อยากเธอเป็นตัวแทนเขาจะได้ไหม
เพราะความเป็นลูกคนโต เลยอยากจะมีพี่ชายที่แสนดีกับเขาบ้าง จึงเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ

ปี เด็กสาวระดับมัธยมต้น เคยมีพี่ชายที่แสนใจดี ต่อมาพี่ชายเสียชีวิต เมื่อได้มาเจอกับ ลิตร รุ่นพี่ ม.ปลาย ผู้ซึ่งมีหน้าตาคล้ายพี่ชายที่แสนดีของเธอ เขาเองฝันอยากมีน้องสาวซักคน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำให้ไม่เข้าใจกัน

เมื่อมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น เราใช้วิธีอย่างไรที่จะผ่านเหตุการณ์นั้นไปให้ได้
Tags: เรื่องสั้น

ตอน: ตอนเดียวจบ

ชายหนุ่มนั่งเงียบกริบอยู่ที่ม้าหินนานแล้ว….

ทอดสายตาไปเรื่อยเปื่อย เขาครุ่นคิดอยู่ในใจตลอดเวลา

วันนั้น ณ ที่ตรงนี้…

เขาพูดกับเธอรุนแรงไปหรือเปล่า แม่จอมยุ่งหายหน้าไป 2-3 วันแล้ว ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต มันเงียบเหงา ไม่วุ่นวายเหมือนตอนมีเธออยู่ใกล้ๆ

ตั้งแต่เล็ก….เขาอยากมีน้องสาวสักคน แต่แม่ก็จากไป พ่อแต่งงานใหม่ เขาต้องอยู่กับแม่เลี้ยง ความรู้สึกเหมือนแม่เลี้ยงแย่งความรักของพ่อไปจากเขา ทำให้รู้สึกว้าเหว่ ต้องพึ่งตัวเองตลอดมา

ถ้า…เขามีน้องสักคนคงดี…

==================

แล้ววันหนึ่ง…

กลางแดดจัดจ้าของยามเช้าที่ออกจะสายเสียแล้ว ขณะยืนเข้าแถวอยู่กลางสนามฟุตบอล นักเรียนหญิงชายยืนเข้าแถวหน้าสะล่อนตามลำดับชั้นพรึ่บเต็มสนาม สายตาเขาเหลือบไปเห็นอาจารย์สาวร่างเล็กกำลังประคองเด็กสาว ที่กำลังเป็นลมหมดสติ ท่าทีของอาจารย์สาว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ร่างเล็กบอบบางของเด็กสาวถูกอุ้มขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย แล้วรีบพาไปห้องพยาบาลทันที

วันต่อมา…

เจ้าของร่างเล็กบอบบางนั้น เดินมาขอบคุณเขา

จากวันนั้นเอง…ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอจึงเริ่มขึ้น

ความฝันที่อยากจะมีน้องสาวสักคน จึงเป็นจริงขึ้นมา…

เรื่องราวระหว่างเขาและเธอ กลายเป็นเรื่องล้อสนุกปากของเพื่อน ๆ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด บางครั้งรู้สึกรำคาญที่เธอคอยมาติดสอยห้อยตามตลอดเวลา จนแทบไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเองนัก

"เฮ้ย! ลิตร ยัยปีจอมซนยังไม่มาหรือวะ " เพื่อนสนิทเขาทักขึ้น
"ไม่มาแหละดีแล้ว เซ็งว่ะ รำคาญจะตาย " เขาตอบ พลางทำสีหน้าเบื่อหน่าย

เพื่อนหนุ่มของเขาเลิกคิ้ว

"อะไรวะ ลิตร น้องปีออกจะน่ารัก "
"งั้นข้ายกให้เอ็งเลย "
"ได้ไง...อยู่ ๆ มายกให้ง่าย ๆ เฮ้ย! ถามจริง! แกเป็นเจ้าของยัยปีเมื่อไหร่วะ " เพื่อนเขาหัวเราะ

ลิตรหันขวับมาจ้องหน้าคนพูดทันที

"พูดบ้าๆ ข้ารักยัยปีเหมือนน้องสาวโว้ย....ขืนพูดมากเดี๋ยวก็หลังแหวนหรอกพรรคพวก! " เขาชักยัวะ!

แล้ววันนั้นเอง…เขาจัดการพูดกับปีถึงขั้นเด็ดขาด!

เหตุการณ์เย็นวันนั้นทำให้เขาสูญเสียน้องสาวที่เคยฝันอยากมีมานาน

เย็นวันนั้น ณ ที่ตรงนี้ ม้าหินตัวนี้…

ลิตรถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะนึกทบทวนเรื่องราววันนั้น…

"นั่งลง ปี แล้วฟัง" เขาสั่งเสียงเข้ม

"ฟังนะ ต่อไปนี้เธอเลิกมาเจ๊าะแจ๊ะ เกาะแกะ ก่อกวน รังควาญพี่ได้แล้ว เธอรู้มั้ย! พี่ถูกเพื่อนๆ ล้อต่างๆ นาๆ เธอตามพี่ยังกะเงาตามตัว ทำให้พี่ไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเองเลย" เขากระแทกเสียงปึงปังใส่

เด็กสาวได้แต่ตะลึงงัน!!

จ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาว่า นี่หรือคือเขา " พี่ลิตร " คนที่เธอคิดว่า เขาจะแทนพี่ชายแสนดีของเธอที่ตายไปแล้วได้

" อีกเรื่อง ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่สื่อ แม่ชัก พี่จะชอบใคร เรื่องของพี่ ไม่ต้องมายุ่ง พี่จัดการเองได้ หวังว่า ปีคงเข้าใจที่พี่พูดนะ "


ปีอึ้งไปครู่หนึ่ง… ดวงตาร้อนผ่าว… น้ำใส ๆ เอ่อขึ้นคลอดวงตาคู่นั้น

" ขอโทษค่ะ พี่ลิตร สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา "

พูดจบรีบวิ่งไปจากตรงนั้น ก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะรินล้นออกมาจากขอบตา เธอไม่ต้องการให้เขาเห็นน้ำตา น้ำตาแห่งความน้อยใจ เสียใจ เธอไม่เคยคิดว่า ความรัก ความหวังดีที่มีให้เขา พอๆ กับที่เคยให้พี่ชายแท้ๆ ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกครั้ง จะทำให้เขารำคาญใจ อึดอัดใจขนาดนี้ เขาแคร์ต่อคำหยอกล้อของเพื่อนๆ แต่เขาจะเคยคิดถึงใจเธอบ้างไหมว่าจะรู้สึกอย่างไร

ในที่สุดเธอก็คิดว่าตัวเธอเองคิดผิด เขาไม่อาจแทนพี่ชายคนดีของเธอได้

คนที่เคยอยู่ใกล้ๆ แล้วรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย…
เหมือนว่า…พี่ชายยังมีชีวิตอยู่…
เหมือนว่า…พี่ชายยังไม่ได้ตายจากไป…
เหมือนว่า…พี่ชายมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง…

แต่เขาไม่ใช่! ไม่ใช่พี่ชายคนดีของเธออีกแล้ว…

พี่ชายของเธอตายไปแล้ว ตายไปแล้วจริงๆ

ปีกลับบ้าน เข้าห้องนั่งร้องไห้อยู่ลำพัง หยิบรูปพี่ชายขึ้นมาดู

‘ไหนพี่บอกว่า พี่จะเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ เป็นทั้งเพื่อนให้กับปีไงละคะ ทำไมพี่รีบจากไปทิ้งให้ปีอยู่กับปู่สองคน’ เธอนึกถึงคำพูดของพี่ชายที่เคยพูดหลังจากพ่อแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว กอดรูปนั้นไว้แล้วลุกขึ้นเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงร้องให้ จนผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย

=================


ลิตรเปิดประตูเข้าห้องเรียนอย่างเหงาๆ ห้องเรียนว่างเปล่า เพราะยังเช้าอยู่มาก เขาเดินไปวางกระเป๋าที่โต๊ะเรียนของตัวเอง แล้วเดินเลยไปเปิดหน้าต่าง ยืนพิงหน้าต่างอยู่ตรงนั้น รู้สึกปวดหัวหนึบๆ ช่วงนี้เขามีปัญหามากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากับแม่เลี้ยง เรื่องแฟนที่ไม่เคยเข้าใจเขากับยัยปี เรื่องเรียนที่หนักอึ้งขึ้นทุกวัน ความทะเยอทะยาน ความใฝ่ฝันถึงอนาคตว่า เขาต้องสร้างตัวเอง ยืนด้วยตัวของตัวเอง และที่สำคัญต้องออกจากครอบครัวที่รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ตลอดเวลานี้ให้ได้

เขาจะไม่ยอมให้แม่เลี้ยงดูถูกเขา ฉะนั้นเขาต้องเรียน เรียนให้มากๆ เรียนให้สูงๆ เรียนให้ได้เกรดดีๆ เพื่อเป็นพื้นฐานของชีวิตที่จะพาเขาก้าวไปให้ถึงวันนั้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกเครียดหนัก

ลิตรผ่อนลมหายใจ ระบายความทุกข์กังวลออกไปเสียบ้าง เดินกลับมานั่งที่โต๊ะประจำของเขา

เลิกคิ้ว อย่างแปลกใจที่ เห็นห่อกระดาษหนังสือพิมพ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นักวางอยู่ในเก๊ะ

??????????

"ของใครมาซุกใต้โต๊ะเราวะ!"

หยิบมันออกมาวางบนโต๊ะ ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อมองเห็นตัวหนังสือสีตะกั่วตัดกับความเรียบของสีกระดาษหม่นของหนังสือพิมพ์ ตัวหนังสือตัวโตเป็นชื่อของเขาเอง กระดาษสีตะกั่วชิ้นเล็กๆ ถูกบรรจงแปะเรียงรายอย่างเป็นระเบียบที่สุดจนเป็นชื่อของเขา แสดงถึงความตั้งใจของคนทำอย่างมาก

"ใครอุตริส่งไอ้นี่มาให้วะ ห่อกระดาษให้มันดีกว่านี้ก็ไม่ได้ เล่นหนังสือพิมพ์เลยแฮะ " ลิตรบรรจงแกะหนังสือพิมพ์ออกอย่างระมัดระวัง เริ่มจากโบว์รูปร่างแปลกตาที่ทำจากหนังสือพิมพ์เช่นกัน เขานึกชมเชยคนทำอย่างทึ่ง ดูแล้วมันก็เก๋ดีไปอีกแบบ

"โหย...ยังมีอีกชั้นเรอะ! " กระดาษหนังสือพิมพ์ถูกแกะออกไปแล้ว สิ่งที่เห็น! คือห่อกระดาษตรงหน้าเทือกไปด้วยตั๋วรถเมล์หลากสี ประดิษฐ์ประดอยเป็นลวดลายต่างๆ อย่างเป็นระเบียบสวยงาม แปลกตา และเก๋ไก๋มาก เขาแทบอยากยกนิ้วให้คนทำเลยทีเดียว

"ขยันทำจริ๊ง...ใครวะเนี่ย " เขานึกสนเท่ห์เป็นที่สุด

ลิตรบรรจงแกะห่อกระดาษตั๋วรถเมล์ออกอย่างปราณีต พยายามให้มีรอยฉีกขาดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วดึงห่อกระดาษสีขาวออกมา

" ปี! " เขาอุทาน

มองห่อกระดาษสีขาวสะอาดในมือ บนกระดาษเต็มไปด้วยลายมือเล็ก ๆ ของเด็กสาวตัวแสบ ลิตรกวาดสายตาไล่ไปทีละตัวอักษร

"Happy Birthday พี่ลิตร นี่ปีนะคะ อยากบอกพี่ถึงเรื่องราวที่ผ่านมา อยากขอโทษในสิ่งที่ทำให้พี่รำคาญใจ ปีไม่ตั้งใจเลย ปีเคยมีพี่ชายคนหนึ่ง พี่ลิตรหน้าเหมือนเขามาก แต่พี่ปีตายไปแล้ว เวลาเห็นหน้าพี่ลิตรเลยคิดถึงพี่ชายค่ะ ที่ปีคอยไปเจ๊าะแจ๊ะ เกาะแกะกับพี่ลิตรตลอดเวลา เพราะปีคิดถึงพี่ชายค่ะ อยู่ใกล้ ๆ พี่ แล้วรู้สึกว่าพี่ชายยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่

ที่จริงปีเสียใจมาก ที่พี่ต่อว่าปีวันนั้น แต่ต่อมา ปีก็คิดได้ เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร พี่รู้สึกยังไง ปีสัญญาค่ะว่าจะไม่มารบกวนพี่อีก

วันนี้วันเกิดพี่ลิตร ปีขออวยพรให้พี่ลิตรมีความสุขนะคะ คิดสิ่งใดขอให้ได้สมปรารถนา ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีงามนะ ขอให้พี่สุขภาพแข็งแรง สิ่งที่ผ่านมา ปีขอบคุณพี่มากที่เมตตาเอ็นดูน้องสาวคนนี้ คอยช่วยเหลือ คอยแนะนำและดูแลน้องสาวคนนี้ตลอดมา ปีขอเป็นกำลังใจให้พี่เสมอ หากพบเจอปัญหา อุปสรรคใด ๆ ก็อย่าท้อแท้นะคะ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก มีทางแก้ไขของตัวมันเองเสมอค่ะ

สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ลิตร
ปี"

ท้ายของกระดาษแผ่นนั้นมีกลอนเปล่าอยู่ 2 บท ที่เขารู้สึกประทับใจจนต้องอ่านทวนคล้ายจะจดจำ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับชีวิต
ความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา
ในชีวิตคนเรา เราต่างขาดแคลน
หลายสิ่งหลายอย่างตลอดเวลา
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกขาดแคลนเลย
นั่นคือ " ความทุกข์ " นั่นเอง

อุปสรรคเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาท้าทาย
ว่าเราเข้มแข็ง อดทน หรือท้อแท้ อ่อนแอเพียงใด
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เสริมสร้าง
ให้เรา “แกร่ง” ขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ลิตรนึกแปลกใจคำว่า " สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ลิตร " ที่เขียนอยู่บนลิขวิดหนาเตอะ มองดูตั้งแต่ต้นจนจบแทบที่จะไม่มีคำที่ปีเขียนผิดเลย เว้นประโยคสุดท้ายประโยคนี้ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาบรรจงแกะห่อกระดาษสีขาวออก ข้างในเป็นหนังสือกลอนเพื่อชีวิต

" ขอบใจ...ปี ของขวัญชิ้นนี้ถูกใจพี่ลิตรมากจ้ะ " เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ บรรจงพับกระดาษสีขาวที่บันทึกทุกความรู้สึกของเด็กสาวที่มีต่อเขา

ลิตรนึกอยากรู้ขึ้นมาว่าประโยคใต้ลิขวิดขาวโพลนนั้นเขียนว่าอย่างไร เขาเพ่งสายตามองด้านหลังของกระดาษ นึกแปลกใจว่าทั้งประโยคเขียนไม่เหมือนประโยคบนลิขวิดเลย เขาหยิบมีดพกอันเล็กๆ จากพวงกุญแจออกมา ค่อย ๆ ขูดข้อความ "สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ลิตร" ออก

ขูดเสร็จ เขาอ่านข้อความเลือนลางนั้นช้าๆ

"คิดถึงพี่ชายคนนี้เหลือเกิน"

ลิตรนิ่งงันไปชั่วขณะ

เสียงเฮฮาของเพื่อนๆ ที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้เขารีบพับเก็บกระดาษทุกชิ้นที่กลั่นมาจากความตั้งใจของปี เข้ากระเป๋านักเรียน

==============

หลังเลิกเรียน ห้องเรียนหลายห้องว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะเก้าอี้ กระดานดำที่ดูเงียบเหงา นักเรียนหลายคนทยอยกลับบ้านไปกันเกือบหมดโรงเรียนแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มีพวกเด็กผู้ชายกำลังเล่นฟุตบอล อยู่ในสนามฟุตบอล

ปีเดินมายังตึกที่ลิตรเรียน อยากรู้เหลือเกินว่า พี่ลิตร ยอมรับของขวัญจากเธอหรือไม่ เสียงร้องเท้านักเรียนดังกระทบพื้นหินขัดดังเป็นจังหวะตามการก้าวเดิน หัวใจเต้นรัว เมื่อเดินใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ หวั่นใจ หากของขวัญที่เธอตั้งใจทำที่สุด และใช้เวลานานเป็นเดือนยังอยู่ เธอจะทำอย่างไรดี ความคิดวิ่งกระเจิดกระเจิง คิดไปร้อยแปด และมักคิดไปในทางร้าย ๆ ทำให้ตัวเองเสียใจซะด้วยสิ

“แม่จอมบงการ” เป็นคำที่พี่ชายใช้เรียกเธอ “รู้มั้ยปี เจ้ากี้เจ้าการกับพี่น่ะ ได้นะ แต่อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่น บางทีเขาอาจจะหงุดหงิด รำคาญได้นะ” คำพูดของพี่ชายดังขึ้นมาในห้วงนึก
“ก็เพราะว่า ปีรักพี่นี่นา” พลางเข้าไปกอดพี่ชายอ้อน
“พี่รู้…แต่เรื่องบางเรื่อง พี่ขอทำเองนะ”
“ได้ค่ะ มีอะไรก็บอกปีได้นะคะ ปีจะรับฟังพี่เสมอ”

‘พี่ชายของปีไม่เห็นต้องพูดอะไรรุนแรง ใช้อารมณ์อย่างพี่ลิตรเลย’ น้ำตาพาลรื้นขึ้นมาอีก

จงเป็นคนที่พยายามเข้าใจคนอื่นให้มาก เพราะปกติคนเราอยากเรียกร้องให้คนอื่น ๆ เข้าใจตัวเองอยู่แล้ว

ยอมไม่ได้ดั่งใจบ้างจะได้ไหม…

ยอมเป็นคนที่ถูกเข้าใจผิดได้รึเปล่า เพราะความจริงยังคงเป็นความจริงเสมอ

ยอมให้เขาว่าเราเถอะ หากเขาว่าเราแล้ว เขาสบายใจ

พยายามคิดถึงความดีของเขาให้มาก และคิดถึงความไม่ดีของตัวเองให้มาก

ก่อนพูดอะไรออกไป ก่อนทำอะไรลงไป ลองคิดว่า ถ้าเราเป็นเขาได้รับคำพูดแบบนี้ การกระทำแบบนี้เราจะรู้สึกอย่างไร อย่ามองอะไรแค่มุมของเราคนเดียว

คำสอนของพี่ชายอันแล้วอันเล่าดังกรอกกลับไปกลับมาในโสตประสาท เวลาทุกข์ท้อ เสียใจ ก็ได้แต่นึกถึงคำสอนของพี่ชายปลอบใจตัวเองเท่านั้น ที่พอจะทำให้มีกำลังใจยืนหยัดอยู่ได้

ปีพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เผื่อผ่อนอารมณ์บีบคั้นทางความคิดให้คลายลงบ้าง เธออยากจะทำตามที่พี่ชายสอน แต่ก็รู้สึกว่ามันทำยากเหลือเกิน ใจมันไม่ยอม ใจมันเจ็บปวด ใจมันเรียกร้อง อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน เธอรู้ดีว่าต้องพยายามทำให้ได้ เพราะการเอาแต่ใจ ต้องให้ได้ดั่งใจต้องการนั้น ทำให้หัวใจเป็นทุกข์ทรมานเหลือเกิน ขนาดตัวเธอเอง หลายครั้งยังไม่อาจใช้อำนาจความเป็นเจ้าของตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ดั่งใจได้เลย แล้วเมื่อเขาเป็นคนอื่น เธอจึงยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเรียกร้อง และเปลี่ยนแปลงแก้ไข เขาให้ได้ดั่งใจเธอได้

ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖/๔

ปีเงยหน้ามองป้ายบอกชั้นเหนือประตูห้องเรียนของเขา ก่อนก้าวเข้าไปในห้องนั้น ห้องที่เธอเคยมาพูดคุยกับเขาในวันก่อน ๆ ที่ผ่านมา ภาพเก่า ๆ วิ่งเข้ามาในสมอง อยากกลับไปเป็นเหมือนวันนั้น ๆ อีก แต่คงเป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งคงเหลือไว้เพียงความรู้สึกดีดี ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป

ความโกรธ ความน้อยใจ ความเสียใจ ความผิดหวัง ความเรียกร้องอยากให้เขาเข้าใจ อยากให้เขาเห็นค่าของสิ่งที่เธอทำเพื่อเขาค่อย ๆ ลดลง เมื่อนึกถึงความไม่ดีของตัวเองนานาประการ และความดีของเขาที่เคยทำให้เธอมาตลอด

ต่อไปนี้เธอจะไม่มีคนที่คอยช่วยเหลือ คอยดูแล คอยสอนการบ้าน คอยไปส่งบ้านเมื่อต้องทำกิจกรรมที่โรงเรียนค่ำ คอยให้คำปรึกษา คอยไปเป็นเพื่อนเมื่อต้องไปทำธุระต่าง ๆ แม้กระทั่งเวลาปู่และเธอไม่สบาย เขายังเป็นคนดูแลพาไปหาหมอเสมอ

ต่อไปนี้…คงไม่มีอีกแล้ว…พี่ชายที่แสนดี

" ปีต้องเข้มแข็งนะ แม้ไม่มีพี่อยู่" เสียงพี่ชายแว่วเข้ามาในโสตประสาท คำพูดสุดท้ายก่อนที่พี่ชายจะหมดลมหายใจ

เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

"ค่ะ!!"

ปีรับคำหนักแน่น

เดินไปยังโต๊ะเรียนของเขา คนที่เคยคิดว่า จะเป็นตัวแทนพี่ชายคนดีของเธอได้ ก้มลงมองดูใต้เก๊ะ

มันว่างเปล่า…

รู้สึกดีใจที่เขายอมรับของขวัญชิ้นนั้นจากเธอ

"ฟังนะ ต่อไปนี้เธอเลิกมาเจ๊าะแจ๊ะ เกาะแกะ ก่อกวน รังควาญพี่ได้แล้ว เธอรู้มั้ย! พี่ถูกเพื่อนๆ ล้อต่างๆ นาๆ เธอตามพี่ยังกะเงาตามตัว ทำให้พี่ไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเองเลย" คำพูดของเขาดังก้องขึ้นมาในสมอง ไม่รู้ว่าเขาจะหมายถึง การให้เธอออกไปจากชีวิตของเขาเลย ไม่ต้องมาให้เขาเห็นหน้าอีกแล้วใช่ไหม แต่ไม่ว่ามันจะหมายความว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็ตัดสินใจแล้ว

"ต่อไปนี้ เราจะไม่มาห้องนี้อีก” น้ำตาอุ่น ๆ รื้นขึ้นมาคลอดวงตาคู่นั้น

เธอบอกตัวเอง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง

“ลาก่อน… "

เธอเดินถอยหลังอย่างช้า…ช้า…ราวกับจะเก็บภาพแห่งความทรงจำนั้นไว้เป็นครั้งสุดท้าย…น้ำตาค่อย ๆ รินละแก้มไปช้า ๆ

เด็กสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อมือของใครคนหนึ่งมาจับบ่าเธอไว้
ปีหันขวับไปมองอย่างตกใจ

“…………..!!!”

"พี่…พี่ลิตร!"

"ว่าไง...ยัยตัวแสบมาทำอะไรแถวนี้อีก" ลิตรพูดเสียงห้วน

ปีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

เธอไม่ตอบ เดินเลี่ยงออกไปทันที ถ้อยคำกับน้ำเสียงที่ได้ยิน พาลสั่งน้ำตาให้ไหลรินออกมาอีก ก้มหน้าเดินอย่างเร็วที่สุด พลางยกหลังมือป้ายน้ำตา ไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าเขา กลัวว่าจะได้เห็นสายตา และสีหน้าที่ทำร้ายจิตใจเธออย่างวันก่อน

เขาคว้ามือเด็กสาวไว้

" เดี๋ยวปี! อย่าเพิ่งไป!" เขารีบลดเสียงห้วนลง แล้วก้าวซวบมายืนขวางหน้าเธอไว้

" ปี...รู้มั๊ยว่าพี่ตามหาเธอตั้งนาน ไปหลบอยู่ที่ไหนมา"

เธอรู้สึกงง!!

"เมื่อกี๊ พี่ล้อเล่น อย่าโกรธนะ " เขาย่อตัวลงต่ำ มองใบหน้าเธอที่ยืนก้มหน้านิ่ง แล้วยิ้ม มองเธออย่างเอื้ออาทรห่วงใย ความรู้สึกบอกตัวเขาเองว่า เขาจะไม่ยอมสูญเสียน้องสาวที่แสนดีอย่างเธอไปอีกแล้ว

ตั้งแต่เขาได้รู้จักเธอ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ ชีวิตของเขารู้สึกมีค่า มีความหมายขึ้นมามากมาย ที่มีโอกาสได้ดูแล ปกป้องน้องสาวอย่างเธอ เพราะเธอมีแต่ให้ความรู้สึกดีดีกับเขามาตลอด เป็นความบริสุทธิ์ใจ เป็นความรักแบบพี่น้อง ที่หวังเพียงอยากเห็นเขามีความสุข ไม่เคยหวังจะมาเป็นเจ้าของจับจองเอาไว้คนเดียว เวลาแฟนเขาเข้าใจผิด เธอจะรีบคิดช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เสมอ มีแต่เขาที่รู้สึกรำคาญความเจ้ากี้เจ้าการ และความหวังดีของเธอ แล้วก็เอาแต่แคร์คำพูดหยอกล้อของเพื่อน ๆ เขามันแย่ที่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของเธอเลย

"ปี...กลับมาเป็นน้องสาวพี่เหมือนเดิมนะ " พลางบีบมือของเธอไว้แน่น กลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่ยอมรับพี่ชายอย่างเขาอีกแล้ว

เด็กสาวตะลึงงัน!! เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงตรงหน้า แทบไม่เชื่อหูตัวเอง

" พี่ลิตร "

"เรื่องวันนั้น พี่ขอโทษ พี่อยากจะขอเป็นพี่ชายเธอจะได้ไหม "

"พี่ลิตรพูดจริงหรือคะ "

เขาพยักหน้า
" จริงจ้ะ เป็นพี่ชายเธอต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ "

ปียิ้มอย่างดีใจจนตาหยี

"ขอบใจสำหรับของขวัญวันเกิด พี่ชอบมาก "

เด็กสาวได้แต่มองเขานิ่ง พูดอะไรไม่ออก

เธอรู้สึกอบอุ่นใจ… ปลอดภัย…
เหมือนว่า…พี่ชายยังไม่ตายจากไป…
เหมือนว่า…พี่ชายยังมีชีวิตอยู่…
เหมือนว่า…พี่ชายมีชีวิตขึ้นมา…อีกครั้ง….

26 พ.ย. 38
ปรับปรุงใหม่ 9 มิ.ย. 46



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2554, 20:50:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2554, 20:50:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1386





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account