รจนาเสี่ยงปลาทู(เรื่องสั้น2ตอนจบ)

Tags: ปลาทู

ตอน: 1 หมอดู

จ๊ะเอ๋ สวัสดีค่า ระหว่างรอหนูเข้มกับคุณคิน ณ มนมีเรื่องสั้นมาให้อ่านฆ่าเวลากันค่ะ
เรื่องนี้2ตอนจบ เพิ่งแต่งเสร็จไม่กี่วันที่ผ่านมา เลยอยากมาแบ่งปันให้อ่านกัน
แรงบันดาลใจสำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้คือรุ่นพี่คนหนึ่งที่ ณ มนรู้จักค่ะ
พี่เขามีแนวคิดว่า ถ้าจะมีแฟนขอให้เป็นคนที่แกะปลาให้กินได้
ณ มนว่าน่ารักดี ก็เลยเอามาเขียนเป็น "รจนาเสี่ยงปลาทู" นี่ล่ะค่ะ

มาลองอ่านกันนะค้า ^_^

.............
รจนาเสี่ยงปลาทู /ตอน1


“ถ้าจะเลือกใครสักคนมาเป็นแฟน ฉันขอเลือกคนที่คอยแกะปลาทูให้กิน” เจลกาเอ่ยขึ้น หลังลุกมาจากเสื่อของหมอดูที่มาเปิดให้บริการดูหมอในสวนสาธารณะแห่งนี้ในวันหยุด

แม่เพื่อนตัวดีบอกว่าเธอกำลังจะไปสัมภาษณ์งาน ก็สมควรจะมาดูหมอเสียหน่อยว่าผลการสัมภาษณ์จะออกมาดีหรือไม่ เจลกายังเถียงไปว่า หากผลการทำนายออกมาไม่ดี แบบนี้ไม่ยิ่งเป็นการทำให้เสียกำลังใจหรือ แต่นิดาเพื่อนสนิทย้ำนักย้ำหนาว่า ยังไงก็ต้องมาดูให้ได้ เธอคร้านจะเถียงเพื่อนเลยยอมให้อีกฝ่ายพามานั่งแหมะให้หมอดูตรวจดวงชะตา และก็ได้รู้ผลการทำนายจนทำให้เป็นหัวข้อสนทนากับเพื่อนอยู่ในขณะนี้

“บ้าแล้ว นี่นะเงื่อนไขในการเลือกผู้ชายมาเป็นแฟนของแก” นิดาทำหน้าเบ้ใส่เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น

“อ้าว ก็นี่ล่ะเป็นชายในอุดมคติของฉันเลยนะ ไม่รู้ล่ะถ้าคนที่มาจีบฉันไม่แกะปลาให้ฉันกินล่ะก็ ฉันไม่เลือกมาเป็นแฟนหรอก”

“โอ๊ย แม่คุณงั้นชาตินี้ก็อยู่เป็นโสดไปเถอะย่ะ เงื่อนไขประหลาดๆ แบบนี้ใครเขาได้ยินคงขำกลิ้งกันทุกคน”

"จะอยู่เป็นโสดได้ไง ก็หมอดูคนที่แกว่าแม่นนักแม่นหนาคนนั้น เขาเป็นคนบอกเองนี่ว่าถ้าฉันเข้าไปทำงานที่นี่ได้ ฉันจะได้เจอเนื้อคู่หลังจากนั้น จนถึงขั้นได้แต่งงานแต่งการเลยนา" เจลกาแกล้งเย้าเพื่อนกลับไปบ้าง เพราะเห็นว่านิดาเชื่อเหลือเกินว่าหมอดูคนนี้ดูดวงได้แม่น

"เออ จริงของแก พ่อหมอคนนี้เขาบอกแบบนี้นี่ ไม่แน่เหมือนกันนะที่ทำงานใหม่นี่ อาจจะมีใครสักคนประหลาดเข้ากับเงื่อนไขของแกก็ได้นะ ยัยกระต่าย"

ได้ฟังคำของเพื่อนเจลกาก็ได้แต่หัวเราะ "เอาเหอะ ขอให้ฉันได้ทำงานก่อนก็แล้วกัน เรื่องแฟนหรือเนื้อคู่อะไรนั่น ฉันไม่สนใจนักหรอก"

“ทำเป็นเล่นไปนะ พวกที่บอกว่าไม่สน ส่วนมากก็มักจะได้แฟนกันทั้งนั้นแหละ แกดูอย่างในวรรณคดีนั่นเป็นไร นางรจนาน่ะ ท้าวสามลหาเจ้าชายแล้วก็ชายหนุ่มมาให้เลือกตั้งมากมายก็ไม่เลือกไม่สนใจ แต่สุดท้ายก็ต้องเสี่ยงพวงมาลัยเลือกคู่ จนได้เจ้าเงาะมาเป็นคู่อยู่ดี บางทีแกอาจจะเหมือนนางรจนาก็ได้นะ เพียงแต่ไม่ได้เสี่ยงมาลัยเท่านั้นเอง กลายเป็นนางรจนาเสี่ยงปลาทูแทนไง” นิดาพูดติดตลกจนเจลกาเองก็ขำไปกับความคิดของเพื่อน



เมื่อกลับมาถึงห้อง เจลกาก็นึกถึงคำทำนายของหมอดูที่สวนสาธารณะแห่งนั้น หมอคนที่ว่าหลังจากจดวันเดือนปีเกิดของเธอไป แล้วก็ทำการขีดๆ เขียนๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำนายแบบฟันธงกันมาเลยว่า เธอจะได้ทำงานที่นิตยสารแห่งนี้แน่นอน นอกจากฟังธงว่าจะได้งานทำแล้ว เธอยังอาจจะได้ของแถม นั่นก็คือเนื้อคู่ซึ่งจะได้เจอหลังจากได้งาน และจะได้แต่งงานแต่งการ อยู่ด้วยกันยืดยาวจนแก่เฒ่าเลยทีเดียว

เจลกาไม่ได้สนใจเรื่องเนื้อคู่มากนัก เธอสนใจกับตำแหน่งงานมากกว่า หลังจากว่างงานมาเกือบครึ่งปี เพราะนิตยสารแห่งแรกที่เธอไปทำงานด้วย ได้ปิดตัวลงเนื่องจากขาดสภาพคล่อง พูดง่ายๆ ก็คือขาดทุนนั่นเอง เธอยื่นใบสมัครงานไปหลายที่ แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนตอบรับ นิยายที่ลองลงมือเขียนแล้วส่งไปตามสนพ. ต่างๆ ก็เงียบหายไปเช่นกัน เงินเก็บที่เคยมีทำท่าจะร่อยหรอ ดังนั้นงานที่ใหม่ซึ่งเรียกเธอไปสัมภาษณ์ในวันรุ่งขึ้น คือความหวังเดียวในตอนนี้

ต่อให้ได้ทำงานแล้วจะไม่ได้เจอเนื้อคู่ ตอนนี้เธอก็ยอม


เจลกาก้าวเดินเข้าไปในตึกสำนักงานแห่งหนึ่ง แล้วแลกบัตรเพื่อขึ้นไปที่ชั้นอันเป็นที่ตั้งของบริษัทผู้ผลิตนิตยสารวัยรุ่นที่เรียกเธอมาสัมภาษณ์ หญิงสาวมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงยีนสั้นแค่เข่า ข้อมือสองข้างมีกำไลเงินสลักลวดลายเก๋ ซึ่งเป็นเครื่องประดับที่เธอโปรดปรานมากที่สุด ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆ ผมยาวที่ดัดเป็นลอนวันนี้ปล่อยยาวสลวยเต็มแผ่นหลัง เธอรีบก้าวเร็วๆ ไปที่ลิฟท์เพราะเห็นว่าประตูกำลังจะปิดลง

"รอด้วยค่ะ" รีบเอ่ยออกไปก่อน แล้วหญิงสาวก็เห็นว่าลิฟท์เปิดอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงผิวเข้มใบหน้าเรียบเฉยยืนอยู่ในนั้น

"ขอบคุณค่ะ"

เจลกาเอ่ยขอบคุณ และอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับนิดหนึ่ง จากนั้นเธอก็ก้าวเข้าไปยืนในลิฟท์แล้วเอื้อมมือจะไปกดชั้น 20 แต่ปรากฏว่ามันมีไฟสว่างอยู่ที่ชั้นนั้นแล้ว ซึ่งแสดงว่าผู้ชายหน้านิ่งคนนี้ไปชั้นเดียวกับเธอ

ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์เพียงสองคนกับผู้ชายแปลกหน้า เจลการู้สึกประหม่าเล็กน้อย ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยเกิดกับสาวมั่นเช่นเธอมาก่อน ไม่ใช่มั่นใจในรูปลักษณ์สวยเก๋และเท่ของตัวเอง แต่จากประสบการณ์ที่ผ่าน ทุกครั้งที่ชายหนุ่มคนใดได้เห็นเธอ เป็นต้องออกอาการแอบหันหลับมามองซ้ำ ทว่าผู้ชายคนนี้กลับเป็นไปตรงข้าม

ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แม้เธอจะพยายามลอบมองเขาผ่านผนังเงาวับของลิฟท์ ก็ยังเห็นว่าดวงตาของเขามองตรงนิ่งไปข้างหน้า ซึ่งก็คือประตูลิฟท์ที่ตอนนี้มันปิดสนิท

เจลกาเลิกใส่ใจผู้ร่วมโดยสารลิฟท์ แล้วก็เปลี่ยนมาคิดถึงเรื่องการสัมภาษณ์ ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้า เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์แล้วก็ตามหลังชายหน้านิ่งเข้าประตูบริษัทไป จากนั้นก็แยกไปนั่งรอสัมภาษณ์


ใบหน้าเรียวแต่มีแก้มอิ่มน่ารัก ตอนนี้มีรอยยิ้มประดับอยู่ และทุกครั้งที่ยิ้มก็ยิ่งทำให้ใบหน้านี้ดูน่ามองเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า เพราะลักยิ้มเก๋ๆ ที่มุมปากทั้งสองข้างนี่เอง

"แหง อยู่แล้วต้องผ่านสิ ก็งานของฉันไม่ได้เห่ยจนเขาต้องมองข้ามนี่นา" เจลกากรอกเสียงไปในโทรศัพท์มือถือ ขณะที่กำลังเดินมายังจุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ และยืนเข้าแถวต่อจากสองสามคนข้างหน้า

ในเมื่อวันนี้เธอได้รับข่าวดีเรื่องงานแล้ว หญิงสาวจึงให้รางวัลตัวเองด้วยการเข้ามาชมภาพยนตร์เรื่องดังที่กำลังเข้าโรงฉาย

ระหว่างที่ยืนรอคิวนั้น หญิงสาวก็คุยกับเพื่อนสนิทไปด้วย แต่ในขณะนั้นเองจู่ๆ ก็มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินมาแทรกคิวตรงหน้าเธอหน้าตาเฉย

"นิดาแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันโทรกลับ" หญิงสาวเกลียดคนมักง่ายประเภทนี้เป็นที่สุด ทั้งที่เห็นว่าทุกคนยืนเข้าแถวรอคิวซื้อตั๋วกันอย่างเป็นระเบียบ แต่ก็ยังกล้ามาแซงคิวได้

เจลกายกมือไปแตะหลังเขาเบาๆ และก็ทำให้อีกฝ่ายยอมหันหลังกลับมามองเธอ ชายคนดังกล่าวตัวสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด จมูกโด่งรับกับแว่นตาสีดำที่สวมอยู่อย่างเหมาะเจาะ ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเปิดรอยยิ้มขึ้น ในขณะที่ก้มหน้ามามองเธอ

"มีอะไรครับ หรือว่าอยากได้ลายเซ็น" เอ่ยถามพร้อมกับแจกยิ้มโชว์ฟันขาวสะอาดเป็นระเบียบ และนั่นทำให้มีเสียงกรี๊ดเบาๆ ดังมาจากด้านหลังของเจลกา

เจลกาไม่ได้สนใจว่าเขาเป็นดาราหรือว่านักร้อง เพราะไม่คุ้นหน้าเขาสักเท่าไหร่ หากเป็นดาราก็คงจะเป็นดาราใหม่ นาทีนั้นหญิงสาวสนใจแต่ว่าเขาคือคนที่มาแซงคิวเธอหน้าตาเฉย

"ไม่อยากได้ลายเซ็นค่ะ" ดวงตาโตจ้องมองเขาแบบเอาเรื่อง หากคนตัวสูงกลับยังยิ้มร่าเริงได้อยู่

"อ้าว แล้วสะกิดผมทำไมล่ะครับ"

"ฉันสะกิดเพราะว่าคุณมาแซงคิวฉันน่ะสิ ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วเพื่อรอซื้อตั๋วหนัง แล้วคุณมาจากไหนถึงได้มาแซงคิวกันแบบนี้ ถ้าอยากดูหนังล่ะก็เชิญไปต่อคิวทางด้านหลังนั่น"

"เอ่อ" หนุ่มหล่อหน้าจ๋อยไปทันที ที่ได้ฟังประโยคยาวยืดของเจลกา

"เชิญค่ะ หรือว่าจะให้ตามพนักงานคะ"

หนุ่มหล่อคนนั้นไม่ได้รอให้เธอร้องเรียกพนักงาน เขายอมเดินไปแต่โดยดี ซ้ำยังไม่ได้ไปต่อคิวด้านหลังเสียด้วย แต่กลับเลือกเดินขึ้นไปยังล็อบบี้สำหรับแขกวีไอพีแทน ซึ่งเจลกาคิดว่าเขาคงอายมากกว่าที่โดนต่อว่าท่ามกลางสายตาประชาชีมากมายเช่นนี้

"ช่วยไม่ได้ นิสัยไม่ดีเอง ต่อให้หล่อแค่ไหนก็ช่างเหอะ" หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น ก่อนจะเดินไปที่หน้าช่องขายตั๋วเมื่อได้คิวของเธอ

เจลกาได้ตั๋วมาอยู่ในมือแล้วก็เดินไปซื้อน้ำกับป็อปคอร์น จากนั้นก็เดินเข้าโรงหนังอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่ามีสายตาใต้กรอบแว่นดำมองอยู่

"แสบจริงๆ แต่จะยกให้ในฐานะที่น่ารักก็แล้วกัน"

ปากรูปกระจับพึมพำเบาๆ ในขณะที่ทอดสายมองลงมาจากห้องรับรองวีไอพี ไปที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาเก๋ไก๋แต่กล้าเก่งไม่กลัวใครคนนั้น


"เจอยังแก ผู้ชายที่หมอดูเขาบอกน่ะ" นิดารีบโทรมาถามทันทีหลังจากที่เจลกากลับมาถึงห้องพักแล้ว

"เจอจนนับไม่ถ้วนเลยแหละ ทั้งคนขับรถเมล์ ทั้งกระเป๋ารถ ทั้งลุงยามหน้าตึก ทั้งคนขายตั๋วหนัง แกคิดว่าจะเป็นคนไหนล่ะ" เจลการายงานให้เพื่อนฟังเสียงเจื้อยแจ้ว เจตนาจะยั่วอารมณ์อีกฝ่ายซึ่งก็ได้ผล

"โอ๊ย กระต่าย ทำไมแกกวนแบบนี้เนี่ย เอาแบบที่มันเข้าเค้าเข้าข่ายหน่อยสิ เล่นจาระไนมาหมดแบบนั้นแล้วมันจะใช่สักคนไหมล่ะ"

"อ้าว ก็เป็นผู้ชายทั้งหมดเลยนะที่ฉันเล่าให้ฟังเนี่ย ยังไม่มีคนไหนแอ๊บแมนเลยสักคน" ท้ายประโยคหญิงสาวส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียด้วย

"แหม ถ้าอยู่ใกล้ๆ นะ ฉันจะหยิกแขนให้เขียวเลย ไอ้เราหรืออุตส่าห์เป็นห่วง ก็เห็นเป็นโสดมาตั้งแต่เรียนยันทำงาน พอมีคนทักว่าแกจะได้เจอเนื้อคู่ ฉันก็อุตส่าห์ลุ้นให้สมหวัง แล้วดูแกสิ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน" นิดาโวยมาแบบนั้น

"เอาให้ได้ทำงานแล้วมีเงินใช้ เงินเก็บก่อนเหอะ เรื่องอื่นค่อยคิดก็ยังไม่สาย ไม่มีผู้ชายฉันก็ไม่ตายหรอกน่า แต่ถ้าไม่เงินแล้วต้องอดข้าวน่ะ ฉันตายแน่ๆ"

"จ้ะๆ แม่หญิงมั่น แต่ฉันว่าแกไม่ได้ห่วงงานหรอก คงห่วงรอเจอเจ้าชายปลาทูของแกมากกว่าล่ะมั้ง"

"ไม่รู้สิ ฉันเอาจริงนะ ถ้าไม่มีใครแกะปลาให้กิน ฉันไม่ยอมเลือกมาเป็นแฟนหรอก"

เจลกายืนยันเจตนาเดิมของตนเอง ในขณะที่แวบหนึ่งของความคิดมาภาพของผู้ชายสองคนปรากฏขึ้น หนึ่งคือชายหนุ่มหน้านิ่งในลิฟท์ และสองหนุ่มหน้าหล่อที่โรงหนัง จากนั้นก็สลัดความคิดนั้นทิ้งเสีย พร้อมกับบอกตัวเองว่า อย่าคิดอะไรไร้สาระอีก



การเริ่มงานวันแรกที่นิตยสาร Chill out นิตยสารที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานตอนต้น ไม่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเจลกานัก เพราะเธอเคยผ่านงานนิตยสารวัยรุ่นแนวเดียวกันมาก่อนแล้ว ผลงานของเธอก็เป็นที่เข้าตาบก. ดังนั้นเธอจึงได้รับผิดชอบคอลัมน์ Touch Star ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่สัมภาษณ์คนดังจากทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการหนัง ละคร เพลง กีฬา เรียกได้ว่าหากคนใดกำลังฮอตฮิตเป็นที่จับตาและอยู่ในกระแสของสังคม สามารถไปสัมภาษณ์มาลงคอลัมน์นี้ได้หมด

หลังจากทำความรู้จักกับทุกคนในบริษัทแล้ว เจลกาก็ได้รู้ว่าหนุ่มหน้านิ่งที่เธอเจอในลิฟท์ชื่อ มธุ หรือไม้ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายศิลป์ แม้ได้รับการแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการแล้ว คุณมธุหน้านิ่งก็ยังคงรักษาระดับความนิ่งเหมือนเดิม เขาแค่เพียงเอ่ยทักทายและส่งรอยยิ้มมาให้เท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆ ตามมาอีก

ส่วนคนที่ต้องทำงานกับเจลกาอย่างใกล้ชิด ก็คือตากล้องของนิตยสาร หนุ่มเซอร์หน้าหล่อคนนี้มีชื่อว่าธวัช เขาเป็นขวัญใจสาวๆ หลายคนในบริษัท รวมทั้งสาวในบริษัทข้างเคียงอีกด้วย ด้วยความที่ทำงานนิตยสารมาหลายปี เจลกาจึงรู้ดีว่าคนแบบธวัชนี่ล่ะเป็นที่ต้องตาต้องใจของหญิงสาวมานักต่อนัก ไม่เว้นแม้แต่ดาราสาวๆ มักจะหลงเสน่ห์หนุ่มหล่อเซอร์ถ่ายรูปเก่งกันเกือบทั้งนั้น แต่เห็นจะไม่ใช่คนอย่างเจลกา

พนักงานที่นั่งอยู่โต๊ะติดกับเจลกาคือ กวิตาหรือแก้ว เป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน อีกฝ่ายรับหน้าที่คอลัมน์ทำนายดวง ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่ไม่ว่านิตยสารเล่มใดก็มีเหมือนกันหมด กวิตาเป็นหญิงสาวที่แต่งตัวแบบไม่สนใจแฟชั่น เธอมีสไตล์เป็นของตัวเองแต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเก๋ไก๋ไม่น้อย


งานแรกของเจลกาคือการไปสัมภาษณ์นักเปียโนคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น แต่เพิ่งไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาครอง

เธอต้องออกงานพร้อมกับธวัช ซึ่งอีกฝ่ายมีรถคู่ใจเป็นรถโฟล์ครุ่นเก่า หากปรับปรุงตกแต่งภายในอย่างดี รวมถึงเครื่องยนต์กลไกก็ไม่ได้เก่าเหมือนปีที่ผลิตเจ้ารถคันนี้ออกมาขาย

งานแรกผ่านไปด้วยดี และเจลกาก็พอใจเป็นอย่างมากที่ธวัชไม่ได้มีท่าทีกะลิ้มกะเหลี่ยกับเธอ หลังจากที่แสดงออกให้เขาได้เห็นเป็นนัยๆ แล้วว่า เธอไม่ใช่สาวๆ ประเภทที่จะมาคลั่งไคล้หนุ่มสไตล์เขา และเธอมาที่นี่เพื่อทำงานเป็นเรื่องหลัก เรื่องความรักนั้นไม่ได้อยู่ในสมอง

ชิ้นงานของเจลกาเป็นที่พอใจของ บก. เพราะเธอทำงานตรงเวลา และยังใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องสละสลวย มีลูกล่อลูกชนในการถามคำถาม ดังนั้นบทสัมภาษณ์ชิ้นแรกที่นำมาตีพิมพ์ในนิตยสารเล่มอีกสองเดือนต่อมาจึงเป็นที่พอใจทั้งเจ้านาย และด่านสุดท้ายก็คือผู้อ่าน


เจลกาเข้าทำงานที่ ชิลด์เอาท์ได้กว่าสี่เดือนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้ร่วมงานเป็นไปได้ด้วยดี จะมีก็แต่ฝ่ายศิลป์คนเดียวเท่านั้น ที่เจอหน้าเธอทีไรนอกจากยิ้มให้แล้ว เขาไม่ค่อยจะเอ่ยคำพูดอะไรนัก ยกเว้นเมื่อเธอถามและเขาต้องตอบ อย่างเช่นวันนี้ หลังจากนั่งแกะเทปสัมภาษณ์ และเริ่มพิมพ์บทสัมภาษณ์ไปกว่าครึ่ง เจลกาก็รู้สึกล้าสายตา จึงลุกขึ้นเดินไปหาที่พักสายตาซึ่งก็คือมุมนั่งเล่นเล็กๆ ที่มีโซฟาหนานุ่มน่านั่ง และมีไม้พุ่มในกระถางตั้งประดับอยู่ ทำให้เป็นมุมพักผ่อนที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร

ยังไม่ทันเดินไปถึงมุมสงบ เจลกาก็ได้ยินเสียงคุยดังแว่วมา จับใจความไม่ได้ถนัดนักว่าอีกฝ่ายพูดอะไร เพราะเสียงค่อนข้างเบา เธอจึงหันหลังกลับเพราะคิดว่าเจ้าเสียงทุ้มคนนั้น คงต้องการคุยธุระเป็นการส่วน แต่อีกฝ่ายร้องเรียกเธอเสียก่อน

"คุณกระต่ายจะมานั่งพักหรือครับ เชิญครับ"

เจลกาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่านี่คือเสียงที่หลุดมาจากปากของฝ่ายศิลป์หน้านิ่ง ปกติเขาพูดกับเธอไม่เกินสองสามคำ แต่วันนี้เห็นจะพูดเยอะกว่าทุกวัน

"เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอาจจะมารบกวนเวลาคุยโทรศัพท์ของคุณ"

"ไม่หรอกครับ ผมคุยเสร็จแล้ว เชิญนั่งพักเถอะครับ" เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้นิดหนึ่ง ซึ่งรอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าเรียบนิ่งของเขาดูสว่างกระจ่างใสขึ้นมาทันที

เจลกาคิดว่าถ้าเขายิ้มบ่อยๆ น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเขาดูเหมือนสิงห์หน้าตายยังไงชอบกล ขนาดเข้าประชุมกัน มีใครบางคนเรื่องมาเล่าให้ได้ฮา แต่คุณมธุคนนี้กลับแค่ส่งยิ้มแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ เท่านั้น ช่างเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดียิ่ง นี่ถ้าต้องทำงานด้วยกัน สงสัยว่าเธอคงจะต้องมาคอยนั่งเดาความคิดเขาผ่านทางใบหน้าเรียบเฉย และดวงตาคมกล้าทว่านิ่งสงบเหมือนน้ำในบึงแสนลึกทั้งวันเป็นแน่


"ต้องไปสัมภาษณ์ดาราใหม่เหรอ" กวิตาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเจลกากำลังเตรียมอุปกรณ์สัมภาษณ์ใส่กระเป๋า

"อื้อ เห็นว่าเพิ่งผ่านงานโฆษณามาแค่ 2 ชิ้น แต่ผู้จัดการสามารถเอาไปฝากเล่นละครให้กับช่องหนึ่งได้น่ะ ท่าทางจะมีแววนะคนนี้" เจลกาเองก็เพิ่งได้รับข้อมูลมาคร่าวๆ จากบก. แต่ยังไม่ได้เปิดดูรูปของดาราคนดังกล่าว

"ก็ผู้จัดคนนั้นเขาเส้นใหญ่นี่ เห็นว่าพาเด็กไปป้อนให้ได้ทั้งสองช่องเลยนะ งานนี้คุณเธอรวยคนเดียว ใช้แต่ของแบรนด์เนม ทัวร์เมืองนอกเป็นว่าเล่น ก็เด็กในสังกัดทำเงินซะขนาดนั้นอ่ะนะ"

"เออ ความจริงเราสัมภาษณ์เจ๊เจ้าของสังกัดนี่น่าจะเวิร์คกว่าสัมภาษณ์ดาราใหม่คนนี้อีกนะ" เจลกาเก็ตไอเดีย แล้วคิดว่าจะเอาไปเสนอบก.ปริมสักวัน

คุยกับกวิตาได้ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ต้องรีบคว้ากระเป๋าวิ่งออกมาจากโต๊ะ เมื่อได้เวลาต้องออกไปทำงาน แต่เจลกาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่า คนที่สะพายกระเป๋ากล้องใบโต รอเธออยู่หน้าโต๊ะติดต่อสอบถาม ไม่ใช่ธวัชแต่กลับกลายเป็นมธุ
พอเห็นหน้าเหวอๆ ของเธอ อีกฝ่ายก็เลยรีบบอก

"ธวัชลาป่วยน่ะครับ วันนี้ทำงานกับผม 1วัน"

"อ๋อ ค่ะ" เจลกาพยักหน้ารับก่อนจะก้าวตามเขาออกจากออฟฟิศ

เนื่องจากวันนี้มีตากล้องจำเป็นที่ไม่มีรถเป็นของตัวเอง ดังนั้นเธอและมธุจึงต้องอาศัยแท็กซี่ไปยังร้านที่นัดดาราคนดังกล่าวเอาไว้

เมื่อเรียกแท็กซี่ได้แล้ว มธุเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาเปิดประตูให้ เจลกาจึงค้อมกายก้าวเข้าไปนั่งในรถแล้วรวบชายกระโปรงตัวยาวพิมพ์ลายเก๋ของตัวเองให้เรียบร้อย วันนี้เธอรวบผมดัดขึ้นไปเป็นมวยสูง ปล่อยลูกผมบางส่วนลงมาระแก้ม สวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว และไม่ลืมกำไลเงินชิ้นโปรด

เจลกาเองก็ไม่ใช่คนแต่งตัวตามแฟชั่น แต่เธอจะเป็นคนที่รู้ว่าตนเองเหมาะกับเสื้อผ้าแนวไหน จึงเลือกซื้อหามาใส่แบบไม่สนใจว่าจะต้องเป็นของแพงหรือมียี่ห้อ แต่ทุกครั้งที่เธอแต่งตัวออกไปไหนมาไหน ก็มักจะมีคนมองตามเสมอ ไม่เว้นแม้แต่วันนี้ตอนที่ก้าวเท้าเข้าร้านกาแฟเจ้าดัง ซึ่งเป็นสถานที่นัดสัมภาษณ์ดาราหน้าใหม่

"โต๊ะนั้นครับ" มธุชี้มือให้ดูว่าคนที่จะให้สัมภาษณ์นั่งอยู่ที่นี่

เจลกากวาดสายตามองตามก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง นั่งไขว่ห้างยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ หญิงสาวรู้สึกคุ้นตากับเขาพอสมควร แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ก่อนจะตำหนิตัวเองว่า ในเมื่ออีกฝ่ายมีผลงานโฆษณาคู่กับซุปเปอร์สตาร์สาวมาแล้วถึง 2 ชิ้น เธอก็สมควรจะคุ้นกับเขาอยู่แล้ว

แต่ทว่าเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม และเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเอ่ยทักทายออกมา เจลกาก็จำได้แล้วว่าเคยเจอเขาที่ไหน

"คุณนี่เอง" สองเสียงทั้งจากเจลกาและดาราหน้าใหม่เอ่ยพร้อมกัน ทำเอาตากล้องทำหน้าสงสัยกับคำทักทายของทั้งคู่

"รู้จักกันแล้วหรือครับ" เสียงกระซิบถามของมธุทำให้เจลกาพยักหน้าตอบรับ

"เชิญนั่งก่อนครับ ไม่คิดว่าคนที่มาสัมภาษณ์ผมจะเป็นคุณ ว่าแต่หายโกรธผมเรื่องวันนั้นหรือยังครับ" เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มและดวงตาพราวระยับราวกับมีดาวกระพริบอยู่ในนั้น

ดวงตาและรอยยิ้มแบบนี้เชื่อได้เลยว่า หากสาวใดได้มองเป็นต้องไหลหลงกันเสียทุกคน แต่คงจะยกเว้นกับเจลกา เพราะเธอถือคติมาตลอดว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนดังเด็ดขาด เพราะเห็นมานักต่อนักแล้วกับดาราหน้าใหม่ที่มักจะทอดไมตรีให้กับนักข่าวทั้งสาวแท้และสาวเทียม เพื่อหวังที่จะได้มีข่าวของตนเองลงในสื่อนั้นๆ แต่ไม่เห็นจะไปรอดจนถึงขั้นประกาศตัวว่าคบหาดูใจกันสักราย หรือถ้าหากมีข่าวแพลมออกมาว่าดาราหนุ่มคนนั้น ดาราสาวคนนี้สนิทสนมกับนักข่าวคนไหนเป็นพิเศษ ต่อมาก็ต้องมีการออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธไปทุกครั้ง

อย่างรายการบันเทิงทางทีวีรายการหนึ่ง ที่เน้นส่งนักข่าวสาวสวยแต่งตัวล่อแหลมแล้วไปสัมภาษณ์ดาราหนุ่มๆ จนตกเป็นข่าวว่าแอบกิ๊กกั๊กกัน แต่สุดท้ายรายไหนรายนั้น เป็นต้องออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์ไปเสียทุกคน ส่วนแม่นักข่าวสาวจากสำนักข่าวบันเทิงดังกล่าวก็ชีช้ำกันไปตามระเบียบ

สำหรับนายดาราใหม่คนนี้ เจลกายอมรับว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจ ที่ไม่ได้เฉลียวใจเสียแต่แรกว่าเหตุใดเธอถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าตาเขานัก นั่นเป็นเพราะหลังเกิดเหตุในวันนั้นเธอลืมไปเสียสนิท แล้ววันที่ต่อว่าเขาเธอก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยว่าเขาเป็นดาราหรือไม่ ทั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยปากถามแล้วว่าอยากได้ลายเซ็นเขาหรือเปล่า

ใครจะไปคิดว่า โลกมันจะกลมขนาดนี้

เจลกานึกในใจ ในขณะที่นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา และมธุตากล้องจำเป็นของเธอก็นั่งลงตาม

"ขออนุญาตบันทึกเสียงนะคะ" เป็นขั้นตอนการทำงานอันดับแรกที่เธอจะต้องบอกกับคนให้สัมภาษณ์ทุกคน

"อนุญาตครับ เพราะถ้าไม่อนุญาตผมกลัวคุณตามเจ้าหน้าที่มาไล่ผม" นภัทรดาราหน้าใหม่ส่งถ้อยคำหยอกเย้ามา
เจลกาไม่ได้พูดอะไรนอกจากส่งยิ้มให้เขาน้อยๆ ก่อนจะเริ่มคำถามที่ตนเองตระเตรียมมาเป็นอย่างดี หากคนให้สัมภาษณ์ก็ดูเหมือนจงใจจะแกล้งยั่วเย้าเธออยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นเธอถามว่าเขาเข้าวงการมาได้อย่างไร

"ก็พอดีผมเป็นคนชอบดูหนังครับ วันนั้นไปดูหนังกับเพื่อน แล้วก็กำลังเข้าคิวยืนซื้อตั๋วกันอยู่ ความจริงผมเป็นมารยาทดีนะครับ แต่วันนั้นที่แซงคิวคุณนั่นเพราะผมรีบไปหน่อยเท่านั้นเอง...."

หลังจากนั้นถึงจะเล่ารายละเอียดแบบจริงๆ จังๆ ทว่าทุกคำตอบของเขาเป็นต้องแวะเวียนมาหยอกเย้าเธอทุกที
ตบท้ายการสัมภาษณ์วันนั้น ดาราหนุ่มหน้าใหม่ขอเลี้ยงอาหาร เจลกาเอ่ยปฏิเสธแต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอจะเลี้ยงให้ได้ ซ้ำยังอ้างมาอีกว่าไม่ต้องกลัว บก.ปริมจะต่อว่า เพราะผู้จัดการส่วนตัวของเขากับบก.ปริมรู้จักกันดี เจลกาจึงหันมาถามความเห็นจากมธุ และเมื่อเขาพยักหน้าเห็นด้วย เธอจึงตกลงรับไมตรีจากนภัทร

ร้านอาหารที่นภัทรเลือกนั้น ก็เป็นร้านอาหารชื่อดังที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันรับร้านกาแฟ เมื่อเลือกที่นั่งได้แล้ว ดาราหนุ่มก็ยื่นเมนูให้เจลกาสั่งอาหาร

"สั่งได้ตามสบายเลยครับ" เอ่ยพร้อมกับโปรยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์มาให้ หากเจลกาไม่ได้ใส่ใจมองนัก นอกจากรับเมนูมาแล้วก็เอ่ยขอบคุณเขา

"ขอบคุณค่ะ"

หญิงสาวตั้งใจเลือกเมนูปลามา 1จาน นอกจากนั้นก็เป็นเมนูที่ทางร้านแนะนำอีกสองสามอย่าง พออาหารมาวางตรงหน้า ดาราหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานมาให้เธอทันที

"สั่งปลามาแบบนี้แสดงว่าชอบทานมากใช่ไหมครับ"

"ค่ะ ก็ชอบ"

"ดีเลยครับ ผมก็ชอบทานปลาเหมือนกัน แต่ไม่ชอบแกะปลาเอาเสียเลย ถ้าผมจะอ้อนให้คุณกระต่ายช่วยแกะปลาให้หน่อยจะได้ไหมครับ"

เจอลูกอ้อนมาแบบนี้เจลกาก็ได้แต่ยิ้มเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไป หากในใจนั้นกลับเป็นตรงข้าม

ฝันไปเหอะนายนภัทร ฉันชอบกินปลาก็จริง แต่ไม่ชอบแกะให้ใครกินย่ะ เรื่องอะไรฉันต้องแกะปลาให้นายด้วย

ดังนั้นเมื่อฉู่ฉี่ปลาทูถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ มันจึงไม่ได้ถูกเจลกาและนภัทรแตะต้องเลยสักนิด หากคนที่ทานอาหารจานนี้กลับกลายเป็นมธุเสียเอง ซ้ำชายหนุ่มยังมีน้ำใจแกะเนื้อปลาเผื่อแผ่มาถึงเจลกาและนภัทรอีกด้วย

การกระทำของเขาทำให้เจลกาอดรู้สึกทึ่งไม่ได้ มธุแกะเนื้อปลาออกมาอย่างสวยงาม และไม่มีก้างติดมาสักชิ้น



เมื่อเจลกากลับมาถึงห้องพัก เพื่อนสนิทยังคงโทรมาสอบถามความคืบหน้าเหมือนเคย

"ไงยะ เจอหรือยังเจ้าชายปลาทูน่ะ"

คำถามของเพื่อนทำให้ใบหน้าของมธุโผล่แวบขึ้นมาในสมอง ก่อนที่เจลกาจะรีบสลัดภาพของเขาออกไปทันที

"เจอแต่ดารา วันนี้ได้ไปกินข้าวกับดาราหน้าใหม่มาด้วย"

พอเอ่ยชื่อดาราคนนี้ออกไป เพื่อนสนิทก็กรี๊ดกร๊าดทันที

"อ๊ายยย แกได้ไปกินข้าวกับนภัทรด้วยเหรอ น่าอิจฉาจัง แล้วเขาน่ารักมากไหมแก นิสัยดีไหม หยิ่งหรือว่าถือตัวหรือเปล่า"

"นี่ถ้าแกจะถามมากขนาดนี้ ฉันว่าแกรออ่านบทสัมภาษณ์ในนิตยสารเลยดีกว่ามั้ง"

เจลกาประชดเพื่อนสาวเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะกรี๊ดกร๊าดดาราหนุ่มคนนั้นเกินเหตุ แต่สำหรับเธอแล้วไม่ได้นึกกรี๊ดอะไรด้วย ยิ่งอีกฝ่ายมาทำเป็นอ้อนขอให้เธอแกะปลาให้กิน ข้อนี้ยิ่งทำให้คะแนนของเขาติดลบไปทีเดียวในสายตาของเธอ


วันต่อมาเจลกามาทำงานพร้อมอาการปวดหัวและมีน้ำมูกแถมมาด้วย เพราะเมื่อวานที่ไปสัมภาษณ์นภันทรนั้น ขากลับฝนตกอย่างหนัก กว่าเธอกับมธุจะเรียกแท็กซี่กลับมาออฟฟิศได้ก็โดนละอองฝนกันจนเสื้อผ้าชื้นไปหมด

ทว่าเมื่อมาถึงโต๊ะทำงานหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเป็นอันมาก เพราะเธอเห็นกล่องยาแก้ไข้และยาลดน้ำมูกวางอยู่

"แก้วเอามาให้เราเหรอ" เจลกาหันไปถามกวิตาที่นั่งโต๊ะติดกัน

"เปล่าจ้ะ"

เมื่ออีกฝ่ายก็ปฏิเสธมา ยิ่งทำให้เจลกานึกสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บคอเสียงแห้ง ก็มีคนเอายาอมแก้ไอมาให้ ครั้งนี้ก็มียาแก้ไข้ ดูเหมือนจะมีคนแอบปรารถนาดีแต่ไม่ประสงค์จะออกนามและแสดงตัว หากงานแกะเสียงสัมภาษณ์ก็ทำให้เธอไม่ว่างมาคิดจะค้นหาเจ้าของยาอีก

จนกระทั่งหลายวันต่อมา ธวัชมีอาการปวดหัวเขาร้องถามหาว่าใครมียาบ้าง และคำตอบที่ได้ยินก็เป็นแบบนี้

“แกนี่ไม่รู้จักจำเลยไอ้วัช เรื่องหยูกยาน่ะต้องเดินไปหาพี่ไม้ รายนั้นเขาเป็นตู้ยาของบริษัท ใครเจ็บป่วยเป็นอะไรก็ไปขอยาที่พี่ไม้ได้ทั้งนั้นแหละ”

แล้วอีกเสียงก็เอ่ยสนับสนุนมา

“ใช่ มีทุกอย่างเลย แกจะเอาอะไรล่ะ ยาดม ยาอม ยาหม่อง ยาแก้ปวดท้อง ปวดหัว ตัวร้อนเป็นไข้ มีครบทุกอย่าง”

“เออๆ ไม่ต้องจาระไนมาก รู้แล้วว่าพี่ไม้มียาครบทุกชนิด” ธวัชว่าอย่างนั้นก่อนจะรีบเดินไปที่ฝ่ายศิลป์

เจลกาได้ยินทุกประโยคชัดเจน จึงหยิบขวดยาลดน้ำมูกกับยาแก้ไข้ที่อยู่ในลิ้นชักขึ้นมาดู

“จะเป็นคุณไม้หรือเปล่า”

เธอได้แต่ถามตัวเอง ไม่กล้าไปเอ่ยถามกับเจ้าตัว เพราะหากทำอย่างนั้นก็เหมือนจะเป็นการเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เรื่องอะไรเขาจะต้องมาคอยใส่ใจเธอมากมายนัก ทั้งยาแก้เจ็บคอก่อนหน้านี้และยาเพิ่งได้มาเมื่อวันก่อน บางทีอาจจะมีใครสักคนในออฟฟิซก็เป็นได้ ที่ได้เห็นอาการของเธอแล้วก็ใจดีเอายามาวางไว้ให้

คงไม่ใช่คุณไม้หรอกมั้ง พูดกันแทบจะนับคำได้

เมื่อบอกกับตัวเองอย่างนั้น เจลกาก็หันมาวุ่นกับงานตรงหน้าต่อไป ไม่ได้ใส่ใจว่าคนทำงานฝ่ายศิลป์จะคิดยังไงกับเธอ




......

เมาท์และเมนท์กันได้เหมือนเคยนะค้า

ณ มน



namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2555, 21:13:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2555, 21:13:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 3407





Auuuu 1 พ.ค. 2555, 21:31:57 น.
คิกๆๆ
เจ้าชายปลาทู ^______^


ของขวัญ 1 พ.ค. 2555, 22:19:02 น.
อร๊ายยยย น่ารักอ่าา ^_____^


Pat 1 พ.ค. 2555, 22:19:06 น.
น่ารักอ่ะ นิ่งๆเงียบๆแต่เอาใจใส่อยู่ในที เจ้าชายปลาทู


sai 1 พ.ค. 2555, 23:45:43 น.
ชอบอ่ะ


หมูบูลิน 2 พ.ค. 2555, 00:06:10 น.
อ้ายยยย น่ารักอะ


wane 2 พ.ค. 2555, 01:06:59 น.
น่ารักมากค่ะ ...ชื่อนางเอกแปลว่าอะไรค่ะ ...อ่านแล้วนึกถึง จรกา ทุกทีเลยอ่ะ


คิมหันตุ์ 2 พ.ค. 2555, 01:43:17 น.
ชัดเลย คุณมธุถอดรูป ออกแล้วบุ้มมมมมมม กลายเป็น ปลาทู อิอิ


Kazalong 2 พ.ค. 2555, 06:39:57 น.
http://home.sirinda-stories.net/images/emo/cute.gif น่ารักอ่าคะ


ameerahTaec 2 พ.ค. 2555, 09:23:09 น.
กี้สสสสสสสส น่ารักมากค่า ว่าแต่คือใครกันหนอระหว่างสองคนนี้ กลัวจบแบบหักมุม 555+


mhengjhy 2 พ.ค. 2555, 10:07:27 น.
ที่ไม่ค่อยพูด เขินใช่มั้ยล่าาาาา


aom 2 พ.ค. 2555, 12:08:04 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


ปูจ้า 2 พ.ค. 2555, 12:26:26 น.
น่ารักมากกก เรื่องนี้ ไม่อยากให้เป็นเรื่องสั้นสองตอนจบแล้วสิคะ


Siang 2 พ.ค. 2555, 16:07:29 น.
พระเอกกี่เรื่องๆ ก็น่ารักตลอด ตลอด


invisible 2 พ.ค. 2555, 19:56:30 น.
เจ้าชายนิ่งมากกกกก อิอิ


nunoi 2 พ.ค. 2555, 21:04:22 น.
น่ารักได้อีกก


ล่องลอย 2 พ.ค. 2555, 21:41:52 น.
อิอิ "เจ้าชายปลาทูู"
น่ารักจังค่ะ


roseolar 2 พ.ค. 2555, 22:16:34 น.
ชอบพระเอก นิ่งๆแต่รักจริง อร๊ายยยย


คนผ่านมา 3 พ.ค. 2555, 14:01:56 น.
น่ารักจัง...อ่านแล้วอยากได้แบบนี้บ้าง


kaze 7 ส.ค. 2555, 15:03:27 น.
อ๊ายยย ชอบเรื่องสั้น >____<


ผักหวาน 29 มิ.ย. 2556, 20:26:09 น.
เรื่องนี้ก็น่าสนุกค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account