เรื่องสั้น พี่แทน...
คน คนหนึ่ง ซึ่งทำเรื่องเลวร้ายเพราะการเลี้ยงดูที่ดีเกินไป
Tags: เรื่องสั้นจากจินตนาการ และความจริงใกล้ๆ ตัว

ตอน: พี่แทน


ในเดือนเมษายนของทุกๆ ปีนั้น ประเทศไทยถือว่าเป็นช่วงเดือนที่ร้อนมากที่สุด และปีนี้ก็ถือว่าประเทศไทยร้อนมากมาตั้งต้นปี จนล่วงเข้าสู่เดือนพฤษภาคม ก็ยังร้อนมิสร่างซา
“จันทร์เอ้ย เอาปิ่นโตให้แม่หน่อยลูกเดี๋ยวแม่จะไปใส่บาตรที่วัดกับเขาหน่อย” เสียงแหบพร่าด้วยวัยชราของแม่ดังขึ้น ทำให้ฉันต้องรีบเร่งจัดข้าวของใส่ปิ่นโตให้แม่ทันที และขับรถจักรยานยนต์ไปส่งท่านที่วัดในหมู่บ้านซึ่งเป็นวัดเล็กๆ มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เพียงห้ารูปเท่านั้น ฉันเดินขึ้นไปบนศาลาก็พบว่าญาติพี่น้องในหมู่บ้านต่างก็มากันพร้อมหน้า วันนี้เป็นวันทำบุญตักบาตรวันสุดท้าย หลังจากเผาและเก็บกระดูกของญาติผู้ล่วงลับ
ฉันมองดูรูปถ่ายของผู้ล่วงลับซึ่งเป็นชายวัยสี่สิบปี ใบหน้าในรูปนั้นดูหล่อเหลาเอาการอยู่เมื่อยังหนุ่ม และช่วงอายุเพียงสี่สิบปีที่เขาผู้นี้ลาโลกไปก็ใช่ว่าจะอายุมากนัก ยังนับว่าเสียชีวิตนับแต่ยังน้อยด้วยซ้ำไป แต่ชายผู้นั้นก็เสียชีวิตเพราะถูกทำร้ายร่างกายจนตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว และอาการพิษสุราเรื้อรังกำเริบ
“พี่แทน” นั่นคือ ชื่อของเขา ที่ฉันเรียกเขาว่าพี่แม้อายุจะห่างกันถึงยี่สิบปีก็ตามนั้นก็เพราะหากนับญาติกันเขามีศักดิ์เป็นพี่นั่นเอง
“พี่แทน” ในความทรงจำของฉันนั้น เป็นชายหนุ่มที่แสนสมาร์ต และหล่อเหลามากเมื่อยี่สิบปีก่อน เขารูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มแบบชายไทย และมีรอยยิ้มที่แสนบาดใจ แววตากรุ้มกริ่มอย่างหนุ่มเจ้าสำราญ ครอบครัวของพี่แทนก็เป็นชาวนา ชาวสวนเหมือนญาติพี่น้องทุกคนในหมู่บ้าน แต่โชคดีที่พ่อแม่ของ พี่แทน นั้น มีที่นาเยอะกว่าคนอื่น มีรถไถ และโรงสีเล็กๆ เป็นของตนเอง นับได้ว่าค่อนข้างมีฐานะที่สุดคนหนึ่งในตำบล และ พี่แทน ก็เป็นลูกชายคนเดียว จึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างตามใจ และมีสิทธิพิเศษกว่าพี่สาวอีกสี่คน และเหตุนี้เอง ที่ทำให้ชายหนุ่มผู้แสนจะหล่อเหลาและเพียบพร้อม เสียคน เพราะความรัก และอภิสิทธิ์เหนือใครในบ้าน เพราะตั้งแต่จำความได้จนเติบใหญ่ ฉันก็มักจะได้ยินและได้เห็นพฤติกรรม และคำบอกเล่าถึงความเอาแต่ใจ และการเอาอกเอาใจจนมากมายที่แม่ของ พี่แทน มีให้เขาเสมอ
“มันเป็นลูกเทวดามาเกิด มีอะไรพ่อก็ทูนหัวทูนเกล้าให้เสมอ ไอ้ฉันน่ะมันลูกชัง อะไรๆๆ ก็มาลงที่ฉันนี่แหละ อีพวกน้องๆ ที่มันออกเรือนไปก่อนหน้านี้มันสบาย ไม่ต้องมาวุ่นวายเป็นที่ระบายอารมณ์ของแม่อย่างฉัน” นี่คือคำบ่นปอดแปดที่ฉันได้ยินเสมอๆ จากปากพี่สาวคนโตของ พี่แทน ที่มักจะมาระบายอารมณ์กับแม่ของฉันประจำๆ และทุกๆ ครั้ง แม่ของฉันก็จะปลอบเธอไปว่า
“แม่อย่างไรก็เป็นแม่ ท่านอาจจะแสดงออกถึงความรักขาดบ้าง เกินบ้าง แต่แม่ทุกคนก็รักลูก และลูกทุกคนควรจะดูแลปรนนิบัติพ่อแม่อย่างดีเช่นที่ท่านเลี้ยงดูเรามาอย่างดีตั้งแต่เล็กแต่น้อย” และเมื่อได้ระบายพี่สาวของพี่แทนก็กลับไป และเธอก็ทำหน้าที่หุงหาอาหารทำงานบ้านทุกอย่างรวมไปถึงดูแลงานในโรงสีด้วย เธอทำงานราวกับผู้ชาย ด้วยความที่เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงาน และเธอเองก็ดูจะไม่ปรารถนาเช่นกัน สิ่งที่ฉันสังเกตได้ตั้งแต่เด็กๆ คือ เธอจะดูแลและคอยดูความเป็นอยู่ของผู้เป็นแม่อย่างดี แม้บางครั้งฉันจะได้ยินแม่ของพี่แทนดุด่าเธอเป็นประจำ (ที่ฉันเห็นและรู้ก็เพราะบ้านเราอยู่ใกล้กัน) แต่เธอก็ไม่เคยบ่น แต่ลูกรัก อย่าง พี่แทน กลับไม่เคยเหลียวแลหรือคอยช่วยหยิบจับอะไรเลย หรือจะมีบ้างก็แค่ขับรถไถไปรับจ้างไถนาให้คนที่มาว่าจ้าง แต่ก็นานๆ ที แต่ส่วนมากฉันเห็นพี่แทนมักทำตัวอวดรวยและควงสาวๆ ไม่ซ้ำหน้า ดื่มกินเที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ ที่ทุกคนต่างลงความเห็นว่า เป็นพวกจิ๊กโก๋ขี้ยา
เวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง ชีวิตของใครหลายๆ คนมีขึ้นมีลง ฉันก็เริ่มโตขึ้น ในขณะที่อีกหลายๆ คนที่ฉันรู้จักก็เริ่มสูงวัยขึ้น และบางคนก็อาจล้มหายตายจาก ในขณะที่ฉันเรียนอยู่ ม.ปลาย ครอบครัวของ พี่แทน ซึ่งก่อนหน้านี้สูญเสียพ่อไปด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อนก็เริ่มมีฐานะคลอนแคลนเมื่อพี่แทนเริ่มติดเหล้า ติดยาเสพติด และการพนัน จากที่เคยมีที่นาหลายร้อยไร่ ก็ถูกขายไปทีละเล็กทีละน้อยเพื่อรักษายื้อชีวิตของผู้เป็นพ่อก่อนหน้านั้น ก็ถูกขายไปเรื่อยๆ เพื่อบำรุงบำเรอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแต่แม่ของพี่แทนที่ชราลงไปมากก็ยังรักและห่วงใยลูกชายของนางเสมอ
แม่บอกฉันว่า แม่ของพี่แทนให้พี่สาวของพี่แทนเอาที่นาผืนสุดท้ายไปจำนอง และขายทรัพย์สินในบ้านหลายอย่างเพื่อนำไปประกันตัวพี่แทน เมื่อพี่แทนถูกจับข้อหาทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย และก็ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย โชคดีเหลือเกินที่หลักทรัพย์มากพอ และเจ้าทุกข์ไม่ติดใจเอาความและที่สำคัญตอนนั้น แม่และพี่สาวของพี่แทนก็ต้องรับเลี้ยงดูลูกชายของพี่แทนที่เกิดโดยไม่ตั้งใจจากผู้หญิงคนหนึ่งด้วย ตอนนี้ ลูกชายของพี่แทนก็อายุได้สามขวบแล้ว
ด้วยความที่เหลือสมบัติ ที่พอใช่ทำมาหากินได้คือรถไถนาคันใหญ่เพียงคันเดียว และพี่แทนก็ทำงานเป็นอย่างเดียวคือขับรถไถ หลังจากที่พี่แทนได้รับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดอยู่ระยะเวลาหนึ่งในค่ายทหาร เขาก็กลับมาช่วยงานพี่สาวที่ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเพียงที่ ที่ปลูกบ้านอยู่และพี่สาวก็ได้เปิดร้านขายของในอีกห้องหนึ่ง เพราะบ้านพี่แทนมีลักษณะเป็นห้องแถวแบบโบราณที่มีประตูบานพับแบบบ้านสมัยก่อนและมีแบ่งให้เช่าอีกสามห้อง และที่ร้านของพี่สาวพี่แทนนั้นก็ขายของดีพอสมควรเพราะเธอเป็นคนสุภาพและอัธยาศัยดี และด้วยความที่ไม่มีลูก และเห็นว่าแม่แก่มากแล้ว พี่สาวพี่แทนก็รับหน้าที่ดูแลลูกชายพี่แทนเสียเอง และส่งเสียทุกอย่าง และลูกชายของพี่แทนก็รักและติดพี่สาวพี่แทนมากจนเรียกพี่สาวพี่แทนว่าแม่
ส่วนแม่ของพี่แทนนั้น จะอาศัยอยู่ในส่วนที่เป็นบ้านอยู่อาศัยกับพี่แทน โดยไม่มาอยู่กับลูกสาวคนโตทั้งที่พี่สาวพี่แทนนั้นมักจะห่วงใยและดูแลแกมาตลอด แต่แม่ของพี่แทนกลับไม่สนใจ จะมาอยู่บ้านเดียวกับพี่แทนและคอยหุงหาอาหารคอยท่าพี่แทนเสมอ และบางครั้งที่ลูกสาวคนโตเอาอาหารดีๆ มาให้ แกก็จะไม่มีทีท่าว่าจะแตะอาหารพวกนั้น แต่จะเก็บไว้รอ พี่แทน รอให้พี่แทนกินก่อนแล้วแกค่อยกิน หากบางวันพี่แทน ไปขับรถไถรับจ้างแล้วได้เงินมา พี่แทน ก็จะไปดื่มกินจนดึกดื่นจึงเข้าบ้าน แกก็จะนั่งรออยู่หน้าบ้านอย่างนั้น จนกว่าลูกชายแกจะกลับ เป็นอย่างนี้มานาน และเป็นภาพที่ชินตาของทุกๆ คนในหมู่บ้าน
“นี่แม่จะมานั่งรอฉันทำไม ทำไมไม่หลับ ไม่นอน / แม่มีอะไรกินบ้าง / แม่นี่เสื้อผ้าฉัน แม่ซักให้หน่อยสิ / นี่แม่ไม่ได้ทำงานทำการ จะเอาอะไรนักหนา ฉันหาเงินลำบากนะ / เอ้า เงิน เอาไปซื้ออะไรกิน ซื้อยาซื้อของกิน เดี๋ยวลูกสาวคนโตแม่จะหาว่าฉันดูแลแม่ไม่ดี” นี่คือคำพูดที่ฉันได้ยินแทบทุกวัน เพราะพี่แทนนั้นเป็นคนพูดจาโผงผางเสียงดัง และนี่คือคำพูดที่ พี่แทน ใช้พูดกับแม่ ไม่นับรวมกิริยาที่ฉันเห็นแล้ว ไม่นึกว่าผู้ชายที่แสนจะหล่อเหลาที่ฉันเคยรู้จักและเคยชื่นชมจะทำกับแม่ได้ เป็นภาพที่ฉันไม่นึกว่านี่คือการกระทำของลูกชายที่ปฏิบัติต่อแม่ที่รัก และคอยดูแลเขามาเสมอ
ภาพที่ฉันเห็นนั้น คือภาพที่ พี่แทน โยนเสื้อผ้าที่แสนสกปรกคราบเหงื่อไคลใส่หน้าผู้เป็นแม่ ภาพที่แม่ชรานั่งงองุ้มอยู่แทบเท้า แล้วลูกชายโยนเศษเงินให้ ราวกับว่าแม่ของเขาเป็นขอทาน ภาพที่เขากินข้าวปลาเสร็จแล้วก็ลุกหนีไปปล่อยให้แม่ที่ชราเก็บกวาดบ้านที่เริ่มเก่าซอมซ่อ ภาพที่หญิงชราซักผ้าให้ลูกชายด้วยความรักมิเปลี่ยนแปลง ภาพที่หญิงชราคนหนึ่งนั่งรอลูกชายกลับบ้านอยู่ที่หน้าบ้านจนรุ่งสาง....และไม่นับรวมภาพที่ลูกชายคนหนึ่งเมามายและทำลายข้าวของพร้อมคำพูดก่อนด่าว่าแม่ของเขา...
“อีแก่ เพราะมึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้ มึงรู้ไหมเพื่อนๆ กู มันดูถูกกูขนาดไหน มันหาว่ากูตกอับ มึงขายที่ขายทางเพื่อรักษาผัวแก่ๆ ของมึง มึงไม่เคยนึกถึงกู ไป ไป๊ มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป กูขี้เกียจดูแลมึง” แล้วเขาก็นอนแดดิ้นทุรนทุรายเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และยาบ้าที่พี่แทนกลับมาเสพมันอีกครั้ง แต่หญิงชราผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ ก็ยังคอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาเสมอๆ
ฉันกับแม่ได้ยินคำพูดและภาพเหล่านั้นแล้วก็น้ำตาไหลกอดกันดูแม่ของพี่แทนเช็ดตัวให้ลูกแก อย่างเวทนา และคอยดูพวกเขาอยู่หางๆ เพราะกลัวว่าพี่แทนจะคลั่งและทำร้ายแก เพราะเคยมีครั้งหนึ่ง พี่แทน ใช้ไม้กวาดตีแม่จนสลบมาแล้วโชคดีที่พ่อฉันไปเห็นและช่วยไว้ทัน แต่แม่ของพี่แทนก็ขอร้องไม่ให้พ่อแจ้งความและช่วยปิดเป็นความลับไม่ให้พี่สาวพี่แทน และชาวบ้านรู้ แต่ไม่นาน หลังจากที่ร่างชรานั้นรับใช้ลูกชาย และใช้ร่างกานเป็นที่ระบายอารมณ์ของ พี่แทนมากเกินไป แม่ของพี่แทนก็เสียชีวิตด้วยโรคชรา หรือ เพราะอะไรก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะวันที่แกเสียชีวิตนั้น ก็ก็เหมือนนอนหลับไปเฉยๆ แต่ในมือของแกนั้น กำชายผ้าที่คิดว่าน่าจะเป็นชายเสื้อของพี่แทนที่ขาดรุ่งริ่งไว้แน่น
หลังจากแม่พี่แทน เสียชีวิตได้ประมาณ หกเดือน พี่สาวพี่แทนก็ย้ายทะเบียนบ้าน และรับลูกชายของพี่แทนเป็นลูก และยกบ้านและที่ดินตรงบ้านใหญ่ที่แม่และพี่แทนอาศัยอยู่ให้พี่แทนไป ส่วนตัวเธอ ขอแค่ห้องเล็กๆ ที่เปิดขายของอยู่เท่านั้น และพี่แทนก็ยินดี และดีใจมากที่พี่สาวเอาสมบัติที่เหลืออยู่เพียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกชายที่เขาไม่แม่แต่จะชายตาแล และฉันแทบไม่เคยเห็นพี่แทนคุยกับเด็กชายด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าพี่แทน จะรู้หรือเปล่าว่าลูกชายของตนชื่ออะไร อายุเท่าไหร่
เวรกรรมมีจริง และกรรมติดจรวด นี่คือสิ่งที่ฉันรับรู้ กลางคืนหนึ่งในขณะที่ทุกคนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้กำลังหลับใหลเสียงร้องโอดโอย และแสนเจ็บปวดของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังโหยหวนไปทั้งซอย พ่อของฉันตื่นขึ้นพลางหาอาวุธประจำกายเตรียมพร้อม พ่อบอกให้ฉันกับแม่อยู่แต่ในห้อง ส่วนพ่อนั้นกระชับปืนลูกซองในมือ พลางแง้มหน้าต่างดูหน้าบ้านอย่างระมัดระวัง ก่อนจะโทรแจ้งเพื่อนๆ ของพ่อ ให้ออกไปดูคนที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กลางถนน เมื่อเห็นว่าเป็นใคร สักพักก็มีชาวบ้านผู้ชายประมาณห้าหกคนออกมาดู และชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ตื่นแล้วก็ต่างออกมาดูเช่นกัน ในขณะที่รอรถโรงพยาบาลมาเพราะไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพราะร่างกายของคนเจ็บนั้นยับเยินเหลือเกิน
ฉันมองภาพร่างร่อแร่ของ พี่แทน ซึ่งถูกทำร้ายร่างกาย จนยับเยิน หัวแตกจนหนังถลอกเห็นกะโหลก แขนขานั้นไม่ต้องพูดถึง มันเหมือนเศษเนื้อที่หุ้มกระดูก เหมือนกับว่าเขาถูกมัดลากไปตามทางลูกรังและถูกทุบตีจนหนำใจ ก่อนจะนำร่างที่เกือบจะไร้วิญญาณนี้มาทิ้งไว้กลางทางและดูเหมือนพี่แทน จากลากสังขารอันบอบช้ำนี้มาจากปากทางเพราะสังเกตจากรอยเลือดระอยู่ตามถนนที่เป็นทางยาวมาจนถึงหน้าบ้านของพี่แทน แต่น่าแปลกเหลือเกินที่พี่แทนนั้นยังสามารถมีลมหายใจอยู่ได้ ปากที่แตกยับเยินนั้นเผยอร้องโอดโอย ดวงตาปูดโปนแทบถนนนั้นมองกรอกไปมาเหมือนหาอะไรสักอย่าง และถ้าฉันฟังไม่ผิด ฉันได้ยินเสียง พี่แทน ร้องเรียก แม่ แผ่วๆ แผ่วเบามาก ราวกับเป็นเพียงเสียงลมพัดผ่าน....
“จันทร์ กลับบ้านกันเถอะลูก” เสียงแม่ดังขึ้นทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ และมองดูรูป พี่แทนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินลงศาลาวัดมา และก็ได้พบเณรน้อย ลูกชายของพี่แทน เดินสวนทางทางมา แม่และฉันนั่งลงและพนมมือเมื่อเณรน้อยเดินผ่าน และแม่ฉันก็ได้ทักถามเณรที่บวชหน้าไฟให้พ่อ ด้วยความเอ็นดู
“ได้ข่าวว่าเณรจะบวชเรียนเลยหรือเจ้าคะ” แม่ถามเณร ผู้ดูสงบและมีสง่าอย่างน่าทึ่ง
“ครับ ผมจะบวชให้โยมพ่อ และโยมย่า และคิดว่าจะไม่สึก ผมอยากทำบุญให้โยมพ่อกับโยมย่า แม่บอกว่าโยมพ่อนั้นยังไม่ได้บวชให้โยมย่าเลย โยมย่ายังไม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง ผมกลัวโยมพ่อ กับโยมย่าตกนรก” เณรผู้งามสงบตอบอย่างไร้เดียงสาแต่ช่างประเสริฐนัก แม่และฉันน้ำตาไหลพรากด้วยความตื้นตันใจ เมื่อเณรน้อยเดินขึ้นศาลาไป ในใจก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุ และนึกในใจว่า คนเราหากจะดี ก็คงดีโดยกมลสันดานและการอบรมเลี้ยงดูและการปลูกฝังความดีงามให้ก่อเกิดในใจตั้งแต่ยังเล็ก ดังที่พี่สาวพี่แทนนั้นสอนสั่งเณรเป็นแน่แท้ เพราะถึงแม้ว่าพี่สาวพี่แทน ไม่เคยได้รับคำพูดดีๆ หรือได้รับความรักจากแม่เท่าๆ กับที่พี่แทน เคยได้ แต่แกก็สอนสั่งหลานได้ดีเหลือเกิน....อย่างน้อยๆ เธอก็สอนให้ลูกชายของพี่แทนรักพ่อ พ่อ ที่ไม่เคยเหลียวแลเขาเลย....แม้แต่น้อย
ปลูกความดี สานก่อ บริสุทธิ์....ไม่ยื้อฉุด ความชั่ว ให้มัวหมอง
ปลูกความดี ฝังไว้ ในใจปอง....ศีลจักครอง ดวงใจ ไกลพ้นมาร
ปลูกความดี สร้างไว้ ในใจเยาว์....อย่าโง่เขลา เมื่อโต ค่อยต่อสาน
ปลูกความดี ยามแก่ ไม่ทันกาล....จิตใจมาร ครองไว้ ในอธรรม



ณจรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2555, 19:37:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2555, 19:37:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1611





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account