ลมรักวาเลนไทน์
ในความเหมือน..มีความแตกต่าง ในความแข็งแกร่ง..มีความเยือกเย็น ในความพริ้วพราย..มีความอ่อนแอ แต่สุดท้ายระหว่าง "เพชรกล้า" กับ "น้ำริน" ก็มีความเป็นหนึ่งเดียว

"ความรัก"ที่ดี" จะเกิดขึ้นต่อเมื่อจิตใจคุณถูกฝึกให้มีคุณภาพดีพอจะคู่ควรเท่านั้น
ไม่ใช่ได้มา ในขณะที่กำลังเพลิดเพลิน "หลงทาง"อยู่กับความเหงาจนไม่มีแสงสว่างพอของใจที่จะลืมตาตื่นขึ้นพบคนดีจริงๆสักคน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ ให้ทุกข์แก่ท่าน

เพชรกล้านั่งดูตารางกิจกรรมวันนี้แล้วต้องลอบถอนหายใจ ตอนเช้าว่าหนักแล้ว กับการเสนอไอเดียตัวละครในซีรี่ย์รักห้าเรื่องติด ด้วยความบรรเจิดของต้องใจ ที่ต้องการให้นิยายรักโรแมนติกชุดนี้ถูกปั้นเป็นละครขายดีในอนาคต หล่อนมีหัวทางด้านนี้เสียเมื่อไหร่ รับรองนางเอกต้องออกมาแข็งทื่อไม่มีคนอ่านแน่นอนทีเดียว
สำหรับตอนบ่ายน่ะเหรอ..หล่อนอยากจะรู้จริงๆว่าใครเป็นคนริเริ่มกิจกรรมนี้

“ลุงดีใจที่ได้พบนักเขียนรุ่นใหม่มากความสามารถอย่างพวกหนู ลุงคงไม่ได้แนะนำอะไรมาก เพราะค่อนข้างจะมั่นใจว่าจินตนาการ และความโรแมนติกของลุงมันอาจจะล้าสมัยไปเสียแล้ว”
เรืองศิลาเอ่ยอย่างถ่อมตัว ชายวัยห้าสิบปลายๆ คิดอย่างที่พูดจริงๆนั่นแหละ เรื่องศิลปะไม่เคยมีหลักการตายตัว เพียงแต่เขาต้องคอยรักษาจุดสำคัญของการแต่งนิยายเอาไว้ คำแนะนำหลักๆก็มีไม่กี่เรื่องเท่านั้น
สายตาทุกคู่โฟกัสไปที่จุดเดียวของห้องประชุมขนาดกะทัดรัด เรืองศิลาคงไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรมากนัก ก็สะกดทุกคนให้ตั้งใจฟังเขาได้ด้วยความยินดีตลอดชั่วโมง ไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักเขา..ไม่มีใครในที่นี้ไม่เคยปลื้มเขา..นอกเสียจาก


“หนูพู่กัน มีอะไรอยากถามลุงรึเปล่า ทำหน้าเครียดเชียว”

เรืองศิลาเหลือบตาลงมองลอดแว่นกรอบเงิน รอบโต๊ะมีแต่คนสีหน้าเบิกบาน ผิดกับนักเขียนสาวคนนี้เท่านั้นที่คิ้วขมวดจดจ่ออยู่กับกระดาษสีขาวแผ่นบางในมือ

“คุณ..ผู้ใหญ่ถามทำไมไม่ตอบ นี่ไม่ใช่เวลามาทำติสต์นะ” ทัศน์หันข้างมากระซิบบอกหญิงสาวเบาๆ เมื่อเห็นหล่อนยังทำเหมือนหูทวนลม ไม่ละสายตาไปจากกระดาษในมือแม้แต่วินาทีเดียว
เพชรกล้าขยับตัวเก้อๆ ก่อนจะตั้งสติใหม่

“คุณเรืองศิลาว่ายังไงนะคะ”
“ลุงเห็นหนูเอาแต่ทำหน้าเครียดกับตารางกิจกรรมตั้งแต่ต้นชั่วโมงแล้ว มีอะไรสงสัยหรือเปล่าลูก”
น้ำเสียงเป็นกันเอง ทุ้มลึกฉายแววเมตตาทำให้เพชรกล้าใจชื้นขึ้น นึกว่าตนเผลอทำอะไรขายหน้าออกไปเสียแล้ว

“อ๋อ..ฟังอยู่ค่ะ เพียงแต่ตัวอักษรในตารางมันเล็กไปหน่อย เลยต้องเพ่งมอง ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณเรืองศิลา”

จิตแพทย์สาวยิ้มแห้งๆพร้อมคำตอบ

“ตัวถ่วง”
เสียงยียวนลอยอยู่ข้างหูนี่เอง เพชรกล้าทำเป็นไม่สนใจคำพูดของทัศน์ เขาเลยไม่รู้จะแกล้งพูดกวนอะไรอีก

“เอาล่ะ ก่อนจะปล่อยให้พวกหนูแชร์ไอเดียกันตามอัธยาศัย ลุงขอฝากไว้นิดนึงก็แล้วกันนะ” เรืองศิลาขยับแว่นตามความเคยชิน ในขณะที่มืออีกข้างไพล่หลัง

“นิยายไม่ใช่สารคดี และนิยายก็ไม่ควรเป็นเครื่องมือทำลายสังคม นักเขียนบางคนอาจจะอยากใส่สาระเพิ่มคุณค่าให้ผลงานตัวเอง ลุงก็ไม่ขัดอะไร แต่หลักๆอย่าลืมความสนุก ความน่าติดตาม อะไรไม่จำเป็นกับโครงเรื่องมากก็พยายามอย่าเวิ่นเว้อ แต่นักเขียนบางคนอาจไม่สนใจจะรับผิดชอบสังคมเลย อันนี้ลุงก็ไม่เห็นด้วยนะ อย่าพยายามเขียนงานที่ขัดกับขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมอันดีงามของบ้านเมืองเรา อย่าใส่สิ่งปฏิกูลให้ผู้อ่านจนเกินพอดี ลุงฝากไว้เท่านี้แหละ”

นักเขียนนับสิบคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะกลมต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของผู้มากประสบการณ์ เรืองศิลาเดินออกจากที่ประชุมเมื่อหมดหน้าที่ของเขา เพชรกล้าอดไม่ได้ที่จะมองตามหลังผู้อาวุโสด้วยความชื่นชม



“ตอนนี้ก็ถึงเวลาเต็มที่ของสาวๆแล้ว บางคนคงเตรียมโครงเรื่องมาเสนอเรียบร้อยจากบ้าน บางคนอาจเพิ่งมาคิดกันสดๆ จะยังไงก็แล้วแต่ เชิญแลกเปลี่ยนกันเต็มที่เลยครับ เรามีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ช่วงบ่ายมีกิจกรรมสำคัญรออยู่” ทัศน์เอ่ยดำเนินกิจกรรมต่อ ท้ายประโยคหันมายิ้มกริ่มกับนักเขียนคนข้างๆอย่างมีเลศนัย

เพชรกล้าก็ได้แต่ยิ้มรับละไมอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวและไม่ท้าทายในเวลาเดียวกัน
“เชิญน้องพู่กันก่อนเถอะค่ะ”
“ใช่ค่ะ น้องพู่กันเสนอก่อนเลย”

“พี่ไม่แย่งค่ะ รับประกันว่าคราวนี้ขอเงียบไว้พูดเป็นคิวสุดท้าย”
“เห็นด้วยค่ะ น้องพู่กันพูดให้หมดเลย ยาวแค่ไหนก็ได้ พวกเราไม่รีบค่ะ”

นักเขียนรุ่นพี่หลายคนแข่งกันพูดจนเกือบจะพร้อมกัน สีหน้าปิดความเข็ดขยาดไว้ไม่มิด
ในที่ประชุมเงียบกริบหลังจากที่ทุกคนพร้อมใจ และเห็นตรงกับข้อเสนอนั้นโดยไม่มีคำคัดค้านใดๆทั้งสิ้น
เพชรกล้าได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ ทำไมทุกคนต้องเกรงใจ และทำท่าทางเหมือนกลัวน้ำรินถึงขนาดนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไอเดียพู่กันตันมากตอนนี้ เชิญพี่ๆก่อนได้เลยค่ะ พู่กันขอพูดคนสุดท้าย”



“แหม น้องพู่กันเล่นมุขรึเปล่าคะเนี่ย ไม่เป็นไรค่ะพวกพี่ยินดีให้น้องพูดก่อนคนแรก”
นักเขียนร่างป้อม หน้ากลมคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก

“จริงๆค่ะ พู่กันยังไม่ได้เตรียมโครงเรื่องอะไรมาเลยวันนี้ ขอพูดเป็นคนสุดท้ายเถอะนะคะ” เพชรกล้ายิ้มเอ่ยอย่างสำนึกผิด

และน้ำเสียงอ่อนน้อม แต่หนักแน่นอยู่ในทีของหล่อนก็ทำให้บรรดานักเขียนรุ่นพี่ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าแปลกไป หลายคนเอามือทาบอกเหมือนเจอเรื่องน่าตกใจที่สุดในชีวิต

“เถอะครับ..เราเหลือเวลากันไม่มากแล้ว ใครพร้อมก็เริ่มเลยครับ” ทัศน์ช่วยกำชับขึ้นมาอีกเสียง ก่อนที่ทุกคนจะมัวแต่เกี่ยงกันพูดจนไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาสักที

“โอเคค่ะ งั้นพี่ทรายขอเริ่มก่อนละกัน” สาวแว่นหนา มัดผมเป็นมวยที่อยู่มุมโต๊ะเอ่ยพร้อมยกมือขวาขึ้นจองสิทธิ

“ไหนๆเราก็มาเที่ยวทะเล รีสอร์ทสวยแปลกไม่เหมือนใคร พี่ทรายขอเสนอว่าให้โลเคชั่นหลักของเรื่องอยู่ริมทะเลเป็นไง พระเอกห้าคนเป็นลูกเจ้าของรีสอร์ท” พี่ทรายเอ่ยพลางทำหน้าประทับใจกับไอเดียของตนเป็นอย่างยิ่ง นักเขียนรุ่นน้องหลายคนแอบทำหน้าเอือมกับบทเชยๆซ้ำซาก คงจะมีแต่เพชรกล้าคนเดียวเท่านั้นแหละ ที่ทำตาโตตื่นเต้นกับเรื่องใหม่ๆ โลกจินตนาการที่หล่อนเพิ่งเคยมีโอกาสมาสัมผัสเป็นครั้งแรก



ทะเลสีน้ำเงินครามสะท้อนแดดยามบ่ายแก่ๆ อากาศวันนี้ไม่ร้อน แดดไม่แรงจนเกินไป พอมีลมทะเลพัดผ่านให้รู้สึกปลอดโปร่งเบาสบาย นักเขียนห้าคนในชุดเสื้อชูชีพพร้อมประจำตำแหน่ง ต้องใจกับคุณอเนกเจ้าของรีสอร์ทคีตานั่งจิบน้ำมะพร้าวอยู่บนเตียงผ้าใบสีสดใสอีกมุมหนึ่งไม่ไกลจากจุดที่เตรียมไว้ออกตัวแข่งขัน



เวลาที่รอคอยของทัศน์มาถึงแล้ว ชายหนุ่มวาดแผนไว้ในใจ งานนี้จะต้องแกล้งนักเขียนตัวแสบรายนั้นให้ได้
ครั้งก่อนเขายังสะใจไม่พอหรอก ความจริงเขาก็เป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่งของสาวๆอีกหลายคน แต่สำหรับ
น้ำริน..ทัศน์สาบานทีเดียวว่าไม่มีวัน!

การแข่งขันเจ็ตสกีที่สำนักพิมพ์จัดขึ้นในครั้งนี้ จุดประสงค์หลักก็เพื่อความสนุกผ่อนคลาย สำหรับนักเขียนที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำชนิดนี้ รางวัลของผู้ชนะไม่ได้ใหญ่โตอะไร เพียงแค่ได้เป็นตัวแทนขึ้นไปมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนเรียนดีในชุมชนละแวกนี้ จะว่าเป็นหน้าเป็นตาของสำนักพิมพ์ เป็นที่ชื่นชมของเด็กๆก็ว่าได้ แต่ไม่มีใครอยากจะเอาจริงเอาจังเพื่อแย่งชิงอันดับหนึ่งประจำการแข่งขันให้เคร่งเครียดกันเปล่าๆ เว้นเสียแต่น้ำรินเท่านั้นแหละ หล่อนเป็นนักเขียนคนเดียวที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้มาก แล้วก็ชอบความเป็นที่หนึ่งในสนามการแข่งขันมากเช่นกัน หญิงสาวเชี่ยวชาญการขับเจ็ตสกีทั้งแบบนั่งและยืน

จึงไม่น่าแปลกที่ทุกปี หล่อนจะเป็นฝ่ายครองแชมป์ ได้เป็นตัวแทนมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนอยู่เสมอ

เว้นแต่ปีที่แล้ว...เมื่อทัศน์ก้าวเข้ามาเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการคนเก่งของต้องใจ และเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้ร่วมแข่งขันด้วย



ช่วงหมุนตัวกลับพร้อมเจ็ตสกีคันแดงคู่ใจ น้ำรินถูกชายหนุ่มขับแซงไปอย่างหวุดหวิด เป็นเรื่องที่หล่อนไม่ได้เตรียมใจมาก่อน และเมื่อดูจากชั้นเชิงแล้ว หล่อนค่อนข้างจะแน่ใจว่าแชมป์ปีนั้นคงไม่ใช่หล่อน
แต่เป็นเขา..ซึ่งหญิงสาวรับความจริงข้อนั้นไม่ได้



ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่เกือบจะถูกแย่งชิงตำแหน่งไปอย่างไม่ให้ได้เตรียมใจกันล่วงหน้า น้ำรินแกล้งขับเจ็ตสกีของตนเข้าไปกระแทกด้านข้างเจ็ตสกีสีน้ำเงินของทัศน์ ส่งผลให้เขาทรงตัวลำบาก ขับเซออกไปอีกทาง
แต่ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำรินขับแซงหน้าไปด้วยวิธีสกปรกที่ให้อภัยไม่ได้สำหรับคนรักความยุติธรรมอย่างเขา ทัศน์จึงไม่ลังเลใจเลยที่จะรีบเร่งเครื่องตามไป ประคองเจ็ตสกีคันเก่งของตนกะเอาแค่สะกิดส่วนท้ายของเจ็ตสกีน้ำริน แต่ด้วยความไม่ทันระวังตัว และกำลังดีใจกับการรักษาแชมป์ไว้ได้ หญิงสาวจึงเสียหลัก หงายหลังลงไปลอยคอในน้ำทะเลด้วยท่าทางที่ตลกที่สุดในความคิดของทัศน์ ชายหนุ่มไม่ลังเลอีกที่จะควักกล้องกันน้ำออกมาบันทึกภาพแห่งความทรงใจนั้นไว้ และนำไปเผื่อแผ่เป็นสไลด์โชว์ให้ทุกคนได้ร่วมชื่นชมกันอีกในวันปิดงาน

เสียงแหลมเล็กบาดแก้วหูวันนั้น บอกเขาได้ดีว่าน้ำรินจะไม่มีวันให้อภัย และญาติดีกับเขาไปตลอดกาล
“ฉันเกลียดคุณ คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ!”



“ฝากไว้ก่อน แค้นนี้คุณได้เจอดีแน่”


“รับฝากแล้ว อย่าลืมมาเอาคืนนะจ๊ะคนสวย”

น้ำเสียงยียวนของเขาวันนั้นก็มั่นใจได้อีกว่า น้ำรินต้องกลับมาเอาคืนเขาแน่ๆในวันนี้
และเขาก็ต้องรีบชิงหยอกสะกิดความทรงจำหล่อนเสียก่อน ที่หล่อนจะเป็นฝ่ายเอาคืน
เขาไม่ได้กะเล่นถึงเจ็บตัวหรอก..แค่ได้ภาพที่สวยที่สุดมาโชว์วันปิดงาน ก็ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่งของชีวิต..

อีกฟากหนึ่งของความคิด..ที่ไม่ได้ร่วมรับรู้ในอดีตกาลแห่งความทรงจำของใครเลย
เพชรกล้ายืนกระชับเสื้อชูชีพด้วยความไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย ให้ปฏิเสธยังไงได้ ในเมื่อหล่อนเองรู้ดีว่าน้องสาวตัวแสบเชี่ยวชาญกีฬาทางน้ำชนิดนี้มากแค่ไหน น้ำรินนั่นแหละที่เป็นคนสอนเพชรกล้าให้รู้จักลูบๆคลำๆเจ็ตสกีได้เมื่อสองปีก่อน ที่ต้องเรียกว่าลูบคลำนั้นก็เพราะให้ขับเล่นน่ะพอไหว แต่ถ้าถึงขั้นต้องมาเร่งเครื่องชิงชัยกับใคร หญิงสาวมั่นใจทีเดียวว่าหล่อนต้องคว้าที่โหล่มาครอบครองเป็นแน่แท้

อีกอย่าง หล่อนก็ไม่ได้แตะเจ็ตสกีอีกเลยหลังจากที่พอจะเล่นเป็นคราวนั้น
จิตแพทย์สาวค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสหัวเจ็ตสีแดง สีโปรดของน้ำรินด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ หล่อนไม่อยากแข่งขัน ไม่อยากเป็นตัวตลกตอนนี้เลยจริงๆ



“ใส่เสื้อเสียหน่อยมั้ยทัศน์ ทำประมาทไปได้ เผื่อพลาดตกเจ็ตไปทำไง เธอว่ายน้ำแข็งนักเหรอ” ต้องใจเดินมาพร้อมกับเสื้อชูชีพสีส้มที่ทัศน์ปฏิเสธจะใส่ ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าใส่เสื้อแบบนี้แล้วทำให้เขาขาดความคล่องตัว ขยับไปทางไหนก็อึดอัดไปหมด

“ผมว่ายน้ำแข็งน่าพี่เก๋ ไม่ต้องเป็นห่วง ตกไปยังไง ก็ว่ายกลับเข้าฝั่งมารับรางวัลเป็นหน้าเป็นตาให้พี่เก๋ได้อยู่ดี วางใจเถอะ”

เมื่อเห็นลูกน้องตัวดีทำปากเก่ง และทำท่าสบายใจเสียขนาดนั้น ต้องใจก็ขี้เกียจตื๊อ

“ตามใจ กลัวแต่ว่าจะต้องให้เรือกู้ภัยไปรับขึ้นฝั่งน่ะสิ” หญิงวัยกลางเอ่ยด้วยความหมั่นไส้ ทัศน์ยังคงส่งยิ้มทั้งปากและตาแบบขี้เล่นมาให้ หล่อนจึงหิ้วเสื้อสีแสดกลับไปนั่งคุยกับอเนกตามเดิมอย่างไม่กังวลอะไรอีก
สัญญาณนกหวีดดังขึ้นเมื่อถึงเวลาเริ่มการแข่งขัน

ทัศน์เร่งเจ็ตสีน้ำเงินของตนนำลิ่วออกไป ฟองน้ำสีขาวแตกกระจายเป็นลำใหญ่ตามติดไม่ห่าง ไอน้ำสาดกระเซ็นแผ่ออกไปรอบทิศ

นักเขียนสาวอีกสามคนจ่อเข้ามาในระยะสองสามเมตร
เพชรกล้าได้แต่มองตามหางเจ็ตไกลๆด้วยความอ่อนใจ ดีที่เป็นเจ็ตสกีแบบนั่ง ถ้าเป็นแบบยืนหล่อนคงยกธงขาวตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง เจ็ตสีแดงของหล่อนกำลังต้วมเตี้ยม คืบคลานไปอย่างช้าๆ ราวกับกำลังเที่ยวพักผ่อนอย่างสบายใจ หรือพูดง่ายๆคือ เหมือนแข่งกันอยู่สี่คน แต่หล่อนเป็นส่วนเกิน

ทัศน์พุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ปลายทางมีห่วงยางสีดำสิบห่วงแขวนรออยู่ หมุนตัวกลับคราวนี้ คงได้เจอเจ็ตสีแดงอยู่ไม่ห่างเหมือนเคย



ว่างเปล่า.. เจ็ตสีเขียว เหลือง ดำ ที่ตามมาก็ห่างกับเขาเกือบสิบเมตร แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีเจ็ตสีแดงอยู่ในครรลองสายตา เหมือนถูกกลืนหายไปกับน้ำทะเล

“ไปไหนวะ เราก็ขับนำอยู่คนเดียวนี่หว่า” ทัศน์รำพึงกับตัวเอง ชักไม่แน่ใจว่าน้ำรินแอบขับแซงหน้าเขาตอนทีเผลอหรือเปล่า

“เฮ้ย ทำไมต้วมเตี้ยมยังงั้นวะ” หลังจากป้องมือ และพยายามเพ่งจนปวดตา ก็พบว่าเจ็ตคันที่กำลังคิดถึงลอยเด่นอยู่ในที่ไกล..มาก เหนือความคาดหมาย

“กลัวล่ะสิ หรือมีแผนอะไรแกล้งเรา ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมเธอง่ายๆอีกแน่ยัยขี้วีน”
ทัศน์เร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวหลังจากหมุนตัวกลับมาเพื่อมุ่งเข้าฝั่งเส้นชัย ละอองน้ำรวมตัวกันเกือบเท่าคลื่นลูกย่อมๆ ส่งให้ผู้ที่ตามมาข้างหลังทั้งสามเนื้อตัวเปียกปอนกันไปถ้วนหน้า

“นึกว่าผมจะตกหลุมพรางคุณง่ายๆเหรอ”
ชายหนุ่มขับเข้ามาใกล้เจ้าของเจ็ตสีแดงทุกทีแล้ว
และในที่สุดหัวเจ็ตของเขาก็สะกิดสีข้างของเจ็ตเป้าหมายได้ถูกตำแหน่งตามที่ตั้งใจไว้พอดี

“อุ้ย ขอโทษครับ พอดีน้ำกระเด็นเข้าตา มองไม่เห็น”
ทัศน์เอ่ยพร้อมกับจอดเจ็ตของตัวเองไว้ข้างๆ เจ็ตที่เพชรกล้าเกาะอยู่ ที่ต้องบอกว่าเกาะอยู่เพราะเจ้าหล่อนหล่นตุ้บลงไปลอยคอในท้องทะเลตามที่ทัศน์คาดหมายไว้ไม่มีผิด

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันขึ้นเองได้” เพชรกล้าคงมองโลกในแง่ดีเกินไป ที่มองเห็นความประสงค์ไม่ค่อยจะดีนักของผู้ช่วยบรรณธิการหนุ่ม เป็นว่าเขาจอดเพื่อจะเสียเวลาลงมาพยุงหล่อนกลับขึ้นไปนั่งบนเจ็ตตามเดิม

“ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกน่า เอาเป็นว่าครั้งนี้คงจะทำให้คุณไม่กล้ามาเล่นบ้าๆกับผมอีก ครั้งนี้เราหายกัน” ทัศน์ยิ้มสมใจ ไม่ลืมควักกล้องกันน้ำเครื่องเก่าขึ้นมาเก็บรูป “ก่อนไปผมขอเก็บภาพสวยๆเอาไว้ดูเล่นหน่อยนะ”

“คุณ! ระวังข้างหลัง”

ด้วยความที่อารมณ์ดีจนเกินเหตุ ชายหนุ่มจึงไม่ห่วงหน้าพะวงหลังใดๆอีก เจ็ตสีเขียวคันที่เร่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงจึงทำให้ร่างของเขาลอยละลิ่วลงสู่ผืนน้ำพร้อมกับเจ็ตของเจ้าตัวที่ดีดกระเด็นออกไปคนละทาง

“ขอโทษนะคะคุณทัศน์ พี่ทรายขับไม่ดูเอง” พี่ทรายหยุดเจ็ตของตัวก่อนจะหันมาขอโทษชายหนุ่มที่ลอยคออยู่ด้วยความจริงใจ


และด้วยความที่เจ็ตอีกสองคันที่ขับตามมาในระยะเกือบประชิดกำลังจะแซงหน้าหล่อนอยู่แล้ว
“พี่ได้ยินคุณทัศน์บอกพี่เก๋ว่าว่ายน้ำแข็ง งั้นพี่รีบไปก่อนนะคะ พี่พนันกับยัยน้องสองคนนั้นไว้อ่ะ เงินแยะด้วย”

พี่ทรายพูดจบก็ปล่อยชายหนุ่มให้ลอยคออยู่อย่างนั้นต่อไป ส่วนตัวเองก็เร่งเครื่องหมายเอาชัยอีกไม่กี่เมตรที่กำลังรออยู่

ทัศน์ทั้งเจ็บใจ และรู้สึกอับอายมากที่สุดในชีวิต เขามั่นใจว่าน้ำรินคงกำลังหัวเราะเขาอยู่เงียบๆ แม้สีหน้าตื่นตระหนกของหล่อนจะไม่ได้เข้าข่ายอารมณ์ขำขันอย่างที่เขาคิดเลยก็ตาม

ชายหนุ่มหันหลังกลับไป ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สองแขนวาดน้ำ เตรียมตัวจะกลับไปขึ้นเจ็ตที่กระเด็นออกห่าง

ทว่าสองขากลับเป็นปฏิปักษ์เสียแล้ว ทำไม่ได้แม้แต่จะขยับเท้าขึ้นเตะน้ำ!



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2555, 01:54:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2555, 01:54:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1348





<< เจอกันในเล่ม   เจอกันในเล่ม >>
sai 30 ก.ค. 2555, 10:01:15 น.
เปนไงล่ะนายทัศน์เอย ว่ายน้ำแข็งแต่คงไม่แข็งเท่าตะคริว นะ


หมีสีชมพู 30 ก.ค. 2555, 16:41:55 น.
ตอนหน้าทุกข์นั้นถึงตัวใช่มั้ยคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account