อเวจีร้อนพิศวาส (ตีพิมพ์กับ สนพ อินเลิฟ)
อริสาจำใจต้องเดินทางไปยังสถาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะพบเจอกับสิ่งใด ด้วยต้องสวมรอยเป็นน้องสาว ได้สร้างเรื่องไว้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ครั้นเมื่อไปถึง แทนที่จะไปดูแลคนป่วย ตามที่น้องสาวบอก กลับต้องพบกับความโหดร้ายผู้ชายหน้าหล่อ ร่างล่ำ นัยน์ตาชวนฝัน ทั้งเรือนกายเขาเปี่ยมด้วยมนตร์มายาแห่งความมีเสน่ห์ตรึงใจ
หากแต่สิ่งที่อริสาประจักษ์ต่อสายตากลับไม่เป็นอย่างภาพภายนอก วายุ คมพิทักษ์ ทั้งโหด ปากร้าย หยาบคาย ต่อว่าเธอต่างๆนานา ผู้หญิงร่านสวาทบ้าง นางแบบนู๊ดบ้าง ขายตัวแลกเงินบ้าง หนำซ้ำยังยัดตำแหน่ง ลูกหนี้ให้เธออีก หนี้อะไร ร่วมสามสิบห้าล้านบาท หนี้มาจากไหน ใครสร้างหนี้
ด้วยเพลิงพายุความแค้น ที่มีต่ออินทุอร ผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อลือชาว่าร่านขนานแท้ หล่อนหลอกลวง ให้ผู้ชายทั้งโลกรักแล้วก็ทิ้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของเขา ถ้าเอาคืนให้สาสมคงไม่ใช่วายุ คมพิทักษ์ เขาคิดแผนล่อหลอกให้อินทุอร มาดูคนป่วยปางตายอย่างสามีเก่า หากไม่มาจะบุกไปลากตัวถึงที่
หากว่าหญิงสาวที่มา แม้จะถอดพิมพ์เดียวกับอินทุอร ทว่ามีบางอย่างในแววตาคู่หวาน ซ่อนความน่ารัก สุดเสน่หา ชวนให้ชายหนุ่มใจหิน ให้ถวิลหา วายุไม่อาจควบคุมความรู้สึก ต้องการส่วนลึกของใจได้ ทุกครั้งที่เข้าใกล้ เขาก็ต้องการเธอมากขึ้นทุกที
“ปะ....ปล่อยได้แล้ว”
“ตาโหด ปล่อยฉันได้แล้ว” มือบางรีบแกะมือหนาที่รัดรอบร่างบาง
“ไม่ปล่อย” ชายหนุ่มยังตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“นี่ตากลับหรือไง ถึงกอดผู้หญิงที่คุณเกลียดเข้าไส้ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” ร่างบางทั้งดิ้นทั้งบิด หากแต่อ้อมแขนแข็งแรง ไม่มีทีท่าจะปล่อยให้หลุดพ้น อ้อยเข้าปากช้าง แมวเข้าปากเสือปล่อยให้โง่
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะเรียก......”
“อยากให้ฉันปล่อย ลองเรียกพี่ยุจ๋า หน่อยสิขอหวานๆนะ หวานเท่าน้ำตาลเมืองเพชรเลยยิ่งดี”

Tags: ผู้ชายปากร้าย ทว่าผสานความอ่อนหวาน ละลายหัวใจ

ตอน: ตอน 001

ตอนที่ 001
“เอิร์นจ๋าช่วยอินหน่อยสิจ๊ะ”
เสียงหวานพร้อมร่างบาง อรชรอ้อนแอ้น เดินกรีดกาย ย่างเท้าเข้ามาในบ้านหลังเล็ก ซอมซ่อสาวสวยผู้ดูแลรูปร่างดี เจ้าของเสียงหวาน ปรากฏกายด้วยชุดเดรสเข้ารูปเน้นสัดส่วน เต็มตึง เหมาะกับละลายหัวใจ หนุ่มๆ ทั้งโสด ไม่โสด มานักต่อนัก ขยับกายดุจนางพญาเข้ามาหาพี่สาว พกพาใบหน้านิ่วยับนิดๆมาพร้อม เธอทิ้งกายลงนั่งกับโซฟา ราคาบ้านๆ ด้วยความรู้สึก เซ็งระคน เบื่อหน่าย ยกขาไขว้ห้างด้วยกิริยาเคยชิน บ้านหลังนี้เธอไม่ค่อยย่างกรายเข้ามาบ่อยครั้งนัก ด้วยไร้สิ่งจรรโลงใจใดๆ เครื่องเรือนเก่าแก่เชยๆ ไร้รสนิยม ใช้ของโอท็อป แถมเจ้าของบ้านเฉิ่มเชย ไร้สีสันบ้านๆ ไม่ชวนมอง หากไม่ใช่มีเรื่องต้องไหว้วาน คงไม่ยอมมา นางแบบสาวรูปร่างหมดจด อ้อนแอ้น หมดหนทาง ไร้ตัวช่วย จึงต้องบากหน้างามๆ มาขอพึ่งพี่สาวให้เป็นตัวแทนจัดการเรื่องร้อนใจนี้ให้ มิเช่นนั้นเรื่องร้อนใจนี้จะตามมารังควานเธอถึงกรุงเทพ หากไม่รีบไปปรากฏกายที่แห่งนั้นภายในสองหรือสามวันอันใกล้นี้
“นานๆมาที มีเรื่องให้พี่ช่วยเชียวนะ ไม่เดือดร้อนไม่มาล่ะสิ นั่นหอบอะไรมาเสียมากล่ะ” อริสาขยับแว่นสายตามองสิ่งของในมือน้องสาว
“จดหมาย” คำตอบเจือน้ำเสียงเซ็งจับจิต ยกสลับขาที่ไขว่ อวดขาดสวย
“วะ...ว่าไงนะ สมัยนี้มีใครที่ไหนติดต่อกันทางจดหมายบ้าง โลกหมุนจะวิ่งถึงดวงจันทร์แล้ว” อริสาจะเชยก็จริง แต่เธอยังทันโลกหมุนเร็ว อย่างทุกวันนี้ มือบางเอื้อมหยิบ ที่น้องสาวหว่านลงบนโต๊ะ พลิกดูไปมาหน้าหลัง แปลกใจ ทั้งที่การสื่อสารสมัยนี้ไหลเร็วยิ่งกว่าน้ำประปา ยังมีคนนิยมติดต่อกันด้วยวิธีนี้อยู่อย่างนั้นหรือบ้าล่ะ
“ในจดหมายนั้นบอกว่า พี่ธีป่วย ขาดคนดูแล พี่เอิร์นก็รู้ว่าอินไปดูแลพี่ธีไม่ได้” อินทุอรใส่อารมณ์น่าสงสาร ตีสีหน้าเครียด รำคาญจดหมายบ้าๆ พวกนี้เต็มแก่ เธอได้รับมันทุกเดือน ต้องคอยแอบซ่อน จาแฟนคนใหม่ ความจริงมันไม่ได้มีผลต่อชีวิตเธอมากนัก
“ทำไมเขาไม่โทรมา ไอ้จดหมายพวกนี้ยังใช้เขียนหากันอยู่หรือไง ใช่ว่าโลกจะล้าหลัง”
“อันนี้อินก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่อินพยายามโทรหา คนที่ไร่นั้น แต่ไม่มีใครต่อสายให้อินคุยกับพี่ธีสักครั้ง บอกแค่ว่ามารับสายไม่ได้ ป่วยหนัก อะไรบ้าง แต่เขียนจดหมายได้ มันก็น่าแปลก”
“ที่บอกให้พี่ช่วย อย่าบอกนะว่าให้ช่วยตอบจดหมายพวกนี้ ยุคพระเจ้าเหา” คนเชยๆอย่างอริสา ยังขอผ่านกับเรื่องพรรค์
“ไม่ต้องตอบหรอกค่ะ อินเองยังไม่คิดอยากจะตอบ โทรสิบรอบแล้ว คนใช้ที่บ้านพี่ธีไม่ยอมต่อสายให้คุย อินเลยต้องบากหน้ามาปรึกษาพี่เอิร์นนี่ล่ะ เพราะพี่เอิร์นหน้าเหมือนอิน สวมรอยเป็นอินได้สบาย ไม่มีใครสงสัย” นางแบบสาวหุ่นทรมานใจหนุ่มๆ นั่งในท่าเบสิคอินสติ้งได้น่าอภริมมย์ เผลอหลุดปากบอกบางอย่างที่ใจคิดก่อนจะลงมือเจรจา
“ให้สวมรอยเป็นอิน” ยิ่งฟังยิ่งงง ระคนตกใจมากกว่างง คำว่าสวมรอย....ในความหมายของน้องสาวคืออะไรกันนะ
“ค่ะพี่เอิร์น” สาวเจ้าเล่ห์ระบายยิ้ม อย่างมีความหวัง ทอทอดสายตาเฉี่ยวมองพี่สาว แม้จะเชย ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อริสามีความสวยทว่าความสวยถูกปิดบังด้วยความเรียบง่าย จนมองผ่านความสวย
“เพื่ออะไร”
“เพื่อดูแลพี่ธีแทนอินจนกว่าพี่ธีจะหายหรือไม่หายก็ตามที แต่ขอให้อินตระเตรียมงานแต่งให้เสร็จ คิดจะให้อินไปที่นั่น อย่าหวัง อินไปไม่ได้จริงๆ อินจำเป็นต้องมาขอ.... เอ่อ.... ขอวานพี่เอิร์นให้จัดการเป็นธุระกับเรื่องนี้ให้ไงคะ” เวลาจะหลอกใช้ใคร ช่างออเซาะได้หวานหยดย้อย ใส่จริตมารยาเต็มที่ นี่คือไม่เด็ดของผู้หญิงมากมารยา
“เตรียมงานแต่ง หมายความยังไงกัน” อริสาอดตกใจกับคำพูดน้องสาวเมื่อครู่ไม่ได้ ตอนนี้น้องคบอยู่กับใคร มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขึ้นแต่งงานกับผู้ชายคนใด หญิงสาวไม่เคยรู้เลย
“อินกำลังจะแต่งงานใหม่ กับ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย เขาเป็นพ่อหม้าย แต่อินไม่สน อินสนแค่เงินเท่านั้น” เธอว่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ภูมิใจกลเม็ดเด็ดพราย พิชิตใจพ่อหม้าย เมียตาย
“อิน.....” อริสาครางชื่อน้องสาวฝาแฝดด้วยความไม่เข้าใจ น้องสาวพึ่งเลิกรากับสามีชาวไร่ได้ไม่นาน แถมทางนั้นยังป่วยหนัก เพราะตรอมใจที่อินทุอรบอกเลิก แล้วนี่อะไร มีกระจิตกระใจจัดงานแต่งงานทั้งที่สามีเก่า ป่วยปางตาย
“จะแต่งก็แต่ง เลิกกับเขาแล้วต่างคนต่างอยู่ เกี่ยวอะไร ทำไมต้องวานให้พี่ไปดูแลเขาแทนอินด้วยล่ะ”
“สงสาร ช่วงที่อินลำบากอินโทรไปขอเงินกับพี่ธี เขาเองใจดีโอนมาให้ใช้ทุกเดือนไม่เคยขาดมือ แม้จะเลิกกันไปแล้ว”
“อินหลอกให้เขาโอนเงินให้อย่างนั้นหรือ ทั้งที่เลิกกันไปแล้วเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่หลอก เขาเต็มใจให้เอง แค่อินพูดหวานนิด อ้อนหน่อย พี่ธีเขาจัดการให้ทุกเดือน” ด้วยนิสัยส่วนตัว อินทุอรใช้เงินมือเติบ ซื้อง่ายจ่ายสะดวด ที่พึ่งในขณะตกอับในตอนนั้นมีเพียงธีรพงศ์คนเดียวเท่านั้น ที่โง่เง่าที่สุด
“ตอนนี้หาที่เกาะใหม่ได้แล้ว เลยคิดจะเขี่ยเขาทิ้งถาวรล่ะสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น อินจะแต่งงานอีกสองเดือนนี้ ช่วงนี้อยู่ในช่วงเตรียมงาน พิมพ์การ์ด เชิญแขก เยอะแยะ อินจะไปดูแลเขาได้อย่างไร คุณรุธรู้เข้าอินตายแน่ ชวดแต่งงานชวดเงินหลายล้าน ใครจะยอม นะนะ พี่เอิร์นช่วยอินหน่อย แค่เดือนเดียวเอง รอให้อินจัดงานแต่งงานเสร็จเท่านั้น นะถือว่าทำเพื่อน้อง จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”
“อินกับพี่ไม่มีอะไรเหมือนกัน นอกจากหน้าตา ที่โขกออกมาเป็นพิมพ์เดียว จะสวมรอยเป็นอินได้ยังไง ยาก”
“เรื่องนั้นไม่ยากสักนิดเชื่อฝีมืออินสิพี่เอิร์น รับรองเหมือนเด๊ะ”
แค่คำนั้นหลุดจากปากอริสา ก็เหมือนยอมช่วย อินทุอรถือแบบนั้น เธอจึงรีบลากอริสาออกจากบ้านด้วยความรวดเร็ว ยัดร่างบางสุดเฉิ่มเชยเข้าไปในรถคันหรู ที่เพิ่งถอยออกมาไม่กี่วัน ว่าที่สามีใหม่จัดการให้ หวังอาใจนางแบบเซ็กซี่ร้อนแรง อินทุอรลากอริสาไปยังห้างดังเพื่อเปลี่ยนแปลง พร้อมกับการสวมรอย
อริสากับอินทุอร สองฝาแฝดที่โชคชะตาเล่นงาน ครอบครัวให้มีปัญหา บิดามารดาเกิดปัญหาหนัก หมดหนทางใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา ในความห่างหายที่บิดามักหายหน้าหายตา กลับดึกบ้าง ไม่กลับบ้าง มักอ้างเสมอว่าติดงาน ข้ออ้างในการหายไปจากคือเรื่องงาน ในวันหนึ่งสัญชาติญาณความเป็นหญิง รีบสั่งให้มารดาค้นหาความผิดปกตินั้น สุดท้ายจับจนมั่นคั้นจนเกือบตาย บิดาไม่เคยมีวี่แววจะนอกใจมารดา ครอบครัวดูเหมือนจะอบอุ่น กว่าครอบครัวอื่นเสียอีก สังคมเปลี่ยนแปลงบิดา ให้นอกใจมารดา บิดาผู้แสนดี มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากมารดา ถึงขั้นเลี้ยงดูเป็นเมียเสมอเทียบกับมารดา สุดท้ายมารดาใจเด็ดเดี่ยวตัดสินใจขอแยกทาง กับบิดา แม้บิดาจะใช้ความพยายามขอคืนดี ขอโอกาส ด้วยทิฐิแรงกล้า ในศักดิ์ศรีความเป็นหญิง มารดาเด็ดขาด ไม่ยอมใช้สามีร่วมกับผู้หญิงหน้าไหนในโลก แม้จะตกลงหย่าโดยละม่อม แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด ด้วยความดื้อรั้นของบิดาเอง การหย่าจึงยืดเยื้อนานร่วมปี เมื่อรอยร้าวประสานกันได้ยาก คำว่าแยกทางจึงดูดีที่สุดในชีวิตสมรส ซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มั่นคง มักมาก ในกามารมณ์ แต่ด้วยความรับผิดที่มีต่อโซ่ทองสองเส้น บิดายังคงส่งเสียค่าเลี้ยงดู ให้กับมารดาประจำทุกเดือนไม่ขาด กระทั่งเหตุนี้จึงทำให้มีปากเสียงกับทางเมียน้อย
คุณอำพน ไม่ยอมมีลูกใหม่กับภรรยาน้อย คุณอำพนจึงขอแบ่งลูกกับคุณรุจิดาคนละคน แฝดน้องอินทุอรจึงตกไปอยู่ในกรรมสิทธิ์การเลี้ยงดูของคุณอำพน การเลี้ยงดูบุตรสาวแบบฉบับผู้ชายย่อมไร้ซึ่งความละเอียด ยิ่งมีปัญหากับเมียน้อยด้วยแล้ว ฉะนั้นการเลี้ยงดูคือการให้อิสระ ไม่ใส่ใจความเป็นอยู่กับอินทุอร ปรนเปรอให้เพียงเงินตรา ปล่อยให้อินทุอรทำทุกอย่างตามใจตัวเองอยากเรียนอะไรทำสิ่งใด ล้วนตามใจ อินทุอรค่อนข้างมีความคิดแปลกแยก ชอบอิสระไร้ขอบเขต ชอบงานทางด้านบันเทิง เธอจึงไต่เต้าเพื่อก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ ไม่จะถ่ายแฟชั่น เดินแบบ ทำอะไรเธอทำได้ทุกอย่าง ขอให้ได้มาซึ่งเม็ดเงิน ส่วนแฝดพี่อริสาอยู่ในการดูแลของมารดาผู้เคร่งครัด เจ้าระเบียบ เฝ้าอบรมสั่งสอนให้อริสาอยู่ในระเบียบแบบแผน รักนวล สงวนตัว ให้ตั้งใจเรียน แต่งกายมิดชิดเรียบร้อย ห้ามปล่อยเนื้อปล่อยให้กับผู้ชายหน้าไหนทั้งสิ้น อริสากับอินทุอรจึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อินทุอรมีแฟนเล่น ลวงหลอก เลอะเทอะไปเรื่อย กระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว อินทุอรพบรักกับ พ่อเลี้ยงทางเหนือ เขามีทรัพย์สิน มากมายมหาศาล ดลบันดาลทุกอย่างให้กับอินทุอรได้ไม่ขาด อินทุอรตัดสินใจเพียงลำพังเพื่อจะได้แต่งงานกับธีรพงศ์ ด้วยความเป็นคนฟุ้งเฟ้อ คาสโนวี มั่วไม่เลือก นอนกับใครก็ได้เพื่อเงินเพียงเพื่อความสุขทางกายชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้าย ธีรพงศ์จับได้คาหนังคาเขา ว่าเธอลักบอบคบชู้ สวมเขาให้ งดจ่ายเงินเลี้ยงดู กักบริเวณไม่ให้ออกไปไหน ห่างตา งานเดินแบบยังไม่ยอมให้ไป ธีรพงศ์หวงอินทุอรมาก มากเสียจนผู้หญิงที่ไม่เคยหยุดนิ่งทนอยู่กับเขาไม่ไหว อินทุอีคิดทางทุกวิธีเพื่อหนีธีรพงศ์ กรทั่งหลบไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศพักใหญ่
ช่วงเวลานั้นอินทุอรได้พบกับศรุธบ่อเงิน บ่อใหม่ แถมบ่อนี้ใหญ่กว่าเดิม ประทานชีวิตฟุ้งเฟ้อให้กับเธอได้ ไม่ต้องทนดักดานอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนกับธีรพงศ์อีกต่อไป ยิ่งศรุธหลงใหลในเสน่ห์ยั่วยวนที่อินทุอรหว่านโปรย ศรุธถึงกับถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อไหร่ลิ้มรสสวาทจากเธอ อย่างเหนือชั้นขั้นเทพกว่าผู้หญิงทั้งหลายทั้งมวลที่เขาพาลพบ ศรุธตัดสินใจ ขออินทุอรแต่งงาน อินทุอรสมใจฉะนั้นต่อให้มีอุปสรรคมากมายแค่ไหน อินทุอรต้องได้แต่งงานกับศธุธ
“เลือกเลยจ๊ะพี่เอิร์น เต็มที่ไม่ต้องห่วงอินจ่ายเอง”
“พี่เลือกไม่เป็นนี่จ๊ะอิน พี่เองก็ยังไม่รับปาก จะช่วยอินทำไมต้องพาพี่มาซื้อของ มากมายอย่างนี้ด้วยล่ะ”
“ถ้าพี่เอิร์นรักอิน พี่เอิร์นต้อช่วยอิน คิดดูสิถ้าคุณรุธรู้ว่าอิน.....เอ่อ....เคยมีสามีมาแล้ว เขาต้องยกเลิกงานแต่งานนี้แน่นอน มันมีความหมายกับอินมาเลยนะ พี่เอิร์นคงไม่คิดจะทำร้ายอินด้วยวิธีนี้ ใช่หรือไม่ ขอแค่ไปเป็นตัวแทนของอิน หลังเสร็จงานแต่งงาน พี่เอิร์นสามารถกลับมาอยู่ที่กรุงเทพ ได้ตามปกติ ดูแลคนป่วยปางตายจะไปยากอะไร” ยากมากสำหรับอินทุอร
“เอ่อ....พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น ไม่เคยคิดทำร้ายน้องสาวของพี่ สาบานได้”
“ถ้าอย่างนั้น พี่เอิร์นต้องช่วยน้องสาวคนนี้ แค่เดือนเดียวไม่นาน” อินทุอรรู้จักพี่สาวของเธอดี ใจอ่อน มีเมตตา แววตาเฉี่ยวจ้องมองพี่สาวอย่างมีความหวัง ทว่ากลับรู้สึกสะใจในส่วนลึก หลอกง่ายซะมัด
“ก็ได้จ๊ะ” ผีป่า เจ้าที่องค์ใด ง้างปากให้อริสตอบรับกับน้องสาวแบบนั้น ทั้งที่ความจริงไม่เคยรู้จักมักจี่ สนิทสนมกับน้องเขยบ้านไร่เป็นการส่วนตัว หน้าตาเคยเห็นแค่ผ่านสื่อ ประโคมก่อนงานแต่งงานของอินทุอรเมื่อสองปีก่อน แม้แต่งานแต่งยังไมได้ไปร่วม มีเพียงมารดาแวะไปอวยพร แล้วเธอล่ะตอนนี้รับปากจะเดินทางไปดูแลผู้ชายที่กลายเป็นอดีตสามีน้อง คุ้มกันแล้วหรือ มารดาที่เสียไปด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองเมื่อสองเดือนที่แล้ว จะไม่ตำหนิอย่างนั้นหรือ คงเพราะสายเลือด อริสาจึงต้องการช่วยน้องทั้งที่ไม่เต็มใจ
“งั้นถอดชุดเชยๆนี้ออกซะ อินจะเปลี่ยนพี่เอิร์นให้กลายเป็นคนๆเดียวกันกับอินซะที วางใจเถอะ จะไม่มีใครจับได้ รวมทั้งพี่ธีด้วย” แววตาน่าเกลียด น่ากลัว โลภโมโทสันของอินทุอร ช่างน่าแขยง หล่อนคิดใช้พี่สาวให้ไปเผชิญกับสถานการณ์อันเดาไม่ได้ จะต้องพบเจออะไรธีรพงศ์ ป่วยเป็นโรคอะไร ขั้นรุนแรงแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำ คนป่วยจะออกฤทธิ์ออกเดชกับเมียเก่าผู้ที่หน้าด้านทิ้งเขาไปมากน้อยสักแค่ไหน อินทุอรจับอริสาแต่งตัว ทำผม แต่งหน้าโฉบเฉี่ยวตามใจชอบ
“เห็นมั้ย อินบอกแล้วพี่เอิร์นต้องสวย ดูสิมีอะไรที่แตกต่างจากอินบ้าง ไม่มี” มือบาหมุนร่างพี่สาวให้เผชิญหน้ากับเธอ จ้องมองด้วยสายตาตื่นตะลึง ลูกเปิดลอกคราบ ไม่อยากจะเชื่อสายตา พี่สาวจะสวยเท่าเทียมเธอได้ขนาดนี้ จากหน้าจืดชืดครั้นได้แต่งแต้มกลับสวยสะดุดตาขึ้นมาได้ ราวกับคนละคนเมื่อครู่
“เหลือเชื่อราวกับไม่ใช่พี่คนเดิม” อริสาเองตาตื่นมองตัวเองผ่านกระตก ด้วยไม่อาจเชื่อสายตา ป้าแว่นหน้าเชยหายไป
“เห็นหรือยังพี่เอิร์นสวยจะตาย เพียงแต่เก็บเนื้อเก็บตัว บ้าแต่งตัวเชยๆอยู่ได้ ลาออกซะด้วยงานเลขา ไปดูแลคนป่วยตั้งหนึ่งเดือน เขาคงไม่ให้ลาพักร้อนนานขนาดนั้นแน่” รีบแนะนำพี่สาว
“ให้พี่ลาออกจากงาน แล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย บ้านหลังนี้ยังต้องผ่อน ภาระค่าใช้จ่ายเยอะแยะ”
“อินจะให้เงินเดือนพี่เอิร์นในระหว่าง ที่สวมรอยไปดูแลพี่ธี หลังจากนั้นจะหางานใหม่ งานที่บริษัทคุณรุธเป็นไง แค่พี่เอิร์นแสดงเป็นอินให้แนบเนียนเท่านั้นพอ อ้อ....อย่าลืมห้ามให้ทางนั้นจับได้เด็ดงาน จนกว่างานแต่งงานของอินจะเรียบร้อย” แม้ธีรพงศ์ซึ่งอยู่กินกับอินทุอรร่วมสองปี ไม่เคยรู้เลยว่าอินทุอรมีพี่น้องฝาแฝด เธอปกปิดประวัติเรื่องราว เลวร้าย ภายในครอบครัว ครั้งที่แต่งงานมีเพียงเพื่อนสนิทไม่กี่คน เดินทางไปร่วมด้วย บิดาและมารดา ร่วมเป็นสักขีพยานเท่านั้น
“พี่กลัว จะทำให้อินต้องผิดหวัง” เกรงจะตายโดนเขาจับได้ ด้วยความใสซื่อ ใครจะจริตมารยาร้อยเล่มเกวียนอย่างอินทุอรเล่า
“มั่นใจหน่อยสิพี่จ๊ะเอิร์น คิดซะว่าตัวอินอยู่ในตัวพี่ อย่าลืมสิเราเป็นฝาแฝด” ฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกัน นอกจากหน้าตานี่นะ อินทุอรไม่คิดจะขอร้องให้พี่ชาย ผู้อยู่ในโลกความสงบ ต้องช่วยเหลือ เธอปากกัดตีนถีบด้วยตัวเองมาตลอด แต่เรื่อนี้จนปัญญา
“ว่าแต่ พี่จะต้องเดินทาง ไปที่นั่นเมื่อไหร่”
“ทางนั้นเร่งให้ไปเร็วๆ อาการของพี่ธีทรุดหนักแย่มาก เห็นว่าอย่างนั้นนะ ในจดหมายฉบับสุดท้าย นัดวันเวลา สถานที่มาเรียบร้อยแล้ว อินเองพยายามติดต่อ เพื่อจะขอส่งพยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านดูแลคนป่วยไปดูแลพี่ธี แต่จนปัญญาทางนั้นปิดทางอินซะหมด อินจนใจ” ในเมื่อมีเงื่อนงำกันนัก เธอฉลาดพอที่จะไม่เอาตัวเข้าไปเสี่ยง วิธีนี้คิดอยู่นาน แม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้มกับการได้แต่งงานใหม่ อินทุอรซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม
“พี่ธีเขียนจดหมายพวกนี้เองหรืออิน”
“มีคนเขียนให้ คงเป็นผู้ดูแล หรือไม่คงพวกแส่ไม่เข้าเรื่องนั่นล่ะพี่เอิร์นอย่าใส่ใจเลย” คนดูแลที่จุ้นจ้านกับเรื่องของอดีตผัวเมีย น่ารำคาญ แถมพูดเรื่องหนี้เรื่องสิน อะไรสารพัด อินทุอรหลีกเลี่ยงจะกล่าวถึงจดหมายอีกฉบับไว้ ไม่ยอมเปิดเผยให้อริสารู้ทั้งหมด แล้วไอ้หนี้สินที่เขียนมาในจดหมายเธอไม่เคยจะรู้เรื่อง คนรวยอย่างธีรพงศ์จะมีหนี้สินอะไรมากมายปานนั้น โกหกทั้งเพ.....
“พี่เอิร์นต้องไปพรุ่งนี้เลย”
“พะ...พรุ่งนี้ !!”
“จ้ะ”
“เร็วขนาดนี้ พี่จะลางานทันหรือ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง อินจะจัดการให้เอง วางใจเถอะ”
“ทำไมมันด่วนขนาดนั้นล่ะจ๊ะอิน” อริสาชักไม่แน่ใจ เธอไม่มีเวลาเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะพบเจออะไรนอกรั้วบ้านหลังเล็กของตัวเอง คิ้วโก่งขมวดมุ่น ครุ่นคิด
“ความจริงอินได้รับจดหมายนานแล้ว แต่ไม่คิดจะใส่ใจกระทั่ง ทางนั้น....” อินทุอรไม่กล้าพูดจบประโยค ว่าทางนั้นจะมาอาละวาดเธอถึงที่ หากไม่ยอมไปดูแลอดีตสามี ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ชีวิตที่กำลังโรยด้วยกลีบกุหลาบมีอันต้องจบเห่แน่ เรื่องอะไรจะยอมลงทุนมาตั้งขนาดนั้น ต้องเดินไปให้สุดเส้นปลายสายรุ้ง
“พี่นึกว่าจะมีเวลาทำใจมากกว่านี้”
“ทำใจบนรถแล้วกันนะคะพี่เอิร์นขา”
“ยังงั้นเลยหรืออิน”
“น่านะ รับปากจะช่วยน้องแล้วก็ช่วยให้จบๆ”
ทั้งสองกลับไปที่บ้านของอริสา เพื่อเก็บข้าวจำเป็น อินทุอรขันอาสาช่วยอริสา สิ่งของที่อินทุอรเก็บลงกระเป๋าเดินทางล้วนแล้วแต่เป็นของที่อินทุอรซื้อให้ทั้งนั้น เพียงเพื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นตัวเธอ อย่างสมบูรณ์แบบ อริสาแอบเก็บเสื้อผ้าใส่สบายของเธอลงกระเป๋าบ้าง บ้านนอก ต่างจังหวัดแบบนั้นเค้าคงไม่ใส่ชุดสายเดี่ยว เดรส สั้นยาวกันทุกวันหรอกน่า

ในวันเดินทางที่อริสายังประหม่า กังวล กับชุดสวยบนสรรร่าง ร่างบางที่เปลี่ยนไปคนละคนกับที่เธอรู้จักในกระจกทุกๆวัน หย่อนก้นลงนั่งกับเบาะรถทัวร์มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพสู่ดินแดนไร่คมพิทักษ์ ไร่ที่เธอไม่เคยได้ยินชื่อไม่เคยไป ดินแดนแห่งนั้นจะมีสิ่งใดรอหญิงสาวอยู่กันนะ แค่คำพูดที่น้องสาวบอกว่าไปดูแลคนป่วยปางตาย ด้วยเวทนา อดีตสามีนั้น อริสาหวาดจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่นิสัยมองโลกในแง่ดี รักน้องมากกว่าตนเอง ยิ่งทนคำออดอ้อนไม่ไหวด้วยแล้ว ผลจึงออกมาเช่นนี้ นิดๆ เธอต้องมานั่งอยู่บนรถทัวร์ เพื่อเตรียมออกเดินทางไปยังสถานที่ๆตัวเองไม่รู้จัก
ร่วมสามชั่วโมงกับการเดินทางถึงจุดหมายในที่สุด ร่างบางลากกระเป๋าลงจากรถทัวร์ ก้าวขึ้นรถรับจ้างได้จอดรอผู้โดยสารในบริเวณท่ารถทัวร์ อินทุอรแนะนำให้เหมาคัน แต่ด้วยความหวาดกลัว อริสาจึงขอเลือกคนขับที่พอจะไว้ใจได้บ้าง สถานที่นัดหมายห่างออกไปจากตัวจังหวัดร่วมร้อยกิโลเมตร ร่างบางสาวเท้าก้าวขึ้นรถเมื่อต่อรองราคาเรียบร้อย รถแล่นห่างออกจากสถานีขนส่งตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ยิ่งห่างเท่าไหร่ความอ้างว้างในใจเกาะกินมากขึ้นเท่านั้น อริสา มองรอบกายด้วยสายตาพรั่นพรึง ไอ้ที่ว่าทุกที่โรยด้วยความเจริญ คงต้องถอนความคิดนั้นเสียใหม่ ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หลายหมู่บ้านยังไม่ถึงสถานที่นัดหมาย
“ถึงแล้วครับ” รถโดยสารจอดสงบ เสียงคนขับรถตะโกนจากทางด้านหน้า ยังโชคดีคนขับมีภรรยานั่งมาด้วย พลอยให้อริสาคลายความกังวล
“ที่นี่หรือคะ” สอดส่ายสายตามองรอบกาย สาถนที่แห่งนี้หรือ ที่เธอต้องมาอาศัยอยู่แทนน้องสาว
“ครับ”
เธอก้าวลงจากรถสองแถวด้วย ความลังเล หัวใจหวาดหวั่นกับสถานที่ ยิ่งด้วยการแต่งตัว ไม่เหมาะกับสถานที่อย่างยิ่ง หากเป็นกางเกงยืน เสื้อเชิ้ตกับหมวกคาวบอย รองเท้าบู๊ท จะเหมาะกว่า ชุดคล้องคอเปิดหลัง โชว์สัดส่วนดูจะเซ็กซี่เกินไป
“มาหาใครที่นี่หรือครับ”
“อ๋อ ญะ....ญาติค่ะ”
“ที่แห่งนี้ คืออาณาบริเวณไร่คมพิทักษ์อาจจะเงียบเหงาไปนิด ไร่นี้กว้างมาก กินเนื้อทีภูเขาหลายลูก มีรถเข้าออกเป็นเวลา คนนอกไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปหรอกครับ เงียบไปนิดนะครับ” คนขับรถบอกเล่าคร่าวๆ ใส่พื้นโดยรวมกว้างสุดลูกหูลูกตาจนน่ากลัวมากกว่าน่ามาเยือน อริสารู้สึกขนลุกราวกับอากาศหนาวตกกระทบผิวกายบาง
“ไม่นิดล่ะค่ะเงียบมาก” หญิงสาวว่า หัวใจดวงน้อยห่อเหี่ยว มองรอบกายเห็นเพิงขายอาหารเล็กๆ ข้างทางคือจุดนัดหมายที่อินทุอรว่าไว้ จดหมายถูกล้วงออกจากกระเป๋าสะพายบนบ่า คงใช่เพิงขายของข้างนี้ล่ะมั้ง ถ้ามีปีกเธอจะบินหนีไปเสีย สถานที่ไม่น่าไว้ใจสักนิด น่ากลัวมากกว่าน่าอยู่
“ให้อิฉันอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าญาติคุณจะมารับดีไหมคะ” ภรรยาเจ้าคนขับสองแถวขันอาสา สังเกตจากแววตาของอริสา กำลังแสดงความหวานหวั่นอย่างเห็นได้ชัด คนต่างถิ่นแถมเป็นผู้หญิง จะให้ชินกับสถานที่ได้อย่างไร
“เอ้ย นังแตนเอ็งกับข้าต้องไปวิ่งรถต่อ จะมัวเสียเวลาไม่ได้ ถึงคิววิ่งไม่มีรถเฒ่าแก่ด่าตาย ไปขึ้นรถ ร้านนี้ก็ไม่ได้ไร้ผู้คนซะเมื่อไหร่ โน่นมีคนอยู่ในร้านตั้งสามสี่คน” คนขับชี้เข้าไปในร้านหลังจากว่าภรรยาเสร็จ
คำว่าไม่ได้ไร้ผู้คนเดียว ที่คนขับรถว่า นั้นเห็นจะจริง หากแต่ผู้คนที่อยู่ในร้าน ล้วนเป็นชายหน้าเหี้ยม ผิวกร้านแด แววตาน่ากลัว อริสาเห็นภรรยาคนขับโดนว่า รู้สึกเกรงใจกลัวครอบครัวร้านฉานเพราะเธอเสียเปล่าๆ
“ขอบคุณพี่ผู้หญิงมากนะคะ พี่กลับไปเถอะค่ะ หนูอยู่รอญาติคนเดียวได้” แม้จะรู้สึก ประหวั่นพรั่นพรึง ได้แต่กลั้นใจบอกกับภรรยาคนขับรถไปแบบนั้น เวลานี้สติอริสากระจัดกระจาย ยากจะรวบรวมให้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวได้
สองผัวเมียขับรถสองแถวจากไปได้สักคู่ บรรยากาศรอบกาย เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก เท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงไม่ค่อยเหมาะสมกับสถานสักเท่าไหร่ ค่อยๆสาวเท้าก้าวเข้าไปในร้าน ร้านขายอาหารตามสั่ง มีรายการอาหาร ที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้แขวนไว้หน้าร้าน ภายในร้านมีลูกค้า นั่งรับประทานอาหาร ล้วนมีหน้าตาเหี้ยม หนวดเครารกรุงรัง ผิวคล้ำไปถึงดำ ‘คิดบ้าอะไรถึงได้นัด สถานที่แบบนี้” อริสาอดรำพึงกับบรรยากาศรอบกายไม่ได้ ร่างบางในชุดเดรสสั้นโชว์ขาเรียงงาม ขาวผุดผ่อง หย่อนลงนั่ง พอดีกับเจ้าของร้านหยิบเมนูอาหารเท่ากระดาษเอสี เคลือบพลาสติกใส เดินมาหาอริสา
“สั่งอะไร” ผู้หญิงเจ้าของร้านข้างทาง วัยราวๆสี่สิบเห็นจะได้ ใบหน้ามันเยิ้มเกล้าผมลวกๆด้วยกิ๊บติดผมสีสดขนาดใหญ่ ส่งเสียงห้วนๆถามอริสา
“ขะ....ขอน้ำเปล่าหนึ่งขวดค่ะ”
“ไม่สั่งอาหารหรือไงคุณนาย” ภาษาฟังไม่ลื่นหู สำเนียงท้องถิ่น แข็งห้วน ไม่น่าเสนวนาด้วย แต่ก็นั่นล่ะ คือสำเนียงเฉพาะว่ากันไม่ได้ อริสายังคงมองโลกในแง่ดี ไม่สนใจกับเรื่องขี้หมูลาขี้หมาแห้ง ต่างจากอินทุอร ผู้หญิงคนนี้ได้ถูก หรือไม่งั้นก็ตบกันให้แหลกไปข้าง บนเรือนกายของสาวหน้ามัน มีผ้ากันเปื้อนเก่าๆมอๆ สกรีนตราสินค้าผงปรุงรสยี่ห้อยอดนิยม อริสามองอีกฝ่ายด้วยเพียงแค่แว๊บเดียว แต่ละเอียดยิบ งานเลขาสอนให้เธอเป็นคนช่างสังเกต จดจำคู่สนทนาได้รวดเร็ว
“ขอข้าวผัดหมูก็แล้วกันค่ะ” แม้บรรยากาศไม่น่าทานอะไร แต่ด้วยจริงเธอรู้สึกหิว ไม่รู้เอาเข้าจริงจะรับประทานลงหรือเปล่า แม้จะไม่เรื่องมากแต่ก็เลือกกินอยู่บ้าง ไม่ใช่กินได้หมด
สภาพแบบนี้จะให้เธอกระเดือกอะไรลงได้ ภาวนาขอให้มีคนมารับเธอเร็วๆจะได้ไปให้พ้นจากสถานที่แห่งนี้เร็วๆ ขืนต่อปากต่อคำกับแม่ค้าหน้าเหี้ยมได้เป็นผีเฝ้าป่า สู้เก็บปากเก็บคำไว้จะดีกว่า แววตาคู่สวยระบายไปด้วยความหวาดหวั่นระแวง หันมองรอบกาย ปะทะกับเหล่าสายตาหื่นกระหายต่างจ้องมองมายังร่างบางในชุดสยิวบนเรือนกาย มือบางดึงรั้งชายกระโปรงให้ลงมาปิดขาอ่อน ไม่ควรหลงเชื่อน้องสาวเลยเชียว การอัพเกรดตัวเองให้ไฉไลฉุดให้วิญญาณอริสาแย่พอๆกับทำงานพลาดโดนเจ้านายดุ
กายสาวสั่นสะท้าน ภาวนาขอให้คนดูแลธีรพงศ์มารับเร็วๆ ก่อนเธอจะต้องละลายหายไป เพราะสายตาหื่นกระหายของคนพวกนี้ หรือไม่อย่างนั้นเธออาจะดำดินหนีเหมือนขอมก็เป็นได้ ข้อมือบางถูกยกขึ้นดูเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า เคาะนิ้วกับโต๊ะพลาสติกสีแดง นับร้อยครั้ง เลยเวลานัดหลายนาทีแล้ว คนที่ว่ายังไม่โผล่หัวมา มีเพียงสายตาน่าหวาดกลัวรอบกายเท่านั้น ในกระเป๋ามีรูปอดีตสามีน้องสาว แต่คนที่จะมารับไม่ใช่ธีรพงศ์นั่นคือปัญหา
“คุณผู้หญิง” เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ขณะอริสาก้มลงดื่มน้ำจากขวดพลาสติกขาวขุ่นเนื้อนิ่ม พอได้ยินเสียงนั้น หน้าสวยรีบแหงนมองเจ้าของเสียเย็นชาทันที ได้พบกับ ใบหน้าคมเข้ม กับหนุ่มร่างสูงใหญ่ กำยำล่ำสัน การแต่งกายบ่งบอกอาชีพชัดเจน ชุดคาวบอย อย่างในหนังตะวันตก บนศีรษะสวมหมวกหนังปีกกว้าง คาวบอบคือคำที่อริสาคิดขึ้นในใจเวลานี้
“เรียกฉันหรือคะ”
“ใช่...ถ้าคุณคืออินทุอร เมียเก่าของนาย....เอ่อคุณธีรพงศ์” น้ำเสียงนั้นดุดัน เย็นยะเยือกหนาวจับจิต
“เอ่อ....ค่ะฉันเอง” อริสาจ้องมองใบหน้าคม คาดเดาจากสายตา ผ่านแว่นกันแดดสีดำ คงจะหล่อคมไม่น้อยทีเดียว
“เชิญขึ้นรถ ผมเป็นผู้ดูแลคุณธีรพงศ์อดีตสามีของคุณ”
มือหยาบกร้านของคนตัวสูง พร้อมวาจาหยาบกระด้าง คว้ากระเป๋าลากใบย่อม ซึ่งวางอยู่ข้างกายหญิงสาว ลากเดินนำไปไม่สนใจมันจะครูดกับก้อนหินหรือท่อนไม้ อริสานิ่งมอง ลังเลจะเดินตามไป
“เดี๋ยว...” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างกายบาง อริสาชะงักเท้าจะเดินตามร่างหนา คาวบอยหนุ่ม
“อะไรคะ”
“จ่ายเงินค่าของก่อน”
“อ๋อ นี่คะ” นึกว่าอะไรเรียกซะตกอกตกใจ อย่างกับเรื่องใหญ่โต มือบางควักธนบัตรสีแดงให้กับเจ้าของร้าน รีบเดินตามชายหนุ่ม
“ทางข้างหน้า ค่อนข้างลำบาก รูปร่างอย่างนี้จะอาจจะตายก่อนถึงไร่” เขาเหยียดสายตามองการแต่งกายของหญิงสาว ขณะมือหนาโยนกระเป๋าเหวี่ยงขึ้นหลังรถ ดังโครม
“หมายความว่าอย่างไรคะลำบาก”
“เส้นทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณผู้หญิง....” เขาพูดพร้อมส่งสายตา ซึ่งรอบกรอบด้วยแว่นกันแดดสีดำ สำรวจร่างบางอย่างโจ่งแจ้ง แม้จะเย้ายวน ผิวพรรณผุดผาด ดูแต่งตัวไม่ดูสถานที่ บ้านป่า เมืองเถื่อนดันใส่ชุดเว้าหน้าแหว่งหลัง “คงจะลำบากอยู่มาก ก็อย่างนี้แหละบ้านนอกคอกหนา จะเอาอะไรมาก” ผู้แนะนำตัวว่าเป็นดูแลแค่นเสียงเย็นชากับอริสา ท่าทีคุกคามดูถูก ไม่ทันไรอริสาเจอดีเข้าให้แล้ว เขาคงมีแววตาเหี้ยมโหด ภายใต้แว่นกันแดดสีทึบนั้น
“ไม่เป็นไรคะ ขอให้เจอพี่ธีเร็วๆ” หญิงสาวเชิดหน้าบอก
“พูดอย่างกับคุณห่วงนายนั่น เอ่อคุณธีมากมากมายนักหนา อย่างนั้นแหละ”
“นิดหน่อย ฉันมาเพื่อดูแลให้เขาหายป่วย ฉันก็ต้องรีบไปหาเขาสิ”
“ขอให้จริงอย่างที่ว่า” หน้ากากหนาๆ ภายใต้หน้าสวย สวมไว้หนาเสียจริง ผู้หญิงหย่ำฉ่า....ชายหนุ่มต่อว่าหญิงสาวในใจ ขบกรามแน่นนูนเป็นสัน
“ไม่จริงแล้วฉันจะมาทำไมล่ะคะ”
เธอเชิดหน้าบอก พลางพยายามโหนตัวก้าวขึ้นรถยกสูง พาลให้รอยผ่ากระโปรงฉีกยาว ชายเสียงเหี้ยมเย็นชา หาได้สนใจกับความลำบากของเธอแต่อย่างใด คนบ้านป่าเมืองเถื่อนหยาบคายแม้แต่กับกับผู้หญิง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ
“มาเพื่อดูใจมากกว่า” เสียงนั้นเย็นชาน่ากลัว
“พี่ธีอาการหนักขนาดนั้นเชียวหรือไง”
“หนักมาก หนักใกล้ตาย” เขาเน้นคำว่าใกล้ตาย
ด้วยความไม่รู้จักธีรพงศ์ ทำให้อริสารู้สึกนึกเห็นใจคนป่วยจับจิต เขาป่วยหนักขนาดใกล้ตายเชียวหรือ แล้วคนดูแลอย่างผู้ชายตัวโตๆ คนนี้มัวใจเย็น ไยไม่พาเขาไปหาหมอ ให้หมกตัวอยู่ในไร่รกร้างอย่างนี้เพื่ออะไร หรือว่าธีรพงศ์ไม่ยอมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลต้องการให้อินทุอรมาดูแลใกล้ชิดมากกว่า



พิมพ์ชนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2555, 20:48:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2555, 20:48:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 2307





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account