อุ่นรัก ปางหัวใจ
... อุ่นรัก ถักสายใย ร้อยหัวใจ ณ ปางนี้มีรัก …
ผู้ชายธรรมดาที่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่เพราะเหตุใดทุกคนจึงขนานนามให้ “สี่สิงห์”
หรือเพราะสี่หนุ่มปวารณาตัวเป็นผู้พิทักษ์ “นางแก้ว”
แล้ว...ความรัก ความผูกพัน และมิตรภาพที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร...
Tags: อุ่นรัก ปางหัวใจ, รัก, หวาน, โรแมนติค

ตอน: ตอนที่ 19 ห่างกันซักพัก หรือ เลิกลา


ตอนที่ 19 ห่างกันซักพัก หรือ เลิกลา

“เฮ้อๆ โล่งอก ข้าคิดว่าจะไม่รอดแล้ว”

“เออๆ ค่อยหายใจทั่วท้องหน่อย ข้าคิดว่าหนูแก้วจะอาละวาดบ้านสวนแก้วแตกซะแล้ว”

พริษฐ์กับธรรศ สองคู่หูปากไวถอนหายใจพร้อมกันอย่างโล่งอกเมื่อเทพกานต์ลากแก้วกานต์ออกไปจากบ้านสวนแก้วได้สำเร็จ

“แล้วเอ็งจะเอายังไงต่อวะไอ้หนึ่ง” ธรรศหันไปถามคนหน้านิ่งปากไม่ขยับเพียงคนเดียวในห้อง

“ก็ทำตามที่ตกลงกันไว้” ภีรภัทรตอบสั้นๆ ไขว้แขนดึงชายเสื้อยืดขึ้นทางศีรษะแล้ววางพาดไว้ที่เก้าอี้ ก่อนจะหันไปหยิบขวานขนาดเหมาะมือ ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายพาดบนไหล่หนาเดินออกจากบ้านสวนแก้วไป

สองคู่หูมารขาวมารเข้มมองหน้ากัน รู้ดีว่าจุดมุ่งหมายของภีรภัทรคือที่ไหน ช่างน่าสงสารเจ้าต้นกล้วยที่นอกจากจะนำมาใช้ได้สารพัดประโยชน์ ผลนำมาปรุงเป็นอาหารหวาน หัวปลีนำมาประกอบอาหารคาว ใบตองที่นำมาห่อขนมหวาน หยวกกล้วยนำมาเป็นอาหารสัตว์ อีกทั้งลำต้นก็เป็นที่ซ้อมชกมวยของพวกเขา และขณะนี้ก็กำลังจะใช้เป็นที่ระบายอารมณ์บางอย่างของภีรภัทรอีกด้วย แต่ไม่รู้ว่ากว่าจะพิสูจน์ความรักและมั่นคงผ่านด่านว่าที่พี่เขยได้ ต้นกล้วยนับสิบไร่จะพอเป็นที่ระบายความหงุดหงิดที่ต้องห่างคู่หมั้นให้พ่อเลี้ยงหนุ่มหรือไม่

“ไอ้หนึ่งมันจะทนได้กี่วันวะ” พริษฐ์หันไปถามคู่หู

“ทนได้หรือไม่ได้ ก็ต้องทนว่ะ” ธรรศตอบกึ่งรำพึงรำพัน แล้วทั้งคู่จะถอนหายใจด้วยความหนักใจพร้อมกันอีกรอบ


เทพกานต์นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนอน กอดอกจ้องมือถือในกรอบลายมิคกี้เม้าส์ที่วางอยู่บนตรงหน้าราวกับเป็นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกควรค่าแก่การเฝ้ามอง ชายหนุ่มใช้กรอบมือถือน่ารักเอาใจแฟนสาวที่ชื่นชอบทุกอย่างที่เป็นมิคกี้เม้าส์ โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่มองอย่างประหลาดใจระคนสงสัย พร้อมกับคำถามว่าผู้ชายหน้าตาดี หุ่นสมาร์ทมีรสนิยมเบี่ยงเบนทางเพศหรือไม่ แต่เมื่อริจะจีบเด็กก็ต้องทำตัวให้เด็กไปด้วย เพราะถ้าได้คบเด็กแล้วจะทำให้ดูเยาว์วัยไม่แก่เร็ว ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะความสดใสร่าเริงของลลิตาทำให้เขายิ้มได้ตลอดเวลา แม่ทัพสิงห์หนุ่มที่เลยวัยเบจเพศมาแล้วจึงยังดูหน้าใสไร้ริ้วรอย ร่างกายกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ

ทว่าตอนนี้เขารู้สึกแก่ลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ด้วยหน้าผากยับย่นเป็นริ้ว หัวคิ้วขมวดแทบจรดกัน ขมับปวดจนหัวแทบระเบิดเนื่องจากพยายามระงับอกระงับใจไม่ให้ยื่นนิ้วเรียวไปกดที่หน้าจอมือถือเพื่อโทรหาแฟนสาวที่ไม่รับสายตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำนี้ พยายามปลอบใจตัวเองที่ร้อนร้นว่าอีกไม่นานลลิตาก็จะเป็นฝ่ายโทรกลับมาเอง พยายามบอกตัวเองว่าหญิงสาวติดธุระสำคัญที่ไม่สามารถรับสายเขาได้ เตือนสติที่เหลืออยู่น้อยนิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรจะโทรไปเซ้าซี้หลายครั้ง เพราะนั่นเป็นการกระทำของวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเท่านั้น ไม่ใช่ชายหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดปีมีความรับผิดชอบเช่นเขาแล้ว

‘...แต่...ส่งข้อความก็ได้มั้ง คงไม่ดูแด็กเกินไป’ เมื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองได้เสร็จสรรพ ก็รีบคว้ามือถือเครื่องบางทันสมัยมากดพิมพ์ข้อความยืดยาว

“ไม่ได้ระแวงโว๊ย ก็แค่หึง เอ๊ย...ก็แค่ห่วง” แต่แม้จะพยายามแก้ตัวกับตัวเองอย่างไรก็ไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย

“โธ่โว๊ย!!!!” เสียงสบถดังลั่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะกดลบข้อความที่พิมพ์ยาวยืดทิ้ง แล้วมือถือในมือจะถูกโยนลอยอยู่บนโซฟาปลายเตียง ชายหนุ่มยกมือขึ้นทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิดอาการที่เหมือนวัยรุ่นคลั่งรักของตัวเอง

...กริ๊งๆๆๆๆ...

เสียงริงโทนจากมือถือที่ถูกโยนอย่างไม่ใยดีดังขึ้น เจ้าของรีบลนลานหยิบมือถือว่ารับทันควัน

“ฮัลโหล พี่แซนด์....หลับหรือยังคะ....วันนี้ปาป๊ามาม๊ากับอากงอาม่าพาลิตาไปเลี้ยงส่ง อีกไม่กี่วันลิตาจะได้ไปอยู่ใกล้ๆ พี่แซนด์แล้วนะคะ” เสียงใสๆ ที่ใครบางคนรอคอยมาหลายชั่วโมงดังมาตามสาย แต่ก็ไร้เสียงโต้ตอบ

“.......”

“เราไม่ได้เจอกันมากี่เดือนแล้วคะ ตั้งแต่ลิตาทำโปรเจ็คก่อนจบ แล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบต่อโทอีก” เสียงเจื้อยแจ้วยังพูดคุย แต่ก็ยังไร้สัญญาณตอบรับกลับมา

“.......”

“ลิตาคิดถึงพี่แซนด์จะแย่แล้ว คิดถึงลิตาบ้างมั้ยคะคนดีของลิตา” น้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อนมาตามสาย

“คิดถึงที่สุดเลยค่ะคนดีของพี่” คนที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะงอน กลับใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟเพียงแค่ได้ยินคำว่า ‘คนดีของลิตา’ แม่สาวน้อยช่างรู้จุดอ่อนของเขาดีเหลือเกิน

“วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยคะ”

“ได้ยินเสียงคนดีก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ” คนขวานผ่าซากพูดจาอ่อนหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ และคนที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของแม่ทัพสิงห์ก็มีเพียงลลิตาคนเดียวเท่านั้น

“พี่แซนด์ทำงานหนัก ลิตายังดื้อ งี่เง่า เอาแต่ใจ ทำตัววุ่นวายเพิ่มภาระให้พี่แซนด์อีก ทั้งๆ ที่ลิตารู้ว่าพี่แซนด์เหนื่อย ลิตาก็ยังทำให้พี่แซนด์เหนื่อยขึ้นอีก ลิตาขอโทษนะคะ”

ลลิตารู้สึกผิดที่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต ไม่มีเหตุผล พาลทะเลาะเพราะความห่างไกล จนเกือบต้องเลิกราหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยความรักและความอดทนของเทพกานต์ทำให้ประคับประครองความสัมพันธ์มาได้จนถึงวันนี้

“ไม่เลยค่ะคนดี พี่ไม่เคยเหนื่อยกับคนดีเลยนะคะ พี่ทำงานหนัก เพราะแฟนพี่บอกว่าอยากเป็นคุณนาย ไม่อยากเป็นวิศวกรแล้ว พี่ก็เลยต้องรีบเก็บเงินไว้ให้แฟนพี่ค่ะ”

“พี่แซนด์พูดแล้วห้ามคืนคำนะคะ ลิตาจะซ้อมชี้นิ้วรอไว้เลย” ลลิตายิ้มหวานกับคำพูดอ่อนหวานที่เธอได้ยินมาตลอด

“พี่สัญญาเลยค่ะ งั้นคนดีไม่ต้องเรียนโทที่เชียงใหม่แล้ว มาเป็นคุณนายที่เชียงรายเลยนะคะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ ปาป๊ากับมาม๊าไม่อนุญาตจนกว่าลิตาจะเรียนจบโท พี่แซนด์จะรอลิตาหรือเปล่าคะ”

“พี่รอลิตาได้เสมอค่ะคนดี” เสียงทุ้มนุ่มตอบหนักแน่น ด้วยเข้าใจเงื่อนไขของบิดามารดาของคนรักเป็นอย่างดี เท่าที่ท่านทั้งสองอนุญาตให้ลลิตมาเรียนที่เชียงใหม่ได้ก็ถือว่าอะลุ้มอะล่วยให้เขามากแล้ว

“พี่แซนด์ห้ามลืมที่พูดไว้เด็ดขาดนะคะ ฮ้าว...ถ้าลืมลิตาจะฟ้องแม่นงค์ให้ตีพี่แซนด์หัวแบะเลยคอยดู...ฮ้าว....” ลลิตาขู่ไปหาวไปด้วยความอ่อนเพลีย เพราะตะลอนไปกับครอบครัวมาทั้งวัน

“ไม่มีทางลืมแน่นอนค่ะ ง่วงแล้วใช่มั้ยคะคนดี งั้นไปอาบน้ำแล้วนอนเลยนะคะ”

“ไม่อาบไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวต่อรอง

“ไม่ได้ค่ะเด็กขี้เกียจ แต่รอให้เราแต่งงานกันแล้ว คนดีจะขี้เกียจอาบน้ำก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะอาบให้คนดีเองค่ะ” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มบอกไปตามสาย อยากจะเห็นหน้าคนฟังเหลือเกินว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

“อะไรนะคะๆ ลิตาไม่ได้ยินพี่แซนด์พูดเลย สงสัยสัญญาณไม่ดีแล้ว ลิตาไปอาบน้ำก่อนนะคะ”

เทพกานต์อมยิ้มอย่างรู้ทันคนรักที่ออกอาการเขินโดยชิงวางสายไปโดยเร็ว ชายหนุ่มทิ้งศีรษะลงบนหมอนใบนุ่ม หลับตาลงเพื่อเข้าสู่นิทรารมย์ และเร่งวันเร่งคืนที่จะได้พบกับลลิตาโดยเร็ว


หากเหตุการณ์ไม่เป็นไปดั่งใจคิด เมื่อคนอยากเจอแฟนกลับต้องไปประชุมที่สิงคโปร์ เทพกานต์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ผู้ออกคำสั่ง แต่ภีรภัทรเพียงปรายตามองและออกคำสั่งด้วยสายตาอย่างไม่ไยดี หรือคล้ายๆ ว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ห้ามไม่ให้คู่หมั้นเจอกัน ตัวเองก็เลยไม่ได้เจอกับคนรักเช่นกัน

แก้วกานต์จึงรับหน้าที่พาลลิตาและตฤณไปตระเวนหาที่พักใกล้มหาวิทยาลัย หญิงสาวจะแกล้งพี่ชายโดยให้ลลิตาพักหอพักหญิงจริงๆ แต่แค่การมีกฎห้ามผู้ชายเข้าไปในหอพักนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อเทพกานต์สักนิด พี่ชายของเธอสามารถหาทางและข้าอ้างสารพัดที่จะอยู่สองต่อสองกับแฟนสาวได้อยู่แล้ว เพื่อความสะดวกเมื่อต้องมีการรวมกลุ่มกันทำรายงาน เธอจึงเลือกคอนโดมิเนียมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักให้ลลิตาและตฤณ ซึ่งไม่ต้องเดาสักนิดเลยว่าเทพกานต์จะต้องโวยวายที่รู้ว่าตฤณพักอยู่คอนโดมิเนียมเดียวกัน แต่อย่างน้อยได้แกล้งพี่ชายคืนบ้างเล็กน้อยก็ยังดี


ลลิตาเริ่มปรับตัวกับการอยู่คนเดียวได้หลังจากแก้วกานต์อยู่เป็นเพื่อนเกือบอาทิตย์และเพิ่งกลับไปเชียงราย แม้จะรู้สึกคิดถึงบิดากับมารดามากเหมือนเดิม แต่ด้วยมีตฤณเป็นเพื่อน จึงทำให้ไม่เกิดอาการคิดถึงบ้านจนทนไม่ไหวอย่างที่กลัว แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าได้เจอเทพกานต์ด้วย ถึงจะคิดถึงคนรักที่ไปทำงานที่สิงคโปร์มากเพียงใด ก็ต้องพยายามห้ามใจไม่โทรไปรบกวนเวลางาน ได้แต่รอคอยอย่างอดทน พร่ำบอกตัวเองว่าเรียนจบแล้วต้องโตเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผล ต้องไม่งี่เง่าเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน

ภวังค์ความคิดถึงคนรักสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่ด้านนอก หญิงสาวชะโงกศีรษะที่โพกไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กด้วยเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จออกมาจากห้องนอน แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อได้กลิ่นหอมฉุยลอยมาจากห้องครัวขนาดเล็ก

“ว๊าวๆ วันนี้มีไข่เจียวแหนมของโปรดลิตาด้วย ตฤณน่ารักที่สุดเลยจ้าดาร์ลิง” หญิงสาวพูดเอาใจ ไม่แปลกใจที่เพื่อนรักเข้ามาในห้องได้ เพราะต่างคนต่างฝากกุญแจห้องของกันและกันไว้ในกรณีฉุกเฉิน

“งั้นลิตาเป่าผมก่อนนะ แล้วจะรีบออกมาชิมฝีมือดาร์ลิงจ้า” แล้วร่างเล็กก็ผลุบหายไปในห้องนอนอีกครั้ง

ลลิตาแกะผ้าโพกศีรษะออกเพื่อเป่าผม ฮัมเพลงแข่งกับไดร์เป่าผมที่ดังกระหึ่มทั่วห้อง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครเปิดประตูห้องนอนเข้ามาหยุดยืนในห้องเป็นนานสองนาน จนกระทั่งผมแห้งสนิท เธอจึงเดินไปหยิบชุดนอนที่วางไว้ปลายเตียงนอน ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อหางตาจับภาพได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในห้องด้วย หญิงสาวหันขวับไปมองผู้บุกรุก ดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนอก แล้วถอยหลังกรูดหนีผู้บุกรุกที่เดินย่างสามขุมเข้ามาหาราวกับสิงโตเตรียมตะปบเหยื่อ ร่างเล็กล้มเซลงไปบนที่นอนเมื่อถอยหนีจนชนขอบเตียง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวสายตาโลมเลียม คำพูดโวยวายติดอยู่ในลำคอไม่สามารถเปล่งออกมาได้

“ผิดหวังหรือคะที่เป็นพี่ ไม่ใช่ดาร์ลิงของคนดี” เสียงขุ่นแข็งถามขึ้น

“พะ...พี่แซนด์เข้ามาได้ไงคะ” หญิงสาวไม่ตอบ หากถามกลับด้วยแววตาและน้ำเสียงตื่นตระหนก คำพูดอ่อนหวานมากมายที่คิดไว้ว่าจะบอกเทพกานต์ทันทีที่เจอหน้าม้วนหายไปในลำคอหมดสิ้น

“พี่เข้ามาไม่ได้ แต่ไอ้ตฤณเข้ามาได้ใช่มั้ยคะ” ชายหนุ่มอารมณ์ขุ่นมัวถึงขีดสุดเมื่อแฟนสาวเรียกคู่อริอ่อนหวาน ทั้งยังอนุญาตให้เข้ามาในห้องได้ตามสบายอีก

“ไม่ใช่อย่างงั้นซักหน่อย พี่แซนด์กลับมาตอนไหนคะ” ลลิตารีบกล่าวแก้

“กลับถึงสุวรรณภูมิวันนี้ก็ต่อเครื่องมาเชียงใหม่เลย ทำไมคะ ลิตาไม่อยากให้พี่กลับมาเหรอคะ” แม่ทัพสิงห์พาลได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ไปกันใหญ่แล้วค่ะ ทำไมลิตาจะไม่อยากให้พี่แซนด์กลับมาละคะ” ลลิตาบอกเสียงอ่อน แต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้สิงห์หนุ่มขี้โมโห

“ลิตาอยากอยู่กับดาร์ลิงของลิตามากกว่าเจอหน้าพี่มั้งคะ” ผู้ชายตัวโตทำเสียงน้อยอกน้อยใจ

“ไม่ใช่ค่ะ ลิตาคิดถึงพี่แซนด์ที่สุด” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธขึงขัง

“คิดถึงพี่ แล้วทำไมหนีพี่แบบนั้นละคะ” เสียงทุ้มนุ่มอ่อนลงกว่าครึ่งกับถ้อยคำอ่อนหวาน ใจอ่อนเป็นวุ้นนิ่มๆ แต่ยังพยายามเก็กหน้าดุอยู่

เพทกานต์ก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างเล็กที่นั่งอยู่ปลายเตียง มองปราดเดียวก็รู้ว่าร่างกลมกลึงมีเพียงชุดคลุมอาบน้ำบนกายเท่านั้น หญิงสาวยกมือไขว้กันตรงคอเสื้อชุดคลุมอาบน้ำที่แยกออกให้คนตัวสูงยืนมองเห็นร่องอกรำไร โดยไม่รู้เลยว่าการทำแบบนี้เป็นการเน้นให้เห็นหน้าอกอย่างชัดเจนขึ้นไปอีก คนมองยิ่งตาปรอยหยาดเยิ้ม ดวงตากลมโตที่สบตายืนยันว่าคิดถึงตามคำพูดก็ทำให้อดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปจุมพิตแก้มอิ่มยุ้ยฟอดใหญ่ ใบหน้าเนียนซีดเผือดเมื่อครู่ที่ผ่านมาเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบระเรื่อ ทำให้คนมองห้ามใจไม่ได้อีกต่อไป

ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตกลับปากอิ่ม สอดเรียวลิ้นร้อนลิ้มชิมความหวานแบบไม่รู้จักอิ่ม สัมผัสแห่งความรักช่างหอมหวานและเร่าร้อนชวนเคลิบเคลิ้ม มือเรียวเล็กเลื่อนหลุดจากการคอเสื้อชุดคลุมอาบน้ำ แล้วเลื่อนถึงไปโอบต้นคอแข็งแรงลงมาแนบชิดอย่างที่รู้สึกว่าใกล้เท่าไรก็ไม่เพียงพอ เรียวลิ้นเล็กกอดกระหวัดรัดตอบลิ้นร้อนอย่างที่ถูกสอนมาหลายครั้ง อาจารย์กิตติมศักดิ์ถึงกับครางอย่างถูกใจที่ลูกศิษย์สาวสอบผ่านภาคปฏิบัติได้อย่างยอดเยี่ยม

ริมฝีปากร้อนซุกไซร้ต้นคอหอมกรุ่นสบู่เหลวกลิ่นดอกไม้นานาพรรณและกลิ่นกายสาวชวนมัวเมา ลากไล้ไปขบเม้มติ่งหูนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนรักแววตาหวานฉ่ำ

“ลิตาเรียนจบแล้ว อนุญาตพี่แล้วใช่มั้ยคะ” เทพกานต์ถามเสียงสั่นอย่างไม่อยากห้ามใจตัวเองเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว ด้วยทุกครั้งที่เขาเริ่มลืมตัวและปล่อยใจทำตามอารมณ์รักและสัญชาตญาณ เสียงเล็กๆ ของแฟนสาวจะคอยปลอบให้รอจนถึงวันที่เธอจบการศึกษาเสียก่อน หากวันนี้เขาไม่ต้องรอคอยอีกต่อไปอีกแล้ว

ลลิตสบตาคนรักเป็นคำตอบด้วยความเอียงอาย อารมณ์ของหญิงสาวที่เคยเรียนรู้ประสบการณ์ของความรักทางกายของชายหญิงมาเพียงน้อยนิดกระเจิดกระเจิงไปไกล วินาทีนี้ในหัวสมองของเธอมีเพียงเธอและเทพกานต์ ผู้ชายที่เธอรักเท่านั้น

เทพกานต์ยิ้มกริ่มอย่างลิงโลด เขาอยากจะตะโกนกู่ร้องไชโยโห่เสียงดังให้ลั่นเชียงใหม่เมื่อจะได้ครอบครองผู้หญิงอันเป็นที่รัก ผู้หญิงที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาเกือบห้าปี ซึ่งวันนี้เขาจะได้ครอบครองลลิตาทั้งตัวและหัวใจ

ชายหนุ่มแสนปลาบปลื้มกับภาพประติมากรรมชิ้นเอกตรงหน้า หญิงสาวผมยาวสยายเต็มหมอนใบโต ใบหน้าเนียนชมพูระเรื่อ ดวงตากลมมองสบมาช่างหวานหยดเยิ้มเชิญชวน นิ้วเรียวยาวค่อยๆ ลากผ่านตรงกลางสาบเสื้อชุดคลุมอาบน้ำให้แยกจากกัน แล้วก็แทบตาพร่ากับความขาวโพลนเมื่อร่างนวลเนียนไร้อาภรณ์ปกปิด สิ่งที่เขาอยากเห็นมาตลอดปรากฎอยู่ตรงหน้า ช่างสวยงามเกินกว่าที่จินตนาการ และเรือนกายที่งดงามทั้งหมดนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

ดวงตาคมหวานสบดวงตากลมโตที่ต่างมองซึ่งกันและกันด้วยความรักเร่าร้อน ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ โน้มลงหาความขาวโพลน หัวใจหนุ่มเต้นระรัวด้วยตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสนวลเนื้อนุ่มนิ่ม

...ปัง ปัง ปัง !!!...

“ลิตาจ๋า อาบน้ำเสร็จหรือยังเอ่ย วันนี้ตฤณอยากกินอาหารฝรั่ง ดาร์ลิงพาตฤณไปหน่อยนะจ๊ะ อ้อ...อย่าลืมแต่งตัวสวย เอ็กซ์ เซ็กซี่แบบที่ตฤณชอบด้วยนะจ๊ะดาร์ลิง”

เสียงทุบประตูโครมครามและเสียงห้าวทุ้มที่ดังตามมาทันทีเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปไกลด้วยอารมณ์รักของลลิตากลับมามีความรับผิดชั่วดีอีกครั้ง หญิงสาวผลักคนรักออกห่าง แล้วรีบดึงสาบเสื้อชุดคลุมอาบน้ำปกปิดกาย

“รอแป้บนะตฤณ ลิตาเพิ่งอาบน้ำเสร็จจ้า” ลลิตาตะโกนบอกเพื่อนรัก แล้วหยิบชุดนอนวิ่งจี๋เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

“ไอ้เวรเอ๊ย!!!” เทพกานต์สบถอย่างหัวเสียใส่ก้างขวางคอตัวใหญ่ ชายหนุ่มกระชากประตูเปิดออกไปโดยแรง โดยไม่สนใจว่าจะกระแทกหน้าใครที่อยู่ยืนอยู่ข้างนอกหรือไม่

คนอยู่ด้านนอกกระโดดหลบประตูที่เปิดออกมาโดยแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากแดงสดราวกับผู้หญิงเตรียมต่อว่าเพื่อนสาวเจ้าของห้องถูกกลืนกลับไปในลำคอ

“อุ๊ย!!! พี่แซนด์กลับมาแล้วเหรอคะ...ครับ”

“ถ้ายังไม่กลับมาจะเห็นยืนหัวโด่ตรงนี้เหรอ” เทพกานต์ตอบเสียงหงุดหงิด แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารให้แฟนสาวต่อ แม้จะรู้ดีว่าตฤณมีรสนิยมชายรักชาย และเป็นได้เพียงเพื่อนสนิทกับลลิตาเท่านั้น แต่เขาก็ยังอดหึงหวงเวลาที่เห็นทั้งคู่สนิทสนมกันไม่ได้

ตฤณอยากจะตอบกลับแทบขาดใจว่าว่าสภาพเสื้อเชิ้ตไม่ติดกระดุมถึงสามเม็ดและชายเสื้อหลุดรุ่ยจากขอบกางเกงแสล็คสีดำเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องลลิตา ก็ไม่ชวนให้เขามองศีรษะที่ตั้งตะหง่านของร่างสูงสมาร์ทของแฟนหนุ่มของเพื่อนรักเลยสักนิด เพราะมันน่ามองส่วนอื่นที่ตั้งตะหง่านอยู่ต่ำกว่าเข็มขัดมากกว่า

“พี่แซนด์นี่น่ากินจริงๆ” หนุ่มกายชายหัวใจสาวมองตามบั้นท้ายเทพกานต์ตาปรอย


เวลาผ่านมาเกือบครึ่งเดือนที่แก้วกานต์ไม่ได้เจอคู่หมั้นหนุ่ม ไม่เพียงแต่ไม่ได้พบหน้า แม้แต่เสียงมาตามสายก็ไม่มี หรือว่าภีรภัทรจะรู้ใจตัวเองแล้วจริงๆ ว่ารู้สึกับเธอเช่นไร หญิงสาวเริ่มหวั่นไหวเมื่อเมื่อมีคนถามถึงคู่หมั้นอยู่ตลอด รู้สึกเจ็บแปลบเมื่อได้ยินข่าวว่าชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตตามปกติได้เมื่อไม่มีเธอ ในขณะแต่ละวันของเธอช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน ยิ่งไม่มีงานทำ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไร้ประโยชน์

ตั้งแต่เรียนจบ ภีรภัทรก็แต่งตั้งให้เธอเป็นคนดูแลม้า อาบน้ำช้าง ยกพื้นที่ว่างท้ายปางพระจันทร์ให้ทำทุกอย่างที่ต้องการ เป็นการบอกลายๆ ว่าไม่อนุญาตให้ไปสมัครงานที่ไหน แต่เธอก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด เมื่อได้พลิกฟื้นพื้นที่ดินว่างเปล่ากลายเป็นดงกล้วย ไร่ข้าวโพด นาข้าว และอีกสารพัดที่ทดลองปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวคนงาน เธอมีความสุขที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของทุกอย่างที่ปางพระจันทร์ ได้อยู่ใกล้คนที่เธอรัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

แต่ ณ ขณะนี้ ความสุขค่อยๆ เลือนหายไปจากเธอเมื่อไม่ได้ไปปางพระจันทร์ เมื่อไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอรัก ความรู้สึกนี้มันช่างทรมานเหลือเกิน

“พี่หนึ่งกำลังทำอะไรอยู่นะ หนูแก้วคิดถึงพี่หนึ่งจัง” แก้วกานต์พึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเศร้าสร้อย

...กริ๊งๆๆๆ...

ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงริงโทนมือถือแบบโทรศัพท์บ้านสมัยก่อนกรีดร้องขึ้น ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอมือถือทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น แววตากังวลขึ้นมาทันที

“สวัสดีจ้าหนูแก้ว นี่หนูรีเองนะจ๊ะ” เสียงแหลมๆ พูดขึ้นมาทันที่แก้วกานต์กดรับสายและไม่ทันเอ่ยทักทายตามมารยาท

“เอ่อ...สวัสดีจ้าหนูรี มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” แก้วกานต์รู้ดีว่าออกจะเสียมารยาทที่ถามเช่นนี้ แต่ว่าเธอต้องการรู้จริงๆ ว่าปัณจรีย์โทรมาหาเธอดึกดื่นเช่นนี้ทำไม ทั้งที่ตอนกลางวันก็แทบไม่เคยโทรหา

“ก็ไม่มีอะไรหรอกจ้า พอดีหนูรีแค่คิดถึงน่ะจ้า ช่วงนี้หนูรีไปปางพระจันทร์ทีไร ไม่เห็นหนูแก้วสักที หนูรีก็เลยเป็นห่วงกลัวหนูแก้วจะไม่สบาย เลยโทรมาถามด้วยตัวเอง เพราะถามพี่หนึ่งไปก็ทำท่าไม่อยากจะพูดถึงหนูแก้วเลยน่ะจ๊ะ หนูรีละโกร้ธ... โกรธพี่หนึ่งแทนหนูแก้วที่ทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่แคร์หนูแก้วแบบนี้” คำพูดเหมือนจะหวังดีแต่เจตนาประสงค์ร้ายชัดเจน

“เอ่อ..หนูแก้วไม่สบายนิดหน่อย เลยไม่ค่อยได้ไปที่ปางพระจันทร์” แม้จะรู้ว่าดีคำพูดของปัณจรีย์นั้นเคลือบยาพิษ แต่เธอก็ยังอดหวั่นไหวตามไม่ได้

“แล้วพี่หนึ่งก็ไม่ยอมไปเยี่ยมเหรอจ๊ะ แปลกจังเลย หนูรีก็เห็นพี่หนึ่งว่างมากินข้าวกับหนูรีทุกเย็น บอกว่าช่วงนี้งานไม่ยุ่ง เลยมีเวลาให้หนูรี เมื่อตอนค่ำก็ยังชวนหนูรีไปงานแต่งงานลูกชาย ส.ส.ศักดิ์สิทธิ์ด้วย หนูรีก็เกรงใจหนูแก้วอยู่เหมือนกัน แต่พี่หนึ่งก็คะยั้นคะยอเหลือเกิน หนูแก้วก็รู้ใช่มั้ยจ๊ะว่าเวลาพี่หนึ่งอ้อน ผู้หญิงคนไหนก็ใจอ่อนทั้งนั้น พี่หนึ่งบอกว่าไม่คนควง เอ๊ย...ไม่มีเพื่อนไปงาน หนูรีก็เลยใจอ่อนไปเป็นเพื่อน วันนี้พี่หนึ่งหล๊อ หล่อมากเลยหนูแก้ว หนูรีล่ะลำบากใจมีแต่คนถามว่าทำไมเรามาด้วยกัน หนูแก้วไปไหน แล้วยังมีหน้าถามอีกว่าพี่หนึ่งถอนหมั้นหนูแก้วแล้วเหรอ พี่หนึ่งก็ได้แต่ยิ้ม คนคงเอาไปเม้าท์ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะพี่หนึ่งไม่ปฏิเสธ หนูรีล่ะเป็นห๊วง...เป็นห่วงหนูแก้ว เลยต้องโทรมาเล่าให้ฟังจ้า” ปัณจรีย์พูดยืดยาวน้ำไหลไฟดับไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดโต้ตอบ

“พี่หนึ่งไปกินข้าวกับหนูรีทุกเย็นเลยเหรอ” แก้วกานต์อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม แม้จะรู้ดีว่าคำตอบที่ได้จะทำให้เธอหวาดระแวงมากขึ้นอีก

“ใช่สิจ๊ะ บางวันก็พาหนูรีไปดินเนอร์ที่โรงแรม หรือไม่ก็ร้านอาหารอร่อยๆ ที่พี่หนึ่งเคยพาหนูแก้วไป หนูรีถามว่าไม่กลัวหนูแก้วโกรธเหรอ พี่หนึ่งบอกว่าก็ไม่ใช่สถานที่พิเศษอะไร พี่หนึ่งก็พาหนูรีไปหมดทุกที่ที่พาหนูแก้วไปเลยล่ะ”

“จริงเหรอ” เสียงเบาหวิวถามขึ้น แต่เป็นการถามตัวเองมากกว่า

“จริงสิจ๊ะ พี่หนึ่งทำให้หนูรีสับสนมากเลยตอนนี้ พี่หนึ่งให้ความสำคัญกับหนูรีมากๆ หนูรีต้องขอโทษหนูแก้วที่อ่อนไหวไปกับพี่หนึ่ง แต่หนูแก้วก็รู้ใช่มั้ยว่าพี่หนึ่งน่ารักขนาดไหน”

“หนูรีรักพี่หนึ่งเหรอ”

“ในเมื่อหนูแก้วกล้าถาม หนูรีก็กล้าตอบ ใช่ หนูรีรักพี่หนึ่ง รักมานานแล้ว ถ้าไม่มีหนูแก้วติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่เด็กเหมือนเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ พี่หนึ่งก็คงเลือกหนูรี”

“พี่หนึ่งบออกหนูรีแบบนั้นเหรอ”

“ผู้ชายนะเขาไม่พูดออกมาตรงๆ หรอกจ้า แต่การกระทำน่ะบอกชัดเจนว่าเขาแคร์ใคร”

“หนูรีกำลังจะบอกอะไรหนูแก้ว”

“หนูรีไม่มีอะไรบอกหนูแก้วอีกแล้ว แต่หนูรีจะถามว่า ถ้าหนูรีขอ หนูแก้วจะยกพี่หนึ่งให้หนูรีหรือเปล่าล่ะ” ปัณจีรีย์ตอบเสียงกร้าวเป็นคนละคนกับจากเมื่อนาทีที่แล้ว

“...ไม่-มี-ทาง...” แก้วกานต์ตอบกลับเสียงกร้าวไม่แพ้กัน

“ฮึ!!! แล้วหนูแก้วจะทำอะไรได้ล่ะจ๊ะในเมือตอนนี้พี่หนึ่งอยู่กับหนูรี” ปัณจรีย์บอกเสียงเยาะเย้ย แล้วกดตัดสายแบบไม่คำนึงถึงมารยาทใดๆ ทั้งสิ้น

แม้จะเชื่อใจภีรภัทร ด้วยตลอดระเวลาที่คบกันมาจนหมั้นหมาย ชายหนุ่มพิสูจน์ทุกคำพูดด้วยการกระทำให้เธอได้เห็น ให้เธอได้รู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก แต่สิ่งที่ได้ฟังก็ทำให้เกิดความหวั่นไหวไม่แน่ใจ และเธออยากได้ยินคำยืนยันจากปากเขามากที่สุดเพื่อจะตอกย้ำให้หัวใจได้เข้มแข็งกว่านี้

แก้วกานต์มือสั่นเมื่อกดมือถือโทรออก แทบจะกลั้นหายใจระหว่างรอเสียงปลายสาย แต่ละวินาทีช่างผ่านไปด้วยความกดดัน น้ำตาจวนเจียนจะหยดเมื่อเวลาไปนานจนสายเกือบตัวก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับสักที และแล้วเสียงที่เธอรอคอยก็ดังขึ้น

“หนูแก้ว...”

“พี่หนึ่งทำอะไรอยู่คะ” หญิงสาวถามด้วยความใจร้อนโดยไม่รอให้คนปลายสายพูดจบอย่างไม่ใช่วิสัยที่เคยปฏิบัติ เริ่มสงสัยน้ำเสียงตื่นตระหนกของคู่หมั้น

“เอ่อ..พี่หนึ่งกำลังขับรถอยู่ครับ” คนถูกถามอึกอักเล็กน้อยก่อนตอบ สร้างความหวาดระแวงให้คนถามมากยิ่งขึ้น

“ตอนนี้พี่หนึ่งอยู่ที่ไหนคะ” น้ำเสียงแหบแห้งถามต่ออีก โดยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพิ่งเข้าใจหัวอกตัวร้ายในละครไทยหลังข่าวที่อยากจะกรีดร้องแล้วกระชากผมนางเอกมาจิกตบให้สาแก่ใจเมื่อถูกแย่งพระเอกไปจากอกก็วันนี้เอง

“เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงครับ” ภีรภัทรตอบสั้นๆ

“พี่หนึ่งไปกับหนูรีหรือเปล่าคะ” หญิงสาวกลั้นใจถามต่อ แม้จะกลัวกับคำตอบเหลือเกิน

“ครับ”

“ฮือๆ...” แก้วกานต์ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นกับคำตอบที่ได้รับ เธอกดตัดสายจากคู่หมั้นทันทีอย่างไม่สามารถทนรับฟังความจริงได้อีกต่อไป


**********

ฝากอ่านติชม แนะนำ เป็นกำลังใจให้ ขวัญดาว ด้วยนะคะ
ร่วมพูดคุยกันได้ทาง e-mail หรือ Facebook ที่ nukwun@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ ^___^


**********




ขวัญดาว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2555, 19:40:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2555, 19:40:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1853





<< ตอนที่ 18 Diary Of Love (100%)    ตอนที่ 20 ขว้างงูไม่พ้นคอ ขว้างรักไม่พ้นใจ >>
poy 16 ก.ย. 2555, 20:30:00 น.
พี่หนึ่งงานเข้าแล้ว อัพบ่อยๆๆนะค่ะไรเตอร์ชอบมากค่ะ


Pat 16 ก.ย. 2555, 21:09:45 น.
หนูแก้ว หนักแน่นหน่อยนะจ๊ะ.


wii 17 ก.ย. 2555, 00:01:48 น.
นายหนึ่งก็น่าโดนอยู่หร๊อกกกก ทำอะไรไม่รู้จักชี้เเจงให้คนรักฟัง ก่อนที่คนอื่นจะคาบเอาไปบอกเเล้วทำให้เรื่องราวเลยเถิดไปกันใหญ่


lovemuay 17 ก.ย. 2555, 08:49:19 น.
เคยถูกหลอกไปครั้งนึงแล้ ถ้ายังโดนหลอกครั้งที่สองมีงอนจริงๆด้วย


ปอปู 17 ก.ย. 2555, 16:56:45 น.
สู้ๆๆ


ใบบัวน่ารัก 17 ก.ย. 2555, 20:16:47 น.
งี่เง่าจัง


teesaparn 18 ก.ย. 2555, 11:25:19 น.
อ่านไปก่อต้องเปิดเพลงของหวายไปตวย ห่างกันสักพัก เข้ากั๋นดี...


mothjung 20 ก.ย. 2555, 17:26:53 น.
เบื่อนังหนูรี น่าจะกระชากผมมันมา แล้วจิกตบ จิกตบ 55+++ สะใจ ๆ ๆๆ ๆ ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account