บ่วงหัวใจไฟเสน่หา

“นิพาดา” หรือ “รีน่า” จำต้องแสดงละครเป็น “นิภาธร” หรือ “นีน่า” น้องสาวฝาแฝดที่หนีเที่ยวหรือหนีไปกับใครก็ไม่รู้ จนกว่าจะตามตัวของน้องสาวฝาแฝดที่ทิ้งจดหมายพร้อมกับแหวนหมั้นไว้ให้ แต่ภารกิจนี้จะสามารถตบตาผู้ชายฉลาดเป็นกรด โลกส่วนตัวสูงและนิ่งเงียบจนชวนขนลุกอย่าง “รามิล” ได้หรือไม่

Tags: คู่แฝด

ตอน: ตอนที่ 1 : หน้าที่ที่ได้รับจากน้องสาว

ตอนที่ 1
หน้าที่ที่ได้รับจากน้องสาว
ฝากดูแลทุกอย่างแทนด้วยนะคะพี่สาวที่น่ารัก ไม่ต้องโทร.ตามนะคะเพราะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ชั่วคราวจ้า…ไว้จะติดต่อกลับเอง ฝากบอกทุกคนด้วยนะคะว่าไม่ต้องเป็นห่วง เที่ยวเบื่อเมื่อไหร่จะรีบกลับบ้านทันทีค่า…

ขอบคุณล่วงหน้านะคะพี่รีน่าพี่สาวที่น่ารักที่สุดในโลก
นีน่า
ร่างบางเพรียวระหงที่ยืนอ่านข้อความในกระดาษที่ถูกนำมาวางทิ้งไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมแหวนเพชรน้ำงามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกร้อนรนจากคนเป็นแม่เลี้ยงที่เธอและน้องสาวฝาแฝดรักและเคารพดุจดังแม่บังเกิดเกล้า
“รีน่า! รีน่า! อยู่ไหมลูก”
“คะแม่”
นิพาดาขานรับ ก่อนจะรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาเปิดประตูห้องให้กับนางประณาลีผู้เป็นแม่เลี้ยงด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลกับเรื่องที่เจ้าของแหวนในกำมือของเธอก่อขึ้น
“เห็นนีน่าไหมลูก แม่เดินไปหาที่ห้องเมื่อกี้ก็ไม่เจอ”
นางประณาลีในวัยห้าสิบเจ็ดปีที่ดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดีทำให้นางดูราวกับว่าเพิ่งจะสี่สิบต้นๆ ที่ยังคงมีเค้าของความงามในวัยสาวให้เห็นว่าอดีตนั้นนางสวยเพียงใดเอ่ยถามลูกเลี้ยงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ทำให้นิพาดาที่สังเกตเห็นขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยว่าสิ่งที่ทำแม่เลี้ยงมีสีหน้าอย่างนี้จะเกี่ยวกับข้อความในกระดาษและแหวนหมั้นที่น้องสาวฝาแฝดจอมแสบทิ้งไว้ให้หรือเปล่านะ
“มีอะไรหรือเปล่าคะแม่”
“ก็คุณรามน่ะสิ…”
พูดยังไม่ทันจะจบประโยค นิพาดาที่เหมือนมีชะนักติดหลังก็ถามแทรกขึ้นมา อย่างกลัวว่าเรื่องที่น้องสาวกำลังทำจะรู้ไปถึงหูคู่หมั้นหนุ่มหล่ออย่างรามิลเข้า คราวนี้ได้เรื่องใหญ่แน่
“คุณรามทำไมคะแม่”
“คุณรามเกิดอุบัติเหตุเมื่อช่วงเช้ามืดนี้เอง เห็นทางโน้นโทร.มาบอกว่าเขาขับรถกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วเผลอหลับใน รถเลยแฉลบลงข้างทางไปชนกับต้นไม้”
“คุณรามเกิดอุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอคะ ละ…แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะแม่”
นิพาดาถามเสียงสั่น ทันที่ที่ได้ยินว่าคู่หมั้นของน้องสาวเกิดอุบัติเหตุเธอรู้สึกตกใจมาก แม้แต่ร่างกายของเธอก็ยังพลอยสั่นไปด้วย จนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้
“คุณนีบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว และตอนนี้ก็ออกจากห้องไอซียูมานอนพักฟื้นที่ห้องพักคนป่วยแล้วล่ะ แม่เลยว่าจะมาชวนนีน่ากับรีน่าไปเยี่ยมคุณรามซะหน่อย แล้วนี้ตกลงนีน่าละจ๊ะ”
ถามพลางชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในห้องของลูกเลี้ยงสาวหวังจะเห็นคู่แฝดอีกคนที่ชอบมาหมกตัวอยู่ห้องพี่สาวประจำ ทว่าคราวนี้กลับไม่พบแม้เงา
“นีน่าไม่อยู่หรอกค่ะแม่ และตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้ด้วย รีน่าว่าเรารีบไปเยี่ยมคุณรามก่อนดีกว่าค่ะ คุณแม่ลงไปรอที่รถก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวรีน่าตามไป”
“อ๋อ ได้จ๊ะ”
ผู้สูงวัยรับคำแล้วเดินจากไปอย่างไม่คิดจะเซ้าซี้ ส่วนนิพาดาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เอาแหวนหมั้นที่น้องสาวฝาแฝดสุดที่รักฝากไว้เก็บใส่ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งชั่วคราว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาน้องสาวตัวแสบแม้เจ้าตัวจะบอกว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่ก็ตามเถอะ เรื่องรามิลเกิดอุบัติเหตุคู่หมั้นอย่างนิภาธรควรจะรู้และกลับมาทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดี แต่ทว่าเบอร์นี้ไม่สามารถติดต่อได้จริงๆ นิพาดามองโทรศัพท์ในมือแล้วถอนหายใจ
“แกเล่นอะไรของแกนะยัยนีน่า ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาเสียเลย”
บ่นอย่างหนักใจ ก่อนจะรีบออกจากห้อง เมื่อนางประณาลีที่ลงไปรอดก่อนหน้านั้นให้คนรับใช้ในบ้านขึ้นมาตามเธออีกรอบ

แม้จากบ้านมายังโรงพยาบาลระยะทางจะไม่ได้ไกลมากมายนัก แต่ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดทำให้สองแม่ลูกใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมง ดังนั้นพอมาถึงทั้งสองจึงรีบตรงไปยังห้องพักคนป่วยที่ทางนางธยานีซึ่งเป็นอาสะใภ้ของรามิลบอกเอาไว้ทันที
ใช้เวลาไม่กี่นาทีนิพาดาและแม่เลี้ยงก็มายืนอยู่หน้าห้องพักคนป่วยที่มีชื่อของรามิล ธุดาภรณ์ติดหราอยู่ตรงประตู
นิพาดาเคาะประตูเบาๆ สองสามครั้งแล้วค่อยๆ เปิดมันเข้าไปภายในห้องพักฟื้นที่ดูหรูหราราวกับไม่ใช้โรงพยาบาล แล้วเอ่ยทักนายอชิตพล ธุดาภรณ์อาของรามิลที่เดินออกมาต้อนรับคู่แม่ลูกที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งแยกออกคนละส่วนกับห้องผู้ป่วย
“สวัสดีค่ะคุณชิต คุณรามเป็นยังไงบ้างคะ”
“พ้นขีดอันตรายแล้วละครับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คุณหมอขอสแกนสมองเพิ่มเติมตรวจสอบให้แน่ชัดว่าได้รับการะกระทบกระเทือนอะไรบ้างหรือเปล่า ส่วนภายนอกก็หัวแตก แขนขวาหัก แขนซ้ายเป็นแผลลึกพอดู ดีที่ขาไม่หักด้วยแต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นแผลฉกรรณ์คงเดินไม่ได้สักพัก”
นายอชิตพลตอบเสียงกลั้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีหลังจากที่รับไหว้หญิงสาวที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่คนที่จะมาเป็นหลานสะใภ้หรือเปล่า เพราะแฝดคู่นี้หน้าตาเหมือนกันมากราวกับโขกกันออกมา แต่มาเยี่ยมหลานชายของตนก็คิดว่าคงใช่แหละน่ะ
“อย่างนั้นเหรอคะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของคนเจ็บ ดิฉันกับลูกสาวขอเข้าไปเยี่ยมหน่อยนะคะ”
“เชิญเลยครับเชิญเลย”
ว่าแล้วร่างสูงใหญ่ออกจะท้วมเล็กน้อยก็เดินนำสองแม่ลูกเข้าไปห้องพักผู้ป่วย ที่ตอนนี้ด้านในมีภรรยาของเขาคอยดูแลหลายชายอยู่ไม่ห่าง
“สวัสดีค่ะคุณนี ค่อยโล่งใจหน่อยนะคะที่คุณรามปลอดภัยแล้ว แต่ภายนอกก็ถือว่าเจ็บหนักพอดูเลยนะคะเนี่ย”
ทักทายพร้อมกับเดินเข้าไปยืนข้างๆ เตียง ที่มีร่างสูงของรามิลนอนหลับอยู่
“สวัสค่ะคุณลี หนู…นีน่าสินะจ๊ะ”
นางธยานียกมือรับไหว้แต่ก็ลังเลที่จะทักทายหญิงสาวที่ใครๆ ก็รู้ว่ามีคู่แฝดที่หน้าตาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว แต่พอคิดว่าถ้ามาเยี่ยมรามิลที่บาดเจ็บอยู่ในตอนนี้ล่ะก็คงไม่ผิดตัว ซึ่งก็ใช้การตัดสินแบบเดียวกับคนเป็นสามีเป๊ะ
“เอ่อ…”
นางวรรณวลีที่กำลังจะเอ่ยปากแก้ไขความเข้าใจผิด ถูกนิพาดาที่ตอนนี้เปรียบเสมือนว่าต้องรักษาการแทนน้องสาวถลาเข้าใช้มือแตะปากไม่ให้พูดต่อ แล้วรับสมอ้างว่าเป็นนิภาธรหน้าตาเฉย
“ค่ะ เอ่อ…ว่าแต่อีกนานไหมคะกว่าคุณรามจะฟื้น”
ถามจบนิพาดาก็หันมองคนเป็นแม่เลี้ยงที่ยังคงทำสีหน้าข้องใจอยากรู้เหตุผล แต่พอเห็นสายตาข้อร้องระคนอ้อนวอนนางจึงได้ถอนหายใจและพยักหน้ารับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คิดว่าเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังและหวังว่าคงได้ฟังเหตุผลที่ดีนะ
“คุณหมอบอกว่าประมาณชั่วโมงสองชั่วโมงคงฟื้น และนี้ถ้าตารามฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าคู่หมั้นอย่างหนูนีน่า อาว่าเขาต้องดีใจและมีกำลังใจมากขึ้นแน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะหายเร็วขึ้นราวปาฏิหาริย์ก็เป็นได้นะเนี่ย”
นางธยานีหันไปพูดสัพยอกว่าที่หลานสะใภ้ยิ้มๆ
“เอ่อ…ค่ะ”
นิพาดารับคำพลางยิ้มแหยๆ อย่างอึดอัดและรู้สึกผิดที่ต้องมาโกหกผู้ใหญ่ที่ดูจะชื่นชอบน้องสาวของเธอไม่น้อย
“ยังไงเชิญคุณลีกับหนูนีน่าตามสบายนะครับ ผมมาโรงพยาบาลตั้งแต่ตีหนึ่ง ตอนนี้ก็เลยว่าจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย คุณนีมีอะไรต้องการเป็นพิเศษไหมผมจะได้เตรียมมาให้เลย”
นางธยานีทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า
“ไม่รู้สิคุณอะไรที่คิดว่าจำเป็นก็เอามาเถอะ เอามาเผื่อนอนเฝ้าตารามด้วยล่ะ แล้วรีบๆ กลับมานะคะฉันอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างเหมือนกัน”
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ถ้าไม่ว่าอะไร คุณนีจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและตระเตรียมของมานอนเฝ้าคุณรามพร้อมกับคุณชิตก็ได้นะคะ ส่วนทางนี้ดิฉันกับลูกสาวจะดูแลให้เอง…ไม่ต้องทำหน้าเกรงใจอย่างนั้นหรอกค่ะ พวกเราไม่ได้รีบร้อนจะกลับอะไร เพราะอีกเดี๋ยวคุณธีกับไทนี่ที่ดิฉันโทร.บอกเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคงกำลังตามมาเยี่ยมคุณรามด้วยเหมือนกัน ไปเถอะนะคะ”
นางประณาลีเอ่ยปากอาสาอย่างเต็มใจ เพราะเห็นทั้งสองคนต่างก็อยู่ในชุดนอนที่สวมทับด้วยชุดคลุมมีสีอ่อนหน้าเพลีย ถ้าได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักนิดคงเรียกความสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง
“เอาอย่างนั้นเหรอค่ะ”
ถามอย่างเกรงใจ นิพาดาจึงเดินเข้าไปบอกย้ำอีกครั้ง
“เอาอย่างนี้แหละค่ะ แป๊บเดี๋ยวเองไม่ได้หนักหนาอะไรเลย และอีกอย่างคุณรามก็เป็นคู่หมั้นของเอ่อ…นีน่าด้วย”
ท้ายประโยคนิพาดาพูดได้ไม่เต็มปากมากนัก แต่ก็สร้างความพอใจให้กับคู่สามีภรรยาที่รับหน้าที่ดูแลหลานชายที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็กเป็นอย่างมาก
“ถ้างั้นอาก็ขอบใจหนูนีน่ามากๆ เลยนะจ๊ะ เดี๋ยวพวกอาจะรีบไปรีบกลับนะ งั้นดิฉันกับสามีขอตัวกลับบ้านสักครู่นะคะคุณลี”
นางประณาลีพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มหวาน แต่พอสองสามีภรรยาออกจากห้องและปิดประตูปุ๊บรอยยิ้มหวานนั้นก็เลือนหายไปปั๊บ และนิพาดาก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะถูกซักฟอกเรื่องรับสมอ้างเป็นน้องสาวฝาแฝดจึงชวนคนเป็นแม่ออกไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นด้านนอกจะได้ไม่รบกวนการพักผ่อนของคนเจ็บ
“เราไปคุยกันข้างนอกนะคะแม่”
เอ่ยจบร่างเพรียวระหงก็ลุกขึ้นเดินนำออกไป โดยมีแม่เลี้ยงอย่างนางประณาลีเดินตามออกมาติดๆ และเพื่อป้องกันสียงพูดคุยไปรบกวนรามิล หญิงสูงวัยจึงปิดประตูห้องพักคนป่วยที่ทำแยกออกจากกันให้เรียบร้อย
“คุณแม่อย่ามองรีน่าอย่างนั้นสิคะ รีน่ามีเหตุผล”
ยังไม่ทันจะเอ่ยปากอะไรนิพาดาที่รู้ตัวว่าผิดด้วยความจำเป็นก็รีบชิงเป็นคนพูดออกมาก่อน
“มีเหตุผล งั้นก็ว่ามาสิจ๊ะ”
นางประณาลีไม่ได้ทำน้ำเสียงหรือสีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่ทั้งน้ำเสียงกับสีหน้านั้นกลับตรงกันข้าม นางถามลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของคุณแม่ผู้ใจดีของลูกๆ
“ตอนนี้นีน่าไม่อยู่แล้วค่ะ และก็ไม่รู้ว่าไปไหน ยัยน้องตัวแสบแอบไปทิ้งจดหมายพร้อมกับแหวนหมั้นไว้ให้หนูที่ห้อง บอกแค่ว่าฝากดูแลทุกอย่างแทนด้วย และฝากบอกทุกคนว่าไม่ต้องเป็นห่วง ขอไปเที่ยวเบื่อเมื่อไหร่จะกลับมา ไอ้ที่ว่าเบื่อเมื่อไหร่จะกลับมาเราก็ไม่รู้ว่ามันจะเร็วหรือช้า แล้วแม่จะให้หนูทำยังไงคุณรามประสบอุบัติเหตุแต่คู่หมั้นกลับไปเที่ยวลั้นลาแบบไม่มีกำหนด”
“เดี๋ยวแม่จะลองโทร.หาน้องเอง”
ไม่พูดเปล่านางประณาลีหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเตรียมจะต่อสายหาลูกเลี้ยงอีกคน ที่ต้องยอมรับเลยว่ามักก่อวีรกรรมให้ปวดหัวประจำตั้งแต่เด็กจนโต แต่นิพาดาก็ห้ามเอาไว้ก่อน
“โทร.ให้ตายก็ไม่ติดหรอกค่ะแม่ หนูลองแล้ว ยัยนีน่าบอกไว้ในจดหมายว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่และจะติดต่อกลับมาเอง”
“ติดต่อกลับมาเอง ! โอ๊ย…แม่จะเป็นลม”
ฟังจบนางประณาลีก็กุมขมับด้วยท่าทีอ่อนแรงจนนิพาดาที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องรีบเข้าไปประคองร่างของคนเป็นแม่ให้ค่อยๆ นอนลงที่โซฟา จากนั้นก็ค้นหายาดมในกระเป๋ามาจ่อปลายจมูก
“เป็นไงบ้างคะ”
คนถูกถามพยักหน้าเบาๆ สูดกลิ่นหอมเย็นๆ เข้าเต็มปอดแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับมองหน้านิพาดาแฝดผู้พี่ที่หน้าตาไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ทำไม่นิสัยถึงได้ต่างกันลิบลับ คนหนึ่งติดจะเรียบร้อยนิดหนึ่ง งานนอกบ้านในบ้านเป็นเลิศ แต่อีกคนกลับเปรี้ยวจี๊ด เอาแต่ใจ และชอบก่อเรื่องให้ทุกคนในบ้านปวดหัวเป็นประจำ ส่วนเรื่องงานบ้านน่ะนะไม่ต้องพูดถึง เคยระเบิดห้องครัวมาแล้ว
“เฮ้อ! นีน่าน่ะนีน่าเล่นอะไรก็ไม่รู้ ทิ้งแหวนหมั้นไว้ให้แถมฝากฝังเอาไว้เสียดิบดีแบบนี้ แม่ว่านีน่าคงหวังให้ลูกเป็นตัวแทนระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่แน่ๆ เลย เอาไงล่ะทีนี้”
“ฮ้า…”
นิพาดาครางเสียงหลงแล้วทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ น้องสาวของเธอทำแสบหาเรื่องมาให้ปวดหัวอีกจนได้ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต เธอต้องคอยรับผลกับสิ่งที่นิภาธรไปก่อวีรกรรมเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน ถึงอย่างนั้นเอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่เคยโกรธน้องสาวจอมแสบนี้ได้ลงคอเลยสักครั้ง เพราะบางครั้งนิภาธรก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ ที่ดูเหมือนจะตั้งใจและวางแผนเอาไว้เสียดิบดีเลยล่ะ
“แม่ว่ารีน่าไม่ต้องไปบ้าจี้ตามนีน่าหรอกนะลูก เดี๋ยวถ้าทางคุณชิตกับคุณนีถามถึงนีน่าแม่จะบอกพวกเขาเองว่านีน่าไปทำธุระที่ต่างประเทศ คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”
นางประณาลีบอกอย่างเห็นใจลูกสาวคนโตที่รักน้องๆ ทุกคนยิ่งชีพ อยากได้หรืออยากให้ทำอะไรให้บอกมาเถอะ นิพาดาคนนี้พร้อมจะทำและหามาให้ทุกอย่าง
“มันก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะแม่ ถ้านีน่าไปเที่ยวอย่างที่บอกจริงๆ แต่หนูลองคิดทบทวนมาตั้งแต่ได้อ่านจดหมายแล้วนะคะว่า แค่ไปเที่ยวทำไมต้องทิ้งแหวนหมั้นไว้ให้หนูด้วย ยัยนีน่าแค่ไปเที่ยวจริงๆ หรือไปไหนกับใครกันแน่”
นิพาดาถามความเห็นจากคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าที่ไม่แน่ใจระคนกังวล ว่าจะไม่คิดแต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้ ซึ่งก็ทำให้นางประณาลีที่ไม่เคยฉุกคิดถึงประเด็นนี้เลย ค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีลูกสาวคอยประคองอยู่ไม่ห่าง
“นี่รีน่ากำลังจะบอกแม่ว่า นีน่าอาจจะหนีตาม…ไม่ใช่สิหนีไปเที่ยวกับเอ่อ…เพื่อนผู้ชายอย่างนั้นเหรอ”
นางประณาลีเปลี่ยนคำพูดให้มันฟังดูดี แต่ภายในใจนั้นคิดไปในทางที่เลวร้ายกว่าคำพูดหลายเท่า และไม่เข้าใจว่าทำไมนิภาธรถึงทำอย่างนี้ การหมั้นหมายที่เกิดขึ้นก็ใช่จะโดนบังคับเสียเมื่อไหร่ เอ่ยปากอยากจะหมั้นเองแท้ๆ
“แค่คาดเดาค่ะแม่”
“แต่แม่ว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก”
นางประณาลีเอ่ยพลางถอนหายใจ ทิ้งตัวพิงพนักโซฟา แล้วยกยาดมขึ้นจ่อปลายจมูกสูดเอากลิ่นหอมบรรเทาอาการวิงเวียนนั้นด้วยท่าทีอ่อนแรง คราวนี้รู้สึกเหนื่อยอกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ ดังนั้นจนกว่าเราจะตามตัวนีน่าเจอ รีน่าว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งให้คุณรามที่กำลังเจ็บหนักรวมถึงครอบครัวของเขารู้จะดีกว่านะคะ อย่างน้อยก็จนกว่าเราจะแน่ใจว่า จริงๆ แล้วนีน่าแค่ไปเที่ยวจริงๆ หรือไปไหนกันแน่”
“ถ้าอย่างนั้นรีน่า…”
นางประณาลีหยุดพูดเพียงแค่นั้น เมื่อเห็นลูกสาวคนโตพยักหน้าอย่างยอมรับที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากน้องสาวฝาแฝดแม้จะไม่ค่อยจะเต็มใจนักก็ตาม
“ค่ะ จากนี้ไปต่อหน้าคุณรามและครอบครัวรีน่าก็คือนีน่าค่ะ”
นิพาดาบอกเสียงหนักแน่น สูดลมหายใจลึกๆ อย่างต้องการเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง แค่เผชิญหน้ากับรามิลที่เงียบขรึมติดจะเย็นชาแทบจะไม่เสวนากับใครถ้าไม่ใช่เรื่องงานเธอก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว แต่จากนี้ไปจะต้องเอาตัวเขาไปใกล้ชิดสนิทสนมและยิ่งชายหนุ่มไม่สบายในฐานะคู่หมั้นก็ต้องไปดูแล เธอจะทำได้ไหมเนี่ย คิดพลางกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
“แม่ตามใจรีน่าละกันนะจ๊ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูความเห็นของพ่อเขาด้วยล่ะนะว่าจะเอายังไง ระหว่างนี้แม่ว่าแม่โทร.หาโทนี่ให้ช่วยตามหานีน่าอีกแรงดีกว่า ว่าแต่ตอนนี้โทนี่อยู่ไหนนะลูก”
“อิตาลี่ค่ะแม่”
ได้ยินคำตอบจากลูกสาวแล้วนางประณาลีก็หัวเราะเสียงขึ้นจมูก ลูกของนางแต่ละคน นิภาธรตอนนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ธนภัทรหรือโทนี่คู่แฝดของธนภูมิหรือไทนี่ชอบการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจจึงเดินทางไปทั่วทุกสารทิศไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศ นางจำไม่ได้แล้วว่าลูกชายคนนี้กลับมาบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่ก็ยังดีที่มีพิรัลบุตรชายคนเดียวของพิตตินันท์กับประวิชญาคอยส่งข่าวมาเป็นระยะๆ
แต่ยังไมทันจะได้กดต่อสายไปยังอิตาลี่ตามที่ตั้งใจไว้ ประตูห้องก็ถูกเคาะและเปิดออกโดยสองพ่อลูกที่ตรงจากสนามกอล์ฟมายังโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อของเยี่ยมไข้ตามคำสั่งของนางประณาลี
“มาแล้วครับ คนเจ็บเป็นยังไงบ้าง”
ธนภูมิถามพลางเดินเอากระเช้าของเยี่ยมไข้มาวางบนโต๊ะ ตรงหน้าพี่สาวกับแม่ที่เขาไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าทั้งสองคนดูเหมือนกับจะมีเรื่องกังวล
“พ้นขีดอันตรายแล้วตอนนี้นอนพักอยู่ในห้องแน่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมกับไทนี่ขอเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บแป๊บหนึ่งนะ แล้วเราค่อยคุยกัน”
ไม่ใช่แค่ธนภูมิเท่านั้นที่สังเกตเห็นความผิดปกติของสองแม่ลูก หากแต่นายนิธิภัทรก็เห็นและรู้สึกได้จากสีหน้าและแววตา โดยเฉพาะกับคู่ชีวิตที่อยู่กันมานานหลายสิบปี
นางประณาลีพยักหน้ารับพลางยิ้มบางๆ และเมื่อลูกชายกับสามีหายเข้าไปในห้องพักคนป่วย นางจึงหันมายิ้มอย่างอบอุ่นอ่อนโยนให้กับลูกสาวที่ดูเหมือนจะมีสีหน้ากังวลหนักขึ้นกว่าเดิม และนางก็รู้ว่าเพราะอะไร
“ห่วงคุณพ่อจะโกรธนีน่าเหรอจ๊ะ แม่ว่าไม่ต้องห่วงหรอกนะ คุณพ่อเขาเป็นคนมีเหตุผล”
“แต่คราวนี้คุณพ่ออาจจะโกรธเอามากๆ จนไม่คำนึงถึงเหตุผลก็ได้นะคะ คุณแม่ก็รู้ว่าเวลาคุณพ่อโกรธน่ะน่ากลัวขนาดไหน”
ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังทำท่าขยาด เห็นหน้าตาใจดีอย่างนั้นน่ะนะ แต่คุณพ่อของเธอเวลาโกรธล่ะก็น่ากลัวอย่าบอกใคร แม้นานๆ จะเห็นโกรธทีก็เถอะ แถมวิธีลงโทษก็สุดแสนจะโบร้าณโบราณ…ไม้เรียว ใช่คุณพ่อจะลงโทษด้วยการหวดด้วยไม้เรียวประจำตำแหน่ง และหวดโดยไม่เลือกด้วยว่าตอนนี้ลูกๆ นั้นโตกันหมดแล้ว ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคนที่โดนหวดก้นในวัยยี่สิบเจ็ดปีก็คือไทนี่น้องชายจอมเจ้าชู้ของเธอ เพราะอะไรน่ะเหรอก็รถไฟเกิดมาชนกันที่บ้านโดยไม่ได้นัดหมาย ก็เลยเกิดศึกชิงนายแต่เรื่องแค่นั้นก็คงไม่โดนลงโทษหรอกนะหากว่ามันไม่ทำให้คุณแม่ลีสุดรักสุดสวาทขาดใจดิ้นของคุณพ่อโดนลูกหลงจนได้เลือดแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
“แม่ว่าไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย”
พูดเสียงกลั้วหัวเราะนั้นทำให้ลูกเลี้ยงคนสวยค้อนคุณแม่ตาคว่ำ ก็จะน่ากลัวได้ยังไงล่ะ คุณพ่อน่ะกล้าหือกับคุณแม่เสียที่ไหนล่ะ
“เจ็บหนักพอดูเลยนะ ว่าแต่คุณชิตกับคุณนีไปไหนครับเนี่ย”
ร่างสูงใหญ่ของนายนิธิภัทรที่เดินออกจากห้องพักคนป่วยอย่างรามิลพร้อมกับลูกชายเอ่ยปากถามภรรยาที่นั่งอมยิ้มข้างๆ ลูกสาวที่นั่งหน้าตูมอย่างสงสัย
“อ๋อ…ทั้งสองคนกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของมานอนเฝ้าคุณรามนะคะ”
นางประณาลียิ้มให้สามีที่พยักหน้ารับแล้วหันไปมองลูกชายที่ทำท่าหันซ้ายหันขวาชะโงกหน้าชะโงกหลังคล้ายกับกำลังหาอะไรสักอย่างอยู่ เลยอดที่จะถามไม่ได้ แต่ดูเหมือนนางจะช้ากว่าลูกสาว
“หาอะไรไทนี่”
“เจ้นีน่าครับ เจ้แกไปไหนครับพี่รีน่าคู่หมั้นนอนเจ็บทำไมไม่มาดูแล แต่คิดไปคิดมาถ้าขืนให้เจ้แกมาดูแลมีหวังคนเจ็บได้เจ็บหนักถึงขั้นโค่ม่าก็เป็นได้ มือหนักอย่างกับช้างสาร ไม่ไหว ไม่ไหว”
ธนภูมิพูดล้อพี่สาวอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี้อย่างสนุกปาก ตั้งใจจะให้เป็นเรื่องตลกขบขันกับทุกคนเหมือนทุกครั้ง ทว่าคราวนี้กลับเงียบไร้ซึ่งการตอบรับ ซ้ำหน้าตาแต่ละคนก็เริ่มจะมีความกังวลเข้าครอบงำ
“เรื่องนีน่าไทนี่กับคุณพ่อถามเอาจากคุณแม่แล้วกันนะคะ รีน่าขอตัวเอากระเช้าไปเก็บและจะเข้าไปอ่านหนังสืออยู่ในห้องเป็นเพื่อนคุณรามจนกว่าคุณอาทั้งสองจะกลับมา ถ้าสงสัยอะไรไว้เรากลับไปคุยกันที่บ้านนะคะ”
พูดจบร่างเพรียวระหงก็ลุกขึ้นหิ้วกระเช้าเดินเลี่ยงออกไปแบบนิ่งๆ คนเป็นพ่อเอี้ยวตัวมองตามลูกสาวเล็กน้อย ก่อนลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งจากตรงข้ามไปเป็นข้างๆ ร่างบอบอบบางไม่เปลี่ยนแปลงของภรรยา ขณะที่ธนภูมิอ้าปากหวอมองตามหลังพี่สาวตาปริบๆ แล้วหันขวับมาถามคนเป็นแม่อย่างสงสัย
“พี่รีน่าเขาเป็นอะไรครับแม่ ดูไม่สดใสตั้งแต่ผมกับคุณพ่อมาถึงแล้ว”
“มีเรื่องนิดหน่อยมั้ง แต่ไม่เป็นไรหรอกพี่เขาทำใจยอมรับมันแล้ว และตอนนี้ก็คงจะเริ่มทำตัวให้ชินกับหน้าที่ใหม่ ที่ได้รับมอบหมายจาก…นีน่า”

***********************************************************

เรื่องเก่ายังไม่จบแต่ก็อยากอัพเรื่องใหม่ค่ะ อิอิอิ ฝากเรื่อง “บ่วงหัวใจไฟเสน่หา” ไว้อีกสักเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นภาคต่องของ “บ่วงรักทาสเสน่หา” เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง นีน่าและไทนี่ ยังไงอ่านแล้วก็ติ (เพื่อก่อ) ได้นะคะ ยินดีรับฟังและนำไปปรับปรุง ^_^
เหมือนเดิมค่ะลงแค่ 70% เท่านั้น คงไม่ว่ากันนะคะ เพราะช่วงนี้มีการก็อปนิยายเยอะหลือเกิน กลัวโดนก็อปไปแล้วนำไปเสริมแต่งสนุกกว่าตัวเอง 555 ก็ว่ากันไป กร๊ากกก



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2555, 20:13:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2555, 20:13:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 3904





nutcha 24 ต.ค. 2555, 03:04:18 น.
แล้วจะมีเรื่องของรีน่าด้วยไหมคะ มีพิมพ์ชื่อประณาลีเป็นวรรณวลีด้วยนะค่ะ


mhengjhy 24 ต.ค. 2555, 09:49:57 น.
รอติดตามค่าาาา


Asian 10 พ.ย. 2555, 11:38:50 น.
จะติดตามค่ะ
แต่รบกวนคนเขียนสักนิดเพิ่มระยะห่างระหว่างบรรทัดอีกนิด
จะอ่านสบายตาขึ้นค่ะ มันเบียดกันไปหน่อยต้องเพ่งเยอะค่ะ
ขอบคุณค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account