จอมใจนางโลม

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 17

คำคมที่คนเขียนชอบ
เธอร้องให้ ให้ฉันเห็นน้ำตาแล้วคิดว่าฉันไม่ร้องหรือไง หรือเพราะว่าเธอไม่เคยเห็น จึงได้ทำร้ายหัวใจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า”

*********


กรรณิการ์มองหน้าคมที่เพิ่งรู้ว่ารักเขาเหลือเกินเมื่อสายไปแล้ว แล้วกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเพราะความเจ็บปวดไว้พลางบิดแขนออกจากมือหนา เพื่อจะได้เดินจากไปก่อนที่น้ำตาจะไหล แต่เรียวกลับไม่ปล่อยทั้งที่รู้สึกสงสารเธอที่ดูก็รู้ว่าเสียใจมากแค่ไหน เพราะคิดว่ายังให้บทเรียนความอวดดีของเธอไม่พอ กรรณิการ์พยายามข่มความเจ็บปวดไว้สุดความสามารถ แล้วบอกว่า

“เพราะฉันเป็นของคนอื่นไปแล้ว”
*********
ตอน 17
คำพูดที่สั่นเครือนั่นสั่นใจเรียว จนต้องดึงร่างบางมากอด กรรณิการ์ซบหน้ากับอกเขาพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้รินไหล “ขอโทษนะคะคุณเรียว ฉันขอโทษ” เสียงพร่ำบอกนั่นทำให้เรียวนิ่งไปพลางแอบยิ้มอย่างดีใจที่เธอซื่อสัตย์กับตัวเองและเขาเหลือเกิน แล้วดันร่างบางออกมามองดวงตาและใบหน้าที่เปื้อนด้วยน้ำตา ใช้หัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวลพร้อมกับบอกว่า

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ เพราะความรู้สึกของฉันที่มีต่อเธอจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

“แต่ความรู้สึกของฉันคงจะเปลี่ยนไป เพราะตัวฉันไม่มีค่าพอสำหรับคุณอีกแล้ว”

“แล้วค่าของเธออยู่ที่ไหน ถ้าอยู่ที่หัวใจ เธอมีให้ฉันหรือเปล่า”

กรรณิการ์กัดริมฝีปากที่สั่นระริกไว้ พลางมองหน้าคมผ่านม่านน้ำตาที่ยังเอ่อคลออยู่ แล้วบอกว่าด้วยเสียงสั่นพร่าว่า “ฉันรักคุณค่ะ นางกาหลงรักคุณเรียว”

เรียวยิ้มกว้างอย่างสมใจ แล้วดึงร่างบางมากอดไว้แน่นก่อนจะจูบซับน้ำตาให้ทั่วใบหน้าและหยุดนิ่งที่ริมฝีปากอิ่ม จูบเธออีกเนิ่นนานก็ถอนริมฝีปากออกมาบอกว่า

“ถ้ารักฉัน ก็อยู่กับฉัน ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ได้ไหม”

กรรณิการ์สบตาคมที่รอฟังคำตอบ แต่เธอยังไม่ตอบ นักล่าทะเลทรายก็เดินตรงมาที่ห้อง เรียวจึงสั่งให้เธออยู่ในห้องห้ามออกไปไหน แล้วเดินตามนักล่าทะเลทรายไป กรรณิการ์จึงเดินกลับมานั่งที่เตียง พร้อมกับคิดว่าเธอจะทำอย่างที่เขาบอกได้หรือ ในเมื่อความจริงมันเป็นดังมุดที่ตอกลึกอยู่ในใจเธอ และไม่ใช่แค่นั้น มันยังมีบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นมาจากความสัมพันธ์นั้นก็ได้

น้ำตาที่หยุดไป เริ่มจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ยืดตัวขึ้นเพื่อจะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา พร้อมกับตัดสินใจ ตัดใจจากเขากลับไปร้านคณิกา

เรียวเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แล้วหันมาสบตากับนักล่าทะเลทรายที่เดินตามเข้ามา แล้วพูดขึ้นทันที “คุณเรียวจะเปิดร้านหรือเปล่าครับ”
“เปิดทุกอย่างเหมือนเดิม ส่วนพื้นที่ๆเสียหาย ก็กั้นไว้ก่อน แล้วรีบซ่อมแซมให้เสร็จ และจากนี้ไป จับตาดูทุกคนที่เข้ามาในร้านให้ดี บางทีอาจจะมีพวกมันแอบแฝงเข้ามาก็ได้ และอีกอย่างส่งคนของเราไปอยู่ในรัศมีห้าสิบเมตรด้วย”

“ครับ แล้วเรื่องนั้น” เรียวนิ่งไม่ตอบทั้งๆที่รู้ว่านักล่าทะเลทรายพูดถึงอะไร แต่รับฟังคำพูดที่พูดออกมา “คุณเรียวน่าจะบอกเธอไป เพราะถ้าเธอรู้ว่าคนเรียวหลอก เธออาจจะไม่ให้อภัยคุณเรียวก็ได้”

“เธอรักฉัน”

“รักก็ส่วนรัก แค้นก็ส่วนแค้น และเวลาผู้หญิงแค้นนะน่ากลัวนะครับ”

“แล้วฉันไม่น่ากลัวหรือไง”

“ถ้าศัตรูทางกายคุณเรียวน่ากลัวครับ แต่ศัตรูทางหัวใจนี้ยังไงก็ไม่น่ากลัว เพราะหัวใจของคุณเรียวรักเธอ และไม่มีทางทำอะไรเธอมากกว่าที่ทำมาหรอกครับ”

เรียวตวัดสายตามองหน้านักล่าทะเลทรายที่รู้ดีพลางคิดทบทวนว่าจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้เขาแน่ใจว่าพวกเสือสิงห์กระทิงยังไม่รู้ว่านางกาหลงคือนางฟ้า และเขาคือชายหน้าแขก แต่คนในเงามืดนั่นเขาไม่แน่ใจว่ามันรู้หรือไม่ ถ้าไม่รู้เขาก็ยังไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่ถ้ามันรู้ ความปลอดภัยของเธอก็น้อยลง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ปกปิดไว้ก็ยิ่งเหมือนดาบสองคม อยู่ที่ว่าคมด้านไหนจะบาดเขาลึกมากกว่ากัน แต่ทางที่ดี เขาควรจะเหลือไว้แค่คมเดียว ดีกว่าต้องรบราถึงสองคม เมื่อตัดสินใจได้แล้วเรียวก็เดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนอน

กรรณิการ์นั่งเหม่อรอเรียวอยู่บนเตียงทั้งที่อยากจะเดินจากเขาไปโดยไม่ล่ำลา แต่เธออยากจะลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย จึงยังนั่งอยู่ และเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง เธอก็จับตามองหน้าคมไว้อย่างจดจำ จนกระทั่งเรียวเดินมาหยุดตรงหน้า เธอก็ค่อยๆยืนขึ้น เธอข่มความเจ็บปวดไว้ แล้วบอกว่า

“ที่คุณถาม ฉันคงอยู่กับคุณไม่ได้”

“ทั้งๆที่ฉันรับได้งั้นเหรอ”

“แต่ฉันโกหกตัวเองและโกหกคุณไม่ได้ เพราะยังไงความจริงก็ยังอยู่ในใจฉัน และวันหนึ่งความสัมพันธ์นั้นอาจจะทำร้ายฉันและคุณได้ ฉะนั้นฉันจะยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของฉันเพียงคนเดียว”

กรรณิการ์บอกแล้วยิ้มให้เขาทั้งน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลา เรียวจึงดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น กรรณิการ์ก็กอดเขาไว้แน่นเช่นกัน และกัดริมฝีปากกันเสียงร้องให้ตัวเองไว้ แต่เรียวยังรู้สึกได้ เพราะน้ำตาที่เปียกชุ่มเสื้อเขา จึงรู้สึกผิดไม่คิดว่าเธอจะเสียใจมากอย่างนี้ ก่อนจะดันร่างบางออก ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะใช้สองมือประคองแก้มนวลไว้ แล้วบอกว่า

“ไม่ต้องร้องแล้ว เพราะชายหน้าแขกคนนั้นคือฉันเอง”
กรรณิการ์นิ่งงันอย่างคิดไม่ถึง เธอมองหน้าคมอย่างตกตะลึง ปัดมือที่โอบประคองหน้าเธอออก ถอยห่างจากร่างสูงพลางถามเสียงแข็งอย่างสุดโกรธ “คุณทำอย่างนี้ทำไม”

“แล้วเธอปฏิเสธการขอแต่งงานของฉันทำไม”

“ฉันมีเหตุผล”

“ฉันก็มีเหตุผล”

“เหตุผลอะไร นอกจากหลอกฉัน คุณสนุกมากไหมที่เห็นน้ำตาฉัน เห็นฉันเสียใจ เจ็บปวดอยู่แบบนี้”

เรียวมองใบหน้างามที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา แล้วถามออกมาด้วยความนิ่งขรึม “แล้วเธอละสนุกมากไหม ที่ปั่นหัวฉันเล่น ปฏิเสธการแต่งงานกับฉัน ประชดฉันด้วยการเป็นนางฟ้าดาวเด่น นุ่งน้อยห่มน้อยให้ไอ้พวกภมรประมูลโลมลูบด้วยสายตามากกว่าที่จะให้ฉันลูบไล้เธอ ถ้าเธอสนุกฉันก็สนุก แต่ถ้าเธอไม่ ฉันก็ไม่เหมือนกัน”

“แสดงว่าที่คุณยอมเสียเงินยี่สิบล้าน ปลอมตัวเป็นชายหน้าแขก ก็เพื่อแก้แค้นฉัน”

“เปล่า แต่อยากสั่งสอนให้รู้เสียบ้าง ว่าน้ำตาที่ไหล ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น มันเป็นผลมาจากการที่เธอทำเพื่อประชดคนอื่น โดยไม่สนใจว่าตัวเองและใครจะเป็นยังไง แล้วถ้าไอ้หน้าแขกนั้นไม่ใช่ฉัน เธอจะได้มานั่งเสียใจ มาต่อว่าฉันอยู่อย่างนี้หรือเปล่า หรือว่าจริงๆแล้วเธออยากเป็นนางโลมมาก ถึงได้ทำ และไม่ได้มีใจให้ฉัน ไม่ได้รักฉันจริงอย่างที่บอก แต่อยากจะเป็นของคนอื่น ถ้างั้นก็บอกฉันมากรรณิการ์ ถ้าใช่ แค่บอกมาคำเดียวเท่านั้น ว่าไม่ได้รักฉัน แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”

กรรณิการ์กำมือไว้แน่นแล้วหันหน้าไปทางอื่น เมื่อความโกรธยังมีจนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีก เรียวมองร่างบางที่เมินมองอย่างไม่ต้องการเห็นเขา ก็บอกว่า “เธอเสียใจแล้วคิดว่าฉันไม่เสียใจเหรอ เธอร้องให้ ให้ฉันเห็นน้ำตาแล้วคิดว่าฉันไม่ร้องหรือไง หรือเพราะว่าเธอไม่เคยเห็น จึงได้ทำร้ายหัวใจฉันครั้งแล้วครั้งเล่า”

กรรณิการ์อึ้งไปทั้งใจ จากที่โกรธเพราะถูกเขาหลอกกลายเป็นผิดเพราะได้ทำร้ายหัวใจเขา จึงหันมามองร่างสูง แต่เขาไม่อยู่ในห้องอีกแล้ว น้ำตาอีกหยดจึงไหลรินรดแก้มพร้อมความรู้สึกผิดไปทั้งใจ ที่ทำให้คนที่มีใจให้เธอ ดูแลเธอ ต้องเสียใจ
***********
แสงไฟในยามราตรีสว่างขึ้นมา เมื่อพระอาทิตย์ได้ลาลับไป หญิงสาวที่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องบนคอนโดหรู มองแสงไฟไกลๆที่สว่างขึ้นอย่างเลื่อนลอย เพราะจนบัดนี้เธอก็ไม่เข้าใจว่าถูกจับตัวมาขังอยู่ในคอนโดนี้ทำไม และคนที่จับตัวเธอมาก็หายออกไปจากห้องตั้งแต่เช้าแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย และเพียงแค่คิดถึงคนที่จับเธอมา เขาก็เปิดประตูเข้ามาให้เธอเห็น หญิงสาวจึงทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่จำต้องเก็บไว้ แล้วคิดว่าเธอน่าจะลองพูดกับเขาดีๆ บางทีอาจจะรู้เหตุผลที่เขาจับเธอมาก็ได้ แต่เธอยังไม่ทันได้ถาม เสียงเขาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ไปแต่งตัว” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับโยนถุงกระดาษที่ถืออยู่ให้เธอ ซึ่งยกมือขึ้นรับโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ได้มองของในถุงนอกจากถามว่า

“คุณจะพาฉันไปไหนค่ะ”

“เธอไม่มีสิทธิถามนอกจากทำตามคำสั่งฉัน”

“แต่ฉันมีสิทธิจะรู้ ว่าคุณจะพาฉันไปไหน ทำอะไร ถ้าจะพาไปฆ่าอย่างที่บอก ฉันจะได้สวดมนต์อธิษฐาน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาพานพบเจอกับคุณอีก และจะอโหสิกรรมให้คุณจะได้เลิกจองเวรจองกรรมกับฉันเสียที หรือถ้าไม่ได้พาไปฆ่าก็กรุณาก็ช่วยบอกฉันก่อนตาย จะได้เป็นพระคุณอย่างสูง”

“งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันอยากเรียกร้องสิทธิขึ้นมาบ้าง เธอจะว่ายังไง”เขาถามเสียงเรียบ แต่หญิงสาวรู้สึกเย็นยะเยือกยังไงไม่รู้ จึงเดินถอยหนีอย่างไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่

“สิทธิอะไร”

“เจ้าของตัวเธอ”

“หมายความว่าไง” หญิงสาวถามอย่างสงสัยแล้วแสร้งยิ้มเพราะหมั่นไส้พลางลอยหน้าลอยตาประชดออกมา “หรือว่าที่คุณจับฉันมาเนี๋ย เพราะอยากได้ฉันเป็นเมีย”

“ใช่”

หญิงสาวนิ่งงันไปกับคำตอบ ก่อนจะพูดออกมาอย่างหวั่นๆว่า “คุณพูดเล่น”

“คนอย่างฉันพูดจริงเสมอ”

“พูดเล่นก็ได้นะ เพราะเมื่อกี้ฉันประชด แต่ถ้าพูดจริงไม่ต้องทำให้เป็นจริงก็ได้นะ เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้ และจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อฉันกับคุณเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือว่าคุณรู้จักฉัน แต่คุณจะรู้จักฉันได้ไง ในเมื่อ...”

“นมพุดแก้ว”

หญิงสาวอึ้งไป เพราะชื่อที่เขาเอ่ยออกมานั้นคือชื่อคุณย่าของเธอ ที่หายออกจากบ้านเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ยังมีข่าวคราวส่งมาให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน แม้ครอบครัวของเธอจะพยายามตามหา แต่หายังไงก็หาไม่เจอ จึงได้แต่หวังว่าสักวันจะได้เจอ แล้ววันนี้ ตอนนี้ผู้ชายคนนี้มาพูดชื่อท่านออกมา ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นด้วยความหวังแล้วปรี่เข้าไปหาเขาโดยลืมไปว่าอย่าเข้าใกล้เขาเด็ดขาด

“คุณรู้จักคุณย่าฉันเหรอ คุณเคยเจอท่านไหม ท่านอยู่ไหน คุณพาฉันไปหาท่านหน่อย”
ชายหนุ่มหลุบตามองมือบางที่จับแขนเขาไว้นิ่งๆ หญิงสาวจึงเหมือนจะรู้สึกตัว รีบดึงมือกลับ แต่กลับถูกเขาจับไว้ และบอกว่า “ถ้าอยากเจอก็มีทางเดียว ทำตามที่ฉันสั่ง แก้วกัลยา อนิราช”

หญิงสาวนิ่งงันไปอีกครั้งเมื่อเขาเอ่ยชื่อเธอออกมา ซึ่งเป็นชื่อที่คนเป็นย่าตั้งให้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับนามสกุลของเธอที่มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะรู้ เพราะเป็นนามสกุลเก่าที่คุณย่าให้เธอใช้เพียงคนเดียว แต่เขาพูดออกมาแสดงว่าเขารู้จักคุณย่าเธอจริงๆ แต่...แก้วกัลยามองหน้าคมที่มีหนวดเคราอยู่ครึ่งหน้า อย่างไม่ค่อยไว้ใจ

“ฉันจะรู้ได้ไง ว่าคุณจะไม่หลอก เพราะแม้แต่ชื่อคุณฉันก็ยังไม่รู้จัก ความเป็นมาของคุณ เหตุผลที่คุณเอาตัวฉันมา ฉันก็ยังไม่รู้ แล้วคุณจะมาสั่งให้ฉันทำโน้นทำนี้เพียงเพื่อเอาชื่อของคุณย่าฉันมาอ้าง มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ”

“แล้วมันจะยากตรงไหน เพราะถ้าเธอไม่ทำเธอจะไม่ได้พบเจอคนในครอบครัวเธออีกตลอดชีวิต รวมทั้งคุณย่าของเธอด้วย แต่เอาเถอะ เพื่อมนุษย์ธรรมเพื่อเห็นแก่ลูกกะตาดำๆของเธอ ฉันมีข้อเสนอ”

“อะไร”

“ถ้าเธอทำตามคำสั่งฉัน ฉันให้เธอถามเรื่องที่อยากรู้ได้ หนึ่งการกระทำต่อหนึ่งคำตอบ ตกลงไหม” แก้วกัลยานิ่งคิด แล้วพยักหน้าตกลงทั้งๆที่ไม่ค่อยไว้ใจเขา แต่ก็ยังดีกว่าต้องทำตามคำสั่งเขาโดยไม่รู้อะไรเลย “’งั้นว่าคำถามแรก เพื่อแลกกับการที่ต้องไปกับฉันมาได้เลย”

“คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณย่าฉันอยู่ที่ไหน”

“ใช่”

“คุณพาฉันไปหาท่านได้ไหม”

“อย่าโลภมาก รีบไปแต่งตัวได้แล้ว และถ้าช้าฉันจะแต่งให้เธอเอง เพราฉันถนัดเรื่องถอด แล้วใส่”

แก้วกัลยาขึงตาใส่คนพูดพลางทำหน้างอแล้วเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำ ทั้งๆที่มีข้อสงสัยอีกมากมายที่จะถามโดยเฉพาะข้อที่ว่าเขารู้จักกับคุณย่าเธอได้ยังไง เธอเดินเข้ามายืนคิดวนเวียนกับคำถามที่ผุดขึ้นมา และอยากจะส่งข่าวนี้ให้พ่อกับแม่เธอได้รู้ พวกท่านจะได้ดีใจ แต่เธอจะทำได้ยังไง ในเมื่อเขากักตัวเธอไว้อย่างนี้ แล้วป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้าง จะห่วงเธอแค่ไหน ที่จู่ๆเธอหายตัวมาแบบนี้ คิดมาถึงตรงนี้ แก้วกัลยาก็หน้าเศร้า ก่อนจะปัดความเศร้าทิ้งไป เพราะยังไง เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังอยู่บนโลกเดียวกัน สักวันเธอคงจะได้กลับไปเจอและอยู่กับพ่อแม่เหมือนเดิม

แก้วกัลยาคิดให้กำลังใจตัวเอง แล้วเปิดถุงกระดาษที่อยู่ในมือออกดู ก็ได้เห็นว่ามีเสื้อผ้าทั้งชั้นนอกชั้นในที่ซักมาแล้วเรียบร้อยเพราะมีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มติดอยู่ รวมทั้งเครื่องสำอางแบรนด์ดังยี่ห้อหรู สำหรับผู้หญิง ‘คนรวย’เธอค่อนขอดคนที่ยืนอยู่ข้างนอกในใจ แล้วหยิบชุดชั้นในออกมาดูชิ้นแล้วชิ้นเล่า ยี่ห้อที่เห็น ไซด์ที่ติดอยู่ ทำให้แก้มเธอแดงขึ้น จากที่อายกลายเป็นโกรธ จึงเปิดประตูออกมาโดยไม่ได้คิดก่อนทำ ยื่นชุดให้เขาดูแล้วถามด้วยความโมโห

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉัน...” ถามออกไปแล้วแก้วกัลยาก็เหมือนจะคิดได้ว่าทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ แต่จะกลับลำก็สายไปแล้ว จึงโดยน้ำคำที่เจ็บๆแสบๆตอกกลับมา

“ก็คิดดูว่าเมื่อคืนเธอโดนฉันกอด ฉันหอม ฉันจับจูบลูบคล้ำไปกี่ครั้งแล้ว และถ้ายังนับไม่ได้...” เขาหยุดพูดแล้วเดินเข้าหา แก้วกัลยาจึงรีบปิดประตูใส่หน้า โดยไม่สนใจว่าเสียงจะดังประตูจะพังหรือเปล่า ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มขำเพียงนิดเดียว แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง เพื่อสั่งนักรบของเขาให้ไปเยี่ยมแบล็กไนท์
********
บนฟ้าดำมืดพร่างพราวด้วยแสงดาวส่องลงมาบนถนนสายบันเทิงที่สว่างจ้าด้วยแสงไฟนับพันดวง เพื่อให้เห็นร้านรวงต่างๆ ที่ตั้งอยู่สองข้างทาง คึกคักด้วยเหล่าภมรและผีเสื้อราตรีที่ต่างแต่งตัวออกมาโชว์ความสวยงาม เชิญชวนทุกคนที่หลงใหลแสงสีเสียงให้เข้ามาหา และหนึ่งในนั้นก็คือโรส ซึ่งเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ แต่คืนนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะได้มาเยือนแบล็กไนท์ที่ยิ่งใหญ่ แม้ตอนแรกเธอจะพึ่งไอ้หน้าหนวดให้พามา แต่ตอนนี้เธอคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับมันให้มีเสนียดติดตัว เพราะนางกาหลงที่เธอให้มันไปจัดการ ถูกไอ้หน้าแขกลากไปแล้ว ป่านนี้คงจะถูกปู้ยี่ปู้ยำ จนไม่อาจมาเป็นก้างขวางทางเธอได้อีกแล้ว เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าคนพวกนี้ตะกละ มูมมามและน่ากลัวแค่ไหน

โรสคิดพลางมองความยิ่งใหญ่ของแบล็กไนท์และเริ่มที่จะฝันกลางวันว่าถ้าเธอได้นั่งเป็นนายแม่ของที่นี่จะดีแค่ไหน แล้วหยุดความฝัน ปรับสีหน้าให้เริด เชิดขึ้น เปิดยิ้มนิดๆ เดินเข้าไปข้างในที่เปิดเป็นผับ พนักงานต้อนรับโค้งคำนับให้เธอ พร้อมบริการราวกับเธอเป็นนางฟ้า พาไปหาโต๊ะนั่ง ภมรหลายคนต่างหันมามองเธออย่างสนใจ โรสทอดสายตาให้ แต่ไม่เข้าไปสานสัมพันธ์ เพราะเธอมีเป้าหมายอยู่แล้ว แล้วสั่งเครื่องดื่มเบาๆมานั่งดื่ม พร้อมกวาดตามองไปรอบผับเพื่อหาคนที่ต้องการเจอ

ขณะที่หน้าร้าน รถยนต์สีดำคันหรูก็ถูกขับเข้ามาจอด คนที่นั่งอยู่ในรถมองความยิ่งใหญ่ของแบล็กไนท์ทั้งแสงสี การตกแต่งสวยสมกับความเป็นหนึ่งบนถนนเส้นนี้จริงๆ แล้วดึงสายตากลับมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้างามแต่งแต้มด้วยสีสันให้กลมกลืนสวยขึ้น เส้นผมม้วนเป็นเกลียวไปติดกิ๊บไว้ด้านหลัง ส่วนรูปร่างก็สวยอยู่ในเดรสสีดำคล้องคอสั้น โชว์เนินอก และเรียวขาเพราะชุดสั้นแค่เข่า ดวงตาคมบอกความพอใจ แต่หญิงสาวคงไม่พอใจเท่าไหร่เพราะถูกบังคับให้มา แล้วยกมือขึ้นจับปลายผมนุ่มม้วนเล่นเบาๆ

แก้วกัลยายกมือขึ้นปัดมือเขาออก แต่กลายเป็นส่งมือไปให้เขาจับแทน แล้วกระตุกจนตัวเธอเอนมาซบอก พอเธอจะดันตัวออก ก็ได้ยินเสียงห้าวถามขึ้น

“หนาวหรือเปล่า”

“ไม่” เธอบอกทั้งที่หนาวเพราะชุดเปิดไหล่เว้าหลังแล้วจะดันตัวออก แต่อ้อมแขนที่กอดไว้กลับรัดไว้แน่น และได้ยินเสียงห้าวบอกว่า

“แต่ฉันหนาว”

“หนาวอะไรกัน ใส่เสื้อตั้งสองชั้น ทั้งเสื้อเชิ้ตเสื้อสูท เสื้อ...” แก้วกัลยาหยุดคำพูดของตัวเองไว้แทบไม่ทัน เมื่อเขาก้มหน้ามาเหมือนจะจูบแต่ไม่จูบแต่พูดชิดริมฝีปากเธอว่า

“หนาวเนื้อ”

แก้วกัลยาหน้าเห่อแดงขึ้นมาอย่างรู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูด แล้วรีบดันตัวเอาออกจากอ้อมแขนแกร่ง เมื่อเปิดประตูรถถูกเปิดออก แล้วลงมายืนอยู่ข้างรถ ขณะที่ชายหนุ่มก็ลงมายืนอยู่เช่นกัน และมองหญิงสาวให้เดินมาหา แต่แก้วกัลยาทำไม่รู้คำสั่งด้วยสายตาของเขา แววตาคมจึงกระด้างขึ้นจนเธอไม่กล้าเสี่ยงจึงลากขาเดินมาหาอย่างไม่ค่อยพอใจ และบ่นในใจว่าทำไมเธอต้องทำตามใจเขาด้วย

ชายหนุ่มมองร่างบางที่เดินมายืนข้างๆ แล้วยกมือสอดเข้าไปในเสื้อสูทตัวเอง หยิบผ้าผืนบางที่นุ่มและอุ่นออกมาคลุมไหล่ให้ แก้วกัลยาจึงมองหน้าคมอย่างแปลกใจและไม่ได้อุ่นแค่ไหล่ แต่ยังอุ่นไปถึงมือ เมื่อเขาจับมือเธอไว้ แล้วพาเดินเข้าไปข้างใน โดยมีลูกน้องเขาเดินตามมาข้างหลัง แก้วกัลยาเดินตามไปพลางมองมือตัวเองที่อยู่ในมือเขา ที่เธอรู้สึกว่ามันไม่ได้อุ่นแค่มือแต่อุ่นไปถึงใจ

พนักงานต้อนรับโค้งคำนับให้ทั้งคู่อย่างสวยงาม แล้วบริการด้วยการพาไปที่โต๊ะด้านใน ชายหนุ่มนั่งลงพร้อมหญิงสาว เขาสั่งเครื่องดื่มมาให้ตัวเองและเธอ พลางมองไปรอบร้าน แต่สายตาเขาไม่ได้สนใจการตกแต่งของร้านและคนในร้าน แต่กำลังมองหาเจ้าของร้านซึ่งยังไม่เห็น แต่ไม่เป็นไร เขาไม่รีบ เวลาสำหรับเขายังมีอีกมาก จึงนั่งดื่มไปเรื่อยๆ และคิดว่า ถ้าคืนนี้ไม่ได้เห็นหน้าก็ไม่เป็นไร เพราะที่เขามาก็แค่อยากมาดูหน้า ลูกชายของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ชีวิตเขาต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดเท่านั้นเอง ขณะที่แก้วกัลยาก็นั่งมองความสวยงามละลานตาของผับ ซึ่งตกแต่งได้เรียบหรู ดูดี เพลงเพราะจนเคลิ้ม แล้วหันมามองเขาที่นั่งดื่มไปเรื่อยๆ พลางสงสัยว่าเขาพาเธอมาเป็นไม้ประดับ หรือมาทำอะไรกันแน่

ส่วนโรสที่เข้ามานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ก็เริ่มที่จะเบื่อ เมื่อจนแล้วจนเล่าเธอก็ยังไม่เห็นเขา จึงลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่จริงๆแล้วเธอมีแผนอื่นอยู่ในใจต่างหาก
********
หลังจากที่รู้ความจริงและความผิดของตัวเองแล้ว กรรณิการ์ก็นั่งมองประตูห้องนอน ด้วยหวังว่านายเทวดาจะเดินเข้ามา แล้วเธอจะได้ขอโทษเขา แต่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังไม่เข้ามา หรือว่าเขาจะโกรธเธอมาก กรรณิการ์คิดอย่างเศร้าๆ แล้วเปลี่ยนความคิดที่จะรอเป็นรุกลุกขึ้นเดินไปหาเขา ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน แต่ไม่เป็นไรเธอจะหาให้เจอเพราะเขาต้องอยู่ในแบล็กไนท์แน่นอน ขณะที่คนที่เธอกำลังจะไปหายืนอยู่หน้าห้องทำงานมองนักท่องราตรีที่เข้ามาในร้าน เพราะระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่อาจทำให้เขานิ่งนอนใจในภัยมืดที่มองไม่เห็นได้อีกแล้ว แม้จะมีเรื่องนางกาหลงค้างคาอยู่ในใจ แต่เขาต้องเก็บไว้ก่อน

เรียวยืนมองความเป็นไปในร้านด้วยสีหน้านิ่งขรึม จนนักล่าทะเลทรายที่ยืนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้น

“คุณเรียวบอกเธอไปหรือยังครับ”

“หน้าฉันไม่บอกนายรึไง”

คำพูดที่เหน็บแนมทำให้นักล่าทะเลทรายต้องแอบยิ้ม แล้วบอกว่า “บอกครับ แต่อยากจะให้คุณเรียวพูดอะไรออกมามากกว่าจะนิ่งเฉย และถ้ายังพูดยังไม่เข้าใจ ก็น่าจะกลับไปพูดกับเธออีกครั้ง”

“ฉันมีงานต้องทำ”

“แต่ทำให้เธอเสียใจนานๆไม่ดีนะครับ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น จริงๆแล้ว...”

นักล่าทะเลทรายกำลังจะบอกว่าผิดกันทั้งสองฝ่าย แต่สายตาคมดุที่ตวัดมองมา ทำให้เขาต้องเงียบ แล้วเดินตามร่างสูงที่เดินลงไปข้างล่าง โดยไม่เห็นว่าที่ทางเดินมุมห้อง กรรณิการ์กำลังเดินมาหา แล้วต้องเดินตามทั้งคู่ลงมาด้วย และการลงมาข้างล่าของเรียวก็ทำให้คนที่รออยู่ แย้มริมฝีปากออกหยัน และจับตามองเขาทุกฝีก้าว ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่นักรบของเขาได้ก้มลงมากระซิบให้มองหญิงสาวที่กำลังเดินตามทั้งคู่มาห่างๆ

“ใคร”

“นางฟ้าดาวเด่น ผู้หญิงที่เขาประมูลได้เมื่อคืนครับนาย”

ดวงตาคมวาวขึ้น แล้วมองหญิงสาวที่งามสมฉายาพร้อมชมความตาถึงของคนที่เขาจับตามองอยู่ แล้วตวัดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆพลางเกี่ยวเอวบางให้เข้ามาชิด

“อุ๊ย” แก้วกัลยาร้องออกมาเบาๆเพราะตกใจพร้อมกับมองหน้าคมอย่างไม่ค่อยพอใจที่หยาบคายกับเธอ แต่ชายหนุ่มมองความไม่พอใจนั้นเฉยๆ แล้วบอกว่า “ไปผูกไมตรีกับผู้หญิงคนนั้นให้หน่อย” แก้วกัลยาทำหน้างงๆ ก่อนจะมองตามสายตาเขาที่มองไปที่หญิงสาว ซึ่งพอเห็นใจเธอก็วูบไปนิดด้วยคิดว่าเขาคงชอบ แล้วหันมาบอกเขาว่า

“คุณอยากรู้จัก ก็ไปผูกไมตรีเอาเองซิ”

“แน่ใจหรือว่าจะไม่ทำ”

คำถามนั้นแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากข่มขู่เธอด้วยเรื่องของคนเป็นย่า แก้วกัลยาจึงทำหน้างอ แล้วถามต่อ “จะให้ฉันทำยังไง”

“มีสมองก็คิดดูซิ แต่ถ้าคิดไม่ออก ฉันก็จะไม่บอกเรื่องย่าของเธอ”

“แล้วฉันจะไปรู้ความคิดของคุณได้ไง ว่าต้องการอะไร”

“ไม่รู้ใจฉันเลยเหรอ”
“ถ้ารู้ ฉันจะหนีไปให้ไกล จะไม่ยอมถูกคุณจับตัวมาข่มขู่หรือสั่งให้ทำโน้นทำนี้อยู่อย่างนี้หรอก” น้ำเสียงเข้มๆนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น แล้วกระซิบชิดแก้มนวลให้ใจนวลนางหวั่นไหวว่า

“ต่อให้เธอหนีไปสุดล้าฟ้าเขียว ก็ไม่มีทางที่จะหนีฉันพ้น เพราะเธอเป็นของฉัน”

แก้วกัลยาอยากจะตะโกนใส่หน้าว่าไม่ได้เป็น แต่พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง เพราะจอมเผด็จการอย่างเขาคงไม่ยอมฟัง และอาจจะทำอะไรให้เธอเจ็บใจมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ จึงข่มอารมณ์ที่กรุ่นโกรธไว้ แล้วถามออกมา “ตกลงคุณจะให้ฉันไปหาเธอทำไม”

ชายหนุ่มอยากจะบอกความต้องการของตัวเอง แต่คิดอีกทีเก็บเธอไว้ข้างตัวเขาอย่าเอามาเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตจะดีกว่า จึงบอกว่า “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” แก้วกัลยาทำหน้างงๆ แล้วจะดันตัวออก แต่ชายหนุ่มกลับบอกว่า “อยู่เฉยๆ อย่าทำให้ฉันเปลี่ยนใจขึ้นมา” เธอจึงทำหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ แล้วอยากจะร้องกรี๊ดๆๆออกมาให้ลั่นผับ เมื่อเขาบอกว่า

“ถ้าไม่ทำหน้าให้ดี ก็จูบฉันทีจะได้ดีขึ้น”

เธอจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นรื่นเริงและฉีกยิ้มหวานประชด ชายหนุ่มหรี่ตาลงนิดแล้วชิดเชยชมความหวานตรงหน้าจนใจของแก้วกัลยาเต้นระบำก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากเขาอย่างเขินๆและแก้เขินด้วยการหยิบเครื่องดื่มมาดื่มแต่พอกินเข้าไป จึงได้รู้ว่าเธอหยิบผิดเพราะน้ำส้มกลายเป็นน้ำเมาบาดคอเธอจนหน้าแดงก่ำและไอแคกๆ มุมปากใต้หนวดจึงยิ้มขำพลางลูบหลังให้เบาๆ แต่สายตาเขามองไปยังคนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดของเขา

เรียวรู้สึกเหมือนถูกแอบมอง จึงหยุดเดินพลางหันไปมองด้านหลัง แต่ความสลัวของแสงไฟและจำนวนคนที่เข้ามาเที่ยว ทำให้เขาไม่สามารถที่จะจับได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเกิดมาจากใคร และนั่นทำให้โรสที่กำลังใช้เงินเปิดปากพนักงานในร้านเพื่อให้บอกเธอว่าเขาอยู่ไหน เห็นเข้าพอดี เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจแล้วรีบปรับสีหน้าให้สวย เปิดรอยยิ้มให้หวานแล้วปรี่เข้าไปหาพลางใช้มารยาแสร้งทำเป็นสะดุดขาให้ถลาไปหาเขา ขณะที่กรรณิการ์ที่รีบเดินมาหาเขาเช่นกัน ก็ได้เห็นภาพนั้นเข้าพอดี

เธอหยุดยืนนิ่ง แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบน โดยไม่เห็นว่าโรสไม่ได้ถูกตัวเรียวเลย เพราะนักล่าทะเลทรายใช้แขนกันไว้เสียก่อน แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่โรสเห็นเธอด้วย โรสรีบตั้งสติ แล้วถอยออกมาเพียงนิด ก็มองหน้าเรียวพร้อมกับพูดเสียงหวาน

“ขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไร” นักล่าทะเลทรายเป็นคนพูดแทน ส่วนเรียวออกเดินไปอย่างไม่สนใจ แต่ไปได้เพียงสองก้าวโรสก็ขยับไปขวางไว้ แล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาเยิ้มๆพร้อมแนะนำตัว “โรสค่ะ ฉันเคยเห็นคุณไปที่ร้านคณิกา”
เรียวหรี่ตาลงนิดก่อนจะตวัดไปมองหน้านักล่าทะเลทรายให้จัดการตัดสะพานที่เชื่อมาหาเขาให้ขาด แล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจ โรสมองตามหลังเรียวที่ไม่มองเธออย่างชายคนอื่นด้วยความเจ็บใจ โดยไม่เห็นว่านักล่าทะเลทรายจับตา มองเธออยู่ แล้วก็ถามออกมา

“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มี”

โรสบอกด้วยเสียงขุ่นๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองออกมาจากแบล็กไนท์ไปพร้อมกับความสงสัยว่าทำไมนางกาหลงถึงไม่เป็นอะไรเลย มิหนำซ้ำยังมาอยู่ที่นี่อีก แล้วไอ้หน้าหนวดกับไอ้ชายหน้าแขกที่ประมูลตัวนางกาหลงไป หายไปไหน หรือว่าเขาไปช่วยมันมา เพราะยังติดใจในความสวยของมันตั้งแต่ครั้งที่ได้รับดอกไม้จากมันไป โรสกำมือเข้าหากันแน่นเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ และไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว เธอจะต้องไปหาคำตอบคำตอบจากไอ้หน้าหนวด จึงเดินออกจากแบล็กไนท์ไป เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่มีหนวดเคราอยู่ครึ่งหน้า ก็จับมือแก้วกัลยาพากลับไปคอนโด
*******
เมื่อร้านเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหา เรียวก็กลับขึ้นมาที่ห้องทำงาน แต่ไม่ได้นั่งทำงานเขาเดินตรงไปยังบาร์เล็กๆที่มีเครื่องดื่มหลายชนิดให้เลือกแล้วหยิบขวดน้ำเมา มานั่งดื่มเงียบๆ นักล่าทะเลทรายที่เดินตามมาดูแล จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินไปยืนนิ่งอยู่มุมห้อง จนกระทั่งแสงไฟในร้านดับลงพร้อมกับน้ำเมาที่เรียวดื่มก็หมดขวด ก็เดินเข้ามายืนใกล้ๆ แล้วพูดขึ้น

“คุณเรียวเมาแล้วนะครับ”

“อยากจะชกฉันอีกหรือเปล่า” เสียงถามนั้นไม่มีอาการเมาให้เห็น นักล่าทะเลทรายจึงบอกว่า

“ไปชกกับนางกาหลงดีกว่าไหมครับ”

“ฉันแพ้มายกหนึ่งแล้ว อยากจะให้ไปชกอีกเหรอ”

“ยกแรกแพ้ แก้ตัวยกสองก็ยังไม่สายนี่ครับ แต่ถ้าแพ้อีก ไม่ต้องชกแล้วนะครับ ปล้ำเสียเลย”

เรียวยิ้มออกมานิดๆ แล้วบอกว่า “งั้นนายไปพักเถอะ” พูดจบเขาก็ลุกขึ้น เดินออกมาจากห้องทำงานไปห้องนอน โดยมีนักล่าทะเลทรายเดินตามไปห่างๆ พอเห็นว่าเรียวเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องแล้ว ก็เดินกลับไปพักผ่อน

เรียวอาศัยแสงสว่างจากโคมไฟหัวเตียง มองร่างบางที่นอนหันหลังให้อยู่บนเตียง เพียงครู่เดียวก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ไม่นานก็นุ่งกางเกงนอนเพียงตัวเดียวออกมา เขาเดินไปทอดตัวนอนอยู่บนเตียง และนอนนิ่งโดยไม่รู้ว่ากรรณิการ์ยังไม่หลับ เพราะภาพบาดตาทำให้เธอข่มตาหลับไม่ลง จนกระทั่งคิดว่าเขาหลับไปแล้ว จึงพลิกตัวกลับมาก็สบตากับเรียวที่มองมาพอดี
กรรณิการ์นิ่งไปแล้วจะพลิกตัวกลับ แต่เรียวขยับตัวมากอดเธอไว้เสียก่อน กรรณิการ์อยากจะขืนตัวออกเพราะน้อยใจเรื่องภาพบาดตา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกผิดที่มีอยู่ในใจ จึงพูดขึ้นว่า

“ฉันขอโทษค่ะ”

“แล้วจะยกโทษให้ฉันด้วยหรือเปล่า” เรียวถามเสียงนิ่งและทำให้กรรณิการ์นิ่งไปด้วย แล้วตะแคงตัวเพื่อมองใบหน้างามแล้วถามต่อว่า “ที่บอกฉันว่ามีเหตุผล บอกได้ไหมว่าเหตุผลอะไรที่ปฏิเสธไม่รับคำขอแต่งงานของฉัน”

กรรณิการ์นิ่งไปนิด แล้วบอกว่า “ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันกลัว เพราะชีวิตในร้านคณิกาสอนให้ฉันรู้ ฉันเห็นอะไรมากมาย และฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลย และถ้าสักวันเมื่อคุณไม่ต้องการฉันขึ้นมา ชีวิตคงเจ็บปวดน่าดู และที่สำคัญคือฉันกลัวใจคุณ กลัวว่าคุณแค่อยากได้ฉันตามประสาผู้ชาย ไม่ได้รักฉันจริงๆ”

“ทำไมไม่เชื่อใจฉัน ทั้งๆที่ฉันบอกเธอไปแล้วว่าชอบเธอ”

“แต่ยังไม่ได้บอกรัก”

“แล้วที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมา รวมทั้งขอแต่งงาน ไม่ใช่เพราะรักเหรอ”

“คุณอาจแค่อยากได้”

“ฉันได้แล้ว แล้วเป็นไง มันสำคัญกว่าคำว่ารักตรงไหน”

“ตรงหัวใจ”

เรียวนิ่งไปแล้วคิดถึงคำว่ารักที่เธอบอกเขา ซึ่งทำให้หัวใจเขาพองโตและรักเธอมากขึ้นไปอีก จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบสิ่งที่เขามองข้ามไปเพราะคิดว่าบางทีการกระทำจะสำคัญกว่าคำพูด แววตาที่เคร่งเครียดจึงหายไปเมื่อเข้าใจเธอแล้ว แล้วบอกว่า

“งั้นเราหายกัน”

“แต่ฉันยังไม่หายโกรธ” กรรณิการ์บอกอย่างงอนๆ เพราะยังไม่ได้ถามเรื่องภาพบาดตา แต่เรียวไม่รู้ และไม่ได้สนใจนอกจากจะบอกว่า

“ฉันจะทำให้หาย” พูดจบเขาก็โฉบริมฝีปากลงมาจูบริมฝีปากอิ่มที่กำลังจะส่งเสียงห้ามอย่างรู้ทัน แต่ไม่ทันเรียวที่เกี่ยวกระหวัดหาความหวานจนชื่นใจก็ถอนริมฝีปากออกมาคลอเคลียที่แก้มนุ่ม กรรณิการ์รีบเบี่ยงหน้าออกห่างพลางบอกว่า

“พอแล้วค่ะ”

“แค่จูบที่ปากจะพอได้ยัง มันต้องจูบทั้งตัวแล้วรักทั้งใจ อย่างน้อย...” เรียวยกนิ้วให้เห็นว่าเท่าไหร่ กรรณิการ์จึงหักนิ้วเขาลงให้เหลือแค่นิ้วเดียว เรียวจึงยกขึ้นอีกนิ้ว พร้อมกับบอกว่า “เธอทำให้ฉันอัดอั้นมาตั้งนาน ฉะนั้นแค่นิ้วเดียวไม่พอ”

“พอค่ะ แต่ถ้าไม่พอคุณเรียวจะรับผิดชอบนางกาหลงหรือเปล่า”

“รับครับ” เรียวบอก “จะรับนางกาหลงไว้เป็นเมียเพียงคนเดียวตลอดไป แล้วนางกาหลงจะรับคุณเรียวไว้เป็น...”

“รับค่ะ”

“รู้หรือว่าให้เป็นอะไร” กรรณิการ์หน้าแดงที่เขาช่างล้อเธอ และคะยั้นคะยอให้เธอพูดออกมา กรรณิการ์ได้แต่บ่ายเบี่ยง ซึ่งเรียวก็ยอม แต่ยอมให้แค่คำพูดเท่านั้นเพราะการกระทำนั้นเขาไม่ยอม ปล้ำถอนขนจนเหลือแต่ตัวแล้วกอดจูบเธอจนระทวยไปทั้งตัว กรรณิการ์นอนหอบอยู่ใต้ร่างเขาแล้วสบตาคมที่มองเธออย่างจะกลืนกินก็บอกอย่างเขินๆว่า

“เมื่อกี้คุณเรียวยังไม่ได้บอกเลย” เรียวนิ่งไปนิดแล้วคิดออกว่านางกาหลงอยากรู้อะไร จึงยิ้มให้พลางถามว่า

“อยากฟังเหรอ”

“ค่ะ ซ้ำหลายครั้งด้วย”

“งั้นพูดเพราะๆหน่อย แล้วฉันจะบอกว่ารักเธอแค่ไหน”

กรรณิการ์ไม่พูดแต่ยิ้มหวานพลางยกมือขึ้นลูบปลายคางเขา แล้วเลื่อนลงมาที่ไหล่ อกแกร่งที่มีไรขนบางๆ และวนเวียนอยู่กับยอดอกเขา ก่อนจะเลื่อนลงไปสู่หน้าท้องเขา ทั้งที่หน้าเริ่มแดง เรียวหรี่ตามองท่าทางยั่วยวนแล้วคิดว่าการนอนพูดดีกว่านั่งพูด มันดีอย่างนี้นี่เอง
********

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ




pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2555, 17:04:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2555, 17:04:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 9307





มะลิ 3 ส.ค. 2555, 17:07:04 น.
เจิมค่ะ


หนอนฮับ 3 ส.ค. 2555, 17:26:00 น.
อิอิ


pkka 3 ส.ค. 2555, 17:28:07 น.
เข้มข้นๆ


supayalak 3 ส.ค. 2555, 17:35:24 น.
จบลงด้วยดี แล้วไปค่ะ โล่งไปอีกหนึ่งครั้ง


Auuuu 3 ส.ค. 2555, 17:49:20 น.
นอนพูดดดดด กรี๊ดดดดดดด


ByFaR 3 ส.ค. 2555, 17:52:54 น.
like this one


grazioso 3 ส.ค. 2555, 18:26:38 น.
กรี๊ดดดดดดดด เข้าใจกันซะที คนอ่านลุ้นแทบแย่ ๕๕๕ :)


เด็กหญิงม่อน 3 ส.ค. 2555, 18:31:25 น.
ยังไม่เคลียร์เรื่องภาพบาดตาเลยนะจ๊ะคุณเรียว


นกขมิ้น 3 ส.ค. 2555, 20:33:20 น.
อิๆๆๆๆๆๆ นายเรียวนายแน่มาก


goldensun 3 ส.ค. 2555, 20:38:08 น.
งงกับตอน 15 ค่ะ ก็กาหลงรู้ว่าเป็นเรียวแล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นเรียวเพิ่งบอกความจริง


mhengjhy 3 ส.ค. 2555, 20:47:24 น.
สงสัยต่อไปคุณเรียวจะนอนพูดอย่างเดียว


nutcha 3 ส.ค. 2555, 23:06:36 น.
คุณเรียวรีบเคลียร์เรื่องโรสด้วยนะเดี๋ยวมีงอนอีก


nutcha 3 ส.ค. 2555, 23:06:57 น.
คุณเรียวรีบเคลียร์เรื่องโรสด้วยนะเดี๋ยวมีงอนอีก


คิมหันตุ์ 4 ส.ค. 2555, 00:21:48 น.
แน่ะ น่ารักกันอีกแล้ว


mais 4 ส.ค. 2555, 00:46:51 น.
อั้ยย่ะ!!!!!


แพม 4 ส.ค. 2555, 01:18:12 น.
ยังงงอยู่นิด ๆ ว่าแก้วกัลยามาได้ไง หรือเราจะอ่านข้ามไปหว่า


Sir0737 4 ส.ค. 2555, 09:07:07 น.
นอนคุยต้องดีกว่าอยู่แล้ว....


HoneyPuifai 4 ส.ค. 2555, 14:19:27 น.
กรี๊ดๆๆๆ อ่านไปเขินไป แต่สงสัยอีกคู่มากๆ เลย เปงผู้ใดกัน


omelate 4 ส.ค. 2555, 14:31:14 น.
หวานแหวว


Zephyr 4 ส.ค. 2555, 16:45:30 น.
ต่อไปตาเรียวคงไม่ยอมนั่งคุยแน่ๆเลย อิอิ
เคลียร์เรื่องยัยดรสด้วยน้าาาา เดี๋ยวงานงอกยาวหรอก หึหึ
อีกคู่นี่ ตานั่นมาจากอดีตทะเลทรายจริงด้วย เกี่ยวกะเจ้าพ่ออ่าง


เพลา 4 ส.ค. 2555, 20:22:16 น.
หวานก่อนมีเรื่องร้ายป่าวเนี่ย อีกคู่นึงก้อท่าจะดุเดือด


kloz 4 ส.ค. 2555, 21:25:23 น.
อ๊ายยย ตาร้อนผ่าววว
สวีทกันไม่เกรงใจคนอ่านเลย 555


konhin 4 ส.ค. 2555, 22:54:12 น.
ว้าว นึกว่าจะโดนงอนนานกว่านี้ โดนใจจจจจจจ


nunoi 5 ส.ค. 2555, 10:16:46 น.


anOO 5 ส.ค. 2555, 16:08:51 น.
เราก็งงเรื่องแก้วกัลยาเหมือนกัน
แต่คิดว่าอีกสักตอนสองตอนความจริงก็จะกระจ่าง


เพชร 5 ส.ค. 2555, 17:37:57 น.
กรี๊ดดดดดดด
^^ รับค่ะ


แกะดำ 5 ส.ค. 2555, 18:42:41 น.
เพิ่ม หวานอมเปรี้ยวมาอีกคู่แล้ว 55

นายเรียวก็หื่น จะนอนคุยท่าเดียว (เอ้ะ หรือหลายท่า) 55


แว่นใส 5 ส.ค. 2555, 22:19:56 น.
ไม่ระวังตัวเลยคุณเรียว


tutas 6 ส.ค. 2555, 10:22:18 น.
อยากนอนพูดกับคุณเรียวมั่งจัง


kaero 6 ส.ค. 2555, 11:40:24 น.
โอ๊ะๆๆๆๆ คิว่าตัวเองเป็นนางกาหลง 555555


nupuk 6 ส.ค. 2555, 19:55:46 น.
ตรงคำในเมื่อความเป็นจริงเป็นดังมุดที่ตอกลึกฯ จะเป็นคำว่าหมุด หรือเปล่าค่ะ


ยิหวา 6 ส.ค. 2555, 20:25:50 น.
อร๊ายยย เขินชะมัด อิอิ


moodang 6 ส.ค. 2555, 23:46:54 น.
คุณ goldensun: ต้องย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 15 (วันที่ 16 ก.ค.) อันนั้นพี่พรีมเค้าแก้ไขบทที่ 14 และเติมบทที่ 15 ลงไป แล้วก้อตามต่อในบทที่ 16 นะคร๊าบบบ มีการแก้ไขบทท้ายๆ ๆ ของ 15 นิสส์หน่อย
ส่วนคุณแก้วกัลยา น่าจะมาเมื่อตอนที่แล้วอะ ย้อนกลับไปอ่านกันดูนะคร๊าบบบบบ


april 7 ส.ค. 2555, 15:21:35 น.
หุ หุ


dodoisdog 30 ธ.ค. 2555, 02:21:03 น.
อ่านย้อนหลังยังหรอคะ เราพึ่งสมัครอ่าค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account