ไฟรัตติกาล
ความรักของเขาร้อนแรงดั่งไฟ และมันก็เป็นไฟแห่งนรกอเวจี
สำหรับ อรอินทุ์แล้ว ชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ คิมหันต์เต็มไปด้วยปริศนามากมาย
ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงอันตรายที่ผ่านเข้ามา
แต่จะทำยังไงเมื่อเธออยากลองเล่นกับไฟ
แม้ว่า เขาจะคือ ไฟอันดำมืดแห่งรัตติกาล
สำหรับ อรอินทุ์แล้ว ชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ คิมหันต์เต็มไปด้วยปริศนามากมาย
ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งรู้สึกถึงอันตรายที่ผ่านเข้ามา
แต่จะทำยังไงเมื่อเธออยากลองเล่นกับไฟ
แม้ว่า เขาจะคือ ไฟอันดำมืดแห่งรัตติกาล
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: intro จุดเริ่มต้นของไฟ
วันนี้เอานิยายเรื่องใหม่มาลงนะคะ หลายปีก่อนผู้เขียนเคยแต่งนิยายแนวนี้ไว้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนำเรื่องเก่ามารีไรท์แต่พอเขียนไปเขียนมา แนวเปลี่ยนไปค่ะ กลายเป็นเรื่องไฟรัตติกาล ขอฝากผลงานด้วยนะคะ ส่วนผู้ที่ได้รับหนังสือคาดว่า จะส่งพรุ่งนี้นะ คะพอดีเพิ่งกลับมาและวุ่นวายกับงานนิดหน่อยค่ะ วันนี้จะไปซื้อซองและเขียนให้คนที่บ้านส่งให้พรุ่งนี้นะคะ
รักแล้วรอหน่อยเน้อจะได้เฮนดริชกับอันเดรชไปนอนกอดที่บ้านพร้อมของที่ระลึกในซองด้วยค่ะ
ไฟรัตติกาล
By tangtangmeow
Intro
ท่ามกลางภูเขาอันเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์สีนวลที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านท่ามกลางทิวไม้เพื่อซุกซ่อนตัวจากผู้บุกรุกภายนอก หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามแปลงดอกกุหลาบซึ่งส่งกลิ่นหอมจรุงใจ ขณะที่เอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูบ้านนั้นเอง เงาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นซ้อนทับทางเบื้องหลัง
“คีน... คุณนี่เอง ทำเอาฉันตกใจหมด”
“มาเสียดึกเชียว มีธุระอะไรหรือ”
ยามเมื่อต้องแสงจันทร์ใบหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งซีดเผือด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหลา ไม่ว่า จะเป็นคิ้วคมเข้มพาดอยู่เหนือนัยน์ตาสีนิล จมูกโด่ง ผิวกายขาวจัดบ่งถึงเชื้อสายตะวันตกที่มีอยู่ในตัว ไม่มีใครรู้ว่า เขาทำงานอะไรรู้แต่เพียงว่า ร่ำรวย พรปวีร์รู้เพียงแต่ว่า บิดาเขาชื่อ พจน์เป็นคนไทย ส่วนมารดานั้นเป็นผู้หญิงอเมริกัน ทั้งสองเสียชีวิตไปนานแล้ว
“ฉันมาหาคุณค่ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”
หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มไปยังเรือนกระจกซึ่งเป็นที่นัดพบประจำของทั้งคู่ ภายในเย็นฉ่ำไปด้วยไอน้ำจากความชุ่มชื้นของบรรดาพันธุ์ไม้ด้านใน หล่อนดึงให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ม้าหิน เอื้อมมือไปกุมมือเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งเอาไว้ สำหรับคนอื่นอาจกลัว แต่หล่อนชินเสียแล้ว เพราะรู้ว่า คีนไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่เขาก็ดีกับหล่อน
“ฉันบอกแม่แล้วนะคะ ว่า เราสองคนจะแต่งงานกัน”
มีความประหลาดใจผุดขึ้นในดวงตาสีเข้มคู่นั้นแต่เพราะหญิง
สาวกำลังอยู่ในห้วงดีใจจึงไม่ทันสังเกต แต่แล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็รีบกลบเกลื่อนมันไปอย่างรวดเร็ว
“ผมดีใจที่คุณตัดสินใจได้แล้ว”
“ทำไมพูดแบบนี้ละคะ ฉันรักคุณนะคะ จะให้บอกกี่ครั้งๆ ก็ยังเหมือนเดิม ฉันต้องการใช้ชีวิตที่เหลือกับคุณได้ยินไหมคะคีน เราสองคนหนีไปให้ไกลที่สุด”
“แน่ใจหรือว่า นั่นคือ สิ่งที่คุณต้องการ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
“แน่ใจสิคะ ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ ฉันอยากมีลูกค่ะ”
ชายหนุ่มกำมือแน่น เม้มริมฝีปากจนขาวซีด แต่พรปวีร์คิดว่า เขากำลังดีใจ
ทั้งคู่คบกันมาเกือบหกเดือนแล้ว เขาเป็นแฟนที่น่ารัก ช่างเอาอกเอาใจ แม้จะไม่ใช่คนช่างพูดแต่ก็สุดแสนจะโรแมนติก ทุกคืนจะมีดอกกุหลาบสีแดงวางอยู่บนหมอนในห้องนอนของหญิงสาว พรปวีร์ไม่รู้ว่า เขาแอบเข้าไปในห้องได้อย่างไร แต่นั่นก็ทำให้หล่อนตกหลุกรักชายหนุ่มอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาพาหล่อนไปทุกที่ ดูแลทุกอย่าง ซื้อข้าวของราคาแพงให้ คอยอยู่เป็นเพื่อนทุกยามที่หล่อนต้องการ
“แต่คุณทำหน้าเหมือนไม่ดีใจเลย หรือว่า คุณไม่รักฉันแล้ว” หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทาง ขอบตาแดงก่ำ มืออันเย็นเฉียบเลื่อนมาประคองใบหน้าหวานเพื่อให้หันมา
“ใครว่า ผมดีใจสิ การที่มีผู้หญิงดีๆ ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่ด้วย นั่นเท่ากับขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว”
“งั้นคุณก็มีเรื่องในใจ บอกฉันได้ไหมคะว่า คุณคิดอะไรอยู่”
คีนไม่ยอมบอกอะไรหล่อนมากนัก ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาช่างเป็นปริศนา แต่นั่นก็ทำให้พรปวีร์ยิ่งรักเขา หล่อนรักความลึกลับของชายหนุ่ม รักที่เขาไม่เหมือนคนอื่น
“ผมเพียงแต่คิดว่า คุณจะทนได้ไหม ถ้าหากว่า การอยู่กับผมไม่เหมือนกับคนอื่นๆ”
“ฉันทนได้ค่ะ ไม่ว่า อะไรฉันก็ทนได้ ขอแค่ได้อยู่กับคุณเท่านั้น”
“แน่ใจนะ การเป็นผู้หญิงของผมต้องอดทนมาก บางทีคุณอาจจะเบื่อ ชีวิตที่ไม่ได้พบปะผู้คนมากนัก”
พรปวีร์ยื่นหน้าไปหอมตรงสันกรามและกอดเขาไว้แทนคำตอบ หล่อนยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มอีกครั้ง
“ฉันแน่ใจค่ะ เราจะไปกันเมื่อไหร่คะ”
“ทำไมต้องรีบด้วยล่ะ หรือว่า แม่คุณไม่เห็นด้วย”
มารดาของหล่อนไม่เพียงไม่เห็นด้วย แต่กลับจับหล่อนแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นทันทีที่ทราบเรื่อง แต่พรปวีร์ไม่สนใจ หล่อนรักคีนและไม่มีวันยอมพรากจากคนรักเป็นอันขาด
“แม่ฉันโกรธมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ รอให้เวลาผ่านไปก่อนแล้ว เราค่อยกลับมาขอโทษท่าน”
ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวอีกครั้ง ดวงตาสีนิลเป็นประกายวาววับอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณช่างเสียสละเพื่อผมมากมายเหลือเกินที่รัก เพราะอย่างนี้ผมถึงรักคุณ”
เขาประคองใบหน้าหวานไว้ในอุ้งมือก่อนแนบริมฝีปากลงมา มันเป็นจูบที่ดุดันและแฝงไว้ด้วยความหิวกระหายอย่างลึกล้ำ จูบอันร้อนแรงทำเอาหญิงสาวแทบทรงตัวไม่อยู่ พรปวีร์ต้องใช้เรียวแขนโอบรอบคอเอาไว้เพื่อพยุงตัว
หล่อนรู้สึกถึงปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอและต่ำลงมาเรื่อยๆ ฟันคมๆ ครูดลงมาตามลำคอขาวเนียนเป็นทางยาว ทุกสัมผัสสร้างความเสียวซ่านจนแทบหายใจไม่ออก
ดวงตาของหล่อนพร่าปรือเมื่อเขาจุมพิตตรงฐานคออันเป็นตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความร้อนจากผู้ชายตรงหน้ากำลังลามเลียไปทั่วร่างก่อนที่นัยน์ตาคู่หวานจะเบิกกว้างเมื่อคมเขี้ยววาววับฝังลงบนเนื้อขาวๆ เปลี่ยนความวาบหวามให้เป็นความเจ็บปวดสุดแสนจะทานทน เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมาจากรอยแผล เช่นเดียวกับมือสองข้างที่จิกหัวไหล่แน่น
“คะ.คีน”
ความดันที่กำลังลดต่ำเนื่องจากโลหิตจำนวนมากกำลังถูกปันออกจากร่าง...
หล่อนกำลังจะตาย ลมหายใจติดขัดเมื่อออกซิเจนในปอดลดน้อยลงทุกที สมองมีแต่คำถามทวนซ้ำไปซ้ำมาว่า ทำไมและเพราะอะไร..
เพราะอะไร... เขาถึงทำเช่นนี้กับหล่อน เพราะอะไร ผู้ชายที่หล่อนรักถึงฆ่าหล่อนได้อย่างเลือดเย็น....
เลือดจำนวนสุดท้ายกำลังหมดออกจากร่าง เช่นเดียวสติของผู้เป็นเจ้าของที่เหลือน้อยเต็มที ใบหน้าคมสันผละออก แสยะยิ้ม กอดตระกองร่างบอบบางซึ่งไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพยุงตัว สติที่เหลือเพียงไม่ถึงเศษเสี้ยวทำให้หล่อนเบิ่งตามองชายคนรัก มันเป็นแววตาที่ผสมปนเปกันระหว่างความรักและความผิดหวัง...
ชายหนุ่มอ้าปากขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นเขี้ยวซึ่งบัดนี้แดงฉานไปด้วยเลือด สำนึกสุดท้ายทำให้พรปวีร์ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดแต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เขี้ยวซี่นั้นงับลงมายังตำแหน่งเส้นเลือดอีกครั้ง....
“ไม่!”
ร่างสูงผุดลุกขึ้นในสภาพเหงื่อโทรมกาย เขาฝันซ้ำๆ อย่างนี้มาเกือบยี่สิบแล้ว มือสองข้างยกขึ้นลูบหน้าแรงๆ หวังเพียงว่า จะให้ทุกอย่างเป็นแค่ลมพัดผ่าน ท่ามกลางความมืดแห่งรัตติกาล เขาไม่เคยลืมสีหน้าและแววตาของหญิงสาวได้เลย มันคงเป็นการลงทัณฑ์จากสรวงสวรรค์ที่ทำให้ต้องทรมานกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเหลือบมองข้างเตียงก็พบเด็กหนุ่มในชุดสีดำสนิทยืนนิ่งอยู่อย่างที่เคยเห็นมาจนชินตา ไม่ว่า จะกี่โมงที่ลืมตาขึ้นก็จะอยู่ตรงนั้น
“นายท่านฝันร้ายอีกแล้วหรือครับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับลุกขึ้นจากเตียงและสวมเสื้อคลุมทับร่างปลือย ภายใต้ผ้าแพรเนื้อดีคือ เรือนร่างสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ใบหน้าคมสันหล่อเหลาราวกับรูปสลัก จมูกโด่งมีปลายหักเล็กน้อย คิ้วเข้ม ริมฝีปากเป็นสีแดงจัด คางเหลี่ยม เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดปลายเสริมให้ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์จนเดาไม่ถูกว่า อายุเท่าไร ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนชิดหน้าต่างมองท้องฟ้าด้านนอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันเบื่อ เมื่อไหร่มันจะจบเสียที”
แสงจันทร์วันนี้ส่องสว่างไปทั่วบริเวณทำให้เห็นทะเลสาปด้านนอก ภาพวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนงดงาม พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่ในน้ำทำให้เกิดความงามราวกับภาพวาดที่จิตรกรบรรจงแต่งแต้ม แต่ไม่อาจทำให้ความรวดร้าวในจิตใจบรรเทาลง ไม่ว่า จะเป็นตอนนี้หรือเมื่อยี่สิบปีที่แล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
“ทำไมนายท่านไม่หาใครสักคน”
“เพื่ออะไร เพื่อจะสูญเสียเธอไปอีกงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันยอมอยู่คนเดียวดีกว่า”
“ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของนายท่าน ไม่ควรโทษตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเป็นความผิดใครล่ะ ถ้าฉันไม่บอกว่า จะแต่งงานกับปาย ป่านนี้เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน”
เสี้ยวหน้าคมสันนั้นเปี่ยมด้วยความเศร้า คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์นามว่า ปฐวีกระเถิบเข้ามาใกล้
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่ความผิดของนายท่าน มันเป็นเรื่องของโชคชะตา”
“ไม่จริง....ฉันรู้ดี แล้วฉันก็เบื่อชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้ว”
มือเรียวกำแน่นจนขาวซีด เช่นเดียวกับริมฝีปากที่เม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีนิลสั่นระริกเมื่อผสานกับแสงจันทร์ก็สร้างความเหงาอย่างประหลาด
“ผมเชื่อครับว่า สักวันท่านจะต้องพบ ผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของท่านเติมเต็มโดยสมบูรณ์ เชื่อผมสิ”
“ไม่มีทาง... ชั่วชีวิตนี้ฉันคงต้องทรมานด้วยความโดดเดี่ยวไปจนวันตาย”
อ่านแล้วอย่าลืมทักทายกันนะ ขอส่งแรงใจให้กับทุกๆ คน ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมค่ะ เชื่อว่า อีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ
รักแล้วรอหน่อยเน้อจะได้เฮนดริชกับอันเดรชไปนอนกอดที่บ้านพร้อมของที่ระลึกในซองด้วยค่ะ
ไฟรัตติกาล
By tangtangmeow
Intro
ท่ามกลางภูเขาอันเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์สีนวลที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านท่ามกลางทิวไม้เพื่อซุกซ่อนตัวจากผู้บุกรุกภายนอก หญิงสาวเดินลัดเลาะไปตามแปลงดอกกุหลาบซึ่งส่งกลิ่นหอมจรุงใจ ขณะที่เอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตูบ้านนั้นเอง เงาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นซ้อนทับทางเบื้องหลัง
“คีน... คุณนี่เอง ทำเอาฉันตกใจหมด”
“มาเสียดึกเชียว มีธุระอะไรหรือ”
ยามเมื่อต้องแสงจันทร์ใบหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งซีดเผือด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเหลา ไม่ว่า จะเป็นคิ้วคมเข้มพาดอยู่เหนือนัยน์ตาสีนิล จมูกโด่ง ผิวกายขาวจัดบ่งถึงเชื้อสายตะวันตกที่มีอยู่ในตัว ไม่มีใครรู้ว่า เขาทำงานอะไรรู้แต่เพียงว่า ร่ำรวย พรปวีร์รู้เพียงแต่ว่า บิดาเขาชื่อ พจน์เป็นคนไทย ส่วนมารดานั้นเป็นผู้หญิงอเมริกัน ทั้งสองเสียชีวิตไปนานแล้ว
“ฉันมาหาคุณค่ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”
หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มไปยังเรือนกระจกซึ่งเป็นที่นัดพบประจำของทั้งคู่ ภายในเย็นฉ่ำไปด้วยไอน้ำจากความชุ่มชื้นของบรรดาพันธุ์ไม้ด้านใน หล่อนดึงให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ม้าหิน เอื้อมมือไปกุมมือเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งเอาไว้ สำหรับคนอื่นอาจกลัว แต่หล่อนชินเสียแล้ว เพราะรู้ว่า คีนไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่เขาก็ดีกับหล่อน
“ฉันบอกแม่แล้วนะคะ ว่า เราสองคนจะแต่งงานกัน”
มีความประหลาดใจผุดขึ้นในดวงตาสีเข้มคู่นั้นแต่เพราะหญิง
สาวกำลังอยู่ในห้วงดีใจจึงไม่ทันสังเกต แต่แล้วชายหนุ่มตรงหน้าก็รีบกลบเกลื่อนมันไปอย่างรวดเร็ว
“ผมดีใจที่คุณตัดสินใจได้แล้ว”
“ทำไมพูดแบบนี้ละคะ ฉันรักคุณนะคะ จะให้บอกกี่ครั้งๆ ก็ยังเหมือนเดิม ฉันต้องการใช้ชีวิตที่เหลือกับคุณได้ยินไหมคะคีน เราสองคนหนีไปให้ไกลที่สุด”
“แน่ใจหรือว่า นั่นคือ สิ่งที่คุณต้องการ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
“แน่ใจสิคะ ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ ฉันอยากมีลูกค่ะ”
ชายหนุ่มกำมือแน่น เม้มริมฝีปากจนขาวซีด แต่พรปวีร์คิดว่า เขากำลังดีใจ
ทั้งคู่คบกันมาเกือบหกเดือนแล้ว เขาเป็นแฟนที่น่ารัก ช่างเอาอกเอาใจ แม้จะไม่ใช่คนช่างพูดแต่ก็สุดแสนจะโรแมนติก ทุกคืนจะมีดอกกุหลาบสีแดงวางอยู่บนหมอนในห้องนอนของหญิงสาว พรปวีร์ไม่รู้ว่า เขาแอบเข้าไปในห้องได้อย่างไร แต่นั่นก็ทำให้หล่อนตกหลุกรักชายหนุ่มอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เขาพาหล่อนไปทุกที่ ดูแลทุกอย่าง ซื้อข้าวของราคาแพงให้ คอยอยู่เป็นเพื่อนทุกยามที่หล่อนต้องการ
“แต่คุณทำหน้าเหมือนไม่ดีใจเลย หรือว่า คุณไม่รักฉันแล้ว” หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทาง ขอบตาแดงก่ำ มืออันเย็นเฉียบเลื่อนมาประคองใบหน้าหวานเพื่อให้หันมา
“ใครว่า ผมดีใจสิ การที่มีผู้หญิงดีๆ ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างมาอยู่ด้วย นั่นเท่ากับขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว”
“งั้นคุณก็มีเรื่องในใจ บอกฉันได้ไหมคะว่า คุณคิดอะไรอยู่”
คีนไม่ยอมบอกอะไรหล่อนมากนัก ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาช่างเป็นปริศนา แต่นั่นก็ทำให้พรปวีร์ยิ่งรักเขา หล่อนรักความลึกลับของชายหนุ่ม รักที่เขาไม่เหมือนคนอื่น
“ผมเพียงแต่คิดว่า คุณจะทนได้ไหม ถ้าหากว่า การอยู่กับผมไม่เหมือนกับคนอื่นๆ”
“ฉันทนได้ค่ะ ไม่ว่า อะไรฉันก็ทนได้ ขอแค่ได้อยู่กับคุณเท่านั้น”
“แน่ใจนะ การเป็นผู้หญิงของผมต้องอดทนมาก บางทีคุณอาจจะเบื่อ ชีวิตที่ไม่ได้พบปะผู้คนมากนัก”
พรปวีร์ยื่นหน้าไปหอมตรงสันกรามและกอดเขาไว้แทนคำตอบ หล่อนยิ้มหวานให้กับชายหนุ่มอีกครั้ง
“ฉันแน่ใจค่ะ เราจะไปกันเมื่อไหร่คะ”
“ทำไมต้องรีบด้วยล่ะ หรือว่า แม่คุณไม่เห็นด้วย”
มารดาของหล่อนไม่เพียงไม่เห็นด้วย แต่กลับจับหล่อนแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นทันทีที่ทราบเรื่อง แต่พรปวีร์ไม่สนใจ หล่อนรักคีนและไม่มีวันยอมพรากจากคนรักเป็นอันขาด
“แม่ฉันโกรธมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ รอให้เวลาผ่านไปก่อนแล้ว เราค่อยกลับมาขอโทษท่าน”
ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวอีกครั้ง ดวงตาสีนิลเป็นประกายวาววับอย่างที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณช่างเสียสละเพื่อผมมากมายเหลือเกินที่รัก เพราะอย่างนี้ผมถึงรักคุณ”
เขาประคองใบหน้าหวานไว้ในอุ้งมือก่อนแนบริมฝีปากลงมา มันเป็นจูบที่ดุดันและแฝงไว้ด้วยความหิวกระหายอย่างลึกล้ำ จูบอันร้อนแรงทำเอาหญิงสาวแทบทรงตัวไม่อยู่ พรปวีร์ต้องใช้เรียวแขนโอบรอบคอเอาไว้เพื่อพยุงตัว
หล่อนรู้สึกถึงปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอและต่ำลงมาเรื่อยๆ ฟันคมๆ ครูดลงมาตามลำคอขาวเนียนเป็นทางยาว ทุกสัมผัสสร้างความเสียวซ่านจนแทบหายใจไม่ออก
ดวงตาของหล่อนพร่าปรือเมื่อเขาจุมพิตตรงฐานคออันเป็นตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความร้อนจากผู้ชายตรงหน้ากำลังลามเลียไปทั่วร่างก่อนที่นัยน์ตาคู่หวานจะเบิกกว้างเมื่อคมเขี้ยววาววับฝังลงบนเนื้อขาวๆ เปลี่ยนความวาบหวามให้เป็นความเจ็บปวดสุดแสนจะทานทน เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมาจากรอยแผล เช่นเดียวกับมือสองข้างที่จิกหัวไหล่แน่น
“คะ.คีน”
ความดันที่กำลังลดต่ำเนื่องจากโลหิตจำนวนมากกำลังถูกปันออกจากร่าง...
หล่อนกำลังจะตาย ลมหายใจติดขัดเมื่อออกซิเจนในปอดลดน้อยลงทุกที สมองมีแต่คำถามทวนซ้ำไปซ้ำมาว่า ทำไมและเพราะอะไร..
เพราะอะไร... เขาถึงทำเช่นนี้กับหล่อน เพราะอะไร ผู้ชายที่หล่อนรักถึงฆ่าหล่อนได้อย่างเลือดเย็น....
เลือดจำนวนสุดท้ายกำลังหมดออกจากร่าง เช่นเดียวสติของผู้เป็นเจ้าของที่เหลือน้อยเต็มที ใบหน้าคมสันผละออก แสยะยิ้ม กอดตระกองร่างบอบบางซึ่งไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพยุงตัว สติที่เหลือเพียงไม่ถึงเศษเสี้ยวทำให้หล่อนเบิ่งตามองชายคนรัก มันเป็นแววตาที่ผสมปนเปกันระหว่างความรักและความผิดหวัง...
ชายหนุ่มอ้าปากขึ้นอีกครั้งเผยให้เห็นเขี้ยวซึ่งบัดนี้แดงฉานไปด้วยเลือด สำนึกสุดท้ายทำให้พรปวีร์ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดแต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เขี้ยวซี่นั้นงับลงมายังตำแหน่งเส้นเลือดอีกครั้ง....
“ไม่!”
ร่างสูงผุดลุกขึ้นในสภาพเหงื่อโทรมกาย เขาฝันซ้ำๆ อย่างนี้มาเกือบยี่สิบแล้ว มือสองข้างยกขึ้นลูบหน้าแรงๆ หวังเพียงว่า จะให้ทุกอย่างเป็นแค่ลมพัดผ่าน ท่ามกลางความมืดแห่งรัตติกาล เขาไม่เคยลืมสีหน้าและแววตาของหญิงสาวได้เลย มันคงเป็นการลงทัณฑ์จากสรวงสวรรค์ที่ทำให้ต้องทรมานกับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเหลือบมองข้างเตียงก็พบเด็กหนุ่มในชุดสีดำสนิทยืนนิ่งอยู่อย่างที่เคยเห็นมาจนชินตา ไม่ว่า จะกี่โมงที่ลืมตาขึ้นก็จะอยู่ตรงนั้น
“นายท่านฝันร้ายอีกแล้วหรือครับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับลุกขึ้นจากเตียงและสวมเสื้อคลุมทับร่างปลือย ภายใต้ผ้าแพรเนื้อดีคือ เรือนร่างสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ใบหน้าคมสันหล่อเหลาราวกับรูปสลัก จมูกโด่งมีปลายหักเล็กน้อย คิ้วเข้ม ริมฝีปากเป็นสีแดงจัด คางเหลี่ยม เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดปลายเสริมให้ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์จนเดาไม่ถูกว่า อายุเท่าไร ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนชิดหน้าต่างมองท้องฟ้าด้านนอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันเบื่อ เมื่อไหร่มันจะจบเสียที”
แสงจันทร์วันนี้ส่องสว่างไปทั่วบริเวณทำให้เห็นทะเลสาปด้านนอก ภาพวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนงดงาม พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่ในน้ำทำให้เกิดความงามราวกับภาพวาดที่จิตรกรบรรจงแต่งแต้ม แต่ไม่อาจทำให้ความรวดร้าวในจิตใจบรรเทาลง ไม่ว่า จะเป็นตอนนี้หรือเมื่อยี่สิบปีที่แล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
“ทำไมนายท่านไม่หาใครสักคน”
“เพื่ออะไร เพื่อจะสูญเสียเธอไปอีกงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นฉันยอมอยู่คนเดียวดีกว่า”
“ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดของนายท่าน ไม่ควรโทษตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเป็นความผิดใครล่ะ ถ้าฉันไม่บอกว่า จะแต่งงานกับปาย ป่านนี้เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน”
เสี้ยวหน้าคมสันนั้นเปี่ยมด้วยความเศร้า คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์นามว่า ปฐวีกระเถิบเข้ามาใกล้
“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่ความผิดของนายท่าน มันเป็นเรื่องของโชคชะตา”
“ไม่จริง....ฉันรู้ดี แล้วฉันก็เบื่อชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้ว”
มือเรียวกำแน่นจนขาวซีด เช่นเดียวกับริมฝีปากที่เม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีนิลสั่นระริกเมื่อผสานกับแสงจันทร์ก็สร้างความเหงาอย่างประหลาด
“ผมเชื่อครับว่า สักวันท่านจะต้องพบ ผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของท่านเติมเต็มโดยสมบูรณ์ เชื่อผมสิ”
“ไม่มีทาง... ชั่วชีวิตนี้ฉันคงต้องทรมานด้วยความโดดเดี่ยวไปจนวันตาย”
อ่านแล้วอย่าลืมทักทายกันนะ ขอส่งแรงใจให้กับทุกๆ คน ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมค่ะ เชื่อว่า อีกไม่นานทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ
tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2554, 09:26:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2554, 09:26:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 2700
แว่นใส 18 ต.ค. 2554, 12:22:59 น.
ทำไมไม่ทำให้คู่เป็นเหมือนตัวเองซะล่ะ ทำไมต้องฆ่าด้วย
ทำไมไม่ทำให้คู่เป็นเหมือนตัวเองซะล่ะ ทำไมต้องฆ่าด้วย
Pat 18 ต.ค. 2554, 22:22:48 น.
เรื่องใหม่ พระเอกเป็นแวมไพร์หรือคะ
เรื่องใหม่ พระเอกเป็นแวมไพร์หรือคะ
wane 18 ต.ค. 2554, 23:00:02 น.
ไม่เห็นต้องฆ่าเลยอ่ะ
ไม่เห็นต้องฆ่าเลยอ่ะ
Zephyr 19 ต.ค. 2554, 11:15:19 น.
แวมไพรื ว้าว มีคำสาปเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณคีนเหรอคะ แบบว่าถ้าไม่ใช่คู้แท้จะกระหายเลือดจนต้องฆ่า เย้ย เพ้อไปแระ รอพี่เหมียวเฉลยปมดีกว่า
แวมไพรื ว้าว มีคำสาปเกี่ยวกับการแต่งงานของคุณคีนเหรอคะ แบบว่าถ้าไม่ใช่คู้แท้จะกระหายเลือดจนต้องฆ่า เย้ย เพ้อไปแระ รอพี่เหมียวเฉลยปมดีกว่า
สังขยาชาเย็น 19 ต.ค. 2554, 15:54:25 น.
พี่เหมียวมาแว้วววว ^^
พี่เหมียวมาแว้วววว ^^
วนัน 20 พ.ย. 2554, 10:01:48 น.
oน่าสนใจคะ
oน่าสนใจคะ
ฟ้าริน 25 ส.ค. 2555, 17:15:36 น.
อ๊ะ แวมๆๆๆ ไพร์ๆๆๆๆ ไม่ได้อ่านนานแล้ว เรื่องแบบนี้
อ๊ะ แวมๆๆๆ ไพร์ๆๆๆๆ ไม่ได้อ่านนานแล้ว เรื่องแบบนี้