บันทึกความทรงจำ (ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นนักเขียน)
สวัสดีค่ะป่านนี้คนในห้องนี้คงลืมนกไปหมดแล้วมั้ง เขาไม่ค่อยมาลงนิยายไม่ได้ห่างหายไปไหนหรอกค่ะ กำลังเคลียร์พล็อตนิยาย 3 เรื่องที่ยื่นพล็อตผ่านแล้วให้เสร็จ เครียดเหมือนกันเลยต้องหาอะไรเขียนระบายความเครียด พอดีหลายๆครั้งมีคนตั้งคำถามนี้กับเราก็เลยเขียนขึ้นมา มันคงเป็นแบบอย่างของใครไม่ได้ แต่อาจพอชี้ช่องทางให้กับน้องๆที่อยากจะเป็นนักเขียน แต่ไม่กล้าลงมือเขียนสักทีได้บ้าง




Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บันทึกความทรงจำ (ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นนักเขียน) ตอนที่1

สวัสดีค่ะป่านนี้คนในห้องนี้คงลืมนกไปหมดแล้วมั้ง เขาไม่ค่อยมาลงนิยายไม่ได้ห่างหายไปไหนหรอกค่ะ กำลังเคลียร์พล็อตนิยาย 3 เรื่องที่ยื่นพล็อตผ่านแล้วให้เสร็จ เครียดเหมือนกันเลยต้องหาอะไรเขียนระบายความเครียด พอดีหลายๆครั้งมีคนตั้งคำถามนี้กับเราก็เลยเขียนขึ้นมา มันคงเป็นแบบอย่างของใครไม่ได้ แต่อาจพอชี้ช่องทางให้กับน้องๆที่อยากจะเป็นนักเขียน แต่ไม่กล้าลงมือเขียนสักทีได้บ้าง



นักเขียน

อาชีพที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น หากลองถามกูเกิลดู จะพบ ว่าภายใน 0.23 วินาทีของการค้นหาจะพบข้อความถึง 1,910,000 เชียวล่ะ ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกลจนมนุษย์มีโครงการที่จะขายทัวร์ไปดาวอังคารแล้วล่ะก็การเป็นนักเขียนไม่ได้ยากอย่างที่คิด (อย่างน้อยก็ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก) แต่เส้นทางนี้ใช่ว่าจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบทุกความสำเร็จย่อมมีขวากหนามซ่อนเอาไว้บ้างอย่างปะปราย


ผู้เขียนเองก็เช่นกันอาชีนักเขียน คือความใฝ่ฝันอันสูงสุดตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษา โดยเฉพาะในช่วงมัธยมศึกษาปีที่3 ที่ได้มีโอกาสอันดีได้พบนักกวีชื่อดังผู้เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้วิ่งตามความฝันเพราะในวัยเด็กผู้เขียนอยู่ชมรมภาษาไทยจึงมีโอกาสได้ ศึกษากาพย์ กลอน กับนักกวีซีไรต์ ชื่อดังท่านหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆแต่เป็นความทรงจำที่ประทับใจ

ท่านก็มอบความรู้ให้กับเด็กๆทุกคนในชมรมอย่างเต็มที่ผู้เขียนยังจำได้ ท่านเคยพูดเอาไว้ประมาณว่าสักวันเด็กๆในห้องนี้อาจจะมีสักคนหนึ่งที่ได้เป็นนักกวี หรือนักเขียนในอนาคต ตอนนั้นผู้เขียนแอบยกมืออยู่ในใจว่าขอให้คนๆนั้นเป็นหนูจะได้ไหม นักกวีท่านนั้นเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจของผู้เขียน ท่านสามารถหยิบจับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของท่านมาใช้ประโยชน์ราวกับว่าสิ่งรอบตัวคือวัตถุดิบชั้นดีแล้วแต่ว่าเราจะเลือกหยิบอะไรมาปรุงอาหารในหม้อให้ออกมาได้รสอร่อยถูกใจคนทำถูกปากคนกิน

แม้กระทั่งยามที่ท่านมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นฝนตกลงมา ดอกดิน กลี่นฝน มันเป็นโจทย์ของเราในวันนั้น ท่านเป็นสุดยอดนักกวีจริงๆ (ในวัยเด็กตอนผู้เขียนยังไร้เดียงสา แต่ปัจจุบัน เลยวันนั้นมานานนม ผู้เขียนเคยถามอาจารย์ที่ปรึกษาตอนเห็นนักกวีท่านนั้นครั้งแรกทีท่านเข้ามาที่ชมรม

อาจารย์คะลุงใส่เสื้อหม้อห้อมคนนั้นเป็นใคร เขามาตัดกิ่งไม้ตรงหน้าอาคารหรือเปล่าหนูว่าเขากำลังมองหาอะไรสักอย่าง คุณครูประจำชั้น มองผู้เขียนด้วยสายตาตำหนิและส่ายหน้า มีตาหามีแววไม่นะยะเธอ ท่านเป็นถึงนักกวีซีไรต์เชียวนะเธอ คนที่เธอจะได้เรียนกับเขา ผู้เขียนอึ้งไปสองสามวินาที พร้อมกับแอบมองท่านผู้นั้นอีกทีจริงเหรอนี่ และมองอีกหลายๆที จนเข้าห้องเรียนผู้เขียนจึงรู้ว่ามีตาแต่หามีแววไม่เป็นอย่างไร) ตอนนั้นผู้เขียนยังเป็นเด็กอยู่มากค่ะก็จะพูดอะไรตามใจนึก อินเตอร์เน็ตสมัยก่อนยังไม่มีผู้เขียนจึงไม่เคยเห็นหน้านักกวีท่านนี้มาก่อน


คนรอบข้างมักจะพูดกรอกหูอยู่เสมอว่าเป็นนักเขียนไส้แห้ง หลายๆคนคงได้ยินมาบ้างแล้ว (แต่ผู้เขียนขอยกมือขึ้นค้านสองมือด้วยก็ได้ ผู้เขียน ลองมาหลายอาชีพ ทำงานบริษัท เป็นแม่ค้า หรือนักลงทุนเสี่ยงโชคหวังรวยทางลัด ในวันที่ 1 และ 16ของทุกเดือน แต่อาชีพนี้นอกจากจะสร้างความฝันให้เป็นจริงแล้วยังสร้างรายได้จำนวนไม่น้อยเลยให้กับผู้เขียน)


อ่านมาถึงตรงนี้คนอ่านอาจกำลังคิดว่านามปากกา ของผู้เขียนอาจจะมีชื่อเสียงถึงสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เปล่าเลยค่ะบางคนอาจจะไม่รู้จักนามปากกาของผู้เขียนเลยด้วยซ้ำไป จุดมุ่งหมายของคนเราไม่เท่ากันค่ะผู้เขียนเองการมีงานเขียนตลอดออกมาเป็นเล่มอยู่เรื่อยๆ สม่ำเสมอถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว การมีพ็อคเก็ตมันนี่ไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ผู้เขียนถือว่าคือความสำเร็จแล้วสำหรับตนเอง ส่วนสิ่งอื่นหากจะได้ตามมานั้นผู้เขียนคิดว่ามันคือกำไรเกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

พรสวรรค์ หรือ พรแสวง

บางคนบอกว่าการจะเป็นนักเขียนได้นั้นจะต้องมีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ตามทฤษฏีจะเป็นอย่างไรนั้นผู้เขียนไม่ขอกล่าวอ้างเพราะหนังสือในมือท่านเล่มนี้เน้นการปฏิบัติจริงของผู้เขียนไม่ได้อิงทฤษฏีใดผู้เขียนต้องการให้น้องๆที่มีความใฝ่ฝันแต่ไม่กล้าลงมือทำตัดความกลัวออกจากใจ และลงมือทำความฝันให้เป็นจริงเพราะผู้เขียนเชื่อว่าโอกาสคงไม่หล่นมาอยู่ตรงหน้าถ้าเราไม่คิดจะไขว่คว้ามัน

พรสวรรค์และพรแสวงหากใครก็ตามมีพร้อมกัน

ผู้เขียนเองคิดว่าตนเองมีพรแสวงถึงได้ทำงานที่ตนเองรัก หลังจากที่ผู้เขียนเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ผู้เขียนจบด้านการตลาดแต่มาทำงานในสายงานที่ไม่เกี่ยวข้องแต่การทำงานก็สบายดีไม่มีอะไรต้องเครียด ณ เวลานั้น การเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีเส้นก๋วยจั๊บ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ก็ยังไม่มีกับใครเขา ไม่มีนามสกุลดังพ่วงท้าย จะเลือกอะไรได้นักหนาเรียนจบแล้วมีงานทำเลยก็ถือว่าบุญหนักหนา หากยังดึงดันที่เลือกหางานตรงสายกับที่ร่ำเรียนมาคงต้องนั่งร้องเพลงรอไปอีกนาน

วันหนึ่งจุดหักเหให้กลับเข้ามาในเส้นทางที่เคยใฝ่ฝันแต่ครั้งวัยเด็ก เพราะตอนเรียนหนังสือผู้เขียนเองชอบประกวดแต่งโครงกร เขียนบทความ เขียนบรรยายและมักจะได้รางวัลทำให้ผู้เขียนมีนิสัยชอบล่ารางวัลหากพบเห็นการประกวด เมื่อหลายปีก่อน ททท. มักจะจัดประกวดบทความท่องเที่ยวหลายๆคนคงเคยส่งไป ผู้เขียนด้วยและได้รับรางวัลอยู่หลายครั้ง ทำให้ผู้เขียนมีแรงบันดาลใจนึกถึงอาชีพนี้อีกครั้ง



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2555, 15:06:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2555, 22:22:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1642





อัปสรา 11 ต.ค. 2555, 15:29:24 น.
ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นนักเขียน (บันทึกความทรงจำของนักเขียนฝึกหัด ถึงยังไม่ดังแต่ฉันก็ไม่เคยยอมแพ้)

ที่ผู้เขียนมาเล่าเรื่องถึงเส้นทางเข้ามาในแวดวงนี้นั้นจุดประสงค์เพราะอยากตอบคำถามน้องๆ นักศึกษาหลายคนที่ชอบมาตั้งคำถามกับตัวผู้เขียนว่า เรื่องนี้คนเขียนๆไปเรื่อยๆไม่มีการวางโครงอะไรทั้งนั้นเขียนไปลงไปตามที่นึกออกมาไม่ได้ปรุงแต่งภาษาเป็นความรู้สึกนึกคิดของตัวผู้เขียนล้วนๆ

ทำอย่างไรถึงจะได้เป็นนักเขียน ?


ซึ่งผู้เขียนคงจะเป็นต้นแบบของใครไม่ได้เพระไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิดหรือมีพรสวรรค์ มีออร่าส่องประกายมาแต่ไกลว่าจะเป็นนักเขียนแต่อาจพอชี้ช่องทางให้ได้บ้างเท่านั้น บางครั้งผู้เขียนยังไม่กล้าใช้คำว่านักเขียนเต็มตัวนักเลยเพราะคิดว่าถ้าบันไดมี 5 ขั้น เราเพิ่งย่างก้าวมาขั้นที่ 1 ยังมีอีกมายที่จะต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ขึ้นไปอีกขั้นให้ได้

แต่หากเรื่องของผู้เขียนจะพอเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจหรือจุดประกายให้กับน้องๆที่ฝันอยากเป็นนักเขียนแล้วคิดว่าไม่มีทางทำได้ลุกขึ้นมาลงมือทำความฝันให้เป็นจริง ผู้เขียนคงรู้สึกดีมาก

โดยทุกอย่างที่เขียนเป็นสิ่งที่เราลงมือทำไม่ได้อิงทฤษฏีอะไรมันเป็นเรื่องของตัวเองล้วนๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แบบที่บอกไปหลายคนอาจจะไม่รู้จักผู้เขียนเลยก็ได้


ณ วันนั้นที่ฉันเริ่มเขียน

ผู้เขียนถูกน้องสาววานให้ไปเช่าร้านหนังสือแถวบ้าน ก็ไม่รู้จะเช่าเรื่องอะไรให้น้องสาวแบบว่าน้องสองคนติดนิยายมาก ส่วนตัวผู้เขียนอ่านนิยายน้อยมากๆ นี่คือเรื่องจริง (คนเขียนนิยายแต่ไม่ค่อยได้อ่านนิยาย...เออเนอะหลายคนเริ่มแปลกใจล่ะสิ)

เพราะน้องผู้เขียนต้องทำงานล่วงเวลาทุกวันชอบอ่านนิยายบ้าง หนังสืออื่นที่มีสาระบ้าง ซุบซิบดารา สลับกันไปน้องสาวว่ามันเป็นการผ่อนคลาย (ส่วนตัวผู้เขียนถ้าเครียด จะมุ่งตรงไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเว็บพันทิปเลย และแวะไปแถวห้องก้นครัว ถ้ายังไม่หายเครียดจะแวะไปที่ Blueplanet)

และหนักๆเข้าน้องสาวก็เริ่มเห็นเราใช้ง่าย( มันเลยใช้เราไปเช่าทุกวันตกลงใครเป็นน้องเป็นพี่กันแน่ยะ... น้องสาวไม่พอคราวนี้น้าสาวเริ่มติดนิยายเพราะยืมน้องสาวอ่านแบบว่ายืมทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม เอาล่ะสิงานใหม่ตอนเย็นๆต้องปั่นจักรยานไปร้านเช่าหนังสือทุกวัน นานๆเข้าเริ่มเหนื่อย น่องเริ่มโป่ง โวยสิคะชอบอ่านกันนักใช่ไหมเดี๋ยวเขียนให้อ่านเองเลยจะได้ไม่ต้องใช้หนูไป

รู้ไหมเป็นยังไง น้าสาวก็หัวเราะถ้าแกเขียนนิยายได้ฉันคงได้เป็น บก. ไม่ตลกค่ะ
มุ่งมั่นมากเลยวันนั้น ทำแบบที่หลายคนทำเลยค่ะ เข้าไปที่เว็บอากู๋และเสริช คำว่า
"อยากเป็นนักเขียน" ณ เวลานั้นบอกไม่ถูกเหมือนกันทำไปทำไม แล้วฉันจะเขียนอะไร แต่จำได้ว่าเราดูไปเรื่อยจนลิงค์เข้าไปที่เว็บหนึ่ง เว็บที่หน้าตาก็ธรรมดาต่างจากหลายเว็บที่ลงไปดู มีขั้นตอนการใช้ง่ายๆไม่เกินไอคิวเรา ที่สำคัญเห็นว่าคนไม่เยอะดี (อายค่ะกลัวเขียนอะไรไปแล้วใครต่อใครเขาหัวเราะเยอะเอา) สมัครวันนั้นเลย และลงมือเขียนทันทีก็ไม่รู้อีกนิยายมันเริ่มต้นอย่างไร จำได้ว่าครั้งแรกที่ลงไม่มีใครอ่านเลย ไม่มีสักเม้นต์เดียว เริ่มห่อเหี่ยวใจแล้วล่ะ ผู้เขียนไม่รู้เลยว่านิยายมันควรจะมีกี่บท แล้วแต่ละบทควรจะยาวสักเท่าไหร่ เขาต้องร่างพล็อตก่อนเขียน ต้องหาแรงบันดาลใจจากที่ไหน เฮ้อ! มืดแปดด้าน


กรยุพา 11 ต.ค. 2555, 15:44:02 น.
ได้อ่านบทความของครอัปสรา แล้วรู้สึกประทับใจนะคะ หลายคนก็คงรู้สึก เช่นเดียวกันนี้ กวีท่านนั้น...เชื่อว่าท่านคงภูมิใจไม่น้อย ที่ทำให้เด็กคนหนึ่งได้เดินตามฝันในวันนี้ เช่นเดียวกับตัวเองค่ะ ที่ท่องกลอนของท่านได้หลายบท เรียกได้ว่าจำจนขึ้นใจ มีชื่อเสียงหรือไม่ คงไม่สำคัญได้เท่าที่เราได้เดินตามความฝัน จริงมั้ยคะ ถึงไม่อิ่มท้อง แต่ก็อิ่มใจ ถึงไม่ร่ำรวยแต่ก็พอเพียง เป็นอีกกำลังใจมอบให้สำหรับบทความดีๆ ของคุณอัปสรานะคะ


อัปสรา 11 ต.ค. 2555, 15:55:17 น.
ขอบคุณมากค่ะคุณดารัณที่เขาเขียนมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ปรุงแต่งเขียนไปลงไปแต่ออกมาจากใจจริงๆค่ะพอดีเมื่อไม่นานเห็นภาพถ่ายของท่านแต่ท่านคงจำเราไม่ได้หรอกค่ะ


อัปสรา 11 ต.ค. 2555, 16:06:57 น.
และแล้วเริ่มมีคนมาช่วยชี้ทางสว่าง พี่นักเขียนท่านหนึ่งในห้องนั้นแนะนำผู้เขียนว่าก็เขียนเรื่องที่เรารู้สิอะไรก็ได้ใกล้ๆตัวตอนพี่เริ่มเขียนก็ทำแบบนี้ พร้อมแนะนำเรื่องการเขียนอีกเล็กน้อย เขาบอกว่าคำแนะนำไม่ดีเท่ากับตัวเราค้นหาเอง

ผู้เขียนเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกและคอมเม้นต์แรกที่เข้ามาทักทายและบอกว่าจะตามอ่านตอนต่อไปเลยเป็นแรงผลักดันให้ผู้เขียนเริ่มจะเขียนตอนที่ 2 ตอนที่ 3 และตอนต่อๆไป

เรื่องก็ง่ายๆเอาใกล้ตัวเลยผู้เขียนไม่ค่อยได้อ่านนิยายมากเท่าไหร่กลัวพล็อตจะซ้ำกับคนอื่นเขาด้วย (ไม่รู้คิดอะไรแบบนี้ไม่เหมือนใคร) จากนั้นก็เลยเริ่มผูกเรื่องขึ้นมาเองเริ่มจากบ้านเกิดของผู้เขียนก่อน พอดีวันนั้นรายการดังช่อง 5 พาไปเที่ยวไปชิมที่อดีตบ้านเกิดผู้เขียน

ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นตลาดน้ำชื่อดังซึ่งแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักแล้วใน พ.ศ นี้ (ขอนอกเรื่องเล็กน้อย เหมือนที่ชอบออกนอกพล็อตตลอด คิดถึงบรรยากาศแถวนั้นจังในวัยเด็กก่อนที่จะกลายเป็นตลาดน้ำชื่อดัง ผู้เขียนเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดข้างตลาดน้ำนั้น สิ่งแวดล้อมเมื่อก่อนดีกว่าสมัยนี้มากอากาศบริสุทธิ์ไม่ต้องมีแอร์กลางคืนก็เย็นสบายไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เพราะมีเสียงไก่ที่ยายเลี้ยงไว้กับนกแถวนั้นมันร้องปลุกตอนเช้า ตกกลางคืนหิ่งห้อยมันเยอะมากจนพลัดจากกลุ่มบินเข้ามาในมุ้งเลย เพราะบ้านผู้เขียนอยู่ริมคลอง (ลองหลับตาแล้วนึกถึงบรรยากาศเรื่องคู่กรรม ประมาณนั้น)

แถวนั้นอากาศบริสุทธิ์เป็นบ้านสวน มะม่วงน้ำดอกไม้ที่นั่นอร่อยที่สุดในโลก เคล็ดลับของมันเกิดจากน้ำก่อยและน้ำเค็มมาพบกัน แล้วมันจะยังไงก็ไม่รู้แต่ทำให้มะม่วงสวนบ้านผู้เขียนในสมัยก่อนอร่อยที่สุด )

หลายคนในห้องนี้คงรู้แล้วว่านิยายเรื่องแรกเขียนเรื่องอะไรเพราะเอามาลงเว็บสิรินดาเป็นที่แรกยังจำชื่อคนที่มาเมนต์ให้เป็นคนแรกได้อย่างดีค่ะ แล้วยังดีใจที่พี่เขายังช่วยอ่าน อีกหลายตอน จนมันจบก็ไม่คิดจะส่งหรอกแค่เอาไปให้น้องกับน้าสาวอ่าน ที่บ้านตกใจกันมากเอาจริงเหรอ แล้ววันหนึ่งก็มีคนบอกว่าเขียนต้องเยอะจะทิ้งไปน่าเสียดายลองส่งไปที่สำนักพิมพ์ดูสิ

ตอนที่เขียนครั้งแรกไม่ได้มีจุดประสงค์จะส่งไปที่สำนักพิมพ์จริงๆนะ แต่มีคนในเว็บที่น่ารักบอกว่าลองดูสิ ถ้าไม่ผ่านก็ยังได้คำติชมเราจะได้รู้ว่าตนเองบกพร่องตรงไหน (เอ...มันก็น่าคิด) เริ่มเสริชหาข้อมูลจากอากู๋อีกแล้วจนเข้าไปเว็บนิยายดังที่เด็กๆชอบอ่าน ผู้ใหญ่ก็เยอะ มีคนน่ารักเขียนเอาไว้บรรยายเสร็จสรรพ ว่ามีสำนักพิมพ์อะไรบ้าง เน้นแนวไหน มีอีเมลล์พร้อมนึกขอบคุณคนที่เข้ามารวบรวม



เดิมเดิม 11 ต.ค. 2555, 19:56:47 น.
เป็นบทความที่ดีค่ะ


อัปสรา 11 ต.ค. 2555, 22:07:13 น.
ขอบคุณค่ะ


shotang 31 ม.ค. 2556, 16:56:29 น.
เป็น บทความที่ให้แรงบัลดาลใจ ได้ฮึดสู้ จริงๆค่ะ ^^


พลูหอม 26 เม.ย. 2556, 13:11:37 น.
ขอบคุณที่สุดค่ะ และดีใจที่ได้อ่านบทความนี้ แรงที่ถดถอยค่อยๆ กระเตื้องเปล่งพลัง ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account