พรหมมาร
พรหมมาร By กันต์ระพี

คนตายอโหสิกรรมให้
แต่คนเป็น..เขาจะลิขิตชีวิตให้เอง
เขาจะทำทุกอย่างให้หล่อนต้องตกนรกทั้งเป็น!!
"เพียงพลอย..ชื่อเธอก็บอกอยู่แล้วว่าพลอย ยังไงก็ไม่มีวันเป็นเพชรไปได้หรอก"


งานเขียนเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของสนพ. Touch Publishing
เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตัวอย่างเนื้อเรื่อง

พรหมมาร

ประพันธ์โดย...กันต์ระพี



บทนำ...

“ไป ! ออกไปให้พ้น เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ”

“คุณคะ คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน”

เสียงสั่นเครือที่หลุดจากปากหญิงร่างกายผ่ายผอมเพราะโรคร้ายรุมเร้า ไม่ได้ทำให้คนเป็นสามีนึกสงสารหรือเห็นใจแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับรำคาญเสียด้วยซ้ำ ด้วยกำลังรักกำลังหลงม่ายสาวพราวเสน่ห์รูปร่างอวบอั๋นที่ยืนจูงมือเรือพ่วงวัยกำลังน่ารักอยู่ข้างกาย

“ต๊าย...ยังมีหน้ามาถามอีก ทำไมไม่ดูสารรูปตัวเองบ้างล่ะยะ ว่าหล่อนน่ะมันทุเรศแค่ไหน ฉันเห็นยังนึกว่าซากศพ แล้วใครที่ไหนเขาจะอยากอยู่ด้วย จริงไหมคะคุณ” คนจีบปากจีบคอพูดแทรกขึ้นอย่างมีจริตจะก้านเขย่าแขนคนกลางที่วางตัวไม่เป็นกลางเสมือนหนึ่งขอความคิดเห็น

“จ้า...คุณว่าอะไรก็ตามนั่นแหละจ้ะ”

คนเห็นดีเห็นงามกับคำพูดนั้นคลี่ยิ้ม พลางตบหลังมือม่ายสาวเบาๆ ราวกับจะบอกเจ้าตัวให้วางใจ ครั้นตวัดสายตามาหยุดที่คู่ชีวิตที่หมดรักหมดพิศวาสก็ชักสีหน้าทำเสียงกร้าวตวาดออกไป

“ไป ! ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ไม่รู้จะมายืนร้องไห้คร่ำครวญหาสวรรค์วิมานอะไร น่ารำคาญชะมัด”

“คุณคะ ถ้าคุณไม่เห็นแก่ฉัน ก็ขอให้เห็นแก่ลูกบ้างเถอะ ตาหนูแกยังเล็ก ถ้าคุณไล่พวกเราแล้วจะไปอยู่ที่ไหนกัน” คนถูกไล่ตะเพิดอย่างไม่ไยดีถลาเข้าไปเกาะแขนสามีด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจ

“จะหอบหิ้วกันไปอยู่ที่ไหนก็ไปสิ แล้วก็อย่าเอาไอ้เด็กเปรตนั่นมาต่อรองกับฉัน เพราะฉันไม่สนใจไอ้เลือดชั่วๆ ของเธอกับไอ้ชู้รักนั่นหรอก แค่ให้ที่อยู่ที่กินและเลี้ยงมาจนโตขนาดนี้ก็บุญหัวของมันแล้ว”

เจ้าของน้ำเสียงกร้าวกระชากแขนกลับแล้วหันมาโอบเอวม่ายสาวพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของตัวบ้าน ทิ้งคนน้ำตาร่วงให้จมอยู่กับความชอกช้ำ แต่ถึงกระนั้นหล่อนก็ยังไม่วายตามไปยื้อยุดคนเป็นสามีไว้

“แต่...”

“เอ๊ะ ! พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง เจ้าของบ้านเขาไล่แล้วยังจะหน้าด้านอีก ไป ! ออกไปให้พ้น !”

ม่ายสาวชิงตัดบท ทั้งที่นึกอยากจะตบหน้าคนบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารจากคนกลางนั่นสักฉาด แต่ติดที่ว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ ก็เลยกระชากแขนอีกฝ่ายออกแล้วแสร้งปล่อยมือ ส่งผลให้คนเหนี่ยวรั้งเสียหลักกลิ้งตกบันได ซึ่งเสียงโครมครามดังกล่าวก็ฉุดความสนใจให้เด็กชายวัยหกขวบวิ่งเข้ามาในตัวบ้าน ครั้นเห็นมารดานอนแน่นิ่งกับพื้น ที่ศีรษะมีเลือดไหลซึมก็ตกใจสุดขีด

“แม่ !”


ตอนที่ 1

ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายภายในบ้านพัก ร่างกึ่งเปลือยที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายช่วงล่างนอนกระสับกระส่ายบนเตียงกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาชื้นไปด้วยเหงื่อ เมื่อมโนภาพในวัยเยาว์ผุดขึ้นในความฝัน ครั้นสะดุ้งตื่นก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อกาฬ พลางระบายลมหายใจออกมา ด้วยกว่าจะหลุดจากห้วงแห่งความฝันนั้นมาได้ก็เหนื่อยหอบ

“เป็นอะไรไปคะกริณ ฝันร้ายเหรอ ?”

เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ หากแต่หันมองคู่นอนสาวดีกรีบุตรีนายทหารปลดประจำการ แล้วรั้งร่างนุ่มเข้ามาจูบข้างขมับเชิงขอลุแก่โทษ ด้วยไม่มีเจตนาจะทำให้หล่อนตกใจตื่น ครั้นหันมาฉวยนาฬิกาข้อมือบนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียงขึ้นดูเวลาก็เอ่ยขึ้น

“ใกล้เช้าแล้ว ผมไปก่อนดีกว่า”

“เดี๋ยวสิคะกริณ อยู่ต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ คราวนี้คุณไปกรุงเทพฯ ตั้งหลายวัน อรคงเหงาแย่ นะคะ...อยู่กับอรก่อนนะ” อิงอรอ้อนเสียงหวานเมื่อเห็นคนข้างกายลุกขึ้นฉวยเสื้อผ้า

“คงไม่ได้หรอกอร ผมต้องกลับไปเช็กของในกระเป๋า ไม่ค่อยไว้ใจไอ้ทุ้ย บทมันจะฉลาดก็ฉลาดเป็นกรด แต่บทจะโง่ก็โง่ได้ใจ ถ้ามันลืมเอากางเกงในผมใส่กระเป๋าไปด้วยละก็...แย่เลย” คนสวมเสื้อผ้าลวกๆ บ่นกลายๆ เชิงติดตลก

ทว่าอีกฝ่ายเหมือนจะรู้แกวเลยชักหน้าง้ำ ก็บ่อยครั้งที่กริณมักจะยกเอาความซื่อบื้อของลูกน้องคนสนิทมาเป็นข้ออ้างเพื่อหาทางปลีกตัวจากหล่อน

“แหม...นายทุ้ยคงจะไม่ซื่อจนเซ่อถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”

“เอาแน่ได้เหรอ กันไว้ก่อนดีกว่า ผมยังไม่อยากหน้าแตก ต้องไปเดินหาซื้อของใช้ส่วนตัวที่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาเมื่อไหร่ผมจะโทรหา” กริณโน้มหน้าจูบข้างแก้มคนหน้าง้ำแล้วก้าวออกจากห้อง

อิงอรเป็นหนึ่งในคู่ขาที่เขายกระดับขึ้นมาเป็นคนรู้ใจ เพราะเห็นว่าหล่อนไม่ใช่คนเรื่องมาก อีกทั้งยังคบหาและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจีรังยั่งยืน เพราะหนุ่มหล่อเลือกได้อย่างเขามีหน้าตาเป็นอาวุธ ซ้ำยังมีฐานะร่ำรวย จัดว่าเป็นผู้ชายในฝันของบรรดาสาวๆ ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวผนวกกับความรักสนุกทำให้ไม่คิดจะลงหลักปักฐานกับใคร นอกจากหาความสุขใส่ตัวตามประสาหนุ่มโสด


ร่างสูงที่นั่งหลังพวงมาลัยทอดสายตามองถนนเบื้องหน้า ความฝันที่มารบกวนจิตใจเมื่อครู่ทำให้ย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีต ยี่สิบกว่าปีมาแล้วที่เขากับคุณกาญจนาผู้เป็นมารดาถูกไล่เหมือนหมูเหมือนหมาออกจากบ้าน ด้วยเหตุเพราะบดินทร์ผู้เป็นบิดาหลงจริตมารยาของม่ายสาวพราวเสน่ห์นามดาริน

จนกระทั่งพ่อเลี้ยงสินธุแวะไปเยี่ยมมารดาและเขา หลังจากทราบข่าวดังกล่าวก็สืบหาที่อยู่และยื่นมือเข้าช่วยเหลือ พามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ปางไม้ แต่มารดาของเขาสุขภาพแย่ลงเพราะป่วยเรื้อรังมานาน อีกทั้งยังตรอมใจ หกเดือนให้หลังท่านก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

นับตั้งแต่นั้นมากริณก็อยู่ในความดูแลของพ่อเลี้ยงสินธุ ซึ่งเขามาทราบภายหลังว่านอกจากผู้เลี้ยงดูจะเป็นเพื่อนสนิทยังเป็นอดีตคนรักของมารดาที่คบหาดูใจกันมานาน แต่ช่วงที่กำลังวุ่นวายกับธุรกิจปางไม้ บดินทร์ก็แทรกตัวเข้ามาทำให้เกิดรักสามเส้า สุดท้ายมารดาก็เลือกที่จะไปอยู่กินกับบิดาของเขา

แต่ถึงกระนั้นพ่อเลี้ยงสินธุก็ยังไปมาหาสู่อยู่เสมอ ด้วยยังรักมั่นถึงไม่ยอมแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้คิดจะแย่งชิง เพราะเห็นว่ามารดาเขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว เพียงแต่นึกเป็นห่วงและเห็นใจว่าเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่คนเป็นสามีกลับแล้งน้ำใจไม่เอาใจใส่ดูแล

ที่ผ่านมาพ่อเลี้ยงสินธุอุปการะเลี้ยงดูเขาไม่ต่างจากบุตร วางแผนอนาคตโดยส่งไปคุมฟาร์มไข่มุกทางตอนใต้ และยกบริษัทอัญมณีแห่งสายน้ำที่ผลิตไข่มุกครบวงจรเพื่อการส่งออกให้ดูแล ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการของตระกูลนันทเสวกที่นอกเหนือจากปางไม้

กริณรักและนับถือพ่อเลี้ยงสินธุไม่ต่างจากบิดา เขามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะผู้มีพระคุณคอยช่วยเหลือ จึงเรียกอีกฝ่ายว่าพ่ออย่างเต็มปาก ซึ่งเรื่องในวัยเยาว์คงลบเลือนไปตามกาลเวลาและไม่ผุดขึ้นมาในความคิดหรือความฝัน หากพ่อเลี้ยงสินธุจะไม่รุดมาแจ้งข่าวด้วยตนเองว่าบดินทร์เสียชีวิต

กริณสลัดความคิดทั้งหมดลง เมื่อนำรถยนต์เข้าจอดเทียบหน้าเรือนไม้สักทองหลังใหญ่ นิวาสสถาน
โอ่อ่าที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่กว้างบนเกาะทางตอนใต้ ด้านหนึ่งติดชายทะเลจัดทำเป็นรีสอร์ทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก ส่วนอีกด้านเป็นเรือนพักคนงานในฟาร์มไข่มุก

ครั้นกริณก้าวลงจากรถแล้วเห็นแสงไฟในตัวบ้านยังสว่างไสวก็นึกแปลกใจ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากไปว่าสาวใช้หรือไม่ก็คนสนิทคงลืมปิดไฟ ทว่าเมื่อก้าวผ่านห้องโถงเข้ามาในห้องรับแขก ก็รู้ว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะเวลานี้มีใครบางคนนั่งทำหน้าปั้นยากรอเขาอยู่บนโซฟา

“ไปไหนมาไอ้ตัวดี”

กริณชะงักปลายเท้าหันมองเจ้าของน้ำเสียงคาดคั้นแล้วยิ้มแหยๆ พลางยกมือลูบต้นคอแก้เก้อโดยอัตโนมัติ เปลี่ยนทิศทางการเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวข้างๆ

“โธ่ ! พ่อ ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง พ่อจะมานั่งจับผิดผมทำไมเนี่ย”

“ท่าทางส่อพิรุธแบบนี้ชัดเลย คืนนี้ใครล่ะ หนูอิงอรหรือเปล่า ระวังเถอะ...ถ้าพ่อเขารู้เข้าว่าแกดอดไปเจาะไข่แดงลูกสาวเขาถึงบ้าน มีหวังคงลากปืนบุกมายิงถึงที่นี่แน่” แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่พ่อเลี้ยงสินธุก็อดคิดไม่ได้ว่าแม่คู่นอนของบุตรชายรายนี้มีประวัติความเป็นมาค่อนข้างแปลก โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับบิดา

เท่าที่ทราบนายทหารปลดประจำการนั่นเป็นคนหวงบุตรสาวเอามากๆ แต่กลับปล่อยให้อิงอรพักอยู่เพียงลำพัง นานๆ ครั้งถึงจะแวะมาหา ซึ่งก่อนหน้านี้กริณเคยเล่าให้ฟังว่าหากบิดาของหล่อนจับได้ว่าหนีเที่ยว อิงอรก็จะถูกขังหรือไม่ก็ถูกทุบตีอย่างรุนแรง ทำให้เขานึกสงสัยในพฤติกรรมดังกล่าว เพราะมองยังไงก็ไม่เหมือนคนหวงบุตรสาว หากแต่เหมือนโคแก่หวงหญ้าอ่อนเสียมากกว่า ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ท้วงติงอะไรออกไป

“เชื่อมือผมเถอะน่า ผมไม่พลาดง่ายๆ หรอก จะทำอะไรก็ต้องดูลาดเลาก่อน นี่ผมเห็นว่าแมวไม่อยู่หรอก หนูอย่างผมถึงกล้า อีกอย่างของแบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่ตาตุ่ม ถ้าลูกสาวเขาไม่เต็มอกเต็มใจเสนอให้ แล้วใครจะกล้าไปเปิดผ้าขอเจาะซึ่งๆ หน้าล่ะพ่อ”

“เออ ทำปากเก่งพูดดีไปเถอะไอ้ตัวแสบ เจอของจริงเข้าสักวันแล้วจะรู้สึก พับผ่าสิ ! ไม่รู้แกไปเอานิสัยเจ้าชู้แบบนี้มาจากไหนกัน” คนบ่นอุบส่ายหน้าอย่างนึกระอาคนคุยโว แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะหน้าเป็น

“เจ้าชู้อะไรกันพ่อ ผมแค่ไม่ชอบขัดใจสาวๆ ต่างหาก พวกเธอเสนอมา ผมก็สนองให้ก็เท่านั้น ไม่เอาแล้ว...ผมไปนอนดีกว่า ขี้เกียจฟังพ่อบ่น”

“เดี๋ยว ! นั่งลงก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” พ่อเลี้ยงสินธุท้วงขึ้น ครั้นเห็นคู่สนทนาที่ทำท่าจะลุกหนีทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดิมก็เอ่ยเสียงเครียด

“พรุ่งนี้แกจะเบี้ยวไม่ได้แล้วนะกริณ ไม่ไปฟังสวดพ่อไม่ว่า แต่ต้องไปเผาบดินทร์”

“เรื่องนั้นผมทราบแล้วล่ะครับ นี่ก็โทรจองตั๋วเครื่องบินและก็นัดกับวิฑูรย์ไว้แล้วด้วย”

กริณมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที อดที่จะนึกตำหนิคนที่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะวิฑูรย์หลานชายพ่อเลี้ยงสินธุ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา หรืออีกนัยหนึ่งผู้อำนวยการใหญ่ประจำสาขากรุงเทพฯ เป็นคนส่งข่าวเรื่องดังกล่าว ทำให้พ่อเลี้ยงสินธุต้องเดินทางมาจ้ำจี้จ้ำไชเขาถึงที่นี่

“อืม...ดีแล้ว นี่ถ้ากาญจนายังอยู่ เธอก็คงทำเหมือนพ่อ”

สินธุละสายตาจากใบหน้าคมเข้มไปหยุดที่รูปภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่บนผนัง มองรอยยิ้มผู้หญิงในภาพแล้วถอนหายใจออกมา สะท้อนใจนัก ถ้าเพียงแต่หล่อนเลือกเขา ชีวิตของหล่อนก็คงไม่ต้องขมขื่นเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็อีกนั่นแหละ...เขาเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้อดีตคนรักต้องตกอยู่ในสภาพนั้น

“ผมไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงอยากให้ผมไปร่วมงานนี้นัก ทั้งที่...”

คนสับสนทางความคิดละคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ไม่รู้จะเรียกผู้ล่วงลับว่าอย่างไรดี ก็เขาไม่ผูกพันกับคนตายทั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา สัมผัสไม่ได้ถึงสายใยของความเป็นพ่อลูก จึงไม่เศร้าโศก ซึ่งผิดกับตอนสูญเสียมารดา ครั้งนั้นเขาร่ำไห้เหมือนชีวิตหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

“ทั้งที่...เขาไม่เคยเห็นผมเป็นลูก”

พ่อเลี้ยงสินธุละสายตาจากภาพสีน้ำมันบนผนังมองบุตรบุญธรรม ครั้นเห็นแววเจ็บปวดปรากฏในสายตาก็วางมือบนไหล่กว้าง พลางตบเบาๆ เชิงปลอบใจ

“กริณ พ่อไม่อยากให้แกคิดมากในเรื่องนี้ ไม่ว่าบดินทร์จะเคยทำอะไรไว้ก็ตาม ยังไงเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด เชื่อพ่อนะ...ขึ้นไปทำหน้าที่ลูกที่ดีเป็นครั้งสุดท้าย จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกับคนตายอีก”

“ครับพ่อ”

ครั้นพ่อเลี้ยงสินธุได้ยินคนน้อยเนื้อต่ำใจรับปากก็เบาใจ เขาได้พูดในสิ่งที่ต้องการพูดแล้วก็ลุกขึ้นตั้งใจจะกลับห้องไปพักผ่อน แต่อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยขึ้น

“แล้วพ่อไม่ไปกับผมด้วยเหรอครับ”

“ไม่ล่ะ แกไปกับวิฑูรย์เถอะ รายนั้นเขาสนิทกับทางโน้นอยู่บ้าง เพราะเป็นเจ้านายของลูกสาวคุณดาริน ส่วนพ่อไม่ใช่ญาติ เป็นแค่คนรู้จักห่างๆ อีกอย่างช่วงนี้ขาแข้งก็ไม่ค่อยดีด้วย”

“แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อจะเป็นอะไรเลยนี่ครับ พ่อก็ยังแข็งแรง เดินเหินเป็นปกติ คราวก่อนที่ผมโทรหา คนงานที่ปางไม้ก็ยังบอกเลยว่าพ่อออกรอบตีกอล์ฟแทบทุกอาทิตย์”

“ไอ้คนงานพวกนั้นมันจะไปรู้อะไร โรคคนแก่ก็เป็นๆ หายๆ แบบนี้แหละ นี่ก็จะเช้าแล้ว พ่อไปนอนก่อนดีกว่า นั่งรอแกมาทั้งคืนชักจะง่วงขึ้นมาแล้วสิ”

กริณมองตามแผ่นหลังคนชิงตัดบทที่เดินแยกไป เขาทราบดีว่าพ่อเลี้ยงสินธุเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ซ้ำยังเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้อยู่บ่อยครั้ง แล้วทำไมจะขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ กับเขาไม่ได้ นอกเสียจาก...นั่นจะเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่อยากไปร่วมงาน...


ท่ามกลางท้องฟ้ามัวหม่น ควันสีเทาที่ลอยออกจากปล่องเมรุมีสีเข้มขึ้นทุกขณะ ก่อนจะกระจายเป็นวงกว้างแล้วจางหายไปกับหยาดฝนโปรยปราย หลังจากคนมาร่วมงานศพพากันทยอยกลับ ภายในวัดผู้คนแลบางตาเหลือเพียงญาติสนิทกับแขกเหรื่ออีกไม่กี่คน

เวลานี้หยาดฝนโปรยปรายยังเทียบไม่ได้กับหยาดน้ำตาที่ไหลลงอาบสองข้างแก้มของคนเหม่อมองฟ้าสีหม่นอยู่ใต้ศาลาวัด อาลัยผู้ล่วงลับดับสูญยิ่งนัก ถึงแม้ว่าร่างที่เผาไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีบนเชิงตะกอนนั่นจะไม่ใช่บุพการีแท้ๆ แต่ก็เป็นผู้มีพระคุณที่อุปการะเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่

เพียงพลอยทราบดีว่าบดินทร์เป็นข้าราชการกินเงินเดือนหลวงที่มีฐานะความเป็นอยู่ปานกลาง แม้จะไม่ร่ำรวยนัก แต่ก็ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน เพราะมีทรัพย์สินอันเป็นสินเดิมอยู่บ้าง แต่หลังจากมาติดพันดารินมารดาของหล่อนและเลิกกับภรรยาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

บดินทร์เริ่มขายทรัพย์สินที่มีมาจุนเจือครอบครัว เพราะมารดาของหล่อนไม่ทำมาหากิน นอกจากแต่งตัวสวยไปวันๆ ชี้นิ้วสั่งงานวางท่าเป็นคุณนาย จมไม่ลงแล้วยังหน้าใหญ่ ซ้ำยังต้องส่งเสียเลี้ยงดูหล่อนซึ่งเป็นลูกติดจนเรียนจบมหาวิทยาลัย

เพียงพลอยสำนึกในบุญคุณและนึกละอายใจในสิ่งที่มารดากระทำ ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้รับเงินตกเบิกจากบริษัทที่เพิ่งจะเรียกตัวเข้าทำงาน ก็จะยกเงินก้อนแรกในชีวิตและปันเงินเดือนในเดือนต่อๆ ไปให้กับบดินทร์ หล่อนอยากทดแทนบุญคุณและอยากมีส่วนร่วมในการแบกรับค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ คนที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดก็มาด่วนจากไปเสียก่อน

“ผมเสียใจเรื่องคุณพ่อด้วยนะครับคุณพลอย”

คนยืนใจลอยหลุดจากภวังค์ผินหน้ามอง ครั้นเห็นเจ้านายหนุ่มกับชายแปลกหน้าในชุดสูทสีดำสนิทยืนอยู่เบื้องหลัง ก็รีบยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาแล้วฝืนยิ้มออกมา

“ขอบคุณค่ะคุณวิฑูรย์ และก็คุณ...”

“อ๋อ กริณครับ เขาเป็น...”

คนมองตามสายตาหญิงสาวเอ่ยแนะนำคนยืนเคียงข้าง ทว่าเจ้าตัวกลับชิงตัดหน้า

“ผมเป็นเพื่อนกับวิฑูรย์ครับ เราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยสนิทกัน เขามักจะพูดถึงคุณให้ฟังบ่อยๆ ว่าทำงานดี”

แม้วิฑูรย์จะนึกฉงนใจในถ้อยคำนั้น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากค้านออกไป หากแต่ปล่อยให้คนปดหน้าตายหยิบซองสีขาวที่เตรียมมาออกจากกระเป๋าเสื้อสูทยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว

“เรื่องคุณพ่อคุณ ผมเสียใจด้วยนะครับ นี่ครับ...ผมขอร่วมทำบุญด้วยคน” กริณเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ วางตัวเสมือนแขกคนหนึ่งที่มาร่วมงาน โดยไม่ได้แสดงตนหรือเรียกร้องสิทธิ์อันใด เพราะตั้งใจจะฝังความเจ็บปวดในอดีตไปพร้อมกับร่างที่ดับสูญของบิดา

“ขอบคุณค่ะ” เพียงพลอยยกมือกระพุ่มไหว้ ทว่าในจังหวะที่รับซองมาถือก็รู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมขึ้นมา

ครั้นสองหนุ่มเห็นคู่สนทนามีอาการเซซวนทำท่าจะทรุดลงไปต่อหน้าต่อตาก็รุดเข้าช่วยเหลือ แต่กริณไวกว่า เขาคว้าแขนหญิงสาวแล้วรั้งเข้าหาตัว กอดเอาไว้หลวมๆ ด้วยเกรงว่าหล่อนจะล้มทั้งยืน ในจังหวะนั้นเองดารินที่ยืนสนทนากับแขกคนหนึ่งหันมาเห็นภาพดังกล่าวก็เดินลิ่วเข้าไปหา พลางกระชากตัวบุตรสาวออกจากอ้อมแขนของชายแปลกหน้า

“นี่แกทำอะไรลูกสาวฉัน !”

กริณยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม หากแต่จ้องคนส่งสายตาจิกๆ ที่มองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สีหน้าแววตาที่บ่งบอกว่ารังเกียจเดียดฉันท์กับสรรพนามหยามหมิ่นที่ได้ยินเต็มสองหู ทำให้ความรู้สึกดีๆ เมื่อครู่พลันเลือนหาย เวลานี้มีแต่ความเคืองแค้นที่อยู่ในส่วนลึกผุดขึ้นมาแทนที่ เมื่อนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำกับมารดาตน

“ไม่มีใครทำอะไรคุณพลอยหรอกครับ จู่ๆ เธอก็เป็นลม” วิฑูรย์ชิงอธิบาย เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าทำท่าจะบานปลาย

ในขณะนั้นเองเสียงครางเบาๆ ที่หลุดจากริมฝีปากของหญิงสาวก็ฉุดความสนใจของทุกคนให้หันมองหล่อนเป็นตาเดียว

“ยัยพลอย...ยัยพลอยเป็นยังไงบ้างลูก”

ดารินเขย่าตัวบุตรสาวพลางควานหายาดมยาหม่องในกระเป๋าสะพายมาให้สูดดม ครั้นรู้ตัวว่าเข้าใจผิดไปถนัด ก็ตั้งใจจะขอโทษและขอบคุณคนให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาเหยียดๆ ก็เปลี่ยนความคิดทันที

“ขอบใจ แต่คราวหน้าคราวหลังก็อย่าเอามือสกปรกนั่นมาแตะต้องลูกสาวฉันอีก”

คนพูดอย่างเย่อหยิ่งเชิดหน้าขึ้น วางท่าหยิ่งยโส พลางส่งสายตามองกลับเหยียดๆ ไม่แพ้กันแล้วประคองบุตรสาวเดินผ่านหน้า ปล่อยให้สองหนุ่มส่งสายตาไล่หลังด้วยความรู้สึกต่างกัน

“กลับกันเถอะกริณ อย่าไปใส่ใจเลย รายนั้นน่ะหวงลูกสาวจะตายไป กลับผิดเวลานิดๆ หน่อยๆ ยังโทรตามมือเป็นระวิง นี่ไม่ช็อกตายตอนที่เห็นนายกอดคุณพลอยก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

คนชักชวนบ่นพึมพำไปตามเรื่องตามราวแล้วเดินนำไปที่ลานจอดรถ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นสะกิดใจคนขุ่นเคืองในอารมณ์ให้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ยามนี้สายตากร้าวที่มองไล่หลังสองแม่ลูกทอประกายมุ่งมั่นแรงกล้าก่อนที่เจ้าตัวจะละมาหยุดที่ปล่องเมรุ

คนตายอโหสิกรรมให้ แต่คนเป็น...เขาจะลิขิตชีวิตให้เอง !


*******************
วางจำหน่ายแล้ว พบกันที่ซีเอ็ดและร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ที่...
http://welovenovel.com/PD652205-สินค้า-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a3.html

คุณจะได้รับส่วนลดจากทางสนพ.+ ฟรีค่าจัดส่ง



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2555, 00:26:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2556, 20:39:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 2300





หมูบูลิน 24 เม.ย. 2555, 04:29:26 น.
หน้าสนใจค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะค่ะ


WallyValent 24 เม.ย. 2555, 05:39:45 น.
อยุ่ด้วยกันมาตั้ง 7 ปี ทำไมใจร้ายจัง T-T...แม่จะเป็นไรมั้ยน้า :) รออ่านตอนต่อไปค่า


หมูอ้วน 24 เม.ย. 2555, 06:22:50 น.
ปูเสื่อรอค่าาา


lovemuay 24 เม.ย. 2555, 06:52:07 น.
แหม ดราม่าอีกแล้ว แบบนี้เราชอบ อิอิ


มะลิ 24 เม.ย. 2555, 07:58:51 น.
รออ่านนะคะ


mhengjhy 24 เม.ย. 2555, 08:10:06 น.
รอค่าาา


ม่านฝัน 24 เม.ย. 2555, 08:11:27 น.
รออ่านค่ะ


วนัน 24 เม.ย. 2555, 09:47:39 น.
ตามอ่านคะ


เทียนจันทร์ 24 เม.ย. 2555, 12:13:21 น.
เข้ามาแอบดูงานเขียนรุ่นพี่ค่ะ จะเป็นไรมั๊ยน้า


anOO 24 เม.ย. 2555, 19:17:47 น.
มารอตอนต่อไปจ้า


นกขมิ้น 24 เม.ย. 2555, 21:15:32 น.
รอนะ


nunoi 29 เม.ย. 2555, 13:45:46 น.
รอๆๆๆ ตอนต่อไปค่ะ


HaDeS 4 พ.ค. 2555, 17:14:53 น.
พระเอกแน่ๆเด็กน้อยคนเน้ ว่าแต่ ลูกชู้ อีกแระ ทำไมผู้ชายมันโง่กันอย่างเน้ โดนผู้หญิงเป่าหูว่าลูกชู้ ก้อเชื่อ เฮ้อ...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account