เงื่อนรักหักเหลี่ยม

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6
นฤมลพาป้าหนูกลับจากหาหมอแล้วไม่พบคุณย่าสร้อยกับทอไหมในบ้านแต่พบเด็กทำความสะอาดบ้าน
หิ้วถังน้ำกับไม้ถูพื้นเดินลงบันไดชั้นสองมาแทน

“นิ่ม คุณย่าไปไหนจ๊ะ” นฤมลถามเสียงหวาน

“พาคุณคนสวยน่ารักไปซื้อของค่ะ” คำตอบของเด็กสาวทำให้ใจนฤมลร้อนด้วยไฟริษยา

“คุณคนสวยน่ารักนั่นคือคุณทอไหมชื่อเล่นว่า เฟิร์น จะมาพักอยู่กับเราชั่วคราว ที่หลังเรียกให้ถูกต้อง
อย่าไปเรียกคุณคนสวยน่ารัก เรียกคุณเฟิร์น เข้าใจมั้ย” นฤมลแสร้งทำเป็นดุเด็กนิ่มต่อหน้าป้าหนูเพื่อ
แสดงให้ป้าหนูรู้ว่าเธอใหญ่แค่ไหนในบ้านนี้

“ค่ะ คุณมล” เด็กสาวพูดจาให้เกียรตินฤมล ใจจริงนั้นอยากบอกว่า “อิจฉาล่ะสิ ที่เห็นคนอื่นสวยน่ารัก
กว่าตัวเอง” ที่จริงเด็กสาวรู้แล้วว่าแขกคนสำคัญของคุณย่าสร้อยชื่ออะไรแต่อยากแกล้งยั่วนฤมลเล่น

“ดีที่เข้าใจ แล้ววันนี้ทำไมทำความสะอาดห้องสายล่ะนิ่ม” นฤมลสงสัย

“ไม่สายค่ะ ก่อนคุณย่าจะออกไปกับคุณเฟิร์น สั่งให้ไปทำความสะอาดห้องข้างห้องคุณแฟรงค์ให้
คุณเฟิร์นพัก และบอกให้เตรียมอีกห้องให้คนของคุณเฟิร์นด้วยค่ะ” พอได้ยินแล้วนฤมลแทบปี๊ดขึ้นสมอง
ด้วยริษยา ยัยหน้าจืดนั่นเป็นใครกันแน่ ทำไมยัยแก่นั่นถึงได้เอาใจนัก ทีกับเรามีแต่ใช้

“ดีเลย ถ้างั้นฉันขอแนะนำให้รู้จัก กับป้าหนู คนของคุณเฟิร์น ป้าจ๊ะนี่นิ่ม มีหน้าที่ทำความสะอาด
บ้าน” แม้ใจจะพลุ่นพล่านไปด้วยแรงริษยาแต่นฤมลยังคงนะนำป้าหนูให้เด็กนิ่มรู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เป็นมิตร เธอต้องการให้ป้าหนูตายใจแล้วหาทางล้วงความลับของทอไหม

“หวัดดีจ้าป้า ไว้ค่อยคุยกัน ฉันขอเอาของไปเก็บก่อน” เด็กนิ่มยกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าพร้อมไม้ถูพื้นแล้ว
รีบจากไป เด็กสาวรู้ดีว่านฤมลคงแทบคลั่งลองเมื่อมีคนมาเทียบรัศมี ทั้งยังได้รับการเอาใจใส่จากคุณย่าสร้อย
เป็นพิเศษด้วย

“ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้ กิริยามารยาทแย่ ป้าอย่าไปถือสาเลยนะ” นฤมลแสร้งบ่นว่าเด็กสาวให้ป้าหนูฟัง
เธอพยายทำตัวสนิทสนมกับป้าหนู

“คุณมล เด็กก็อย่างนี้แหละคะ ป้าเข้าใจ” ป้าหนูนึกชอบนฤมล รู้สึกประทับใจในความเอาใจใส่ของ
หญิงสาวกับคำพูดที่ให้เกียรติและมีน้ำใจโดยไม่รู้ว่านั่นคือกับดักที่นฤมลขุดล่อไว้

“ก็จริงของป้า จริงสิป้าคงหิวเดี๋ยวฉันจะให้คนทำอะไรให้กินจะได้กินยาตามหมอสั่ง ป้านั่งพักในห้อง
รับแขกก่อนก็ได้ ฉันจะไปถามเด็กดูว่าจัดห้องไหนให้ป้า” นฤมลพยายามทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดีมีน้ำใจ
จนป้าหนูอดซาบซึ้งไม่ได้ถึงกับน้ำตาซึม

“โถ แม่คุณ ช่างดีกับคนแก่อย่างป้าเหลือเกิน งามทั้งกายทั้งใจ” ป้าหนูเอ่ยปากชมจากใจจริง นฤมล
ลอบยิ้มอย่างพอใจ อีแก่นี่หลอกง่ายแท้ ถ้าฉันไม่คิดว่าแกมีประโยชน์กับฉัน ฉันไม่ดีกับแกหรอก

“ป้าอย่าคิดมากสิจ๊ะ ฉันแค่ทำตามคุณย่าสั่ง คนเดือดร้อนมาก็ต้องช่วย” นฤมลกำลังเล่นบทสาวสวย
จิตใจงามให้ป้าหนูเห็น

“แต่ป้าเกรงใจแค่นี้ก็มากเกินหน้าที่แล้วค่ะคุณมล” ป้าหนูไม่ทันเล่ห์หญิงสาวตรงหน้าจึงพาซื่อเชื่อ

“ป้าเลิกเกรงใจได้แล้ว ถือเสียว่าฉันเป็นลูกหลานก็ได้ ฉันไปดีกว่า ขืนอยู่ต่อมีหวังฉันพลอยซึ้งไปกับ
ป้าด้วย ไปล่ะจ้า” ร่างบางเดินจากไปซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ไว้ ปล่อยให้ป้าหนูเฝ้าชื่นชมในความน่ารักของ
หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักต่อไป
==========
สถานที่ที่ปรมะพาทอไหมมาหาซื้อของใช้ส่วนตัวไม่ใช่ที่เลิศหรูอะไรแต่กลับเป็นแผงลอยที่ตั้งอยู่ใกล้
ห้างค้าปลีกใจกลางเมืองนั่นเอง ที่ซึ่งมีทุกอย่างให้เลือกในราคาย่อมเยาไม่ว่าเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า
เครื่องประดับและอื่นๆอีกมากมาย ไม่คิดว่าคนระดับเขาจะรู้จักแหล่งช็อปราคาถูกแต่ดูดีที่โปรดปราน
ของมนุษย์เงินเดือนย่านใจกลางเมือง

“คุณแฟรงค์รู้จักที่แบบนี้ด้วยหรือคะ” ทอไหมถามตามใจคิด

“ผมก็คนเดินดินกินข้าวเกงเหมือนกันนี่ ผมไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาแต่เกิดนี่นา อีกอย่างของที่
ขายที่นี่กับในห้างไม่ต่างกันหรอก ต่างที่ราคากับยี่ห้อเท่านั้น เวลาใช้ไม่มีใครสนใจมาดูหรอกว่าคุณใส่เสื้อผ้า
ยี่ห้ออะไร มีแค่คนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่อยากอวดรวยอวดหรูเลยยอมจ่ายแพงกว่าหารู้ไม่ว่าได้ตกเป็นเหยื่อ
ของนักการตลาดที่พยายามหลอกล่อให้คนในสังคมยึดติดแบรนด์เพื่อจะได้อัฟราคาสินค้าของตัวเองได้”

คำตอบของเขาถ้านักการตลาดมาได้ยินเข้าสงสัยเขาไม่รอดแน่ข้อหาไปสอนให้คนฉลาด ทอไหมคิดแล้ว
แอบยิ้มขำซึ่งก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาคมกริบของคนตัวใหญ่ข้างกายไปได้

“คุณเห็นผมเป็นหม่ำจกม๊กเหรอถึงได้ขำ”

“เปล่าค่ะ เพียงแต่แปลกใจที่นักธุรกิจอย่างคุณมีความคิดแบบนี้”

“ก็ผมไม่ได้ขายเสื้อผ้าของใช้นี่ ธุรกิจผมแตกต่างจากพวกนี้ ไว้วันหลังผมจะพาไปดู ตอนนี้คุณไป
หาซื้อของใช้จำเป็นก่อนดีกว่า อย่าลืมเลือกซื้อเผื่อป้าหนูด้วย จากบ้านนั้นมาตัวเปล่าเหมือนกัน ที่นี่คุณซื้อได้
โดยไม่ต้องกลัวจะรบกวนเงินในกระเป๋าคุณย่าเพราะถูกกว่ากันเยอะ คุณย่ารักคุณมากถึงอยากเลือกสิ่งที่ดี
ที่สุดให้คุณ” เขาพูดเหมือนรู้ว่าเธอไม่อยากให้หญิงชราที่เธอรักและเคารพต้องหมดเปลืองไปกับเธอมากนัก
ทั้งยังห่วงป้าหนูด้วย ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ อ่านความคิดเธอออก แล้วสิ่งที่เธอจะทำตามคำขอร้องของ
คุณย่าสร้อยเขาจะรู้ทันเธอไหม ทอไหมคิดหนักทีเดียว

“เป็นอะไรไปจ๊ะเฟิร์นจ๋า ทำไมทำหน้าคิดหนัก” อยู่ดีๆเขาก็พูดจาหยอกล้อเธอเล่นเหมือนเป็นคนรัก
จนทอไหมปรับตัวไม่ทัน

“เปล่าค่ะ เฟิร์นขอไปซื้อของดีกว่า” ร่างบางทำท่าจะผละจากไปแต่กลับถูกมือใหญ่แข็งแรงยึดไว้

“บอกมาก่อน เป็นอะไรไป ยังไม่ต้องรีบหนีผมไปไหน” คราวนี้เสียงเขาเข้มจัด นัยน์ตาคาดคั้น
เอาเรื่องทีเดียว

“ปล่อยค่ะคุณแฟรงค์ คนมองกันใหญ่แล้ว ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ” ทอไหมเริ่มกลัวที่จะอยู่ใกล้คนฉลาด
และเอาเรื่องอย่างร้ายกาจเช่นพ่อตัวดีของคุณย่าแล้วสิ

“แน่นะ ดี..ผมไปด้วย ยังไงๆคุณก็ขาดผมไม่ได้หรอก” ดวงตาคมเข้มเหลียวมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่า
ไม่มีใครสนใจจึงก้มหน้าเกือบชิดแก้มเนียนหอมแล้วกระซิบเบาๆว่า “เพราะคุณไม่มีเงิน” และเธอก็เสียแก้ม
ให้เขาโดยไม่ทันรู้ตัวพอรู้ตัวมือบางรีบผลักใบหน้าหล่อเข้มออกห่างและสะบัดมือแรงๆก่อนพาตัวเดินหนีไปที่
แผงเสื้อผ้าโดยมีร่างสูงใหญ่ตามไปติดๆด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม รู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของทอไหม
เมื่อครู่เขาแค่ทดสอบ คิดว่าเธอจะโกรธและต่อว่าเขาทำหน้าเครียดที่ถูกเขาลวนลาม แต่กลับไม่ อะไรทำให้
สาวดื้อเปลี่ยนไป เขาอยากรู้จริงๆ แต่ที่รู้แน่ๆคือเธอยังคงร้ายไม่ใช่เล่นเอาคืนเขาโดยขนซื้อเสื้อผ้าข้าวของ
เครื่องใช้โดยไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าเขาและเห็นใจเขาที่ทำหน้าที่แบกฝ่ายเดียว เฝ้าบอกตัวเองว่า ยอมก็ได้
วันหน้าค่อยเอาคืนคนโปรดของคุณย่า
==========
คุณย่าสร้อยนั่งคุยเล่นกับป้าหนูในห้องนั่งเล่นระหว่างรอหลานชายพาทอไหมกลับมาทานข้าวเย็น
พร้อมกัน

“นี่มันเกือบสองทุ่มแล้วนะคะคุณเฟิร์นยังไม่กลับมาอีก ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ชักเป็นห่วง
แล้วสิคะคุณย่า” ป้าหนูเปรยกับหญิงชรา สีหน้าและแววตานั้นดูกังวลจนจนเห็นได้ชัด

“ยายหนูบ่นแบบนี้แสดงว่าไม่ไว้ใจหลานชายฉันใช่มั้ย” คุณย่าสร้อยแสร้งทำเสียงไม่พอใจ

“แหม..คุณย่าก็..ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย อิฉันเกรงว่าพวกนั้นจะตามมาจับตัวคุณเฟิร์นไปและทำร้าย
หลานชายคุณย่าเอาค่ะ คุณย่าอย่าถือสาอิฉันเลยนะคะ” ป้าหนูแก้ตัวเสียงอ่อยๆ

“ไม่ต้องกลัว ตาแฟรงค์มีฝีมือพอตัว คุ้มครองหนูเฟิร์นได้สบาย เลิกคิดมากได้แล้ว แล้วเลิกพูดอิฉันกับฉัน
ได้แล้ว เมื่อก่อนไม่เห็นแกจะนอบน้อมแบบนี้เลยนี่ยายหนู เคยพูดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น” ผู้สูงวัยกว่าประชดด้วย
ความหมั่นไส้ในอาการวิตกจริตของอีกฝ่ายทั้งยังพูดจากับท่านราวกับท่านเป็นเจ้านายผู้สูงศักดิ์ทั้งที่ตอนอยู่
ด้วยกันที่บ้านทอไหมพูดกับท่านอย่างสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อนร่วมรุ่นด้วยคิดว่าท่านเป็นคนแก่อนาถา

“ก็..ตอนนี้คุณย่าไม่ใช่..เอ่อ..” ป้าหนูไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี

“ไม่ใช่คุณย่าเก็บตก หญิงชราผู้น่าสงสารที่บังเอิญคุณเฟิร์นของแกให้ความอนุเคราะห์ไว้เพราะสงสาร
ใช่มั้ย” คราวนี้คุณย่าสร้อยใช้สรรพนาม “แก” เรียกป้าหนูแทน “ยายหนู” เหมือนครั้งที่เคยอยู่ด้วยกัน

“เข้าใจแล้วค่ะ อิฉันคิดมากไปหน่อยแต่ถึงอย่างไรก็ขอเรียกตัวเองว่าอิฉันกับคุณย่านะคะ อะไรที่อิฉันเคย
ล่วงเกินคุณย่าไว้ขออย่าได้ถือสาเลย วันนี้ถ้าไม่ได้คุณย่ากับหลานชาย อิฉันกับคุณเฟิร์นต้อง...ต้อง..” ป้าหนูทำ
ท่าจะเป่าปี่ด้วยความซาบซึ้งอีก คุณย่าสร้อยส่ายหน้าระอา

“เอาเถอะๆ ฉันเข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าอยากทำอะไรเรียกอะไรก็ตามใจแต่ฉันจะเรียกเหมือนเดิม ไม่อยาก
วางตัวสูงส่งกลัวไม่มีเพื่อนคุย”

“อิฉันไม่บังอาจเทียบชั้นเป็นเพื่อนคุณย่าได้หรอกค่ะ”

“แล้วทีเมื่อก่อนทำไมแกกล้าฮึ ยายหนู” ท่านชักมีน้ำโห

“ก็นั่นมันเมื่อก่อนนี่คะคุณย่า”

“พอๆ ฉันขี้เกียจเถียงกับแกแล้ว ...ทำไมป่านนี้พ่อตัวดีของฉันยังไม่พาหนูเฟิร์นกลับมาเสียที
สั่งนักสั่งหนาให้กลับมาให้ทันข้าวเย็น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” คราวนี้เป็นหญิงชราที่กังวลแทนพลันก็มีเสียง
ทักจากนฤมลดังมาจากด้านหลังว่า

“คุณแฟรงค์หอบอะไรมาคะนั่นเยอะแยะไปหมด แล้วคุณเฟิร์นไม่ช่วยเลยเหรอคะ” ทั้งคุณย่าสร้อย
และป้าหนูจึงหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน จริงดังที่นฤมลบอก ปรมะเดินหิ้วของพะรุงพะรังตามหลังทอไหม
ซึ่งเดินเข้ามาโดยไม่สนใจคิดจะช่วยหิ้วสักนิด ดวงตากลมโตตวัดมองนฤมลแวบหนึ่ก่อนจ้องมองตัวต้นเหตุ
ด้วยนัยน์ตาขุ่นจัดเพราะเขาเธอถึงต้องเดือดร้อนจากคำพูดของนฤมล ฟังดูเหมือนนฤมลจงใจตำหนิเธอ
มันเรื่องอะไรกันเพิ่งรู้จักไม่ทันข้ามวันไม่ชอบเธอเสียแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ คิดมากไปเองมั้ง ไม่ว่าจะชอบไม่ชอบ
ขอเอาคืนคนร้ายกาจทำเธอเดือดร้อน คิดแล้วจึงพาร่างบางอรชรเข้าไปใกล้คนร้ายกาจแล้วยิ้มหวานให้

“ถึงแล้วขอของเฟิร์นคืนนะคะ แฟรงค์ อยากเอาใจเฟิร์นไม่เห็นต้องลงทุนขนาดนี้เลยนี่ เกิดแขนทรุดจะ
ทำยังไง” น้ำเสียงหวานๆนั้นฟังดูน่ากลัวมากกว่าในความรู้สึกของปรมะ เห็นหงิมๆไม่นึกว่าจะร้ายได้ใจ
ลองมาดูซิใครร้ายกว่าใครร้ายกว่าใครคนสวย

“แค่เฟิร์นห่วงผมก็ดีใจแล้ว เฟิร์นน่ารักแบบนี้ผมรักผมหลงแย่เลยครับ” โดยที่ทอไหมไม่ทันระวังแก้ม
เนียนนุ่มก็ถูกขโมยจูบทีหนึ่งพร้อมเสียงร้องบอกของแมวขโมยตัวใหญ่ว่า

“เฮ่อ..หายเมื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย เฟิร์นจ๋า” คนเสียท่าหน้าแดงจัดไม่รู้ว่าว่าเพราะฉุนแมวขโมยหรืออาย
กันแน่ผิดกับสายตาที่จ้องมองแมวขโมยตัวใหญ่วาววับอย่างน่ากลัว

‘คนร้ายกาจ จะแกล้งเธอให้อายไปถึงไหนกัน ถ้าไม่เกรงใจคุณย่า คอยดู จะสั่งสอนให้รู้จักเฟิร์นจ๋าไป
อีกนาน’ ทอไหมได้แต่คิดไม่กล้าทำกลัวเข้าทางแมวขโมยตัวร้ายอีก

“ต๊าย! คุณย่าดูซิคะ คุณแฟรงค์หยอกคุณเฟิร์นแรงนะคะนั่น คุณเฟิร์นเขินอายจนหน้าแดงแล้ว”
นฤมลหยอกเล่นพลางตวัดสายตาคู่สวยมองทอไหมแวบหนึ่งแล้วยิ้มให้ ทอไหมกลับรู้สึกพิกลกับรอยยิ้ม
ของนฤมลเวลานี้เธอทำอะไรไม่ได้เอาเสียเลยสู้นิ่งเสียดีกว่า อยากให้มีใครช่วยจัดการคนร้ายกาจตัวใหญ่แทนที
และแล้วสิ่งที่เธอปรารถนาก็เป็นจริงเมื่อได้ยินเสียงคุณย่าสร้อยดังขึ้น

“แฟรงค์ ทำอะไรหัดสำรวมบ้าง หนูเฟิร์นเป็นกุลสตรีนะ จะทำอะไรหัดเกรงใจย่าบ้าง ไม่ไหวเลยนี่”

“ก็หนูเฟิร์นของคุณย่าน่ารักนี่ครับ เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันนะเฟิร์นจ๋า ต่อไปผมจะไม่ทำแสดง
ความรักกับคุณต่อหน้าคนอื่นอีก แต่คุณก็อย่าพยายามทำตัวน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวก็แล้วกัน” เขาไม่วาย
โยนให้เป็นความผิดเธอ ทอไหมเริ่มเหลืออดกับหลานชายร้ายกาจของคุณย่าสร้อยถ้าไม่ติดที่คำขอร้อง
ของท่านป่านนี้ได้เห็นดีแน่ทว่าป้าหนูกลับรู้สึกชอบใจเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นคุณเฟิร์นของแกมีชีวิตชีวา
ลืมปัญหาต่างๆที่รุมเร้าในชีวิตไปได้ชั่วขณะ

“ยากค่ะที่จะให้คุณเฟิร์นหายน่ารัก” ป้าหนูถือโอกาสชมนายสาวออกนอกหน้า อยากให้มีคนคุ้มครอง
ที่เหมาะสมแกจะได้สบายใจหายห่วง

“ป้าพูดแบบนี้คุณแฟรงค์ยิ่งได้ใจ ต่อไปเห็นทีคุณเฟิร์นของป้าจะลำบากแล้วล่ะ” นฤมลร่วมวงหยอก
เย้าทอไหมด้วยใบหน้ายิ้มละไม หากในใจกลับเต็มไปด้วยเพลิงริษยาเมื่อเห็นปรมะยิ้มหน้าบานส่วนทอไหม
มีท่าทีเขินจัด

‘หมั่นไส้ แกล้งทำเป็นเขินอาย ไร้เดียงสาไม่เคยถูกผู้ชายจูบ หวังจับคุณแฟรงค์ให้อยู่หมัดไม่ว่า
ไม่ช้าหรอกฉันต้องรู้ที่มาของแกให้ได้นังเฟิร์น’ นัยน์ตานฤมลจ้องมองทอไหมอย่างชิงชังโดยไม่มีใคร
ทันสังเกตเว้นแต่สายตาคู่หนึ่งที่เห็นแล้วคิ้วหนาเข้มได้รูปสวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนเป็นปกติ

“พอๆ เลิกยั่วหนูเฟิร์นได้แล้ว เราด้วยแฟรงค์ทำเอาน้องเขินไปหมดแล้ว กินข้าวเสร็จย่ามีเรื่องจะคุย
ด้วย อยากซ่าส์นัก” คุณย่าสร้อยคาดโทษหลานชายตัวดี ได้ผลคนถูกคาดโทษหน้าจ๋องทันที ทอไหมเห็นแล้ว
ลอบยิ้ม สมน้ำหน้าอยากแกล้งเราดีนัก เพี้ยงข้อให้คุณย่าจัดหนักๆ

“ได้ครับ คุณย่าจะจัดหนักจัดเบาผมก็ไม่ว่า ถ้าทำให้เฟิร์นหายงอนผม” เขายังไม่วายเอาทอไหมเข้าไป
เกี่ยวด้วย คนเป็นย่าขว้างค้อนงามๆให้ทีหนึ่ง

“ย่าไม่อยากพูดให้เสียพลังงานอีก ไปกินข้าวได้แล้วย่าหิว” คนเป็นย่าพาร่างท้วมเดินนำไปห้องอาหาร
โดยไม่สนใจว่าใครจะตามมาบ้าง
========
ทอไหมรู้สึกว่าห้องที่คุณย่าสร้อยจัดให้เธออยู่นั้นค่อนข้างกว้างและหรูหราเกินตัว เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น
ดูหรูสวยมีราคาตบแต่งอย่างดี

“คุณเฟิร์นไม่ชอบเหรอคะ ห้องออกใหญ่โตสวยงาม เตียงก็น่านอน คุณย่ารักคุณเฟิร์นมากนะคะ
ถึงจัดห้องนี้ให้ เห็นคุณมลบอกว่าปกติห้องนี้จะไม่เปิดให้ใครพักเมื่อก่อนเป็นห้องของท่าน แต่ตอนนี้ท่านนอน
ชั้นล่าง สังขารไม่ไหวขึ้นลงลำบาก” ป้าหนูให้ข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อเห็นทอไหมมีท่าทีอึดอัด

“ป้าหนู มันยิ่งทำให้เฟิร์นเกรงใจท่านมากขึ้น แค่นี้ท่านก็เมตตาเรามากพอแล้ว”

“คุณเฟิร์นคิดมากอีกแล้ว ท่านรักเอ็นดูคุณเฟิร์นก็อยากให้คุณเฟิร์นสบาย อยู่กับท่านและหลานชาย
ของท่านอย่างมีความสุข คุณมลก็บอกอย่างนั้น” ป้าหนูพยายามพูดให้ทอไหมสบายใจหากทอไหมกลับ
สะดุดคำพูดสุดท้ายของป้าหนูทันที

“คุณมลว่าอย่างนั้นหรือป้าหนู”

“ค่ะ คุณมลน่ารักนะคะ มีน้ำใจ ไม่ถือตัวว่าป้าเป็นแค่คนมาขอพึ่งใบบุญ ดูแลเอาใจใส่ป้าดีมาก
ยังบอกว่าขาดเหลืออะไรให้บอกด้วย แถมยังบอกป้าอีกว่าถ้าคุณเฟิร์นมาเป็นหลานสะใภ้ท่านจริงๆ ท่านคง
มีความสุข ป้าก็ว่าจริง คุณเฟิร์นของป้าสวยน่ารักเหมาะกับหลานชายรูปหล่อของท่านมากนะคะ” ป้าหนู
มีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขทว่าทอไหมกลับทำหน้าไม่ถูก เห็นทีอนาคตคงหนีไม่พ้นหลานชายตัวดีของ
คุณย่าแน่ ดูเหมือนใครๆพากันสนับสนุนเหลือเกิน แต่สำหรับทอไหมที่หนีไม่พ้นอาจเป็นเหตุผลอื่น ตราบใด
ที่หัวใจยังไม่รู้สึกรักชอบก็ขอถ่วงเวลาไปเรื่อยๆแม้จะรับปากคุณย่าท่านแล้วก็ตาม ขึ้นอยู่กับความประพฤตของ
หลานชายท่านว่าจะดีพอให้เธอทำตามคำขอร้องของท่านได้เต็มร้อยหรือไม่ แต่ทำไมนฤมลเห็นดีเห็นงามไปด้วย
ทอไหมรู้สึกว่าไม่ใช่อย่างที่ป้าหนูคิด

“ใช่ทุกคนในบ้านนี้มีน้ำใจกับเรา ฉะนั้นถ้าทำอะไรเป็นการตอบแทนได้ เฟิร์นว่าเราควรทำ แต่เราเพิ่ง
รู้จัก มันยังเร็วไปที่จะตัดสินว่าใครเป็นอย่างไร ป้าอย่าไว้ใจใครให้มากนัก ดูคนต้องดูนานๆ” ทอไหมเตือน

“คุณเฟิร์นคิดมากอีกแล้ว คนบ้านนี้แม้เป็นคนอื่นยังมีน้ำใจยิ่งกว่าญาติแสนเลวของคุณเฟิร์นที่อยู่ร่วมกัน
มาหลายปี เลิกคิดมากได้แล้วค่ะ ป้าว่าคุณเฟิร์นพักดีกว่านะคะ ตื่นมาหน้าตาจะได้สดชื่น คุณแฟรงค์เห็นแล้ว
จะได้รักจะได้หลง” ทอไหมหน้าแดงโดยไม่รู้สาเหตุจากคำพูดหยอกเย้าของป้าหนู

“ป้าหนู อย่าไปพูดแบบนี้กับคนอื่นนะ ไม่อย่างนั้นเฟิร์นโกรธจริงๆด้วย” น้ำเสียงทอไหมฟังดูขึงขังมาก
จนป้าหนูแปลกใจ คุณเฟิร์นชักจะแปลกๆ ถ้าไม่อยากให้คุณแฟรงค์สนใจ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย

“ป้ากลัวแล้วค่ะ ไม่ยั่วแล้ว ป้าขอตัวไปอาบน้ำนอนดีกว่าค่ะ” ป้าหนูชิ่ง ปล่อยให้ทอไหมยืนหน้าง้ำปาก
ก็พึมพำโทษคนที่ทำให้เธอต้องเสียแก้มและอายว่า

“คนอะไรร้ายนัก ไม่อยู่ยังทำให้เราเดือดร้อนอีก เพี้ยงขอให้คุณย่าช่วยสั่งสอนอบรมให้เข็ดทีเถอะ”
========
หลังอาหารค่ำผ่านไปปรมะก็ประคองคนเป็นย่าไปยังห้องนั่งเล่นที่เขามักใช้เป็นห้องทำงานด้วย
“คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผม บอกมาเลยครับ ผมยินดีรับฟังกลัวคุณย่าฆ่าหมก” เขาเหย่คนเป็นย่าเล่น

“แฟรงค์ ถ้าอยากตายนักเดี๋ยวย่าจะจัดให้ เลิกเล่นได้แล้ว ย่ารู้นะว่าเรานะคิดแกล้งหนูเฟิร์น
ทำไมต้องแกล้งให้ได้อายด้วย” คงเป็นย่าเริ่มเบิกความ

“ไม่ได้แกล้งครับ ก็หนูเฟิร์นของย่าน่ารักจริงๆนี่นา ผมเลยอดใจไม่ไหว เพิ่งรู้เหมือนกันคนเก่งก็อาย
เป็นด้วย เวลาอายนี่น่ารักที่สุด แก้มขาวใสเป็นสีชมพูโดยไม่ต้องพึ่งแป้ง” เขายิ้มเมื่อนึกถึงแก้มเนียนนุ่มหอม
ขาวใสอมชมพูเวลาอาย

“โอ๊ย!!” เสียงอุทานดังลั่นเพราะถูกมืออวบของคนเป็นย่าหยิกเอาที่แก้ม

“นี่แน่ะ คิดไม่ดีกับหนูเฟิร์น บอกก่อนนะ ถ้ารักชอบหนูเฟิร์นจริงๆ ย่าจะไม่ขวางถ้าแกจะแสดง
ความรักบ้างแต่อย่าให้ประเจิดประเจ้อมากนัก หนูเฟิร์นตั้งรับไม่ทันกับความเป็นคนมือไวปากไวของแก
แต่ถ้าคิดเล่นๆ ย่าขอห้ามเด็ดขาด ไปหาสาวอื่นโน่น หรือจะหยอกแม่โซเนียที่แทบจะไล่ปล้ำแกทุกครั้งที่เจอ
หน้าก็ได้แต่ต้องไม่ใช่หนูเฟิร์นของย่า ลำพังแค่ปัญหาที่รุมเร้าในชีวิตก็น่าสงสารพอแล้วแกยังจะ..” คนเป็นย่า
รีบปกป้องคนโปรดทันที

“ครับๆ ผมกลัวแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้คิดเล่นกับหนูเฟิร์นของย่าสักหน่อย เพียงแต่ผมอยาก
ทำความคุ้นเคยไว้ ผมยังไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับผม อีกอย่างผมจำต้องหาใครสักคนมาเป็นข้ออ้างที่มีน้ำ
หนักพอที่จะให้ผมปฏิเสธใครบางคนได้ ไม่อย่างนั้น...” ท่าทางขี้เล่นหายไปเมื่อคิดถึงปัญหาที่กำลังจะ
ตามมาซึ่งมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวพันด้วย

“แฟรงค์หมายถึงคู่ค้าคนสำคัญที่ต้องถนอมน้ำใจใช่ไหม ย่าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง หนูเฟิร์นจะเป็นตัว
ช่วยที่ดีที่สุด แต่เราต้องปลดห่วงที่รัดคอหนูเฟิร์นให้ได้ก่อน” มืออวบตบหลังมือหลานชายเบาๆ เข้าใจดี
กว่าจะพลิกฟื้นกิจการและขยายกิจการจนใหญ่โตและมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย หลานชายจึงไม่อยากให้ธุรกิจต้อง
มาสะดุดอีกครั้งเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องในเชิงธุรกิจแต่กลับเกี่ยวพันได้เหมาะเจาะ

“ไม่จำเป็นครับ ผมจะทำไปพร้อมกัน ที่สำคัญหนูเฟิร์นของย่าต้องทำตามกติกาของผม ดูเธอจะขี้กังวล
เกินเหตุ คุณย่าคงไม่ว่านะครับถ้าต่อไปนี้ผมจะลากหนูเฟิร์นของย่าไปไหนต่อไหน ผมไม่อยากให้อยู่ตาม
ลำพังกลัวคิดมากจนไม่เป็นอันช่วยผม”

“อยากให้ย่ารู้เห็นเป็นใจล่ะซี ระวังสาวอื่นไม่พอใจแล้วจะเดือดร้อน” คนเป็นย่ารู้ทันและไม่บอกว่า
ท่านได้พูดคุยกับทอไหมเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอดูว่าเด็กสาวจะทำตามที่ท่านขอร้องได้แค่ไหนเพราะท่าน
ไม่ต้องการใครอื่นมาเป็นหลานสะใภ้และไม่อยากบังคับด้วย ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความเต็มใจของทั้งสอง
ฝ่าย ดูเหมือนไม่ช้าท่านจะสมหวังด้วย

“ผมยังไม่เคยให้ความหวังกับใครนะครับ แต่หนูเฟิร์นของย่าจะเป็นรายแรก ผมรู้ถ้าคว้าสาวอื่นมาเป็น
หลานสะใภ้ คุณย่าไม่แฮปปี้แน่ เลยจัดหนักให้ผม” หลานชายก็ใช่ย่อยรู้ทันความคิดท่านเลยได้รับแจกค้อน
งามๆอีกครั้ง

“ที่แท้ก็รู้มาตั้งแต่ต้น มิน่าเล่าพอย่าวานให้ช่วยเรื่องหนูเฟิร์น ไม่สอบถามรายละเอียด รีบจัดให้โดยไม่
รอช้า บอกย่ามาตามตรง แอบติดตามหนูเฟิร์นมานานเท่าไรแล้ว” คนเป็นย่าถามเสียงเข้มเมื่อนึกอะไรได้
ที่แท้ท่านถูกหลานชายตัวดีหลอกมาตลอด

“ก็ตั้งแต่ไปรับตัวคุณย่ากลับจากบ้านนั้น ผมก็เฝ้าดูมาเรื่อยให้คนอื่นไปเฝ้าบ้าง ไปเองบ้างถ้ามีเวลา
เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวก็เท่านั้นเอง กลัวเป็นอะไรไปแล้วผมต้องเสียคุณย่าไป” พ่อตัวดีของท่านรีบพูดเอาใจ

“ขอให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ย่าเกรงว่าเอาย่ามาอ้างมากกว่า ย่าขี้เกียจคุยแล้วเอาเป็นว่าอยากทำอะไรก็
ทำแต่ห้ามทำให้หนูเฟิร์นเสียหายก่อนเวลาอันควร เข้าใจไหม”

“คุณย่าเล่นขู่แบบนี้ใครจะกล้า ผมไปส่งคุณย่าที่ห้องดีกว่า” เขาประคองท่านพาไปที่ห้องนอนรู้ว่า
ได้เวลานอนของท่านแล้ว

***ขอบคุณที่ลงคะแนนให้ค่ะ อนาคตถ้ามีโอกาสจะมาตอบแทนคุณพ่อแม่พี่น้อง...ขอขอบคุณแบบมีวาระ
ซ่อนแร้นแบบนักการเมือง...ตามอ่านไปเรื่อยๆแล้วคนอ่านจะโชคดีทุกงวด อิอิอิ๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2554, 14:59:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2554, 14:59:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 2462





anOO 13 พ.ย. 2554, 16:12:16 น.
ยัยมลต้องเป็นคนหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เฟิรน์แน่เลย


KipkeLucifer 13 พ.ย. 2554, 21:18:02 น.
หนูเฟิรน์ น่ารักมากค่ะ


omelate 14 พ.ย. 2554, 13:14:24 น.
กำลังคิดถึงหนูเฟิร์น ก็มาพอดี ดีจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account