1,000,000 Beats
เรื่องราวของ แสงตะวัน ส่องสว่าง อายุ 17 ปี นักเรียนไฮสคูลปีสุดท้าย ที่สูญเสียครอบครัวไปด้วยอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังด้วยความเบื่อหน่าย เขามีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่นชื่อว่า ทาคะดะ ฮิโรชิ เป็นคนบ้านแตกสาแหรกขาด ใช้ชีวิตไปวันๆ ชอบมานั่งเล่นที่ห้องของ แสงตะวัน โดยพละการอยู่บ่อยๆ จนเขาเอือมระอา เหตุการณ์ต่างๆเริ่มขึ้นเมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงประหลาดที่พูดถึงเรื่องโลกคู่ขนาน โดยหลังจากนั้นเขาได้พบกับเพื่อนใหม่อีกห้าคนซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น คือ ไอกะ ฟูจิวาระ ไอ ฮิโรเสะ ฟูจิโกะ มิยาซาว่า เรียวโกะ ฮิโตะ และ ยูกิ คาวาชิมะ แต่ละคนมีเรื่องที่น่าปวดใจทั้งนั้น การได้พบกับเพื่อนทั้งห้าคนทำให้ชีวิตที่น่าเบื่อของเขาเริ่มมีสีสัน แต่สิ่งที่เขาต้องพบก็คือรอยยิ้ม และน้ำตา การพบพานและการลาจาก สิ่งต่างๆทำให้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นมา เรื่องราวของความรักที่บริสุทธิ์และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันจะลงเอยอย่างไร ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจต่างๆของแสงตะวันเอง
Tags: Drama, Romance, Fantasy, Tragedy, Comedy

ตอน: Episode 1 - Boring Life (edited)

ผมชื่อ แสงตะวัน ส่องสว่าง อายุ 17 ปี เป็นนักเรียนไฮสคูลปีสุดท้าย ตอนนี้ชีวิตผมไม่เหลืออะไรหลังจากครอบครัวประสบอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ผมเป็นคนเดียวที่รอดจากโศกนาฎกรรมครั้งนี้ สวรรค์ช่างลำเอียง ทำไมเรื่องร้ายๆจะต้องเกิดขึ้นกับผมด้วยนะ ผมพักอยู่หอพักของโรงเรียน ทุกคนดีกับผมมาก คงจะเพราะสงสารในความโชคร้ายของผมก็เป็นได้

เย็นวันหนึ่งหลังจากโรงเรียนเลิกได้พักใหญ่แล้ว ท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ผมรู้สึกอ่อนเพลียมากๆ และกำลังคิดที่จะหาที่นอนที่ไหนสักแห่ง ผมเดินไปตามฟุตบาทของโรงเรียนผ่านสนามบาสกลางแจ้ง ในขณะนั้นเอง ลูกบาสลูกหนึ่งพุ่งมาวิถีโค้งด้วยความเร็วพอประมาณกำลังจะตกใส่ผม แต่โชคยังดีที่ผมหลบทัน จากนั้นผมก็ต้องเจอกับภาพที่ไม่ค่อยอยากจะเห็นเท่าไหร่นัก
“เฮ้ นายน่ะ แสงตะวัน ช่วยเก็บลูกบาสให้ทีสิ” ทาคะดะ ฮิโรชิ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม นักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม มันตะโกนเรียกผมให้เก็บลูกบาสให้โดยหารู้ไม่ว่าไอ้ก่อนหน้านั้นมันจะตกใส่หัวผมอยู่แล้ว
“เฮ้ย นี่นายจะบ้ารึเปล่า ทำอะไรดูคนมั่งสิเห้ย” ผมตะโกนใส่ไอ้เพื่อนไม่เอาอ่าวของผม และขว้างลูกบาสกลับไปที่สนามให้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประจำจนผมรู้สึกเอือมระอา เจ้านี่จะต้องมาเล่นบาสคนเดียวที่สนามทุกเย็น อาจจะเป็นเพราะความปากหมาของมัน คนเลยไม่ค่อยอยากจะคบหาสมาคมด้วยสักเท่าไหร่
“เล่นบาสไหมเพื่อน รีแลกซ์หน่อยน่า”
“เอาเถอะ ฉันมีอะไรต้องทำอีกเยอะ” ตอบไปแบบนั้นแล้วผมก็เดินไปที่ห้องสมุด จริงๆแล้วผมอยากจะหาที่นอนพักที่อื่นที่ไม่ใช่หอพัก เพราะผมเบื่อชีวิตในหอพักเต็มทน

ที่ห้องสมุดนี้ไม่มีใครอยู่เลย ดูเหมือนว่านักเรียนจะกลับเข้าหอพักหรือกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ผมนอนหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความเหนื่อยล้า…

“นี่ นาย” มือนุ่มๆสองมือตีลงอย่างแรงที่กลางหลังของผม ทำให้ผมตกใจตื่น
ผมเอามือขยี้ตาด้วยความงัวเงีย และก็หันไปมองว่าเป็นฝีมือใคร แต่ผมว่าแรงๆแบบนี้มีอยู่คนเดียวแหละ…
“ไอกะ ฟูจิวาระ!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อเธอ
“ทำไมชอบทำให้คนตกใจเรื่อยเลย ฮ๊ะ กี่ครั้งแล้วเธอนี่” ผมพูดต่อ
“พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว ไปข้างนอกกันไหม” เธอชวนผม
“นี่เธอยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยนะ ฉันถามว่ากี่ครั้งแล้ว!!!”
เธอไม่ได้สนใจฟังคำถามของผมแต่อย่างไร เอามือขวาของเธอดึงแขนผมให้ลุกขึ้นตามเธอไปดื้อๆ
“นี่ เธอจะไม่ฟังฉันเลยใช่ไหม!!!”
ในที่สุดแล้วผมก็ต้องไปกับเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไอกะ ฟูจิวาระ นักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม ถ้าเปรียบเทียบกับผมแล้วเธอเป็นเด็กกิจกรรม ผลการเรียนดี ตั้งใจเรียน อนาคตไกลกว่าผมซึ่งไม่เอาไหนสักอย่าง ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆด้วยความเบื่อหน่าย

เธอพาผมมาที่ร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง เราใช้เวลาเดินทางมาที่นี่ประมาณยี่สิบนาที ผมมองซีดีเพลงป๊อปที่วางขายในร้าน มันทำให้ผมนึกถึงความทรงจำเก่าๆสมัยที่ครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า ผมจะร้องเพลงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ขณะที่เราปิ๊กนิ๊กกันจะมีเครื่องเล่นซีดีไปด้วยเสมอ ผมเหม่อลอยไปสักพักและก็ต้องตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกของคนข้างๆ
“ฉันจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ นี่คือความฝันเดียวที่มี” สายตาของเธอมุ่งมั่นมีพลังอย่างบอกไม่ถูก
ผมหันไปมองหน้าเธอด้วยความงุนงง
“นี่เธอจะซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอ บ้ารึเปล่า” ผมตกใจเมื่อเห็นซีดีในมือเธอ ไม่สิ ผมต้องบอกว่าเต็มถุงเลยถึงจะถูก
“ซักวันหนึ่ง ฉันจะต้องป๊อปปูล่า ฮ่าๆๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใสมีชีวิตชีวา และวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน

หลังจากออกจากร้านขายซีดีผมก็เดินไปส่งเธอถึงบ้าน ไม่สิเราแยกทางกันตรงสามแยกซึ่งเป็นทางกลับบ้านของเธอ ส่วนผมก็เดินกลับไปที่หอพักของโรงเรียนเหมือนเดิม เหตุการณ์วนเวียนซ้ำๆทุกวัน และวันนี้ผมก็เดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าทาคะดะ นอนดูหนังอยู่ในห้องของผมอย่างสบายใจ มิหนำซ้ำมันยังเอาป๊อปคอร์นถุงสุดท้ายของผมมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนว่าเป็นของตัวเอง

“เห้ย นี่มันถุงสุดท้ายแล้วนะเว้ย นี่มันห้องของฉันน่ะ!!” ผมพูดอย่างทำใจเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
“เห้ย นี่อย่ารบกวนเวลาดูหนังสิเห้ย ดูดิกำลังสนุกเลย พระเอกกำลังจะ… กับนางเอกแล้ว” มันดูอย่างสบายใจโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าผมเริ่มจะหงุดหงิดนิดหนึ่งแล้ว
“เอ้อ เอาเถอะ ไอ้เพื่อนเฮงซวย” ผมพูดแบบสิ้นคิด หยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก และนั่งลงดูหนังกับมัน
“เอ้อ นายสนใจรึเปล่า ตั๋วคอนเสิร์ตวง The Change คืนวันพรุ่งนี้ เหลืออยู่สองใบเองนะเว้ยเห้ย ฉันอุตส่าห์ไปขโมยมาได้ ฮ่าๆๆ” มันพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
ชั่วขณะหนึ่ง ผมนึกถึงไอกะ ผมคิดว่าเธอต้องชอบแน่ๆ ไอ้วง The Change อะไรนี่ และผมก็มีความคิดดีๆ ไม่สิ น่าจะเรียกมันว่าแผนชั่วร้ายมากกว่า
“ไอ้ของขยะพรรค์นั้น ใครจะไปสนใจเห้ย เอามาเดี๋ยวฉันเอาไปทิ้งขยะให้” ผมคว้ามาจากมือมัน และเก็บใส่กระเป๋า
“เฮ้ๆ ฉันอุตส่าห์ขโมยมาได้นะ” มันตะโกน
“เอาน่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอาไปทิ้งให้”
“นายนี่มันไอ้โรคจิต!!!!!!!” มันตะโกนด่าผมเสียดังลั่น
“เอาน่าเพื่อน เราจะได้ทำสิ่งดีๆเพื่อสังคมบ้าง” ผมยิ้มอย่างไม่มีพิรุธ
“เหอะ!!!” ไอ้เพื่อนเฮงซวยมันไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว

เหตุการณ์ก็ผ่านไปอย่างทุกๆวัน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ....

เช้าวันเสาร์ที่สุดแสนจะขี้เกียจ ผมตื่นขึ้นมาพบกับสภาพที่ทุเรศลูกตา ก็อย่างเช่นเคย เพราะห้องของผมรกอย่างกับกองขยะ ที่แท้ก็เพราะไอ้เพื่อนบ้านั่นคนเดียวแหละ ผมตัดสินใจทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพราะผมจะรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นอะไรขวางหูขวางตา

ผมนั่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปที่ร้านกาแฟห่างจากโรงเรียนไปสักสองสี่แยก มองดูผู้คนเดินผ่านทำให้ผมก็คิดอะไรไปต่างๆนานา ขณะที่ผมนั่งอยู่นั้นเอง โครม!!!! มีใครบางคนวิ่งมาชนเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่ล้มตึง และผมก็หันไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือไอ้เพื่อนเฮงซวยนั่นเอง มันหอบแฮกๆเหมือนเพิ่งวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง
“เห้ย แสงตะวัน เผ่นเร็ว มันมาแล้ว!!!” มันตะโกนและคว้ามือผมไปโดยที่ผมเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว
มันพาผมวิ่งมาจนถึงมุมตึกแห่งหนึ่ง สีหน้าของมันตอนนี้รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย
“นี่นายวิ่งหนีอะไรมา บ้ารึเปล่า”
“คือฉันเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง แล้วทีนี้เห็นไม่มีเจ้าของเลยเก็บใส่กระเป๋า ทีนี้แหละ เป็นเรื่องเลยเพื่อน มันมากันสามคน ตัวใหญ่มากๆ” มันเล่าจนผมมองเห็นภาพ
“ฉันว่า พวกนั้นน่าจะฆ่าขยะอย่างนายให้ตายไปซะนะ เสียดายชะมัด” ผมพูดแบบละเหี่ยใจและก็เดินจากไป

ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินไปสวนสาธารณะ จริงๆแล้วเพื่อที่จะผ่อนคลายหลังจากเจอเรื่องเซ็งๆมา ผมมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม กำลังเก็บลูกกวาดอยู่
‘โอ้ ทำตกมาทั้งกล่องเลยนะเนี่ย’ ผมนึกในใจ
“นี่ นาย คนประหลาดที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ ช่วยฉันเก็บลูกกวาดหน่อยสิ” เธอหันมามองผมและเรียกให้ผมช่วย
“นี่เธอนึกยังไงเรียกฉันว่าคนประหลาดเนี่ย เรารู้จักกันเหรอ” ผมพูดพร้อมกุมขมับ แต่ผมก็เดินเข้าไปช่วยเธอเก็บ
เมื่อผมช่วยเธอเก็บจนเสร็จเธอก็แนะนำตัวเองกับผมพร้อมด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ดูเหมือนจะมีพลัง แต่ผมว่ามันก็แค่การกระทำกิ๊กก๊อกๆเท่านั้นแหละ
“ฉันชื่อ มิโกะ ทาคาโอกะ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่น หน้านายคุ้นๆนะ เป็นรุ่นพี่ของมิโกะใช่ไหม” น้ำเสียงของเธอนั้น จะบรรยายยังไงดีล่ะ มันกิ๊กก๊อกมากเลย
“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอ และฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอแต่นักเรียนแลกเปลี่ยนจากญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยอย่างเธอไม่ควรมาเดินคนเดียวแบบนี้ มันอันตราย” ผมทำสีหน้าจริงจัง และพูดกับเธอ
“มิโกะไม่ใช่เด็กแล้วนะ อะงิ่ว อะงิ่ว” มันเป็นอะไรที่กิ๊กก๊อกจนผมเริ่มรู้สึกรำคาญ
“เอาเถอะ ฉันไปแล้ว เธอก็กลับบ้านไปได้แล้ว” ผมพูดและก็เดินจากเธอไป

ระหว่างที่นั่งบนม้านั่งหินอ่อนในสวนสาธารณะ ผมก็หยิบตั๋วคอนเสิร์ตสองใบที่เอามาจากเจ้าทาคาดะขึ้นมาดู ผมมองสำรวจบนตั๋ว
“สองทุ่มครึ่ง” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง
บรรยากาศรอบกายผมมืดสนิท และผมก็รู้สึกตัวว่าที่แท้มีคนเอามือสองข้างมาปิดตาผมจากด้านหลังนั่นเอง
ผมหันไปมอง ตรงหน้าผมคือ มิโกะ ทาคาโอกะ เด็กกิ๊กก๊อกที่ผมเพิ่งเจอไปเมื่อสักครู่นี้
“นี่เธอ ตามฉันมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามขึ้น
“นายคนขี้โกง” เธอพูดและทำท่าทีงอแง
“ฉันไปไถตังค์เธอเหรอ เหรอว่าไปลอกข้อสอบเธอ เฮอะ” ผมเริ่มจะหงุดหงิด
เธอมานั่งข้างๆผม และเริ่มจะเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง
“นานแล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอกัน นานข้ามมิติกาลเวลาเลย นายคือคนที่ช่วยชีวิตมิโกะไว้ มิโกะแค่อยากจะตอบแทน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาของเธอเริ่มซึม
“ไอ้เรื่องที่เธอพูดฉันไม่เข้าใจอะไรหรอก แต่เธอมีธุระอะไรกับฉันเหรอ แล้วเรารู้จักกันตอนไหน” ผมถาม
“จักรวาลที่เราอาศัยอยู่ ไม่ได้มีแต่เพียงเราอาศัยอยู่ แต่ยังมีโลกอีกล้านๆโลกเลยแหละ และความรู้สึกของเราก็จะเชื่อมต่อกันได้ ในโลกนี้ โลกนั้น ไม่ว่าโลกไหนก็ตาม เหมือนบางทีที่เราฝัน บางทีเหมือนเราฝัน แต่เราก็เจอกับสถานที่แห่งนี้มีอยู่จริง มิโกะแค่รู้สึกผูกพันกับคนที่ช่วยชีวิตมิโกะไว้”
ผมนิ่งเงียบ และจินตนาการตามในสิ่งที่เธอพูด ถึงแม้มันจะดูเข้าใจยาก แต่ก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมต้องคิดตาม ความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนมีภาระอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่อาจเข้าใจได้
“เอาเถอะ ฉันจะพยายามเข้าใจเรื่องที่เธอพูด ฉันชื่อ แสงตะวัน ส่องสว่าง เรียนอยู่ชั้นปีสาม ว่าแต่ ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอที่โรงเรียนเลยนะ เธอแน่ใจเหรอว่าอยู่โรงเรียนเดียวกับฉัน” ผมตั้งคำถามอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ตอบมัน และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด

บรรยากาศเริ่มปกคลุมไปด้วยความเงียบ ต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ทันใดนั้นเองมีกระต่ายตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ข้างหน้า มิโกะกระโดดอย่างลิงโลดและวิ่งเข้าไปหาเจ้ากระต่ายนั้น
“น่าร้ากกกกกกกกก!!!” เธอตะโกนอย่างตื่นเต้นและวิ่งหายไปกับกระต่ายตัวนั้น
ผมรู้สึกว่าเธอคงหายตัวไปกับเจ้ากระต่ายตัวนั้นแล้วละ พลันนั้นผมก็นั่งคิดถึงเรื่องที่เธอพูด
“โลกคู่ขนาน…” ผมพึมพำกับตัวเอง และยกมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกา
“จะเที่ยงแล้ว แวะไปหาไอกะดีกว่า” ผมพูดขึ้นเบาๆและก็ลุกขึ้นเดิน

โลกสองโลกกำลังโคจรไปในทิศทางเดียวกัน โลกสองโลกที่ไม่มีใครเคยมองเห็นด้วยตาเปล่า โลกที่ถูกแบ่งแยกด้วยมิติเวลา แต่อยู่ใกล้ชิดกันมากจนมองไม่เห็นความแตกต่าง โลกที่เป็นหนึ่ง ตอนนี้โลกสองโลกกำลังติดต่อสื่อสารกัน นั่นคืออดีต ปัจจุบัน อนาคต คือความเป็นหนึ่ง สายตาที่เศร้าสร้อยของเด็กสาว ช่างเลือนลาง จนมองไม่ออกว่าจริงๆแล้วเธอคือใครกันแน่ เธอคือความหวัง คือแสงสว่าง คือคำอธิษฐาน หรือคืออะไรกันแน่ และสิ่งที่เชื่อได้อย่างแน่ชัด คือมันต้องมีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลึกลับนี้อย่างแน่นอน…..

To be continue….



Unlocked
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2554, 03:59:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2554, 18:48:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1291





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account