กลรักสาวมีนกร
เพ็ญจันทร์กับจันทราเป็นฝาแฝดกันมีนิสียที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เพ็ญจันทร์เป็นคนเจ้าระเบียบ เคร่งขรึม บ้างาน โลกส่วนตัวสูง ส่วนจันทราเป็นสาวทันสมัย เป็นคนง่าย ๆ รูปแบบการใช้ชีวิตของทั้งสองคนต่างกันมาก
จนกระทั่งจันทราพามานพแฟนของตัวเองมาแนะนำให้รู้จัก เพ็ญจันทร์แอบมีใจให้มานพโดยไม่รู้ตัว จันทราแต่งงานกับมานพพามานพอยู่ที่บ้าน มานพเป็นพ่อม้ายลูกติดภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่คลอดลูก
จันทราให้ความรักและคอยดูแลพุทธชาดเป็นอย่างดี เพ็ญจันทร์เอ็นดูและคอยดูแลพุทธชาด มานพเมาเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์เป็นจันทรา คืนนั้นเพ็ญจันทร์กับจันทราได้เสียกัน หลายเดือนต่อมาเพ็ญจันทน์เกิดตั้งท้องพร้อมกับจันทรา
เพ็ญจันทร์บอกกับทุกคนว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกแต่แท้จริงแล้วหนีไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ให้รู้ว่าตัวเองท้อง พิมภารับรู้เรื่องนี้มาตลอด จันทราคลอดลูกออกมาเสียชีวิต เพ็ญจันทร์คลอดลูกออกมาเป็ยผู้หญิง เพ็ญจันทร์ขอร้องพรศรีช่วยสลับลูกของตัวเองกับจันทรา ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี พุทธชาดกลายเป็นหมาหัวเน่า จันทรากับมานพไม่สนใจที่จะดูแลพุทธชาดเลย
เพ็ญจันทร์สงสารพุทธชาดดูแลพุทธชาดเหมือนกับลูก มานพตั้งชื่อลูกสาวของตัวเองว่า มัจฉา ความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานจันทรากับมานพประสบอุบัติทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่
นับตั้งแต่วันนั้นเพ็ญจันทน์ทำหน้าที่ดูแลพุทธชาดและมัจฉา เพ็ญจันทร์เก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับมีเพียงพิมภากับพรศรีเท่านั้นที่รู้เรื่อง เพ็ญจันทร์ดูแลพุทธชาดและมัจฉาเป็นอย่างดีแต่การแสดงออกทีมีต่อพุทธชาดและมัจฉาต่างกันทำให้มัจฉาเข้าใจผิดนำพาหนึ่งชีวิตต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพื่อต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ผู้เป็นป้าได้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่สาว มัจฉาหลานสาวคนเล็กของเพ็ญจันทร์ที่ถูกผู้เป็นป้าเปรียบเทียบกับพุทธชาดตั้งแต่เด็กจนโตจนทำให้ตัวเองรู้สึกไร้ค่าเข้าใจว่าเป็นกาฝาก หลานที่เพ็ญจันทร์ไม่ต้องการ
ด้วยความรักของพุทธชาดที่มีให้ทำให้มัจฉารู้สึกตัวเองมีค่าในสายตาของเพ็ญจันทร์อยู่บ้าง
มัจฉาโหยหาความรักจากเพ็ญจันทร์แต่ไม่เคยได้รับแต่ยังโชคดีที่มีชลธีคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้าง ความรักก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มัจฉามารู้ตัวอีกทีตัวเองรักชลธี ความรักต้องห้ามที่ต้องคอยปิดปังความรู้สึกเอาไว้คนเดียวเพราะกลัวเสียเพื่อนมิหนำซ้ำชลธียังเป็นเกย์มีแฟนมีอยู่แล้วด้วย คือ ก้องภพ
นานวันเข้าความสัมพันธ์ของมัจฉากับเพ็ญจันทร์ยิ่งแย่ลงจนเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเส้นขนานถึงแม้ว่าจะมีพุทธชาดเป็นกาวใจก็ตามการแสดงออกและการกระทำของเพ็ญจันทร์ที่แสดงออกต่อระหว่างตนเองกับพุทธชาดกลายเป็นข้อเปรียบเทียบทำให้มัจฉาเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ไม่รัก มัจฉาต้องการพิสูจน์ให้เพ็ญจันทร์เห็นว่าตัวเองเก่งและไม่ได้โง่ไปกว่าพุทธชาด
หลังจากเรียนจบมัยมต้นเพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเรียนมัธยมปลายแต่มัจฉาต้องการเรียนสายอาชีวะสาขาวิชาประมง เพ็ญจันทร์ไม่ยอมและบอกกับมัจฉาว่าถ้าจะเรียนสายอาชีวะจะต้องหาเงินเรียนเอง มัจฉาไม่สนใจเพ็ญจันทร์
เข้มกับเบิ้มชวนมัจฉามาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกเรียน ในตอนเย็นของทุกวันมัจฉา เข้มและเบิ้มช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยว ความสัมพันธ์ของมัจฉาเริ่มห่างกันพุทธชาดใกล้เรียนจบแล้วทำให้ไม่มีเวลาคุยกับมัจฉาเหมือนกับเมื่อก่อนยิ่งทำให้มัจฉาเคว้งคว้างขาดที่พึ่งทางใจทำให้ติดเพื่อนและไม่สนใจที่กลับบ้าน ชลธีพาก้องภพมาหามัจฉาที่วิทยาลัยทำให้ได้เจอกับน้ำหวาน น้ำหวานเห็นก้องภพรู้สึกชอบผู้ชายคนนี้ต้องการมาเป็นแฟนวางแผนแย่งก้องภพมาจากชลธียื่นข้อเสนอให้มัจฉาช่วย ในตอนแรกมัจฉาไม่ยอมช่วย น้ำหวานบอกกับมัจฉาว่าถ้าหากทำให้ก้องภพกับชลธีเลิกกันมัจฉาจะได้ใช้โอกาสนี้บอกความในใจและทำให้ชลธีกลับมาเป็นชายแท้อีกครั้ง มัจฉากับน้ำกลายเป็นเพื่อนซี้กันในที่สุดลืมเรื่องบาดหมางในอดีตกลับมาเริ่มต้นใหม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เสมอใจเป็นเพื่อนของสุปราณีย์ต้องการคนมาช่วยทำงานวิจัยของตนเองติดต่อสุปราณย์เป็นธุระจัดหานักศึกษาไปช่วยทำงาน สุปราณีย์แนะนำให้มัจฉาไปทำงานกับเสมอใจ มัจฉาปฏิเสธบอกเหตุผลกับสุปราณีย์ว่าตัวเองไม่สามารถทิ้งเข้มกับเบิ้ม ถ้าหากมาทำงานให้กับเสมอใจ ร้านสามเกลอก็ต้องปิด สุปราณย์บอกให้เสมอใจช่วยรับเข้มกับเบิ้มทำงาน เสมอใจตอบตกลง ร้านสามเกลอถูกปิดลง มัจฉามาทำงานให้กับเสมอใจ
พุทธชาดแอบมีแฟนไม่ให้เพ็ญจันทร์รู้ มัจฉาเตือนเรื่องแฟนของพุทธชาดว่าเป็นคนไม่ดี พุทธชาดไม่เชื่อโกรธมัจฉามากกลับบ้านไปฟ้องเพ็ญจันทร์ว่ามัจฉาไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่ยอมกลับบ้าน มัจฉากลับบ้านทำให้มีเรื่องทะเลาะกับเพ็ญจันทร์ มัจฉาพยายามอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพ็ญจันทร์ฟังแต่เพ็ญจันทร์ไม่เชื่อจนกระทั่งพรศรีแวะมาดูอาการมัจฉาที่บ้าน เพ็ญจันทร์จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด
น้ำหวานชวนมัจฉาเสพยา
ในตอนแรกมัจฉาปฏิเสธแต่สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับอ่อนแอของหัวใจทดลองเสพยา หลังจากนั้นไม่นานผันตัวเองมาเป็นเด็กส่งยา ชลธีพาก้องภพไปหามัจฉาที่วิทยาลัย น้ำหวานเจอกับก้องภพแอบชอบก้องภพต้องผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟน น้ำหวานเดินหน้าจีบก้องภพด้วยความเจ้าชู้ของชายหนุ่มและไม่ได้รักชลธีด้วยใจจริงทำให้ก้องภพสนใจในตัวน้ำหวานทั้งคู่แอบคบกัน
ชลธีรู้ความจริงเรื่องของก้องภพคบกับน้ำหวาน ก้องภพบอกเลิกชลธี ชายหนุ่มน้อยใจในโชคชะตา คิดสั้นฆ่าตัวตายโชคดีที่มัจฉาช่วยไว้ได้ทัน มัจฉาดูแลคอยปลอบใจดูแลชลธีเป็นอย่างดีจนชลธีเริ่มใจอ่อนเริ่มมีใจให้มัจฉา มัจฉาพยายามทำทุกอย่างมัดใจชลธีทั้งสองคนมีใจให้กันแต่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกให้ต่างฝ่ายได้รู้
เสมอใจเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดที่มัจฉาไม่เคยได้รับจากเพ็ญจันทร์ทำให้ความสัมพันธ์ของมัจฉายิ่งเหินห่าง มัจฉาไม่เข้าไปพูดคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเดิมแถม เพ็ญจันทร์ทุกข์ที่เห็นมัจฉาเปลี่ยนไปนำเรื่องนี้ไปปรึกษาสุปราณีย์กับพรศรีทั้งสองคนบอกให้เพ็ญจันทร์ปรับความเข้าใจกับมัจฉาก่อนทุกอย่างจะสายไป
เข้มกับเบิ้มบอกให้มัจฉาไปช่วยพุทธชาด พุทธชาดถูกแฟนหลอกไปขายแต่มัจฉาไปช่วยไว้ได้ทัน มัจฉาไม่พอใจที่พุทธชาดทำตัวไม่ดีสองพี่น้องทะเลาะกัน เพ็ญจันทร์แอบฟังทั้งคู่ พุทธชาดสำนึกผิดกราบขอโทษเพ็ญจันทร์ปรับความเข้าใจกับมัจฉาแต่มันสายเกินไปแล้ว ในช่วงเวลานี้มัจฉาไม่สนใจคนทั้งสองอีกแล้ว
มัจฉาไปส่งยาพลาดท่าถูกตำรวจจับ พรศรีรู้ข่าวของมัจฉาจากเพื่อนของทรงพลไปประกันตัวมัจฉาออกมาพร้อมทั้งกำชับให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้ทางตำรวจล้างประวัติที่ไม่ดีของมัจฉาออกให้หมด
มัจฉาไม่อยากกลับบ้านขออยู่บ้านของพรศรีต่อจนพรศรีรู้ว่ามัจฉาติดยา พรศรีพามัจฉาไปบำบัดและดูแลมัจฉาเป็นอย่างดีจนกระทั่งมัจฉากลับมาเป็นปกติ
เสมอใจบอกให้มัจฉาไปสอบชิงทุนเรียนต่อเมืองนอก มัจฉาทำตามคำบอกของเสมอใจตั้งใจอ่านหนังสือจนสามารถสอบชิงทุนได้สำเร็จ
มัจฉาไปสารรักกับชลธีทั้งสองมีใจตรงกันให้สัญญากันไว้ว่าหลังเรียนจบจะกลับมาเริ่มต้นความรัก มัจฉาเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอกโดยไม่ได้บอกเพ็ญจันทร์กับพุทธชาด ด้วยความเป็นห่วงเพ็ญจันทร์โทรไปถามสุปราณีย์เพราะเข้าใจว่ามัจฉาไปอยู่บ้านของสุปราณย์ สุปราณีย์เล่าเรื่องของมัจฉาให้เพ็ญจันทร์ฟัง
หลังจากที่มัจฉาไปเรียนเมืองนอก เพ็ญจันทร์ลาออกจากราชการกลับมากลายเป็นคนอมทุกข์วัน ๆ หมกด้วยอยู่แต่ในห้อง ส่วนพุทธชาดทำแต่งานไม่ได้มีเวลาดูแลเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อน เข้มกับเบิ้มสอบติดโรงเรียนนายร้อย ส่วนชลธีสอบติดแพทย์อย่างที่ตั้งไว้ มัจฉาขาดการติดต่อจากทุกคนทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในตอนนี้มัจฉาอยู่ที่ไหน เพ็ญจันทร์ทุกข์ใจเรื่องของมัจฉาว่าเป็นความผิดของตัวเอง
หลังจากเรียนจบมัจฉากลับมาเมืองไทยไปหาทุกคนยกเว้นเพ็ญจันทร์ มัจฉากลับมาทำงานเป็นทหาร กลับไปเริ่มต้นสานต่อความรักกับชลธี เพ็ญจันทร์ให้เข้มกับเบิ้มช่วยไปช่วยซ่อมแซมศาลาริมน้ำในสวนหลังบ้านทั้งสองคนชวนมัจฉาไปด้วยในตอนแรกมัจฉาปฏิเสธแต่สุดท้ายแล้วยอมใจอ่อนแต่มีข้อแม้ว่าห้ามบอกเพ็ญจันทร์ว่าตัวเองเป็นใคร เข้มกับเบิ้มตอบตกลง
ก้องภพกลับหาชลธีอีกครั้งหนึ่งสร้างเรื่องให้มัจฉาเข้าใจว่า ชลธียังรักตนเองอยู่ ส่วนตัวเขาใช้ให้น้ำหวานไปหามัจฉาสร้างทำเรื่องว่ามัจฉากับน้ำหวานรักกันให้ชลธีหึงมัจฉากับน้ำหวาน ส่วนมัจฉากลับรู้เฉย ๆที่ก้องภพจะกลับมาคืนดีกับชลธี มัจฉามอมเหล้าชลธีถ่ายรูปไปให้ก้องภพดูสร้างชลธีตกใจและคิดว่าตัวเองกับมัจฉาได้เสียกัน
เพ็ญจันทร์ตรอมใจที่มัจฉาหายออกไปจากบ้าน เพ็ญจันทร์บอกให้เบิ้มกับเข้มไปช่วยจัดสวน ซ่อมแซมศาลาริมน้ำที่มันชำรุด เข้มกับเบิ้มชวนมัจฉาไปด้วย มัจฉาปลอมตัวไปหาเพ็ญจันทร์ มัจฉานึกสงสารเพ็ญจันทร์แต่ยังใจแข็งไม่ยอมบอกความจริง เพ็ญจันทร์เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังบอกกับมัจฉาแท้จิริงแล้วมัจฉาเป็นลูกของตัวเองกับมานพ ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาเป็นลูกของจันทรา
มัจฉาตกใจ เพ็ญจันทร์เล่าเรื่องที่ห้ามมัจฉาวาดรูป มัจฉาแพ้สีเป็นผื่นเข้าโรงพยาบาลเกือบตาย เพ็ญจันทร์จึงห้ามมัจฉาวาดรูป เรื่องที่เรียนประมง มัจฉาเป็นคนใจร้อน เพ็ญจันทร์ไม่อยากให้เรียนกลัวมัจฉาจะไปมีเรื่องจนถึงชีวิต ส่วนเรื่องที่ตัวเองมีกฏมากมายให้มัจฉาต้องทำตามเพราะต้องการให้มัจฉามีระเบียบ
มัจฉาถูกเรียกตัวให้ไปรบที่ชายแดนโดยเร่งด่วน พวกค้ายามีนัดส่งยาเสพติด หลังเสร็จงานมัจฉาจ กลับมาเพ็ญจันทร์ที่บ้านไม่อยากให้เพ็ญจันทร์รู้ความจริงในตอนนี้กลัวจะคิดมาก
สุปราณีย์ และ พรศรีมาหาเพ็ญจันทร์ที่บ้าน ถามหามัจฉา วันนี่เองทำให้เพ็ญจันทร์นรู้ความจริงว่า มัจฉากลับมาแล้วแต่ไม่ยอมมาหาตน สุปารณีย์โทรไปต่อว่า มัจฉาอธิบายเหตุผลทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เพ็ญจันทร์เล่าความจริงทั้งหมดให้สุปราณีย์มัจฉาเป็นลูกของตัวเอง ส่วนพุทธชาดเป็นแค่ลูกติดของมานพ ด้วยความรัก เพ็ญจันทร์เลี้ยงพุทธชาดตั้งแต่ยังเป็นทารก
พุทธชาดสงสัยในตัวมัจฉาว่าเป็นน้องของตัวเอง กลับมาบอกเพ็ญจันทร์ เพ็ญจันทร์เอารูปมัจฉาให้พุทธชาดดูทั้งสองรู้ความจริง มัจฉาไปรบที่ชายแดนหลังจากเสร็จภารกิจกลับมาบ้าน เพ็ญจันทร์โทรมาหาพอดีทั้งสองปรับความเข้าใจกัน มัจฉาสัญญาเสร็จงานเมื่อไหร่จะกลับไปมา
กิจการของก้องภพต้องล้มละลายถูกน้ำหวานโกงจนหมดตัว ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีปัญหาทุกอย่าง ส่วนน้ำหวานเหมือนตายทั้งแป็นติดเอดส์จากก้องภพ มัจฉากลับมาบ้านปรับความเข้าใจกับเพ็ญจันทร์กับพุทธชาด ชลธีให้พ่อกับแม่มาสู่ขอมัจฉา ทั้งสองแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
จนกระทั่งจันทราพามานพแฟนของตัวเองมาแนะนำให้รู้จัก เพ็ญจันทร์แอบมีใจให้มานพโดยไม่รู้ตัว จันทราแต่งงานกับมานพพามานพอยู่ที่บ้าน มานพเป็นพ่อม้ายลูกติดภรรยาเสียชีวิตตั้งแต่คลอดลูก
จันทราให้ความรักและคอยดูแลพุทธชาดเป็นอย่างดี เพ็ญจันทร์เอ็นดูและคอยดูแลพุทธชาด มานพเมาเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์เป็นจันทรา คืนนั้นเพ็ญจันทร์กับจันทราได้เสียกัน หลายเดือนต่อมาเพ็ญจันทน์เกิดตั้งท้องพร้อมกับจันทรา
เพ็ญจันทร์บอกกับทุกคนว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอกแต่แท้จริงแล้วหนีไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ให้รู้ว่าตัวเองท้อง พิมภารับรู้เรื่องนี้มาตลอด จันทราคลอดลูกออกมาเสียชีวิต เพ็ญจันทร์คลอดลูกออกมาเป็ยผู้หญิง เพ็ญจันทร์ขอร้องพรศรีช่วยสลับลูกของตัวเองกับจันทรา ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี พุทธชาดกลายเป็นหมาหัวเน่า จันทรากับมานพไม่สนใจที่จะดูแลพุทธชาดเลย
เพ็ญจันทร์สงสารพุทธชาดดูแลพุทธชาดเหมือนกับลูก มานพตั้งชื่อลูกสาวของตัวเองว่า มัจฉา ความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานจันทรากับมานพประสบอุบัติทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่
นับตั้งแต่วันนั้นเพ็ญจันทน์ทำหน้าที่ดูแลพุทธชาดและมัจฉา เพ็ญจันทร์เก็บเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับมีเพียงพิมภากับพรศรีเท่านั้นที่รู้เรื่อง เพ็ญจันทร์ดูแลพุทธชาดและมัจฉาเป็นอย่างดีแต่การแสดงออกทีมีต่อพุทธชาดและมัจฉาต่างกันทำให้มัจฉาเข้าใจผิดนำพาหนึ่งชีวิตต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพื่อต้องการพิสูจน์ตัวเองให้ผู้เป็นป้าได้เห็นว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่สาว มัจฉาหลานสาวคนเล็กของเพ็ญจันทร์ที่ถูกผู้เป็นป้าเปรียบเทียบกับพุทธชาดตั้งแต่เด็กจนโตจนทำให้ตัวเองรู้สึกไร้ค่าเข้าใจว่าเป็นกาฝาก หลานที่เพ็ญจันทร์ไม่ต้องการ
ด้วยความรักของพุทธชาดที่มีให้ทำให้มัจฉารู้สึกตัวเองมีค่าในสายตาของเพ็ญจันทร์อยู่บ้าง
มัจฉาโหยหาความรักจากเพ็ญจันทร์แต่ไม่เคยได้รับแต่ยังโชคดีที่มีชลธีคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้าง ความรักก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มัจฉามารู้ตัวอีกทีตัวเองรักชลธี ความรักต้องห้ามที่ต้องคอยปิดปังความรู้สึกเอาไว้คนเดียวเพราะกลัวเสียเพื่อนมิหนำซ้ำชลธียังเป็นเกย์มีแฟนมีอยู่แล้วด้วย คือ ก้องภพ
นานวันเข้าความสัมพันธ์ของมัจฉากับเพ็ญจันทร์ยิ่งแย่ลงจนเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเส้นขนานถึงแม้ว่าจะมีพุทธชาดเป็นกาวใจก็ตามการแสดงออกและการกระทำของเพ็ญจันทร์ที่แสดงออกต่อระหว่างตนเองกับพุทธชาดกลายเป็นข้อเปรียบเทียบทำให้มัจฉาเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ไม่รัก มัจฉาต้องการพิสูจน์ให้เพ็ญจันทร์เห็นว่าตัวเองเก่งและไม่ได้โง่ไปกว่าพุทธชาด
หลังจากเรียนจบมัยมต้นเพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเรียนมัธยมปลายแต่มัจฉาต้องการเรียนสายอาชีวะสาขาวิชาประมง เพ็ญจันทร์ไม่ยอมและบอกกับมัจฉาว่าถ้าจะเรียนสายอาชีวะจะต้องหาเงินเรียนเอง มัจฉาไม่สนใจเพ็ญจันทร์
เข้มกับเบิ้มชวนมัจฉามาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกเรียน ในตอนเย็นของทุกวันมัจฉา เข้มและเบิ้มช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยว ความสัมพันธ์ของมัจฉาเริ่มห่างกันพุทธชาดใกล้เรียนจบแล้วทำให้ไม่มีเวลาคุยกับมัจฉาเหมือนกับเมื่อก่อนยิ่งทำให้มัจฉาเคว้งคว้างขาดที่พึ่งทางใจทำให้ติดเพื่อนและไม่สนใจที่กลับบ้าน ชลธีพาก้องภพมาหามัจฉาที่วิทยาลัยทำให้ได้เจอกับน้ำหวาน น้ำหวานเห็นก้องภพรู้สึกชอบผู้ชายคนนี้ต้องการมาเป็นแฟนวางแผนแย่งก้องภพมาจากชลธียื่นข้อเสนอให้มัจฉาช่วย ในตอนแรกมัจฉาไม่ยอมช่วย น้ำหวานบอกกับมัจฉาว่าถ้าหากทำให้ก้องภพกับชลธีเลิกกันมัจฉาจะได้ใช้โอกาสนี้บอกความในใจและทำให้ชลธีกลับมาเป็นชายแท้อีกครั้ง มัจฉากับน้ำกลายเป็นเพื่อนซี้กันในที่สุดลืมเรื่องบาดหมางในอดีตกลับมาเริ่มต้นใหม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
เสมอใจเป็นเพื่อนของสุปราณีย์ต้องการคนมาช่วยทำงานวิจัยของตนเองติดต่อสุปราณย์เป็นธุระจัดหานักศึกษาไปช่วยทำงาน สุปราณีย์แนะนำให้มัจฉาไปทำงานกับเสมอใจ มัจฉาปฏิเสธบอกเหตุผลกับสุปราณีย์ว่าตัวเองไม่สามารถทิ้งเข้มกับเบิ้ม ถ้าหากมาทำงานให้กับเสมอใจ ร้านสามเกลอก็ต้องปิด สุปราณย์บอกให้เสมอใจช่วยรับเข้มกับเบิ้มทำงาน เสมอใจตอบตกลง ร้านสามเกลอถูกปิดลง มัจฉามาทำงานให้กับเสมอใจ
พุทธชาดแอบมีแฟนไม่ให้เพ็ญจันทร์รู้ มัจฉาเตือนเรื่องแฟนของพุทธชาดว่าเป็นคนไม่ดี พุทธชาดไม่เชื่อโกรธมัจฉามากกลับบ้านไปฟ้องเพ็ญจันทร์ว่ามัจฉาไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนตัวเองได้รับบาดเจ็บไม่ยอมกลับบ้าน มัจฉากลับบ้านทำให้มีเรื่องทะเลาะกับเพ็ญจันทร์ มัจฉาพยายามอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เพ็ญจันทร์ฟังแต่เพ็ญจันทร์ไม่เชื่อจนกระทั่งพรศรีแวะมาดูอาการมัจฉาที่บ้าน เพ็ญจันทร์จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด
น้ำหวานชวนมัจฉาเสพยา
ในตอนแรกมัจฉาปฏิเสธแต่สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับอ่อนแอของหัวใจทดลองเสพยา หลังจากนั้นไม่นานผันตัวเองมาเป็นเด็กส่งยา ชลธีพาก้องภพไปหามัจฉาที่วิทยาลัย น้ำหวานเจอกับก้องภพแอบชอบก้องภพต้องผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟน น้ำหวานเดินหน้าจีบก้องภพด้วยความเจ้าชู้ของชายหนุ่มและไม่ได้รักชลธีด้วยใจจริงทำให้ก้องภพสนใจในตัวน้ำหวานทั้งคู่แอบคบกัน
ชลธีรู้ความจริงเรื่องของก้องภพคบกับน้ำหวาน ก้องภพบอกเลิกชลธี ชายหนุ่มน้อยใจในโชคชะตา คิดสั้นฆ่าตัวตายโชคดีที่มัจฉาช่วยไว้ได้ทัน มัจฉาดูแลคอยปลอบใจดูแลชลธีเป็นอย่างดีจนชลธีเริ่มใจอ่อนเริ่มมีใจให้มัจฉา มัจฉาพยายามทำทุกอย่างมัดใจชลธีทั้งสองคนมีใจให้กันแต่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกให้ต่างฝ่ายได้รู้
เสมอใจเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดที่มัจฉาไม่เคยได้รับจากเพ็ญจันทร์ทำให้ความสัมพันธ์ของมัจฉายิ่งเหินห่าง มัจฉาไม่เข้าไปพูดคุยกับเพ็ญจันทร์เหมือนเดิมแถม เพ็ญจันทร์ทุกข์ที่เห็นมัจฉาเปลี่ยนไปนำเรื่องนี้ไปปรึกษาสุปราณีย์กับพรศรีทั้งสองคนบอกให้เพ็ญจันทร์ปรับความเข้าใจกับมัจฉาก่อนทุกอย่างจะสายไป
เข้มกับเบิ้มบอกให้มัจฉาไปช่วยพุทธชาด พุทธชาดถูกแฟนหลอกไปขายแต่มัจฉาไปช่วยไว้ได้ทัน มัจฉาไม่พอใจที่พุทธชาดทำตัวไม่ดีสองพี่น้องทะเลาะกัน เพ็ญจันทร์แอบฟังทั้งคู่ พุทธชาดสำนึกผิดกราบขอโทษเพ็ญจันทร์ปรับความเข้าใจกับมัจฉาแต่มันสายเกินไปแล้ว ในช่วงเวลานี้มัจฉาไม่สนใจคนทั้งสองอีกแล้ว
มัจฉาไปส่งยาพลาดท่าถูกตำรวจจับ พรศรีรู้ข่าวของมัจฉาจากเพื่อนของทรงพลไปประกันตัวมัจฉาออกมาพร้อมทั้งกำชับให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้ทางตำรวจล้างประวัติที่ไม่ดีของมัจฉาออกให้หมด
มัจฉาไม่อยากกลับบ้านขออยู่บ้านของพรศรีต่อจนพรศรีรู้ว่ามัจฉาติดยา พรศรีพามัจฉาไปบำบัดและดูแลมัจฉาเป็นอย่างดีจนกระทั่งมัจฉากลับมาเป็นปกติ
เสมอใจบอกให้มัจฉาไปสอบชิงทุนเรียนต่อเมืองนอก มัจฉาทำตามคำบอกของเสมอใจตั้งใจอ่านหนังสือจนสามารถสอบชิงทุนได้สำเร็จ
มัจฉาไปสารรักกับชลธีทั้งสองมีใจตรงกันให้สัญญากันไว้ว่าหลังเรียนจบจะกลับมาเริ่มต้นความรัก มัจฉาเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอกโดยไม่ได้บอกเพ็ญจันทร์กับพุทธชาด ด้วยความเป็นห่วงเพ็ญจันทร์โทรไปถามสุปราณีย์เพราะเข้าใจว่ามัจฉาไปอยู่บ้านของสุปราณย์ สุปราณีย์เล่าเรื่องของมัจฉาให้เพ็ญจันทร์ฟัง
หลังจากที่มัจฉาไปเรียนเมืองนอก เพ็ญจันทร์ลาออกจากราชการกลับมากลายเป็นคนอมทุกข์วัน ๆ หมกด้วยอยู่แต่ในห้อง ส่วนพุทธชาดทำแต่งานไม่ได้มีเวลาดูแลเพ็ญจันทร์เหมือนเมื่อก่อน เข้มกับเบิ้มสอบติดโรงเรียนนายร้อย ส่วนชลธีสอบติดแพทย์อย่างที่ตั้งไว้ มัจฉาขาดการติดต่อจากทุกคนทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในตอนนี้มัจฉาอยู่ที่ไหน เพ็ญจันทร์ทุกข์ใจเรื่องของมัจฉาว่าเป็นความผิดของตัวเอง
หลังจากเรียนจบมัจฉากลับมาเมืองไทยไปหาทุกคนยกเว้นเพ็ญจันทร์ มัจฉากลับมาทำงานเป็นทหาร กลับไปเริ่มต้นสานต่อความรักกับชลธี เพ็ญจันทร์ให้เข้มกับเบิ้มช่วยไปช่วยซ่อมแซมศาลาริมน้ำในสวนหลังบ้านทั้งสองคนชวนมัจฉาไปด้วยในตอนแรกมัจฉาปฏิเสธแต่สุดท้ายแล้วยอมใจอ่อนแต่มีข้อแม้ว่าห้ามบอกเพ็ญจันทร์ว่าตัวเองเป็นใคร เข้มกับเบิ้มตอบตกลง
ก้องภพกลับหาชลธีอีกครั้งหนึ่งสร้างเรื่องให้มัจฉาเข้าใจว่า ชลธียังรักตนเองอยู่ ส่วนตัวเขาใช้ให้น้ำหวานไปหามัจฉาสร้างทำเรื่องว่ามัจฉากับน้ำหวานรักกันให้ชลธีหึงมัจฉากับน้ำหวาน ส่วนมัจฉากลับรู้เฉย ๆที่ก้องภพจะกลับมาคืนดีกับชลธี มัจฉามอมเหล้าชลธีถ่ายรูปไปให้ก้องภพดูสร้างชลธีตกใจและคิดว่าตัวเองกับมัจฉาได้เสียกัน
เพ็ญจันทร์ตรอมใจที่มัจฉาหายออกไปจากบ้าน เพ็ญจันทร์บอกให้เบิ้มกับเข้มไปช่วยจัดสวน ซ่อมแซมศาลาริมน้ำที่มันชำรุด เข้มกับเบิ้มชวนมัจฉาไปด้วย มัจฉาปลอมตัวไปหาเพ็ญจันทร์ มัจฉานึกสงสารเพ็ญจันทร์แต่ยังใจแข็งไม่ยอมบอกความจริง เพ็ญจันทร์เล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังบอกกับมัจฉาแท้จิริงแล้วมัจฉาเป็นลูกของตัวเองกับมานพ ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาเป็นลูกของจันทรา
มัจฉาตกใจ เพ็ญจันทร์เล่าเรื่องที่ห้ามมัจฉาวาดรูป มัจฉาแพ้สีเป็นผื่นเข้าโรงพยาบาลเกือบตาย เพ็ญจันทร์จึงห้ามมัจฉาวาดรูป เรื่องที่เรียนประมง มัจฉาเป็นคนใจร้อน เพ็ญจันทร์ไม่อยากให้เรียนกลัวมัจฉาจะไปมีเรื่องจนถึงชีวิต ส่วนเรื่องที่ตัวเองมีกฏมากมายให้มัจฉาต้องทำตามเพราะต้องการให้มัจฉามีระเบียบ
มัจฉาถูกเรียกตัวให้ไปรบที่ชายแดนโดยเร่งด่วน พวกค้ายามีนัดส่งยาเสพติด หลังเสร็จงานมัจฉาจ กลับมาเพ็ญจันทร์ที่บ้านไม่อยากให้เพ็ญจันทร์รู้ความจริงในตอนนี้กลัวจะคิดมาก
สุปราณีย์ และ พรศรีมาหาเพ็ญจันทร์ที่บ้าน ถามหามัจฉา วันนี่เองทำให้เพ็ญจันทร์นรู้ความจริงว่า มัจฉากลับมาแล้วแต่ไม่ยอมมาหาตน สุปารณีย์โทรไปต่อว่า มัจฉาอธิบายเหตุผลทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เพ็ญจันทร์เล่าความจริงทั้งหมดให้สุปราณีย์มัจฉาเป็นลูกของตัวเอง ส่วนพุทธชาดเป็นแค่ลูกติดของมานพ ด้วยความรัก เพ็ญจันทร์เลี้ยงพุทธชาดตั้งแต่ยังเป็นทารก
พุทธชาดสงสัยในตัวมัจฉาว่าเป็นน้องของตัวเอง กลับมาบอกเพ็ญจันทร์ เพ็ญจันทร์เอารูปมัจฉาให้พุทธชาดดูทั้งสองรู้ความจริง มัจฉาไปรบที่ชายแดนหลังจากเสร็จภารกิจกลับมาบ้าน เพ็ญจันทร์โทรมาหาพอดีทั้งสองปรับความเข้าใจกัน มัจฉาสัญญาเสร็จงานเมื่อไหร่จะกลับไปมา
กิจการของก้องภพต้องล้มละลายถูกน้ำหวานโกงจนหมดตัว ตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีปัญหาทุกอย่าง ส่วนน้ำหวานเหมือนตายทั้งแป็นติดเอดส์จากก้องภพ มัจฉากลับมาบ้านปรับความเข้าใจกับเพ็ญจันทร์กับพุทธชาด ชลธีให้พ่อกับแม่มาสู่ขอมัจฉา ทั้งสองแต่งงานใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 1 สาวมีนกร
เสียงโต้เถียงในห้องทำงานของเพ็ญจันทร์ภายในคฤหาสน์หรูดังขึ้นดุจเสียงฟ้าคำรามในวันที่พายุโหมกระหน่ำ ประมุขของบ้านไม่พอใจที่หลานคนเล็กไม่ยอมทำตามคำสั่งของตนเอง เด็กน้อยที่เคยบังคับให้ทำตามคำสั่งในวันนี้เติบใหญ่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของคนเป็นป้า มัจฉายืนสงบนิ่งไม่มีทีท่าแสดงความกลัวให้เพ็ญจันทร์ได้เห็น การแสดงออกของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์โมโหอาละวาดจนห้องแทบพัง มัจฉาก็เช่นกันต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันนับวันความขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เพ็ญจันทร์หญิงสาววัยกลางคนต้องรับภาระเลี้ยงดูพุทธชาดกับมัจฉาหลังจากที่จันทราน้องสาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับมานพตั้งแต่มัจฉาเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เพ็ญจันทร์ต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูหลานทั้งสองนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พุทธชาดเป็นหลานคนโปรดของเพ็ญจันทร์ถูกเลี้ยงมาดุจไข่ในหินเป็นคุณหนูของบ้านส่วนมัจฉาถูกเลี้ยงมาเหมือนกับลูกคนกรรมกรเป็นคนรับใช้ของพุทธชาด ตั้งแต่เล็กจนโตมัจฉาต้องทำหน้าที่ดูแลพุทธชาดทุกเรื่องที่พี่สาวต้องการให้ช่วย
การดำเนินชีวิตของทั้งสองคนต่างกันราวนรกกับสวรรค์อีกคนสุขสบาย อีกคนทุกข์ยาก เพ็ญจันทร์ไม่เคยเข้าใจความยากลำบากของมัจฉาเลยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นตัวฉันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลโลกใบนี้เป็นของฉันแด่เพียงผู้เดียว
“ ป้าไม่ให้เรียน ” คำพูดสั้น ๆ น้ำเสียงกระชากอย่างไม่พอใจทำให้ผู้ฟังเข้าใจในความรู้สึกได้เป็นอย่างดี มัจฉารู้คำตอบตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องแต่ด้วยความจำยอมต้องมาบอกให้เพ็ญจันทร์ได้รับรู้ ทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ต้องการให้รับรู้
“ มัจอยากเรียนประมง คุณนายจะมาบังคับให้มัจทำตามใจคุณนายไม่ได้หรอกนะ มัจเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะตั้งโปรแกรมตามใจต้องการให้ทำตามความพอใจของตัวเอง เผด็จการ มนุษย์ผีดิบ คนไร้หัวใจ ”
“ ไอ้เด็กหัวดื้อ จองหอง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้เถียงทุกคำ ดูอย่างพุทธชาดสิ พี่สาวของแกตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำให้ป้าต้องผิดหวัง ป้าบอกอะไรไม่เคยเถียงแม้แต่คำเดียว ดูแกสิเถียงป้าทุกคำ ใช้ได้ที่ไหนนิสัยแบบนี้ ” คำพูดของเพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนกับเข็มหลายหมื่นเล่มที่คอยทิ่มแทงหัวใจของมัจฉาเรื่อยมาตั้งแต่เล็กจนโตจนหัวใจดวงด้านชาเกินที่จะรับรู้ถึงความรักของเพ็ญจันทร์ที่เคยมีให้ในขณะที่เพ็ญจันทร์ก็ไม่เคยรู้ว่าคำพูดของตัวเองสร้างบาดแผลทางใจให้หลานตัวเอง
“ ชีวิตของมัจเป็นของคุณนายตั้งแต่เมื่อไหร่ มัจมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง คุณนายได้ยินไหม ” มัจฉาตะโกนใส่หน้าเพ็ญจันทร์สุดเสียงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ แกต้องเรียนมัธยมปลายเท่านั้นนี่คือคำสั่ง แกได้ยินไหม ”
“ คุณนายมีเหตุผลอะไร ทำไมมัจถึงเรียนประมงไม่ได้ในเมื่อมัจอยากเรียนในสาขาวิชานี้ เมื่อไหร่คุณนายจะเลิกบังคับมัจสักที ดูอย่างพี่พุดสิมีสิทธิ์ที่จะเลือกทุกอย่างในชีวิตด้วยตนเองแต่ทำไมมัจไม่มีสิทธิ์เลือกอย่างพี่พุดบ้าง ”
“ ป้าไม่ให้เรียน เลิกคิดเลิกฝันได้แล้วมันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ ป้าไม่มีวันยอมให้มัจเรียนประมงโดยเด็ดขาด ”
“ มัจบอกคุณนายเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกันว่ามัจต้องการเรียนประมงเท่านั้นไม่มีวันไปเรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายต้องการเหมือนกัน คุณนายได้ยินไหม ”
“ อยากเรียนประมงก็ตามใจ ป้าไม่ได้บังคับแต่แกต้องหาเงินเรียนเอง เลือกเอาแล้วกันว่าอยากเรียนแบบสบายหรือต้องลำบากหาเงินเรียนเองสมองมีคงคิดได้ไม่ยาก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ” เพ็ญจันทร์แกล้งขู่มัจฉาเพราะคิดว่ามัจฉาคงล้มเลิกความตั้งใจยอมกลับมาเรียนมัธยมปลายอย่างที่ต้องการแต่ผิดคาดมัจฉายังคงยืนยันคำเดิมที่จะเรียนประมงเหมือนเดิมโดยไม่ได้สนใจคำพูดของเพ็ญจันทร์แต่อย่างใด
“ มัจหาเงินเรียนเองก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของคุณนาย คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้หลานรักของคุณนายเถอะนะ หลานชังอย่างมัจไม่มีสิทธิ์ในเงินของคุณนาย มัจเข้าใจในชะตากรรมของตัวเองดี ”
มัจฉาพยามกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ให้เพ็ญจันทร์เห็นน้ำตาของตนเองที่กำลังไหลอาบแก้มรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเดินออกจากห้องของเพ็ญจันทร์ สายฝนกำลังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เพ็ญจันทร์ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างนึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่เงียบ ๆเพียงลำพังคนเดียวในห้อง
“ ป้าขอโทษนะลูก ”
เสียงเรียกของพิมพ์ภาดังขึ้นทำให้เพ็ญจันทร์สะดุ้งตัวด้วยความตกใจหันหลังกลับมาดูยังต้นเสียงพร้อมกับถอนหายใจ
“ มีอะไรหรอพิมพ์วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียวหรือว่าเกิดปรากฏการณ์ช้างกินควาย ”
“ ดูคุณผู้หญิงพูดเข้าสิ ดิฉันเห็นคุณหนูวิ่งออกไปจากบ้านไปนานมากแล้วนะคะป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะคุณผู้หญิง ”
“ ว่าไงนะ นี่มันก็ดึกมากแล้วยังจะออกไปไหนอีก ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ไอ้เด็กคนนี้ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ” เพ็ญจันทร์รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที ในระหว่างที่เพ็ญจันทร์กำลังเดินออกจากบ้านไปตามมัจฉาเดินสวนกับพุทธชาดที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“ ดึกแล้วมากแล้วป้าจะรีบไปไหนคะ ”
“ มัจหายออกไปจากบ้าน ป้าจะออกไปตามน้องกลับบ้านไม่รู้เตลิดไปถึงไหนแล้ว ”
“ คิดว่าเรื่องอะไร ป้ากลับเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ น้องนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเข้มและเบิ้มอยู่ตรงหน้าปากทาง
เข้าหมู่บ้านเดี๋ยวสักพักคงกลับมา ป้ายังไม่ชินอีกหรอค่ะที่น้องหายออกไปจากบ้าน ” พุทธชาดอมยิ้มเดินจูงมือเพ็ญจันทร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน เพ็ญจันทร์ยังรู้สึกกังวลใจกลัวมัจฉาไม่กลับบ้าน
“ พุดโทรถามน้องหน่อยสิว่าจะกลับกี่โมง นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน ป้าเป็นห่วง ” พุทธชาดหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทรหามัจฉาทันที
ร้านก๋วยเตี๋ยริมทางเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ โต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ มัจฉา เข้มและเบิ้มกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มัจฉาเหลือบไปมองปลายสายเป็นเบอร์โทรของพุทธชาดใจหนึ่งอยากจะรับสายแต่อีกใจหนึ่งไม่อยากรับสาย มัจฉาถอนหายใจกดรับสายพุทธชาด
“ สวัสดีครับคุณหมอคนสวย ”
“ ทำไมยังไม่กลับบ้าน ดึกมากแล้ว กลับบ้านได้แล้วพี่เป็นห่วงมัวทำอะไรอยู่ ”
“ มัจยังกินก๋วยเตี๋ยวยังไม่เสร็จเลยพี่พุดอีกสักพักก็กลับแล้วไม่ต้องเป็นห่วงใกล้แค่นี้เอง ”
“ รีบกินรีบกลับแล้วกัน พี่รออยู่ ”
“ พี่พุดโทรตามกลับบ้านไปดูดนมนอนแล้วหรอวะ ” เข้มแซวมัจฉาพร้อมกับหยิบขวดน้ำปลาทำท่าเหมือนเด็กกำลังดูดนมออกจากขวด
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยิ้มหน่อยสิคุณหนูมัจฉา ” เบิ้มทำท่าเป็นตัวตลกแต่ทั้งสองคนไม่สามารถทำให้มัจฉายิ้มได้แม้แต่นิดเดียว
“ แกจะทำยังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ยอมให้เรียนแถมยังบังคับให้แกกลับไปเรียนมัธยมปลาย ”
“ คุณนายบอกกับฉันว่า ถ้าจะเรียนประมงต้องหาเงินเรียนเอง ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าแต่หลังจากนี้คงต้องหางานทำ ”
“ รอให้ป้าเพ็ญใจเย็นมากกว่านี้แล้วแกค่อยไปบอกอีกสักรอบเผื่อจะยอมใจอ่อน ”
“ รอให้น้ำท่วมหลังเต่า พระราหูมีลูกกับพระจันทร์เสียก่อน คุณนายถึงจะยอมให้ฉันเรียนประมง ”
“ ค่อย ๆ คิดไปแล้วกัน พวกฉันสองคนเป็นกำลังให้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ” เข้มกับเบิ้มยื่นแขนไปบีบมือของมัจฉาเบา ๆ แสดงความห่วงใยให้กับเพื่อน หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้มและเบิ้มเดินไปส่งมัจฉาที่บ้านทั้งสามคมเดินปรับทุกข์กันไปจนถึงบ้านของมัจฉา
“ โชคดีนะเว้ย แกไม่ต้องคิดมาก พวกฉันสองคนเป็นกำลังใจให้ ”
เข้มและเบิ้มเป็นเพื่อนสนิทของมัจฉาฐานะทางบ้านของทั้งสองคนค่อนข้างลำบากทั้งสองคนเป็นกำพร้า เข้มอาศัยอยู่กับยาย ส่วนเบิ้มอยู่กับแม่ พ่อของเบิ้มเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุได้สามขวบทั้งสองคนมีความสุขตามอัตภาพ มัจฉาเดินกลับเข้ามาในบ้านโน้มตัวลงนอนบนเตียง พุทธชาดเปิดประตูเข้ามาในห้อง มัจฉารีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“ พี่รู้เรื่องทั้งหมดจากป้าหมดแล้ว ” พุทธชาดถอนหายใจเอามือลูบหัวมัจฉาเบา ๆ มัจฉาลุกขึ้นนั่งเข้าสวมกอดพุทธชาด
“ พี่รู้ว่ามัจอยากเรียน เรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนมัจไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ”
“ พี่พุดไม่ต้องลำบากเดี๋ยวคุณนายรู้เข้าพี่พุดจะโดนดุ ”
“ มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนหรือว่ามัจยอมเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้า ”
“ นี่ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่มัจคงมีความสุขมากกว่านี้ คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ มัจอย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวป้ามาได้ยินเข้า ทำไมป้าจะไม่รักมัจละ ถ้าไม่อย่างนั้นป้าจะเลี้ยงมัจมาจนโตหรอ ”
“ พี่พุดไม่ต้องมาปลอบใจมัจเลย ”
“ นี่มันก็ดึกมากแล้วไปอาบน้ำแล้วนอน ทำใจให้สบาย ๆ นะไอ้น้องรัก ส่วนเรื่องเรียนพี่จะช่วยพูดให้ไม่รู้ปากจะยอมใจอ่อนหรือเปล่า พรุ่งนี้มีสอบพี่ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนแล้วกัน ”
มัจฉาหลับตานอนอยู่บนเตียงนึกถึงเรื่องราวในอดีต หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้มปลดปล่อยความเศร้าออกจากหัวใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นค่อย ๆ ใช้มือเอื้อมไปหยิบตรงหัวเตียง
“ ไอ้ชล ”
“ แกร้องไห้ทำไมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ใครทำอะไรแก ” มัจฉาเงียบยิ่งทำให้ชลธีร้อนใจ
“ แกอย่าเงียบสิ ฉันใจคอไม่ดีเลย ”
“ ไอ้ชล ! คุณนายไม่ยอมให้ฉันเรียนประมง คุณนายบังคับให้ฉันเรียนมัธยมปลายแต่ฉันไม่อยากเรียน ”
“ ไม่เป็นไรเว้ย แกรอให้ป้าเพ็ญอารมณ์เย็นแล้วค่อยไปคุยอีกรอบ คุยด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์ ฉันหวังว่าป้าเพ็ญจะเข้าใจแก ”
“ ไม่มีวันที่คุณนายจะเข้าใจฉัน เชื่อฉันสิ คุณนายทำเหมือนกับฉันเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่คน ”
“ เอาแบบนี้แล้วกันช่วงนี้แกมาอยู่บ้านฉันก่อนไหม พ่อกับแม่ฉันไม่ว่าหรอก ”
“ แกจะบ้าหรอ ฉันเป็นผู้หญิง แกเป็นผู้ชาย เฮ้ย ! ฉันลืมไปว่าแกเป็นเพื่อนสาว ”
“ พูดเบา ๆ สิเดี๋ยวพ่อกับแม่ของฉันก็ได้ยินหรอก ”
“ โทษทีวะ ฉันลืมไป ”
“ แกมีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้ทุกเรื่อง เพื่อนคนนี้ยินดีช่วยด้วยความเต็มใจทุกอย่าง ”
“ เป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม ไอ้ชลฉันรักแกวะ ”
“ ไอ้มัจวันนี้แกเป็นอะไรเมาน้ำตาจนเพี๊ยนไปแล้ว อย่าร้องไห้ไปเลยอ้อมกอดของฉันยังว่างรอแกมาซบ ”
“ แกอย่ามาตอแหล อ้อมกอดของแกมีไว้ให้ไอ้ก้องภพคนเดียวต่างหากละไม่มีที่ว่างสำหรับฉันหรอก ”
“ ครับผมแต่สำหรับแกว่างเสมอ ฉันรอให้แกมาซบอกฉันอยู่ ”
ตลาดสดในเช้าวันอาทิตย์พลุกพล่านไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่พากันมาเดินเลือกซื้อของ เข้ม เบิ้ม และมัจฉากำลังช่วยกันเลือกส้มเขียวหวานใส่ลงในถุง โตเดินผ่านเข้ามาเห็นพอดีหยิบฝรั่งขว้างใส่เข้มเต็มแรง เขาทำหน้าเย้ยหยันด้วยความสะใจ เบิ้มคิ้วขมวดไม่พอใจ
“ ไอ้โต ไอ้ชาติชั่วมึงเอาฝรั่งมาเขวี้ยงใส่หัวกูทำไมวะ ”
“ มึงจะทำไม ไอ้ขี้ครอก ”
“ ไอ้ลูกเมียน้อย ” เข้มไม่รอช้าเดินเดินเข้าไปชกหน้าโตจนล้มคว่ำกับพื้น เบิ้มกับมัจฉาคอยกันไม่ให้เพชรเข้าไปทำร้ายเบิ้ม เหตุการณ์บานปลายไปกันใหญ่เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมกัน โตยังไม่หยุดคุกคามเข้มทางวาจา เข้มหมดความอดทนกระโดดถีบโตเต็มแรงจนล้มนอนกองกับพื้น เพชรรีบวิ่งเข้ามาช่วยโตต่างฝ่ายต่างดวลหมัดเข้าหากัน มัจฉาเห็นท่าไม่ดีถีบโตออกจากเข้มหันหลังกลับไปชกหน้าเพชร เหตุการณ์วุ่นวายไปกันใหญ่ไม่มีใครยอมใครทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนชุลมุนวุ่นวายไปทั้งแผงผลไม้ในแถบนั้น
“ อีมัจ อีทอมมึงกล้าดียังไงมาถีบกู วันนี้กูจะทอมอย่างมึงมาทำเมียให้ได้ ” โตโกรธมากเดินเข้าไปจับตัวมัจฉา ทักษะการต่อสู้ไม่มีทำให้พลาดท่าเสียถูกมัจฉาจับโยนลงไปกองกับพื้น
“ จับแม่มึงไปทำเมียก่อนแล้วกัน ไอ้ลูกเมียน้อยอย่างมึงไม่มีวันทำอะไรคนอย่างกูได้หรอก ”
“ ไอ้เพชรจัดการพวกมันให้สินซาก อย่าให้พวกมันมีแรงเดินกลับบ้าน ”
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! แกสองคนรอเก็บศพไอ้พวกนี้สองตัวได้เลย วันนี้ฉันจะกระทืบไอ้สองตัวนี้ให้จมดินเอาเลือดมาล้างตีนไอ้เบิ้มให้หายแค้น ” มัจฉาไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพรชกระและโตกระเด็นไปคนละทางทั้งสองคนยืนขึ้นจะเข้ามาทำร้ายมัจฉาแต่ไม่สามารถทำอะไรมัจฉาได้เลยทั้งสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัจฉาอาจเป็นเพราะเป็นนักมวยทำให้มีทักษะการต่อสู้มากกว่าทั้งสองคน ผู้ชายสองคนเสียท่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวสร้างความอับอายกับทั้งสองคน
“ อีนางทอม กูจะไปบอกให้ครูเพ็ญจันทร์จัดการมึง ”
“ ไอ้ลูกเมียน้อย เชิญไปฟ้องเลย กูไม่กลัวหรอกครูเพ็ญจันทร์ ถ้ามึงแน่จริงไปเลยสิ บ้านกูอยู่ใกล้แค่นี้เอง ”
โตชวนเพชรกลับบ้านรอวันกลับมาคิดบัญชีแค้นกับมัจฉารีบพากันเดินออกจากตลาด อีกฟากหนึ่งของตลาดเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดกำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาอยู่ตรงแผงขายปลาท้ายตลาด โตกับเพชรวิ่งออกมาเจอเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาทับทิม
“ สวัสดีครับครู ครูช่วยผมสองคนด้วยครับ ” โตแสดงละครฟ้องเพ็ญจันทร์กล่าวหาว่าโดนมัจฉาทำร้ายพร้อมกับเปิดบาดแผลให้เพ็ญจันทร์ดู
“ เกิดอะไรขึ้นบอกครูมาสิ ใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ ”
“ พวกผมสองคนโดนมัจฉากระทืบมาครับ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ หนูสองคนเป็นอะไรมาหรือเปล่าลูกเดี๋ยวครูพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูว่าบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้าง ”
“ พวกผมสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากครับครูมีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อยครับ ”
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“ ครับครู ขอบคุณมากครับ ” พุทธชาดพยายามพูดให้เพ็ญจันทร์อารมณ์เย็นลงเกรงว่าเมื่อกลับบ้านไปเจอกับมัจฉาจะมีเรื่องทะเลาะและกลัวมัจฉาจถูกเพ็ญจันทร์ลงโทษ
“ วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กลับมาเมื่อไหร่น่าดู ”
“ ป้าคะ พุดคิดว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายโตกับเพชรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ”
“ เลิกให้ท้ายน้องสักที ป้าเข้าใจว่าพุดรักน้องมากแต่ลูกก็ต้องสอนให้น้องเป็นคนดีไม่ใช่ทำตัวเป็นอันตพาลระรานชาวบ้านแบบนี้ คนประเภทนี้เรียน ขยะสังคม ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊จุ่ม เข้ม เบิ้มและมัจฉานั่งรอชลธีอยู่ภายในร้าน ชลธีเดินเข้ามาพร้อมทั้งหอบเอกสารและหนังสืออีกหลายเล่มเดินเข้าไปหาทุกคน สายตาของคนในร้านหันมามองชลธีด้วยความสงสัยเข้าใจว่าชลธีเป็นคนเก็บของเก่า
“ ไอ้ชลแกถือของอะไรมาเยอะแยะ หนังสืออะไรของแกถึงได้มากมายขนาดนี้
“ฉันเอามาให้แกอ่านเหลือไม่กี่วันแล้วจะถึงวันสอบ ”
“ สอบอะไรวะ แกเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ขอบใจมาก ”
“ ไอ้มัจ แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ให้แกเรียนประมงเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้ามิใช่หรือไง ”
“ ใครว่าคนอย่างไอ้มัจนั้นหรอจะไปเรียนมัยธยมปลายไม่มีวันเสียหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้ฉันไปรายงานที่วิทยาลัยประมง ”
“ แกว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมแล้วนี่ป้าเพ็ญรู้เรื่องหรือยัง ”
“ ยัง ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาแล้วจ๊ะทุกคน ” เจ๊จุ่มวางชามก๋วยเตี๊ยวลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มหน้าปรุงก๋วยเตี๋ยวของตนเอง บรรยากาศในช่วงเวลากลางวันภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แวะเข้ามาภายในร้าน ในขณะที่เจ๊จุ่มและลูกน้องช่วยกันบริการดูแลลูกค้า
“ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัว ฉันจะให้พวกแกช่วยปลอมตัวเป็นผู้ปกครองให้หน่อย ”
“ ห๊ะ ! ปลอมตัว ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“ ป้าเพ็ญรู้เข้าเป็นเรื่องแน่ ฉันว่าแกไปคุยกับป้าอีกสักรอบดีไหม ”
“ คุณชลธีคะ ! แกน่าจะรู้นิสัยของคุณนายเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไรแล้วแกจะให้ฉันไปไปบอกอีกทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว ”
“ ไอ้ชลทำไมแกปอดแหกแบบนี้วะ ไอ้มัจแกไม่ต้องเป็นห่วง พวกฉันสองคนช่วยแกเองรับรองไม่มีใครจับได้แน่นอน ”
“ เรื่องลงทะเบียนของละ เงินจ่ายค่าเทอมแกมีแล้วหรือยัง ถ้ายังฉันพอมีอยู่บ้าง ”
“ เอาเงินพวกฉันไปก่อนไหม ”
“ ฉันขอบใจพวกแกทั้งสามคนมากเลยแต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทะเบียน วิทยาลัยประมงเรียนฟรี ”
ด้วยความเป็นห่วงพุทธชาดรีบโทรมให้มัจฉากลับบ้านแต่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ เพ็ญจันทร์รอชำระความกับมัจฉาแต่อีกฝ่ายไม่ทีท่าจะกลับบ้าน
“ เย็นมากแล้วทำไมมัจยังไม่กลับบ้าน ”
“ คุณพุดยังไม่ชินอีกหรอคะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับ ”
“ พุดชินแล้วคะพี่เปรี้ยวแต่วันนี้น้องไปมีปัญหากับเพื่อนแล้วป้าก็รู้แล้วด้วย น้องกลับมาบ้านช้า ป้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก ”
“ นึกแล้วเชียว ทำไมวันนี้คุณผู้หญิงกลับมาไม่พูดกับใครเดินเข้าไปในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ ”
“ คุณหนูของป้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง ของที่คุณหนูให้ป้าเตรียมไว้เสร็จแล้วนะคะ ”
พิมพ์ภาแม่บ้านคนสนิทของเพ็ญจันทร์ทำงานรับใช้ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยจันทราน้องสาวของเพ็ญจันทร์ยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้กุมความลับทุกอย่างในบ้านเอาไว้
“ วันนี้คงไม่ได้ทำแล้วจ๊ะป้า ป่านนี้แล้วมัจยังไม่กลับบ้านมาเลย ” พุทธชาดถอนหายใจ เพ็ญจันทร์เดินมาหาพุทธชาดที่ห้องโถง มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ คุณนาย พี่พุด สวัสดีคะ ”
“ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมพึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปรายตัวเข้าเรียน ” มัจฉางงไม่เข้าใจคำพูดคของเพ็ญจันทร์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้เรียนปวช.สาขาวิชาประมงตามที่ตัวเองต้องการ
“ คุณนายยอมให้มัจเรียนประมงแล้วหรอ ”
“ ใครบอก พรุ่งนี้ป้าให้มัจไปรายงานตัวเข้าเรียนมัธยมปลายต่างหากละ ”
“ มัจไม่เรียน คุณนายอยากเรียนก็ไปเรียนเองสิ ”
“ ไอ้เด็กคนนี้พูดไม่รู้ฟังยังจะดื้ออีก ”
“ มัจไม่เรียน”
“ ไปไหนมา ทำไมพึงกลับบ้าน ”
“ มัจไปหาไอ้เข้มกับไอ้เบิ้ม คุณนายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย ”
“ มี ! ” เพ็ญจันทร์ทำเสียงเข้ม มัจฉาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ คุณนายพูดเหมือนมัจไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ ”
“ วันนี้ไปทำอะไรผิดมาละมีอะไรจะสารภาพไหม ”
“ คุณนายพูดเรื่องอะไรมัจไม่เข้าใจ ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้ ”
“ คุณนายบอกมาสิว่ามัจทำอะไรผิด ทุกวันนี้มัจทำอะไรก็ผิดทุกอย่างในสายตาของคุณนาย ” เพ็ญจันทร์อึ้งเงียบไปชั่วขณะไม่คิดว่ามัจฉาจะตอบกลับมาอย่างนี้แกล้งทำน้ำเสียงเป็นปกติ
“ พิมพ์ไปหยิบไม้เรียวมาให้ฉัน ”
“ ป้าคะ อย่าตีน้องเลยคะเรื่องแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ” เพ็ญจันทร์ดึงไม้เรียวมาจากมือของพิมพ์ภาพร้อมกับส่งสายดุไปให้ทุกคน มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาเพ็ญจันทร์ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีรับฟังปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวเลย เพ็ญจันทร์ฟาดไม้เรียวลงบนตัวของมัจฉา พุทธชาดเอาตัวมาบังเอาไว้
“ พี่พุด ! ”
“ เจ็บไหมลูก ป้าขอโทษ ” มัจฉาหันไปมองเพ็ญจันทร์กำลังใช้มือลูบแผลที่แขนของพุทธชาด สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นกำลังมองเพ็ญจันทร์ด้วยความน้อยใจ
“ พุดผิดเองที่สอนน้องไม่ดีความผิดครั้งนี้พุดขอรับไว้เองคะ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจยื่นไม้เรียวให้กับเพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาโน้มตัวลงนอน พุทธชาดเปิดประตูเดินเข้ามาโน้มตัวลงนอนพลิกตัวเข้าไปกอดมัจฉาทางด้านหลัง มัจฉาพลิกตัวกลับมากอดพุทธชาด
“ พี่พุด คุณนายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มัจไปมีเรื่องกับพวกไอ้โต ”
“ วันนี้พี่ไปตลาดกับป้า ในระหว่างที่เลือกปลาอยู่ โตกับเพชรเดินมาทางนี้เจอกับป้าพอดีเลย หลังจากนั้นสองคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง ”
“ พี่พุดเจ็บมากไหม ยื่นแขนมาสิมัจทายาให้ ” มัจฉาค่อย ๆ ทายาลงบนแขนของมัจฉาอย่างเบามือ พุทธชาดเอามือลูบหัวมัจฉาพร้อมทั้งยิ้มให้
“ นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรายงานตัวพร้อมกับป้า ”
“ มัจไม่ไป พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัย ”
“ หมายความว่ายังไง ”
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ มัจไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย อย่างที่คุณนายบอกหรอกนะพี่ พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัยประมง ”
“ แน่ใจแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ลองคิดทบททวนดูไหมสักรอบดีไหม ป้ารู้เข้าบ้านแตกพี่ไม่อยากจะคิด ”
“ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้แล้ว ”
“ เอาที่สบายใจนะไอ้น้องรัก ”
มัจฉาตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปรอเข้มและเบิ้มตรวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เข้มแต่งเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นแม่ของมัจฉา เบิ้มใส่ชุดสูททั้งสามคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปวิทยาลัยประมง บรรยากาศการรายวันรายงานตัวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่พาลูกจูงหลายมารายงานตัว มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินเข้าไปยังหอประชุม ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาที่ทยอยเดินกันเข้ามา บางส่วนเดินออกไป มัจฉาเหลือบไปเห็นสุปราณีย์นั่งอยู่ตรงโต๊ที่ตัวเองไปรายงานตัวทำให้หยุดเดินสูดลมหายใจทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! ป้าสุเป็นครูอยู่ที่นี้ เห้อ ! ทำไมชีวิตของฉันต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะ ”
“ ใจเย็น ๆ ทำตัวให้ปกติที่สุด ป้าสุกับแกไม่เจอแกมานานหลายปี นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาคงจำแกไม่ได้หรอก ”
“ สู้ ๆ นะเพื่อน ”
มัจฉารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาสุปราณีย์วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ สุปราณีย์ยิ้มก้มหน้าตรวจเอกสาร
มัจฉาพยายามกลบเกลื่อนแสดงอาการให้ปกติที่สุดกลัวสุปราณีย์จะรู้ว่าฐานะของตัวเอง
“ นามสกุลของหนูเหมือนกับนามสกุลเพื่อนของครูเลย หนูเป็นหลานของสุปราณีย์หรือเปล่า ”
“ แค่ญาติห่าง ๆ คะครู ”
“ มัจฉา ! ชื่อของหนูเหมือนกับชื่อของหลานครู ”
“ คนเราชื่อซ้ำกันได้นะคะครูมันเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ”
“ ครูก็ว่าอย่างนั้นแหละ สัญญากับครูได้ไหมว่าหนูจะตั้งใจเรียนจะ ไม่หนีครูไปก่อนจบการศึกษา ”
“ คะครู ”
“ ครูเป็นครูประจำชั้นของหนู เจอกันอีกทีวันเปิดเทอม ” หลังจากรายงานตัวเสร็จ มัจฉาเดินไปหาเข้มและเบิ้มอีกฝั่งของห้องประชุมทั้งสองคนนั่งรออยู่ตรงประตูทางเข้า
“ เป็นบ้างวะแก ป้าสุจำแกได้ไหม ”
“ จำไม่ได้แต่คุ้นชื่อและนามสกุลและยังถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับคุณนาย ฉันตอบไปว่าเป็นญาติห่าง ๆ กัน ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยม เพ็ญจันทร์นั่งคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกับใบไม้ไหวจากวันนั้นถึงวันนี้สิบแปดปีเต็มที่ต้องปกปิดเรื่องราวในอดีตอันแสนข่มขืนไว้เพียงลำพังคนเดียว ถ้าหากวันหนึ่งมัจฉารู้ความจริงทั้งหมด ความรักที่เคยมีให้จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เสียงเคาะประตูห้องทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติ มัจฉาเดินเข้ามาหาในเพ็ญจันทร์ ใบหน้าอันเรียบเฉยของเพ็ญจันทร์ยิ่งทำให้มัจฉากลัวพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไปไหนมาทำไมไม่ไปรายงานตัวกับป้าปล่อยให้ป้ารอทั้งวัน ”
“ มัจไปรายตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมงมาคะ ”
“ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ มีหูไว้กันสมองเพียงอย่างเดียวใช่ไหม ป้าบอกแล้วมิใช่หรอกว่าให้มัจเรียนแล้วทำไมยังกล้าขัดคำสั่งของป้า ” มัจฉาถอยหายใจเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์
“ ตั้งแต่เล็กจนโตป้าไม่เคยมีของขวัญแม้กระทั่งความรักจากป้า ครั้งนี้มัจขอป้าแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดมัจเป็นคนรับผิดชอบเองจะไม่มารบกวนเงินของป้าแม้แต่บาทเดียว ” มัจฉาเดินจากไป เพ็ญจันทร์อึ้งทำตัวไม่ถูกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นานนับหลายปีที่มัจฉาไม่ยอมเรียกตนเองว่าป้าแต่กลับเรียกว่าคุณนาย แต่ในวันนี้กลับเรียกตัวเองว่า ป้า เพ็ญจันทร์รับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี
“ มัจคงเบื่อที่ป้าชอบบังคับมัจเลยพาลทำให้เข้าใจผิดคิดว่าป้าไม่รัก ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อมัจเป็น ” เสียงเรียกของพิมพ์ภาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ ทะเลาะกับคุณหนูมัจฉาอีกแล้วละสิ ”
“ เปล่าวันนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับยัยมัจหรอกพิมพ์แต่คำพูดของยัยมัจต่างหากที่ทำให้ฉันเสียใจ ”
“ คุณหนูพูดว่าอะไรคะถึงกับทำให้คุณผู้หญิงต้องเสียน้ำตา พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อ ”
“ ยัยมัจบอกกับฉันว่า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีของขวัญให้หรือแม้กระทั่งความรัก ยัยมัจเข้าใจคิดว่าฉันไม่รักแกเลย หมายังรักลูกของมัน ฉันเป็นมนุษย์ ทำไมฉันจะไม่รักในเมื่อมัจฉา
“ อย่าพูดดังไปคะคุณผู้หญิง กำแพงมีหูประตูมีตา เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ”
“ ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน ”
“ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่คนเราก็อายที่จะพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งคุณหนูรู้ความจริงคุณผู้หญิงทำใจยอมรับได้แค่ไหน ”
มัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน บริเวณบ้านของชลธีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ นานาชนิดมองดูคล้ายกับป่าขนาดย่อม มัจฉาค่อย ๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของชลธีเอื้อมมือไปปิดตาชายหนุ่มเอาไว้
“ ทายสิว่าใคร ”
“ คุณหนูมัจฉา ” มัจฉาเอามือออกจาก ชลธีคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ยกมือขึ้นสูดกลิ่นจากอุ้งมือของหญิงสาว มัจฉาแอบเขินแต่แกล้งทำตัวปกติไม่ให้ชลธีจับได้ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ชลธีเดินจูงมือมัจฉาไปยังบึงท้ายสวน ภายในบึงบัวเต็มไปด้วยกอบัว กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีพายเรือ มัจฉากำลังฝักบัว
“ วันนี้ไปรายงานตัวเข้าเรียนและคุณนายก็ไม่พอใจฉันมาก ”
“ เฮ้ย ! ไอ้มัจแกหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ไม่กลัวโดนไม้เรียวหรือไง ”. มัจฉาถอนหายใจ
“ ขอหยุดพักเรื่องคุณนายไว้สักหนึ่งวัน วันนี้ฉันเหนื่อย คุณนายไม่เคยรักฉันเลย รักแต่พี่พุดคนเดียวทำเหมือนกับฉันเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงไม่ใช่หลาน ”
“ สำหรับฉันใครจะมองคุณหนูมัจฉายังไง ฉันไม่สน ขอให้แกรู้เอาไว้ว่าฉันรักและเป็นห่วงแกมาก ” ชลธีสบตามองหน้ามัจฉาส่งยิ้มหวานให้กับมัจฉา
“ รักฉันทำไมไม่ให้พ่อแม่ยกขันหมากมาขอสักทีละ ” ชลธีหัวเราะ มัจฉาลุกขึ้นกระโดดลงในบ่อว่ายน้ำมาเกาะขอบเรือ
“ ไอ้มัจแกทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย คราวหลังแกอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ”
ชลธีพามัจฉากลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน ชลธีและสมรกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเย็นอยู่ตรงระเบียงบ้าน มัจฉานั่งลง ชลธีตักข้าวใส่จานยื่นให้มัจฉา
“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ” ชลธีตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าว มัจฉายิ้มให้ชลธี
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชลธีชวนมัจฉามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงท้ายสวน มัจฉาโน้มตัวลงนอนหนุนตักของชลธี เขาใช้มือลูบผมของมัจฉาเบา ๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อย ๆ เลื่อน ๆ หายไป ชลธีขับรถมาส่งมัจฉาที่บ้าน มัจฉาหยุดยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าเดินอ้อมไปทางหลังบ้านไม่ต้องการเจอเพ็ญจันทร์
“ ไอ้เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ ฉันห้ามอะไรไม่เคยฟัง ” เพ็ญจันทร์พูดกับตนเอง
หน้าวิทยาลัยประมงในตอนเช้า นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในวิทยาลัย แนวต้นสนทอดยาวทั้งสองฝากทางเข้า มองเห็นลานเสาธงอยู่ไกล ๆ ระหว่างทางเดินมีคูน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศภายในวิทยาลัยร่มรื่น มัจฉาสวมชุดช๊อปยืนรอเพื่อน ๆ อยู่ตรงศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย
“ ไอ้มัจ ! แกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยังวะ ขอลอกกหน่อยดิ ฉันยังไม่ทำ ”
“ เสร็จแล้ววะ เชิญคุณหนูจอยลดาลอกได้ตามสบายเลยคะ ” มัจฉาเปิดกระเป๋าหยิบสมุดให้จอยลดา จอยลดารีบเปิดสมุดการบ้านของมัจฉานั่งลอกการบ้านระหว่างเพื่อนคนอื่น ๆ ที่กำลังมา
“ ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วเมื่อไหร่ไอ้กุ้ง ไอ้อีส ไอ้เอ้ ไอ้เดซี่ คุณนายสายเสมอ ” รถเมล์จอดเทียบฟุตบาท กุ้งทิพย์ อีสรา เอกชัย และ เดซี่เดินลงมาจากรถทั้งหมดรีบวิ่งมาหามัจฉากับจอยลดาที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น นักศึกษาชายหญิงเตรียมตัวทยอยกันเดินไปลานเสาธงเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ กลุ่มของมัจฉายังนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาภายในวิทยาลัย
“ ไม่ทันแล้ว ” เสียงเพลงเคารพธงชาติเงียบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงกลุ่มของมัจฉายังเดินมาถึงลานเสาธง
สุปราณีย์เป็นครูประจำชั้นของมัจฉาและยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ความดุและเจ้าระเบียบของสุปราณีย์เป็นที่รู้จักกันดี
“ เจ๊เบียบมาโน้นแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันพระฉันไม่อยากฟังเทศ ” เสียงบ่นของอีตทำให้ทุกคนทำหน้าเซ็งเหมือนกับคนเบื่อโลก
“ พวกเธอทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้น จัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ” มัจฉาและทุกคนเคลื่อนตัวจัดแถวตามคำสั่งของสุปราณีย์ด้วยความรวดเร็ว
“ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือว่ามีแล้วไม่สนใจถึงได้มาเรียนสายกันทุกวันแบบนี้ นี่ต้องให้ครูรอจนถึงน้ำท่วมหลังเต่าก่อนใช่ไหมพวกเธอถึงได้มาเรียนตรงเวลากันได้ ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วอย่ามัวเถลไถลอยู่อีกละ รีบเข้าโรงเรียน ”
“ รับทราบ ”
อาคารหนึ่งชั้นสองชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยาปลา นักศึกษาทุกคนกำลังศึกษาดูโครงกระดูกของปลาชนิดต่าง ๆ ภายในห้องเรียนมีโครงกระดูกปลาวางไว้โต๊ะจำนวนหลายสิบตัวอย่าง นักศึกษากำลังศึกดูรายละเอียดพร้อมทั้งซักถามรายละเอียดต่าง ๆ กับอาจารย์ผู้สอน มัจฉาเลือกเรียนสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในตอนนี้เธอกำลังวาดรูปโครงกระดูกของปลาแต่ละโต๊ะด้วยความชำนาญ กลุ่มของมัจฉาไม่กินเส้นกับกลุ่มของน้ำหวานทำให้ทั้งสองกลุ่มมีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งเกือบทุกครั้งที่เจอกัน
“ เกะกะมายืนอะไรตรงนี้ ” น้ำหวานพูดกระแทกมัจฉาที่กำลังวาดรูปแต่วันนี้มัจฉาไม่สนใจในคำพูดของน้ำหวานเพราะกำลังเพลินอยู่กับการวาดรูป
“ มีทางให้เดินตั้งเยอะทำไมไม่เดิน ทำไมมาเดินทางนี้ ”
“ ฉันพอใจที่จะเดินทางนี้ แกจะทำไม ”
“ ไอ้จอย แกอย่าเสียเวลาไปพูดกับสัตว์หน้าขน สัตว์ก็คือสัตว์ไม่มีวันเข้าใจภาษามนุษย์ได้หรอก ”
“ อีมัจแกว่าใคร ”
“ ไม่ได้ว่าใครพูดลอย ๆ ” น้ำหวานโกรธมากกำลังเปิดศึกมีเรื่องกับมัจฉา สุปราณีย์เดินเข้ามาพอดีทำให้ทั้งคู่เลิกแล้วต่อกันไปพักหนึ่ง
“ ใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง ยกมือถามครูได้นะคะ ”
“ มัจฉาค่ะอาจารย์ ” น้ำหวานตะโกนโพล่งออกมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่มัจฉานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่มีคำถามค่ะอาจารย์ ”
“ จ๊ะ ถ้าหากมัจมีคำถามหรือว่ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้ตลอด วันนี้พอแค่นี้ ”
โรงอาหารก่อสร้างด้วย มุงด้วยกระเบื้อง ทาสีอย่างง่าย ๆ ภายในเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวนไม่มากนักแต่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมดในวิทยาลัย นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร บรรยากาศในโรงอาหารในช่วงกลางวันมีแต่เสียงพูดคุย นักศึกษาบางกลุ่มจับกลุ่มกันนั่งกินข้าว บางกลุ่มยืนเข้าแถวรออาหารจากแม่ค้า
มัจฉาพร้อมกับเพื่อน ๆ เข้ามาภายในโรงอาหารเดินไปวางสัมภาระโต๊ะประจำตรงประตูทางหลังเข้าโรงอาหาร วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจฉา
“ สุขสันต์วันเกิด พวกเราขออวยพรให้แกมีความสุขมาก ๆ คิดอะไรสมปรารถนาทุกเรื่องและขอให้แกเก็บความลับไม่ให้อาจารย์สุปราณีย์รู้ความจริงได้จนกระทั่งแกเรียนจบ ” มัจฉายิ้มเพื่อนทุกคนโผเข้ากอด
“ ขอบใจพวกแกมาก ” ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานวันเกิด เค้กถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แจกให้กับทุกคนจนครบ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยววางอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก ทุกคนกำลังสนุก ความสนุกกำลังเลือนหายไปเมื่อกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้ากันรับรู้ถึงการมาของน้ำหวาน
“ เมื่อตะกี้ฉันได้ยินว่า วันนี้เป็นวันตายของใคร อุ้ย ! ไม่ใช้สิ วันเกิดของใคร ”
“ วันตายของแก อีน้ำเน่า อิทังเมญตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย จงเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรต่อกันเลย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแกพวกสัมเภวี เปรตทั้งหลายด้วยเทอญ ” มัจฉาสาดน้ำใส่หน้าน้ำหวานจนหมดแก้ว น้ำหวานร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ อีมัจ ! ฉันยังไม่ตายและไม่ต้องการเศษบุญจากแก ”
“ มัจ ! ใจเย็น อย่ามีเรื่องกันเลย ” กุ้งทิพย์เขย่าแขนมัจฉาเบา ๆ มัจฉาเงียบ
“ อีลูกกำพร้า อีลูกกรรมกรน้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่เด็กล้างจานในร้านหมูกะทะ ขาดพ่อไร้แม่ชาตินี้คงเป็นได้แค่นี้ ” มัจฉาชกหน้าของน้ำหวานอย่างแรงจนเลือดกลบปาก น้ำหวานเอามือแตะตรงมุมปาก มัจฉายิ้มตรงมุมปาก
“ หงส์ปีกหักอย่างแกต้องโดนแบบนี้ถึงจะได้หุบปาก อีน้ำเน่า ! แกหยุดเห่าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญเสียงของแกมาก ” มัจฉาตบหน้าน้ำหวานพร้อมทั้งเอาขนมปังยัดใส่ปากพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำน้ำอัดลมราดใส่หัว น้ำหวานกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธ
ในขณะที่จอยลดา กุ้งทิพย์ เดซี่ และเอกชัยช่วยมัจฉาจัดการพวกของน้ำหวาน อาหาร เครื่องดื่มที่วางไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้ามต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มาริษาเดินผ่านเข้ามาเหตุการณ์พอดีรีบเดินไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง
“ อาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
มัจฉากับน้ำหวานมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่โรงอาหาร ” สุปราณีย์พร้อมกับมาริษารีบเดินไปโรงอาหารในทันที ในขณะที่กลุ่มของมัจฉาและกลุ่มของน้ำหวานกำลังมีเรื่องทะเลาะกันโดยไม่ได้สังเกตว่าสุปราณีย์กับมาริษายืนมองอยู่
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นมีใครอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง ทุกคนไปพบครูที่ห้องปกครอง ” หลังจากเหตุการณ์สงบลงทุกคนไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ สุปราณีย์ยืนกอดอกมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ พอจะมีใครตอบครูได้ไหมว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบคำถามของสุปราณีย์แม้แต่คนเดียว ความเงียบของทุกคนยิ่งทำให้สุปราณีย์โกรธ
“ มัจฉา ! ตอบครูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
“ อย่างที่ครูเห็นละคะ ”
“ โรงอาหารกลายเป็นสนามรบ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอจะมายกพวกตีกันแบบนี้ พึงระลึกไว้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ไอ้กุ้ยข้างถนนที่ใช้กำลังแก้ปัญหา วันพรุ่งนี้ครูขอพบผู้ปกครองของพวกเธอทุกคน ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ” น้ำหวานเอ่ยถามสุปราณีย์เพื่อความแน่ใจ
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ วันพรุ่งนี้ครูเชิญผู้ปกครองพวกเธอทุกคนมารับทรายความประพฤติและครูขอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามไปจ้างใครมาเป็นผู้ปกครองของเธอเด็ดขาด ” สุปราณีย์ยื่นจดหมายซองสีขาวให้กับทุกคน มัจฉาถอนหายใจกังวลใจกลัวสุปราณีย์โทรไปบอกเพ็ญจันทร์
“ ไอ้มัจ ! แกซวยแล้ว ความลับของแก นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องในวันนี้ถ้าหากป้าของแกรู้เข้ารับรองงานนี้แกตายเป็นผีโดยไม่เผากลายเป็นผีไม่มีหลุมแน่นอน ”
“ ฉันจะให้คุณนายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับไปโดนไม้เรียวแน่ ” มัจฉาถึงหวั่นใจกังวลอยู่เหมือนกันกลัวเพ็ญจันทร์จะรู้เรื่อง มาริษาเดินมาหามัจฉาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“ เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก มีเรื่องไม่เว้นวันเลยนะ พี่ซื้อยามาให้ นั่งลงก่อนสิพี่ทำแผลให้ ”
“ แผลเล็กนิดเดียวเองไม่เห็นต้องซื้อยามาให้มัจเลยเปลืองเงินเปล่า ๆ ”
“ มัจจะจัดการปัญหาในวันนี้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ป้าเพ็ญชอบยังจะทำอีกแล้ววันพรุ่งนี้มัจจะเอาใครมาเป็นผู้ปกครอง ”
“ มัจคงให้เข้มกับไอ้เบิ้มปลอมตัวเป็นผู้ปกครอง ครูสุจะได้ไม่สงสัยเพราะวันรายงานตัวมัจให้สองคนนั้นเป็นผู้ปกครองของมัจ ”
“ เจอกันที่บ้าน วันนี้พี่มีนัดกับพุด ”
“ มัจฝากจดหมายเชิญผู้ปกครองทิ้งลงถังขยะด้วยแล้วกัน วันนี้มีนัดอาจจะกลับค่ำหน่อย เจอกันที่บ้านนะคะพี่ษา ”
ชลธียืนรอก้องภพอยู่หน้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ก้องภพเป็นแฟนของชลธีทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ชลธีรักผู้ชายคนนี้มากทั้ง ๆ ก้องภพนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ มัจฉาเคยเตือนให้ชลธีแต่เขาไม่เชื่ออยากที่มัจฉาบอก เพื่อน ๆ ของชลธีทุกคนไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชลธีเป็นเกย์มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมีเพียงมัจฉาคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ เลิกเรียนแล้ววันนี้เราไปดูกันไหม ”
“ วันนี้ฉันมีนัดกับมัจฉา ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ”
“ อีนางทอม อีนางมารขัดความสุข ” ก้องภพบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ เธอพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินไม้ถนัด ”
“ ฉันบอกว่า ตามสบายเลย เราค่อยไปวันหลังกันก็ได้ ”
“ ขอบใจมากนะก้อง ฉันขอตัวก่อน ” ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”
“ ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย ใครทำอะไรแก ” ชลธีถามด้วยความห่วง
“ วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ” เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ
มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์ ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ
. “ สวัสดีค่ะป้า ”
“ หวัดดีจ๊ะ ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ”
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ
หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้ มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ” เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ
“ สู้ ๆ นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ” เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ” เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน ” เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ” เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“ นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้ ”
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”
“ พี่พุดดีทุกอย่าง มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ”
เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ
“ ไอ้มัจ ! วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ” มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้ สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ ! พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”
“ พี่ขอโทษ ” มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง มัจฉามมองไปรอบ ๆ เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์
หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ” มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร ” มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์ รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“ วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ” เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ ! ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้ ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว ”
“ ได้จ๊ะ ” น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ” มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ
“ มัจ ! กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ” มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“ มัจต้องขอโทษป้าสุ มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้ ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้ รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต
เพ็ญจันทร์หญิงสาววัยกลางคนต้องรับภาระเลี้ยงดูพุทธชาดกับมัจฉาหลังจากที่จันทราน้องสาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับมานพตั้งแต่มัจฉาเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เพ็ญจันทร์ต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูหลานทั้งสองนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พุทธชาดเป็นหลานคนโปรดของเพ็ญจันทร์ถูกเลี้ยงมาดุจไข่ในหินเป็นคุณหนูของบ้านส่วนมัจฉาถูกเลี้ยงมาเหมือนกับลูกคนกรรมกรเป็นคนรับใช้ของพุทธชาด ตั้งแต่เล็กจนโตมัจฉาต้องทำหน้าที่ดูแลพุทธชาดทุกเรื่องที่พี่สาวต้องการให้ช่วย
การดำเนินชีวิตของทั้งสองคนต่างกันราวนรกกับสวรรค์อีกคนสุขสบาย อีกคนทุกข์ยาก เพ็ญจันทร์ไม่เคยเข้าใจความยากลำบากของมัจฉาเลยเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นตัวฉันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลโลกใบนี้เป็นของฉันแด่เพียงผู้เดียว
“ ป้าไม่ให้เรียน ” คำพูดสั้น ๆ น้ำเสียงกระชากอย่างไม่พอใจทำให้ผู้ฟังเข้าใจในความรู้สึกได้เป็นอย่างดี มัจฉารู้คำตอบตั้งแต่เดินเข้ามาภายในห้องแต่ด้วยความจำยอมต้องมาบอกให้เพ็ญจันทร์ได้รับรู้ ทั้ง ๆ ที่ในใจไม่ต้องการให้รับรู้
“ มัจอยากเรียนประมง คุณนายจะมาบังคับให้มัจทำตามใจคุณนายไม่ได้หรอกนะ มัจเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะตั้งโปรแกรมตามใจต้องการให้ทำตามความพอใจของตัวเอง เผด็จการ มนุษย์ผีดิบ คนไร้หัวใจ ”
“ ไอ้เด็กหัวดื้อ จองหอง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้เถียงทุกคำ ดูอย่างพุทธชาดสิ พี่สาวของแกตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำให้ป้าต้องผิดหวัง ป้าบอกอะไรไม่เคยเถียงแม้แต่คำเดียว ดูแกสิเถียงป้าทุกคำ ใช้ได้ที่ไหนนิสัยแบบนี้ ” คำพูดของเพ็ญจันทร์เปรียบเหมือนกับเข็มหลายหมื่นเล่มที่คอยทิ่มแทงหัวใจของมัจฉาเรื่อยมาตั้งแต่เล็กจนโตจนหัวใจดวงด้านชาเกินที่จะรับรู้ถึงความรักของเพ็ญจันทร์ที่เคยมีให้ในขณะที่เพ็ญจันทร์ก็ไม่เคยรู้ว่าคำพูดของตัวเองสร้างบาดแผลทางใจให้หลานตัวเอง
“ ชีวิตของมัจเป็นของคุณนายตั้งแต่เมื่อไหร่ มัจมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตัวเอง คุณนายได้ยินไหม ” มัจฉาตะโกนใส่หน้าเพ็ญจันทร์สุดเสียงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“ แกต้องเรียนมัธยมปลายเท่านั้นนี่คือคำสั่ง แกได้ยินไหม ”
“ คุณนายมีเหตุผลอะไร ทำไมมัจถึงเรียนประมงไม่ได้ในเมื่อมัจอยากเรียนในสาขาวิชานี้ เมื่อไหร่คุณนายจะเลิกบังคับมัจสักที ดูอย่างพี่พุดสิมีสิทธิ์ที่จะเลือกทุกอย่างในชีวิตด้วยตนเองแต่ทำไมมัจไม่มีสิทธิ์เลือกอย่างพี่พุดบ้าง ”
“ ป้าไม่ให้เรียน เลิกคิดเลิกฝันได้แล้วมันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้ ป้าไม่มีวันยอมให้มัจเรียนประมงโดยเด็ดขาด ”
“ มัจบอกคุณนายเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกันว่ามัจต้องการเรียนประมงเท่านั้นไม่มีวันไปเรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายต้องการเหมือนกัน คุณนายได้ยินไหม ”
“ อยากเรียนประมงก็ตามใจ ป้าไม่ได้บังคับแต่แกต้องหาเงินเรียนเอง เลือกเอาแล้วกันว่าอยากเรียนแบบสบายหรือต้องลำบากหาเงินเรียนเองสมองมีคงคิดได้ไม่ยาก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ” เพ็ญจันทร์แกล้งขู่มัจฉาเพราะคิดว่ามัจฉาคงล้มเลิกความตั้งใจยอมกลับมาเรียนมัธยมปลายอย่างที่ต้องการแต่ผิดคาดมัจฉายังคงยืนยันคำเดิมที่จะเรียนประมงเหมือนเดิมโดยไม่ได้สนใจคำพูดของเพ็ญจันทร์แต่อย่างใด
“ มัจหาเงินเรียนเองก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของคุณนาย คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้หลานรักของคุณนายเถอะนะ หลานชังอย่างมัจไม่มีสิทธิ์ในเงินของคุณนาย มัจเข้าใจในชะตากรรมของตัวเองดี ”
มัจฉาพยามกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ให้เพ็ญจันทร์เห็นน้ำตาของตนเองที่กำลังไหลอาบแก้มรีบใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเดินออกจากห้องของเพ็ญจันทร์ สายฝนกำลังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย เพ็ญจันทร์ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างนึกถึงเรื่องราวในอดีตอยู่เงียบ ๆเพียงลำพังคนเดียวในห้อง
“ ป้าขอโทษนะลูก ”
เสียงเรียกของพิมพ์ภาดังขึ้นทำให้เพ็ญจันทร์สะดุ้งตัวด้วยความตกใจหันหลังกลับมาดูยังต้นเสียงพร้อมกับถอนหายใจ
“ มีอะไรหรอพิมพ์วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียวหรือว่าเกิดปรากฏการณ์ช้างกินควาย ”
“ ดูคุณผู้หญิงพูดเข้าสิ ดิฉันเห็นคุณหนูวิ่งออกไปจากบ้านไปนานมากแล้วนะคะป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะคุณผู้หญิง ”
“ ว่าไงนะ นี่มันก็ดึกมากแล้วยังจะออกไปไหนอีก ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก ไอ้เด็กคนนี้ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ” เพ็ญจันทร์รีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที ในระหว่างที่เพ็ญจันทร์กำลังเดินออกจากบ้านไปตามมัจฉาเดินสวนกับพุทธชาดที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“ ดึกแล้วมากแล้วป้าจะรีบไปไหนคะ ”
“ มัจหายออกไปจากบ้าน ป้าจะออกไปตามน้องกลับบ้านไม่รู้เตลิดไปถึงไหนแล้ว ”
“ คิดว่าเรื่องอะไร ป้ากลับเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ น้องนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเข้มและเบิ้มอยู่ตรงหน้าปากทาง
เข้าหมู่บ้านเดี๋ยวสักพักคงกลับมา ป้ายังไม่ชินอีกหรอค่ะที่น้องหายออกไปจากบ้าน ” พุทธชาดอมยิ้มเดินจูงมือเพ็ญจันทร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน เพ็ญจันทร์ยังรู้สึกกังวลใจกลัวมัจฉาไม่กลับบ้าน
“ พุดโทรถามน้องหน่อยสิว่าจะกลับกี่โมง นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน ป้าเป็นห่วง ” พุทธชาดหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทรหามัจฉาทันที
ร้านก๋วยเตี๋ยริมทางเล็กๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างง่าย ๆ โต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ มัจฉา เข้มและเบิ้มกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มัจฉาเหลือบไปมองปลายสายเป็นเบอร์โทรของพุทธชาดใจหนึ่งอยากจะรับสายแต่อีกใจหนึ่งไม่อยากรับสาย มัจฉาถอนหายใจกดรับสายพุทธชาด
“ สวัสดีครับคุณหมอคนสวย ”
“ ทำไมยังไม่กลับบ้าน ดึกมากแล้ว กลับบ้านได้แล้วพี่เป็นห่วงมัวทำอะไรอยู่ ”
“ มัจยังกินก๋วยเตี๋ยวยังไม่เสร็จเลยพี่พุดอีกสักพักก็กลับแล้วไม่ต้องเป็นห่วงใกล้แค่นี้เอง ”
“ รีบกินรีบกลับแล้วกัน พี่รออยู่ ”
“ พี่พุดโทรตามกลับบ้านไปดูดนมนอนแล้วหรอวะ ” เข้มแซวมัจฉาพร้อมกับหยิบขวดน้ำปลาทำท่าเหมือนเด็กกำลังดูดนมออกจากขวด
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยิ้มหน่อยสิคุณหนูมัจฉา ” เบิ้มทำท่าเป็นตัวตลกแต่ทั้งสองคนไม่สามารถทำให้มัจฉายิ้มได้แม้แต่นิดเดียว
“ แกจะทำยังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ยอมให้เรียนแถมยังบังคับให้แกกลับไปเรียนมัธยมปลาย ”
“ คุณนายบอกกับฉันว่า ถ้าจะเรียนประมงต้องหาเงินเรียนเอง ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าแต่หลังจากนี้คงต้องหางานทำ ”
“ รอให้ป้าเพ็ญใจเย็นมากกว่านี้แล้วแกค่อยไปบอกอีกสักรอบเผื่อจะยอมใจอ่อน ”
“ รอให้น้ำท่วมหลังเต่า พระราหูมีลูกกับพระจันทร์เสียก่อน คุณนายถึงจะยอมให้ฉันเรียนประมง ”
“ ค่อย ๆ คิดไปแล้วกัน พวกฉันสองคนเป็นกำลังให้ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ” เข้มกับเบิ้มยื่นแขนไปบีบมือของมัจฉาเบา ๆ แสดงความห่วงใยให้กับเพื่อน หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อยแล้วเข้มและเบิ้มเดินไปส่งมัจฉาที่บ้านทั้งสามคมเดินปรับทุกข์กันไปจนถึงบ้านของมัจฉา
“ โชคดีนะเว้ย แกไม่ต้องคิดมาก พวกฉันสองคนเป็นกำลังใจให้ ”
เข้มและเบิ้มเป็นเพื่อนสนิทของมัจฉาฐานะทางบ้านของทั้งสองคนค่อนข้างลำบากทั้งสองคนเป็นกำพร้า เข้มอาศัยอยู่กับยาย ส่วนเบิ้มอยู่กับแม่ พ่อของเบิ้มเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุได้สามขวบทั้งสองคนมีความสุขตามอัตภาพ มัจฉาเดินกลับเข้ามาในบ้านโน้มตัวลงนอนบนเตียง พุทธชาดเปิดประตูเข้ามาในห้อง มัจฉารีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“ พี่รู้เรื่องทั้งหมดจากป้าหมดแล้ว ” พุทธชาดถอนหายใจเอามือลูบหัวมัจฉาเบา ๆ มัจฉาลุกขึ้นนั่งเข้าสวมกอดพุทธชาด
“ พี่รู้ว่ามัจอยากเรียน เรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนมัจไม่ต้องเป็นห่วง พี่จะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ”
“ พี่พุดไม่ต้องลำบากเดี๋ยวคุณนายรู้เข้าพี่พุดจะโดนดุ ”
“ มัจจะเอาเงินที่ไหนเรียนหรือว่ามัจยอมเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้า ”
“ นี่ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่มัจคงมีความสุขมากกว่านี้ คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ มัจอย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวป้ามาได้ยินเข้า ทำไมป้าจะไม่รักมัจละ ถ้าไม่อย่างนั้นป้าจะเลี้ยงมัจมาจนโตหรอ ”
“ พี่พุดไม่ต้องมาปลอบใจมัจเลย ”
“ นี่มันก็ดึกมากแล้วไปอาบน้ำแล้วนอน ทำใจให้สบาย ๆ นะไอ้น้องรัก ส่วนเรื่องเรียนพี่จะช่วยพูดให้ไม่รู้ปากจะยอมใจอ่อนหรือเปล่า พรุ่งนี้มีสอบพี่ขอตัวไปอ่านหนังสือสอบก่อนแล้วกัน ”
มัจฉาหลับตานอนอยู่บนเตียงนึกถึงเรื่องราวในอดีต หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้มปลดปล่อยความเศร้าออกจากหัวใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นค่อย ๆ ใช้มือเอื้อมไปหยิบตรงหัวเตียง
“ ไอ้ชล ”
“ แกร้องไห้ทำไมบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ใครทำอะไรแก ” มัจฉาเงียบยิ่งทำให้ชลธีร้อนใจ
“ แกอย่าเงียบสิ ฉันใจคอไม่ดีเลย ”
“ ไอ้ชล ! คุณนายไม่ยอมให้ฉันเรียนประมง คุณนายบังคับให้ฉันเรียนมัธยมปลายแต่ฉันไม่อยากเรียน ”
“ ไม่เป็นไรเว้ย แกรอให้ป้าเพ็ญอารมณ์เย็นแล้วค่อยไปคุยอีกรอบ คุยด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์ ฉันหวังว่าป้าเพ็ญจะเข้าใจแก ”
“ ไม่มีวันที่คุณนายจะเข้าใจฉัน เชื่อฉันสิ คุณนายทำเหมือนกับฉันเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่คน ”
“ เอาแบบนี้แล้วกันช่วงนี้แกมาอยู่บ้านฉันก่อนไหม พ่อกับแม่ฉันไม่ว่าหรอก ”
“ แกจะบ้าหรอ ฉันเป็นผู้หญิง แกเป็นผู้ชาย เฮ้ย ! ฉันลืมไปว่าแกเป็นเพื่อนสาว ”
“ พูดเบา ๆ สิเดี๋ยวพ่อกับแม่ของฉันก็ได้ยินหรอก ”
“ โทษทีวะ ฉันลืมไป ”
“ แกมีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้ทุกเรื่อง เพื่อนคนนี้ยินดีช่วยด้วยความเต็มใจทุกอย่าง ”
“ เป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม ไอ้ชลฉันรักแกวะ ”
“ ไอ้มัจวันนี้แกเป็นอะไรเมาน้ำตาจนเพี๊ยนไปแล้ว อย่าร้องไห้ไปเลยอ้อมกอดของฉันยังว่างรอแกมาซบ ”
“ แกอย่ามาตอแหล อ้อมกอดของแกมีไว้ให้ไอ้ก้องภพคนเดียวต่างหากละไม่มีที่ว่างสำหรับฉันหรอก ”
“ ครับผมแต่สำหรับแกว่างเสมอ ฉันรอให้แกมาซบอกฉันอยู่ ”
ตลาดสดในเช้าวันอาทิตย์พลุกพล่านไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่พากันมาเดินเลือกซื้อของ เข้ม เบิ้ม และมัจฉากำลังช่วยกันเลือกส้มเขียวหวานใส่ลงในถุง โตเดินผ่านเข้ามาเห็นพอดีหยิบฝรั่งขว้างใส่เข้มเต็มแรง เขาทำหน้าเย้ยหยันด้วยความสะใจ เบิ้มคิ้วขมวดไม่พอใจ
“ ไอ้โต ไอ้ชาติชั่วมึงเอาฝรั่งมาเขวี้ยงใส่หัวกูทำไมวะ ”
“ มึงจะทำไม ไอ้ขี้ครอก ”
“ ไอ้ลูกเมียน้อย ” เข้มไม่รอช้าเดินเดินเข้าไปชกหน้าโตจนล้มคว่ำกับพื้น เบิ้มกับมัจฉาคอยกันไม่ให้เพชรเข้าไปทำร้ายเบิ้ม เหตุการณ์บานปลายไปกันใหญ่เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมกัน โตยังไม่หยุดคุกคามเข้มทางวาจา เข้มหมดความอดทนกระโดดถีบโตเต็มแรงจนล้มนอนกองกับพื้น เพชรรีบวิ่งเข้ามาช่วยโตต่างฝ่ายต่างดวลหมัดเข้าหากัน มัจฉาเห็นท่าไม่ดีถีบโตออกจากเข้มหันหลังกลับไปชกหน้าเพชร เหตุการณ์วุ่นวายไปกันใหญ่ไม่มีใครยอมใครทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนชุลมุนวุ่นวายไปทั้งแผงผลไม้ในแถบนั้น
“ อีมัจ อีทอมมึงกล้าดียังไงมาถีบกู วันนี้กูจะทอมอย่างมึงมาทำเมียให้ได้ ” โตโกรธมากเดินเข้าไปจับตัวมัจฉา ทักษะการต่อสู้ไม่มีทำให้พลาดท่าเสียถูกมัจฉาจับโยนลงไปกองกับพื้น
“ จับแม่มึงไปทำเมียก่อนแล้วกัน ไอ้ลูกเมียน้อยอย่างมึงไม่มีวันทำอะไรคนอย่างกูได้หรอก ”
“ ไอ้เพชรจัดการพวกมันให้สินซาก อย่าให้พวกมันมีแรงเดินกลับบ้าน ”
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! แกสองคนรอเก็บศพไอ้พวกนี้สองตัวได้เลย วันนี้ฉันจะกระทืบไอ้สองตัวนี้ให้จมดินเอาเลือดมาล้างตีนไอ้เบิ้มให้หายแค้น ” มัจฉาไม่รอช้าวิ่งเข้าไปกระโดดถีบเพรชกระและโตกระเด็นไปคนละทางทั้งสองคนยืนขึ้นจะเข้ามาทำร้ายมัจฉาแต่ไม่สามารถทำอะไรมัจฉาได้เลยทั้งสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัจฉาอาจเป็นเพราะเป็นนักมวยทำให้มีทักษะการต่อสู้มากกว่าทั้งสองคน ผู้ชายสองคนเสียท่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวสร้างความอับอายกับทั้งสองคน
“ อีนางทอม กูจะไปบอกให้ครูเพ็ญจันทร์จัดการมึง ”
“ ไอ้ลูกเมียน้อย เชิญไปฟ้องเลย กูไม่กลัวหรอกครูเพ็ญจันทร์ ถ้ามึงแน่จริงไปเลยสิ บ้านกูอยู่ใกล้แค่นี้เอง ”
โตชวนเพชรกลับบ้านรอวันกลับมาคิดบัญชีแค้นกับมัจฉารีบพากันเดินออกจากตลาด อีกฟากหนึ่งของตลาดเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดกำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาอยู่ตรงแผงขายปลาท้ายตลาด โตกับเพชรวิ่งออกมาเจอเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อปลาทับทิม
“ สวัสดีครับครู ครูช่วยผมสองคนด้วยครับ ” โตแสดงละครฟ้องเพ็ญจันทร์กล่าวหาว่าโดนมัจฉาทำร้ายพร้อมกับเปิดบาดแผลให้เพ็ญจันทร์ดู
“ เกิดอะไรขึ้นบอกครูมาสิ ใครเป็นคนทำร้ายพวกเธอ ”
“ พวกผมสองคนโดนมัจฉากระทืบมาครับ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ หนูสองคนเป็นอะไรมาหรือเปล่าลูกเดี๋ยวครูพาไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูว่าบาดเจ็บอะไรตรงไหนบ้าง ”
“ พวกผมสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากครับครูมีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อยครับ ”
“ แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ”
“ ครับครู ขอบคุณมากครับ ” พุทธชาดพยายามพูดให้เพ็ญจันทร์อารมณ์เย็นลงเกรงว่าเมื่อกลับบ้านไปเจอกับมัจฉาจะมีเรื่องทะเลาะและกลัวมัจฉาจถูกเพ็ญจันทร์ลงโทษ
“ วันนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว กลับมาเมื่อไหร่น่าดู ”
“ ป้าคะ พุดคิดว่าน้องคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายโตกับเพชรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ”
“ เลิกให้ท้ายน้องสักที ป้าเข้าใจว่าพุดรักน้องมากแต่ลูกก็ต้องสอนให้น้องเป็นคนดีไม่ใช่ทำตัวเป็นอันตพาลระรานชาวบ้านแบบนี้ คนประเภทนี้เรียน ขยะสังคม ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊จุ่ม เข้ม เบิ้มและมัจฉานั่งรอชลธีอยู่ภายในร้าน ชลธีเดินเข้ามาพร้อมทั้งหอบเอกสารและหนังสืออีกหลายเล่มเดินเข้าไปหาทุกคน สายตาของคนในร้านหันมามองชลธีด้วยความสงสัยเข้าใจว่าชลธีเป็นคนเก็บของเก่า
“ ไอ้ชลแกถือของอะไรมาเยอะแยะ หนังสืออะไรของแกถึงได้มากมายขนาดนี้
“ฉันเอามาให้แกอ่านเหลือไม่กี่วันแล้วจะถึงวันสอบ ”
“ สอบอะไรวะ แกเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ฉันไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย ขอบใจมาก ”
“ ไอ้มัจ แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อป้าเพ็ญไม่ให้แกเรียนประมงเพราะฉะนั้นแกก็ต้องเรียนมัธยมปลายตามคำสั่งของป้ามิใช่หรือไง ”
“ ใครว่าคนอย่างไอ้มัจนั้นหรอจะไปเรียนมัยธยมปลายไม่มีวันเสียหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ พรุ่งนี้ฉันไปรายงานที่วิทยาลัยประมง ”
“ แกว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมแล้วนี่ป้าเพ็ญรู้เรื่องหรือยัง ”
“ ยัง ”
“ ก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาแล้วจ๊ะทุกคน ” เจ๊จุ่มวางชามก๋วยเตี๊ยวลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มหน้าปรุงก๋วยเตี๋ยวของตนเอง บรรยากาศในช่วงเวลากลางวันภายในร้านพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่แวะเข้ามาภายในร้าน ในขณะที่เจ๊จุ่มและลูกน้องช่วยกันบริการดูแลลูกค้า
“ พรุ่งนี้ฉันต้องไปรายงานตัว ฉันจะให้พวกแกช่วยปลอมตัวเป็นผู้ปกครองให้หน่อย ”
“ ห๊ะ ! ปลอมตัว ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“ ป้าเพ็ญรู้เข้าเป็นเรื่องแน่ ฉันว่าแกไปคุยกับป้าอีกสักรอบดีไหม ”
“ คุณชลธีคะ ! แกน่าจะรู้นิสัยของคุณนายเป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างไรแล้วแกจะให้ฉันไปไปบอกอีกทำไม ในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้ว ”
“ ไอ้ชลทำไมแกปอดแหกแบบนี้วะ ไอ้มัจแกไม่ต้องเป็นห่วง พวกฉันสองคนช่วยแกเองรับรองไม่มีใครจับได้แน่นอน ”
“ เรื่องลงทะเบียนของละ เงินจ่ายค่าเทอมแกมีแล้วหรือยัง ถ้ายังฉันพอมีอยู่บ้าง ”
“ เอาเงินพวกฉันไปก่อนไหม ”
“ ฉันขอบใจพวกแกทั้งสามคนมากเลยแต่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทะเบียน วิทยาลัยประมงเรียนฟรี ”
ด้วยความเป็นห่วงพุทธชาดรีบโทรมให้มัจฉากลับบ้านแต่ไม่สามารถติดต่อน้องได้ เพ็ญจันทร์รอชำระความกับมัจฉาแต่อีกฝ่ายไม่ทีท่าจะกลับบ้าน
“ เย็นมากแล้วทำไมมัจยังไม่กลับบ้าน ”
“ คุณพุดยังไม่ชินอีกหรอคะ เดี๋ยวสักพักก็คงกลับ ”
“ พุดชินแล้วคะพี่เปรี้ยวแต่วันนี้น้องไปมีปัญหากับเพื่อนแล้วป้าก็รู้แล้วด้วย น้องกลับมาบ้านช้า ป้ายิ่งโกรธเข้าไปอีก ”
“ นึกแล้วเชียว ทำไมวันนี้คุณผู้หญิงกลับมาไม่พูดกับใครเดินเข้าไปในห้องทำงานตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ ”
“ คุณหนูของป้ามาอยู่ที่นี้นี่เอง ของที่คุณหนูให้ป้าเตรียมไว้เสร็จแล้วนะคะ ”
พิมพ์ภาแม่บ้านคนสนิทของเพ็ญจันทร์ทำงานรับใช้ดูแลบ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยจันทราน้องสาวของเพ็ญจันทร์ยังมีชีวิตอยู่จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้กุมความลับทุกอย่างในบ้านเอาไว้
“ วันนี้คงไม่ได้ทำแล้วจ๊ะป้า ป่านนี้แล้วมัจยังไม่กลับบ้านมาเลย ” พุทธชาดถอนหายใจ เพ็ญจันทร์เดินมาหาพุทธชาดที่ห้องโถง มัจฉาเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ คุณนาย พี่พุด สวัสดีคะ ”
“ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมพึงกลับบ้าน พรุ่งนี้ต้องไปรายตัวเข้าเรียน ” มัจฉางงไม่เข้าใจคำพูดคของเพ็ญจันทร์ยิ้มออกมาด้วยความดีใจเข้าใจว่าเพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้เรียนปวช.สาขาวิชาประมงตามที่ตัวเองต้องการ
“ คุณนายยอมให้มัจเรียนประมงแล้วหรอ ”
“ ใครบอก พรุ่งนี้ป้าให้มัจไปรายงานตัวเข้าเรียนมัธยมปลายต่างหากละ ”
“ มัจไม่เรียน คุณนายอยากเรียนก็ไปเรียนเองสิ ”
“ ไอ้เด็กคนนี้พูดไม่รู้ฟังยังจะดื้ออีก ”
“ มัจไม่เรียน”
“ ไปไหนมา ทำไมพึงกลับบ้าน ”
“ มัจไปหาไอ้เข้มกับไอ้เบิ้ม คุณนายมีอะไรหรือเปล่า ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย ”
“ มี ! ” เพ็ญจันทร์ทำเสียงเข้ม มัจฉาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
“ คุณนายพูดเหมือนมัจไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ ”
“ วันนี้ไปทำอะไรผิดมาละมีอะไรจะสารภาพไหม ”
“ คุณนายพูดเรื่องอะไรมัจไม่เข้าใจ ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ใครสั่งใครสอนให้มีนิสัยแบบนี้ ”
“ คุณนายบอกมาสิว่ามัจทำอะไรผิด ทุกวันนี้มัจทำอะไรก็ผิดทุกอย่างในสายตาของคุณนาย ” เพ็ญจันทร์อึ้งเงียบไปชั่วขณะไม่คิดว่ามัจฉาจะตอบกลับมาอย่างนี้แกล้งทำน้ำเสียงเป็นปกติ
“ พิมพ์ไปหยิบไม้เรียวมาให้ฉัน ”
“ ป้าคะ อย่าตีน้องเลยคะเรื่องแค่นี้เองไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ” เพ็ญจันทร์ดึงไม้เรียวมาจากมือของพิมพ์ภาพร้อมกับส่งสายดุไปให้ทุกคน มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายตลอดเวลาที่ผ่านมาเพ็ญจันทร์ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดีรับฟังปัญหาแม้แต่ครั้งเดียวเลย เพ็ญจันทร์ฟาดไม้เรียวลงบนตัวของมัจฉา พุทธชาดเอาตัวมาบังเอาไว้
“ พี่พุด ! ”
“ เจ็บไหมลูก ป้าขอโทษ ” มัจฉาหันไปมองเพ็ญจันทร์กำลังใช้มือลูบแผลที่แขนของพุทธชาด สายตาเศร้า ๆ คู่นั้นกำลังมองเพ็ญจันทร์ด้วยความน้อยใจ
“ พุดผิดเองที่สอนน้องไม่ดีความผิดครั้งนี้พุดขอรับไว้เองคะ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจยื่นไม้เรียวให้กับเพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาโน้มตัวลงนอน พุทธชาดเปิดประตูเดินเข้ามาโน้มตัวลงนอนพลิกตัวเข้าไปกอดมัจฉาทางด้านหลัง มัจฉาพลิกตัวกลับมากอดพุทธชาด
“ พี่พุด คุณนายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มัจไปมีเรื่องกับพวกไอ้โต ”
“ วันนี้พี่ไปตลาดกับป้า ในระหว่างที่เลือกปลาอยู่ โตกับเพชรเดินมาทางนี้เจอกับป้าพอดีเลย หลังจากนั้นสองคนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าฟัง ”
“ พี่พุดเจ็บมากไหม ยื่นแขนมาสิมัจทายาให้ ” มัจฉาค่อย ๆ ทายาลงบนแขนของมัจฉาอย่างเบามือ พุทธชาดเอามือลูบหัวมัจฉาพร้อมทั้งยิ้มให้
“ นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรายงานตัวพร้อมกับป้า ”
“ มัจไม่ไป พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัย ”
“ หมายความว่ายังไง ”
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ มัจไม่ได้เรียนต่อมัธยมปลาย อย่างที่คุณนายบอกหรอกนะพี่ พรุ่งนี้มัจต้องไปรายงานตัวที่วิทยาลัยประมง ”
“ แน่ใจแล้วหรอที่ทำแบบนี้ ลองคิดทบททวนดูไหมสักรอบดีไหม ป้ารู้เข้าบ้านแตกพี่ไม่อยากจะคิด ”
“ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้แล้ว ”
“ เอาที่สบายใจนะไอ้น้องรัก ”
มัจฉาตื่นเช้าแต่งตัวออกจากบ้านไปรอเข้มและเบิ้มตรวหน้าปากซอยหมู่บ้าน เข้มแต่งเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นแม่ของมัจฉา เบิ้มใส่ชุดสูททั้งสามคนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปวิทยาลัยประมง บรรยากาศการรายวันรายงานตัวพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่พาลูกจูงหลายมารายงานตัว มัจฉา เข้มและเบิ้มเดินเข้าไปยังหอประชุม ห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนจำนวนมาที่ทยอยเดินกันเข้ามา บางส่วนเดินออกไป มัจฉาเหลือบไปเห็นสุปราณีย์นั่งอยู่ตรงโต๊ที่ตัวเองไปรายงานตัวทำให้หยุดเดินสูดลมหายใจทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไอ้เข้ม ! ไอ้เบิ้ม ! ป้าสุเป็นครูอยู่ที่นี้ เห้อ ! ทำไมชีวิตของฉันต้องมีแต่อุปสรรคด้วยวะ ”
“ ใจเย็น ๆ ทำตัวให้ปกติที่สุด ป้าสุกับแกไม่เจอแกมานานหลายปี นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาคงจำแกไม่ได้หรอก ”
“ สู้ ๆ นะเพื่อน ”
มัจฉารวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาสุปราณีย์วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ สุปราณีย์ยิ้มก้มหน้าตรวจเอกสาร
มัจฉาพยายามกลบเกลื่อนแสดงอาการให้ปกติที่สุดกลัวสุปราณีย์จะรู้ว่าฐานะของตัวเอง
“ นามสกุลของหนูเหมือนกับนามสกุลเพื่อนของครูเลย หนูเป็นหลานของสุปราณีย์หรือเปล่า ”
“ แค่ญาติห่าง ๆ คะครู ”
“ มัจฉา ! ชื่อของหนูเหมือนกับชื่อของหลานครู ”
“ คนเราชื่อซ้ำกันได้นะคะครูมันเป็นเรื่องปกติมากเลยค่ะ ”
“ ครูก็ว่าอย่างนั้นแหละ สัญญากับครูได้ไหมว่าหนูจะตั้งใจเรียนจะ ไม่หนีครูไปก่อนจบการศึกษา ”
“ คะครู ”
“ ครูเป็นครูประจำชั้นของหนู เจอกันอีกทีวันเปิดเทอม ” หลังจากรายงานตัวเสร็จ มัจฉาเดินไปหาเข้มและเบิ้มอีกฝั่งของห้องประชุมทั้งสองคนนั่งรออยู่ตรงประตูทางเข้า
“ เป็นบ้างวะแก ป้าสุจำแกได้ไหม ”
“ จำไม่ได้แต่คุ้นชื่อและนามสกุลและยังถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับคุณนาย ฉันตอบไปว่าเป็นญาติห่าง ๆ กัน ”
ภายในห้องสี่เหลี่ยม เพ็ญจันทร์นั่งคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนกับใบไม้ไหวจากวันนั้นถึงวันนี้สิบแปดปีเต็มที่ต้องปกปิดเรื่องราวในอดีตอันแสนข่มขืนไว้เพียงลำพังคนเดียว ถ้าหากวันหนึ่งมัจฉารู้ความจริงทั้งหมด ความรักที่เคยมีให้จะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เสียงเคาะประตูห้องทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติ มัจฉาเดินเข้ามาหาในเพ็ญจันทร์ ใบหน้าอันเรียบเฉยของเพ็ญจันทร์ยิ่งทำให้มัจฉากลัวพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด
“ ไปไหนมาทำไมไม่ไปรายงานตัวกับป้าปล่อยให้ป้ารอทั้งวัน ”
“ มัจไปรายตัวเข้าเรียนที่วิทยาลัยประมงมาคะ ”
“ ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ มีหูไว้กันสมองเพียงอย่างเดียวใช่ไหม ป้าบอกแล้วมิใช่หรอกว่าให้มัจเรียนแล้วทำไมยังกล้าขัดคำสั่งของป้า ” มัจฉาถอยหายใจเดินเข้าไปกอดเพ็ญจันทร์
“ ตั้งแต่เล็กจนโตป้าไม่เคยมีของขวัญแม้กระทั่งความรักจากป้า ครั้งนี้มัจขอป้าแล้วกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดมัจเป็นคนรับผิดชอบเองจะไม่มารบกวนเงินของป้าแม้แต่บาทเดียว ” มัจฉาเดินจากไป เพ็ญจันทร์อึ้งทำตัวไม่ถูกถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ นานนับหลายปีที่มัจฉาไม่ยอมเรียกตนเองว่าป้าแต่กลับเรียกว่าคุณนาย แต่ในวันนี้กลับเรียกตัวเองว่า ป้า เพ็ญจันทร์รับรู้ถึงความรู้สึกของมัจฉาได้เป็นอย่างดี
“ มัจคงเบื่อที่ป้าชอบบังคับมัจเลยพาลทำให้เข้าใจผิดคิดว่าป้าไม่รัก ทำไมป้าจะไม่รักมัจละลูก ในเมื่อมัจเป็น ” เสียงเรียกของพิมพ์ภาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ ทะเลาะกับคุณหนูมัจฉาอีกแล้วละสิ ”
“ เปล่าวันนี้ฉันไม่ได้ทะเลาะกับยัยมัจหรอกพิมพ์แต่คำพูดของยัยมัจต่างหากที่ทำให้ฉันเสียใจ ”
“ คุณหนูพูดว่าอะไรคะถึงกับทำให้คุณผู้หญิงต้องเสียน้ำตา พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อ ”
“ ยัยมัจบอกกับฉันว่า ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยมีของขวัญให้หรือแม้กระทั่งความรัก ยัยมัจเข้าใจคิดว่าฉันไม่รักแกเลย หมายังรักลูกของมัน ฉันเป็นมนุษย์ ทำไมฉันจะไม่รักในเมื่อมัจฉา
“ อย่าพูดดังไปคะคุณผู้หญิง กำแพงมีหูประตูมีตา เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ”
“ ขอบใจนะที่ช่วยเตือนสติฉัน ”
“ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่คนเราก็อายที่จะพูดความจริง ถ้าวันหนึ่งคุณหนูรู้ความจริงคุณผู้หญิงทำใจยอมรับได้แค่ไหน ”
มัจฉาแวะมาหาชลธีที่บ้าน ชลธีเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน บริเวณบ้านของชลธีร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ นานาชนิดมองดูคล้ายกับป่าขนาดย่อม มัจฉาค่อย ๆ เดินอ้อมไปทางด้านหลังของชลธีเอื้อมมือไปปิดตาชายหนุ่มเอาไว้
“ ทายสิว่าใคร ”
“ คุณหนูมัจฉา ” มัจฉาเอามือออกจาก ชลธีคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ยกมือขึ้นสูดกลิ่นจากอุ้งมือของหญิงสาว มัจฉาแอบเขินแต่แกล้งทำตัวปกติไม่ให้ชลธีจับได้ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ชลธีเดินจูงมือมัจฉาไปยังบึงท้ายสวน ภายในบึงบัวเต็มไปด้วยกอบัว กอบัวบางหย่อมกำลังออกดอก บางหย่อมดอกกำลังบานสะพรั่ง ชลธีพายเรือ มัจฉากำลังฝักบัว
“ วันนี้ไปรายงานตัวเข้าเรียนและคุณนายก็ไม่พอใจฉันมาก ”
“ เฮ้ย ! ไอ้มัจแกหนีออกจากบ้านมาแบบนี้ไม่กลัวโดนไม้เรียวหรือไง ”. มัจฉาถอนหายใจ
“ ขอหยุดพักเรื่องคุณนายไว้สักหนึ่งวัน วันนี้ฉันเหนื่อย คุณนายไม่เคยรักฉันเลย รักแต่พี่พุดคนเดียวทำเหมือนกับฉันเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงไม่ใช่หลาน ”
“ สำหรับฉันใครจะมองคุณหนูมัจฉายังไง ฉันไม่สน ขอให้แกรู้เอาไว้ว่าฉันรักและเป็นห่วงแกมาก ” ชลธีสบตามองหน้ามัจฉาส่งยิ้มหวานให้กับมัจฉา
“ รักฉันทำไมไม่ให้พ่อแม่ยกขันหมากมาขอสักทีละ ” ชลธีหัวเราะ มัจฉาลุกขึ้นกระโดดลงในบ่อว่ายน้ำมาเกาะขอบเรือ
“ ไอ้มัจแกทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจหมดเลย คราวหลังแกอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ”
ชลธีพามัจฉากลับมาเปลี่ยนเสื้อที่บ้าน ชลธีและสมรกำลังช่วยกันเตรียมอาหารเย็นอยู่ตรงระเบียงบ้าน มัจฉานั่งลง ชลธีตักข้าวใส่จานยื่นให้มัจฉา
“ วันนี้มีคะน้าหมูกรอบของชอบแกด้วย ” ชลธีตักคะน้าหมูกรอบใส่จานข้าว มัจฉายิ้มให้ชลธี
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ชลธีชวนมัจฉามานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินตรงท้ายสวน มัจฉาโน้มตัวลงนอนหนุนตักของชลธี เขาใช้มือลูบผมของมัจฉาเบา ๆ แสงสีส้มของพระอาทิตย์ค่อย ๆ เลื่อน ๆ หายไป ชลธีขับรถมาส่งมัจฉาที่บ้าน มัจฉาหยุดยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าเดินอ้อมไปทางหลังบ้านไม่ต้องการเจอเพ็ญจันทร์
“ ไอ้เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ ฉันห้ามอะไรไม่เคยฟัง ” เพ็ญจันทร์พูดกับตนเอง
หน้าวิทยาลัยประมงในตอนเช้า นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในวิทยาลัย แนวต้นสนทอดยาวทั้งสองฝากทางเข้า มองเห็นลานเสาธงอยู่ไกล ๆ ระหว่างทางเดินมีคูน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศภายในวิทยาลัยร่มรื่น มัจฉาสวมชุดช๊อปยืนรอเพื่อน ๆ อยู่ตรงศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย
“ ไอ้มัจ ! แกทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยังวะ ขอลอกกหน่อยดิ ฉันยังไม่ทำ ”
“ เสร็จแล้ววะ เชิญคุณหนูจอยลดาลอกได้ตามสบายเลยคะ ” มัจฉาเปิดกระเป๋าหยิบสมุดให้จอยลดา จอยลดารีบเปิดสมุดการบ้านของมัจฉานั่งลอกการบ้านระหว่างเพื่อนคนอื่น ๆ ที่กำลังมา
“ ใกล้ถึงเวลาเข้าแถวแล้วเมื่อไหร่ไอ้กุ้ง ไอ้อีส ไอ้เอ้ ไอ้เดซี่ คุณนายสายเสมอ ” รถเมล์จอดเทียบฟุตบาท กุ้งทิพย์ อีสรา เอกชัย และ เดซี่เดินลงมาจากรถทั้งหมดรีบวิ่งมาหามัจฉากับจอยลดาที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย เสียงเพลงเคารพธงชาติดังขึ้น นักศึกษาชายหญิงเตรียมตัวทยอยกันเดินไปลานเสาธงเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ กลุ่มของมัจฉายังนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าวิทยาลัย ทุกคนรีบวิ่งเข้ามาภายในวิทยาลัย
“ ไม่ทันแล้ว ” เสียงเพลงเคารพธงชาติเงียบลง กิจกรรมหน้าเสาธงสิ้นสุดลงกลุ่มของมัจฉายังเดินมาถึงลานเสาธง
สุปราณีย์เป็นครูประจำชั้นของมัจฉาและยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ความดุและเจ้าระเบียบของสุปราณีย์เป็นที่รู้จักกันดี
“ เจ๊เบียบมาโน้นแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันพระฉันไม่อยากฟังเทศ ” เสียงบ่นของอีตทำให้ทุกคนทำหน้าเซ็งเหมือนกับคนเบื่อโลก
“ พวกเธอทั้งหมดหยุดอยู่ตรงนั้น จัดแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ” มัจฉาและทุกคนเคลื่อนตัวจัดแถวตามคำสั่งของสุปราณีย์ด้วยความรวดเร็ว
“ ที่บ้านไม่มีนาฬิกาหรือว่ามีแล้วไม่สนใจถึงได้มาเรียนสายกันทุกวันแบบนี้ นี่ต้องให้ครูรอจนถึงน้ำท่วมหลังเต่าก่อนใช่ไหมพวกเธอถึงได้มาเรียนตรงเวลากันได้ ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วอย่ามัวเถลไถลอยู่อีกละ รีบเข้าโรงเรียน ”
“ รับทราบ ”
อาคารหนึ่งชั้นสองชั่วโมงเรียนวิชาชีววิทยาปลา นักศึกษาทุกคนกำลังศึกษาดูโครงกระดูกของปลาชนิดต่าง ๆ ภายในห้องเรียนมีโครงกระดูกปลาวางไว้โต๊ะจำนวนหลายสิบตัวอย่าง นักศึกษากำลังศึกดูรายละเอียดพร้อมทั้งซักถามรายละเอียดต่าง ๆ กับอาจารย์ผู้สอน มัจฉาเลือกเรียนสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและในตอนนี้เธอกำลังวาดรูปโครงกระดูกของปลาแต่ละโต๊ะด้วยความชำนาญ กลุ่มของมัจฉาไม่กินเส้นกับกลุ่มของน้ำหวานทำให้ทั้งสองกลุ่มมีเรื่องให้ต้องกระทบกระทั่งเกือบทุกครั้งที่เจอกัน
“ เกะกะมายืนอะไรตรงนี้ ” น้ำหวานพูดกระแทกมัจฉาที่กำลังวาดรูปแต่วันนี้มัจฉาไม่สนใจในคำพูดของน้ำหวานเพราะกำลังเพลินอยู่กับการวาดรูป
“ มีทางให้เดินตั้งเยอะทำไมไม่เดิน ทำไมมาเดินทางนี้ ”
“ ฉันพอใจที่จะเดินทางนี้ แกจะทำไม ”
“ ไอ้จอย แกอย่าเสียเวลาไปพูดกับสัตว์หน้าขน สัตว์ก็คือสัตว์ไม่มีวันเข้าใจภาษามนุษย์ได้หรอก ”
“ อีมัจแกว่าใคร ”
“ ไม่ได้ว่าใครพูดลอย ๆ ” น้ำหวานโกรธมากกำลังเปิดศึกมีเรื่องกับมัจฉา สุปราณีย์เดินเข้ามาพอดีทำให้ทั้งคู่เลิกแล้วต่อกันไปพักหนึ่ง
“ ใครมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง ยกมือถามครูได้นะคะ ”
“ มัจฉาค่ะอาจารย์ ” น้ำหวานตะโกนโพล่งออกมาพร้อมกับแลบลิ้นใส่มัจฉานั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่มีคำถามค่ะอาจารย์ ”
“ จ๊ะ ถ้าหากมัจมีคำถามหรือว่ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนถามครูได้ตลอด วันนี้พอแค่นี้ ”
โรงอาหารก่อสร้างด้วย มุงด้วยกระเบื้อง ทาสีอย่างง่าย ๆ ภายในเป็นพื้นที่โล่งกว้างมีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวนไม่มากนักแต่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมดในวิทยาลัย นักศึกษาชายหญิงทยอยเดินเข้ามาภายในโรงอาหาร บรรยากาศในโรงอาหารในช่วงกลางวันมีแต่เสียงพูดคุย นักศึกษาบางกลุ่มจับกลุ่มกันนั่งกินข้าว บางกลุ่มยืนเข้าแถวรออาหารจากแม่ค้า
มัจฉาพร้อมกับเพื่อน ๆ เข้ามาภายในโรงอาหารเดินไปวางสัมภาระโต๊ะประจำตรงประตูทางหลังเข้าโรงอาหาร วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจฉา
“ สุขสันต์วันเกิด พวกเราขออวยพรให้แกมีความสุขมาก ๆ คิดอะไรสมปรารถนาทุกเรื่องและขอให้แกเก็บความลับไม่ให้อาจารย์สุปราณีย์รู้ความจริงได้จนกระทั่งแกเรียนจบ ” มัจฉายิ้มเพื่อนทุกคนโผเข้ากอด
“ ขอบใจพวกแกมาก ” ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานวันเกิด เค้กถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แจกให้กับทุกคนจนครบ บนโต๊ะมีเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยววางอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก ทุกคนกำลังสนุก ความสนุกกำลังเลือนหายไปเมื่อกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้ามา ทุกคนมองหน้ากันรับรู้ถึงการมาของน้ำหวาน
“ เมื่อตะกี้ฉันได้ยินว่า วันนี้เป็นวันตายของใคร อุ้ย ! ไม่ใช้สิ วันเกิดของใคร ”
“ วันตายของแก อีน้ำเน่า อิทังเมญตินัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย จงเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรต่อกันเลย ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแกพวกสัมเภวี เปรตทั้งหลายด้วยเทอญ ” มัจฉาสาดน้ำใส่หน้าน้ำหวานจนหมดแก้ว น้ำหวานร้องกรี๊ดออกมาอย่างไม่พอใจ
“ อีมัจ ! ฉันยังไม่ตายและไม่ต้องการเศษบุญจากแก ”
“ มัจ ! ใจเย็น อย่ามีเรื่องกันเลย ” กุ้งทิพย์เขย่าแขนมัจฉาเบา ๆ มัจฉาเงียบ
“ อีลูกกำพร้า อีลูกกรรมกรน้ำหน้าอย่างแกเป็นได้แค่เด็กล้างจานในร้านหมูกะทะ ขาดพ่อไร้แม่ชาตินี้คงเป็นได้แค่นี้ ” มัจฉาชกหน้าของน้ำหวานอย่างแรงจนเลือดกลบปาก น้ำหวานเอามือแตะตรงมุมปาก มัจฉายิ้มตรงมุมปาก
“ หงส์ปีกหักอย่างแกต้องโดนแบบนี้ถึงจะได้หุบปาก อีน้ำเน่า ! แกหยุดเห่าสักทีได้ไหม ฉันรำคาญเสียงของแกมาก ” มัจฉาตบหน้าน้ำหวานพร้อมทั้งเอาขนมปังยัดใส่ปากพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำน้ำอัดลมราดใส่หัว น้ำหวานกรี๊ดออกมาด้วยความโกรธ
ในขณะที่จอยลดา กุ้งทิพย์ เดซี่ และเอกชัยช่วยมัจฉาจัดการพวกของน้ำหวาน อาหาร เครื่องดื่มที่วางไว้บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธทำร้ายฝ่ายตรงข้ามต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มาริษาเดินผ่านเข้ามาเหตุการณ์พอดีรีบเดินไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง
“ อาเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
มัจฉากับน้ำหวานมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันที่โรงอาหาร ” สุปราณีย์พร้อมกับมาริษารีบเดินไปโรงอาหารในทันที ในขณะที่กลุ่มของมัจฉาและกลุ่มของน้ำหวานกำลังมีเรื่องทะเลาะกันโดยไม่ได้สังเกตว่าสุปราณีย์กับมาริษายืนมองอยู่
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นมีใครอธิบายให้ครูฟังได้บ้าง ทุกคนไปพบครูที่ห้องปกครอง ” หลังจากเหตุการณ์สงบลงทุกคนไปหาสุปราณีย์ที่ห้องปกครอง บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ สุปราณีย์ยืนกอดอกมองลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“ พอจะมีใครตอบครูได้ไหมว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเธอถึงได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ” ทุกคนเงียบไม่มีใครตอบคำถามของสุปราณีย์แม้แต่คนเดียว ความเงียบของทุกคนยิ่งทำให้สุปราณีย์โกรธ
“ มัจฉา ! ตอบครูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
“ อย่างที่ครูเห็นละคะ ”
“ โรงอาหารกลายเป็นสนามรบ วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานศึกษาไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอจะมายกพวกตีกันแบบนี้ พึงระลึกไว้ว่าตัวเองเป็นนักศึกษาไม่ใช่นักเลง ไอ้กุ้ยข้างถนนที่ใช้กำลังแก้ปัญหา วันพรุ่งนี้ครูขอพบผู้ปกครองของพวกเธอทุกคน ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ” น้ำหวานเอ่ยถามสุปราณีย์เพื่อความแน่ใจ
“ หมายความอย่างที่พูดนั้นแหละ วันพรุ่งนี้ครูเชิญผู้ปกครองพวกเธอทุกคนมารับทรายความประพฤติและครูขอสั่งห้ามเด็ดขาด ห้ามไปจ้างใครมาเป็นผู้ปกครองของเธอเด็ดขาด ” สุปราณีย์ยื่นจดหมายซองสีขาวให้กับทุกคน มัจฉาถอนหายใจกังวลใจกลัวสุปราณีย์โทรไปบอกเพ็ญจันทร์
“ ไอ้มัจ ! แกซวยแล้ว ความลับของแก นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เรื่องในวันนี้ถ้าหากป้าของแกรู้เข้ารับรองงานนี้แกตายเป็นผีโดยไม่เผากลายเป็นผีไม่มีหลุมแน่นอน ”
“ ฉันจะให้คุณนายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดถ้าไม่อย่างนั้นฉันกลับไปโดนไม้เรียวแน่ ” มัจฉาถึงหวั่นใจกังวลอยู่เหมือนกันกลัวเพ็ญจันทร์จะรู้เรื่อง มาริษาเดินมาหามัจฉาพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผล
“ เป็นไงบ้างไอ้น้องรัก มีเรื่องไม่เว้นวันเลยนะ พี่ซื้อยามาให้ นั่งลงก่อนสิพี่ทำแผลให้ ”
“ แผลเล็กนิดเดียวเองไม่เห็นต้องซื้อยามาให้มัจเลยเปลืองเงินเปล่า ๆ ”
“ มัจจะจัดการปัญหาในวันนี้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแบบนี้ป้าเพ็ญชอบยังจะทำอีกแล้ววันพรุ่งนี้มัจจะเอาใครมาเป็นผู้ปกครอง ”
“ มัจคงให้เข้มกับไอ้เบิ้มปลอมตัวเป็นผู้ปกครอง ครูสุจะได้ไม่สงสัยเพราะวันรายงานตัวมัจให้สองคนนั้นเป็นผู้ปกครองของมัจ ”
“ เจอกันที่บ้าน วันนี้พี่มีนัดกับพุด ”
“ มัจฝากจดหมายเชิญผู้ปกครองทิ้งลงถังขยะด้วยแล้วกัน วันนี้มีนัดอาจจะกลับค่ำหน่อย เจอกันที่บ้านนะคะพี่ษา ”
ชลธียืนรอก้องภพอยู่หน้าห้องเรียนวิทยาศาสตร์ ก้องภพเป็นแฟนของชลธีทั้งคู่คบกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ชลธีรักผู้ชายคนนี้มากทั้ง ๆ ก้องภพนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ มัจฉาเคยเตือนให้ชลธีแต่เขาไม่เชื่ออยากที่มัจฉาบอก เพื่อน ๆ ของชลธีทุกคนไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วชลธีเป็นเกย์มีรสนิยมรักเพศเดียวกันมีเพียงมัจฉาคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“ เลิกเรียนแล้ววันนี้เราไปดูกันไหม ”
“ วันนี้ฉันมีนัดกับมัจฉา ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ”
“ อีนางทอม อีนางมารขัดความสุข ” ก้องภพบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ เธอพูดว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยินไม้ถนัด ”
“ ฉันบอกว่า ตามสบายเลย เราค่อยไปวันหลังกันก็ได้ ”
“ ขอบใจมากนะก้อง ฉันขอตัวก่อน ” ก้องภพเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมัจฉาทั้งสองคนไม่ถูกกันเอาเสียเลยต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งเป็นมิตรที่ดีต่อกันแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนกับหมา
เจ๊นุชลำซิ่งร้านอาหารอีสานประจำหมู่บ้านตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน เข้ม เบิ้ม และ ชลธีนั่งรอมัจฉาอยู่ภายในร้านทั้งสามคนมาฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา เจ๊นุชเองก็เช่นกันถึงกับปิดร้านปิดร้านจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้กับมัจฉา งานวันเกิดเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนรอมัจฉาอยู่ภายในร้าน มัจฉาปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนเดินเข้าไปในร้านเพื่อความสบายใจของทุกคน
“ ฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้าพอดีมีปัญหานิดหน่อย ”
“ ไอ้มัจ !แกไปมีเรื่องกับใครมา ดูสิหน้าพังหมดเลย แขนด้วย ใครทำอะไรแก ” ชลธีถามด้วยความห่วง
“ วันนี้ฉันมีเรื่องกับพวกไอ้น้ำหวานเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้ฉันมาช้า อาจารย์สุปราณีย์เรียกไปอบรมเสียตั้งนาน ”
“ ระวังตัวให้ดีแล้วกันเดี๋ยวเรื่องจะไปถึงหูคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ๊เตือนด้วยความหวังดี ”
“ วัยรุ่นเซ็ง ”
“ พักเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน เรามาสนุกกันดีกว่า ” เข้มถือเค้กวันเกิดมาให้มัจฉา เบิ้มปักเทียนลงบนเค้ก เปลวไฟจากแสงเทียนค่อย ๆ สว่าง ทุกคนร้องพร้อมใจร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้กับมัจฉา เสียงเพลงดังขึ้น เครื่องดื่มแอลกออล์มีให้เลือกได้ทดลองชิมหลายอย่าง อาหารคาวหวานมีพร้อม มัจฉายิ้มด้วยความสุขใจแต่อดนึกถึงเพ็ญจันทร์กับพุทธชาดว่าทำไมวันนี้ยังไม่ได้รับคำอวยพรจากบุคคลทั้งสอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้มัจฉาหยุดคิดถึงเพ็ญจันทร์และพุทธชาดไปชั่วขณะ
มาริษามาหาพุทธชาดที่บ้าน พุทธชาดนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเทอมสุดท้ายของการแพทย์ ส่วนมาริษากำลังนั่งตรวจการบ้านของนักเรียน ในขณะที่มาริษาไม่ทันระวังทำให้จดหมายเชิญผู้ปกครองหล่นลงพื้นกระเด็นไปที่เท้าของเพ็ญจันทร์พอดี มาริษาไม่ทันสังเกตว่าจดหมายหล่นลงพื้นไปแล้ว เพ็ญจันทร์ก้มลงหยิบนึกสงสัยว่าเป็นจดหมายอะไรลองเปิดอ่านดู เมื่ออ่านรายเนื้อความในจดหมายทำให้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เพ็ญจันทร์ตัวเป็นปกติ
. “ สวัสดีค่ะป้า ”
“ หวัดดีจ๊ะ ทำอะไรกันอยู่เอกสารเต็มโต๊ะเลย ”
“ ตรวจการบ้านค่ะป้า ”
“ อาชีพครูก็แบบนี้แหละลูก กลางวันเป็นครู กลางคืนนั่งตรวจการบ้าน ไม่ค่อยมีเวลาว่างเหมือนกับคนอื่น ๆ
หรอก ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้านกับโรงเรียนแทบ มัจกลับบ้านมาแล้วหรือยังตั้งแต่ป้าเดินเข้ามายังไม่เห็นเลย ”
“ ค่ำ ๆ คงกลับคะ น้องมีนัดไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ร้านเจ๊นุชหน้าปากซอย ”
“ ป้าลืมไปเลยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของมัจมัวแต่ทำงาน เค้กสักก้อนยังไม่มีให้ ป้านี่แย่จริง ๆ วันเกิดหลานยังจำไม่ได้ มัจกลับมาให้ไปหาที่ห้องทำงานด้วยนะ ป้าขอตัวไปเคลียร์งานก่อนแล้วกัน ” เพ็ญจันทร์เดินเข้าไปลูบหัวพุทธชาดเบา ๆ
“ สู้ ๆ นะลูก ป้าเป็นกำลังใจให้เหลืออีกเทอมเดียวแล้ว ”
เพ็ญจันทร์นั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องทำงานเหลือบไปมองนาฬิกาเป็นระยะ จดหมายเชิญผู้ปกครองของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์เครียดกลัวมัจฉาจะโดนพักการเรียนถึงภายนอกจะดูแข็งกร้าวแสดงความรู้สึกไม่เก่งแต่หัวใจทั้งดวงนี้ทั้งรักและเป็นห่วงหลานคนนี้มาก เพ็ญจันทน์ถอนหายใจ
“ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก ” เพ็ญจันทร์นั่งทำงานคั่นเวลารอมัจฉากลับมา พุทธชาดเดินไปส่งมาริษาที่บ้าน บ้านของมาริษากับบ้านของพุทธชาดอยู่ตรงกันข้าวห่างกันแค่ถนนกั้นเดินไม่ถึงสิบก้าว มัจฉากลับมาพอดี พุทธชาดบอกให้มัจฉาไปหาที่ห้องทำงาน เสียงเปิดประตูทำให้เพ็ญจันทร์เงยหน้าขึ้นปิดแฟ้มเอกสารพร้อมกับถอนหายใจ
“ ไปไหนมาทำไมเพิ่งกลับบ้าน ”
“ วันนี้คุณนายเป็นอะไร ทำไมดุจัง มัจไปร้านเจ๊นุชมาเลยกลับบ้านมาช้า ”
“ มีอะไรแก้ตัวไหม ” เพ็ญจันทร์วางกระดาษสีขาวลงบนโต๊ะ มัจฉาเงียบไม่เถียงเพ็ญจันทร์เหมือนทุกครั้ง เพ็ญจันทร์ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มัจฉา กลิ่นกายของมัจฉาอบอวลไปฤทธิ์ของแอลกอฮล์ยิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ยิ่งโกรธเข้าไปอีกจากที่แค่คิดว่าจะปล่อยปัญหาครั้งนี้ผ่านไปอย่างง่าย ๆ ความคิดของเพ็ญจันทร์เปลี่ยนไปในทันที
“ กลิ่นเหล้ามาจากไหน ” เพ็ญจันทร์เดินสำรวจรอบ ๆ ตัวของมัจฉา สายตาที่มองมาเหมือนดังเช่นเหยี่ยวที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
“ หมายความว่าที่กลับบ้านช้าเพราะแอบไปกินเหล้ากับเพื่อนมาใช่ไหม ”
“ เรื่องวันนี้มัจอธิบายไม่ใช่อย่างที่คุณนายคิด มัจไม่ได้กินเหล้า ”
“ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง หลักฐานชัดเจนยังกล้าปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง ไม่ต้องมาแก้ตัวให้ตัวเองพ้นผิด ” เพ็ญจันทร์ขว้างซองจดหมายเชิญผู้ปกครองใส่หน้าของมัจฉาเต็มแรงด้วยความโมโห
“ นี่มันอะไรกันไปเรียนหนังสือแต่กลับไปยกพวกตีกัน ทำตัวเหมือนกุ้ยข้างถนน นักเลงนอกคอก ไม่อายบ้างหรือไงทำตัวแบบนี้ ”
“ มัจไม่อายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็แค่เด็กทะเลาะกัน ทำไมคุณนายต้องคิดมากด้วย ”
“ แกไม่อายแต่ป้าอายที่มีหลานทำตัวเลว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเกเรสักที ”
“ คุณนายอายที่มีหลานอย่างมัจแล้วคุณนายเลี้ยงเด็กคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อคุณนายไม่เคยเข้าใจและรับฟังหลานคนนี้เลย ในหัวใจของคุณนายมีแต่พี่พุด คุณนายไม่เคยรักมัจเลย ”
“ เด็กเกเรอย่างนี้ ป้ารักไม่ลง ดูอย่างพุทธชาดสิตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสร้างปัญหาให้ป้าต้องต้องกลุ้มใจ เชื่อฟังฉันทุกอย่างตั้งแต่มัจเกิดมามีบ้างสักครั้งไหมที่ทำให้ป้าภูมิใจสักเรื่องบ้างมั้ย ลองคิดทบทวนดูแล้วกัน ”
“ พี่พุดดีทุกอย่าง มัจทำอะไรไม่เคยดีในสายตาของคุณนายเลย คุณนายลำเอียงรักหลานไม่เท่ากัน คนอะไรใจดำที่สุด มีหลานสองคนแต่เลี้ยงหลานไม่เหมือนกัน คนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับเจ้าหญิงส่วนอีกคนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างกับขอทาน ในเมื่อคุณนายไม่เคยรักเด็กคนนี้เลยจะฝืนทนเลี้ยงมาทำไมตั้งแต่เล็กจนโต คนใจร้าย เผด็จการลำเอียงที่สุด ”
เพ็ญจันทร์โมโหโกรธมัจฉามากหยิบไม้เรียวฟาดลงบนตัวมัจฉาเต็มแรง มัจฉายืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้เพ็ญจันทร์ใช้ไม้เรียวฟาดตัวเองจนกว่าจะพอใจ รอยบาดแผลตรงแขนของมัจฉาทำให้เพ็ญจันทร์ได้สติหยุดตีมัจฉา เพ็ญจันทน์พยามข่มความรู้สึกผิดของตัวเองเดินออกจากห้องไปไม่ให้มัจฉาเห็นร่องรอยน้ำตาของตนแอง มัจฉาขับรถออกจากบ้านไปหาเข้มกับเบิ้มที่บ้าน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังช่วยกันเตรียมอาหารค่ำ
“ ไอ้มัจ ! วันนี้มาเสียดึกเลยนะทะเลาะกับป้าเพ็ญมาอีกแล้วใช่ไหม ” มัจฉาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ พรุ่งนี้แกให้ใครไปเป็นผู้ปกครอง ”
“ คุณนายเพ็ญจันทร์ ”
“ ห๊ะ ! ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม แกเตรียมตัวขุดหลุมฝังตัวเองเตรียมตัวลงนรกได้เลย ” มัจฉา เข้มและเบิ้มหัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะของเพื่อนชายทั้งสองทำให้มัจฉาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
หน้าห้องปกครอง ผู้ปกครองต่างทยอยเดินเข้ามาในห้อง มัจฉาและเพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันที่หน้าห้อง ส่วนกลุ่มของน้ำหวานเดินเข้าไปในห้องปกครองก่อนหน้านี้ สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองอยู่ในห้อง
“ มัจ ! พี่ขอโทษที่ทำให้มัจต้องโดนดุเพราะความซุ่มซ่ามของพี่ทำให้มัจต้องเดือดร้อน ”
“ พี่ษามาขอโทษมัจทำไมในเมื่อพี่ได้ทำอะไรผิด คิดเสียว่าเรื่องเมื่อวานเป็นวันแย่ ๆ ของมัจแล้วกันนะ พี่รีบเดินเข้าห้องไปก่อนที่ใครจะมาเห็น มัจไม่อยากโดนมองเป็นเด็กเส้น ”
“ พี่ขอโทษ ” มัจฉากอดมาริษาเป็นการปลอบใจเพื่อให้มาริษารู้สึกดีขึ้น กลุ่มของมัจฉาชวนกันเดินเข้าไปในห้องปกครอง ผู้ปกครองของแต่ละทยอยเดินเข้ามาจนครบเหลือเพียงเพ็ญจันทร์ที่ยังไม่มา สุปราณีย์กล่าวต้อนรับผู้ปกครองด้วยความยินดีพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ทุกคนฟัง มัจฉามมองไปรอบ ๆ เพ็ญจันทร์ยังไม่มา ในขณะนี้ผู้ปกครองของทุกคนมากันครบทุกคนขาดเพียงเพ็ญจันทร์คนเดียวที่ยังไม่มา มัจฉาถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเตรียมคำตอบไว้ให้สุปราณีย์
หลังจากเสร็จจากการประชุมผู้ปกครองแต่ละคนต่างทยอยกันออกไป ทันใดนั้นเองผู้ปกครองคนสุดท้ายก็เดินเข้ามา หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน การแต่งการของเธอบ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“ คุณนาย ” มัจฉาอุทานด้วยความตกใจ
“ ใครวะ ”
“ ป้าฉันเอง นี่แหละคุณนายเพ็ญจันทร์ เจ้านายที่กำหนดชีวิตของฉันมาตั้งแต่เกิด วันนี้ป้าสุคงรู้ความจริงว่าฉันเป็นใคร ” มัจฉาเดินเข้าไปเพ็ญจันทร์ รอยแผลบนแขนของมัจฉายังชัดเจนทำให้เพ็ญจันทร์รู้สึกผิด ความโกรธเมื่อคืนได้จางหายไป
“ วันนี้มีประชุมมัจเข้าใจว่าคุณนายไม่มา ”
“ ครูอยู่ในห้อง ครูประจำชั้นของมัจคุณนายรู้จักดี ” เพ็ญจันทร์นึกสงสัยในคำพูดของมัจฉารีบเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่สุปราณีย์กำลังนั่งตรวจเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“ สวัสดีค่ะอาจารย์ดิฉันเป็นผู้ปกครองของมัจฉาต้องขอโทษด้วยค่ะที่มาช้าพอดีช่วงเช้าดิฉันติดประชุมค่ะ ”
“ เพ็ญ ”
“ สุ ! ”
“ ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี้หมายความว่าเธอเป็นครูประจำชั้นของมัจฉา ดีเหมือนกันฉันได้ถามเธอเรื่องความประพฤติ ฉันแหละกลุ้มใจจริง ๆ กับหลานคนนี้ ” เพ็ญจันทร์ถอนหายใจ
“ เรื่องธรรมดาของเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะมัจฉา เธอเลี้ยงมัจฉามาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้ละ หลานของเธอคนนี้แสบสะท้านทรวงขนาดไหน ”
“ มันก็จริงอย่างที่เธอว่า ”
“ มัจบอกกับฉันว่าเป็นญาติห่าง ๆ กับเธอ ”
“ ห่างแค่ไหน ตลกจริง ๆ เด็กคนนี้ ทำไมเธอไม่โทรมาถามฉันละ ฉันฝากดูยัยมัจด้วยละฝากเธอช่วยเตือนอบรมด้วย ลำพังฉันคนเดียวปรามยัยมัจไม่ไหว ”
“ ได้จ๊ะ ” น้ำหวานรู้ความจริงทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าด้วยความตกใจไม่คาดคิดว่าคนที่เธอดูถูกมาตลอดกลับมีฐานะที่ดีกว่าตัวเองเสียอีก
“ ไอ้มัจไม่ได้จนอย่างที่ฉันคิด ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลย ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม ”
“ สักทีไหมไอ้น้ำหวาน แกจะได้ตื่นจากความฝัน ” มัจฉาง้างมือจะตบน้ำหวานแต่เพ็ญจันทร์กับสุปราณีย์เดินออกมาพอทีทำให้ทุกคนต้องอยู่ในความสงบ
“ มัจ ! กลับบ้านไปเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวได้เลยนะ ”
“ ยังมีเรื่องอะไรอีก เมื่อคืนเราคุยกันจบแล้วไม่ใช่หรอ คุณนายยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับมัจอีก มัจไม่มีอะไรคุยกับคุณนาย ”
“ ห้าโมงเย็นเจอกันที่ห้องทำงานของป้า ตกลงตามนี้ ” มัจฉาพยักหน้าเป็นการตอบรับ ทุกคนอึ้งในความเด็ดขาดของเพ็ญจันทร์ทำให้เข้าใจมัจฉาความรู้สึกของมัจฉามากขึ้น
“ ไอ้เด็กคนนี้ต้มป้าเสียเปื่อยเลยนะ ”
“ มัจต้องขอโทษป้าสุ มัจไม่อยากให้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเดี๋ยวจะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น ”
“ ป้าเข้าใจ ”
“ ถ้างั้นหลังจากวันนี้เกิดอะไรขึ้นมัจให้ป้าสุเป็นผู้ปกครองของมัจแล้วกัน ไม่ต้องบอกให้คุณนายรู้ ”
สุปราณีย์ยิ้มลูบหัวมัจฉาเบา ๆ เดินกลับเข้าไปในห้อง มัจฉาไม่อยากกลับบ้านเลยแวะไปหาชลธีที่บ้าน เพ็ญจันทร์ใจอ่อนยอมให้มัจฉาเรียนประมงเตรียมสมุดบัญชีและบัตรกดเงินไว้ให้ รูปถ่ายของมัจฉาในวัยเด็กทำให้เพ็ญจันทร์นึกถึงเรื่องราวในอดีต
ทักษิณา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2565, 21:17:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2565, 21:17:56 น.