เรื่องสั้น เรื่อง ควายชรา
เขียนจากจิตใจที่รักควาย
Tags: เรื่องควายๆ ที่ไม่ควาย และคนอาจจะไม่เข้าใจควาย
ตอน: ควายชรา...
ควายสองตัว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีควายขั้นเทพอยู่สองตัวซึ่งเป็นควายที่ฉลาดล้ำหนึ่ง และควายทรงพลังกล้าแกร่งหนึ่ง ฆ่าไม่ตาย ควายทั้งสองตัวนี้เป็นเพื่อนรักกัน มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และที่ประจำของควายขั้นเทพทั้งสองตัวนี้คือร้านกาแฟ ควายคะนองศึก ในสโมสรของสวรรค์ของควายที่ประกอบคุณงามและความดี เมื่อตายแล้วจะได้มาสิ่งสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ที่ที่เรียกว่า แดนสรวงแห่งควาย
“เฮ้ย ฉลาด นายคิดเหมือนฉันไหมว่าตอนนี้แดนสรวงแห่งควาย ของเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาก” ควายฉมัง ควายขั้นเทพทรงพลังกล้าแกร่งเอ่ยถามเพื่อนแล้วก้มลงดูดกาแฟสูตรพิเศษลงคอ
“เออ ใช่ เพราะเดี๋ยวนี้ควายอย่างพวกเราหันมาทำความดีกันเยอะ ก็เลยมีควายที่ขึ้นมาอยู่ แดนสรวงแห่งควายเยอะไง” ควายฉลาด ควายขั้นเทพที่แสนฉลาดล้ำเอ่ย
“แต่ฉันว่าแบบนี้เราจะแย่เอานา เพราะตอนนี้พื้นที่บนนี้มันมีน้อยลงทุกวันๆ ฉันล่ะอึดอัดนักอยากจะระบายมานานแล้ว” ฉมัง ควายขั้นเทพผู้ทรงพลังกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล
“ทำไมรึ”
“นายไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือฉลาดที่มีควายบางตัวดูไม่เข้าทีนัก พลัดหลงเข้ามาอยู่ในนี้ แต่อะไรก็ไม่เท่าว่า ท่านเทวทูตควายน่ะ ปล่อยปละละเลยการตรวจสอบประวัติควายที่ตายให้ดีเช่นแต่ก่อน ฉันเห็นว่ามีควายบางตัวยังดูหยาบกระด้าง และดูเหมือนยังเป็นควายที่ยังไม่สะอาดพอ” ควายฉมังพูดอย่าที่ใจคิด เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความฉลาดเท่ากับ ควายฉลาด แต่เขาก็เป็นควายที่จริงใจและตรงไปตรงมาคิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น
“อ๋อ ฉันเห็นแล้ว ฉันยังคิดอยู่ว่าเหตุใด ท่านเทวทูตควายถึงยอมให้มีควายที่หยาบช้าขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ เย็นนี้ฉันจะไปที่บ้านท่านพญาเทวทูตควายจะถามให้รู้เรื่องเหมือนกัน นายไปด้วยไหม” ควายฉลาดถามเพื่อนรัก
“ฉันคิดว่าไม่ดีกว่าการเข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่ และคนมียศมีศักดิ์ฉันไม่ถนัดอีกอย่างฉันไม่มีวาทศิลป์ที่ดีเหมือนนายไปด้วยจะพลอยทำให้นายขายหน้า”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ว่าแต่ว่าวันนี้ทำไมนายดูหน้าตาไม่สบายเลย ทำไมหรือ” ควายฉลาดถามเพื่อนรักและพิจารณาสีหน้าที่ดูหมองเศร้าของเพื่อนอย่างครุ่นคิด
“ฉันก็แค่กลุ้มใจที่รู้สึกเหมือนว่าที่นี่กำลังจะเปลี่ยนไป นายดูสิ เดี๋ยวนี้ควายสาวๆ ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สงบเสงี่ยมและแสนอ่อนหวาน พูดจากิริยาก็งดงาม ถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉันสังเกตว่ามีควายสาวๆ บางตัวจะเป็นเนื้องอกด้วย” ควายฉมังตอบพลางชี้ชวนให้ควายฉลาดดูกลุ่มควายสาวๆ ที่กำลังเดินผ่านหน้าไป ซึ่งแต่ละตัวนั้นดูเปรี้ยวจี๊ด วี๊ดว้ายจนเกินงาม และร่างกายที่ดำปลอดเป็นเงางามนั้น ดูเหมือนจะมีสีสันแต่งแต้มมากจนเกินงาม และบางตัวเขาดูสั้นๆ ประหลาดนักทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอมีเงาที่ยาวโค้งงดงาม แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ ตรงกลางหน้าผากของควายสาวบางตัวมีรอยนูนๆ ขึ้นมาคล้ายๆ กับเขาที่งอกใหม่ๆ ของควายที่เพิ่งถือกำเนิดและยังเยาว์
และยิ่งกว่านั้นพวกเธอมองควายหนุ่มๆ ด้วยสายตาที่เชิญชวนจนดูเปิดเผยไม่ดูเป็นกุลสตรีแห่งควายเลยสักนิด ควายฉลาดมองตามกลุ่มควายสาวเหล่านั้นไปจนลับตาด้วยความครุ่นคิดขึ้นมาทันทีเช่นกัน แววตาของเขามีแววกังวลไม่ต่างจากเพื่อนรัก และยิ่งกังวลหนักมากขึ้นเมื่อมีควายวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามาในร้านกาแฟ ควายคะนองศึก ด้วยกิริยาท่าทางที่ดูไม่น่ารักสมวัยที่กำลังเบ่งบานและสดใส เพราะบางตัวเอาเท้าที่แสนสกปรกขึ้นมาวางบนโต๊ะ และร้องตะโกนสั่งเครื่องดื่มและอาหารเสียงดังโหวกเหวก จนควายในร้านบางตัวรีบจ่ายเงินแล้วรีบออกไปจากร้านด้วยทาทางร้อนรนและมองไปทางกลุ่มควายวัยรุ่นอย่างหวาดกลัว ควายเด็กๆ บางตัวร้องไห้จ้าจนพ่อแม่ต้องรีบพากลับคอก
“ฉันว่าฉันกลับคอกดีกว่า” ควายฉมังพูดขึ้น พาลหมดอารมณ์อยากจะกินอาหารเสียสิ้น และนำสลัดหญ้าทูน่าไปให้พนักงานควายในร้านใส่กล่องให้นำกลับไปกินที่คอก และขณะเดินผ่านกลุ่มควายวัยรุ่น ก็มีเสียงโห่ฮาอย่างเสียมารยาทและถ้อยคำหยาบคายออกมาจากปากควายปากไม่สิ้นกล่อนน้ำนมกลุ่มนั้น
“เฮ้ยยย พวกมึงดูสิวะ ไอ้ลุงควายตัวนี้มันแก่มากแล้วนะนี่ ดูๆๆ มันห่อของกลับไปกินคอกด้วยว่ะ โอยๆๆ กูอยากให้แม่กูซื้อของแจกพวกควายยากจนนี่จริงๆ”
“มึงดูสิโว๊ยเฮ๊ย มันหนังเหี่ยวย้อยลากพื้นแล้วมั้งนั่น น่าเกลียดชะมัด แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่ สาระแนมากินกาแฟในร้านหรูๆ”
“มึงอย่าไปว่าเขา อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นแช้มป์ควายผู้ทรงพลังช่วยมนุษย์ทำนาได้ข้าวหลายพันตันจนถูกพวกมนุษย์หน้าโง่ยกย่องให้เป็นควายยอดกตัญญูนะพวกมึง”
“นั่นมันก็แค่อดีตล่ะวะ ปัจจุบันมันก็เป็นควายแก่ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น” สารพัดเสียงกล่าวเหยียดหยันของบรรดาควายวัยรุ่นเอ่ยระงมด้วยความหยาบคายจนเป็นที่อดหนาระอาใจของบรรดาควายพนักงานและควายทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณนั้น แต่ควายวัยรุ่นเหล่านั้นก็หาได้สนใจไม่ยังคงพล่ามระรานควายอื่นไปทั่ว
“นายคงไม่คิดมาใช่ไหม” ควายฉลาดถามเพื่อนรักที่ดูหน้าตาหมองลงขณะเดินออกมาจากร้านด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ไม่หรอก ฉันมันก็แก้แล้วอย่างที่พวกเด็กๆ นั่นว่า แต่ฉันเป็นห่วงอนาคตที่สดใสของ แดนสรวงควายแห่งนี้มากกว่า เพราะดูวันนี้แดนสรวงควายอันสวยงามและสงบสุขของเราแปลกไปมากเหลือเกิน นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม นายบอกฉันทีสิฉลาด”
“ไม่หรอกนายไม่ได้ฝัน มันคือความจริง” ควายฉลาดตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันจะต้องไปคุยกับท่านพญาเทวทูตให้รู้เรื่องในวันนี้ เพราะหากช้าอาจสายเกินกาล”
“ฉันเชื่อว่านายต้องมีคำตอบที่ดีพอมาให้ฉัน และจะช่วยให้ท่านพญาเทวทูต และเทวทูตควายรักษากฏข้อบังคับและสามารถดูแล แดนสรวงควาย ของเราให้สงบดังเดิม ฉันเชื่อในความสามารถของควายที่แสนเก่งกาจที่เป็นผู้ทำให้ควายทั้งโลกได้รับการยกย่องจากมนุษย์ผู้โง่เขลา เช่นควายแห่งมหาวิทยาลัยชีวิตควาย”
“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ แดรสรวงควาย ของเรากลับมาเหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้นะ” ว่าแล้ว ควายฉลาดก็เดินข้ามถนนไปอีกฟาก
เอี๊ยดดดดดดดด โครมมมมม....แต่ทันใดนั้นเองรถยนต์คันหรูราคาแพงลิบลิ่วป้ายแดงสดใหม่ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็พุ่งเข้าชนร่างของควายฉลาดอย่างจังจนร่างอวบอ้วนนั้นลอยลิ่วขึ้นไปในอากาศและตกลงมากระทบพื้นถนนเสียงดังกึกก้องเลือดแดงฉานไหลทะลักออกจากทวารทั้งห้าของควายฉลาด
“ช่วยด้วยๆๆ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ที มีควายถูกรถชน” ควายฉมังวิ่งรี่เข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างเพื่อนรักที่นอนหายใจรวยริน มองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความรักมิเปลี่ยนแปลง
“นี่แก ไอ้ควายเฒ่า แกเดินยังไงถึงได้มาขวางทางรถฉันวะไอ้ควายไร้สกุล”เสียงตวาดก้องด้วยความฉุนเฉียวของควายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ลงมาจากรถยนต์ของตนพร้อมด้วยแฟนสาวที่ดูไม่เหมือนควายเลยสักนิด เพราะเขาข้างๆ ของเธอหายไป มีเพียงเขาประหลาดที่อยู่ตรงกลางหน้าผากดูประดักประเดิดนัก แต่ดูเหมือนสาวเจ้าจะไม่เขินอายสักนิด
“ไหนๆๆ ควายตัวไหนถึงโง่เดินจนถูกรถชน”
“ต๊ายตายดูสิ ควายแก่ถูกรถชน เดินยังไงไม่ดูรถรา ดูสิรถราคาร้อยล้านต้องมาบุบสลายเพราะควายแก่ๆ พวกนี้”
“ดูสิเธอเลือดออกเยอะขนาดนี้ไม่รอดแหงๆ แต่ก็ดี ตายๆ ไปเถอะจะได้ไม่ทรมาน”
“เฮ้อ ก็นี่แหละน๊าเดินไม่ระวังเองก็ต้องเป็นแบบนี้ ฉันล่ะสงสารพ่อหนุ่มเจ้าของรถจัง ท่าทางจะต้องเสียค่าซ่อมรถอีกมากโข” ฯลฯ เสียงบรรดาควายมุงที่ล้อมวงดูควายที่ถูกรถชนดังเซ็งแซ่ แต่ไม่มีควายตัวไหนจะมีน้ำใจเรียกรถพยาบาลหรือเข้ามาช่วยปลอบใจควายอีกตัวที่นั่งร่ำไห้อยู่กับร่างที่กำลังจะกลายเป็นซากของเพื่อนรัก แต่แล้วเสียงไซเรนของรถพยาบาลก็ดังแหวกขึ้นมาทำให้ ควายฉมังเงยหน้าจากร่างที่โชกเลือดของเพื่อนขึ้นมอง และกลุ่มควายที่มุงดูก็เปิดทางให้ผู้ที่จะเข้ามาเคลียพื้นที่ และผู้ที่เดินแหวกกลุ่มควายมุงเข้ามายังควายฉมังและเพื่อนรัก ทำให้ควายฉมังถึงกับหมดแรงและสิ้นแล้วซึ่งความดีใจ และอิสรเสรี
“นี่ไง เราเจอแล้วควายป่วยสองตัวที่หนีมาจากโรงพยาบาลจิตเวชควาย” เสียงควายบุรุษพยาบาลพูดขึ้น ทำให้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาจากกลุ่มควายมุง และบรรดาควายมุงทั้งหลายก็รีบถอยห่างจากควายสองตัวที่ตอนนี้ตัวหนึ่งนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้วเพราะทนฤทธิ์บาดแผลไม่ไหว และอีกตัวหนึ่งก็กำลังถูกสวมเครื่องจองจำและนำกลับไปยังรถพยาบาลคันใหญ่ที่จอดรออยู่
“ฉันว่าแล้วควายสองตัวนี่ต้องผิดปกติเป็นโรคอะไรสักอย่าง”
“ใช่ๆๆ ว่าแต่เขาเป็นอะไร ถามหมดสิเธอ” เสียงควายมุงวิพากษ์วิจารณ์และพวกเขาก็ได้คำตอบ
“ควายสองตัวนี้เมื่อก่อนเป็นคนดังและมีชื่อเสียงของเราครับ เขาทั้งสองสร้างชื่อเสียงให้ควายชาติของเรามากมายคุณงามความดีเขามีเยอะมากครับ แต่เมื่อร้อยปีก่อนเขาทั้งสองมีอาการทางประสาทนิดๆ คือชอบตื่นเช้ามาและทำบุญใส่บาตร ชอบพูดในเรื่องธรรมะ ปรัชญา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฯลฯ และชอบสวดมนต์ สอนหนังสือควายเด็กๆ ให้มีความรู้ ทางท่านพญาเทวทูตควายที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยนั้นเลยจับท่านทั้งสองไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชควายแห่งแดนสรวงควาย ความจริงผมเองก็ไม่อยากจับกุมท่านกลับไปหรอกนะครับ อยากจะให้ท่านได้กลับไปอยู่คอกเดิมที่บ้านเกิดด้วยซ้ำ แต่ท่านเทวทูตควายไม่ยอม บอกให้ผมจับท่านกลับไป แม้ตอนนี้จะเหลือเพียงท่านควายฉมังผู้กล้าแกร่งตัวเดียวก็ตาม” บุรุษพยาบาลควายแถลงไขให้บรรดาควายมุงรู้ที่มาที่ไปของสองควายเฒ่าที่อายุนับสองร้อยปีนั้นคร่าวๆ แต่ก็กระชับชัดแจ้งพอสมควรทำให้บรรดาควายมุงกระจ่างใจแต่มิวายวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนุกปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสองควายเฒ่าและมองดูร่างที่ไร้วิญญาณของควายฉลาดกลายซึ่งบัดนี้ เป็นเพียงซากควายชราไร้วิญญาณอยู่เพียงลำพังบนท้องถนนกว้างที่ขวักไขว่ด้วยรถราราคาแพงที่วิ่งราวจะแข่งขันชิงถ้วยรางวัล บางคันก็ขับเหยียบผ่านร่างไร้วิญญาณของควายฉลาดอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก และบรรดาควายทั้งหลายที่ผ่านไปมาก็หัวเราะด้วยความชอบใจ
และแล้วเรื่องอุบัติเหตุกลางท้องถนนเมื่อครู่ก็ถูกลืม บรรดาควายแห่งแดนสรวงควายต่างก็ใช้ชีวิตสนุกสนานไร้สาระหาแก่นสารไม่ได้อย่างไร้สติกันด้วยสิ่งมอมเมาต่างๆ ควายฉงนมองลอกเหล็กของกรงขังท้ายรถพยาบาลคันใหญ่มองดูซากของเพื่อนรักอย่างเวทนาในชะตากรรมผ่านม่านน้ำตาที่รินไหลของควายตัวผู้ตัวหนึ่ง หากจะมีใครสังเกตสักนิดจะพบว่าวันนี้แดนสรวงควายเปลี่ยนไปมากมาย มากว่าเมื่อสองร้อยปีก่อนลิบลับ และบัดนี้ควายที่งามสง่าไม่มีให้เห็นมีเพียงควายที่หยาบช้าและจิตใจหยาบกระด้างไร้ซึ่งสติปัญญาและ ความดีงาม และรูปลักษณ์ของควายก็เปลี่ยนไปมากมาย...เปลี่ยนไปจนไม่หลงเหลือเค้าเดิม เพราะควายบางตัว มีลิ้นสองแฉก.....
ควายคน ควายเขลา...ควายเรา เขลาใคร
ควายดี ควายเด่น...ควายนั้น เป็นภัย...
แต่ควาย ไม่ใช่ควาย คือควายในร่างคน.....
ณจรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2555, 22:35:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2555, 22:35:04 น.