เล่ห์วิวาห์
ภาคีย์ ชายหนุ่มที่ฝังปมอดีตลึกไว้ในใจ เขายอมสละโสดเพื่อหวังคลายความแค้น วิรันดา หญิงสาวที่ยอมเดินเข้าสู่ประตู้วิวาห์เพื่อหวังไม่ให้บิดากลายเป็นบุคคลล้มละลาย เธอจะคลายปมอดีตของเขาได้หรือไม่ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความแค้นและชิงชังจะมีบทสรุปเช่นไร ติดตามได้ในเล่ห์วิวาห์




Tags: นิยาย

ตอน: เล่ห์วิวาห์ ตอนที่ 23

ภาคีย์ออกแรงลากข้อมือหญิงสาวเข้าบ้าน เหลือบตามองเห็นรุ่นพี่ซึ่งปักใจแอบรักวิรันดา ยังอุตส่าห์มีแรงลุกเดินตามมาอีก ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าก่อนจะปิดประตูกรอบไม้ที่มีกระจกแล้วกดล็อก มองหน้าเดือดดาลของคนข้างนอกด้วยสีหน้าเหยียดยิ้ม


“กลับมาคุยให้รู้เรื่องสิโว้ย” เวณิกตะโกนพลางใช้ฝ่ามือทุบกระจก “แน่จริงออกมาเจอกันอีกรอบสิวะ” หนุ่มเวณิกมีแต่ความเจ็บใจในหัวอก เพราะถูกภาคีย์ที่ตนยกให้เป็นผู้ชายห่วยแตกแสนสารเลว อารมณ์ร้ายอย่างกับกระทิงดุ ถึงขนาดประทุษร้ายกับร่างกายของเขาถึงสองครั้ง โดยตัวเองแทบไม่ทันจะเอาคืนด้วยซ้ำ


“ออกมาเจอตัวต่อตัว อีกครั้งสิวะ จะหนีไปไหน”


“ฉันไม่มีเวลากับเรื่องไร้สาระ”


ภาคีย์บอกก่อนจะหันมองหญิงสาว แล้วตวัดร่างบางเข้ามาประชิดตัว ประกบปากหนักหน่วงเร้าร้อน จูบโชว์คนข้างนอกที่ยังหน้าด้านไม่ยอมออกจากบ้านเขาเสียที ท่ามกลางการดิ้นขลุกขลักของคนในอ้อมอก ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกห่างอย่างเสียดาย ทว่ามือแข็งแรงยังคงจับข้อมือสองข้างของหญิงสาวไขว้หลังไว้แน่น กันเจ้าหล่อนฉีกหน้าเขาโดยการฟาดฝ่ามือตบ


ร่างสูงหันไปกระตุกยิ้มกับรุ่นพี่ของเมียรัก ที่ยืนหน้าซีดตัวแข็งไปแล้ว ไม่รู้เพราะความหนาวจากเสื้อผ้าที่เปียกปอน หรืออาการช็อก


เวณิกคอตกเดินออกจากบ้าน จนถึงบัดนี้เขายังตัดใจเลิกรักวิรันดาไม่ได้ นึกโทษตัวเอง หากเขาเปิดปากบอกความในใจให้เธอรู้ แทนที่จะทำแค่แอบรักอยู่อย่างเงียบๆ เพียงแค่เขาแสดงความกล้าเท่านั้น ป่านนี้คนที่ยืนอยู่ข้างวิรันดาอาจจะเป็นเขา และเธอคงรอดพ้นเงื้อมมือจากผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นได้


“นี่สิ ถึงจะเรียกว่าเรื่องมีสาระ” เขาหันมาบอกกับวิรันดา “จะได้เตือนสติไอ้พี่เวรนั่น ว่าเธอเป็นเมียฉัน” หญิงสาวเหลือกตาขุ่นข้นมองไม่กะพริบ


“ทำไมคุณต้องทำให้รันขายหน้าแบบนี้ด้วย”


“จูบกับสามี หน้าอายตรงไหน ทีหายไปกับมันตั้งนาน กลับจนมืดค่ำ อย่างนี้ไม่ควรอายกว่าหรือไง” ภาคีย์พูดเสร็จก็กระชากลากจูงข้อมือ จนวิรันดาแทบหัวคะมำ


“ตามมานี่ เลิกอาลัยอาวรณ์มันได้แล้ว”


“อย่ามาหาเรื่อง”


วิรันดาแหวใส่ตามหลัง ก่อนจะอุทานเมื่อปลายเท้าสะดุดกับขอบบันได ไม่ทันจะเอาหน้าตัวเองไปฟาดให้เจ็บ ภาคีย์ก็ขยับเข้ามาคว้าตัวได้เสียก่อนอย่างว่องไว เขาจัดการช้อนร่างบางจนตัวลอยในอ้อมวงแขน


“อะไรกันที่รัก ยังไม่ทันถึงไหนเลย ขาพับขาอ่อนเสียแล้ว” ภาคีย์พูดยั่วยิ้มบางๆ “ราตรีนี้ยังอีกยาวนาน ผมอุ้มไปดีกว่า คุณรันจะได้เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่น”


“ทะ...ทะ...ทำอะไร” วิรันดาหน้าตื่น “คุณคิดจะทำอะไรรัน”


หญิงสาวแค่ถามไปอย่างนั้น เพราะสมองคิดไว้เรียบร้อยแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จากคำพูดกำกวมของเขาหลายประโยคที่ผ่านมา เธอเข้าใจมันได้อย่างดี


ภาคีย์ไม่ตอบ กลับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น เมื่อวิรันดาพยายามดิ้นขัดขืน ร่างสูงก้าวเท้าขึ้นไปตามขั้นบันไดอย่างมั่นคง ท่ามกลางเสียงโวยวาย


“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย บอกให้ปล่อยไง รันจะเดินเอง”


“หยุดดิ้นได้แล้ว” ภาคีย์สั่งเสียงเข้ม “อยากจะกลิ้งตกบันไดลงไปคอหักตายหรือไง” วิรันดาจ้องหน้าเขาด้วยความขุ่นเคือง


“ดี” เธอพูดใส่หน้า “ตายไปซะ รันจะได้ไม่ต้องเป็นเมียคุณไง” ภาคีย์กระตุกยิ้ม


“ผมไม่ยอมให้คุณรันตายง่ายๆ ก่อนจะได้เป็นเมียผมหรอก เชื่อใจผมได้เลย”


วิรันดาโล่งอก เมื่อเขายอมปล่อยร่างเธอลงจากวงแขนให้ยืนบนพื้นขั้นบันได หญิงสาวตั้งใจว่าควรวิ่งไปหลบซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง รอให้เขาหายจากอาการหน้ามืดอยากปล้ำเธอเป็นเมียเสียก่อน ทว่ายังไม่ทันก้าวหนีไปไหนด้วยซ้ำ ก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเขาตวัดร่างบางขึ้นไปพาดบ่าไว้ หญิงสาวกัดฟันแน่นเพราะเขาใช้มือหนักๆ ฟาดลงมาบนก้นงอนงาม


“คราวนี้จะดิ้นยังไง ก็เชิญเลย” เขาบอกเสียงทุ้มท้าทาย “แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเสียเวลาเหนื่อยเปล่าๆ เพราะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุดหรอก”


วิรันดาดิ้นไม่กี่ครั้งก็ต้องหมดแรง จึงได้แต่นิ่งห้อยหัวหอบอยู่อย่างนั้น ด้วยความอึดอัดเพราะหน้าท้องกดลงบนบ่ากว้างของเขาทำให้หายใจลำบาก หญิงสาวเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบหลังภาคีย์แทน ทว่าเขาแทบไม่สะเทือน ร่างบางมองหาหนทางออกไม่เจอ นอกจากมองเห็นแค่ปลายขายาวกับขั้นบันไดที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ


“ถ้าคุณไม่ปล่อย รันจะตะโกนให้ลั่นบ้านเลย” เธอเปลี่ยนมาขู่เขาแทน


“ใครจะมาได้ยิน” เขาตอบ “ยายเจียนขึ้นเครื่องไปกับคุณตาไปช่วยงานทำบุญ กิ่งแก้วก็ไปด้วย ส่วนคนงานในบ้าน ก็อยู่เรือนคนใช้หลังบ้านโน้นป่านนี้คงหลับไปแล้ว ส่วนนายกล้าก็อยู่ในห้องห่างออกไป ถึงได้ยินเขาคงไม่ออกมาช่วยหรอก เขารู้หน้าที่ดี ว่าผัวเมียกำลังจูจี้กันไม่ควรมาขัด”


วิรันดาฮึดฮัดไม่ได้ดังใจ ยังไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ต้องตื่นตระหนกสีหน้าออกอาการเลิ่กลั่กขวัญเสีย เมื่อเขาเปิดประตูห้องนอน หญิงสาวรีบใช้มือสองข้างเกาะขอบประตูแน่นไม่ยินยอมเข้าไปง่ายๆ ภาคีย์หยุดชะงักเท้าหันไปมอง


“ระ...ระ...รัน ยังไม่พร้อม” เธอบอกเขา


“แต่ผมพร้อมแล้ว”


“แต่รันยังไม่พร้อมนี่นา คุณจะมาบังคับได้ไง ต้องรอให้รันพร้อมก่อนสิ ของอย่างนี้มันต้องสมัครใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม เขาเรียกว่าขมขื่นรู้หรือเปล่า” วิรันดาพูดแทบลิ้นพัน เพื่อหาทางเอาตัวรอด


“ไม่ต้องห่วง ผมจะทำให้คุณรันพร้อมสำหรับผมเอง” เขาบอกเสียงกลั้วหัวเราะ “ปล่อยมือจะขอบประตูได้แล้วครับคุณรัน”


“ไม่” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง “รันไม่ปล่อยเด็ดขาด จนกว่าคุณจะสัญญาว่าคืนนี้คุณจะไม่ปล้ำขืนใจรัน”


ภาคีย์ยกริมฝีปากยิ้ม เสียงหัวเราะประหลาดอยู่ในลำคอของเขา ทำให้วิรันดานึกกลัวเพิ่มขึ้นไปอีกสองเท่า เขาวางเธอลงจากบ่ากว้าง ทว่าหญิงสาวกระดิกตัวไปไหนไม่ได้นอกจากยังคงยืนเกาะขอบประตูแน่นเป็นตุ๊กแกอยู่อย่างนั้น เพราะขายาวของเขายันขอบประตูกั้นไม่ให้เธอหนี มือแข็งแรงของเขาจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างแล้วปลดออกอย่างง่ายดาย เขากระชากเธอเข้าไปประชิดอกกว้าง ยื่นใบหน้าคมเข้มมาใกล้พูดเสียงทุ้มกังวาน


“ไม่ต้องกลัวหรอก ผมสัญญาว่าจะไม่ข่มขืน” วิรันดาขมวดคิ้วเรียวบางด้วยความประหลาดใจ


“แน่นะ”


“แน่นอนสิครับ”


“จริงๆ นะ” หญิงสาวถามย้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจ เพราะไม่ไว้วางใจกับแววตากรุ่มกริ่ม และรอยยิ้มแบบแปลกๆ ของเขา


“จริงสิครับ ผมสัญญาสิ่งเดียวที่ผมจะไม่ทำคือข่มขืนคุณรัน” วิรันดาคลี่ยิ้ม เกือบจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากไม่ได้ยินคำพูดต่อมา


“แต่ผมสามารถทำอะไรกับร่างกายคุณรันก็ได้” เขาปิดประตูดังปัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง “มันเป็นสิทธิ์ของสามีที่จะได้เชยชม ถ้าคุณรันไม่พยักหน้าอนุญาต ผมก็จะไม่ก้าวผ่านเข้าเขตหวงห้ามเด็ดขาด”
วิรันดากะพริบตาปริบๆ ฟังเขาพูด


“หมายความว่ายังไง” เธอถามด้วยความสงสัย


ภาคีย์ไม่ตอบอะไรนอกจากอธิบายด้วยการกระทำ ชายหนุ่มตวัดร่างบางมากอด ก่อนจะจุมพิตหนักหน่วง ลงบนเรียวปากบางเย็นจัด เขาถอนริมฝีปาก


“อันนี้ผมกำลังเชยชมปากสวยๆ ของคุณรัน”


ร่างสูงบอกกระซิบชิดริมฝีปาก แล้วโน้มลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวหอมกลิ่นเนื้อสาว กลิ่นกายเธอหอมเป็นธรรมชาติให้ความรู้สึกอ่อนโยนเฉพาะตัวยากหาใครเหมือน เคยได้ยินเพื่อนคุยกันในวงสนทนาว่า ผู้ชายเวลาหลงรักสาวคนไหนสังเกตตัวเองง่ายนิดเดียว โดยมักจะรู้สึกว่ากลิ่นเนื้อแท้ของเธอคนนั้นหอมอย่างประหลาด กระตุ้นอารมณ์ได้ชะงัด เรียกว่าติดเนื้อต้องใจก็ว่าได้ ฟังครั้งแรกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้อย่างเห็นเป็นเรื่องตลก ทว่ามาบัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เพื่อนพูดมาคืออะไร ชายหนุ่มสูดหายใจลึก กล่าวพึมพำชิดกับผิวนวลผุดผ่อง


“และตอนนี้ผมก็กำลังเชยชม ร่างกายเมียผมอยู่”


ภาคีย์ออกแรงเพียงนิดเดียวก็กระชากเสื้อเชิ้ตสีฟ้าจนสาบผ้าฉีกออกจากกัน กระดุมหลายเม็ดร่วงกราว ฝ่ามือกว้างอุ่นจัดสัมผัสสิ่งที่ถูกห่อหุ้มไว้ วิรันดาสะดุ้งด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบ รีบผลักร่างหนาอย่างกับกำแพงออก แต่เขาแทบไม่ขยับ เธอจึงจัดการคว้ามือที่กำลังซุกซนกับร่างกายของเธอ ขึ้นมากัดเต็มแรง


“โอ๊ย!”
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเหวี่ยงเธอ ลงไปบนเตียงกว้าง ยกมือขึ้นมาดูผลงาน เห็นเป็นรอยฟันสองแถวตรงโคนหัวแม่มือ ภาคีย์กัดกรามแน่นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ค่อยๆ พยุงร่างขึ้นนั่งบนเตียง


“เธอเป็นเมียฉันนะไม่ใช่หมา”
เขาว่า ก่อนจะก้าวยาวๆ จับไหล่กลมกลึงกดนอนลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง สายตาคมกริบของภาคีย์หลุบลงต่ำมองเนินอกอวบภายใต้บราสีชมพู ก่อนจะจูบบดขยี้ริมฝีปากบางด้วยความโกรธ ทว่าเขาต้องสะดุ้งอีกครั้ง รีบผลักออกห่าง แต่ยังคร่อมร่างบางไว้ ใช้มือที่เจ็บอยู่แล้วถูเช็ดปากตัวเอง มีคราบเลือดติดมา...เขาโดนวิรันดากัดปาก ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย


“พับผ่าสิ เมื่อไหร่คุณจะเลิกกัดผมเสียที”
วิรันดาหน้าแดงนอนเม้มปากแน่น ก่อนจะบอกกับเขาเสียงจริงจัง


“คืนนี้คุณห้ามยุ่งกับรัน ไม่เช่นนั้นถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งมาถูกตัวรัน รันก็จะกัดตรงนั้นให้ขาดเลยค่อยดู มือกับปากที่โดนกัดไป ถือเป็นคำเตือน”


หญิงสาวนึกอยู่ในใจว่า เมื่อไม้อ่อนใช้ไม่ได้ผล เธอก็ต้องใช้ไม้แข็งกับเขา ทว่าวิรันดาไม่คาดคิดว่าจะเจอสิ่งที่แข็งกว่าไม้ นั่นคือร่างสูงที่คร่อมอยู่บนตัวเธอ ผู้ชายที่ยึดความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่และเอาแต่ใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร เธอน่าจะรู้จักเขาดี ยิ่งโดนขู่ก็เหมือนยิ่งไปกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะ


“อิ่มอกอิ่มใจ ที่หายไปกับหมอนั่นจนมืดค่ำ กลับบ้านมา จึงไม่มีอารมณ์อยากนอนกับสามีหรือไง” ภาคีย์เผลอพูดด้วยความโกรธ


เพี๊ยะ! ส่วนวิรันดาก็ตบหน้าเขาด้วยความโกรธพอกัน ริมฝีปากบางสั่นระริก


“ทำไม คุณต้องหยาบคายแบบนี้ รันทำผิดอะไร” เธอถามเขาเสียงดัง


“คุณรันเป็นคนฉลาด ไหนลองคิดสิ ว่าทำความผิดอะไรไว้กับสามีตัวเองบ้าง” เขาย้อนถาม วิรันดานอนมองหน้าเข้มซึ่งห่างไม่กี่คืบของภาคีย์นิ่ง คิ้วเรียวบางขมวดแทบชนกัน


“รันไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย” เธอเถียง ภาคีย์กระตุกยิ้ม


“ความผิดกระทงแรก หลีกเลี่ยงการทำหน้าที่ของภรรยา โดยแอบวางยานอนหลับสามี” วิรันดาคอแข็ง เม้มริมฝีปากแน่น ไม่มีอะไรจะเถียง


“ประเด็นที่สอง หายไปกับผู้ชายคนอื่น กลับบ้านมืดค่ำผิดเวลา โดยไม่โทรรายงานสามี แถมปิดมือถือหนีไม่ให้ตามตัวได้อีก” ส่วนอันนี้วิรันดาขอเถียง


“ฉันไปช่วยรุ่นพี่ทำงานให้กับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เสร็จแล้วเราก็ไม่กินข้าวกับอาจารย์กัน ฝนตกแล้วรถก็ติด ไม่เชื่อคุณโทรไปหาอาจารย์ปราณีที่มหาวิทยาลัยดูสิ ส่วนมือถือแบตหมดรันไม่ได้ปิดหนี”


ภาคีย์ใช้สายตาคมกริบมองหญิงสาวเขม็ง ก่อนจะพูดเสียงจริงจังอีกครั้ง


“ความผิดกระทงที่สองผมยกโทษให้” วิรันดาตวัดหางตาค้อน เธอไม่ได้ผิดเสียหน่อย “แต่ความผิดกระทงแรกเราต้องชำระความกัน”


“มีอะไรจะพูดก็พูดมา ยังไงๆ เถียงไปก็ไม่พ้นผิดอยู่ดี” เธอย้อนกลับ


“รู้ไหม ว่าผมเกือบตาย เพราะยานอนหลับของคุณ” วิรันดามีสีหน้าตกตะลึง “ตกใจแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าสามีตัวเอง” ภาคีย์เหยียดยิ้ม


“ไม่แปลกใจเลยที่คุณรันเป็นลูกสาวของคุณนายดารัน สามารถฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจ”
วิรันดาควันแทบออกหู กับคำพูดประชดประชันของภาคีย์ เธอยกมือตบหน้าเขาอีกครั้ง


“ตบอีกแล้ว ผมก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ” เขาหันไปบอกสีหน้าขึงขัง


“คนบ้า! คุณก็แค่เจ็บหน้า แต่รันนี่สิเจ็บใจ จะว่าจะด่าอะไรรันก็ได้ แต่ห้ามลามปามถึงแม่ของรันแบบนั้น”


“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับผมเสียหน่อย ทำไมผมจะพูดแบบนั้นไม่ได้”


“แต่ผู้หญิงคนนั้นคือผู้มีบุญคุณกับเมียของคุณนะ” วิรันดาเถียงกลับ “คุณควรให้เกียรติเธอบ้าง”
ภาคีย์ยกริมฝีปากยิ้ม สองมือจับประคองใบหน้าหญิงสาว


“คุณรันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่โชคดีได้แต่งงาน แล้วจดทะเบียนกับผม แต่ตราบใดที่เราไม่ได้นอนด้วยกันฉันท์สามีภรรยา คำว่าเมียก็แค่คำพูดลอยๆ ที่ออกมาจากปากเท่านั้น”


วิรันดาเม้มปากแน่น เหลือกตามองเขาด้วยความหมั่นไส้ พูดมาได้หน้าตาเฉยว่าโชคดีที่ได้แต่งงานกับเขา น่าจะเรียกดวงซวยเสียมากกว่า


“แต่ถ้าคืนนี้คุณรันยินยอมพร้อมใจเป็นของผม ผมอาจจะพิจารณาว่าควรให้เกียรติแม่ของคุณรันอย่างไรดีถึงจะเหมาะสม” ภาคีย์เริ่มต่อรอง


วิรันดาคิดหนัก ว่าควรตัดสินใจอย่างไรดี เมื่อบวกลบคูณหาร เล็งเห็นแล้วว่าถ้าเธอขัดขืน เขาก็ต้องปลุกปล้ำด้วยความหน้ามืดอยู่ดี ดูสีหน้าสายตาก็รู้ชัดว่าเขาต้องการเธอมากขนาดไหน ดิ้นรนไปก็มีแต่เจ็บตัวและเจ็บใจ แต่ถ้าสมยอมอาจจะมีทางรอดสำหรับคืนนี้ เธอต้องอดทน และต้องอดกลั้นให้ถึงที่สุด


ความประมาททำให้หญิงสาวตัดสินใจอย่างนั้น วิรันดาผู้ซึ่งไร้ประสบการณ์ ไม่มีทางรู้ได้ว่ารสชาติของความสิเน่หานั้น ไม่อาจต้านทานฝืนความต้องการทางธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างไว้ให้กับมนุษย์ชายหญิงเพื่อสืบพงศ์เผ่าพันธุ์


“ก็ได้ คืนนี้คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างกับร่างกายของรัน แต่ถ้ารันบอกว่าไม่ คุณก็ห้ามขืนใจรัน”


ภาคีย์คลี่ยิ้มอย่างสมใจ...แม่สาวไร้เดียงสา เธอไม่รู้อะไรเสียแล้ว ว่าผู้ชายมีวิธีจัดการกับผู้หญิงที่ไม่เต็มใจอย่างไร ประเดี๋ยวเถอะเจ้าหล่อนต้องเป็นฝ่ายออกปากอ้อนวอนเสียเอง โดยเขาไม่ต้องปลุกปล้ำให้เปลืองแรง


“ได้ครับ” ชายหนุ่มรับปาก “ถ้าอย่างนั้น โปรดรอสักครู่”


ภาคีย์ผลักลงจากเตียง หญิงสาวพลิกตัวนอนตะแคง มองชายหนุ่มไปเปิดลิ้นชักตู้เสื้อผ้าด้านล่าง รื้อค้นอะไรบางอย่างเสียงกุกกัก ก่อนจะเดินกลับมา หญิงสาวถึงกับตาเหลือกมองของที่อยู่ในมือเขา


“คุ...คุ...คุณ เอาไอ้นั่นมาทำอะไร”


“เพื่อความมั่นใจ ว่าคุณรันจะไม่เปลี่ยนใจกะทันหัน แล้วกัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของผมขาด” ชายหนุ่มอธิบายพลางดึงม้วนผ้าเทปออกมา เมื่อได้ขนาดความยาวที่ต้องการจึงฉีกให้ขาด แล้วนำส่วนนั้นไปแปะปิดปากหญิงสาวไว้


“ผมต้องปิดปากคุณรันไว้แบบนี้ก่อน” วิรันดาชักสีหน้า ตั้งท่าจะแกะมันออก แต่ถูกภาคีย์จับกดมือสองข้างลงบนเตียง ก่อนจะยอมคลายปล่อยเมื่อเจ้าหล่อนไม่คิดดิ้นสะบัดอีก


“อือ อุน อัน อา อู อา เอง อวย ออ อัน ออ เอ อือ อั้ก” วิรันดาด่าภาคีย์เป็นภาษาต่างด้าว


“คุณรันพูดอะไร ผมฟังไม่เข้าใจ”


ตาบ้า! จะเข้าใจได้อย่างไรเมื่อคุณปิดปากไว้แบบนี้ หญิงสาวได้แต่ตอบเขาอยู่ในใจ เมื่อไม่สามารถอ้าปากพูด วิรันดาประชดด้วยการยื่นสองมือไปให้เขา พยักพเยิดหน้าบุ้ยใบ้ไปทางม้วนเทปที่วางอยู่บนเตียง
ไหนๆ ก็ชอบทำตัวเป็นคนเถื่อน ก็ควรมัดปากมัดมือ จะได้ครบสูตรเสียเลย คนผีทะเล!


ภาคีย์หัวเราะ
“แหม...ไม่นึกเลย ว่าคุณรันจะชอบอะไรแบบนี้ด้วย”


หญิงสาวจ้องภาคีย์ตาค้างไม่กะพริบ เพราะไม่นึกว่าเขาจะทำจริงตามคำขอเชิงประชดของเธอ วิรันดาถอนหายใจมองเขารวบข้อมือสองข้างของเธอไปไขว้หลังแล้วเอาผ้าเทปพันไว้


“อือ อง แอ้ (ไม่ต้องแล้ว)” วิรันดานึกเปลี่ยนใจกะทันหัน


“อะไรนะครับ เร็วๆ หน่อย เหรอครับ” ภาคีย์เงยหน้าพูด “ใจเย็นๆ ครับ อีกสักรอบจะได้แน่นหน่อย”
วิรันดาถึงกับกลอกตามองเพดาน พยักพเยิดหน้า แสดงอาการปลงตก เอาเถอะ อยากจะทำอะไรก็เชิญ


หญิงสาวเบือนหน้าหนี เมื่อภาคีย์ผลักออก แล้วถอดเสื้อยืดเปียกโชกด้วยน้ำฝนทิ้งลงบนพื้น วิรันดาจึงสังเกตเห็นว่าตอนนี้ผ้าปูที่นอนก็เปียกน้ำไม่แตกต่าง เพราะเสื้อผ้าของเธอเองก็โชกชุ่ม ด้วยต้องไปยืนตากฝนเหมือนกัน ไม่นานเขาก็เข้ามาหาจับประคองเธอลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะโน้มลงมาแล้วหยุดชะงัก


สมน้ำหน้า...เขาจูบเธอไม่ได้เพราะผ้าเทปปิดอยู่ ทว่าหญิงสาวต้องรู้สึกวาบหวิว เพราะปลายจมูกโด่งลงมาซุกไซ้ซอกคอแทน เธอขนลุกเกรียวเมื่อเขาขบเม้มติ่งหู ก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากร้อนจัดลากผ่านลงไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาคลุกเคล้ากับอกอวบ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอและกระตุกออก แล้วสิ่งที่ปกปิดด้วยผ้าลูกไม้ชิ้นเล็กก็เผยโฉมเด่นตระหง่านท้าทายกับสายตาคมกริบของเขา เธออายเกินจะทนไหว


“อึก อัย ออ (ปิดไฟก่อน)”


“ดึงให้หลุด เหรอครับ” เขาย้อนถาม “มันติดมือที่พันผ้าเทป คุณรันคงรำคาญ สักครู่นะครับ”


วิรันดาถึงกับถอนใจหนัก รีบพลิกตัวนอนคว่ำเพื่อปกปิดสิ่งที่เห็นชัดท่ามกลางแสงสว่างจากดวงไฟบนเพดาน เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกรรไกรในมือ ก่อนจะตัดสายเสื้อชั้นในฉับๆ สองครั้ง แล้วโยนทิ้งลงบนพื้นข้างเตียง ไม่เพียงแค่นั้นเขายังตัดเสื้อเชิ้ตตัวโปรดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วระเห็จมันลงตามไปสมทบ หญิงสาวมองผ้าสองชิ้นที่เคยอยู่บนร่างกายด้วยความเสียดาย ภาคีย์พยายามจะพลิกตัวเธอให้นอนหงาย วิรันดาเกร็งตัวฝืนแต่ไม่อาจต้านทานแรงเขาได้ เธอหลับตาลงทันทีไม่อาจทนมองประกายร้อนแรงในดวงตาคมกริบคู่นั้น


“ทีนี้คุณรันก็ไม่ต้องรำคาญแล้ว”


ใช่...ตอนนี้เธอไม่รำคาญแล้ว แต่รู้สึกอายสุดๆ แทบจะมุดแผ่นดินหนี คนบ้า! ไฟก็ไม่ยอมปิด เปิดเสียสว่างโร่ ปิดตาได้ไม่นานก็ต้องลืมตาโต เบิกกว้างด้วยความตระหนก เพราะภาคีย์ปลดกระดุมและรูดซิบกางเกงยีนของเธอ เขาพยายามถอดมันให้พ้นเรียวขา หญิงสาวดิ้นสะบัดด้วยความอับอาย ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้เหลือเพียงผ้าลินินมีขอบลูกไม้สีชมพูตัวล่างปกปิดเท่านั้น


“อึก อัย ออ...อึก อัย ออ (ปิดไฟก่อน) ”


“อย่าใจร้อนสิครับ ผมก็พยายามดึงให้หลุดอยู่ คราวหน้านอกจากควรเปลี่ยนเป็นใส่เสื้อยืดแล้ว ก็ควรใส่กางเกงวอร์ม จะได้ถอดง่าย ถ้าให้ดีก็ไม่ควรใส่อะไรเลย”


“อือ อ้า (คนบ้า)”


“คุณรันอย่าเร่งสิครับ อื้บ...เรียบร้อยแล้ว”


กางเกงยีนรัดรูปถูกโยนลงไปนอนสงบนิ่งด้านล่างข้างเตียง และสิ่งที่ลงไปกองกับพื้นห้องตามไปติดๆ ก็คือร่างของภาคีย์ หญิงสาวยกเท้าสองข้างขึ้นถีบยันอกชายหนุ่มเต็มแรง ก่อนจะรีบพยุงร่างถลาลงจากเตียงวิ่งไปเอาหัวโขกกับกำแพงตรงสวิตซ์ไฟ ห้องมืดสนิทลงทันที


ภาคีย์รีบลุกไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียง ห้องจึงกลับมามีแสงสีเหลืองนวล มองหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าได้ถนัดขึ้น สิ่งสวยงามที่เห็นยืนเด่นอยู่มุมห้อง ทำให้ความโกรธที่โดนเมียรักถีบตกเตียงบรรเทาลง


“ไหนบอกว่าผมมีสิทธิ์กับร่างกายของคุณรันแล้วไง ตราบใดที่ผมไม่ขืนใจ” ชายหนุ่มถาม “แล้วทำไมยังขัดขืนอีก”


วิรันดาขี้เกียจส่งภาษาต่างด้าว เพราะพูดไป เขาก็ตีความหมายผิดหมด หญิงสาวกลั้นข่มความอายเดินเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะหันหลังใช้มือที่มัดผ้าเทปไว้ปิดโคมไฟ


ภาคีย์หัวเราะท่ามกลางความมืด เขาไม่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่าความสามารถพิเศษของเขา เห็นทุกอย่างได้ในความมืด แม้มันไม่ชัดแจ๋วเหมือนตอนเปิดไฟก็ตาม ชายหนุ่มไล่สายตาคมกริบไปตามอกอวบ เอวคอดกิ่ว สะดือเล็กน่ารัก สะโพกผายกลมกลึง ช่วงขาเพรียวยาว แล้วยิ้มพอใจ มองเผินๆ ภายใต้เสื้อผ้าธรรมดาที่วิรันดาชอบสวมใส่เป็นประจำอาจดูไม่ยั่วยวน ทว่าพอจับเจ้าหล่อนแก้ผ้า เมียรักของเขาก็มีหุ่นเซ็กซี่ทรมานใจชายไม่แพ้หญิงงามคนไหนเลยทีเดียว


“ที่แท้คุณรันก็อยากให้ผมปิดไฟ” เขาพูด มองวิรันดาพยักหน้าหงึกๆ ผมซอยสั้นสะบัด


วิรันดาให้ความร่วมมืออีกครั้ง โดยการพาร่างเซ็กซี่เกือบเปลือยไปนอนรอท่าอยู่บนเตียง ภาคีย์ไม่ชักช้ารีบพาตัวเองไปสมทบ ต่อจากวินาทีนั้นวิรันดาได้แต่สะบัดหน้าไปมาเกลือกกลิ้งบนหมอนด้วยความซาบซ่านรัญจวนจากการสัมผัส เธอพยายามกัดฟันฝืนอดทนไว้ ผ้าเนื้อบางชิ้นเล็กท่อนล่างถูกคนบนร่างถอดโยนทิ้งไปแล้ว ภาคีย์มอบความทรมานด้วยการลูบไล้สัมผัสและพรมจูบไปทั่วแทบทุกตารางนิ้ว หญิงสาวรู้สึกราวกับตัวเธอกำลังลุกเป็นไฟ มันร้อนรุ่มอึดอัดไปหมด เหมือนเดินอยู่บนขอบเหวโดยไม่อาจหลีกหนีความหวั่นไหววูบวาบที่กำลังเผชิญได้ ถอยออกมาก็เจอกำแพงหน้าผา หากจะหยุดความทรมานจนใจแทบขาดนี้ได้ เห็นทีคงต้องกระโจนลงไปสู่ก้นหุบเหวให้รู้แล้วรู้รอด


“ผมควรหยุดแค่นี้ หรือไปต่อดี” เขาถาม วิรันดาทั้งส่ายศีรษะและพยักหน้าแทบจะในคราวเดียวกัน


“ควรหยุด หรือไปต่อ ช่วยบอกผมให้ชัดๆ สิครับ”


วิรันดาพยักหน้าน้ำตาซึม ภาคีย์ยกริมฝีปากยิ้มกับความสำเร็จของตัวเอง ก่อนจะผลักห่าง เพื่อถอดกางเกงของตัวเองและประการด่านสุดท้ายของท่านชาย แล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีทางของธรรมชาติเรียกร้อง ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามดังคะนองอยู่ด้านนอก ยังมีเสียงลมหายใจหอบประสานของหนุ่มสาวจนกลายเป็นหนึ่งเดียว



ความวุ่นวายของงานทำบุญใหญ่ ณ วัดแห่งหนึ่งในเชียงราย เต็มไปด้วยฝูงชนและเสียงประกาศตามสายให้ได้ยินดังกังวานไปทั่วบริเวณ และห่างออกไปอีกมุม มีชายหญิงต่างวัยยืนสงบนิ่งอยู่หน้าเจดีย์ขนาดเล็กสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุเถ้ากระดูกของคนตาย ใกล้ฐานมีตัวอักษรสีทองระบุชื่อ นางเอริกา สีหะเดชา อยู่ใต้ภาพถ่ายหน้าตรงขนาดเล็ก ถัดออกมามีพวงมาลัยสองพวง และมีควันลอยตลบออกจากปลายธูป พ่อเลี้ยงอัครกาลมองหน้าลูกสาวที่เป็นเพียงภาพถ่ายไม่มีชีวิตด้วยดวงตาแดงก่ำ สองมือจับไม้เท้าสั่นเทา เขายังคงเสียใจกับการจากไปของบุตรสาวผู้อาภัพรัก


“พ่อเลี้ยง อย่าเศร้าไปเลยนะคะ” ยายเจียนปลอบ “ให้คิดเสียว่าคุณเอริกา เธอพ้นทุกข์ไปแล้ว”


“ใช่ ลูกสาวฉันพ้นทุกข์ไปแล้ว และคงไม่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรอีก” พ่อเลี้ยงพูดขึ้นลอยๆ “มีแต่คนรุ่นหลังที่ยังจมอยู่ในความทุกข์เพราะความเกลียดและชิงชัง”


“พ่อเลี้ยงกำลังพูดถึงอะไรคะ” หญิงชราถามด้วยความสงสัย


“เมื่อวานที่ฉันหายไปตอนเที่ยง ก่อนจะตามไปสมทบขึ้นเครื่องกลับเชียงราย” พ่อเลี้ยงตัดสินใจเล่าให้คนสนิทของลูกสาวตัวเองฟัง “ฉันมีนัดกับผู้หญิงคนหนึ่ง”


“ใครคะ”


“แม่ของหนูวิรันดา” พ่อเลี้ยงหันไปตอบ


“แล้วมีเรื่องอะไรหรือคะ เมื่อวานดิฉันก็สังเกตเห็นพ่อเลี้ยงนั่งหน้าเศร้ามาตลอดการเดินทาง”


“ผู้หญิงคนนั้น คือคนที่ลูกสาวฉันปักใจเกลียดมาเนิ่นนานจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย”


“ว่าอะไรนะคะ” ยายเจียนตกใจ “แม่ของหนูรันเหรอคะ คือคนที่พ่อของคุณหนูภาคีย์รักมาตลอด” พ่อเลี้ยงอัครกาลพยักหน้าเป็นคำตอบ หญิงสูงวัยถึงกับถอนหายใจ


“เมื่อคิดถึงความทุกข์ของลูกสาว ฉันก็อยากจะทำเฉยซะ ไม่อยากสนใจอะไรทั้งนั้น” พ่อเลี้ยงเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า ราวกับอยากให้ลูกสาวบนสวรรค์ได้ยิน “แต่เมื่อคนที่เป็นแม่คนหนึ่งมาร้องไห้ต่อหน้า ขอร้องเพราะความเป็นห่วงลูกสาว ฉันก็อดใจอ่อนไม่ได้”


“แล้วผู้หญิงคนนั้น พูดอะไรบ้างคะ”


“เธอบอกว่าหลังจากแต่งงานก็ไม่เคยติดต่อภคพลอีกเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้แม่ภาคีย์ต้องตรอมใจตาย และก็ขอโทษเพราะไม่คิดว่าการไปเยี่ยมภคพลในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง จะทำให้เขาต้องหัวใจวายตาย”
ยายเจียนถอนหายใจยาวก่อนจะบอกกับพ่อเลี้ยง


“คิดแล้วก็อดสงสารหนูรันไม่ได้ เธอไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะเรื่องราวของผู้ใหญ่แท้ๆ ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้”


“แล้วภาคีย์หลานฉันเขายอมแต่งงานกับหนูรันทั้งที่ไม่ได้รัก ทำเพียงเพราะให้ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นทุกข์แค่นั้นเองเหรอ” พ่อเลี้ยงถาม


“ไม่นะคะ” ยายเจียนรีบแก้ต่าง “ดิฉันว่าที่คุณภาคีย์ตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะยังรักหนูรันอยู่ก็ได้ค่ะ”


“แน่ใจเหรอ” พ่อเลี้ยงถามย้ำ


“ค่ะ ดิฉันแน่ใจ เพราะหลานของท่านรู้จักกับหนูรัน ก่อนที่จะรู้ความจริงเรื่องแม่ของเธอเสียอีก คนอย่างภาคีย์จะไม่ไปยุ่งข้องเกี่ยวกับคนที่เขาเกลียดหรอกค่ะ”


“ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ดีสิ ฉันไม่อยากให้บาปตามติดวิญญาณลูกสาวที่น่าสงสารของฉัน ควรจะจบทุกอย่างด้วยการให้อภัย ฉันกลัวแต่ว่า...”


“กลัวอะไรคะ”


“กลัวว่าภาคีย์ จะทำให้หนูวิรันดามีสภาพไม่ต่างจากแม่ของเขา”


ยายเจียนหน้าซีดลง เพราะยังจดจำสภาพนายหญิงเอริกาได้ดี ตั้งแต่เธอตั้งท้องภาคีย์ นายภคพลก็ไม่เคยสนใจใคร่ไยดีอีกเลย และเริ่มมีปากเสียงมากขึ้นเมื่อเอริกาจับได้ว่าสามียังอาลัยอาวรณ์หญิงคนรักเก่าไม่เคยลืม นายหญิงได้แต่สาปแช่งผู้หญิงคนนั้นด้วยความหึงหวง ความเครียดทำให้เธอคลอดภาคีย์ก่อนกำหนดหนึ่งเดือน ทว่าโชคดีที่เด็กทารกแข็งแรงอยู่ในตู้อบเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แม่ของภาคีย์เป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวอารมณ์ร้ายชอบมีเรื่องทะเลาะกับสามีเสมอ จนกระทั่งแยกบ้านกันอยู่ ตั้งแต่นั้นนายหญิงเอริกาก็เปลี่ยนเป็นคนซึมเศร้า


“เจียน ช่วยพูดกับภาคีย์ให้หน่อยแล้วกันนะ” พ่อเลี้ยงขอร้อง “ฉันเชื่อว่าถ้าเจียนสามารถพูดเตือนสติหลานชายฉันได้ เขาจะได้มีความสุขกับการรู้จักให้อภัย ดีกว่าเก็บมาคิดแค้นให้ตัวเองเป็นทุกข์เสียเปล่าๆ”


“ได้ค่ะ ดิฉันจะลองหาทางพูดดู”


ยายเจียนรับปาก ก่อนจะหันไปมองรูปอดีตนายหญิงของตัวเอง นึกภาวนาอยู่ในใจ ขอให้ดวงวิญญาณของเอริกาหลุดพ้นจากความเกลียดชัง เพื่อจะได้ปัดเป่าหัวใจที่ร้อนเหมือนเพลิงเผาไหม้ตัวเองของลูกชายคนเดียวให้มอดดับและสงบลงได้ ภาคีย์จะได้มีความสุขกับคนที่เขารักอย่างหมดหัวใจ


วิรันดาลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนสาย สิ่งแรกที่รู้สึกคือปวดเมื่อยแทบขยับไม่ได้ และระบมไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว ภาคีย์เรียกร้องจนแทบรับไม่ไหว เพราะต้องการให้เธอชดใช้กับการวางยานอนหลับเพื่อหลีกเลี่ยงการทำหน้าที่ของภรรยาในหลายวันที่ผ่านมา หญิงสาวเหลือบหันไปมองย่นจมูกให้กับร่างสูงที่กำลังนอนหลับสนิทอย่างหมดแรง นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อคืน


“ผมอยากนอนสบาย โดยไม่ต้องผวา กลัวคุณมากัดอะไรผมขาด หรือเอามือหยิบมีดมาเฉือนของผมทิ้ง คุณรันทนนอนทั้งที่มีเทปผ้าปิดปาก มัดมือไปก่อนแล้วกัน”


ตอนนี้เธออยากเข้าห้องน้ำเหลือเกิน แต่ปากกับมือโดนเทปผ้าพันธนาการไว้แบบนี้ คงทำธุระส่วนตัวของตัวเองลำบาก หญิงสาวจึงใช้ปลายเท้าสะกิดขาภาคีย์ ชายหนุ่มงัวเงียสะลืมสะลือ พูดขึ้นทั้งที่ยังนอนปิดเปลือกตาสนิท


“อะไรกันที่รัก เมือคืนก็หลายยกแล้วนะ ขอพักเอาแรงก่อนเถอะ”


คราวนี้แทนที่จะสะกิดเบาๆ วิรันดาซัดเท้าเข้าไปเต็มแรงอีกครั้ง จนภาคีย์ถึงกับสะดุ้งลืมตาตื่น หันไปมองดวงตาขวางๆ วับวาวของร่างนุ่มนิ่มข้างตัว ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปดึงเทปผ้าปิดปากออกให้


“รันจะเข้าห้องน้ำ แกะที่มัดมือออกด้วย” วิรันดาบอกเสียงฉุนเฉียว


ภาคีย์พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะถือโอกาสคว้าร่างบางมากอดไว้ เอื้อมมือไปหยิบกรรไกรตรงหัวเตียงนำมาตัดเทปผ้ากาวที่พันไว้รอบข้อมือออกให้ ทันทีเมื่อเป็นอิสระวิรันดารีบผลักเขาออกห่าง แล้วลุกขึ้นนั่งลงมือเอากำปั้นทุบอกเขาจะได้หายเมื่อยและหายแค้นใจกับการต้องมาแพ้ภัยตัวเอง หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อเห็นเขานอนมองอกเปลือยของเธอตาปรอย ร่างบางหวีดร้องก่อนจะตะครุบผ้าห่มมาปิดไว้ แล้วรีบลากทั้งผืนลงมาจากเตียงพันม้วนรอบตัว ไม่สนใจมองร่างเปลือยท้าลมเครื่องปรับอากาศของอีกคนที่อยู่บนเตียงกับเสียงหัวเราะชอบใจ วิรันดารีบถลาพาตัวเองยัดเข้าไปในห้องน้ำ


หลังอาบน้ำชำระร่างกายสระผมเรียบร้อยแล้ว วิรันดาจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าเดิม จิตใจค่อยสดชื่นขึ้นได้บ้าง แต่แล้วต้องเม้มปากแน่น ตวัดหางตาปะหลับปะเหลือกมองไปทางประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทราวจะให้เห็นทะลุออกไปข้างนอก


ดูเขาทำ...หญิงสาวหันกลับมามองสภาพตัวเองในกระจก ตามลำคอลงไปถึงเนินอกเต็มไปด้วยรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากรอยจุมพิต แล้วเธอจะเอาหน้าโผล่ไปให้ผู้คนเห็นได้อย่างไร ร่างบางคว้าผ้าห่มผืนเดิมมาคลุมกายเพราะลืมหยิบฉวยเสื้อผ้ามาเปลี่ยน เดินออกไปด้านนอก เห็นภาคีย์สวมเสื้อคลุมผ้ากำมะหยี่สีน้ำตาลเข้ม กำลังยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่าง หญิงสาวนึกอยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ วิรันดาเดินกระมิดกระเมี้ยนไปเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนสีเดียวกันเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ออกมาอีกทีก็เจอคนถามด้วยความสงสัย


“ใส่เสื้อแบบนั้นคุณไม่ร้อนหรือไง” ภาคีย์ถาม หญิงสาวตวัดหน้าค้อน ก่อนจะเดินไปใกล้ ดึงปกเสื้อยืดไหมพรมที่ปิดคอแทบชิดปลายคางให้ดู


“เห็นไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณฝากหลักฐานไว้แทบเต็มตัวรันไปหมด”


“อ๋อ” ชายหนุ่มลากเสียงพลางพยักหน้า “ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”


วิรันดาย่นจมูก ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าขนหนูในลิ้นชัก เดินไปนั่งเช็ดผมเปียกน้ำยังไม่แห้งดี ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทว่าภาคีย์กลับแย่งไปทำเสียเอง เขาเช็ดผมให้ภรรยาอย่างนุ่มนวล ก่อนจะใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง นี่คือฉากฝันหวานในจินตนาการของเธอมาก่อน อยากให้คนรักทำแบบนี้บ้าง เหมือนที่เคยเห็นพระเอกทำให้นางเอกในละครทีวี คิดแล้วก็อดเสียดายผมยาวสวยๆ ที่หั่นทิ้งไปไม่ได้ มันคงได้บรรยากาศกว่านี้อีกเยอะ มองเผินๆ ในกระจก แทบเหมือนพี่ชายกำลังช่วยเป่าผมให้น้องชายเสียมากกว่า หญิงสาวรีบหลุบตาหนีเมื่อเจอสายตาคมกริบมองสบมาในกระจก


“เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าอยู่กับบ้านแบบสบายๆ เถอะ” เขาบอกเสียงเรียบ “วันนี้เราจะไม่ลงไปข้างล่าง เดี๋ยวผมจะโทรให้เด็กรับใช้ เอาอาหารขึ้นมากินข้างบน”


ทว่าในความคิดของวิรันดา มีความรู้สึกว่า ไม่ควรขังตัวเองอยู่ในห้องตามลำพังกับเขาสองต่อสอง เพราะเรื่องแบบเมื่อคืนอาจจะเกิดขึ้นอีก


“ไม่เป็นไรค่ะ เราลงไปกินข้างล่างดีกว่า” ภาคีย์มองสบตามาในกระจก ริมฝีปากยกยิ้ม อย่างรู้เท่าทัน เกลียดนักเชียว


“ตามใจแล้วกัน” เขาบอกก่อนจะปิดไดร์เป่าผม “เสร็จแล้ว ความจริงผมซอยสั้นก็ดีเหมือนกันนะ เป่าไม่นานก็แห้งแล้ว”
ภาคีย์วางอุปกรณ์ลงบนโต๊ะหน้ากระจก


“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยลงไปหาอะไรรองท้องข้างล่างพร้อมกัน” ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปจุมพิตริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะผลักออกมาพูดยิ้มๆ


“คราวหน้าเราอาบน้ำด้วยกันดีกว่า ผมต้องการคนถูหลัง” วิรันดาแก้มแดงระเรื่อ สะบัดหน้ามองแผ่นหลังกว้างของภาคีย์ที่เดินหายลับเข้าไปในประตูห้องน้ำ เห็นเขาหยิบมือถือเข้าไปในนั้นด้วย



ภาคีย์เดินจูงมือวิรันดาลงบันไดมาชั้นล่าง ในห้องรับแขกเห็นคนสนิทนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ นายกล้ารีบพับเก็บวางบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นยืน


“วันนี้คุณภาคีย์ จะออกไปไหนเปล่าครับ ผมจะได้ขับรถให้”


“คงไม่ วันนี้ฉันอยากจะอยู่บ้านกับเมียทั้งวัน” ชายหนุ่มตอบเรียกรอยยิ้มจากคนสนิท และหน้าแดงระเรื่อจากคนยืนใกล้กัน วิรันดาวางสีหน้าไม่ถูกด้วยความอาย


“ยังไม่เที่ยง แต่ผมหิวมาก เลยโทร.ลงมาข้างล่าง สั่งให้เด็กยกอาหารขึ้นโต๊ะ นายกล้าไปนั่งทานด้วยกันสิครับ”


“ได้ครับ”


อาหารวันนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเมนูไข่ วิรันดาไล่สายตาไปตามพาชนะใส่อาหารกลางโต๊ะ ไข่เจียวกุ้งสับ ไข่น้ำ ยำไข่ต้ม และที่เด็ดสุดคือไข่ลวกจำนวนหลายฟองในถ้วยใบใหญ่ หญิงสาวเหลือบสายตาปะหลับปะเหลือกหันไปมองคนนั่งข้าง ภาคีย์ยักไหล่ก่อนจะบอกว่า


“ยายเจียนไม่อยู่ ถ้าคุณรันอยากจะกลืนข้าวลงกระเพาะโดยไม่มีปัญหา ก็ต้องกินเมนูพวกนี้”


ชายหนุ่มตักไข่เจียวกุ้งสับ ลงบนจานข้าววิรันดา ส่วนตัวเองก็คว้าไข่ลวกมาตอกใส่จานข้าว คว้าขวดพริกไทยดำและซอสถั่วเหลืองมาเหยาะ ก่อนจะตักเข้าปาก วิรันดาเหลือบมองเขาเป็นระยะระหว่างละเลียดอาหารเข้าปาก ภาคีย์ไม่แตะต้องเมนูชนิดอื่นนอกจากกินไข่ลวกอย่างเดียว เธอรีบก้มหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อนายกล้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองภาคีย์แล้วอมยิ้ม


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัท เพราะมีประชุม นายกล้าไปกับผมด้วยนะครับ เผื่อจะมีอะไรให้ช่วย” คนสนิทรีบพยักหน้า


“ได้ครับ”


“ผมจะลองมองหาตำแหน่งในบริษัทให้นะครับ นายกล้าจะได้ช่วยงานผมเต็มที่โดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ” คนสนิทพยักหน้ารับ ภาคีย์หันไปทางวิรันดาก่อนจะถามขึ้น


“แล้วตกลงเรื่องจัดงานวันเกิด ได้สถานที่หรือยัง”


“รันยังไม่ได้คุยกับเพื่อน ไว้เดี๋ยววันนี้จะลองโทรคุย” ภาคีย์พยักหน้า ก่อนจะแนะนำ


“ผมมีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่หัวหิน ใกล้ๆ กับกรุงเทพ จะใช้ที่นั่นก็ได้นะ เป็นส่วนตัวดี จะได้ถือโอกาสไปพักผ่อน”


“ไว้จะลองบอกเพื่อนดูค่ะ”
วิรันดาตอบ ตามติดมาด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนสีดำดังขึ้น หญิงสาวล้วงหยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อคนโทร.เข้า แล้วเหลือบมองคนนั่งข้างนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย


“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” เวณิกถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “รันหายไป เห็นว่าจะส่งภาพมาให้พี่ทางเมล์ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้”


“ไม่มีอะไรค่ะ เดี๋ยววันนี้รันจะส่งไปให้” หญิงสาวพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ชื่อของรุ่นพี่หลุดออกมาจากปาก “แค่นี้ก่อนนะคะ” ยังไม่ทันกดวาง ปลายสายรีบบอก


“พี่ต้องออกข้างนอกพอดี เดี๋ยวพี่ไปหาที่บ้านนะ”


“ไม่ต้องค่ะ พี่เวจะมาทำไมคะ” หญิงสาวละล่ำละลักหลุดปากโดยไม่รู้ตัว


วิรันดาสะดุ้ง เมื่อภาคีย์วางช้อนกระแทกลงบนจานข้าว เหลือบหันไปมอง เห็นหน้าตาขึงขัง สีหน้าเครียดของเขาแล้ว ชักหนาวสันหลังทะลุไปถึงกระดูกวาบๆ และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจไม่น้อยคือเขาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือ แล้วแนบหูฟังกัดกรามแน่น


“ก็พี่เป็นห่วง พี่รอเมล์น้องรันทั้งคืนเลยนะ ยิ่งโทรติดต่อไม่ได้ พี่ก็แทบนอนไม่หลับ เดี๋ยววันนี้พี่เข้าไป จะได้ช่วยเลือกรูป เพราะนัดเอาไปให้อาจารย์วันนี้”


“บอกที่อยู่มา” ภาคีย์ตอบกลับเสียงเข้ม “เดี๋ยวฉันจะให้คนของฉันเอาสิ่งที่นายต้องการไปให้ แล้วเชิญไปเลือกรูปเอาเอง ห้ามมารบกวนเมียฉันอีก”


“ทำไมคุณถึงมารยาทแย่อย่างนี้” เวณิกด่าแบบไม่เกรงใจ “เอาโทรศัพท์คนอื่นมาคุยได้ยังไง”


“นี่มันโทรศัพท์เมียฉันนะโว้ย” ภาคีย์โต้กลับเสียงเข้มพอกัน “นายต่างหากที่เป็นคนอื่น รีบบอกที่อยู่มา”


“คุณหัดมีเหตุผลบ้างสิ” เวณิกโต้เถียงไม่ยอมทำตาม “ผมกับน้องรันเราแค่คุยกันเรื่องงานเท่านั้น” ภาคีย์หัวเราะ


“ผมไม่ไว้ใจเสน่ห์เมียของผมหรอก ขนาดมีสามีเป็นตัวเป็นตน ยังทำให้ผู้ชายอย่างคุณดิ้นพล่านอยู่ไม่ติดขนาดนี้ ไม่เป็นไรไม่ต้องบอกที่อยู่ก็ได้ เดี๋ยวจะให้คนเอาไปให้ที่สตูดิโอ” ภาคีย์รีบกดวางสาย ก่อนจะหันไปมองหน้าซีดสลับแดงของภรรยา


“กล้องอยู่ที่ไหน” เขาถาม


วิรันดาหน้าตื่นเมื่อนึกขึ้นได้ เธอทำตกไว้หน้าบ้านเมื่อคืนตอนฝนตกหนัก ป่านนี้ไม่รู้จะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง เธอตั้งท่าจะลุกไปจากตรงนั้นเพื่อจะไปดู ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อคนสนิทของภาคีย์พูดขึ้น


“เดี๋ยวผมไปเอาให้ครับ เมื่อเช้าคนสวน เก็บมาให้ผม” นายกล้าลุกเดินออกจากตรงนั้น ภาคีย์จึงหันไปกระชากแขนวิรันดา พูดเสียงเข้มลอดไรฟัน


“ต่อไปห้ามไปไหนมาไหนกับมันอีก เข้าใจไหม”


วิรันดาพยายามวางสีหน้าเรียบเฉย อยากจะด่าเขาด้วยความไม่พอใจก็ต้องเก็บลิ้นไว้ ส่วนในใจก็เดือดปุดๆ ถ้าได้ตบหน้าเขาสักฉาดคงดีไม่น้อย แต่เมื่อสำนึกว่าทำไปก็ไม่คุ้มเสีย จึงเปลี่ยนความคิด
ภาคีย์ปล่อยแขน เมื่อนายกล้าเดินกลับเข้ามาให้ห้องรับประทานอาหาร เขาฉวยกล้องมาจากมือคนสนิท ก่อนจะถอดเมมโมรี่กล้องออกมา แล้วยื่นไปให้นายกล้า


“ช่วยเอาอันนี้ไปส่งที่เวณิกสตูดิโอ แถวแจ้งวัฒนะด้วย”


นายกล้าคนสนิทรีบรับมาไว้ในมือ ก่อนจะออกไปจัดการตามสั่ง พลางคิดว่าเจ้านายหนุ่มคนนี้ช่างถอดแบบความเลือดร้อน และหึงหวงห่วงแหนสิ่งที่เป็นของตัวเอง มาจากผู้เป็นตาได้ไม่ผิดเพี้ยน เป็นที่โจษจันกันมานานแล้วว่า พ่อเลี้ยงอัครกาลในวัยหนุ่มมีความคึกคะนองเด็ดขาดและเลือดร้อนขนาดไหน ยิ่งเรื่องหวงเมียคงต้องยกนิ้วให้ พิสูจน์ความรักได้จากที่ยังคงครองตัวเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้แม้ภรรยาจะจากโลกนี้ไป ทิ้งลูกสาวตัวน้อยไว้ดูต่างหน้า นายกล้าถึงกับถอนหายใจด้วยความหดหู่ รู้สึกผู้หญิงตระกูลกำจรเวชล้วนมีอายุสั้น


เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังครืดยาว วิรันดาเงยหน้ามอง
“ขึ้นห้อง ผมไม่มีอารมณ์กินแล้ว”


คนฟังหันมองไปบนโต๊ะ ก่อนจะย่นจมูกเมื่อพบกองเปลืองไข่วางไว้เกลื่อน ในถ้วยไม่เหลือสักฟองเดียว ก็สมควรอิ่มจนไม่มีอารมณ์กินต่อหรอก ยัดไปเสียขนาดนั้น


“แต่รันยังไม่อิ่ม เชิญคุณขึ้นไปคนเดียวเถอะ” วิรันดาบอกพลางตักยำไข่ต้มลงบนข้าว นั่งละเลียดกินอย่างใจเย็นไม่สนใจว่าคนตัวสูงจะอยู่ในอารมณ์ไหน


“กินทีละปลายช้อน แบบแมวดมแบบนั้น เมื่อไหร่จะอิ่ม” เขาว่า ก่อนจะนั่งลงที่เดิม คว้าจานข้าวตรงหน้าเธอไป


“เอามานี่ เดี๋ยวผมป้อนเอง”


“ไม่ต้อง รันมีมือ กินเองได้” เธอได้แต่คว้าอากาศ เมื่อเขายกจานหนี ภาคีย์ตักข้าวเต็มช้อน แล้วยื่นป้อนจ่อมาชิด หญิงสาวเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นไม่ยอมเผยอ


“ป้อนด้วยช้อนดีๆ ไม่กิน เดี๋ยวผมจะป้อนด้วยปาก” ภาคีย์ขู่ “เคยเห็นสารคดีไหม เวลาพ่อกับแม่นก ป้อนอาหารให้ลูกนก พวกมันทำกันยังไง”


วิรันดาตวัดหางตามอง ด้วยความขุ่นเคือง แทบอยากจะกรีดร้องระบายความหงุดหงิดใจ นับวันภาคีย์ชักจะสนุกกับการได้กลั่นแกล้งเธอขึ้นเรื่อยๆ ภาคีย์ตั้งท่าจะหันช้อนเข้าปากตัวเอง หญิงสาวจึงรีบอ้าปากทำตัวเป็นนกน้อยอย่างเชื่อฟัง ร่างบางพยายามสะกดอารมณ์คันไม้คันมืออยากจะต่อยปากเพื่อหยุดรอยยิ้มพึงพอใจของเขา ภาคีย์ป้อนข้าวคำโตเป็นช้อนที่สอง


“ดีมาก กินเยอะๆ จะได้มีแรง”


“ทะลึ่ง!” เธอว่าเขาเสียงอาหารคับปาก


เช้าวันนี้เป็นอีกวันที่วิรันดา อยากจะมีคาถาแบบแม่มด จะได้เสกให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้ ภาคีย์ไม่ยอมให้เธออยู่ห่างตัว เรียกง่ายๆ ว่าแทบไม่สามารถกระดิกหนีออกไปพ้นจากสายตาของเขา ประชุมที่บริษัทยังต้องลากหนีบเธอติดตามมาราวกับหมากฝรั่ง หญิงสาวผ่อนลมหายใจพลางคิดว่าหมากฝรั่งอย่างเธอไม่รู้เมื่อไหร่จะหมดรสหวานจนเขาต้องคายทิ้ง


ร่างบางเหลือบมองภาคีย์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารประชุมในแฟ้มที่สำนักงานเลขานุการฝากมากับพนักงานขับรถยนต์ ก่อนจะเอาหน้าแนบกระจกเงยมองท้องฟ้าผ่านบรรดาปลายยอดอาคารสูงไปตามรายทางที่รถคันหรูประจำตำแหน่งของประธานบริษัทวิ่งผ่าน


เมื่อวานไปจนกลางคืนแถมด้วยตอนเช้า วิรันดาต้องทำหน้าที่ภรรยาตามใจสามีเมื่อเขาเรียกร้อง ถึงเธอจะปฏิเสธปากแข็งอย่างไร เขาก็มีวิธีจัดการให้เธอใจอ่อนได้ หญิงสาวหน้าแดงเพราะดันเผลอนึกถึงฉากรักในห้องน้ำ เพราะเขาต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วนี่...ที่ลากเธอมาด้วยไม่ใช่เพราะว่าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศอยากเมคเลิฟกับเมียที่ทำงานหรอกนะ


คนบ้า!

ก่อนออกจากบ้านเธอลองพยายามหลีกเลี่ยง โดยอ้างว่าอยากออกไปทำงานถ่ายภาพ ทว่าเขากลับพูดออกมาหน้าตาเฉย


‘ไม่ต้องทำงาน เมียคนเดียว ผมเลี้ยงได้’


แถมตอนขอเอาเจ้าแต้มสุนัขตัวโปรดตามมาด้วย เพราะตลอดเวลามัวแต่คลุกติดกับเขาจนจะกลายเป็นปาท่องโก๋ ไม่มีเวลาได้เล่นกับมัน ทว่าเขากลับบอกแบบปฏิเสธได้หน้าตาเฉยอีกเหมือนกัน


‘มันเป็นหมานะ ไม่ใช่เมีย ที่ผมจะไปไหน ต้องหอบไปด้วย ปล่อยให้มันอยู่บ้านนะดีแล้ว’


บางทีเขาคงนึกรำคาญเจ้าแต้มเต็มกลืน เพราะเจอหน้าทีไร มันชอบคำรามใส่ภาคีย์เป็นประจำ จนถึงบัดนี้สุนัขตัวโปรดของเธอยังคงไม่ลงรอยหรือญาติดีกับผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี



ใช้เวลาร่วมเกือบสองชั่วโมง เพราะการจราจรติดขัดในช่วงเช้า ยานพาหนะประจำตำแหน่ง ก็มาจอดเทียบท่าหน้าอาคารสูงขนาดใหญ่ ใจกลางเมืองหลวง นายกล้าที่นั่งติดกับคนขับ รีบลงจากรถมาเปิดประตูให้ภาคีย์ ชายหนุ่มจัดการดึงวิรันดาลงมาทางประตูเดียวกัน เขาจูงมือพาเธอเดินเข้าประตูกระจกเลื่อนอัตโนมัติของบริษัท โถงกว้างด้างล่างสองข้างมีโต๊ะไม้ด้านบนเป็นกระจกครอบขนาดใหญ่ ภายในเป็นแบบโมเดลโครงการต่างๆ ของบริษัท


ผนังตรงหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เห็นเป็นบอร์ดขนาดใหญ่ มีรูปและตำแหน่งระดับผู้บริหารโดยรูปของภาคีย์อยู่บนสุด หญิงสาวกวาดตามองความใหญ่โตของบริษัทด้วยความตื่นตา เป็นครั้งแรกที่เธอได้เหยียบย่างเข้ามาเยี่ยมชมบริษัทของสามี พนักงานที่เดินเข้าเดินออกต่างหยุดทักทายแล้วยกมือไหว้ ภาคีย์ทำเพียงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย ขณะยังกุมมือเธอไว้แน่น ส่วนอีกข้างถือแฟ้มเอกสารติดมาด้วย ดูเหมือนทุกสายตาจะมองเธอด้วยความสนใจ คงเป็นครั้งแรกของพวกเขาเหมือนกันที่ได้มีโอกาสเห็นหน้าค่าตาภรรยาของผู้บริหารบริษัท


วิรันดาก้มมองสภาพตัวเอง แทนที่จะทำให้เขารู้สึกอายโดยแกล้งแต่งตัวแบบโลว์คราสสุดๆ สวมกางเกงยีนเก่าซีดกับเสื้อยืนคอกลมลายสกรีนเป็นสินค้ายี่ห้อหนึ่ง เห็นก็รู้ว่าได้แจกฟรีมา ส่วนรองเท้าแทนจะเป็นส้นแหลมสูงอย่างที่หญิงสาวหลายคนชอบสวมใส่ ดันเป็นแค่รองเท้าผ้าใบธรรมดา หญิงสาวขบริมฝีปากแน่น กลับกลายเป็นว่าเธอรู้สึกอายเสียเอง เมื่อเจอสายตาแปลกๆ จ้องมอง คงพากันคิดว่าประธานบริษัทไปคว้าเด็กกะโปโลที่ไหนมาเป็นเมีย ทว่าที่แปลกกว่าใครคือคนตัวสูงสวมชุดสูทแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่ขัดศรัทธากับการแต่งองค์ทรงเครื่องของเธอแม้แต่น้อย ทั้งที่รอลุ้นว่าคงต้องโดนจับแก้ผ้าเปลี่ยนเป็นชุดใหม่


เขาพาเธอขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบเก้า ก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องกว้างผ่านสำนักงานเลขานุการ เดินทะลุตรงไปอีกยังประตูซึ่งมีป้ายบ่งบอกว่าเป็นห้องทำงานของประธานบริษัท หน้าห้องมีสิ่งระคายสายตานั่งเชิดคอเด่นอยู่ เจ้าหล่อนรีบยืนขึ้นเมื่อเห็นภาคีย์แล้วยิ้มหวาน ทั้งที่ก่อนนั้นหน้าบูดไม่รับแขกตอนมองเธออยู่หยกๆ


“สวัสดีค่ะท่านประธาน” พิมพ์วดีเสียงหวาน “ยินดีกับการเข้ามาทำงานวันแรกค่ะ”
ภาคีย์ชะงักมือที่กำลังบิดลูกบิดประตู หันไปมอง พูดเสียงระรื่นเชียวนะ


“ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง ในวันทำงานวันแรกด้วยครับ หวังว่าคุณพิมพ์คงช่วยให้ผมทำงานได้สะดวกขึ้น ยังไงก็ฝากตัวด้วยครับ”


“แหม ต้องเป็นพิมพ์ต่างหากคะ ที่ต้องฝากตัว”


เอาเถอะ ใครจะยกตัวเองใส่พานถวาย หรือฝากตัวกับใครก็ช่าง เชิญตามสบาย วิรันดาทนฟังทนดูไม่ไหว รีบสะบัดมือออก แล้วเปิดประตูเข้าไปด้านในเสียเอง ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเขาดังปัง ไปยืนสงบสติอยู่กลางห้อง ภาพถ่ายลับเฉพาะของสามีกับเลขาหน้าห้องคราวก่อนลอยมากระตุ้นต่อมพิโรธอีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเมื่อประตูเปิดตามมาติดๆ เห็นเขายกมือกุมหน้าผาก พลางกวักมือเรียก


“มานี่เลย” เธอยินดีเดินไปหา ทำไม่รู้ไม่ชี้ เขาลดมือลง จึงเห็นว่าตรงหน้าผากเป็นรอยแดงจางๆ


“ผมโดนประตูที่คุณรันปิดใส่ กระแทกเข้าเต็มๆ เห็นผลงานตัวเองหรือยัง ทำไมต้องปิดประตูใส่หน้าผมด้วย ไม่เห็นหรือไงว่าผมกำลังเดินตามเข้ามา”


แหม...มันน่าสมควรจะโดนกระแทกปากด้วยต่างหาก หญิงสาวคิดพลางทำหน้าสลด


“อุ้ย! ขอโทษค่ะ รันไม่ได้ตั้งใจ”


สายตาคมกริบกับสีหน้าไม่อยากจะเชื่อคำของวิรันดาปรากฏชัด แต่เขาคงไม่มีเวลาจะมาใส่ใจหาเรื่องกับเธอด้วยเรื่องเล็กน้อย ชายหนุ่มจึงจับมือภรรยาพาเดินไปยังประตูด้านข้างของห้องทำงาน ก่อนจะเปิดอ้าออกกว้าง


“คุณรันนั่งเล่น นอนเล่น ให้ห้องนี้ไปก่อนแล้วกัน เป็นห้องส่วนตัวของผม ในนั้นมีทุกอย่างพร้อม”


วิรันดาพยักหน้ายินยอมเดินเข้าไป ก่อนที่เขาจะงับประตูปิดสนิท สิ่งที่สะดุดตาในห้องมีพร้อมทุกอย่าง คือเตียงกว้างวางโดดเด่นท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟระย้าบนเพดาน ถัดออกไปมีชุดเครื่องเสียงและทีวีจอใหญ่ มุมห้องมีชุดโซฟาหรูยี่ห้อดัง ยังมีอุปกรณ์ออกกำลังกายฟิตเนตอยู่อีกมุม ตรงผนังอีกด้านยังมีบาร์เครื่องดื่มขนาดเล็กและตู้เย็น หญิงสาวละสายตาจากทุกสิ่ง เมื่อมีเสียงเคาะประตู



มุกมาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มี.ค. 2555, 10:34:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มี.ค. 2555, 20:42:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 28877





<< เล่ห์วิวาห์ ตอนที่ 22   เล่ห์วิวาห์ ตอนที่ 24 >>
มุกมาดา 20 มี.ค. 2555, 10:34:37 น.
โปรดติดตามเป็นกำลังใจกันต่อไปนะคะ เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จะจบอวสานแล้ว ขอบคุณทุกกำลังใจ กดอ่าน และกด like ค่ะ

Wane = แหะๆ ไม่รอดค่ะ

Pampam = แย่จริงๆ ค่ะ ไม่รอด

anOO = ค่า ตอนนี้งัดมุขอะไรมาใช้ ก็ไม่ได้ผล อิ อิ

Auuuu = เจอเต็มๆ ค่ะ ^__^

ปอแก้ว = มาอัพให้แล้วค่ะ ใช่เลยพระเอกโกรธมากบวกหึงจนหน้ามืด อิ อิ


ChaCha 20 มี.ค. 2555, 11:05:27 น.
ชอบบบบ อ่ะค่ะ กรี๊ดอ่ะ หึงได้น่ารักดีเนอะ


Pampam 20 มี.ค. 2555, 13:30:40 น.
นู๋รันแอบหึงอิ๊อิ๊


ปอแก้ว 20 มี.ค. 2555, 14:12:23 น.
เรียบร้อยโรงเรียนคุณคีย์จนได้สิหนูรัน ><!
อ่านไปแล้วแอบขำคุณคีย์ มัดหนูรันซะ...น่าสงสารเชียว


pattisa 20 มี.ค. 2555, 14:52:38 น.
เเหม รันน่าจะกระเเทกประตูให้เเรงกว่านั้น เอาให้ดั้งหักไปเลย อิอิ :)


anOO 20 มี.ค. 2555, 15:02:47 น.
หึงโหด...พอกันรึป่าวคู่นี้


Auuuu 20 มี.ค. 2555, 19:52:04 น.
แรงทั้งคู่ เอิ๊กๆๆๆ


KipkeLucifer 20 มี.ค. 2555, 22:53:54 น.
ชอบนางเอกแนวนะอะ


wane 21 มี.ค. 2555, 03:36:45 น.
ยังนึกไม่ออกเลยว่า จะปรองดองกันได้งัยเนี่ยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account