ต้นไม้ของหัวใจ
ต้นไม้ต้นหนึ่งใช้เวลานานเท่าไรถึงจะงอก ปริญญ์ นายรู้มั้ย
คงไม่นานเท่าไรหรอกอาจจะสามวันหรือเกือบๆอาทิตย์มั้ง ถ้าดูแลดีๆมันอาจจะใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ได้
แล้วต้นไม้ต้นนั้นในหัวใจนาย เมื่อไหร่มันจะงอก สักที
แต่ฉันให้เวลาทั้งชีวิตให้มันอยู่ในหัวใจฉันตลอดไป ปริญญ์พูดพลางยิ้ม

Tags: ต้นไม้,ความทรงจำ

ตอน: ภาพในความทรงจำ

ปริญญ์ ชโลทร กำลังใช้ที่ปลายพู่กันแต้มสีให้กับหญิงสาวที่อยู่ในภาพอย่างเบามือและราวกับว่ากำลังยิ้มให้เขาเช่นกัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายกลางคนอายุราว 50 กว่าปีก้าวเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม
''พี่กวนนายรึปล่าวปริญญ์ นายยุ่งอยู่ไหม''
''ไม่ครับเชิญครับพี่วิทย์ ที่จริงให้เด็กมาตามผมก็ได้พี่ไม่น่ามาเองเลย''
''ปล่าว หรอกพี่อยากมาดูคนสวยของนายด้วย เห็นไม่ลงไปกินข้าวกลางวันเกือบอาทิตย์แล้ว ไหน ...อู้ สวยจริงๆด้วย ครูใหญ่สุวิทย์มองภาพหญิงสาวที่ยิ้มพรายให้เขาอย่างชื่นชม
''โรงเรียนเราโชคดีจริงที่มีครูศิลปะเก่งๆ อย่างนาย ที่พี่มามีเรื่องรบกวนเห็นพวกครูตี้บอกนายจะเขากรุงเทพ พรุ่งนี้ ''
''ครับเย็นๆ ผมต้องเอางานไปส่งสำนักพิมพ์ พี่วิทย์มีอะไรจะใช้ผมหรือฮะ ''ครูปริญญ์พูดพลางใช้พู่กันเก็บรายละเอียดของภาพอย่างเบามือ
''พรุ่งนี้ เย็นจะมีครูใหม่สองคน พี่จะจัดเลี้ยง เอ่อ ที่จริงอย่าพูดว่าจัดเลี้ยงเลยพี่จะเลี้ยงข้าวเขานะ พี่อยากให้นายเขียนป้ายตอนรับเขาหน่อย
ได้สิครับ พี่เขียนโน้ตทิ้งไว้บนโต๊ะเลยครับ ถ้าเสร็จแล้วผมจะให้เด็กไปติดที่ห้องประชุมเล็กให้''
''ขอบใจนายมาก พี่อยากให้นายอยู่นะแต่ถ้านายมีงานก็ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เวลาราชการ พี่ไม่ว่านายหรอก''
''ผมอยากอยู่นะครับ แต่ผมต้องส่งต้นฉบับภาพการ์ตูน ไปส่งสำนักพิมพ์ ขอโทษพี่กับเพื่อนครูด้วยแล้วกันครับ ''
''ไม่เป็นไร ไปเหอะลำพังเงินเดือนครูมันจะไปพออะไร นายมีพรสวรรค์นะแถมยังขยันอีก พี่ยังอยากทำงานพิเศษเงินงามๆอย่างนายเลย พี่ไปล่ะ ขอบใจที่ช่วยนะ'' ผู้สูงวัยกว่ายิ้มน้อยๆก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ปริญญ์เก็บรายละเอียดบางอย่างของภาพให้เสร็จ ใบหน้าสาวงามนั้นดูอ่อนหวานงดงามนัก สำหรับเขาศิลปะคือความงาม ทุกอย่างที่เป็นจุดเริ่มต้นของศิลปะมันต้องเริ่มต้นจากความงามเท่านั้นในความคิดของเขา
เขาเริ่มลงมีเขียนป้ายต้อนรับอย่างเงียบๆ ก่อนที่อักษรตัวสุดท้ายจะถูกเขียนเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
''ฮัลโหล นิดเหรอ''
''จ้ะพี่จะเข้ากรุงเทพ พรุ่งนี้เย็นๆ พี่จะแวะไปหานิดที่โรงบาลนะ''
''อะไรนะ เข้าเวรเหรอ วันมะรืนไหนบอกว่าวันหยุด''
''พี่จะแวะเอาของไปให้ ไม่เป็นไรพี่จะฝากไว้ที่เคาน์เตอร์นะ''
''จ้ะ ไม่เป็นไรจ้ะ ''ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ก่อนจะผ่อนลมหายใจน้อยๆ เป็นอีกครั้งแล้วสินะที่เขาไม่ได้เจอหน้าแฟนสาวในรอบสามเดือน อาชีพครูกับพยาบาลนี่หาเวลาว่างแทบไม่ได้ บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมนิตยาถึงไม่พอใจที่จะเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ทำไมเธอต้องลาออกจากราชการไปทำงานเอกชน ยิ่งรักกันนานเท่าไหร่ ระยะห่างของเธอกับเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทุกที ทุกที
..........................................................................................................................................

''เตียคะ กุ้งบอกว่าไม่ต้องก็ได้ เท่านี้ก็พอแล้วคะ''
''ไม่ล่าย'' เสียงของชายวัยกลางคน นัยน์ตาเล็กหยี ผมบางส่วนก็หายไปกับกาลเวลา หญิงสาวร่างเล็กมองผู้เป็นบิดาอย่างอ่อนใจ แต่ก็ไม่รู้ทำยังไงนี่ขนาดเธอแอบหนีมาแล้วนะ แต่เตียของเธอก็ตามมาถูกจนได้
''เตียคะ กุ้งมาทำงานนะคะ แล้วตู้เย็น ทีวีไม่ต้องก็ได้ค่ะ โอ้ย นี่เอาเครื่องซักผ้ามาด้วยหรือคะ ตายแล้วกำลังไฟจะพอมั้ยนี่ เตียเอากลับเถอะคะ''
''อยู่บ้านลื้อไม่เคยทำ อั๊วให้ลื้อมาก็บุญแล้ว อยู่ลีๆไม่ชอบ ชอบลำบาก ไอ้กลิ่งเอาของไปใส่ตู้เย็น ''เถ้าแก่เส็งบอกให้ลูกน้องเอาของสดผลไม้ไปใส่ในตู้เย็น อนงค์นางหรือกุ้งมองบ้านพักครูหลังเล็กๆของเธอ เธอกลัวว่าของที่บิดาเธอนำมาให้จะล้นบ้านหลังนี้ออกมาหรือไม่ แล้วถ้าครูอีกคนมาเธอ ว่ายังไงนะ เสียงรถเครื่องมอเตอร์ไซด์ดังกระหึ่มมาแต่ไกล คนขับร่างสูงโปร่งแบบนักกีฬาแต่ทว่าเมื่อเจ้าของร่างนั้นถอดหมวกออกผู้คนต่างก็ต้องแปลกใจ เพราะที่เขาคาดหวังจะได้พบ''ชายหนุ่มรูปหล่อ''แต่เปล่าเลยกลับเป็นหญิงสาวท่างทางปราดเปรียวในชุดแจ๊คเก็ตหนังสีดำแบกเป้ ดวงตายาวรี มองไปก่อนที่จะยกมือไหว้เถ้าแก่เส็งอย่างงงๆ
''บ้านพักครูหลังที่ห้าใช่ไหมคะ พอดี ดิฉันเพิ่งมาถึงคะครูใหญ่''
''ผมไม่ช่ายคุงครูใหญ่ฮะ ผมเป็นพ่อของครูกุ้ง''เถ้าแก่เส็งตอบอย่างงงๆ
''เหรอคะ นึกว่าครูใหญ่ ''อีกฝ่ายยิ้มเขินๆก่อนที่หันมาหาอนงค์นาง ที่กำลังมองผู้มาใหม่อย่างทึ่งๆเช่นกัน
''สวัสดีค่ะครูกุ้ง''
''สวัสดีคะ..คุณ..''อนงค์นางพูดค้างไว้ราวกับจะให้อีกฝ่ายตอบคำถามซะเอง
''สราลี ค่ะ สราลี ภูริพัทร ฉันเป็นครูภาษาไทยบรรจุใหม่คะ เรียก ลิน ก็ได้ค่ะ'' ใบหน้านั้นเปื้อนรอยยิ้ม อนงค์นางยิ้มรับไมตรีจิตนั้นทันทีและดูเหมือนว่าเธอจะได้พบเพื่อนใหม่แล้ว
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''


เมื่อคืนเขาแทบไม่ได้นอน...ปริญญ์ขยี้ตาเพื่อไล่ความง่วง เขาแทบไม่อยากสอนเลยในสภาพอย่างนี้ หลังจากส่งต้นฉบับเสร็จเขาไปนั่งรอแฟนสาวเกือบ สี่ชั่วโมงแต่เขาก็ไม่ได้พบเธอเลย ที่จริงเขาแทบจะไม่ชอบสภาพแบบนี้เลน สภาพที่ต้องห่างกันทั้งที่เลือกได้ นิตยาห่างเขาไปทุกที ความขุ่นมัวมันทำให้เขาไม่สบายใจเลยเช้านี้
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาไม่ได้หันไปมอง บางทีเด็กนักเรียนห้องเขาอาจจะเอาสมุดรายงานมาเก็บซึ่งปริญญ์ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจในการมาของผู้มาใหม่นัก
ขอโทษคะ คุณครูประจำชั้นม.3/1ใช่ไหมคะ พอดีดิฉันไม่เข้าใจการกรอกเอกสารบางอย่างน่ะคะ
เข้ามาก่อนสิครับ เช้านี้ผมมีสอนแต่คงมีเวลานิดหน่อย ปริญญ์บอกอย่างเนือยๆเขารินกาแฟใส่แก้ว ผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ร่างสูงโปร่ง หยุดที่โต๊ะของชายหนุ่ม เสียงนั้นสั่นนิดๆราวกับว่าไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็น
ปริญญ์ นั่นนายใช่ไหม ดวงตายาวรีมีแววปิติอยู่ในที รอยยิ้มจุดที่มุมปากและดูเหมือนชายหนุ่มจะหายง่วงทันทีที่ได้สบตาของอีกฝ่าย
ลิน อย่าบอกว่าเธอ ไม่น่าไม่น่าใช่ ปริญญ์พูด
ฉันเพิ่งมาบรรจุ และฉันก็ไม่นึกจะได้มาเจอนายที่นี่ นายสบายดีนะ
เธอเป็นครูใหม่เหรอฉัน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเธอ ปริญญ์พูด หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาจำเธอได้ ดวงตายาวรี เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ออกแนวรั้นนิดๆผมที่เคยตัดสั้นกุดสมัยเรียนบัดนี้ถูกรวบยาวเป็นหางม้าเรียบร้อยร่างสูงโปร่ง ใช่สิเธอสูงกว่าเขาถึงแม้ไม่มากนัก แต่ในตอนนั้นเขาแทบไม่อยากยืนใกล้เธอเลย ใช่มันเป็นปมด้อยที่เขามีในตลอดมาเขาเป็นผู้ชายที่เกือบจะตัวเล็กที่สุดในห้อง สิ่งเดียวที่่เขายังจำได้ว่าเธอยังคงเป็นเธอก็เพราะดวงตาคู่นั้นนี่แหละ
ฉันมีสอน เธอว่างคาบไหนอีก เอกสารเอาไว้ก่อนได้มั้ย ชายหนุ่มพูดราวกับตัดบทเเหมือนกับว่าเขาจะสลัดความคิดครั้งก่อนให้ออกจากหัว
อ๋อ ฉันก็มีสอน ม.1ตอนบ่ายๆได้มั้ย ฝากงานไว้โต๊ะนายก่อนได้มั้ย
เธอเอาไปด้วยเหอะ ฉันกลัวมันหาย
ก็ได้ ฉันจะมาใหม่นะ นายยังเหมือนเดิมนะ สราลีเอ่ยเสียงเย็นๆริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง
ฉันก็คนๆเดิมจะให้ฉันเปลี่ยนอะไรล่ะ ปริญญ์พูดราวกับถูกขัดใจนิดๆ
ขี้เก็กเหมือนเดิมบักปริญญ์เอ้ย เจ้าของเสียงพูดจบก็หันหลังออกไปจากห้องทันที ปริญญ์ที่ยิ่งอามรณ์ไม่ดีอยู่แล้วกลับอามรณ์ไม่ดีหนักขึ้น นักเรียนชั้นม.2ที่เรียนศิลปะคาบนั้นก็พบว่ารูปผลไม้ในถาดของครูปริญญ์ดูเหมือนจะมีเปลวไฟออกมาทุกรูป


การมาบรรจุเป็นครูใหม่ที่บ้านหนองปอแก้ว ทำให้สราลีค้นพบว่าเธอได้เจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ
เพื่อนที่ไม่เคยแยแสกับโลกภายนอก ปริญญ์ในวัยเยาว์ดูจะเป็นที่รักของครูมากกว่าของเพื่อน เพราะเรียนเก่งแถมยังมีพรสวรรค์ด้านศิลปะเพราะไม่ว่าจะมีการแข่งขันระดับใด ปริญญ์ต้องได้รับรางวัลใดรางวัลหนึ่งกลับมาเสมอ
ซึ่งมันช่างแตกต่างกับเธอ เด็กสาวตัวสูง ดื้อรั้นไม่เป็นที่รักของบรรดาครูสักเท่าใดนักเพราะเธอเรียนแย่ที่สุดในห้อง
แถมหน้าตาก็ออกไปทางขี้เหร่มากกว่าสวย จนอาจารย์ประจำวิชาศิลปะในตอนนั้นเคยพูดเชิงล้อว่า เป็นคนที่โชคร้ายโดยสมบูรณ์แบบ หรือไม่ก็ เป็นคนที่ไม่มีต่อมความงามในตัว ถ้ามีเวลาว่างเธอมักจะไปแอบมองปริญญ์วาดรูปที่ห้องศิลปะเสมอ
เพราะมือเรียวที่เปื้อนสีนั้น
มันช่างเหมือนกับมือของใครคนหนึ่งที่จากเธอไปในที่ที่ไกลแสนไกล เธอหลงรักมือคู่นั้นของปริญญ์ และสงสาร ที่ปริญญ์ไม่เคยมีชีวิตเด็กมัธยมไม่เคยหยอกล้อ เล่นหัวกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน
เพื่อนของปริญญ์คือ กระดาษ พู่กัน สี เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตแม้แต่รูปที่ปริญญ์วาดออกมาแต่ล่ะรูป สวยงามแต่ไร้หัวใจ เมื่อเรียนจบปริญญ์สอบได้ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงเทพ ซึ่งต่างกับเธอที่ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งเข้าสอบด้วยซ้ำ
เธอจึงตัดสินใจมาหางานทำพร้อมกับเรียนด้านครูที่เธอใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็น ไม่นึกเลยว่าเธอจะได้พบเขาอีก เพื่อนที่เธอแอบรักมาตลอดเวลา
ปริญญ์ ฉันรักนาย ภาพเด็กหนุ่มที่ถือพู่กันหยุดชะงัก เหมือนกับลังเลอะไรบางอย่าง
สราลีเดินถอยห่างราวกับไม่อยากได้ยินคำตอบเด็กหนุ่มยังคงเงียบ
นายไม่ต้องตอบหรอก เพราะฉันไม่ต้องการ แต่ฉันก็ไม่อยากเสียใจ
เพราะหลังจากวันนี้บางทีนายกับฉันอาจจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต
แต่ฉันจะไม่เสียใจเลยที่ได้บอกว่ารักนาย
และวันนี้เขาและเธอได้มาเจอกันอีกครั้ง คำรักเมื่อครั้งก่อนดูเหมือนจะแจ่มชัดในความทรงจำ
ไม่ว่ากี่ปีเธอไม่เคยลืมเขาเลย และเขาก็ยังมีท่าทางเย็นชากับเธอไม่เปลี่ยนแปลง และบางทีเขาอาจจะมีใครคนหนึ่งที่เขารักอยู่แล้ว
เธอจะไม่ไปก้าวก่ายเขาในเรื่องนั้น เพราะชีวิตของคนเราย่อมสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ตนชอบทั้งนั้น สิ่่งที่เธอยังคงทำได้ดีทีสุดคือ การเก็บความรักนั้นไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำและหัวใจ




นาคเหรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2554, 21:24:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2555, 23:40:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1125





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account