หนามร้ายในใจรัก (Yuri)
Tags: นิยายยูริ, รัก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: รู้สึกวุ่นวาย
การทานอาหารร่วมกับนัทนันท์ในร้านอาหารข้างทางนั้น เป็นอะไรที่คิดถึงจนรู้สึกว่าตนเองกำลังทำผิดต่อหลักศีลธรรม เพราะตัวอย่างมันมีให้เห็นและรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อนและทุกข์ใจมากเพียงใด
"นัดรีบกลับไปหาสามีเถอะ มาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก" ถ้าเกิดคุณพ่อของนัทนันท์รู้หรือมีใครแอบถ่ายเอาไปลงข่าวจะเป็นเรื่องใหญ่โตเสียเปล่าๆ
"ไม่สนหรอก เขารู้อยู่แล้วว่านัดมีใจให้ใคร" นัทนันท์บอกขณะที่มือกำลังหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
"หมายความว่ายังไง" ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถก็พูดทำนองแบบนี้ ไหนจะความจริงที่ไม่รู้อีก แล้วความสบายใจที่ปรากฏให้เห็น ประหนึ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร จะให้ตีความหมายอย่างไรถ้าไม่อธิบายให้มันชัดเจน
"ก็...หมายความว่า พวกเราแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ ที่สำคัญกว่านั้น นัดตกลงกันว่า ถ้าเสร็จสิ้นจากการแต่งงานแล้วจะหย่าน่ะ"
นัทนันท์ขมวดคิ้วน้อยๆ กับสิ่งที่พูดไป เพราะชวกรกลับคำพูดทันทีหลังพิธีแต่งงานจบลง จึงเป็นสาเหตุที่เธอได้ลงมือแฉความชั่วผ่านสื่อ ถึงจะถูกปิดข่าวในเวลาต่อมาก็ตามที เพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชวกรรู้ตัวว่าเธอกำลังจะต่อต้านเขา
"แต่ก็ยังไม่หย่าไม่ใช่หรือไง รีบกลับบ้านไปเถอะ" จะเป็นอย่างไรก็ช่าง สำคัญตรงปัจจุบันทั้งสองยังมีสถานะเป็นสามีภรรยากันอยู่ ยิ่งข่าวเสียๆ เกี่ยวกับนัทนันท์ออกมาแบบนั้น จะให้นั่งสบายใจได้อย่างไร ถึงภายนอกจะมองว่าเพื่อนกันแต่ถ้ามีคนรู้จักและลงข่าวออกมาอีก มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
"ยังไม่กลับหรอก ทำไมต้องกลับด้วย ก็อย่างที่บอกกำลังจะหย่า"
"ถึงหย่าเรื่องก็ยังไม่จบหรอก ยังไงพวกเราก็ไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี"
"ได้สิ ยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่" จะหนีไปไหนพ้น ถึงยังไงก็อยู่ด้วยกันได้ในสถานะแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
สกาวใจมองหน้านัทนันท์อีกครั้ง เธอถอนหายใจแล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ กับความสบายใจของคนตรงหน้า
"ถึงยังไง นัดก็ไม่ไปไหนหรอก ก่อนกลับไปทำงาน ขออยู่ที่นี่สักพักได้ไหม"
"ไม่ดีมั้ง"
"ดีสิ จะได้อยู่เที่ยวไปด้วยเลย"
สกาวใจส่ายหน้าเบา ๆ ถามเองตอบเองเข้าข้างตัวเองเป็นที่หนึ่ง คงว่างมากจนงานการไม่ทำเลยสินะ
"อร่อยจัง อิ่มด้วย มื้อนี้นัดเลี้ยงเอง"
"ตะ..." สกาวใจจะพูดแต่นัทนันท์ยกมือห้ามไว้ เธอจึงได้แต่งง
"ไม่ต้อง ครั้งนี้นัดเป็นคนชวน จะขอเลี้ยงเอง และห้ามปฏิเสธด้วย" นานๆ จะได้นั่งแบบนี้อีกครั้ง ขอทำอะไรบ้างให้สบายใจ
"ได้สิ ดีซะอีก กินอิ่มไม่เสียเงินสักบาท" เธอมองหน้าคนมีเงิน คราวนี้จะกินให้จ่ายเยอะๆ เลยคอยดู
นัทนันท์ยักไหล่แล้วยิ้ม จะทานมากขนาดไหนก็มาเถอะ เธอพร้อมจ่ายทุกเมื่อ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดคิดว่า คนตัวเล็กกว่าจะมีกระเพาะสำรองมากถึงขนาดนั้น ไม่ว่าจะเมนูผัด เมนูเส้นของโปรด ตามด้วยขนมหวานสองสามอย่างและน้ำปั่นเมนูสุดฮิตในช่วงอากาศร้อน
"กินเก่งจริง เอาไปไว้ไหนหมด" นัทนันท์พูดไปมือจับพวงมาลัยไปด้วย
"ไม่รู้สิ กระเพาะสำรองเยอะมั้ง" สกาวใจตอบขณะที่กำลังมองข้างทาง ในเวลานี้ไม่อยากสนใจอะไรนอกจากปล่อยให้เจ้าตัวทำตามใจ
"ไปส่งนะ"
"อืม"
เมื่อรถมาจอดหน้าหอพัก ทั้งสองลงจากรถ สกาวใจเดินหนี นัทนันท์เดินตาม แต่ก็ต้องหยุดก้าวเดินเพราะคนที่ไม่อยากให้เจอสถานการณ์แบบนี้กลับมาปรากฏตรงหน้าถึงสองคน
"พี่จูน...ลี่" ตกใจที่จู่ๆ ทั้งสองมาพร้อมกัน ฟอจูนไม่เท่าไหร่ เพราะเดาไว้ว่าอาจจะมาตามหา แต่ลิลลี่นี่สิ สายตาจ้องมองนัทนันท์ไม่วางตา
"อ้าว เธอคนนั้นนี่ ไหนบอกไม่ได้เป็นแฟนกัน" ฟอจูนเบิกตาโตและหันมาถามสกาวใจ นี่คงเป็นเหตุผลตอนไปเคาะประตูที่ห้องแล้วไม่เปิด ที่ไหนได้มาอยู่ที่นี่เอง
"แฟน?" ลิลลี่หันมามองสกาวใจเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจากปากคนที่เพิ่งรู้จัก เธอมองด้วยใบหน้าที่นิ่งมาก จนสกาวใจเริ่มคิดและรู้สึกไม่ดี
"มะ...ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกัน" ต้องรีบบอกก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ ยิ่งคนที่มองนัทนันท์เป็นอย่างไอดอลและทุกๆ วันมีแต่เรื่องของนัทนันท์ คงจะเคืองน่าดู
"อ้าวเหรอ" ฟอจูนเอียงคอน้อยๆ สรุปแล้วยังไงกันแน่ แต่เรื่องนั้นคงต้องเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้มีเรื่องที่ต้องทำมากกว่า
"แตง พี่ว่าจะเที่ยวที่นี่แล้วเอาเงินมาให้เราด้วย แต่ว่า...จะขอค้างสักคืนสองคืนได้ไหม" ฟอจูนกระซิบเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มและรอคอยคำตอบ สาเหตุหลักต้องการมาหาและมีเรื่องที่ต้องทำที่นี่พอดี จึงได้โอกาสเที่ยวไปเสียเลย
"แบบนั้นก็ได้" สกาวใจยิ้ม แค่ค้างคืนสองคืนคงไม่เป็นอะไร ถึงห้องจะไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็พออยู่ได้
"งั้นนัดก็ขอค้างด้วยคน" จู่ๆ คนที่ยืนฟังมาตลอดกลับเสนอตัว ถ้าฟอจูนอยู่ได้ แล้วทำไมเธอจะอยู่ด้วยไม่ได้
"ไม่ได้ ห้องแตงเล็กนิดเดียว จะมาอยู่ได้ยังไง"
"ทำไม ไม่อยากให้อยู่ด้วยเหรอ" นัทนันท์รู้ดีว่า การจะกลับมาแบบเดิมคงเป็นไปได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะลองอีกสักครั้ง
"เฮ้อ...ตามสบายแล้วกัน"
"ขอบใจนะ"
สกาวใจถอนหายใจอีกรอบแล้วมองทั้งสองคนก่อนที่จะพาทั้งสองไปที่ห้องของเธอ และเพิ่งจะรู้ตัวว่าลิลลี่ได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครเห็น เธอจึงคิดว่าเพื่อนข้างห้องคงกลับห้องตัวเองไปแล้วแน่
ถึงจะคาดคิดเอาไว้แล้วว่าอาจจะวุ่นวายและอึดอัดเพียงใด แต่ไม่คาดคิดว่าจะยิ่งกว่ามีเพื่อนมาเยี่ยมสี่คนห้าคนเสียอีก เวลานอนก้ต้องเบียดกันนอนบนพื้นเพราะที่ไม่พอ ยังไม่รวมกับการหลบหน้าของลิลลี่ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทั้งอึดอัดและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ
"นัดรีบกลับไปหาสามีเถอะ มาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก" ถ้าเกิดคุณพ่อของนัทนันท์รู้หรือมีใครแอบถ่ายเอาไปลงข่าวจะเป็นเรื่องใหญ่โตเสียเปล่าๆ
"ไม่สนหรอก เขารู้อยู่แล้วว่านัดมีใจให้ใคร" นัทนันท์บอกขณะที่มือกำลังหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
"หมายความว่ายังไง" ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถก็พูดทำนองแบบนี้ ไหนจะความจริงที่ไม่รู้อีก แล้วความสบายใจที่ปรากฏให้เห็น ประหนึ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร จะให้ตีความหมายอย่างไรถ้าไม่อธิบายให้มันชัดเจน
"ก็...หมายความว่า พวกเราแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ ที่สำคัญกว่านั้น นัดตกลงกันว่า ถ้าเสร็จสิ้นจากการแต่งงานแล้วจะหย่าน่ะ"
นัทนันท์ขมวดคิ้วน้อยๆ กับสิ่งที่พูดไป เพราะชวกรกลับคำพูดทันทีหลังพิธีแต่งงานจบลง จึงเป็นสาเหตุที่เธอได้ลงมือแฉความชั่วผ่านสื่อ ถึงจะถูกปิดข่าวในเวลาต่อมาก็ตามที เพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชวกรรู้ตัวว่าเธอกำลังจะต่อต้านเขา
"แต่ก็ยังไม่หย่าไม่ใช่หรือไง รีบกลับบ้านไปเถอะ" จะเป็นอย่างไรก็ช่าง สำคัญตรงปัจจุบันทั้งสองยังมีสถานะเป็นสามีภรรยากันอยู่ ยิ่งข่าวเสียๆ เกี่ยวกับนัทนันท์ออกมาแบบนั้น จะให้นั่งสบายใจได้อย่างไร ถึงภายนอกจะมองว่าเพื่อนกันแต่ถ้ามีคนรู้จักและลงข่าวออกมาอีก มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
"ยังไม่กลับหรอก ทำไมต้องกลับด้วย ก็อย่างที่บอกกำลังจะหย่า"
"ถึงหย่าเรื่องก็ยังไม่จบหรอก ยังไงพวกเราก็ไปด้วยกันไม่ได้อยู่ดี"
"ได้สิ ยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่" จะหนีไปไหนพ้น ถึงยังไงก็อยู่ด้วยกันได้ในสถานะแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
สกาวใจมองหน้านัทนันท์อีกครั้ง เธอถอนหายใจแล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ กับความสบายใจของคนตรงหน้า
"ถึงยังไง นัดก็ไม่ไปไหนหรอก ก่อนกลับไปทำงาน ขออยู่ที่นี่สักพักได้ไหม"
"ไม่ดีมั้ง"
"ดีสิ จะได้อยู่เที่ยวไปด้วยเลย"
สกาวใจส่ายหน้าเบา ๆ ถามเองตอบเองเข้าข้างตัวเองเป็นที่หนึ่ง คงว่างมากจนงานการไม่ทำเลยสินะ
"อร่อยจัง อิ่มด้วย มื้อนี้นัดเลี้ยงเอง"
"ตะ..." สกาวใจจะพูดแต่นัทนันท์ยกมือห้ามไว้ เธอจึงได้แต่งง
"ไม่ต้อง ครั้งนี้นัดเป็นคนชวน จะขอเลี้ยงเอง และห้ามปฏิเสธด้วย" นานๆ จะได้นั่งแบบนี้อีกครั้ง ขอทำอะไรบ้างให้สบายใจ
"ได้สิ ดีซะอีก กินอิ่มไม่เสียเงินสักบาท" เธอมองหน้าคนมีเงิน คราวนี้จะกินให้จ่ายเยอะๆ เลยคอยดู
นัทนันท์ยักไหล่แล้วยิ้ม จะทานมากขนาดไหนก็มาเถอะ เธอพร้อมจ่ายทุกเมื่อ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คาดคิดว่า คนตัวเล็กกว่าจะมีกระเพาะสำรองมากถึงขนาดนั้น ไม่ว่าจะเมนูผัด เมนูเส้นของโปรด ตามด้วยขนมหวานสองสามอย่างและน้ำปั่นเมนูสุดฮิตในช่วงอากาศร้อน
"กินเก่งจริง เอาไปไว้ไหนหมด" นัทนันท์พูดไปมือจับพวงมาลัยไปด้วย
"ไม่รู้สิ กระเพาะสำรองเยอะมั้ง" สกาวใจตอบขณะที่กำลังมองข้างทาง ในเวลานี้ไม่อยากสนใจอะไรนอกจากปล่อยให้เจ้าตัวทำตามใจ
"ไปส่งนะ"
"อืม"
เมื่อรถมาจอดหน้าหอพัก ทั้งสองลงจากรถ สกาวใจเดินหนี นัทนันท์เดินตาม แต่ก็ต้องหยุดก้าวเดินเพราะคนที่ไม่อยากให้เจอสถานการณ์แบบนี้กลับมาปรากฏตรงหน้าถึงสองคน
"พี่จูน...ลี่" ตกใจที่จู่ๆ ทั้งสองมาพร้อมกัน ฟอจูนไม่เท่าไหร่ เพราะเดาไว้ว่าอาจจะมาตามหา แต่ลิลลี่นี่สิ สายตาจ้องมองนัทนันท์ไม่วางตา
"อ้าว เธอคนนั้นนี่ ไหนบอกไม่ได้เป็นแฟนกัน" ฟอจูนเบิกตาโตและหันมาถามสกาวใจ นี่คงเป็นเหตุผลตอนไปเคาะประตูที่ห้องแล้วไม่เปิด ที่ไหนได้มาอยู่ที่นี่เอง
"แฟน?" ลิลลี่หันมามองสกาวใจเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจากปากคนที่เพิ่งรู้จัก เธอมองด้วยใบหน้าที่นิ่งมาก จนสกาวใจเริ่มคิดและรู้สึกไม่ดี
"มะ...ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกัน" ต้องรีบบอกก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปยกใหญ่ ยิ่งคนที่มองนัทนันท์เป็นอย่างไอดอลและทุกๆ วันมีแต่เรื่องของนัทนันท์ คงจะเคืองน่าดู
"อ้าวเหรอ" ฟอจูนเอียงคอน้อยๆ สรุปแล้วยังไงกันแน่ แต่เรื่องนั้นคงต้องเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้มีเรื่องที่ต้องทำมากกว่า
"แตง พี่ว่าจะเที่ยวที่นี่แล้วเอาเงินมาให้เราด้วย แต่ว่า...จะขอค้างสักคืนสองคืนได้ไหม" ฟอจูนกระซิบเบาๆ ก่อนที่จะยิ้มและรอคอยคำตอบ สาเหตุหลักต้องการมาหาและมีเรื่องที่ต้องทำที่นี่พอดี จึงได้โอกาสเที่ยวไปเสียเลย
"แบบนั้นก็ได้" สกาวใจยิ้ม แค่ค้างคืนสองคืนคงไม่เป็นอะไร ถึงห้องจะไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็พออยู่ได้
"งั้นนัดก็ขอค้างด้วยคน" จู่ๆ คนที่ยืนฟังมาตลอดกลับเสนอตัว ถ้าฟอจูนอยู่ได้ แล้วทำไมเธอจะอยู่ด้วยไม่ได้
"ไม่ได้ ห้องแตงเล็กนิดเดียว จะมาอยู่ได้ยังไง"
"ทำไม ไม่อยากให้อยู่ด้วยเหรอ" นัทนันท์รู้ดีว่า การจะกลับมาแบบเดิมคงเป็นไปได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากจะลองอีกสักครั้ง
"เฮ้อ...ตามสบายแล้วกัน"
"ขอบใจนะ"
สกาวใจถอนหายใจอีกรอบแล้วมองทั้งสองคนก่อนที่จะพาทั้งสองไปที่ห้องของเธอ และเพิ่งจะรู้ตัวว่าลิลลี่ได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครเห็น เธอจึงคิดว่าเพื่อนข้างห้องคงกลับห้องตัวเองไปแล้วแน่
ถึงจะคาดคิดเอาไว้แล้วว่าอาจจะวุ่นวายและอึดอัดเพียงใด แต่ไม่คาดคิดว่าจะยิ่งกว่ามีเพื่อนมาเยี่ยมสี่คนห้าคนเสียอีก เวลานอนก้ต้องเบียดกันนอนบนพื้นเพราะที่ไม่พอ ยังไม่รวมกับการหลบหน้าของลิลลี่ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทั้งอึดอัดและรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2566, 15:13:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.พ. 2566, 15:13:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 97
<< จะมาทำไม | น้ำตก >> |