วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 14 มะลิพวกนั้น (100%)
พอเอื้องและบริวารของหล่อนถอยกรูดออกไปแล้ว คุณหญิงกุหลาบก็ปราดเข้าไปจับแขนน้อยแน่น ใกล้ๆ บริเวณแผล กดบีบสุดแรงให้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส
“ที่ฉันพูดไปเมื่อวันก่อน ก็หวังว่าแกจะเข้าใจ เตือนให้รู้จักตนก็อย่าสะเออะเล่นของสูง ระวังจะตกมาตายโดยไม่รู้ตัว!” เธอเค้นเสียงขู่ลอดไรฟัน
น้อยกัดฟันกรอด จ้องหน้าสู้สายตาอาฆาต ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ใจร้ายนัก มือเล็กกดบีบแรงมากขึ้นชายหนุ่มก็สะบัดแขนออกอย่างแรง...คุณหญิงกุหลาบขมวดคิ้วดุตรงจะเข้าไปตีซ้ำ แต่เสียงของสวามีก็ดังขึ้นมาเรียกสติ ก่อนจะทำอะไรเกินไปกว่านั้น
“คุณหญิงทำอะไร!”
คุณหญิงกุหลาบพ่นลมหายใจออกมาคลายอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อครู่ ก่อนจะตีหน้าซื่อ หันไปมองสวามีที่เดินเข้ามาใกล้
“อ๋อ หม่อมฉันแค่เข้ามาขอบคุณนายคนนี้ ที่ช่วยพระองค์ไว้จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ” แล้วหันมาทางน้อย “ขอบใจมากๆ นะจ๊ะ”
ชายหนุ่มบ่ายหน้าหนี เห็นรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความเมตตาของอีกฝ่ายก็รู้ว่าฝืนใจเต็มที ได้แต่มองร่างระหงย่างเท้าจากไปอย่างเอือมระอา
“วันนี้ฉันอยากดื่มน้ำชาในสวน มาร่วมโต๊ะด้วยกันนะ”
น้อยค้อมคำนับรับคำเชิญของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสี ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าท่านคือพระบิดาของหม่อมเจ้าภาณุมาศนั่นเอง!
******************************
ศาลารับรองในสวนอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่น้อยไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อน ยิ่งเสด็จพระองค์ท่านเมตตาให้โอกาสคนสวนอย่างเขาร่วมโต๊ะด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ่งปลื้มปีติ รู้สึกเป็นพระกรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ชาตินี้เกิดมาก็นับว่าเป็นบุญของไอ้น้อยแล้วที่ได้นั่งทัดเทียมกันกับเจ้านายชั้นสูง เมื่อมองใบหน้าอันหล่อเหลาและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา มีแวบหนึ่งในหัว ที่เขานึกอิจฉาหม่อมเจ้าภาณุมาศที่มีพระบิดาแสนประเสริฐ อยากรู้เหลือเกินว่าบิดาที่เขาตามหา ท่านจะเป็นคนแบบไหน จะเป็นคนดีแบบพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีหรือเปล่า...
“ที่ภรรยาฉันเข้าไปพูดกับเธอเมื่อครู่ คุณหญิงไม่ได้เข้าไปขอบคุณเธอจริงๆ ใช่ไหม”
เสด็จพระองค์ชายพูดยังกับรู้วีรกรรมของภรรยาตัวเองดี ถึงกระนั้น เขาก็ไม่อาจสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวของใครได้
“หามิได้กระหม่อม”
“งั้นก็ดีแล้วละ”
น้อยโล่งใจ ดูเหมือนพระองค์ท่านก็น่าจะพอใจในคำตอบที่ได้ยินเช่นกัน ผละจากเรื่องไม่ดี สมองก็อยากจะรับรู้แต่เรื่องดีๆ บ้าง
ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ หนึ่งในพุ่มไม้เหล่านั้นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้ามาเตะจมูกสูงให้เอะใจเล่น...จนน้อยต้องหันไปมองก็พบต้นมะลิน้อยใหญ่ปลูกเต็มอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
“ฝ่าพระบาทโปรดดอกมะลิด้วยหรือกระหม่อม”
“เปล่าหรอก มะลิพวกนี้ ท่านหญิงวริศรา อดีตชายาของฉัน เป็นคนเอามาปลูก”
พระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าอยู่นาน เห็นชายหนุ่มเอาแต่นั่งมองต้นมะลิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แววตาสดใสพราวระยับอยู่ตลอดเวลา
“เธอชอบมันรึ ฉันเห็นเธอจ้องมองต้นมะลิพวกนั้นอยู่นานแล้ว”
“กระหม่อม” น้อยพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเอ่ยเสริม “ที่วังราชสาสน์ก็มีสวนมะลิที่ท่านหญิงเพชราวสีทรงปลูกเอาไว้เหมือนกัน”
“นี่เธอเป็นคนของวังราชสาสน์หรอกรึ!”
“กระหม่อม”
เสด็จพระองค์ผ่องยิ้มร่า “ช่างบังเอิญดีจริงๆ ยิ่งชายภาสกับหนูวสีกำลังจะแต่งงานกัน ก็ดูเหมือนว่าฉันจะบังเอิญเกี่ยวข้องกับคนราชสาสน์อยู่เรื่อย ยิ่งทำให้ทั้งสองตระกูลแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น เธอว่าไหม”
น้อยหน้าเจื่อนลงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ คงเป็นเพราะสะกิดใจคำพูดที่ว่า หม่อมเจ้าภาณุมาศกำลังจะแต่งงานกับเพชราวสีละมั้ง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้ม ตอนนี้เริ่มเหี่ยวเฉาลงเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ
น้อยผินหน้าไปทางอื่น...แล้วสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกคนกำลังก้าวยาวๆ เข้าไปภายในตำหนักใหญ่ แม้จะอยู่ในระยะไกล แต่น้อยก็จำหน้าคู่อริเก่าได้แม่นยำ
“ไอ้เจิด” น้อยอุทานขึ้น จนเสด็จพระองค์ผ่องต้องเหลียวหลังไปมองบ้าง
“เธอรู้จักนายเจิดด้วยรึ” ท่านหันมาถาม
“เคยรู้จักกันกระหม่อม”
พระองค์ท่านพยักหน้าคลายข้อฉงนใจ ก่อนจะเสริมต่อ เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงอยากรู้
“นายเจิด เป็นคนของคุณหญิงกุหลาบ เห็นคุณหญิงบอกว่าไปตลาดแล้วโดนโจรฉุดกระเป๋า ก็ได้นายเจิดนี่แหละเป็นคนช่วยไว้ เห็นว่าเป็นคนดีก็เลยให้ตามกลับมารับใช้กันที่วัง”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เกล้ากระหม่อมคิดว่าฝ่าพระบาทควรจะทรงระวังพระองค์เองด้วยนะกระหม่อม” น้อยมีสีหน้ากังวล รู้ว่าเจิดเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน คนแบบนั้นจะช่วยใครเป็น และที่คุณหญิงกุหลาบโดนฉุดกระเป๋าก็น่าจะเป็นฝีมือของพวกไอ้เจิดนั่นแหละ
“เธอกำลังจะบอกฉันว่า นายเจิดเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นรึ”
น้อยก้มต่ำ ถอนหายใจเบาๆ... ถึงเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ท่านก็น่าจะรู้ความหมายของมันเป็นอย่างดี
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ที่ฉันพูดไปเมื่อวันก่อน ก็หวังว่าแกจะเข้าใจ เตือนให้รู้จักตนก็อย่าสะเออะเล่นของสูง ระวังจะตกมาตายโดยไม่รู้ตัว!” เธอเค้นเสียงขู่ลอดไรฟัน
น้อยกัดฟันกรอด จ้องหน้าสู้สายตาอาฆาต ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ใจร้ายนัก มือเล็กกดบีบแรงมากขึ้นชายหนุ่มก็สะบัดแขนออกอย่างแรง...คุณหญิงกุหลาบขมวดคิ้วดุตรงจะเข้าไปตีซ้ำ แต่เสียงของสวามีก็ดังขึ้นมาเรียกสติ ก่อนจะทำอะไรเกินไปกว่านั้น
“คุณหญิงทำอะไร!”
คุณหญิงกุหลาบพ่นลมหายใจออกมาคลายอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อครู่ ก่อนจะตีหน้าซื่อ หันไปมองสวามีที่เดินเข้ามาใกล้
“อ๋อ หม่อมฉันแค่เข้ามาขอบคุณนายคนนี้ ที่ช่วยพระองค์ไว้จนตัวเองได้รับบาดเจ็บ” แล้วหันมาทางน้อย “ขอบใจมากๆ นะจ๊ะ”
ชายหนุ่มบ่ายหน้าหนี เห็นรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความเมตตาของอีกฝ่ายก็รู้ว่าฝืนใจเต็มที ได้แต่มองร่างระหงย่างเท้าจากไปอย่างเอือมระอา
“วันนี้ฉันอยากดื่มน้ำชาในสวน มาร่วมโต๊ะด้วยกันนะ”
น้อยค้อมคำนับรับคำเชิญของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสี ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าท่านคือพระบิดาของหม่อมเจ้าภาณุมาศนั่นเอง!
******************************
ศาลารับรองในสวนอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่น้อยไม่เคยได้สัมผัสจากที่ไหนมาก่อน ยิ่งเสด็จพระองค์ท่านเมตตาให้โอกาสคนสวนอย่างเขาร่วมโต๊ะด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ่งปลื้มปีติ รู้สึกเป็นพระกรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ ชาตินี้เกิดมาก็นับว่าเป็นบุญของไอ้น้อยแล้วที่ได้นั่งทัดเทียมกันกับเจ้านายชั้นสูง เมื่อมองใบหน้าอันหล่อเหลาและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา มีแวบหนึ่งในหัว ที่เขานึกอิจฉาหม่อมเจ้าภาณุมาศที่มีพระบิดาแสนประเสริฐ อยากรู้เหลือเกินว่าบิดาที่เขาตามหา ท่านจะเป็นคนแบบไหน จะเป็นคนดีแบบพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีหรือเปล่า...
“ที่ภรรยาฉันเข้าไปพูดกับเธอเมื่อครู่ คุณหญิงไม่ได้เข้าไปขอบคุณเธอจริงๆ ใช่ไหม”
เสด็จพระองค์ชายพูดยังกับรู้วีรกรรมของภรรยาตัวเองดี ถึงกระนั้น เขาก็ไม่อาจสร้างความร้าวฉานให้ครอบครัวของใครได้
“หามิได้กระหม่อม”
“งั้นก็ดีแล้วละ”
น้อยโล่งใจ ดูเหมือนพระองค์ท่านก็น่าจะพอใจในคำตอบที่ได้ยินเช่นกัน ผละจากเรื่องไม่ดี สมองก็อยากจะรับรู้แต่เรื่องดีๆ บ้าง
ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ หนึ่งในพุ่มไม้เหล่านั้นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้ามาเตะจมูกสูงให้เอะใจเล่น...จนน้อยต้องหันไปมองก็พบต้นมะลิน้อยใหญ่ปลูกเต็มอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
“ฝ่าพระบาทโปรดดอกมะลิด้วยหรือกระหม่อม”
“เปล่าหรอก มะลิพวกนี้ ท่านหญิงวริศรา อดีตชายาของฉัน เป็นคนเอามาปลูก”
พระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสีสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าอยู่นาน เห็นชายหนุ่มเอาแต่นั่งมองต้นมะลิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แววตาสดใสพราวระยับอยู่ตลอดเวลา
“เธอชอบมันรึ ฉันเห็นเธอจ้องมองต้นมะลิพวกนั้นอยู่นานแล้ว”
“กระหม่อม” น้อยพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเอ่ยเสริม “ที่วังราชสาสน์ก็มีสวนมะลิที่ท่านหญิงเพชราวสีทรงปลูกเอาไว้เหมือนกัน”
“นี่เธอเป็นคนของวังราชสาสน์หรอกรึ!”
“กระหม่อม”
เสด็จพระองค์ผ่องยิ้มร่า “ช่างบังเอิญดีจริงๆ ยิ่งชายภาสกับหนูวสีกำลังจะแต่งงานกัน ก็ดูเหมือนว่าฉันจะบังเอิญเกี่ยวข้องกับคนราชสาสน์อยู่เรื่อย ยิ่งทำให้ทั้งสองตระกูลแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น เธอว่าไหม”
น้อยหน้าเจื่อนลงแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ คงเป็นเพราะสะกิดใจคำพูดที่ว่า หม่อมเจ้าภาณุมาศกำลังจะแต่งงานกับเพชราวสีละมั้ง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้ม ตอนนี้เริ่มเหี่ยวเฉาลงเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ
น้อยผินหน้าไปทางอื่น...แล้วสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกคนกำลังก้าวยาวๆ เข้าไปภายในตำหนักใหญ่ แม้จะอยู่ในระยะไกล แต่น้อยก็จำหน้าคู่อริเก่าได้แม่นยำ
“ไอ้เจิด” น้อยอุทานขึ้น จนเสด็จพระองค์ผ่องต้องเหลียวหลังไปมองบ้าง
“เธอรู้จักนายเจิดด้วยรึ” ท่านหันมาถาม
“เคยรู้จักกันกระหม่อม”
พระองค์ท่านพยักหน้าคลายข้อฉงนใจ ก่อนจะเสริมต่อ เพราะคิดว่าชายหนุ่มคงอยากรู้
“นายเจิด เป็นคนของคุณหญิงกุหลาบ เห็นคุณหญิงบอกว่าไปตลาดแล้วโดนโจรฉุดกระเป๋า ก็ได้นายเจิดนี่แหละเป็นคนช่วยไว้ เห็นว่าเป็นคนดีก็เลยให้ตามกลับมารับใช้กันที่วัง”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เกล้ากระหม่อมคิดว่าฝ่าพระบาทควรจะทรงระวังพระองค์เองด้วยนะกระหม่อม” น้อยมีสีหน้ากังวล รู้ว่าเจิดเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน คนแบบนั้นจะช่วยใครเป็น และที่คุณหญิงกุหลาบโดนฉุดกระเป๋าก็น่าจะเป็นฝีมือของพวกไอ้เจิดนั่นแหละ
“เธอกำลังจะบอกฉันว่า นายเจิดเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นรึ”
น้อยก้มต่ำ ถอนหายใจเบาๆ... ถึงเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ท่านก็น่าจะรู้ความหมายของมันเป็นอย่างดี
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2565, 23:12:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2565, 17:49:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 275
<< บทที่ 14 มะลิพวกนั้น (50%) | บทที่ 15 ดวงตาคู่สวย (50%) >> |