เพลิงแค้นแสนสวาท
เพลิงแค้นแสนสวาท By กันต์ระพี

ผู้หญิงสำส่อน!
คู่นอนที่เขาทั้งรักทั้งแค้นและแสนจะชิงชัง
แม้หล่อนจะทำให้หัวใจเขาด้านชา
แต่ทุกวินาทีเขาก็ยังถวิลหาไม่เสื่อมคลาย


ตีพิมพ์สนพ. Touch Publishing


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตัวอย่างเนื้อเรื่อง

เพลิงแค้นแสนสวาท


ประพันธ์โดย...กันต์ระพี


ตัวอย่างเนื้อเรื่อง




อลิสา...


เคลย์ตัน คราวน์ นักธุรกิจมือทองเจ้าของนัยน์ตาสีอัลมอนด์กัดฟันกรอด เมื่อชื่อสาวลูกครึ่งสัญชาติไทยอเมริกันผุดขึ้นมาในความคิด อดีตคู่รักที่เคยนอนร่วมเตียง หรืออีกนัยหนึ่งผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาปรารถนาจะจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโยนหล่อนออกไปจากชีวิต



เกือบสีปี่แล้วสินะ...


เจ้าของนัยน์ตาสีอัลมอนด์เหลือบมองภาพถ่ายในกรอบรูปบนโต๊ะทำงาน ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ภาพผู้หญิงที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งแค้นได้ในเวลาเดียวกันก็ยังคงตั้งอยู่ในที่ของมันเสมอ เพื่อย้ำเตือนให้นึกถึงเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดใจ



“ผู้หญิงสำส่อน!”



เคลย์ตันคำรามลอดไรฟัน พลางคว้ากรอบรูปไม้เนื้อดีคว่ำลงบนโต๊ะทำงาน ไม่อยากมองใบหน้าสวยหวานที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เพราะรอยยิ้มใสซื่อแสนบริสุทธิ์นั่นคือยาพิษที่แม่มดตัวร้ายใช้ฆ่าเขาทั้งเป็น แล้วสาปซ้ำให้ต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานมานานหลายปี



ที่ผ่านมาแม้จะพยายามลืมเรื่องราวในอดีต แต่ในหัวเขาก็ยังจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับตัวหล่อนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าสวยหวาน เรือนร่างงดงาม หรือรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่น ไม่เว้นแม้กระทั่งกลิ่นกายหอมกรุ่นที่ทำให้เร่าร้อนได้ทุกครั้ง



ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำ...



มันเป็นความทรงจำที่ถูกปิดตายมาหลายปี เสมือนหนึ่งหล่อนจองจำเขาไว้ใต้วังวนเสน่หา ทำให้ไม่เคยมีความสุขกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย ไม่ว่าสาว ๆ ที่ผ่านเข้ามาจะเร่าร้อนเร้าอารมณ์มากแค่ไหน เพราะร่างกายเขาจดจำแต่หล่อน หล่อนคนเดียวเท่านั้น!



และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เคลย์ตันกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย เขาไม่เคยไว้ใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย และมักจะคิดว่าพวกหล่อนเข้ามาตีสนิทก็เพราะหวังจะแสวงหาผลประโยชน์ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะบทเรียนในอดีตทำให้เขาฝังใจ



“อลิสา! คุณต้องชดใช้อย่างสาสม”



เคลย์ตันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวออกจากห้องทำงานในนิวยอร์ค ตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย หลังจากสืบข่าวจนทราบแน่ชัดแล้วว่าผู้หญิงมากรักได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น เขาก็แทบจะทนรอไม่ไหวที่จะหยิบยื่นความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้กับหล่อน













ร่างระหงในชุดเสื้อสูทกางเกงสีเข้มแหงนหน้ามองอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะตัดสินใจก้าวฉับ ๆ เข้าไปในตัวอาคารสูง ตรงไปกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ระบุในนามบัตรที่แนบมาพร้อมกับเอกสารให้เข้ามารายงานตัวที่สำนักงานใหญ่



บริษัทยานยนต์อินดัสตรีส์ จำกัด เป็นบริษัทขนาดกลางที่ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ที่มีสาขาในหลายจังหวัด อลิสายังจำได้ดีว่าเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานนัก ประธานบริษัทฯ ที่ป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายปีก็เสียชีวิตลง และในเวลาต่อมาสกลผู้เป็นบุตรชายก็เข้ามารับช่วงต่อบริหารงานแทน



นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากหล่อนจะไม่ได้ยินข่าวลือหนาหูจากเพื่อนร่วมงานว่าบริษัทฯ กำลังปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากผู้บริหารดำเนินงานผิดพลาด ทำให้บริษัทฯ ประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง



ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ทำให้อลิสาอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ภาวนาให้การเข้าพบในครั้งนี้เป็นเรื่องดีไว้ก่อน เพราะยังไม่อยากตกงานในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกสะเก็ดเช่นนี้ เนื่องจากมีภาระหลายอย่างต้องรับผิดชอบ อีกทั้งงานสมัยนี้ก็หายากแสนยากเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร



“สวัสดีค่ะ ดิฉันอลิสา แลงค์ฟอร์ดมารายงานตัวค่ะ” หลังจากหญิงสาวแจ้งความจำนงกับเลขาหน้าแฉล้ม ไม่กี่นาทีต่อมาหล่อนก็ได้รับอนุญาตให้เข้าพบประธานบริษัทฯ



ครั้นก้าวเข้าไปในห้องทำงานของผู้บริหารแล้วพบว่าถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยเฟอร์นิเจอร์และภาพศิลป์ราคาแพงบนผนัง ซึ่งผิดกับเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาอย่างสิ้นเชิงก็อดแปลกใจไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้หล่อนคลายความกังวลลงเลยแม้แต่น้อย



“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ”



อลิสาเหลือบมองชายเจ้าของห้องวัยจะเข้าสี่สิบที่ยืนอิงสะโพกกับโต๊ะทำงานในอิริยาบถสบาย ๆ แม้เขาจะมีท่าทีเป็นกันเอง แต่หล่อนก็ยังประหม่าจนต้องสูดลมหายใจลึกทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินก้มหน้าไปนั่งสงบเสงี่ยมบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่



“คงสงสัยสินะว่าผมเรียกคุณมาทำไม”



สกลเปิดบทสนทนา หลังจากรอให้พนักงานสาวนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย



“ค่ะ ก็มีบ้าง” คนใจเต้นแรงตอบไม่เต็มเสียงนัก ด้วยรู้สึกไม่ต่างจากการก้าวขึ้นไปยืนบนหลักประหาร มือที่กำเอกสารแน่นพลันเย็นเฉียบ ซ้ำยังรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่ซึมออกมาจากอุ้งมือนั้น



“ที่ผมเรียกคุณมาวันนี้ ก็เพราะต้องการให้คุณย้ายเข้ามาทำงานที่สำนักงานใหญ่”



“ย้ายมาทำงานที่นี่!”



อลิสาเงยหน้าขึ้นมองผู้บริหารอย่างไม่เชื่อสายตา อารมณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นความดีใจ หรือแปลกประหลาดใจ ล้วนแล้วแต่ทำให้หล่อนเสียกิริยาไปชั่วขณะ



“ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ?”



“อ๋อ ป...เปล่าคะ”



“งั้นก็ดีแล้ว ผมอยากให้คุณใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้หาที่พักและก็จัดการธุระให้เรียบร้อย จะได้พร้อมทำงานต้นสัปดาห์หน้า” สกลจบการสนทนา ด้วยการเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังชั้นดีหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่และให้ความสนใจกับหน้าจอคอมพิวเตอร์พกพาที่เปิดทิ้งไว้ แต่อลิสาก็ยังไม่ก้าวออกไป หากแต่ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น



“เอ่อ...ท่านประธานฯ คะ”



สกลจำต้องละสายตาจากโน๊ตบุ๊ค ครั้นเห็นหน้าพนักงานสาวเหมือนมีเรื่องบางอย่างยังค้างคาใจก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ทำให้คนที่รอจังหวะอยู่รีบเอ่ยลิ้นรัว



“คือ...ท่านประธานฯ จะย้ายดิฉันจากสาขาเข้ามาทำหน้าที่เลขาเหรอคะ”



“ใช่”



“แต่ดิฉันทำงานอยู่แผนกบัญชีนะคะ ไม่เคยทำหน้าที่เลขามาก่อน”



อลิสาคิดว่าสกลคงเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เพราะหล่อนไม่ได้จบมาทางด้านเลขา ทำให้ไม่มีความชำนาญในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเขาอาจจะไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ทว่าคนออกคำสั่งกลับไม่ใส่ใจในเรื่องดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ



“จะทำหน้าที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้น ผมสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ ฝึก ๆ หัด ๆ สักพัก เดี๋ยวก็เป็นเองนั่นแหละ เชื่อผมสิ...ไม่มีอะไรยากหรอก”



“แต่...”



สกลหรี่ตามอง ครั้นเห็นความลังเลสะท้อนในดวงตาของพนักงานสาวก็เปรยขึ้นว่า



“งานสมัยนี้มันหายาก การมีงานทำย่อมดีกว่าตกงาน คุณว่าจริงไหม?”



อลิสายืนนิ่งไปชั่วขณะ คิดหนักกับคำพูดของเจ้านาย ใช่...หล่อนยอมรับว่าสกลพูดถูก แต่เขาคงลืมไปแล้วกระมังว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลังเล แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อยากตกงานตอนนี้ เพราะการออกไปเดินเตะฝุ่นในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด คงไม่ใช่เรื่องสนุกนักสำหรับคนที่มีภาระต้องรับผิดชอบ



“ค่ะ แล้วพบกันวันจันทร์ค่ะท่านประธานฯ”



สกลมองตามหลังคนที่เดินไหล่ห่อคอตกออกจากห้องแล้วถอนหายใจออกมา เขาไม่รู้หรอกว่านักธุรกิจมือทองสัญชาติอเมริกันที่เข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทฯ คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ภารกิจสุดท้ายที่เขาได้รับการขอร้องก่อนที่จะอำลาตำแหน่งก็สำเร็จลุล่วงลงแล้ว...







“ให้ตายสิ! ทำไมฉันต้องมาทำเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ด้วยนะ”



อลิสาบ่นอุบ พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่หล่อนจะได้หลับอย่างสบายบนเตียงนอนใต้ชายคาบ้านพัก กลับต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งบนรถทัวร์เป็นชั่วโมง ๆ ซ้ำยังต้องปัดกวาดเช็ดถูห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่อีก



ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วหล่อนก็ไม่ได้ชื่นชอบห้องพักนี้สักเท่าไหร่ เพราะเคยชินกับการเดินไปเดินมาภายในบ้านพักเสียมากกว่า ถึงแม้มันจะเป็นเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ ชั้นเดียวบนพื้นที่ไม่กี่ตารางวา แต่ก็ยังมีสนามหญ้าหน้าบ้านให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในยามเย็น



แต่ที่เลือกที่นี่ก็เพราะเห็นว่าอยู่ใกล้ที่ทำงาน อาศัยว่าเดินทางไปมาสะดวก ค่าเช่าก็ไม่แพงมากนัก อีกทั้งพื้นที่ที่จัดสรรอย่างลงตัวก็สมราคา และยังมีอุปกรณ์เสริมติดห้องจำพวกตู้เตียงให้ใช้สอย เพียงแค่หิ้วกระเป๋ามาใบเดียวก็เข้าอยู่ได้เลย



หลังจากทำความสะอาดห้องพักและจัดเก็บข้าวของเป็นที่เรียบร้อย อลิสาก็แทบจะกระโจนเข้าห้องน้ำชำระล้างเหงื่อไคล กลับออกมาก็ตั้งใจว่าจะนอนพักเอาแรงสักงีบ แต่ท้องเจ้ากรรมก็ประท้วงขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ต้องฉวยกระเป๋าแล้วก้าวออกจากห้องพัก



ครั้นออกมายืนหน้าอพาร์ทเม้นท์แล้วเห็นรถเข็นที่ตั้งเรียงรายอยู่บนบาทวิถีฝั่งตรงกันข้าม ก็ไม่รอช้าที่จะข้ามถนนไปหาอาหารจานด่วนใส่ท้อง จำพวกก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวราดแกงจานละไม่กี่บาท โดยไม่คิดที่จะย่างกรายเข้าไปในร้านอาหารหรู ๆ ทั้งที่อัตราเงินเดือนที่ได้รับก็สามารถจะทำอย่างนั้นได้อย่างสบาย



นั่นอาจจะเป็นเพราะหล่อนไม่ใช่คนเรื่องมาก และไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องการกินอยู่สักเท่าไหร่ อีกทั้งยังจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะมีภาระต้องเลี้ยงดูมารดากับบุตรชายวัยสามขวบผู้เป็นแก้วตาดวงใจ



ใช่...หล่อนมีลูก



แต่สถานภาพทางสังคมก็ยังเป็นโสด หล่อนยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีสามีเป็นตัวเป็นตน และยังคงใช้คำนำหน้าชื่อว่านางสาว ซึ่งจุดพลิกผันที่ทำให้ตกอยู่ในสภาพซิงเกอร์มัมนั้นเริ่มขึ้นเมื่อสมิธ แลงค์ฟอร์ด ผู้เป็นบิดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน



การสูญเสียเสาหลักของครอบครัวในครั้งนั้น ทำให้อลิสาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางครัน แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่วุฒิการศึกษาในขณะนั้นพอที่จะสมัครงานได้ ซึ่งไม่นานนักหล่อนก็จับผลัดจับพรูได้เข้าทำงานในบริษัทฯ ต่างชาติแห่งหนึ่ง



ด้วยความที่เป็นคนขยันและเอาใจใส่ต่อหน้าที่การงาน อลิสาจึงเป็นที่ชื่นชอบของเจ้านาย ทำให้หล่อนมีโอกาสได้ติดตามนายจ้างไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเดินทางไปที่นั่นก็ทำให้ได้พบกับเคลย์ตัน คราวน์ นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีอัลมอนด์



เคลย์ตันเป็นผู้ชายในฝันของสาว ๆ เขาหล่อ รวย ทรงเสน่ห์ และยังโสด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อลิสาจะตกหลุมรักหนุ่มเนื้อหอมคนนี้อย่างง่ายดาย และในเวลาต่อมาก็พลีใจพลีกายให้เขาไม่ผิดกับผู้หญิงใจง่าย เพียงเพราะเขาบอกว่าต้องการหล่อน...



จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องน่าละอาย แต่อลิสาก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้ หล่อนรักเขา พร้อมจะให้ได้ทุกอย่างและก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความสัมพันธ์ก้าวกระโดดในค่ำคืนนั้น จะทำให้เคลย์ตันเผยความในใจและเอ่ยปากขอแต่งงานในที่สุด



อลิสาดีใจจนระงับอาการไม่อยู่ หล่อนไม่อิดออดเลยด้วยซ้ำ เมื่อเขาขอร้องให้ลาออกจากงานและย้ายมาอยู่ด้วยกันที่อพาร์ทเม้นท์ หากแต่ปล่อยให้เขาจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานแต่งงานหรือการดำเนินชีวิต แต่แล้ววิมานสวยหรูที่วาดไว้ก็พังลงในพริบตา เมื่อริชาร์ดน้องชายต่างมารดาของเขาบุกเข้ามาในห้องพัก



“ริชาร์ด! คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง”


คนที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำมีสีหน้าตื่นตระหนก เมื่อพบผู้บุกรุกยืนจังก้าอยู่กลางห้องนอน แต่อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มพร้อมทั้งแกว่งกุญแจในมือเล่นเหมือนจะเฉลยสิ่งที่เป็นปริศนา แล้วเดินไปกระชากภาพเขียนราคาแพงบนผนังด้านหนึ่งก่อนจะเหวี่ยงมันทิ้งอย่างไม่ไยดี เมื่อเห็นตู้เซฟที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง


“คุณไม่ควรทำแบบนี้ เคลย์ตันต้องไม่พอใจมากแน่ ๆ”


อลิสารีบถลาเข้าไปขวาง เมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร



“อย่ามาแส่ได้ไหมนังตัวดี!”



“แต่เขากำลังจะกลับมา ทางที่ดี...ฉันว่าคุณควรจะรีบออกไปซะ”


“หยุดพูดเสียทีเถอะน่า นี่พี่ชายผมเขาไม่ได้สอนหรือไงว่าการเป็นคู่นอนที่ดีควรจะหุบปากและเปิดปากเวลาไหนบ้าง” ริชาร์ดตะปบมือลงบนไหล่บางแล้วออกแรงผลักให้พ้นทาง แต่คนยืนขวางกลับฝืนตัวไว้


“ฉันจะไม่ยอมให้คุณแตะต้องข้าวของของเคลย์ตัน ออกไปริชาร์ด เดี๋ยวนี้!”


“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้พูดกับผมแบบนี้ หัดเจียมตัวเสียบ้างสิ เป็นแค่คู่นอนของเคลย์ตันทำมาผยอง ยังไงพี่ชายผมเขาก็ไม่มีวันเห็นผู้หญิงกเฬวรากอย่างคุณดีไปกว่าน้องชายตัวเองหรอก”


“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” อลิสาตวาดกร้าว พลางชี้นิ้วไล่ นึกโกรธอีกฝ่ายที่ไม่เคยให้เกียรติ ทั้งที่อีกไม่นานหล่อนจะได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขา


“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะได้ของในตู้เซฟนั่น!” ริชาร์ดยืนกรานแล้วผลักหญิงสาว ส่งผลให้หล่อนล้มลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น


“ไม่นะ! ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นอย่างเด็ดขาด”



อลิสาลุกขึ้นก็พุ่งตัวเข้าหาคนที่กำลังสาละวนกับการปลดรหัสตู้เซฟ ทั้งทุบทั้งผลักทั้งจิกทั้งกัด ทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งอีกฝ่าย วินาทีนั้นหล่อนแทบจะไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น ได้แต่สู้ยิบตาเพื่อปกป้องข้าวของของคนรัก จึงไม่รู้ว่าสายเสื้อคลุมอาบน้ำที่ขมวดไว้เป็นปมหลวม ๆ ได้คลายออก เผยให้เห็นเนื้อตัวในส่วนที่ปกปิด


“โอ๊ยย...หยุดเดี๋ยวนี้นะอีนังหมาบ้า! พูดดี ๆ ไม่รู้เรื่อง อยากเจ็บตัวนักใช่ไหม” ริชาร์ดคำราม หัวเสียอย่างที่สุด บันดาลโทสะด้วยการยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นสุดแขนแล้วฟาดลงบนใบหน้าของคนที่งับท่อนแขนเขา


(((เพียะ!)))


แม้อลิสาจะเซถลาไปตามแรงมือ แต่ริชาร์ดก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น ความโกรธทำให้เขาสาวเท้าเข้าตามติดไปจิกผมหญิงสาว ครั้นลากตัวไปเหวี่ยงบนเตียงกว้าง ก็กวาดสายตามองหาเชือกหรืออะไรสักอย่าง พอจะเอามาพันธนาการคนแส่ไม่เข้าเรื่องไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงทำงานไม่สะดวก


ขณะที่ริชาร์ดกำลังหันรีหันขวางอยู่นั้น คนนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างก็ลุกขึ้นพุ่งตัวเข้าหา ส่งผลให้ร่างใหญ่โตที่ถูกจู่โจมอย่างไม่รู้ตัวเสียหลักล้มทั้งยืน อลิสาเห็นสบโอกาสเหมาะ ได้ทีก็เลยกระโดดขึ้นคร่อม กะจะแก้คืนและจัดการกับผู้บุกรุกให้อยู่หมัด ทว่าในจังหวะนั้นเองประตูห้องนอนก็เปิดผาง


“เคลย์ตัน!”


อลิสาดีใจอย่างที่สุด เมื่อหันไปเห็นคนรักก้าวเข้ามาในห้อง ทว่าอีกฝ่ายกลับมีสีหน้าถมึงทึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ด้วยสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำที่เปิดเปลือยด้านหน้า ตลอดจนผมเผ้ายุ่งเหยิงและท่านั่งที่ล่อแหลมนั่น รวมไปถึงรอยยิ้มเย้ยหยันที่ปรากฏบนริมฝีปากของน้องชายตัวดี ทำให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก...


“ไสหัวออกไปให้พ้นนังผู้หญิงสำส่อน แกด้วยไอ้ริชาร์ด!”


เคลย์ตันคำรามก้อง ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปพร้อมเสียงปิดประตูที่ดังสนั่น เขาโกรธจนแทบจะฆ่าสองคนนั่นได้อยู่แล้วและก็ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ ไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เพราะเกรงว่าจะพลั้งมือทำอะไรบ้า ๆ ลงไป


อลิสาเห็นดังนั้นก็ทำท่าจะก้าวตาม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัวทัน หล่อนได้แต่ทรุดตัวลงนั่งสะอื้นไห้ รู้ดีว่าทุกอย่างพังทลายไม่มีเหลือ โดยที่เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเวลานี้มีชีวิตเล็ก ๆ ได้ถือกำเนิดขึ้น แต่มันคงไม่จำเป็นอีกแล้ว...


อลิสาถอนหายใจออกมา พลางรวบช้อนส้อมแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หลายปีที่ผ่านมาหล่อนเจ็บมามากพอแล้ว ถึงแม้ว่าระยะเวลาจะช่วยรักษาบาดแผลในใจให้เลือนหาย แต่กว่าจะเปลี่ยนความเจ็บปวดที่ได้รับให้กลับมาเป็นพลัง เพื่อยืนหยัดและเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีเขา หล่อนก็ต้องเสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่



เวลานี้เคลย์ตันก็เป็นเพียงแค่อดีต เรื่องราวของเขาไม่มีอะไรน่าจดจำ ซึ่งอลิสาเองก็ไม่คิดจะใส่ใจผู้ชายไร้หัวใจที่ไม่มีเหตุผลคนนั้นอีกต่อไปแล้ว ปัจจุบันนี้หล่อนมีอเล็กซ์ อนาคตของบุตรชายวัยกำลังซนคนนี้ต่างหากคือสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด









เสียงเบรกดังสนั่นกับเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นในย่านชุมชน ทำให้ทุกคนต่างพากันใจหายและหันมองรถยนต์คันหรูเป็นตาเดียว ครั้นพบว่าที่หน้ารถคันดังกล่าวมีร่างหญิงสาวนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่ท่ามกลางข้าวของเกลื่อนกลาด ก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อรู้ว่าคนขับแตะเบรกทัน



“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”



น้ำเสียงกระตือรือร้นของคนที่กระวีกระวาดลงจากรถมาสอบถาม ทำให้คนนั่งหน้าซีดตัวสั่นตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวกลับมามีสติอีกครั้ง



“ฉ...ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ” แม้อลิสาจะเสียขวัญ แต่ก็พยายามปรับน้ำเสียงไม่ให้สั่น จัดการรวบรวมข้าวของที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใส่ถุงพลาสติก เพราะเมื่อครู่ตอนที่ตกใจหล่อนเผลอปล่อยมันหลุดมือ



“มา...ผมช่วย”



คนขับแสดงน้ำใจ ด้วยการคว้าถุงจากมือหล่อนมาช่วยเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น



“ขอบคุณค่ะ และก็ต้องขอโทษด้วยที่ฉันวิ่งตัดหน้ารถคุณ”



อลิสาไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ตื่นตระหนก แต่ถึงกระนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเมื่อครู่เป็นอะไรไป มารดาและบุตรชายจะอยู่ยังไง ใครจะส่งเสียเลี้ยงดู ทำให้นึกตำหนิตัวเองขึ้นมาที่ประมาทเลินเล่อ วิ่งข้ามถนนโดยไม่รอสัญญาณไฟจราจร ทำให้เกือบจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้บนท้องถนน



“ไม่เป็นไรครับ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” คนขับส่งถุงพลาสติกในมือคืนกลับให้หญิงสาวแล้วช่วยพยุงลุกขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงหนึ่งดังขึ้น



“จอร์แดน ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า?”



“เธอไม่เป็นอะไรครับ แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ปลอดภัยดี” ร่างสูงในชุดสูทหันมองคนที่นั่งในตอนหลังของรถยนต์คันหรูที่เวลานี้กระจกติดฟิล์มกรองแสงได้ลดลงมากว่าครึ่ง



อลิสานึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน เมื่อได้ยินบทสนทนาที่โต้ตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ ครั้นหันมองชายมีน้ำใจแล้วเห็นรูปร่างหน้าตาและผมสีทองของเขา ก็อดนึกชมขึ้นมาในใจไม่ได้ เพราะเขาเป็นชาวต่างชาติแท้ ๆ แต่เมื่อครู่กลับพูดภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำมากกว่าคนไทยบางคนที่เป็นเจ้าของภาษาเสียอีก



“งั้นก็จ่ายค่าทำขวัญให้เธอแล้วกลับมาทำหน้าที่ของคุณซะ ผมเสียเวลามามากพอแล้ว”



ครั้นอลิสาได้ยินเจ้าของน้ำเสียงเย่อหยิ่งบอกว่าจะจ่ายเงินให้ ราวกับต้องการจะใช้เงินนั่นฟาดหัวเพื่อให้หล่อนไปพ้น ๆ เสียทีก็หัวเสียขึ้นมา หล่อนไม่ต้องการเงิน แค่คนขับรถมีน้ำใจช่วยเก็บของให้ก็ถือว่าเป็นพระคุณมากพอแล้ว



วูบหนึ่งของความคิด ทำให้อลิสานึกอยากจะเห็นหน้าผู้ชายหยิ่งยโสนั่น ตั้งใจจะปฏิเสธเขากลับไปให้หน้าหงายก็เลยชะเง้อมอง ครั้นเห็นใบหน้าคมเข้มของคนที่นั่งอยู่ตอนหลังภายในรถยนต์คันหรูถนัดตา หล่อนก็ยืนนิ่งราวกับถูกสาปไปชั่วขณะ



เคลย์ตัน คราวน์...



ชื่อที่ผุดขึ้นมาในความคิด ทำให้ใบหน้าสวยหวานขาวซีดเสียยิ่งกว่ากระดาษ ชาไปทั้งตัวและความรู้สึก พร้อมกันกับที่นึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา เมื่อสายตาที่เหลือบมองปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีอัลมอนด์เข้าอย่างจัง อลิสาก็ไม่คิดจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป



“ครับ” จอร์แดนรับคำสั้น ๆ ครั้นหันกลับก็พบว่าคนที่ยืนเยื้องอยู่เบื้องหลังได้อันตรธานไปเสียแล้ว เห็นหลังไว ๆ หล่อนวิ่งข้ามถนนหายเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ฝั่งตรงกันข้ามก็ทำท่าจะก้าวตาม แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินคำสั่งราวฟ้าผ่า



“ไม่ต้องตาม!”



“แต่...”



“ก็บอกว่าไม่ต้องตามไง กลับขึ้นมาทำหน้าที่ของคุณเดี๋ยวนี้จอร์แดน หรือไม่ก็หางานใหม่”



คนยืนลังเลจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งเฉียบขาด เพราะทราบดีว่าเจ้านายหนุ่มไม่เคยพูดเล่น ซึ่งเขาเองก็ยังไม่อยากตกงาน ก็งานดี ๆ เงินงาม ๆ มันหาง่ายเสียที่ไหน อีกอย่างการได้อารักขาติดตามนักธุรกิจมือทองที่มีทรัพย์สินเป็นพัน ๆ ล้านในฐานะบอดี้การ์ดกึ่งเลขาส่วนตัว ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสอย่างเขาเสียเมื่อไหร่



“จอร์แดน คุณเห็นอพาร์ทเม้นท์ที่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้าไปแล้วใช่ไหม”



คนที่นั่งทอดสายตามองบรรยากาศนอกหน้าต่างเอ่ยเรียบ ๆ เมื่อรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวมาได้สักระยะหนึ่ง ทำให้พลขับในชุดสูทเหลือบตาขึ้นมองกระจกมองหลัง



“ครับ”



“ติดต่อหาเจ้าของแล้วขอซื้อมาให้ได้ภายในสามวัน”



*******************
หมายเหตุ..
เพลิงแค้นแสนสวาท ตีพิมพ์สนพ. Touch Publishing วางจำหน่าย มีนาคม 2555
หาซื้อได้ที่ซีเอ็ดทุกสาขาและร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
หรือหาอ่านได้ในรูปแบบ e-book
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=1633






กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ย. 2555, 22:11:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ย. 2555, 22:11:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1770





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account