ภารกิจ(ลับเฉพาะ)รัก
เมื่อวิศวกรสาวจอมห้าว กำลังตกที่นั่งลำบากถูกพ่อแม่ขอร้องให้แต่งงาน ภารกิจลับๆระหว่างเธอกับเพื่อนสนิทในกลุ่มจึงเกิดขึ้น...
Tags: โรแมนติถคอมเมดี้
ตอน: 1 นารีขี้เมา
บทที่ ๑ นารีขี้เมา
ร้านอาหารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงยีนส์ตัวเก่งกำลังนั่งเท้าคางเป็นการพยุงศีรษะที่โงนเงนจนเกือบจะฟุบกับโต๊ะให้ตั้งอยู่ได้ เด็กเสิร์ฟในร้านเดินมาพูดกับลูกค้าสาวอย่างมีมารยาท
“พี่ครับ ร้านเราใกล้จะปิดแล้วนะครับ”
“ก็ปิดปายสิ ครายปายห้ามล่ะ” เสียงอ้อแอ้ของหญิงสาวตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองกำลังถูกไล่ออกจากร้านกลายๆ เพราะในสมองของเธอตอนนี้มีแต่ประโยคที่ไม่อยากได้ยิน
“ชมพูตอบตกลงแต่งงานกับลูกชายพ่อเลี้ยงพนัศเถอะนะลูก” เสียงขอร้องของมารดาวนเวียนอยู่ในหัวสมองของหญิงสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่เธอจะโทรศัพท์คุยกับมารดาแล้วจะไม่ได้ยินประโยคนี้
“เอ่อ พี่ครับคือว่า...”
“เฮ้ยย ปายไกลๆเลยปาย ฉันอยากอยู่คนเดียว อย่ามายุ่ง เข้าจายไหม ร้านจะปิดก็ปิดไปสิ เกี่ยวไรกะฉันเล่า” ร่างบางส่งเสียงตะคอกกลับอย่างไม่พอใจ
“น้องคะน้อง” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง ทำให้เด็กเสิร์ฟที่ถูกตะเพิดหันมามองตามเสียงเรียกเห็นว่าเป็นหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้จึงรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก “เช็คบิลเลยจ๊ะ เดี๋ยวเพื่อนพี่ พี่จัดการเอง”
“ครับ”
“วีแกช่วยจัดการเรื่องเช็คบิลให้ฉันทีเดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง” มุกตาภารีบเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับประวีร์หลังจากเธอได้รับโทรศัพท์จากชมพูเพื่อนสาวคนสนิทชวนออกมากินข้าวเย็นด้วยกันซึ่งมุกตาภาก็ได้รับปากเพื่อนไว้แล้วก่อนที่ตัวเองจะถูกเรียกประชุมหลังเลิกงานอย่างกะทันหัน จึงต้องปล่อยให้ชมพูรออยู่ที่ร้านอาหารอยู่คนเดียวจนถึงป่านนี้
มุกตาภายืนเท้าเอวมองเพื่อนสาวตรงหน้าแล้วก็ถึงกับยกมือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ
“ฉันไม่น่าปล่อยแกไว้คนเดียวเลยจริงๆ” เสียงหวานบ่นพึมพำให้ตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนสาว
“ชมพูกลับบ้านได้แล้ว กินอารายของแกนักหนาเนี่ย ดูสิจะนั่งไม่ไหวอยู่แล้ว”
“มาแล้วหรอ ฉันนึกว่าแกจะไม่มาแล้วเสียอีก”
“ก็ถ้าแกรับโทรศัพท์ฉัน ฉันคงไม่ต้องชวนไอ้วีร์ออกมารับแกตอนร้านจะปิดแบบนี้หรอก”
“แกมาก็ดีแล้ว นั่งก่อนสิ ฉันมีอรายจาบ่นให้แกฟัง...เอิ๊ก...” เสียงสะอึกดังเอิ๊กทำให้มุกตาภาถึงกับหน้าเหย มองคนตรงหน้ากระดกแก้วแบบไม่เบา
“เฮ้อ...เมื่อไหร่แกจาเลิกกินซะทีวะชมพู กินไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกน่า” มุกตาภาแย่งแก้วน้ำสีอำพันมาจากมือเพื่อนสาวแล้วเก็บเครื่องดื่มพวกนั้นออกไปห่างๆ
“กินให้เมางาย กลับบ้านปาย ช้านจาได้หลับสบายไม่ต้องคิดมากกับเรื่องบ้าๆพวกนี้”
“เฮ้อ...นี่แกเมาเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้นะเนี่ย ฉันกับไอ้วีต้องขับรถไปส่งแกที่ห้องเกือบทุกวัน” มุกตาภาบ่นไปพลางพยักเพยิดหน้าให้กับประวีร์ที่กำลังเดินมาให้ดูสภาพคนเมา แล้วทั้งคู่ต่างก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนกัน
“ทำไม พวกแกก็คิดจะผลักไสไล่ส่งฉันเหมือนกันงั้นหรอ” น้ำเสียงฟังดูน้อยใจกับสิ่งเพื่อนพูด
“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากให้แกแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ไปลุกได้แล้ว ฉันกับไอ้วีร์จะขับรถไปส่งแกเอง”
“ฮึ! ฉันม่ายอยากจาชื่อเลย ทำม๊ายมีแต่คนผลักไสไล่ส่งฉัน แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างพวกแกๆ” มือบางยกขึ้นชี้บุ้ยชี้บ้ายตามประสาคนเมา
“พ่อกับแม่ฉันก็เหมือนกาน ม่ายเข้าจายเลย ทามมายนะ ทามมายต้องอยากให้ฉันแต่งงานกับลูกอีตาพ่อเลี้ยงนั่นด้วย” เสียงยานครางของวิศวกรสาวบ่นงึมงำให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ในขณะเดียวกันมือขวาก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำสีอำพันที่อยู่ไกลออกไปเพราะฝีมือของเพื่อนสาวกลับขึ้นดื่มเพื่อดับกลุ้ม ก่อนจะนึกพาดพิงบ่นไปถึงชายหนุ่มที่เป็นต้นเหตุด้วยอีกคน
“เบื่อจริงเลยพวกม่ายมีปัญญาหาแฟนให้ตัวเอง ชีวิตนี้ถ้าช้านจามีสามีสักคนเป็นแบบนี้นะ ขออยู่เป็นโสดปายจนตายยางดีซะกว่า...เอิ๊ก”
“ไอ้มุก ฉันว่ารีบพามันกลับบ้านเถอะว่ะ ก่อนที่พวกเราจะขายหน้าไปมากกว่านี้” ประวีร์รีบเสนอ เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวชักเริ่มส่งเสียงดัง มุกตาภาพยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยวฉันไปขับรถมารอที่หน้าร้านนะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเตรียมเดินไปที่รถ
“เออ เอานี่กุญแจรถชมพูมัน แกไปขับรถมันมารอเลย เดี๋ยวพอเอามันขึ้นรถได้แล้ว แกค่อยขับรถตามไปรับฉัน” มุกตาภาโยนกุญแจรถให้กับประวีร์ แล้วหันมาจะประคองเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น
“ฮือๆ ฉันม่ายอยากแต่งงาน ม่ายอยากตัดสินใจอะไรทั้งน้าน แกช่วยฉันคิดหน่อยสิวะ ฉันจะทามงายดี ฮือๆ” เสียงสะอื้นของคนเมาที่ร้องไห้ฟุบอยู่กับโต๊ะ ทำให้คนมองถึงกับถอดใจ
“เอาๆ เวรกรรมจริงๆเพื่อนฉัน เมาแล้วร้องไห้เป็นเด็กเลย เอาน่าแกก็บอกว่าเขาไปสิวะ ว่าแกไม่อยากแต่งงาน” มุกตาภาทรุดตัวลงนั่งข้างๆพร้อมกับลูบหลังปลอบใจ
“ถ้าเรื่องมันจบง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิ”
“แล้วมันยังจะมีอะไรตามมาอีกหรอวะ”
“พ่อกับแม่ก็จะหาผู้ชายคนอื่นมาให้ฉันแต่งงานอยู่เรื่อยไงล่ะ” พอได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็รู้สึกหนักใจแทนเพื่อนเธอขึ้นมา
“เออ กรรมของเวรจริงจริ๊ง ก็นี่แหละน๊า แกอยากไม่ยอมมีแฟนสักที พ่อกับแม่เค้าเลยต้องหาแฟนให้แกเพราะกลัวลูกสาวจะขึ้นคาน ฮ่าๆ” พูดแล้วก็ขำ เมื่อรู้ปัญหาหนักอกของเพื่อนสาวว่าเป็นเรื่องที่ถูกจับคู่ให้แต่งงาน
“ไอ้มุก มันไม่ตลกนะเว้ย แกก็รู้ผู้ชายมันได้ดีเหมือนกันหมดทุกคนนี่หว่า คนที่ฉันชอบเขา เขาก็ไม่ชอบฉัน ส่วนไอ้คนที่ไม่ชอบ ยังไงมันก็ไม่ใช่”
“เออ รู้แล้วล่ะน่า กลับบ้านก่อนเถอะนะแก ร้านเขาจะปิดแล้ว ไปเดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง”
“ก็ได้ แต่ขอฉันกินอีกหน่อยไม่ได้เหรอวะ ยังไม่หายกลุ้มเลย” ดวงตาเชื่อมเกือบจะปิด ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาช่างเป็นสภาพที่ไม่น่ามองเป็นอย่างมากทำให้มุกตาภาออกแรงฉุดแขนอีกฝ่ายให้ลุกจากโต๊ะโดยไม่รีรอ
“พอเลย เมาแอ๋เสียขนาดนี้ หมดสภาพยังไม่พออีกหรือไง ไปลุก”
“ฮื้อ นี่แกเป็นแม่หรือเป็นเพื่อนฉันกันแน่วะเนี่ย บ่นมากจริงเลย” ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นยืนทำท่าจะเซไปล้มใส่โต๊ะ แต่โชคดีที่มีมือหนาของบางคนมาช่วยมุกตาภารั้งเอวบางคนเมาไว้ได้ทัน
“เฮ้ย ระวัง” เสียงห้าวอุทานด้วยความตกใจ
“โอ๊ยย เกือบหน้าคว่ำแล้วไหมล่ะไอ้ชมพูเอ๊ย” มุกตาภาบ่นให้กับเพื่อนสาว ก่อนหันไปมองหน้าว่าใครมาช่วยเธอ “อ้าว ไอ้ช้างแกมาได้ไงเนี่ย”
“ฉันอยู่นี่ตั้งนานแล้ว พอดีที่บริษัทมีเลี้ยงส่งกันนิดหน่อยเพิ่งแยกย้ายกันกลับ ฉันทำกุญแจรถหายเลยเข้ามาถามเด็กในร้านดู ได้ยินเสียงโวยวายคนบางคนเลยเดินมาดูเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะเป็นยัยพิ้งแพนเตอร์ขี้เมา”
“แกว่าใครขี้เมา พูดให้ดีๆนะไอ้ช้างน้อย” ชมพูตีหน้ายุ่งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูว่าตัวเองขี้เมา
“เฮ้ย! ปากดีแบบนี้มันน่าปล่อยให้นอนตรงนี้นัก” เจ้าของฉายาช้างน้อยถึงกับออกอาการหมั่นไส้ไม่หยอกแต่ถูกมุกตาภาปรามไว้
“อย่าไปถือสามันเลยน่า เออ งั้นก็ดีแล้ว แกมาช่วยฉันพามันไปที่รถหน่อยสิ ไอ้วีจอดรถรออยู่หน้าร้านแน่ะ”
“เออได้” กรินทร์มองหน้าหญิงสาวแล้วก็ส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ยัยชมพูขี้เมาเอ๊ย ชายหนุ่มตั้งฉายาให้หญิงสาวตรงหน้าในใจ
ใบหน้าหวานยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อได้ยินชายหนุ่มรับปากเพื่อนสาวเช่นนั้น มือบางจึงยกขึ้นหยิกแก้มชายหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวด้วยความคุ้นเคย
“ดีม๊ากก ช้างน้อยๆ คิกๆ สมกับเป็นเพื่อนกันหน่อย”
มุกตาภาเห็นภาพนั้นก็ถึงกับหัวเราะร่วน ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่ถอนหายใจยาวเหยียดสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับชื่อนี้แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับคนเมา
***********************
ฝากนิยายเบาสมองของวิชญาภาไว้สักเรื่องนะคะ
ร้านอาหารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงยีนส์ตัวเก่งกำลังนั่งเท้าคางเป็นการพยุงศีรษะที่โงนเงนจนเกือบจะฟุบกับโต๊ะให้ตั้งอยู่ได้ เด็กเสิร์ฟในร้านเดินมาพูดกับลูกค้าสาวอย่างมีมารยาท
“พี่ครับ ร้านเราใกล้จะปิดแล้วนะครับ”
“ก็ปิดปายสิ ครายปายห้ามล่ะ” เสียงอ้อแอ้ของหญิงสาวตอบกลับอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองกำลังถูกไล่ออกจากร้านกลายๆ เพราะในสมองของเธอตอนนี้มีแต่ประโยคที่ไม่อยากได้ยิน
“ชมพูตอบตกลงแต่งงานกับลูกชายพ่อเลี้ยงพนัศเถอะนะลูก” เสียงขอร้องของมารดาวนเวียนอยู่ในหัวสมองของหญิงสาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่เธอจะโทรศัพท์คุยกับมารดาแล้วจะไม่ได้ยินประโยคนี้
“เอ่อ พี่ครับคือว่า...”
“เฮ้ยย ปายไกลๆเลยปาย ฉันอยากอยู่คนเดียว อย่ามายุ่ง เข้าจายไหม ร้านจะปิดก็ปิดไปสิ เกี่ยวไรกะฉันเล่า” ร่างบางส่งเสียงตะคอกกลับอย่างไม่พอใจ
“น้องคะน้อง” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง ทำให้เด็กเสิร์ฟที่ถูกตะเพิดหันมามองตามเสียงเรียกเห็นว่าเป็นหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้จึงรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก “เช็คบิลเลยจ๊ะ เดี๋ยวเพื่อนพี่ พี่จัดการเอง”
“ครับ”
“วีแกช่วยจัดการเรื่องเช็คบิลให้ฉันทีเดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง” มุกตาภารีบเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับประวีร์หลังจากเธอได้รับโทรศัพท์จากชมพูเพื่อนสาวคนสนิทชวนออกมากินข้าวเย็นด้วยกันซึ่งมุกตาภาก็ได้รับปากเพื่อนไว้แล้วก่อนที่ตัวเองจะถูกเรียกประชุมหลังเลิกงานอย่างกะทันหัน จึงต้องปล่อยให้ชมพูรออยู่ที่ร้านอาหารอยู่คนเดียวจนถึงป่านนี้
มุกตาภายืนเท้าเอวมองเพื่อนสาวตรงหน้าแล้วก็ถึงกับยกมือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ
“ฉันไม่น่าปล่อยแกไว้คนเดียวเลยจริงๆ” เสียงหวานบ่นพึมพำให้ตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อนสาว
“ชมพูกลับบ้านได้แล้ว กินอารายของแกนักหนาเนี่ย ดูสิจะนั่งไม่ไหวอยู่แล้ว”
“มาแล้วหรอ ฉันนึกว่าแกจะไม่มาแล้วเสียอีก”
“ก็ถ้าแกรับโทรศัพท์ฉัน ฉันคงไม่ต้องชวนไอ้วีร์ออกมารับแกตอนร้านจะปิดแบบนี้หรอก”
“แกมาก็ดีแล้ว นั่งก่อนสิ ฉันมีอรายจาบ่นให้แกฟัง...เอิ๊ก...” เสียงสะอึกดังเอิ๊กทำให้มุกตาภาถึงกับหน้าเหย มองคนตรงหน้ากระดกแก้วแบบไม่เบา
“เฮ้อ...เมื่อไหร่แกจาเลิกกินซะทีวะชมพู กินไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกน่า” มุกตาภาแย่งแก้วน้ำสีอำพันมาจากมือเพื่อนสาวแล้วเก็บเครื่องดื่มพวกนั้นออกไปห่างๆ
“กินให้เมางาย กลับบ้านปาย ช้านจาได้หลับสบายไม่ต้องคิดมากกับเรื่องบ้าๆพวกนี้”
“เฮ้อ...นี่แกเมาเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้นะเนี่ย ฉันกับไอ้วีต้องขับรถไปส่งแกที่ห้องเกือบทุกวัน” มุกตาภาบ่นไปพลางพยักเพยิดหน้าให้กับประวีร์ที่กำลังเดินมาให้ดูสภาพคนเมา แล้วทั้งคู่ต่างก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนกัน
“ทำไม พวกแกก็คิดจะผลักไสไล่ส่งฉันเหมือนกันงั้นหรอ” น้ำเสียงฟังดูน้อยใจกับสิ่งเพื่อนพูด
“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากให้แกแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ไปลุกได้แล้ว ฉันกับไอ้วีร์จะขับรถไปส่งแกเอง”
“ฮึ! ฉันม่ายอยากจาชื่อเลย ทำม๊ายมีแต่คนผลักไสไล่ส่งฉัน แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างพวกแกๆ” มือบางยกขึ้นชี้บุ้ยชี้บ้ายตามประสาคนเมา
“พ่อกับแม่ฉันก็เหมือนกาน ม่ายเข้าจายเลย ทามมายนะ ทามมายต้องอยากให้ฉันแต่งงานกับลูกอีตาพ่อเลี้ยงนั่นด้วย” เสียงยานครางของวิศวกรสาวบ่นงึมงำให้เพื่อนในกลุ่มฟัง ในขณะเดียวกันมือขวาก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำสีอำพันที่อยู่ไกลออกไปเพราะฝีมือของเพื่อนสาวกลับขึ้นดื่มเพื่อดับกลุ้ม ก่อนจะนึกพาดพิงบ่นไปถึงชายหนุ่มที่เป็นต้นเหตุด้วยอีกคน
“เบื่อจริงเลยพวกม่ายมีปัญญาหาแฟนให้ตัวเอง ชีวิตนี้ถ้าช้านจามีสามีสักคนเป็นแบบนี้นะ ขออยู่เป็นโสดปายจนตายยางดีซะกว่า...เอิ๊ก”
“ไอ้มุก ฉันว่ารีบพามันกลับบ้านเถอะว่ะ ก่อนที่พวกเราจะขายหน้าไปมากกว่านี้” ประวีร์รีบเสนอ เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวชักเริ่มส่งเสียงดัง มุกตาภาพยักหน้าเห็นด้วย
“เดี๋ยวฉันไปขับรถมารอที่หน้าร้านนะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเตรียมเดินไปที่รถ
“เออ เอานี่กุญแจรถชมพูมัน แกไปขับรถมันมารอเลย เดี๋ยวพอเอามันขึ้นรถได้แล้ว แกค่อยขับรถตามไปรับฉัน” มุกตาภาโยนกุญแจรถให้กับประวีร์ แล้วหันมาจะประคองเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น
“ฮือๆ ฉันม่ายอยากแต่งงาน ม่ายอยากตัดสินใจอะไรทั้งน้าน แกช่วยฉันคิดหน่อยสิวะ ฉันจะทามงายดี ฮือๆ” เสียงสะอื้นของคนเมาที่ร้องไห้ฟุบอยู่กับโต๊ะ ทำให้คนมองถึงกับถอดใจ
“เอาๆ เวรกรรมจริงๆเพื่อนฉัน เมาแล้วร้องไห้เป็นเด็กเลย เอาน่าแกก็บอกว่าเขาไปสิวะ ว่าแกไม่อยากแต่งงาน” มุกตาภาทรุดตัวลงนั่งข้างๆพร้อมกับลูบหลังปลอบใจ
“ถ้าเรื่องมันจบง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิ”
“แล้วมันยังจะมีอะไรตามมาอีกหรอวะ”
“พ่อกับแม่ก็จะหาผู้ชายคนอื่นมาให้ฉันแต่งงานอยู่เรื่อยไงล่ะ” พอได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็รู้สึกหนักใจแทนเพื่อนเธอขึ้นมา
“เออ กรรมของเวรจริงจริ๊ง ก็นี่แหละน๊า แกอยากไม่ยอมมีแฟนสักที พ่อกับแม่เค้าเลยต้องหาแฟนให้แกเพราะกลัวลูกสาวจะขึ้นคาน ฮ่าๆ” พูดแล้วก็ขำ เมื่อรู้ปัญหาหนักอกของเพื่อนสาวว่าเป็นเรื่องที่ถูกจับคู่ให้แต่งงาน
“ไอ้มุก มันไม่ตลกนะเว้ย แกก็รู้ผู้ชายมันได้ดีเหมือนกันหมดทุกคนนี่หว่า คนที่ฉันชอบเขา เขาก็ไม่ชอบฉัน ส่วนไอ้คนที่ไม่ชอบ ยังไงมันก็ไม่ใช่”
“เออ รู้แล้วล่ะน่า กลับบ้านก่อนเถอะนะแก ร้านเขาจะปิดแล้ว ไปเดี๋ยวฉันขับรถไปส่ง”
“ก็ได้ แต่ขอฉันกินอีกหน่อยไม่ได้เหรอวะ ยังไม่หายกลุ้มเลย” ดวงตาเชื่อมเกือบจะปิด ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาช่างเป็นสภาพที่ไม่น่ามองเป็นอย่างมากทำให้มุกตาภาออกแรงฉุดแขนอีกฝ่ายให้ลุกจากโต๊ะโดยไม่รีรอ
“พอเลย เมาแอ๋เสียขนาดนี้ หมดสภาพยังไม่พออีกหรือไง ไปลุก”
“ฮื้อ นี่แกเป็นแม่หรือเป็นเพื่อนฉันกันแน่วะเนี่ย บ่นมากจริงเลย” ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นยืนทำท่าจะเซไปล้มใส่โต๊ะ แต่โชคดีที่มีมือหนาของบางคนมาช่วยมุกตาภารั้งเอวบางคนเมาไว้ได้ทัน
“เฮ้ย ระวัง” เสียงห้าวอุทานด้วยความตกใจ
“โอ๊ยย เกือบหน้าคว่ำแล้วไหมล่ะไอ้ชมพูเอ๊ย” มุกตาภาบ่นให้กับเพื่อนสาว ก่อนหันไปมองหน้าว่าใครมาช่วยเธอ “อ้าว ไอ้ช้างแกมาได้ไงเนี่ย”
“ฉันอยู่นี่ตั้งนานแล้ว พอดีที่บริษัทมีเลี้ยงส่งกันนิดหน่อยเพิ่งแยกย้ายกันกลับ ฉันทำกุญแจรถหายเลยเข้ามาถามเด็กในร้านดู ได้ยินเสียงโวยวายคนบางคนเลยเดินมาดูเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะเป็นยัยพิ้งแพนเตอร์ขี้เมา”
“แกว่าใครขี้เมา พูดให้ดีๆนะไอ้ช้างน้อย” ชมพูตีหน้ายุ่งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูว่าตัวเองขี้เมา
“เฮ้ย! ปากดีแบบนี้มันน่าปล่อยให้นอนตรงนี้นัก” เจ้าของฉายาช้างน้อยถึงกับออกอาการหมั่นไส้ไม่หยอกแต่ถูกมุกตาภาปรามไว้
“อย่าไปถือสามันเลยน่า เออ งั้นก็ดีแล้ว แกมาช่วยฉันพามันไปที่รถหน่อยสิ ไอ้วีจอดรถรออยู่หน้าร้านแน่ะ”
“เออได้” กรินทร์มองหน้าหญิงสาวแล้วก็ส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ยัยชมพูขี้เมาเอ๊ย ชายหนุ่มตั้งฉายาให้หญิงสาวตรงหน้าในใจ
ใบหน้าหวานยิ้มกว้างอย่างพอใจ เมื่อได้ยินชายหนุ่มรับปากเพื่อนสาวเช่นนั้น มือบางจึงยกขึ้นหยิกแก้มชายหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวด้วยความคุ้นเคย
“ดีม๊ากก ช้างน้อยๆ คิกๆ สมกับเป็นเพื่อนกันหน่อย”
มุกตาภาเห็นภาพนั้นก็ถึงกับหัวเราะร่วน ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่ถอนหายใจยาวเหยียดสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับชื่อนี้แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับคนเมา
***********************
ฝากนิยายเบาสมองของวิชญาภาไว้สักเรื่องนะคะ
วิชญาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2554, 02:28:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2554, 02:28:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 2180
LALA 4 เม.ย. 2554, 13:58:23 น.
ยังไม่ get สงสัยต้องอ่านตอนต่อไป
ยังไม่ get สงสัยต้องอ่านตอนต่อไป
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 7 มิ.ย. 2554, 16:31:43 น.
น่าสน ขี้เมาจริง ๆ แหละ กินเหล้ายังกะน้ำเลย
น่าสน ขี้เมาจริง ๆ แหละ กินเหล้ายังกะน้ำเลย