ทรายเทียมเพชร
“ ถ้าที่ไหนมีฉัน ที่นั่นจะต้องไม่มีเธอ ถ้าฉันอยู่ที่ไหนก็ตาม จำไว้ว่าที่นั่นคือสถานที่ ‘ต้องห้าม’ สำหรับกรวดทรายไร้ค่าอย่าง...เธอ... และถ้าเธออยู่ที่ไหนก็ตาม ฉันจะไม่ขอเหยียบย่างเข้าไปที่นั่นเป็นอันขาดเช่นกัน... ”

นี่คือ...ประกาศิตจากผู้ชายที่หล่อนแอบหลงรักและฝันถึงมาตลอดถึง 10 ปี

สำหรับเขา...ศุภิศรา มีค่าไม่ต่างอะไรกับก้อนกรวดและเม็ดทรายที่ไร้ค่าในสายตาใครๆ
แต่สำหรับเธอ...พีรภัทร เป็นดั่งเพชรสูงค่าที่จะประดับอยู่ในหัวใจของคนไร้ค่าเช่นเธอ...ตลอดไป

ถึงแม้ราคาของทรายไม่อาจเทียบเท่าได้กับเพชร หากทว่าไม่ว่าจะเป็นทรายหรือเพชรก็ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน...

Tags: รักโรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 26 บทลงทัณฑ์ 100%


ตอนที่ 26
“ คุณป้าให้ฉันมารับเธอ ”

ทั้งสามหันขวับไปมองคนมาใหม่แทบพร้อมเพรียง ประโยคนั้นก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปของคนฟัง ศุภิสรายืนนิ่งอึ้งมองคนมาใหม่ราวกับเห็นวัตถุแปลกประหลาดโผล่มาจากนอกโลก

“ คุณเพชร!”

ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่าน แววตานิ่งดุจห้วงน้ำลึกจ้องตรงมาเฉพาะเธอชวนให้อึดอัดยิ่งนัก บุรุษหยิ่งผยอง ผู้ที่แสนชังน้ำหน้าเธอเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลก เขาเคยถึงขนาดออกปากห้ามเธอก้าวล้ำเข้าไปในอาณาเขตของเขา หากวันนี้คนพูดกลับเป็นฝ่ายเข้ามาในเขตของเธอแทน แถมประโยคที่บอกว่ามารับเธอตามคำสั่งคุณป้าของเขานั่นอีกเล่า นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่

ในขณะที่ตรีรักษ์ทำตาโตแอบสะกิดถามเพื่อนรักอย่างตื่นเต้น โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าบอกบุญไม่รับของพี่ชายตน

“พ่อเทพบุตรสุดหล่อนี่ใครกันน่ะยายทราย ” คำถามนั้นไร้คำตอบ แน่นอนว่าโทรินทร์ย่อมจำอีกฝ่ายได้แม่น นายขี้เก๊กที่จู่ๆ ก็โผล่มาทำท่าจะขโมยยอดดวงใจของเขาไป เรื่องอะไรจะไปยอมได้ง่ายๆ

“ เราไปกันเถอะจ้ะน้องทราย ไปยัยตรี! ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยพลางหันมาจับมือบางของหญิงสาวข้างกายไว้มั่นก่อนจูงให้เดินไปขึ้นรถของตน โดยไม่สนสายตาอำมหิตของอีกฝ่าย

แล้วทันใดนั้นเอง ข้อมืออีกข้างของหญิงสาวก็ถูกรั้งไว้โดยไม่ทันตั้งตัวโดยฝีมือของพีรภัทร พร้อมเสียงแข็งกร้าวเอ่ยสวนขึ้นมาพลัน

“ ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง คุณป้าให้ฉันมารับเธอ!” ศุภิศราเงยหน้ามองคนพูดอย่างตกใจ ฝ่ายตรีรักษ์ก็ได้แต่อ้าปากค้าง เริ่มหันรีหันขวางเลิ่กลั่ก คนรอบข้างเริ่มหันมามองเหตุการณ์ระหว่าง 1 หญิง 2 ชาย ที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนใจ

“ รับฉัน...??”

หญิงสาวถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แค่เห็นสารถีกิตติมศักดิ์ตรงหน้าก็ว่าอัศจรรย์จิตแล้ว ยิ่งคนที่เขานำมาอ้างอิงนั้นยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ใหญ่ ร้อยวันพันปีคุณพรรณรายไม่เคยต้องให้ใครมารับเธอซักครั้ง หรือเธอจะฝันเฟื่องไปอีกแล้ว “คุณท่านน่ะเหรอคะ ให้คุณมารับฉัน”

“ ใช่สิ คุณป้าของฉัน คุณท่านของเธอนั่นแหละ สงสัยอะไร ” เขารวนกลับหน้าตาเฉย “ หรือ...เธอคิดว่าฉันโกหกเอาคุณป้ามาอ้างเพื่อจะรับเธอกันล่ะไม่สำคัญตัวผิดไปหน่อยเหรอ”

หญิงสาวสะอึก พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เต้นไปตามแรงยั่วยุที่เขาจงใจก่อขึ้น

“ รีบขึ้นรถสิ!! ” พีรภัทรรีบสำทับซ้ำ

“ แต่ฉันกลับเองได้” ศุภิสราแย้งเสียงเรียบ เหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เธอไม่ประมาท

“ ใช่! น้องทรายจะกลับกับเรา และผมจะเป็นคนพาเธอไปส่งที่บ้านเอง” สายตาเย็นชาตวัดมาที่คุณหมอหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ ฉันบอกเหรอว่าจะพาเธอกลับบ้าน” หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างเคลือบแคลงใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่

“ ไม่กลับบ้าน...แล้วคุณจะพาฉันไปไหนล่ะคะ”

“ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง... เอาล่ะ ทีนี้จะไปกันได้หรือยัง ฉันเสียเวลามากแล้ว”

“ แต่ฉันไม่ใช่คนใช้คุณ ฉันมีสิทธิ์เลือกว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ปล่อย” หญิงสาวพยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือร้อนระอุนั่น

“ เธอไม่ใช่คนใช้ แต่เป็นมากกว่านั้น อยากให้บอกแฟนของเธอไหมว่าเราเป็นอะไรกัน ” ประโยคนั้นแม้เบาแต่กลับทำให้ร่างบางชะงักกึก เหลือบตามองโทรินทร์ที่ยืนอยู่อีกด้านแวบนึง ก่อนหันมาสบตาคนพูด

“ คุณขู่ฉันไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ นอกจากเด็กในบ้านที่มาอาศัยใบบุญคุณพ่อของคุณอยู่ นอกนั้นเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แล้วที่สำคัญคือที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของคุณด้วย”

โทรินทร์ยืดอก ยิ้มแฉ่งออกมาได้อย่างโล่งใจ คำนั้นทำให้โลกสว่างสดใสทันตา คุณหมอหนุ่มกระชับมือน้อยๆ แนบแน่นแสดงความเป็นเจ้าของ พลางหันไปมองคู่แข่งอย่างเหนือกว่าก่อนเอ่ยเสียงระรื่น

“ เอาล่ะ ถ้าได้ยินชัดแล้วก็กรุณาปล่อยมือเธอด้วย พวกเราจะได้ไปกันซักที ”

“ ปล่อย?” พีรภัทรเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมวาวโรจน์ขึ้น “ นายต่างหากที่ต้องปล่อย ”

“ ว่าไงนะ” โทรินทร์ถามเสียงกร้าวขึ้นชนิดที่คนเป็นน้องยังเสียวสันหลังวาบกับโหมดนี้ของพี่ชาย เหตุการณ์ตึงเครียดทำท่าจะลุกลามบานปลายอาจถึงขั้นแตกหักกันไปข้างนึงในไม่ช้า เมื่อชายหนุ่มทั้งสองต่างจ้องมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และโทสะของทั้งคู่ ทำเอาทั้งคนกลางอย่างทรายรู้สึกอึดอัด อยากจะหนีไปให้พ้นก็ทำไม่ได้เมื่อทั้ง 2 หนุ่มไม่ยอมปล่อยมือจากตน

ทั้งๆ ที่พยายามจะดึงมือออกเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เธอจึงหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากผู้ร่วมเหตุการณ์ระทึกขวัญ ตรีรักษ์หน้าเสียทำอะไรไม่ถูก ในสมองนึกหาวิธีช่วยทั้งคนเป็นเพื่อนและพี่ชายตนให้หลุดพ้นจากศึกชิงนางครั้งนี้อย่างหนัก แล้วจังหวะนั้นเอง เสียงแหลมใสของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นประดุจระฆังช่วยชีวิต

“ พี่เพชรขา...!”

หญิงสาวหน้าตาน่ารักดุจตุ๊กตาแก้วเจียระไนเดินแกมวิ่งตรงเข้ามา เสียงนั้นดึงความสนใจของทุกคนให้หันขวับไปมองต้นเสียงเป็นตาเดียว

แล้วทันใดนั้นเองข้อมือบางของทรายก็ถูกแรงมหาศาลฉุดดึงเข้าหาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนไม่ทันตั้งตัวถึงกับปลิวตามแรง แล้วกว่าที่ใครจะทันรู้ตัว เสียงประตูรถสปอร์ตสุดหรูก็ปิดดังสนั่นและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย! น้องทราย!” “ ยัยทราย!!” “พี่เพชร!” สามเสียงเอ่ยขึ้นแทบพร้อมกันอย่างตกตะลึงงัน

ราวกับถูกน้ำเย็นจัดสาดโครมเข้าให้ที่ใบหน้า โทรินทร์ยืนอ้าปากค้างมองรถคันโก้ที่แล่นผ่านหน้าเขาไปหลัดๆ ใครเลยจะคิดว่าจะถูกปาดหน้าเค้กแบบไม่ทันระวังเช่นนี้

“ นี่พวกเธอจะยืนเซ่อกันอีกนานไหม” เสียงแหลมปรี๊ดแหวใส่

สองพี่น้องหันขวับมองหญิงสาวผู้มาใหม่เป็นตาเดียว

“ ยายนกหวีดนี่ใครอีกล่ะทีนี้” ตรีรักษ์เกาศีรษะอย่างสุดงง ในขณะที่คนเป็นพี่ชายเองก็มืดแปดด้านไปเหมือนกัน จนกระทั่งได้ยินเสียงนกหวีดแผดใส่ซ้ำอีกครั้ง

“ ยืนบื้ออยู่ทำไม เมื่อไหร่รีบตามสองคนนั่นไปซักที หา...!” คำนั้นทำให้คุณหมอหนุ่มได้สตินึกขึ้นได้
“ เอาไงดีล่ะพี่โท” ตรีรักษ์หันมาปรึกษา ใจนึงก็ห่วงเพื่อน อีกใจก็แอบเคืองพี่ชายตัวเองที่ปล่อยให้เพื่อนของเธอหลุดมือไป มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ผู้หญิงแปลกหน้าตัวต้นเหตุมาออกคำสั่งปาวๆ ใส่อีก

ความวัวไม่ทันหาย จู่ๆ ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อร่างเพรียวบางของสาวน้อยแปลกหน้าถือวิสาสะเลื่อนตัวเองเข้าไปนั่งในรถมินิคันเก่งที่คนเป็นเจ้าของเปิดค้างแทนที่หญิงสาวที่ถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตาราวกับเป็นรถของตนอย่างรวดเร็ว พลางชะโงกออกมาตะโกนสั่งเสียงแสบแก้วหูลั่น

“ เอ้า...จะยืนเซ่อกันอีกนานไหมเนี่ย รีบขึ้นรถสิ เดี๋ยวก็ตามไม่ทันกันพอดี! ”

พอเห็นสองพี่น้องยังยืนอึ้งกิมกี่กันไม่เลิก สาวน้อยหน้าตุ๊กตาก็ทำปากยื่นแบบไม่สบอารมณ์ ก่อนเหลืออดร่างเปรียวก้าวพรวดเดียวถึงตัว พลางจิกท่อนแขนล่ำสันลากคนตัวใหญ่กว่าให้ขึ้นประจำที่คนขับอย่างรวดเร็วจนปานสายฟ้าแลบ แม้งงงันและไม่เต็มใจ แต่ด้วยความเป็นห่วงสวัสดิภาพของคนที่เพิ่งถูกฉุดไปต่อหน้าต่อตามีมากกว่าอะไรทั้งหมด โทรินทร์จึงจำต้องยอมถูกลากลู่ถูกังขึ้นรถโดยไม่ได้ขัดขืน ทำเอาคนเป็นน้องสาวที่ถูกทิ้งได้แต่ยืนอ้าปากหวอมองพี่ชายตนเองถูกแม่สาวไวไฟแปลกหน้าฉกตัวขึ้นรถไปหน้าตาเฉย

“ อ้าวๆ พี่โท เดี๋ยวก่อน...รอน้องด้วยสิ พี่โท...” พอได้สติตรีรักษ์ต้องรีบตาลีตาเหลือกเผ่นหน้าตั้งขึ้นรถตามแทบไม่ทัน

กว่าศุภิสราจะทันรู้ตัวอีกที รถก็แล่นออกมาไกลจากที่เกิดเหตุแล้ว เธอหันไปมองหน้าตัวต้นเหตุที่พาเธอมาอย่างไม่เข้าใจ พีรภัทรคนหยิ่งถือตัวยิ่งสิ่งใด คนที่ครั้งหนึ่งเธอจำได้ว่ามีวาสนาได้นั่งรถคันเดียวกับเขาไปโรงเรียน แล้วบังเอิญเผลอไปจับแขนเขาเพราะตกใจที่รถเบรคกระทันหัน ทำให้เขาถึงขนาดหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแขนตนอย่างแสนรังเกียจราวกับเธอเป็นตัวเชื้อโรค

หากมาวันนี้ชายหนุ่มคนเดียวกันกลับเป็นฝ่ายฉุดเธอขึ้นรถเอาดื้อๆ เสียเอง แถมยังลืมตัวจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

“ บ้าชะมัด!” จู่ๆ คนขับหนุ่มก็สบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ทำให้คนคิดเพลินสะดุ้ง

เมื่อเห็นสายตาคมตวัดมองกระจกมองหลัง ผู้โดยสารสาวก็รีบเหลือบมองกระจกด้านข้างตาม แล้วก็ได้เห็นต้นเหตุ...รถมินิสีขาวขับตามหลังมาในระยะกระชั้นชิด

“ พี่โท!”

เสียงอุทานเบาๆ แต่มีผลทำให้คนได้ยินหันขวับมามอง พอเห็นสัญาณไฟแดง มือที่ถูกยึดไว้แบบหลวมๆ คราวแรกก็กระชับแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าเธอจะหนีลงจากรถไป ศุภิสราสะดุ้งโหยงมองมือที่พันธนาการเธอไว้แน่นหนา ก่อนเงยหน้าสบตาเจ้าของมือกลับไปเชิงถาม หากเธอก็ต้องแปลกใจหนักกว่าเดิม เพราะดวงตาคมราวใบมีดไม่ได้มองหน้าเธอ แต่เขากำลังจ้องมาที่ข้อมือเรียวชนิดไม่วางตา

“ เอ๊ะ...สร้อยข้อมือนี่...” ชายหนุ่มพึมพำ พลางเงยหน้าสบตา หญิงสาวรีบดึงข้อมือกลับ แต่เขาก็ดึงมือเธอให้เข้ามาใกล้ “มาอยู่กับเธอได้ยังไง”

“ สร้อยของฉันค่ะ”

“ ไม่จริง! ของเธอได้ไงในเมื่อมันอยู่...” คนพูดกดลิ้นชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเก็บมันได้ที่หน้าบ้านในวันแรกที่กลับมาหลังถูกเตะผ่าหมากโดยสาวน้อยปริศนา และที่สำคัญมันถูกเก็บไว้ใต้หมอนของเขามาตลอดตั้งแต่คืนวันนั้น หรือว่าจะเป็น...ยายเด็กนี่

“ อยู่ที่ไหนคะ” ความอยากรู้ทำให้เธอโพล่งออกไปอย่างลืมตัว

“ แล้วเธอได้มันมาจากไหนล่ะ”

“ คุณเพชรอยากรู้ไปทำไมคะ หรือว่า...”

“ ฉันถามก็ตอบ เธอไปเอามาจากไหน” เขารีบตัดบทเสียงขุ่น

“ มีคนให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดค่ะ”

“ ใครให้? ” คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับเหลือบมองกระจกมองหลังแทน ทำให้คนถามต้องมองตาม เมื่อได้เห็นรถมินิสีขาวคันนั้นก็นึกรู้คำตอบที่ทำให้ยิ่งขุ่นเคืองใจขึ้นมา เสียงห้าวคำรามในลำคอชวนให้คนฟังชักหวั่นใจ

“ อ้อ! มิน่า”

“ มิน่าอะไรคะ”

แทนคำตอบ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ จังหวะนั้นสัญญาณไฟจราจรก็เปลี่ยนสีพอดี รถที่ควรจะตรงไปก็แล่นกระชากเปลี่ยนเส้นทางฉับพลัน

“ เอ๊ะ! ” ผู้โดยสารสาวรีบเอะอะ เพราะรถไปคนละเส้นทางกับทางที่จะกลับบ้าน แถมยังทำให้รถที่ตามมาติดๆ คลาดกันเพราะเลี้ยวรถตามไม่ทัน ศุภิสราเหลียวมองตามรถของโทรินทร์จนลับตา โดยไม่เห็นรอยยิ้มมุมปากอย่างสมใจของอีกฝ่าย

“ไหนคุณว่าคุณท่านให้มารับฉัน” หญิงสาวตั้งป้อมอย่างเหลืออด “นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้าน ตกลงว่าคุณจะพาฉันไปไหนกันแน่”

“ ถามทำไม หรือกลัวว่าฉันจะพาเธอไปต้มยำทำแกง”

“ ค่ะ ฉันกลัว กลัวมาก คุณพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้วก็ช่วยปล่อยมือ แล้วก็จอดรถให้ฉันลงไปซักที” ศุภิสราเอ่ยอย่างอ่อนใจ ไม่รู้เขาจะมาไม้ไหนอีก

“ ถ้ากลัวก็นั่งเงียบๆ ซะที ฉันไม่ชอบคนพูดมาก ”

หญิงสาวสูดลมหายใจลึก รู้ดีว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ จึงนั่งนิ่งระแวดระวัง ไม่ต่อปากต่อคำอีก ทั้งที่ในใจเกิดคำถามมากมาย จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าหรูแห่งหนึ่ง

“ คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”

“ ก็นี่ไงธุระที่คุณป้าให้ฉันพาเธอมา ” คำตอบนั้นไม่ได้ให้ความกระจ่างใดๆ “ งานวันเสาร์นี้เธอจะแต่งตัวยังไง”

“ คะ ก็...” คนถูกถามอึ้ง เพราะคาดไม่ถึง

“ นึกแล้วไม่มีผิด”

“ ฉันจะแต่งตัวยังไง มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณนี่คะ”

“ แต่เธอต้องไปงานนั่นในนามคุณป้าฉัน แล้วคิดจะทำขายหน้าท่าน หรือคุณแม่ฉันด้วยการแต่งตัวทุเรศๆ ให้ใครต่อใครดูถูกเอาได้ล่ะก็ อย่าไปดีกว่า”

หญิงสาวเม้มปากสะกดกลั้นอารมณ์น้อยใจไว้ อยากบอกคนตรงหน้าเหลือเกินว่า คำพูดของเขาต่างหากที่ทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าการที่คนนับร้อยดูถูกเหยียดหยามเธอเสียอีก

“ แต่ฉันจะไปค่ะ ถึงคุณจะห้ามยังไง ฉันก็จะไปงานนี้อยู่ดี ”

พีรภัทรหันขวับ ตาวาว หึ...คงอยากไปเปิดตัวกับพ่อแม่เจ้าเหนือฟ้ามันเต็มแก่ล่ะสิไม่ว่า!

“ถ้าอยากไปนัก ก็ตามฉันมา...”

" คุณจะพาฉันไปไหน อุ้ย..."

คิ้วเรียวขมวดตามอารมณ์ไม่ทัน แต่ยังไม่ทันได้คำตอบร่างบางก็ปลิวตามแรงดึงของอีกฝ่าย

ห้องเสื้อแบรนด์เนมหรูที่มีทั้งเสื้อผ้าของบุรุษและสตรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุดสำหรับงานราตรี พนักงานในร้านกุลีกุจอออกมาต้อนรับหนุ่มสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม

“ คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ” ศุภิสรากระซิบถามชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ

“ ช่วยหาชุดราตรีให้เธอด้วย”

“ ได้ค่ะ แล้วคุณต้องการเป็นแบบไหนดีคะ”

“ แบบไหนก็ได้ คุณช่วยเลือกๆ มาซักแบบเถอะ จะแบบไหนก็คงไม่ทำให้แตกต่างกันมากนักหรอก” คำตอบส่งๆ เหมือนขอไปทีนั่นทำเอาพนักงานสาวต้องมองลูกค้าหนุ่มรูปหล่ออย่างแปลกใจ ก่อนแลเลยไปยังสาวน้อยที่เขาจูงมือเข้ามา ซึ่งหน้าเสียไปกับคำพูดนั้น แฟนกันประสาอะไรหว่า...สงสัยเป็นช่วงหมดโปรโมชั่นแหงๆ

“ นี่คุณคิดจะทำอะไร ฉันไม่มีเงินจะซื้อชุดพวกนี้หรอกนะคะ” หญิงสาวกัดฟันบอก ดูจากร้านหรูแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าราคาจะแพงแค่ไหน

“ ฉันบอกเหรอว่าจะให้เธอจ่าย ”

“ หมายความว่า...คุณจะซื้อชุดพวกนี้ให้ฉัน...”

“ ตามคำขอร้องของคุณป้า ท่านคงกลัวเธอทำขายหน้ามั้ง” คนพูดไม่ได้บอกต่อว่าคนเป็นป้าได้กำชับอะไรอีกบ้าง

‘ตาเพชร ช่วยเป็นธุระแทนป้าทีนะลูก’ ตอนแรกเขาทำท่าจะปฏิเสธออกไป หากลับถูกคนเป็นป้าดักคอมาอย่างรู้ทัน

‘ป้ารู้ดีว่าเพชรรู้สึกยังไง เด็กคนนั้นก็ไม่มีใครเลย ป้าอยากให้เพชรช่วยเขาหน่อย ถ้าไม่เห็นเขาเป็นน้องนุ่งก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงเขาก็อยู่บ้านเดียวกับเพชรนะลูก อย่างน้อยก็ถือซะว่าตอบแทนน้ำใจที่เขาไปช่วยงานตามที่เพชรขอจนเป็นลมเป็นแล้งไปวันก่อนก็ได้ ทำให้ป้าแค่นี้ได้ไหมลูก’

แล้วเขาจะทำยังไงได้ นอกจากทำตามคำขอ...คิดซะว่าทำเพื่อคุณป้าพรรณกับคุณแม่ละกัน อย่างน้อยพวกท่านก็จะได้ไม่ต้องขายหน้าเพราะยายเด็กนี่ ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงใคร หรือ เหตุผลอื่นใด...ไม่ใช่เลยสักนิด!

เวลาผ่านไปพักใหญ่ คนที่หายเข้าไปในห้องลองเสื้อพร้อมชุดราตรีหอบใหญ่ที่พนักงานของร้านช่วยเลือกให้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาซักที ทำให้คนนั่งคอยเริ่มออกอาการหงุดหงิด ที่ผ่านมาเขาไม่เคยต้องมานั่งรอผู้หญิงคนไหนลองชุด แทบไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องมาคอยเลือกเสื้อผ้าให้ใคร แต่ยายเด็กกะโปโลนี่กลับทำให้เขาต้องมานั่งเสียเวลานานสองนาน กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องไร้สาระที่น่าหงุดหงิด

“ ไม่เอาค่ะ” เสียงใสๆ ปฏิเสธอ้อมแอ้มทันที เมื่อเห็นราคาชุดที่พนักงานเลือกมาให้ลอง

“ แล้วชุดนี้ล่ะค่ะ สีโอลโรสจะช่วยขับผิวขาวๆ ของคุณให้นวลเนียนขึ้นมากเลยนะคะ ที่จริงคุณผิวสวยอยู่แล้ว แต่ถ้ายิ่งใส่ชุดนี้จะยิ่งดูสวยมากๆ เลยค่ะ ”

คำโฆษณานั้นใช่จะเกินจริงทีเดียว หากแต่พอเหลือบเห็นป้ายราคา หญิงสาวก็หน้ามืดแอบกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะชุดสวยนั่นราคาถึงห้าหลักปลายๆ

“ ชุดนี้ก็ไม่เอาค่ะ” ศุภิสราส่ายหน้า กระซิบถามอ้อมแอ้ม“ ขอโทษนะคะ คุณมีชุดอื่นที่ราคาถูกกว่านี้ไหม” คำถามนั้นทำเอาพนักงานของร้านเป็นงง เพราะดูจากท่าทางชายหนุ่มที่พามาก็น่าจะมีฐานะร่ำรวยไม่น้อย ถึงจะขรึมๆ ดูเย็นชาไปบ้างก็คงไม่ใจจืดใจดำกับแฟนตัวเองนัก แต่เหตุไฉนเด็กสาวตรงหน้านี้กลับดูเกรงอกเกรงใจเกินเหตุแบบนี้

“ ร้านของเราเป็นร้านแบรนด์เนมนะคะ ส่วนใหญ่ราคาก็จะอยู่ราวๆ นี้ อันนี้เป็นดีไซน์ใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาจากเมืองนอก ทั้งคัทติ้งทั้งดีไซน์เนี้ยบไม่มีที่ติ รับรองว่าถ้าคุณใส่แล้วจะต้องสวยมากแน่ๆ ค่ะ” พนักงานพยายามโน้มน้าว หากอีกฝ่ายกลับบ่นอุบ

“ แต่มันแพงไปนี่คะฉันใส่แค่ครั้งเดียวเอง” และไม่ว่าจะชุดไหนที่เลือกมาคำตอบก็ยังคงเหมือนเดิมจนพนักงานสาวชักหมดมุกต้องหันไปขอตัวช่วยจากชายหนุ่มที่มาด้วย พีรภัทรถอนหายใจอย่างรำคาญ หากร่างสูงๆ ก็เดินไปทางราวแขวน ก่อนเลือกหยิบชุดราตรีของสตรีออกมาสามสี่ชุด แล้วก็มายัดเยียดใส่มือคนเรื่องมากอย่างเสียไม่ได้

“ เข้าไปลองซะ แล้วไม่ต้องพูดมากอีก” ชายหนุ่มรีบดักคอเมื่อเห็นอีกฝ่ายอ้าปากเตรียมปฏิเสธ “ อย่าทำให้ฉันขายหน้ามากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ไปสิ”

นั่นแหละ...ถึงได้ข้อยุติ แต่แล้วเขาก็ต้องนั่งแกร่วรอต่อจนเกือบจะหมดความอดทน คนที่ทำให้รอจึงกลับออกมา พีรภัทรหันขวับไปมองก่อนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเพราะร่างโปร่งระหงกลับออกมาในสภาพที่...เหมือนเดิม...ก่อนเข้าไปทุกประการ

หญิงสาวยื่นชุดทั้งหมดคืนให้กับพนักงานสาวที่ยืนหน้าเจื่อนๆ รออยู่หน้าห้องลองเสื้อ

“ หืม ใส่ไม่ได้เหรอ ” ชายหนุ่มอดถามไม่ได้ จะว่าไปเขาก็กะขนาดดูจากรูปร่างอ้อนแอ้นนั่น ชุดพวกนั้นก็น่าจะพอดีตัว หรืออย่างดีก็ควรจะคับหรือหลวมไปไม่มากนัก ทั้งแบบและสีก็สวย หรู ดูดี แต่ก็นั่นแหละ รสนิยมยายเด็กนี่อาจจะไม่ถึงก็เป็นได้

“ หรือว่าไม่ถูกใจ นั่นสินะ ชุดหรูๆ พวกนี้จะไปเหมาะกับคนธรรมดาๆ อย่างเธอได้ยังไง เอาเถอะ ถ้าอยากเลือกเองก็ตามใจ แต่รีบๆ เข้าหน่อยละกัน”

พนักงานสาวคันปากอยากจะเล่าเติมแก่ เพราะตอนเข้าไปช่วยในห้องลองนั่น เธอถึงกับอ้าปากค้างไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเด็กสาวผู้นี้จะสวยจับใจได้ถึงขนาดนั้น แถมชุดที่ใส่ก็ช่างพอดีตัวเหมาะเจาะราวกับทำมาเพื่อให้เธอผู้นี้โดยเฉพาะ ต้องชมรสนิยมคนช่วยเลือกที่ทำให้ความงามเปร่งรัศมีเฉิดฉาย แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าจะสวยแค่ไหน สุดท้ายก็ลงท้ายอีหรอบเดิม

“ พอเถอะค่ะ ฉันไม่อยากลองอีกแล้ว จะชุดไหนฉันก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น”

“ ทำไมอีกล่ะ” พีรภัทรถามเสียงขุ่นแกมประชด“ หรือว่ามันถูกไป ไม่สมศักดิ์ศรีเธอ”

“ เพราะมันราคาแพงเกินไปต่างหาก แล้วฉันไม่มีเหตุผลอะไรต้องรบกวนคุณถึงขนาดนั้นค่ะ”

พอขาดคำนั่น ชายหนุ่มก็รีบหันไปคว้าชุดในมือพนักงานสาวที่ยืนรออยู่หมับ โดยแทบไม่ดูสีดูแบบหรือราคา ก่อนหันไปบอกเสียงเข้ม

“ตกลงผมเอาชุดนี้แหละ เดี๋ยวคุณช่วยคิดเงิน แล้วรีบจัดการให้ทีนะครับ”

“ แต่ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เอา...อุ้ย!” หญิงสาวอุทานเมื่อถูกถูกคว้าแขนไว้หมับ

“ฉันบอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบเอง” เสียงแข็งๆ กระชากใส่อย่างฉุนเฉียว “ เงินฉันมีจ่ายน่า จะถูกหรือแพงเธอก็แค่ใส่ๆ ไปเท่านั้น ทำไมต้องมากเรื่องด้วย ผู้หญิงไร้ค่าอย่างเธอควรจะดีใจด้วยซ้ำที่มีโอกาสได้ใส่ของดีๆ แพงๆ แบบฟรีๆ ”

ใช่...ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงชอบใจที่ได้ชุดสวยๆ แบบฟรีๆ และทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย แต่ทำไมคนตรงหน้าถึงเอาแต่ปฏิเสธไม่เข้าเรื่องแบบนี้

“ ฉันรู้ค่ะว่าคุณมีเงินมาก” ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างเจ็บใจ คำก็ไร้ค่า สองคำก็ไร้ค่า ถึงไร้ค่า แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นคนเหมือนกับเขา คนที่ไม่ยอมถูกเขาฟาดหัวด้วยเงิน ดวงหน้าหวานเชิดขึ้นสบตาสู้กลับไปอย่างถือดี

“ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์นั่นมันไม่ใช่เงินของฉัน ในเมื่อไม่ได้เป็นคนทำงานหาเงินมาได้ด้วยตัวเองซักบาทเดียว แล้วจะให้เอาเงินมาใช้สุรุ่ยสุร่ายได้ยังไง แล้วนี่ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากมายอะไร เรื่องชุดไปงานนั่นฉันจะจัดการเอง รับรองว่าจะไม่ให้คุณต้องขายหน้าใคร หรือถ้าจะขายหน้า ก็แค่หน้าของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณซักนิด แต่ถ้าคุณไม่อยากขายหน้าก็ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตคนไร้ค่าอย่างฉัน!”

พอพูดจบหญิงสาวก็รีบสะบัดแขนออกอย่างแรง ก่อนวิ่งออกไปจากร้านทันที ทิ้งให้คนฟังยืนอึ้งไป ก่อนได้สติร่างสูงจึงรีบวิ่งตามออกไป แต่ก็ช้าไปเพราะร่างระหงวิ่งหายลับไปเสียแล้ว พีรภัทรได้แต่ยืนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่หน้าร้าน

หนอย...ยายเด็กบ้านั่น กล้าดียังไงมาทำเป็นปากเก่งสั่งสอนเขา คอยดูนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหนีลอยนวลแน่ๆ

“ คุณคะ ชุดได้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานสาวหวาดๆ พลางยื่นถุงสินค้าให้ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดมองถุงตรงหน้าด้วยสายตาวาวโรจน์ชวนขนลุก...แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ว่าการขัดคำสั่งฉันมันจะเป็นยังไง!

ฝ่ายศุภิสราหลังจากวิ่งหนีออกมาจากร้านเสื้อได้ ก็มายืนแกร่วรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างแห่งนั้นอีกพักใหญ่ๆ หญิงสาวชะเง้อรอรถประจำทางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รอเท่าไหร่รถก็ไม่มาซักที พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถคันหรูขับผ่านมาพอดี ร่างบางชะงักกึก ขยับตัวตรงอย่างระแวดระวัง หากเมื่อเห็นสายตาคนขับที่เหลือบมองมาทางเธอแวบนึงอย่างเฉยเมย ก่อนขับรถผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็นหัวคนที่เขาเป็นคนพามาซักนิด แม้โล่งอก แต่ในหัวใจกลับเบาโหว่ง...

ดวงตาแสนหวานปนเศร้าหมองมองตามท้ายรถคันนั้นไปจนลับตา หัวใจสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งโกรธ น้อยใจ และเจ็บใจ จนน้ำตาหยดหนึ่งล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว หากมือบางก็รีบปาดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว บอกกับตัวเอง

อย่า...เราต้องไม่เสียน้ำตาให้คนไม่มีหัวใจแบบนั้น ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นเรามีค่าในสายตาเลยสักนิด แล้วทำไมเราต้องแคร์เขาด้วย ยายทรายเอ้ย...ทำไมถึงเจ็บแล้วไม่รู้จักจำซักทีนะ จะต้องโดนเหยียบย่ำหัวใจอีกกี่ครั้งถึงจะพอ

กว่าจะกลับถึงบ้านก็พลบค่ำแล้ว ร่างบางรีบจ้ำอ้าวไปตามทางเดินเฉพาะไปทางสวนหลังบ้าน แต่ตอนผ่านตึกใหญ่ก็อดมองไม่ได้ รถคันหรูของลูกชายเจ้าของบ้านจอดหน้าตึกเรียบร้อย ป่านนี้เขาคงพักผ่อนสบายใจ ไม่สนใจไยดีคนอาศัยอย่างเธอว่าจะกลับมาถึงหรือยัง...แล้วทำไมเราต้องไปสนใจเขาด้วยนะ หญิงสาวสะบัดศีรษะไล่ตัวก่อกวนออกไป

“ มองหาฉันอยู่เหรอ” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว หันขวับ

“ คุณเพชร!”

“ ตกใจทำไม...” น้ำเสียงทอดยาวคุกคามในที ทำให้ให้คนฟังเผลอก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว “ เธอมองหาฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ ปละ...เปล่าค่ะ ไม่ได้มอง ฉันจะกลับเรือนเล็ก” ศุภิสราเห็นท่าไม่ดี รีบเดินหนี แต่คนตัวสูงกว่ารีบดักหน้าไว้ไม่ยอมให้ไปง่ายๆ

“ จะรีบไปไหนล่ะ แม่คนเก่ง อยู่คุยกันก่อนสิ ” หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความกลัวในใจ ก่อนเงยหน้ามองสบตาคู่นั้นอย่างสงบ

“ คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิคะ ฉันจะรีบไป เดี๋ยวคุณท่านจะเป็นห่วง” เธอรีบยกคุณพรรณรายขึ้นมาอ้าง หวังให้เขายั้งคิด ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ผิดคาดเมื่อชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามาใกล้

“ ไม่ต้องเอาคุณป้าฉันมาอ้าง ”

“ อุ้ย! คุณจะทำอะไรน่ะ ปละ...ปล่อยนะ ไม่กลัวใครมาเห็นเข้าเหรอ”

“ กลัวทำไม นี่บ้านของฉัน ทุกอย่างที่นี่เป็นของฉัน ฉันจะทำอะไร ยังไงก็ได้ ” อ้อมแขนแกร่งกอดกระชับร่างบางให้แนบสนิทเข้ามาจนแทบหายใจไม่ออก

“ แต่ฉันไม่ใช่ของๆ คุณ”

“ แต่เธอก็อยู่ในบ้านของฉัน ในเมื่ออยู่ในอาณาเขตของฉัน ฉันย่อมมีสิทธิ์” ร่างบางสั่นเทาราวกับลูกไก่ที่ถูกมือยักษ์กำไว้

“ กลัวอะไร ไหนเธอเก่งกล้านักไม่ใช่เหรอ ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ มือแกร่งไล้ไปบนริมฝีปากอิ่มเบาๆ ทำเอาหญิงสาวผวา หัวใจระรัว ก้มลงกระซิบยั่วเย้า “ โดยเฉพาะตรงนี้ไง ทำไมไม่เก่งให้ตลอดล่ะ ”

“ คะ...คุณเพชร... ” คำนั้นถูกกลืนลงคอไปทันควันพร้อมกับริมฝีปากหยักที่ก้มลงมาหมายสั่งสอนคนอวดดีให้รู้สำนึกที่บังอาจมาทำเป็นสั่งสอนเขา หากทว่าผิดคาดเมื่อเจ้าตัวรีบก้มหลบทัน ทำให้เป้าหมายคลาดเคลื่อนจากริมฝีปากอวบอิ่มไปประทับอยู่ที่ต้นคอขาวนวล หอมกรุ่นของเจ้าหล่อนแทน

แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็หาได้ยอมแพ้ไม่ ชายหนุ่มประทับจุมพิตไว้จนเป็นรอยแดงที่คอขาวนวลอย่างลืมตัว กรุ่นกลิ่นอายอวลแตะจมูกทำให้หัวใจร้อนร้ายเตลิดไปไกล ความหอมหวานชวนฝันตรงหน้าทำให้เขาลืมตัว ลืมบรรยากาศรอบข้างไปชั่วขณะ เช่นเดียวกับสาวน้อยที่ยืนตกตะลึงพรึงเพริดไปกับมนต์ร้ายที่เขากำลังร่ายสะกด แต่พอได้สติ ร่างบางก็เกิดฮึดผลักไสร่างสูงใหญ่อย่างแรงจนหลุดจากการอ้อมแขน มือทั้งสองกำเข้าหากันแน่นก่อนซัดโครมเข้าที่ปากของคนร้ายกาจจนสุดแรงเพื่อเรียกสติ

“ พลัวะ!” ใบหน้าคมสะบัดพรืดไปตามแรงฝ่ามือ

น้ำตาที่สะกดกลั้นไว้คลอคลองจวนเจียนจะหยดแหล่มิแหล่ หากเจ้าตัวกลับไม่สนใจ เธอจ้องหน้าเขาอย่างเสียความรู้สึก แววตาหวานซึ้งปนเศร้าสะท้อนกับแสงจันทร์แวววามจนทำให้พีรภัทรตะลึงงัน ที่แก้มของเขายังชาไม่หาย หากยังน้อยกว่าในอกที่เกิดความรู้สึกหลากหลายสะท้อนไปมาจนเกือบล้นทะลัก

“ หยุดนะ...คนใจร้าย คุณมันร้ายกาจที่สุด !” เสียงใสสั่นเครือปนสะอื้นอย่างน่าสงสาร หญิงสาวจ้องหน้าของเขาด้วยแววตาเจ็บช้ำใจ

เขาไม่ใช่คุณเพชร เจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นที่เธอเฝ้าฝันถึงตลอดมา...ไม่ใช่อีกต่อไป!

“ ฉันไม่ใช่ของๆ คุณ ฉันเป็นคน! มีชีวิต จิตใจ ถึงมันจะไร้ค่าสำหรับคนอย่างคุณ แต่โปรดจำไว้...สักวันนึง คุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้ ! ”

ขาดคำร่างบางก็วิ่งเตลิดหนีไปทางเรือนเล็กโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันตรงนั้น โดยเขาไม่อาจรู้เลยสักนิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีใครคนหนึ่งผ่านมาเป็นพยานเห็นเข้าพอดี!

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

*******************************************************



winchaya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2555, 13:36:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2555, 13:36:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2851





<< ตอนที่ 25 ความฝันที่ทำให้ไม่อยากตื่น   ตอนที่ 27 ข่าวดีที่ไม่อยากได้ยิน อัพ 100% >>
pattisa 20 มิ.ย. 2555, 18:26:55 น.
โอ๊ะโอ ใครผ่านมาเห็นกันนะ รอตอนต่อไปค่ะ :)


mhengjhy 20 มิ.ย. 2555, 20:14:58 น.
ครายยยยยยยย อ่า


หมูอ้วน 20 มิ.ย. 2555, 23:36:47 น.
ใครมาเห็นเอ๋ย


ปอปลาตากลม 20 มิ.ย. 2555, 23:58:24 น.
คัยกัน...?


nunoi 21 มิ.ย. 2555, 13:03:02 น.
ใครอ่ะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ


kaze 27 มิ.ย. 2555, 01:42:32 น.
ใครอ๊ะ!!!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account