณได้ ที่คอนโดฯ ผมมีห้องนอนห้าห้อง ไม่ต้องกลัวว่าผมจะบังคับให้คุณนอนห้องเดียวกันหรอก”
ห้าห้อง! ? ห้าห้องนี่เขาเรียกเพนท์เฮาส์แล้วย่ะ ไม่ใช่คอนโดฯ
คิดได้ดังนั้นวรีวาฏิกาก็เก็บเสื้อผ้าสำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้อย่างสงบเสงี่ยมใส่กระเป๋าเดินทางล้อลากใบเล็ก เมื่อเสร็จเรียบร้อยภควัตน์ก็ยกลงไปไว้ที่รถให้ ใช้เวลาเพียงห้านาที เธอก็มาถึงหน้าประตูเพนท์เฮาส์สุดหรูที่ต้องทั้งสแกนม่านตา กดรหัสผ่าน และสแกนลายนิ้วมือ
นี่เพนท์เฮาส์หรือองค์กรลับคะพ่อคุณ!
เพียงเห็นแค่หน้าประตู หญิงสาวก็รู้แล้วว่าห้องนี้ต้องเกินสองร้อยกว่าล้านบาทแน่ๆ! เธอจำได้ว่าโครงการนี้มีเพียงร้อยยูนิต เริ่มต้นที่หนึ่งห้องนอน สามสิบเก้าล้านบาท แต่นี่เขาเล่นเหมาสองชั้นบนสุด ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรคะท่านรองประธาน
คอนโดฯ ของภควัตน์ตกแต่งสไตล์คลาสสิก คอนเทมโพรารี เน้นใช้สีเอิร์ธโทน ดูยิ่งใหญ่ สง่างาม แต่ก็ดูร่วมสมัยในคราวเดียวกัน หลังจากเดินเข้ามาอย่างงุนงงและตรงดิ่งไปอยู่แถวโซฟาในห้องรับแขกที่เป็นโถงเปิดกว้างเห็นวิวมุมสูงผ่านกระจกเต็มบานร้อยแปดสิบองศา วรีวาฏิกาก็เห็นว่าภควัตน์กำลังยกกระเป๋าเธอขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เจ้าของกระเป๋าเลยรีบวิ่งตามไปขวาง
“คุณภควัตน์พอจะมีห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างบ้างไหมคะ”
พอวิ่งไปรั้งเขาไว้ได้ก็รีบเอ่ยถาม แต่ทว่าเจ้าของห้องตอบกลับมาหน้าตายว่า
“มี...แต่ไม่ให้นอน”
เออะ!
“ห้องนอนข้างล่างผมจะให้ศาสตร์นอน ส่วนศิลป์ผมให้เฝ้าอยู่ที่บ้านคุณ ตอนนี้ห้องนอนทั้งหมดที่คุณเลือกได้อยู่ชั้นสอง”
มีห้าห้องนอน หายไปแล้วสอง เธอก็เลือกได้แค่จากสามห้องข้างบนน่ะสิ! แต่เป็นสามห้องนอนชั้นบนสุด ใจกลางย่านสุดหรูในกรุงเทพมหานครซึ่งยังไงก็เลิศเลออยู่ดี
แต่นั่น...ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันมีอยู่ว่า
“แล้วห้องนอนคุณภควัตน์คือห้องไหนคะ”
ถามเสร็จเธอก็เห็นภควัตน์ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ห้องริมสุด หรือคุณจะเปลี่ยนใจนอนห้องเดียวกับผม?”
“เปล่าค่ะ วาจะขอนอนห้องสุดโน้นเลยค่ะ”
ได้ยินคำตอบนั้น ภควัตน์ก็หุบยิ้มฉับ เพราะคนพูดเล่นชี้ไปยังทิศทางฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนเขาโดยสิ้นเชิง คนโดนตัดความหวังทำเป็นมองเมินห้องไกลสุดที่เธอชี้ แล้วเดินดุ่มๆ ไปยังห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องเขาแทนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนบอก
“คุณต้องนอนห้องนี้ ห้องนี้ดีที่สุดรองจากห้องผม”
อ้าว ไหนบอกเธอเลือกห้องไหนก็ได้ไง ทำไมตอนนี้ต้องมาบังคับ!
แต่จะปฏิเสธออกไปแบบไร้เยื่อใยก็ใช่ที่ ยังไงเธอก็เป็นผู้มาขออยู่อาศัย วรีวาฏิกาเลยตัดสินใจปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลว่า
“ไม่ต้องดีที่สุดก็ได้ค่ะ วานอนคืนเดียว ตรงไหนวาก็นอนได้”
“นอนตรงไหนก็ได้? แน่ใจนะวรีวาฏิกา”
“แน่ใจค่ะ”
แต่พอตอบว่าแน่ใจออกไปอย่างห้าวหาญ คนตอบก็เริ่มจะไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเองอีกต่อไป เมื่อเห็นภควัตน์ยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะบอกว่า
“งั้นถ้าคุณไม่ยอมนอนห้องนี้ ก็ไปนอนที่พื้นชั้นล่าง”
เออะ
“ไหนบอกนอนตรงไหนก็ได้ไงวรีวาฏิกา”
“...”
เขานี่มันโคตรจะชั่วร้ายเลย!
พอเห็นเธอยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก ภควัตน์ก็แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วถือกระเป๋าไปไว้ในห้องนอนที่อยู่ข้างห้องเขาอย่างสบายอารมณ์
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2564, 10:55:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2564, 10:55:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 411
<< บทที่ 20 -20% | บทที่ 20 -60% >> |