หนามร้ายในใจรัก (Yuri)
Tags: นิยายยูริ, รัก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: จะมาทำไม
บนเตียงนอนในห้องสี่เหลี่ยมชั้นสี่ของโรงแรมใกล้กับโรงพยาบาล มีหญิงสาวกำลังนอนตัวยาวจ้องมองมือถืออย่างจริงจัง สิ่งที่สายสืบส่งมาให้เป็นประโยชน์กับตัวของเธออย่างมากในวันพรุ่งนี้
"พักเที่ยงแค่ชั่วโมงเดียว" สถานที่ที่ถูกเป็นโซนตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษา ตรงนั้นมันไกลจากโรงแรมที่เธอพักอยู่
"ยังไงก็เถอะ" ไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตยังไง เธอก็ไม่สนใจ ถึงจะโดนจับได้เหมือนครั้งก่อนก็ไม่สน
ในคราวนั้น เรื่องที่เธอแอบซื้อตึกของสกาวใจเพื่อช่วยเรื่องหนี้สินถูกจับได้เพราะผู้ช่วยของเธอออกรายการไปพร้อมกัน ในตอนนั้นสกาวใจได้ดูเข้าพอดี สิ่งที่เกิดขึ้นใช่ว่าสกาวใจจะพูดออกมาเพราะยังไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่คลายความสงสัยได้กลับเป็นผู้หญิงโหดนิสัยเสียคนนั้นนี่สิ แทนที่จะปิดเป็นความลับกลับปล่อยข่าวจนไปเข้าหู แผนที่วางไว้จึงพังทลายไม่มีชิ้นดี
"ช่างเถอะ ถึงจะรู้ก็ไม่เป็นไร เพราะพรุ่งนี้จะได้เจอตัวเป็น ๆ" นัทนันท์ส่ายหน้าเบา ๆ กับเรื่องในอดีตและยกยิ้มกับสิ่งที่จะตามมา
แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ การที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าสกาวใจนั้นมันยากยิ่งกว่าเดินเข้าไปหาตรงๆ เสียอีก
"บ้าชะมัด เมื่อไหร่จะพักสักที" เธอมองชาวบ้านจำนวนมากมายกำลังเดินเข้าไปนั่งตามคิวที่ถูกจัดไว้ และที่โซนให้คำปรึกษานั้นเป็นที่อยู่ของสกาวใจ
แม้จะร้อนใจแต่ก็รู้สึกดีที่ได้เห็นใบหน้ามีความสุข นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น นัทนันท์ไม่รู้ว่าตัวเองจ้องมองนานขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ คนที่อยู่ด้านในเริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาด
"นี่ แตง"
"คะ...มีอะไรหรือเปล่าพี่" สกาวใจเอียงคอน้อยๆ อย่างงุนงงกับท่าทางของรุ่นพี่
"คนคนนั้นจ้องมาทางพวกเรานานแล้วนะ รู้สึกน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก" จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่อใส่แว่นตาสีดำสวมหมวกและเสื้อคลุมยืนหันหน้ามองเข้ามายิ่งเห็นก็ยิ่งแปลกใจ
สกาวใจมองตามจึงเห็นผู้หญิงแต่งตัวน่าสงสัยอย่างที่รุ่นพี่ของเธอบอก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็จำได้ว่าเป็นใครและยังต้องเก็บอาการไม่ให้ใครรู้ว่าเธอกำลังตกใจมากขนาดไหน ความตกใจยังไม่เท่ากับความสงสัยว่าเหตุใดนัทนันท์ถึงมายืนอยู่ที่นี่
"ทำงานก่อน อย่าเพิ่งชวนกันคุยสิ" รุ่นพี่อีกคนเอ็ด ทำให้พวกเธอต้องหันกลับไปตั้งใจทำงานอีกครั้ง
แม้ตัวจะทำงานแต่ใจกลับไม่มีสมาธิเสียเลย มีแต่คำถามมากมายที่ผุดขึ้นมา ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือการพบหน้าแบบตัวต่อตัว ถ้าเกิดแบบนั้นขึ้นจริงๆ ควรจะทำเช่นไร
ทางด้านนัทนันท์เมื่อสังเกตเห็นว่าถูกจับได้เพราะสีหน้าของสกาวใจ เธอจึงหาจุดที่สามารถรอและหลบสายตาผู้คนได้
"รอตรงนี้แล้วกัน" ตัดสินใจนั่งใต้ต้นไม้เพื่อรอจังหวะแต่เหมือนจะไม่มี
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาพัก สกาวใจรีบเดินตามเพื่อนๆ และรุ่นพี่ไปร้านอาหาร หันซ้ายหันขวาไม่เจอนัทนันท์ ถึงกลับโล่งใจแต่ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือควรกังวลใจดีที่เจอกันที่นี่
"ช่างเถอะ คงอาจจะไม่ใช่ก็ได้" ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องใช่แน่ๆ แต่ในเมื่อไม่เห็นอีกก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ
เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริงและความบังเอิญที่คิดกำลังยืนอยู่ข้างหน้าของเธอ หลังจากจบงานในวันนี้แล้ว
"แตง"
"นัด"
อยากจะยิ้มดีใจแต่ทว่ากลับยิ้มไม่ออก
"เอ่อ มาทำอะไรที่นี่เหรอ" สกาวใจถามและหันไปมองเพื่อนๆ กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับ
"อืม มาหาแตงนั่นแหละ"
"มาหาทำไม" สิ่งที่แปลกใจคือการที่นัทนันท์มาเพียงคนเดียว
"กลับด้วยกันไหม" นัทนันท์ไม่ตอบแต่ชวนขึ้นรถทันที
สิ่งที่สกาวใจได้ยินไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน เธอหันไปมองเพื่อนๆ ที่ทำงานแล้วหันกลับมาตอบ
"ไปไม่ได้หรอก จะกลับกับพวกเขาน่ะ" ทำไมเธอต้องไปด้วย ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอีกจะทำยังไง
"ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ไม่มีใครสังเกตหรือติดตามหรอก" นัทนันท์เดินเข้ามาใกล้และบอกเบาๆ ที่นี่ห่างไกลจากผู้คนจำนวนมาก ไม่แน่ว่าการที่เธอยืนอยู่ตรงนี้อาจจะไม่มีใครจดจำหรือรู้จักก็ได้
"แต่ว่า..." ไม่ใช่ว่าจะกลัวคนรู้จักหรือโดนแอบถ่าย การเจอกันแบบนี้มันทำให้รู้สึกแปลกๆ จะให้สนิทใจเหมือนแต่ก่อนได้ยังไง
"น่า...แค่เพื่อนชวนนั่งรถไปด้วยกันแค่นั้นเอง เพิ่งมาถึงที่นี่ อยากรู้ว่าที่นี่มีร้านอร่อยๆ ที่ไหนบ้าง บอกหน่อยสิ" นัทนันท์ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดและยิ้มจนคนตรงหน้าเริ่มใจอ่อน
"ก็...ก็ได้ ถ้าแบบนั้นรอก่อนนะ ขอไปช่วยพวกเขาเก็บของก่อน"
"ได้เลย ไม่ต้องรีบนะ"
นัทนันท์น์ยืนมองคนตัวเตี้ยกว่าเดินกลับเข้าไปหาเพื่อน เธอได้แต่ยืนรอและมองตรงที่เดิม จะให้รอนานขนาดไหนก็รอได้
ส่วนสกาวใจได้แต่คิดหาวิธีหลบเลี่ยง จะทำยังไงให้เนียนไปกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดี และจังหวะนั้นก็มาถึง
เธอยิ้มกับการก้าวขาขึ้นรถแต่ทว่ากลับมีมือดึงแขนของเธอให้ลงมาอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม
"เฮ้ย!" ตกใจกับการถูกฉุดรั้งจนต้องหันไปมองคนที่บังอาจทำแบบนี้กับเธอ
"นะ...นัด"
"ใช่ นัดเอง แล้วจะไปไหน ไม่พานัดไปกินข้าวเหรอ" ดีนะที่คอยมอง ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เจอกันแบบนี้อีก
"มีอะไรกันหรือเปล่า" รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาเห็นเข้า จึงทักทันทีที่เห็นอีกฝ่ายจับแขนของสกาวใจ
"ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเป็นเพื่อนของแตง แล้วพวกเราคงไม่ได้เจอกันนานไปหน่อย" นัทนันท์มองหน้าแตงนิ่งๆ ถึงจะหงุดหงิดแต่คงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
"เพื่อนแตงจริงใช่ไหม" เธอหันไปถามสกาวใจเพราะท่าทางเหมือนกับมีอะไรบางอย่าง
"คือ...ใช่ค่ะ เพื่อนแตงเอง"
"แล้วจะไปไหนกัน"
"คือ วันนี้แตงกลับกับเพื่อนได้ไหมคะ"
"ได้สิ พรุ่งนี้เวลาเดิมนะ ไปเถอะ ทางนี้พี่จัดการต่อเอง" เธอหมายถึงของที่ต้องเก็บขึ้นรถกับบอกหัวหน้าว่าสกาวใจติดธุระขอกลับก่อนและไม่ทานอาหารด้วยกัน
"ขอบคุณค่ะ" สกาวใจยิ้มให้รุ่นพี่อีกครั้ง แล้วเดินตามนัทนันท์ขึ้นรถ
บรรยากาศภายในรถมันน่าอึดอัดมาก เพราะไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็นพูดก่อน ทั้งสองจึงอยู่ในความเงียบ
"สรุปแล้วจะไปกินอะไรกันดี" นัทนันท์เปิดประเด็น
"อยากกินอะไรล่ะ"
"อะไรอร่อยก็กินได้หมด แตงอยากกินอะไร"
"อะไรก็ได้"
"งั้นแนะนำหน่อยสิ" นัทนันท์หันไปยิ้มแล้วกลับมามองทางอีกครั้ง
สกาวใจไม่ได้ตอบเพราะเธอกำลังคิดย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เรื่องห้องของเธอที่ถูกนัทนันท์เช่าไป
"ทำไมถึงไปบอกพี่เขาว่าเป็นแฟนกัน"
"พี่ไหนอีก" นัทนันท์งง
"จะพี่ไหนล่ะ ตามมาเจอห้องของแตงได้ยังไง" ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ ทำไมถึงชอบทำตัวให้คนอื่นต้องสับสน
"อ๋อ คนนั้นเอง ก็เห็นสนิทกันจนฝากขายห้องได้ นัดเลยบอกไปแบบนั้น" ใจจริงก็แค่หวง
"ตลกน่า นัดอย่าทำให้ตัวเองต้องเป็นข่าวสิ แตงเบื่อที่จะต้องมารับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกนะ ไหนจะครอบครัวของนัด ไหนจะสามีของนัด แล้วก็อื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย พอซะทีเถอะ เราสองคนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่หรือไง" ปัญหาหลังจากนี้มันมีมาก สถานะของพวกเราไม่ได้กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว ทำไมต้องมาเจอกันอีกทั้งๆ ที่พวกเราตัดสินใจเดินกันคนละเส้นทาง
"ก็ใช่ แต่ห้องนั้น นัดไม่ให้ขาย ถ้าขายนัดจะซื้อเอง"
สกาวใจหันไปมองหน้านัทนันท์ทันที ทำไมถึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนคนอื่น
"ไม่ต้องมองแบบนั้นก็ได้ เห็นแล้วปวดใจนะ ห้องนั้นแตงตั้งใจซื้อเพื่อนัดไม่ใช่หรือไง แล้วอีกอย่าง มีหลายเรื่องที่แตงยังไม่รู้" นัทนันท์ยิ้ม คงต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ตอนนี้ท้องเริ่มประท้วงความหิว
"ร้านนี้แล้วกัน" เธอหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าร้านอาหารข้างทาง ตอนนี้ไม่สนว่าสกาวใจจะต่อว่าอะไรอีก ขอแค่มีเวลาอยู่ด้วยกันและได้มีโอกาสอธิบายทุกอย่างที่ตัวเธอทำลงไป ขอแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
"พักเที่ยงแค่ชั่วโมงเดียว" สถานที่ที่ถูกเป็นโซนตรวจสุขภาพและให้คำปรึกษา ตรงนั้นมันไกลจากโรงแรมที่เธอพักอยู่
"ยังไงก็เถอะ" ไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตยังไง เธอก็ไม่สนใจ ถึงจะโดนจับได้เหมือนครั้งก่อนก็ไม่สน
ในคราวนั้น เรื่องที่เธอแอบซื้อตึกของสกาวใจเพื่อช่วยเรื่องหนี้สินถูกจับได้เพราะผู้ช่วยของเธอออกรายการไปพร้อมกัน ในตอนนั้นสกาวใจได้ดูเข้าพอดี สิ่งที่เกิดขึ้นใช่ว่าสกาวใจจะพูดออกมาเพราะยังไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่คลายความสงสัยได้กลับเป็นผู้หญิงโหดนิสัยเสียคนนั้นนี่สิ แทนที่จะปิดเป็นความลับกลับปล่อยข่าวจนไปเข้าหู แผนที่วางไว้จึงพังทลายไม่มีชิ้นดี
"ช่างเถอะ ถึงจะรู้ก็ไม่เป็นไร เพราะพรุ่งนี้จะได้เจอตัวเป็น ๆ" นัทนันท์ส่ายหน้าเบา ๆ กับเรื่องในอดีตและยกยิ้มกับสิ่งที่จะตามมา
แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ การที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าสกาวใจนั้นมันยากยิ่งกว่าเดินเข้าไปหาตรงๆ เสียอีก
"บ้าชะมัด เมื่อไหร่จะพักสักที" เธอมองชาวบ้านจำนวนมากมายกำลังเดินเข้าไปนั่งตามคิวที่ถูกจัดไว้ และที่โซนให้คำปรึกษานั้นเป็นที่อยู่ของสกาวใจ
แม้จะร้อนใจแต่ก็รู้สึกดีที่ได้เห็นใบหน้ามีความสุข นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น นัทนันท์ไม่รู้ว่าตัวเองจ้องมองนานขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ คนที่อยู่ด้านในเริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาด
"นี่ แตง"
"คะ...มีอะไรหรือเปล่าพี่" สกาวใจเอียงคอน้อยๆ อย่างงุนงงกับท่าทางของรุ่นพี่
"คนคนนั้นจ้องมาทางพวกเรานานแล้วนะ รู้สึกน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก" จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไร ในเมื่อใส่แว่นตาสีดำสวมหมวกและเสื้อคลุมยืนหันหน้ามองเข้ามายิ่งเห็นก็ยิ่งแปลกใจ
สกาวใจมองตามจึงเห็นผู้หญิงแต่งตัวน่าสงสัยอย่างที่รุ่นพี่ของเธอบอก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็จำได้ว่าเป็นใครและยังต้องเก็บอาการไม่ให้ใครรู้ว่าเธอกำลังตกใจมากขนาดไหน ความตกใจยังไม่เท่ากับความสงสัยว่าเหตุใดนัทนันท์ถึงมายืนอยู่ที่นี่
"ทำงานก่อน อย่าเพิ่งชวนกันคุยสิ" รุ่นพี่อีกคนเอ็ด ทำให้พวกเธอต้องหันกลับไปตั้งใจทำงานอีกครั้ง
แม้ตัวจะทำงานแต่ใจกลับไม่มีสมาธิเสียเลย มีแต่คำถามมากมายที่ผุดขึ้นมา ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือการพบหน้าแบบตัวต่อตัว ถ้าเกิดแบบนั้นขึ้นจริงๆ ควรจะทำเช่นไร
ทางด้านนัทนันท์เมื่อสังเกตเห็นว่าถูกจับได้เพราะสีหน้าของสกาวใจ เธอจึงหาจุดที่สามารถรอและหลบสายตาผู้คนได้
"รอตรงนี้แล้วกัน" ตัดสินใจนั่งใต้ต้นไม้เพื่อรอจังหวะแต่เหมือนจะไม่มี
เวลาผ่านไปจนถึงเวลาพัก สกาวใจรีบเดินตามเพื่อนๆ และรุ่นพี่ไปร้านอาหาร หันซ้ายหันขวาไม่เจอนัทนันท์ ถึงกลับโล่งใจแต่ก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือควรกังวลใจดีที่เจอกันที่นี่
"ช่างเถอะ คงอาจจะไม่ใช่ก็ได้" ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องใช่แน่ๆ แต่ในเมื่อไม่เห็นอีกก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ
เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริงและความบังเอิญที่คิดกำลังยืนอยู่ข้างหน้าของเธอ หลังจากจบงานในวันนี้แล้ว
"แตง"
"นัด"
อยากจะยิ้มดีใจแต่ทว่ากลับยิ้มไม่ออก
"เอ่อ มาทำอะไรที่นี่เหรอ" สกาวใจถามและหันไปมองเพื่อนๆ กำลังเก็บของเตรียมตัวกลับ
"อืม มาหาแตงนั่นแหละ"
"มาหาทำไม" สิ่งที่แปลกใจคือการที่นัทนันท์มาเพียงคนเดียว
"กลับด้วยกันไหม" นัทนันท์ไม่ตอบแต่ชวนขึ้นรถทันที
สิ่งที่สกาวใจได้ยินไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน เธอหันไปมองเพื่อนๆ ที่ทำงานแล้วหันกลับมาตอบ
"ไปไม่ได้หรอก จะกลับกับพวกเขาน่ะ" ทำไมเธอต้องไปด้วย ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอีกจะทำยังไง
"ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ไม่มีใครสังเกตหรือติดตามหรอก" นัทนันท์เดินเข้ามาใกล้และบอกเบาๆ ที่นี่ห่างไกลจากผู้คนจำนวนมาก ไม่แน่ว่าการที่เธอยืนอยู่ตรงนี้อาจจะไม่มีใครจดจำหรือรู้จักก็ได้
"แต่ว่า..." ไม่ใช่ว่าจะกลัวคนรู้จักหรือโดนแอบถ่าย การเจอกันแบบนี้มันทำให้รู้สึกแปลกๆ จะให้สนิทใจเหมือนแต่ก่อนได้ยังไง
"น่า...แค่เพื่อนชวนนั่งรถไปด้วยกันแค่นั้นเอง เพิ่งมาถึงที่นี่ อยากรู้ว่าที่นี่มีร้านอร่อยๆ ที่ไหนบ้าง บอกหน่อยสิ" นัทนันท์ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดและยิ้มจนคนตรงหน้าเริ่มใจอ่อน
"ก็...ก็ได้ ถ้าแบบนั้นรอก่อนนะ ขอไปช่วยพวกเขาเก็บของก่อน"
"ได้เลย ไม่ต้องรีบนะ"
นัทนันท์น์ยืนมองคนตัวเตี้ยกว่าเดินกลับเข้าไปหาเพื่อน เธอได้แต่ยืนรอและมองตรงที่เดิม จะให้รอนานขนาดไหนก็รอได้
ส่วนสกาวใจได้แต่คิดหาวิธีหลบเลี่ยง จะทำยังไงให้เนียนไปกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดี และจังหวะนั้นก็มาถึง
เธอยิ้มกับการก้าวขาขึ้นรถแต่ทว่ากลับมีมือดึงแขนของเธอให้ลงมาอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม
"เฮ้ย!" ตกใจกับการถูกฉุดรั้งจนต้องหันไปมองคนที่บังอาจทำแบบนี้กับเธอ
"นะ...นัด"
"ใช่ นัดเอง แล้วจะไปไหน ไม่พานัดไปกินข้าวเหรอ" ดีนะที่คอยมอง ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เจอกันแบบนี้อีก
"มีอะไรกันหรือเปล่า" รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาเห็นเข้า จึงทักทันทีที่เห็นอีกฝ่ายจับแขนของสกาวใจ
"ไม่มีอะไรค่ะ พอดีเป็นเพื่อนของแตง แล้วพวกเราคงไม่ได้เจอกันนานไปหน่อย" นัทนันท์มองหน้าแตงนิ่งๆ ถึงจะหงุดหงิดแต่คงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
"เพื่อนแตงจริงใช่ไหม" เธอหันไปถามสกาวใจเพราะท่าทางเหมือนกับมีอะไรบางอย่าง
"คือ...ใช่ค่ะ เพื่อนแตงเอง"
"แล้วจะไปไหนกัน"
"คือ วันนี้แตงกลับกับเพื่อนได้ไหมคะ"
"ได้สิ พรุ่งนี้เวลาเดิมนะ ไปเถอะ ทางนี้พี่จัดการต่อเอง" เธอหมายถึงของที่ต้องเก็บขึ้นรถกับบอกหัวหน้าว่าสกาวใจติดธุระขอกลับก่อนและไม่ทานอาหารด้วยกัน
"ขอบคุณค่ะ" สกาวใจยิ้มให้รุ่นพี่อีกครั้ง แล้วเดินตามนัทนันท์ขึ้นรถ
บรรยากาศภายในรถมันน่าอึดอัดมาก เพราะไม่มีใครเริ่มเปิดประเด็นพูดก่อน ทั้งสองจึงอยู่ในความเงียบ
"สรุปแล้วจะไปกินอะไรกันดี" นัทนันท์เปิดประเด็น
"อยากกินอะไรล่ะ"
"อะไรอร่อยก็กินได้หมด แตงอยากกินอะไร"
"อะไรก็ได้"
"งั้นแนะนำหน่อยสิ" นัทนันท์หันไปยิ้มแล้วกลับมามองทางอีกครั้ง
สกาวใจไม่ได้ตอบเพราะเธอกำลังคิดย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เรื่องห้องของเธอที่ถูกนัทนันท์เช่าไป
"ทำไมถึงไปบอกพี่เขาว่าเป็นแฟนกัน"
"พี่ไหนอีก" นัทนันท์งง
"จะพี่ไหนล่ะ ตามมาเจอห้องของแตงได้ยังไง" ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของ ทำไมถึงชอบทำตัวให้คนอื่นต้องสับสน
"อ๋อ คนนั้นเอง ก็เห็นสนิทกันจนฝากขายห้องได้ นัดเลยบอกไปแบบนั้น" ใจจริงก็แค่หวง
"ตลกน่า นัดอย่าทำให้ตัวเองต้องเป็นข่าวสิ แตงเบื่อที่จะต้องมารับรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกนะ ไหนจะครอบครัวของนัด ไหนจะสามีของนัด แล้วก็อื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย พอซะทีเถอะ เราสองคนตกลงเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่หรือไง" ปัญหาหลังจากนี้มันมีมาก สถานะของพวกเราไม่ได้กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว ทำไมต้องมาเจอกันอีกทั้งๆ ที่พวกเราตัดสินใจเดินกันคนละเส้นทาง
"ก็ใช่ แต่ห้องนั้น นัดไม่ให้ขาย ถ้าขายนัดจะซื้อเอง"
สกาวใจหันไปมองหน้านัทนันท์ทันที ทำไมถึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจแทนคนอื่น
"ไม่ต้องมองแบบนั้นก็ได้ เห็นแล้วปวดใจนะ ห้องนั้นแตงตั้งใจซื้อเพื่อนัดไม่ใช่หรือไง แล้วอีกอย่าง มีหลายเรื่องที่แตงยังไม่รู้" นัทนันท์ยิ้ม คงต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ตอนนี้ท้องเริ่มประท้วงความหิว
"ร้านนี้แล้วกัน" เธอหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าร้านอาหารข้างทาง ตอนนี้ไม่สนว่าสกาวใจจะต่อว่าอะไรอีก ขอแค่มีเวลาอยู่ด้วยกันและได้มีโอกาสอธิบายทุกอย่างที่ตัวเธอทำลงไป ขอแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2566, 12:04:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2566, 12:04:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 141
<< มือถือเก่าทิ้งไม่ได้ | รู้สึกวุ่นวาย >> |