วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 22 สารภาพ (70%)
ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาวกะพริบถี่ๆ จ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง...
“วันแรกที่เราพบกัน ท่านหญิงเข้าพระทัยผิดคิดว่ากระหม่อมเป็นใบ้ ซึ่งมันก็สมควรแล้วที่ท่านหญิงจะคิดแบบนั้น เพราะตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา กระหม่อมไม่เคยมีความสุขเลย กระหม่อมเติบโตมากับความเงียบเหงา ทำให้กระหม่อมไม่มีสังคม ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณี เป็นคนบ้าใบ้มาตั้งแต่จำความได้...” เขาชะงัก หยุดมองเข้าไปในแววตาวาวแสงล้ำลึก “หึ แต่เพราะความโง่ของกระหม่อม ทำให้แม่ผู้มีพระคุณของกระหม่อมต้องตาย กระหม่อมกลายเป็นคนเร่ร่อน จนกระทั่งได้มาพบเจอกับท่านหญิง ผู้หญิงดีๆ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของกระหม่อมเปลี่ยนไป ท่านหญิงเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของกระหม่อม ทำให้กระหม่อมกล้าที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กระหม่อมเคยคิดว่ากระหม่อมมันเป็นคนอาภัพอับโชค... แต่เมื่อพบท่านหญิง วันนี้กระหม่อมก็เข้าใจแล้วว่า วาสนาที่กระหม่อมตามหามาทั้งชีวิต ก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากระหม่อมนี่เอง”
ชายหนุ่มเล่า ไม่ยอมละสายตาไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาอยากเห็นอากัปกิริยาของเธอ อยากรู้ว่าพอเธอรู้แล้วรู้สึกเช่นไร แต่แล้วก็พบว่าเธอนิ่งมาก เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างจนยากจะเดาใจออก
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นวาสนาของนายด้วย” เธอเมินหน้าไปอีกทาง
“แล้วอย่างนั้นท่านหญิงเสด็จตามกระหม่อมมาทำไม ทั้งที่ก็รู้ว่าในป่าตอนกลางคืนมันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แล้วท่านหญิงก็อาจจะเป็นอันตรายได้อีก ถ้าเมื่อครู่นี้กระหม่อมไม่เห็นไม่ไปช่วยไว้ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
คำย้อนของเขาทำให้เธอถึงกับเงียบไปไม่เป็น แล้วใจก็เต้นดังโครมครามอย่างไร้เหตุผล
“พอพูดได้ก็สั่งสอนฉันใหญ่เลยนะ”
เขาหัวเราะในลำคอ บางทีก็แอบลืมตัว
“ก็ท่านหญิงคือคนที่กระหม่อมอยากพูดด้วยมากที่สุด และที่พูดไปก็เพราะเป็นห่วงทั้งนั้น” ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เขาอึดอัดมากที่ต้องทำเป็นบื้อใบ้ต่อหน้าเธอ พอมีโอกาสได้พูดแล้ว เขาก็อยากจะพูดทุกสิ่งที่ตรงกับใจ ไม่รู้ว่าโอกาสดีๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ถ้าไม่รีบพูดตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้พูดกับเธออีกเลยก็ได้
เธอซ่อนยิ้ม คำพูดแต่ละคำของเขามันทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นจากเมื่อก่อน ท่าทางผู้ชายคนนี้จะฉลาดกว่าที่เธอคิด
“แล้วนายอยากเดินเข้ามาในป่าก่อนทำไมล่ะ แล้วแผลที่ถูกยิงนั่นหายดีแล้วเหรอ”
“แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกกระหม่อม กระหม่อมมันหนังหนาอยู่แล้ว” เขาพูดชวนติดตลก แต่คนตรงหน้าเหมือนจะไม่ตลกด้วยนัก...
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วยังจะมาพูดเล่นอีก” เธอดุน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อกี้ท่านหญิงรับสั่งว่าเป็นห่วงกระหม่อม!”
“เวลามีใครเจ็บป่วย ฉันก็เป็นห่วงทุกคนนั่นแหละ” เพชราวสีเบือนหน้าแดงปลั่งเก็บอาการ เธอก็เป็นห่วงทุกคนเป็นปกติอย่างนี้อยู่แล้ว แต่คำว่าห่วงของเธอที่มีให้เขา กลับแตกต่างออกไป
เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาบางเบา เพชราวสีได้ยิน เธอหันกลับมามอง เห็นเขานั่งยิ้ม เธอก็เลิกคิ้วถาม
“ยิ้มอะไร”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วทำเมินเธอไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เพชราวสีหันกลับมาลอบยิ้ม เขินจนทำตัวไม่ถูก รู้สึกว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่ไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด
เธอเป็นถึงท่านหญิงนะ ในเมื่อเขามาสารภาพรัก เธอก็ควรจะผลักไสเขาออกไปให้ห่างสิถึงจะถูก แต่นี่เธอกลับมีความสุขเวลาที่ได้พูดคุยกับเขา และอยากจะให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้หายไปเลย
“เอ่อ...ฉันมีของจะให้” เธอเปลี่ยนเรื่องอย่างนึกขึ้นได้ หยิบถุงผ้าที่พกติดตัวไว้ยื่นให้เขา
น้อยรับถุงผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แต่พอเปิดดูข้างในก็ได้คำตอบ...
“นี่มันสร้อยของกระหม่อมนี่” เขาอุทานด้วยความดีใจ แล้วมองเธออย่างงงๆ “ทำไมถึงได้อยู่ที่ท่านหญิงล่ะกระหม่อม”
“ก็วันนั้นฉันเห็นนายกำลังเดินหาอะไรบางอย่างในสวน พอสอบถามนายธันถึงรู้ว่านายหาสร้อยอยู่ ฉันเจอเลยเก็บไว้ คิดว่าน่าจะใช่สร้อยเส้นนั้น ว่าจะคืนให้นายตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ลืมทุกที”
น้อยถอนใจเบาๆ มันเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและสำคัญมากต่อจิตใจเขา ถ้ามันหายไปจริงๆ เขาก็ทำใจไว้แล้วว่าโอกาสที่จะได้คืนมาคงไม่ง่าย ไม่คิดเลยว่าสิ่งของที่สำคัญที่สุดในชีวิตจะไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่มีค่าที่สุด แล้วเธอก็สำคัญมากไม่ต่างจากสร้อยเส้นนี้เลย
“ขอบพระทัยท่านหญิง มันเป็นสิ่งที่สำคัญกับกระหม่อมมากจริงๆ”
“สำคัญยังไงเหรอ”
“มันเป็นสร้อยที่ติดตัวกระหม่อมมาตั้งแต่เกิด ในเมื่อครอบครัวที่เลี้ยงดูกระหม่อมมาจนโตไม่ยินดีต้อนรับกระหม่อมแล้ว กระหม่อมก็คิดว่าจะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงจากสร้อยเส้นนี้ พวกเขาคือครอบครัวสุดท้ายที่กระหม่อมเหลืออยู่” เขาตอบไปตามตรง
“ฉันไม่ได้จะแช่งนะ แต่ถ้าพวกท่านเสียชีวิตไปแล้วล่ะ นายจะทำยังไง...” เธอทอดเสียงอ่อน รู้สึกสลดใจตามเขา ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องเร่ร่อนหนีไปที่ไหนอีกแล้ว
“ถึงตอนนั้นกระหม่อมก็คงจะออกจากวัง เก็บเงินสักก้อนเอาไว้เป็นทุนค้าขาย ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป” เขาหันมามองเธออย่างปลงๆ
“ในอนาคตนายไม่คิดที่จะอยู่วังราชสาสน์แล้วเหรอ...” ทั้งที่เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่เกิดขึ้น และเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน แต่พลันนั้นทำไมใจเธอกลับรู้สึกหวิวโหวงขึ้นมา
“เพราะกระหม่อมไม่อยากให้ใครมาดูถูกดูแคลนท่านหญิงต่างหาก กระหม่อมอยากทำชีวิตให้เจริญขึ้น ให้สมพระเกียรติของท่านหญิง จะได้ไม่มีใครมาครหาท่านหญิงได้ ว่าเลือกคนผิด”
เพชราวสีกะพริบตาอ้ำอึ้ง คำพูดของเขาทำให้เธอซาบซึ้งใจ ในฐานะที่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เธอสงสัยว่าเรื่องระหว่างเธอและเขาจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ
“ฉันไปเลือกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เธอผินหน้าหนี ไม่อยากให้ใจไปซะหมดดวง
“ก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านหญิงกำลังทำอยู่นี่ไง ทำให้กระหม่อมแน่ใจว่าหัวใจของท่านหญิงก็คงรู้สึกเหมือนกันกับกระหม่อม” เขาเอ่ยความรู้สึกที่มีต่อเธอไปหมดแล้ว...และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือแสดงท่าทีรังเกียจอย่างที่เขากลัวเลย แถมยังเห็นเธอลอบยิ้มเวลาที่เขาเผลอ ทุกอย่างที่เธอทำ มันชัดว่าเธอก็น่าจะสนใจเขาเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นคนไร้วาสนาอย่างเขาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป
“แค่ฉันเดินตามนายมาเท่านี้ นายก็คิดเองเออเอง ว่าฉันหลงเสน่ห์นายเข้าแล้วอย่างนั้นเหรอฮะ”
คำพูดของเธอดูเหมือนจะไม่พอใจที่เขาพูดซี้ซั้วว่าเธอเป็นแบบนั้น เขาคิดเข้าข้างตัวเองไปได้อย่างไร ว่าผู้หญิงอย่างเพชราวสีจะรักเขาจริงๆ
“กระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้ท่านหญิงรู้สึกไม่ดี แต่กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน หรือทำให้ท่านหญิงอึดอัด ถ้าท่านหญิงไม่คิดเช่น เดียวกัน ก็ขออย่าได้รังเกียจกันเลย”
เพชราวสีรู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเธอตามเขามาเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าอยากดูแล อยากสนใจในทุกๆ เรื่องของเขาไปเพื่ออะไรกันแน่ กับอดีตพระคู่หมั้นก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้ เพชราวสีต่อสู้กับหัวใจตัวเองอย่างหนัก เมื่อต้องเลือกระหว่างความรักและความเหมาะสมเธอจะเลือกฝ่ายไหน...แล้วทำไมเธอต้องคิดให้ยุ่งยาก...เธอไม่อยากเลือก และไม่จำเป็นต้องเลือกเลย เธอจะจริงใจและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง...ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะส่งผลอย่างไรก็ตาม
คืนนั้น ฝนตกหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ให้คนทั้งคู่ได้กลับ ไปห้องพัก ระหว่างนั่งรอฝนหยุดตก หันไปอีกที เพชราวสีก็หลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้มองใบหน้าสวยพริ้มยามหลับอย่างเอ็นดู เธอนั่งสัปหงกคอตกไปมาน่ารัก จนเขาอดขำไม่ได้
แล้วเธอก็เอนศีรษะซบลงมาที่บ่าของเขา น้อยเหลียวมองหน้านวลอึ้งๆ ไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ จนได้กลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ จากเรือนกายนุ่มนิ่มลอยแตะปลายจมูก เขากำลังจ้องมองเรียวปากอิ่มบนใบหน้าพริ้มเพรานั้นด้วยความหลงใหล และหวังว่าในสักวัน เขาจะเป็นผู้ได้ครอบ-ครองริมฝีปากบางระเรื่อ และมอบจุมพิตแรกให้แก่เธอผู้เป็นดวงใจ ไม่ทันไร ใบหน้าสวยก็เลื่อนลงมาหนุนตักหนาด้วยความอ่อนเพลีย น้อยรู้สึกเกร็งไปทั้งท่อนล่าง มองเพชราวสีด้วยความหวงแหน เมื่อมียุงร้ายบินเข้ามาใกล้ มือหนาก็ปัดไล่ออกไป จะไม่ปล่อยให้อะไรมาทำลายความสุขยามหลับของเธอเด็ดขาด
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“วันแรกที่เราพบกัน ท่านหญิงเข้าพระทัยผิดคิดว่ากระหม่อมเป็นใบ้ ซึ่งมันก็สมควรแล้วที่ท่านหญิงจะคิดแบบนั้น เพราะตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา กระหม่อมไม่เคยมีความสุขเลย กระหม่อมเติบโตมากับความเงียบเหงา ทำให้กระหม่อมไม่มีสังคม ถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณี เป็นคนบ้าใบ้มาตั้งแต่จำความได้...” เขาชะงัก หยุดมองเข้าไปในแววตาวาวแสงล้ำลึก “หึ แต่เพราะความโง่ของกระหม่อม ทำให้แม่ผู้มีพระคุณของกระหม่อมต้องตาย กระหม่อมกลายเป็นคนเร่ร่อน จนกระทั่งได้มาพบเจอกับท่านหญิง ผู้หญิงดีๆ ที่เข้ามาทำให้ชีวิตของกระหม่อมเปลี่ยนไป ท่านหญิงเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของกระหม่อม ทำให้กระหม่อมกล้าที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กระหม่อมเคยคิดว่ากระหม่อมมันเป็นคนอาภัพอับโชค... แต่เมื่อพบท่านหญิง วันนี้กระหม่อมก็เข้าใจแล้วว่า วาสนาที่กระหม่อมตามหามาทั้งชีวิต ก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ากระหม่อมนี่เอง”
ชายหนุ่มเล่า ไม่ยอมละสายตาไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขาอยากเห็นอากัปกิริยาของเธอ อยากรู้ว่าพอเธอรู้แล้วรู้สึกเช่นไร แต่แล้วก็พบว่าเธอนิ่งมาก เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างจนยากจะเดาใจออก
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นวาสนาของนายด้วย” เธอเมินหน้าไปอีกทาง
“แล้วอย่างนั้นท่านหญิงเสด็จตามกระหม่อมมาทำไม ทั้งที่ก็รู้ว่าในป่าตอนกลางคืนมันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แล้วท่านหญิงก็อาจจะเป็นอันตรายได้อีก ถ้าเมื่อครู่นี้กระหม่อมไม่เห็นไม่ไปช่วยไว้ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
คำย้อนของเขาทำให้เธอถึงกับเงียบไปไม่เป็น แล้วใจก็เต้นดังโครมครามอย่างไร้เหตุผล
“พอพูดได้ก็สั่งสอนฉันใหญ่เลยนะ”
เขาหัวเราะในลำคอ บางทีก็แอบลืมตัว
“ก็ท่านหญิงคือคนที่กระหม่อมอยากพูดด้วยมากที่สุด และที่พูดไปก็เพราะเป็นห่วงทั้งนั้น” ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เขาอึดอัดมากที่ต้องทำเป็นบื้อใบ้ต่อหน้าเธอ พอมีโอกาสได้พูดแล้ว เขาก็อยากจะพูดทุกสิ่งที่ตรงกับใจ ไม่รู้ว่าโอกาสดีๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ถ้าไม่รีบพูดตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้พูดกับเธออีกเลยก็ได้
เธอซ่อนยิ้ม คำพูดแต่ละคำของเขามันทำให้เขามีเสน่ห์มากขึ้นจากเมื่อก่อน ท่าทางผู้ชายคนนี้จะฉลาดกว่าที่เธอคิด
“แล้วนายอยากเดินเข้ามาในป่าก่อนทำไมล่ะ แล้วแผลที่ถูกยิงนั่นหายดีแล้วเหรอ”
“แผลแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกกระหม่อม กระหม่อมมันหนังหนาอยู่แล้ว” เขาพูดชวนติดตลก แต่คนตรงหน้าเหมือนจะไม่ตลกด้วยนัก...
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วยังจะมาพูดเล่นอีก” เธอดุน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อกี้ท่านหญิงรับสั่งว่าเป็นห่วงกระหม่อม!”
“เวลามีใครเจ็บป่วย ฉันก็เป็นห่วงทุกคนนั่นแหละ” เพชราวสีเบือนหน้าแดงปลั่งเก็บอาการ เธอก็เป็นห่วงทุกคนเป็นปกติอย่างนี้อยู่แล้ว แต่คำว่าห่วงของเธอที่มีให้เขา กลับแตกต่างออกไป
เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาบางเบา เพชราวสีได้ยิน เธอหันกลับมามอง เห็นเขานั่งยิ้ม เธอก็เลิกคิ้วถาม
“ยิ้มอะไร”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วทำเมินเธอไปดื้อๆ เสียอย่างนั้น เพชราวสีหันกลับมาลอบยิ้ม เขินจนทำตัวไม่ถูก รู้สึกว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่ไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด
เธอเป็นถึงท่านหญิงนะ ในเมื่อเขามาสารภาพรัก เธอก็ควรจะผลักไสเขาออกไปให้ห่างสิถึงจะถูก แต่นี่เธอกลับมีความสุขเวลาที่ได้พูดคุยกับเขา และอยากจะให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้หายไปเลย
“เอ่อ...ฉันมีของจะให้” เธอเปลี่ยนเรื่องอย่างนึกขึ้นได้ หยิบถุงผ้าที่พกติดตัวไว้ยื่นให้เขา
น้อยรับถุงผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แต่พอเปิดดูข้างในก็ได้คำตอบ...
“นี่มันสร้อยของกระหม่อมนี่” เขาอุทานด้วยความดีใจ แล้วมองเธออย่างงงๆ “ทำไมถึงได้อยู่ที่ท่านหญิงล่ะกระหม่อม”
“ก็วันนั้นฉันเห็นนายกำลังเดินหาอะไรบางอย่างในสวน พอสอบถามนายธันถึงรู้ว่านายหาสร้อยอยู่ ฉันเจอเลยเก็บไว้ คิดว่าน่าจะใช่สร้อยเส้นนั้น ว่าจะคืนให้นายตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ลืมทุกที”
น้อยถอนใจเบาๆ มันเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและสำคัญมากต่อจิตใจเขา ถ้ามันหายไปจริงๆ เขาก็ทำใจไว้แล้วว่าโอกาสที่จะได้คืนมาคงไม่ง่าย ไม่คิดเลยว่าสิ่งของที่สำคัญที่สุดในชีวิตจะไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่มีค่าที่สุด แล้วเธอก็สำคัญมากไม่ต่างจากสร้อยเส้นนี้เลย
“ขอบพระทัยท่านหญิง มันเป็นสิ่งที่สำคัญกับกระหม่อมมากจริงๆ”
“สำคัญยังไงเหรอ”
“มันเป็นสร้อยที่ติดตัวกระหม่อมมาตั้งแต่เกิด ในเมื่อครอบครัวที่เลี้ยงดูกระหม่อมมาจนโตไม่ยินดีต้อนรับกระหม่อมแล้ว กระหม่อมก็คิดว่าจะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงจากสร้อยเส้นนี้ พวกเขาคือครอบครัวสุดท้ายที่กระหม่อมเหลืออยู่” เขาตอบไปตามตรง
“ฉันไม่ได้จะแช่งนะ แต่ถ้าพวกท่านเสียชีวิตไปแล้วล่ะ นายจะทำยังไง...” เธอทอดเสียงอ่อน รู้สึกสลดใจตามเขา ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องเร่ร่อนหนีไปที่ไหนอีกแล้ว
“ถึงตอนนั้นกระหม่อมก็คงจะออกจากวัง เก็บเงินสักก้อนเอาไว้เป็นทุนค้าขาย ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป” เขาหันมามองเธออย่างปลงๆ
“ในอนาคตนายไม่คิดที่จะอยู่วังราชสาสน์แล้วเหรอ...” ทั้งที่เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่เกิดขึ้น และเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน แต่พลันนั้นทำไมใจเธอกลับรู้สึกหวิวโหวงขึ้นมา
“เพราะกระหม่อมไม่อยากให้ใครมาดูถูกดูแคลนท่านหญิงต่างหาก กระหม่อมอยากทำชีวิตให้เจริญขึ้น ให้สมพระเกียรติของท่านหญิง จะได้ไม่มีใครมาครหาท่านหญิงได้ ว่าเลือกคนผิด”
เพชราวสีกะพริบตาอ้ำอึ้ง คำพูดของเขาทำให้เธอซาบซึ้งใจ ในฐานะที่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เธอสงสัยว่าเรื่องระหว่างเธอและเขาจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ
“ฉันไปเลือกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เธอผินหน้าหนี ไม่อยากให้ใจไปซะหมดดวง
“ก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านหญิงกำลังทำอยู่นี่ไง ทำให้กระหม่อมแน่ใจว่าหัวใจของท่านหญิงก็คงรู้สึกเหมือนกันกับกระหม่อม” เขาเอ่ยความรู้สึกที่มีต่อเธอไปหมดแล้ว...และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือแสดงท่าทีรังเกียจอย่างที่เขากลัวเลย แถมยังเห็นเธอลอบยิ้มเวลาที่เขาเผลอ ทุกอย่างที่เธอทำ มันชัดว่าเธอก็น่าจะสนใจเขาเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นคนไร้วาสนาอย่างเขาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากจนเกินไป
“แค่ฉันเดินตามนายมาเท่านี้ นายก็คิดเองเออเอง ว่าฉันหลงเสน่ห์นายเข้าแล้วอย่างนั้นเหรอฮะ”
คำพูดของเธอดูเหมือนจะไม่พอใจที่เขาพูดซี้ซั้วว่าเธอเป็นแบบนั้น เขาคิดเข้าข้างตัวเองไปได้อย่างไร ว่าผู้หญิงอย่างเพชราวสีจะรักเขาจริงๆ
“กระหม่อมขอประทานอภัยที่ทำให้ท่านหญิงรู้สึกไม่ดี แต่กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน หรือทำให้ท่านหญิงอึดอัด ถ้าท่านหญิงไม่คิดเช่น เดียวกัน ก็ขออย่าได้รังเกียจกันเลย”
เพชราวสีรู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเธอตามเขามาเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าอยากดูแล อยากสนใจในทุกๆ เรื่องของเขาไปเพื่ออะไรกันแน่ กับอดีตพระคู่หมั้นก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้ เพชราวสีต่อสู้กับหัวใจตัวเองอย่างหนัก เมื่อต้องเลือกระหว่างความรักและความเหมาะสมเธอจะเลือกฝ่ายไหน...แล้วทำไมเธอต้องคิดให้ยุ่งยาก...เธอไม่อยากเลือก และไม่จำเป็นต้องเลือกเลย เธอจะจริงใจและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง...ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะส่งผลอย่างไรก็ตาม
คืนนั้น ฝนตกหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ให้คนทั้งคู่ได้กลับ ไปห้องพัก ระหว่างนั่งรอฝนหยุดตก หันไปอีกที เพชราวสีก็หลับไปเสียแล้ว ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้มองใบหน้าสวยพริ้มยามหลับอย่างเอ็นดู เธอนั่งสัปหงกคอตกไปมาน่ารัก จนเขาอดขำไม่ได้
แล้วเธอก็เอนศีรษะซบลงมาที่บ่าของเขา น้อยเหลียวมองหน้านวลอึ้งๆ ไม่คิดว่าจะได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ จนได้กลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ จากเรือนกายนุ่มนิ่มลอยแตะปลายจมูก เขากำลังจ้องมองเรียวปากอิ่มบนใบหน้าพริ้มเพรานั้นด้วยความหลงใหล และหวังว่าในสักวัน เขาจะเป็นผู้ได้ครอบ-ครองริมฝีปากบางระเรื่อ และมอบจุมพิตแรกให้แก่เธอผู้เป็นดวงใจ ไม่ทันไร ใบหน้าสวยก็เลื่อนลงมาหนุนตักหนาด้วยความอ่อนเพลีย น้อยรู้สึกเกร็งไปทั้งท่อนล่าง มองเพชราวสีด้วยความหวงแหน เมื่อมียุงร้ายบินเข้ามาใกล้ มือหนาก็ปัดไล่ออกไป จะไม่ปล่อยให้อะไรมาทำลายความสุขยามหลับของเธอเด็ดขาด
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2565, 20:10:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2565, 20:10:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 353
<< บทที่ 22 สารภาพ (35%) | บทที่ 22 สารภาพ (100%) >> |