ชุลมุนรักวุ่นๆในหอเฮี้ยน
เตชิตกับมัทนาทั้งสองสอบเข้าได้มหาวิทยาชื่อดังของกรุงเทพซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มีชื่อเสียงเนื่องจากนั้นขึ้นชื่อว่ามีผีดุอีกด้วย
เมื่อทั้งสองได้เข้าไปรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของที่นี้ ทั้งสองตัดสินใจเช่าหอพักในเนื่องจากเวลามีเรียนจะได้ไม่รีบตื่น โดยทั้งสองแยกหอพักชาย หอพักหญิง เมื่อเช้าหญิงสาวได้ยินถึงความเฮี้ยนของผีในหอพักนี้ ทั้งสองได้ซื้อดอกไม้ธูปเทียนขอที่ขอทางและขออนุญาตให้กุมารทองมาอยู่กับตนด้วย
หลังจากนั้นหญิงสาวก็นอนหลับตามสบาย
เช้าวันต่อมาทั้งสอก็เข้ามหาวิทยาลัยระหว่างนั้นทั้งสองได้ยินคนถุกรังแก่มัทนาเห็นไม่ได้จึงเข้าไปช่วยแล้วก็พบว่านักศึกษาขายคนหนึ่งโดนนักศึกษาด้วยกันรังแกแม้แต่เตชิตจะห้ามแต่หญิงสาวไม่ฟัง หญิงสาวเข้าไปเหมือนที่จะทะเลาทำให้ชายหนุ่มคนนั้นปลื้มหญิงสาวทันทีที่แรกเจอ มัทนาทำท่าจะต่อยแต่ผู้ชายนักศึกษานั้นจำได้ก็คือฟ้าลั่นลูกชายของผู้ว่านั้นเอง ฟ้าลั่นตกใจและดีใจที่ได้พบกับมัทนาหญิงสาวที่เขาแอบรักมานาน มัทนาบอกให้ฟ้าลั่นปล่อยตัวนักศึกษาชายคนนั้นก็คือปาณัท ฟ้าลั่นยอมปล่อยและพูดจาหวานและจีบมัทนาทำให้เตชิตต้องเข้าช่วยเพื่อนสาว ฟ้าลั่นไม่พอใจไม่ชอบเตชิตสมัยเรียนเนื่องจากอิจฉาที่ชายหนุ่มได้ใกล้ชิดกับมัทนามากกว่าตน มัทนาเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันจึงบอกให้หยุดทั้สองจึงหยุด หญิงสาวเข้าไปถามปาณัทว่าเป็นไงบ้างเขาตอบว่าไม่เป็นไรและปาณัทกล่าวขอบคุณขอเป็นเพื่อนทั้งสอง แต่ทั้งสองปฎิเสธ จึงเดินหนีไปสร้างความงุนงงให้กับปาณัทมาก
ที่เตชิตกับมัทนาปฎิเสธก็เพราะว่าทั้งสองมีปัญหาในการคบเพื่อนเนื่องจากทั้งสองมีสัมผัสที่หก เตชิตมีสัมผัสที่หกเห็นวิญญาณและสามารถพูดคุยกับวิญณาณได้และสัมผัสหรือแตะอ่านใจได้เมื่อสัมผัสกับสิ่งของอันนั้น ส่วนมัทนาสามารถถอดจิตได้และได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงปู่ของเธอ
เพราะอย่างนี้ทั้งสองจึงไม่กล้าคบกับใคร นอกจากปาณัทแล้วเตชิตได้ไปช่วยใยไหมสาวสวยหวานเรียบร้อยจากพวกนักเลงทำให้หญิงสาวซาบซึ้งและอยากเป็นเพื่อนทำให้ชายหนุ่มปฎิเสธเห็นปาณัทกำลังเดินเข้าไปหาทำให้ชายหนุ่มรีบวิ่งหนี่งหนีทันทีทำให้ปาณัทกับใยไหมต้องชะตาจึงตกลงเป็นเพื่อนกันทั้งสองพยายามที่จะทำให้สองคนนั้นคบกับตนให้ได้ไม่ยอมแพ้ตามตื้อทั้งสองช่วยเหลือสองคนนั้นตลอดทำให้ทั้งสองไม่สบายใจไม่รู้จะทำอะไรระหว่างที่มัทนาเข้าก้าลังเขาห้องน้ำเผลอนั่งหลับและจิตของมัทนาก็เดินออกไปและก็ได้พบกับชายใส่ชุดขาวและสวมหมวกสีขวที่เป็นแหลมนั้นก็คือเจ้าที่มัทนาคุยและกุมารทองก็มาร่วมแจมด้วยทำให้เทพชรารู้สึกดีไม่หน่อยที่มีกุมารมาค่อยพูด
จาด้วยมัทนารู้จักกับอภิชัยวปุ่ของเมษาอภิชัยต้องตามัทนาอยากได้เป็นหลานสะใภ้เตชิตเป็นห่วงจึงเรียกกุมารทองให้เพื่อนสาวกลับเข้าร่าง กลับเข้าร่างเล่าเรื่องให้เตชิตฟังขอให้ช่วยสืบคดีการตายของวิณณาณอภิชัย
เตชิตฟังแล้วเริ่มปะติดปะต่อแล้วเขาก็ขอร่วมภารกิจนี้ด้วย
ทางด้านปาณัทกับใยไหมพยายามที่จะเป็นเพื่อนสองคนนั้นจนทำให้ทั้งสองเอื้อมระอาจึงตัดสินใจวางแผนพิสูจน์เพื่อนแท้โดยบอกว่าพวกตนมีสัมผัสที่หกแล้วให้กุมารทองมาปรากฎตัวหวังวัดความกลัวของทั้งสองคน แม้ทั้งสองจะหวาดกลัวด้วยความทั้งสองแอบปลื้มเตชิตกับมัทนาจึงไม่กลัวจึงใช้ความกล้าความจริงใจทำให้ทั้งสองใจอ่อนยอมรับปาณัทกับใยไหม หลังจากนั้นทั้งสี่คนได้กลายมาเป็นเพื่อนรักโดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่าจะต้องเจออันตรายอีกแม้แทบเอาชีวิตไม่รอดแต่ทั้งสี่ก็ไม่หวาดกลัว
วันต่อมามัทนากำลังขับเวสปาไปรับใยไหมที่รออยู่ที่ร้านค้า ระหว่างด้วยความเร่งรีบทำให้มัทนาตกใจเมื่อกุมารทองมาปรากฎตัวทำให้มัทนาไม่พอใจว่าจะไม่ซื้อขนมของกินเซ่นไหว้โดยไม่ระวังทำให้มัทนาขับรถชนรถบีเอ็มดับวิวมัทนาไม่พอใจที่จะเอาเรื่องเจ้าของรถ ในขณะเจ้าของรถไม่พอใจที่จะลุกมาต่อว่าหญิงสาวแต่เจอครั้งแรกก็ทำให้เมษาตกหลุมรักมัทนาตั้งแต่ครั้งแรก มัทนาเห็นท่าชีกอก็เริ่มไม่พอใจ แต่ทั้งคู่ก็ต่อว่ากันแต่เมษาอยากจะจ่ายค่าเสียหายให้ มัทนาดูออกจึงปฎิเสธไปเธอถือว่าฟาดเคราะห์ชายหนุ่มเสียใจตาดูท่าทางสวรรค์จะเข้าข้างทำให้มอเตอร์ไซค์คันเก่งเริ่มเสียทำให้มัทนาไม่พอใจเพราะมีนัดไปรับใยไหม เมษาถือโอกาสจะไปส่งแต่หญิงสาวจะปฎิเสธแต่ชายหนุ่มพูดขึ้นทำให้มัทนาจำใจต้องไป ในขณะนั้นมัทนานั่งในรถจึงเห็นมีวิญณาณติดตามชายหนุ่มมัทนาจึงเอายันต์พาว์เวอร์พัพที่ตนลงคาถากำกับเอง ทำให้เมษาไม่เข้าใจ หญิงสาวขี้เกียจอธิบายและขอแยกย้ายลาขาดชายหนุ่ม แท้จริงแล้วเมษาก็คือหลานชายของอภิชัยนั่นเอง
ใครว่าตนจะหนีเมษาพ้นต้องไปเจอเขาที่โรงอาหารเข้านี้เตชิตเห็นวิญณาณติดตามชายหนุ่มมัทนาจึงหยิบพระรอดองค์หนึ่งที่หลวงปู่ของตนให้ยืนให้ชายหนุ่มพร้อมเก็บไว้สร้างความงุนงงให้กับเมษากับไปรยาเพื่อนสาวของเมษา มัทนาจึงบอกว่าที่หน้าชายหนุ่มหมองเพราะโดนของจึงบอกให้เขารีบไปถอนคุณไสยออกจากตัว เมษาไม่เชื่อคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ทำให้มัทนาโมโหจึงบอกให้ชายหนุ่มไปเข้าพิธีชายหนุ่มไม่เชื่อหาว่าหยิงสาวเพ้อเจ้อมัทนาโกรธพร้อมพูดดีๆแต่ก็ไม่ทำให้เมษา เชื่อมัทนาจึงเอาสร้อยมาแล้วแขวนพระรอดให้ชายหนุ่มทำให้นางโหงพรายกรีดโรงมัทนาสั่งให้กุมารทองไล่ตามนางโหงพรายสู้ไม่ได้ ทำให้มัทนายิ่งกลุ้มใจ จึงมาปรึกษากับเตชิตแล้ววันนี้เตชิตได้เจอกับวิญณาณสาวที่เฮี้ยน วิญณาณสาวไม่พอใจพร้อมทำร้ายปาณัทกับใยไหมมัทนาเห็นท่าไม่ดีจึงใช้อำนาจบารมีของพระพุทธคุณทำให้วิญณาณพี่สาวร้องกรีดมัทนาจึงคิดจะส่งให้เขาไปเกิดแต่วิญณาณสาวไม่ไปเกิดขอให้เจอคนที่รักเสียก่อนนั้นก็คืออาจารย์ในคณะของพวกเธอนั่นเอง ทเตชิตรับปากและขอให้ปล่อยเพื่อนของตน เมื่อได้ยินจึงรับปาก แล้วร่างเธอก็หายไป มัทนาไม่รู้จะทำยังไงจึงมาปรึกษาวันนี้พวกเธอเรียนหนักมากจึงขอตัวแยกย้ายกันไปพักผ่อนระหว่างนั้นมัทนาถอดจิตแล้วก็ตรงตกใจเมื่อรู้สึกไม่ดีจึงรีบเข้าไปห้องอธิการบอดีหญิงสาวกำลังเห็นชายหนุ่มโดนผีนางโหงพรายทำร้ายมัทนาไม่รอช้ากลับเข้าร่างแล้วโทรตามเตชิตกับปาณัทส่วนตนจะไปกับใยไหม มัทนาเห็นท่าไม่ไหวจึงหยิบมีดหมอเดิมมาต่อสุ้กีบผีร้ายทำให้หญิงสาวหมดสติในอ้อมกอดของเมษาทำให้วิญณาณอภิชัยถูกใจนะกุมารทองไม่เข้าใจ เตชิตกับปาณัทเข้ามาดูอาการของเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง
เมษาเองรู้สึกเป็นห่วงแม้แต่คิดว่าหญิงสาวจะเพี้ยนเตชิตเติอนสติเมษาไม่ฟัง พอมัทนาได้สติเตือนให้ชายหนุ่มสวมสร้อยพระเอาไว้ห้ามถอดอกเป็นอันขาด เมษาจึงไม่ถอดไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพร้อมให้ชายหนุ่มรีบเข้าพิธีชายหนุ่มไม่เชื่อ หญิงสาวโมโหนะที่ตนเองช่วยจนหมดแรงกลับไม่ช่วยอะไรได้เลย เมษาเป็นลูกชายของอธิการบดีซึ่งเป็นลูกชายของอภิชัย
มัทนาไม่รู้จะทำไงแล้วจึงเข้าหอพักไป
หลังจากนั้นเมษาตัวติดกับมัทนาหาเรื่องกวนประสาทหญิงสาวพยายามเตือนแต่ก็ไม่เชื่อส่วนไปรยาแกล้งให้ปาณัทซื้อของให้ตนส่วนเตชิตกับใยไหมก็นั่งดูสถานการณ์ทั้งสองคน ทั้งสี่ไปหาอาจารย์พร้อมให้บอกไปเจอคนที่ตนเองรัก แต่กลับว่าเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสี่ไม่ยอมแพ้ตามตื้อจนสุริยะยอมแพ้จึงไปพบแต่ก็ตกใจและดีใจที่ทำให้ทั้งสองได้พบกันทำให้ทั้งสี่พอใจมาก มัทนาวางแผนที่จะให้เมษายอมถอนคุณไสยวิญณาณอภิชัยจะเข้าฝันแต่ไม่ได้ มัทนารู้สึกว่าถ้าชายหนุ่มไม่เชื่อจึงหาวิธีที่จะทำให้เขาเชื่อแต่ชายหนุ่มกลับเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก มัทนาตัดสินใจเตชิตบอกให้หยิงสาวใช้น้ำมนต์ใส่ชายหนุ่มก็ได้จึงโดนไปที่วีรยาแทน มัทนาไม่รู้ไม่ชี้ชิงหนีทำให้เมษาอดหัวเราะไม่ได้มัทนาขอร้องให้ชายหนุ่มเชื่อและบอกให้เขาช่วยสืบคดีคุณปู่ของเขาด้วย เขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลมัทนาโมโหมากไม่อยากพูดอีก
วันต่อมาหญิงสาวใช้ตัวเองเป็นร่างทรงให้กับชายหนุ่มได้คุณกับปู่ของตนเมษาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มัทนาบอกให้เขากินน้ำมนต์ดูถ้าเขาทานเมื่อเช้านี้ก็จะรู้ผลหญิงสาวบอกว่าชีวิตตนเองไม่รักแล้วใครจะรัก หญิงสาวพูดว่าเธอจะไม่มายุ่งอีกชายหนุ่มทานแล้ว
เช้าต่อมารู้สึกตกใจเมื่อพบตะปูอยู่ในท้องก็ตกใจมองในกระจกและก็พบนางหงพรายรีบจัดการเหยื่อวิญณาณอภิชัยเรียกให้มัทนามาช่วยมัทนาไม่รอช้าต่อสู้กับอาคมหมอผีนั้นโชคดีที่หลวงลุงของตนช่วยอีกแรง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชายหนุ่มซาบซึ้งน้ำใจหญิงสาว
มาร่วมลุ้นว่าเตชิตกับมัทนาเมษาจะผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่

Tags: วัยรุ่นวุ่นรัก

ตอน: บทนำ

ณ พระนครศรีอยุธยา วัดพุทธาไสยาส
ชายหนุ่มเสื้อเชิตกางเกงสแล็กกำลังเดินมาหาสาวน้อยผมยาวหยิกลอนที่กำลังนั่งอเนกอยู่หน้าวัด
เตชิต : ไอ้มัทแก่รู้ข่าวยัง
มัทนา : ข่าวอะไรวะ สาวห้าวนั่งส่องดูพระอยู่
เตชิต : ก็ข่าวที่ฉันกับแก่เอ็นท์ติดไง
มัทนา : เอ็นท์ติดเหรอไอ้เต
เตชิต : ก็เอ๋อซิแถมได้คณะเดียวกันและที่เดียวด้วย
มัทนา: นั่นดีเลยว่ะวันนี้มีงานวัดเราไปฉลองกันที่นั้นถือส่งท้ายแล้วกัน เดี่ยวฉันไปไหว้หลวงปู่ของฉันก่อนและค่อยไปหาหลวงลุงสมาน
เตชิต: ไปด้วยซิไอ้มัท
สองหนุ่มสาวเดินเข้าไปในศาลาแล้วนมัสการหลวงปู่แหวนซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของมัทนา และหลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในกุฎิหลวงลุงสมาน
เตชิต/มัทนา: นมัสการคะ/นมัสการคับหลวงลุง
หลวงลุง: ไหว้พระเถอะโยม
มัทนา: หลวงลุงค่ะมัทมีข่าวดีจะมาบอก
หลวงลุง: ไอ้ข่าวดีของเอ็งคือเรื่องที่เอ็งกับเจ้าเตสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยของกรุงเทพได้ซิ
มัทนา: โธ่หลวงลุงรู้ได้ไงอ่ะอุตส่าห์กะว่าจะเซอร์ไพล์
หลวงลุง: ก็พวกเอ็งสองคนตะโกนซะเสียงดังไปทั่ววัด
เตชิต: ว่าแต่หลวงลุงคับผมอยากจะขอของดีจะหลวงลุงหน่อยคับ ถ้ามั่วแต่ขอของไอ้มัทมันมีแต่จะคิดตังค์อีก
หลวงลุง: เอ็งก็เหมือนกันนะรสเค็มยังไงก็เค็มยังไง
มัทนา: แม้หลวงลุงอ่ะสมัยนี้ของแพงจะตายจะต้องรู้จักประหยัดซิค่ะ
เตชิต: เห็นมั้ยละคับหลวงลุงผมนะพูดผิดเสียทีไหน
มัทนาและเตชิตนั่งคุยกับหลวงลุงสมานจนเลยเวลา ทั้งสองจึงขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเที่ยวงานวัดทั้งสองเที่ยวงานจนเพลิน ลืมคำที่หลวงลุงสมานพูดก่อนไปเที่ยวงานวัด
ทั้งสองจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมฆิน: ไอ้มัทตื่นแล้วยังแม่วดี
ญาณวดี: นี่ไงพ่อฉันกำลังจะไปปลุกยัยมัทอยู่นีไง
มัทนา: ไม่ต้องหรอกจ้าพ่อแม่ฉันตื่นแล้วจ้า
ญาณวดี:ตื่นแล้วก็ลงมาทานข้าวทานปลาซะพ่อแก่เขาบ่นว่าหิวอยู่
เมฆินกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
มัทนา: ว่าแต่มีอะไรทานบ้างจร้าแม่ฉันหิวไส้จะกิ่วแล้วอีกหน่อยฉันก็จะไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่แล้ว
เมฆิน: ก็แน่นะซิก็แก่แล่นสอบได้ไปอยู่เมืองกรุงซะนั้นอีกอย่างเป็นเมืองเสี่ยงอาชญากรรมสูงก็ฉันให้แก่ไปเรียนนี้ก็เพราะรู้นิสัยแก่ดีว่าแก่มันห้าวหาญไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น
มัทนา: ก็พ่อก็พูดเกินไปน่ะที่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะพ่อเหรอจ้า
เมฆิน: ก็เอ๋อก็ใช่นี่ไอ้มัทแก่หลอกด่าพ่อเหรอมานี่เลยไอ้ลูกตัวดี
สองพ่อลูกไล่เต๊ะกันจนมาถึงหน้าบ้านขณะที่หนุ่มผมรองทรงที่เริ่มยาวและเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ลีวายกำลังเดินตรงมาทางนี้ มัทนาจึงไปหาที่หลบภัยจากเพื่อนสนิท
มัทนา: ไอ้เตแก่ช่วยฉันด้วยพ่อจะเต๊ะฉันอ่ะ
เมฆิน: หลีกไปจะจับมาเต๊ะสักหน่อยไม่รู้จักเด็กผู้ใหญ่จริงๆเลยนะลูกคนนี้
เตชิตเห็นท่าไม่ดีจึงช่วยเพื่อน
เตชิต: ไอ้มัทฉันจองตั๋วรถทัวร์ให้แก่ไปแล้วนะโว้ยขาดว่าค่อยไปรับที่บ.ข.ส.ด้วยกัน วัดดีคับคุณอาเมฆ
เมฆิน:ไหว้พระเถอะเจ้าเต
ญาณวดี: นี่พ่อยัยมัทไปทานข้าวได้แล้วแม่จัดโต๊ะสำรับกับข้าวให้เรียบร้อยแล้วนะ
แล้วผู้สูงวัยเห็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวของลูกสาวก็ลืมที่จะชวน
เตชิต: วัดดีคับน้าวดี
ญาณวดี: วัดดีจ๊ะพ่อเตมานี่ซิมาทานข้าวกับน้าและอาและยัยมัททานสามคนคงไม่หมดหรอกจ้า
เตชิต: แต่ว่า...
มัทนา: ไม่ต้องแต่เตออะไรผุ้ใหญ่สั่งอะไรก็ต้องทำตามเข้าใจมั้ยค่ะไอ้คุณเต
เตชิต: ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะคับ
มัทนาตักแกงส้มปลากะพงซึ่งเป็นของชอบผมกับแกงเลียงที่หญิงสาวชอบทานพร้อมกับเต้าหู้ยัดไส้ สาวห้าวทานไม่เกรงใจเคชิตก็ทั้งสองรู้ไส้รุ้พุงกันดี
มัทนาเตชิตเป็นเพื่อนข้างบ้านที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆเรียนที่เดียวกันตลอด ทั้งสองไม่กล้าคบกับใครไม่มีใครกล้าคบ พวกเขาต่างมีสัมผัสที่หกที่ทุกคนไม่มี ทั้งสองคิดว่ามันเป็นเรื่องดีเรื่องร้ายนี้ก็ยังไม่รู้ เตชิตเป็นลูกของตฤนอดีตนายตำรวจเก่าที่ผันตัวมาช่วยนางผสุดีเปิดร้านขายอาหาร
มัทนาเป็นลุกสาวคนเดียวของเมฆินกับญาณวดีเป็นเจ้าของกิจการโรงสีที่สำเภาล่ม เมฆินกับญาณวดีสังเกตหนุ่มสาวคู่นี้แต่ก็ต้องดุเมื่อเห็นลูกสาวทานข้าวปลาไม่เรียบร้อยไม่สมกุลสตรี
ญาณวดี: นี่อะไรกันยัยมัทเป็นสาวเป็นแซ่ทานอาหารมูมามได้ไงไม่อายพ่อเตบ้างเลยหรือไงอ่ะลูกคนนี้
มัทนา: อายเอออายทำไมแม่ไอเตก็คนกันเองทั้งนั้นใช่ไหมไอเต
เตชิต: คับคุณน้า
ญาณวดี: เราหยุดเลยนะพ่อเตตามใจยัยมัทแบบนี้ไงล่ะ เราเองก็เหมือนกันยัยมัทต่อจนเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วทำตัวให้เป็นกุลสตรีเพื่อจะได้ขายออกกับเขาบ้าง

เมฆิน: ช่างไอ้มัทมันเถอะแม่วดีแม่ก็รู้ไม่ใข่เหรอว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
มัทนา: มัทอิ่มแล้วขอตัวไปตรวจข้าวของก่อนนะคะพ่อจ้าแม่จ้า
เมฆิน: ไปเถอะแล้วเราล่ะเต
เตชิต: ผมก็ขอลาและขอบคุณคุณน่อามากนะคับที่เลี้ยงข้าวผมผมก็ต้องไปจัดข้าวของเหมือนกัน
ญาณวดี: ดูซิหนุ่มสาวสมัยนี้พ่อฉันขอตัวขึ้นไปดูลูกหน่อย
ญาณวดีเห็นประตูเปิดกว้างก็เข้าไปแล้วดูว่าลูกสาวบังเกิดเกล้าจัดเข้าใส่กระเป๋าครบไหม
ญาณวดี: อะไรนี้ยัยมัทตโตขนาดนี้แล้วยังจัดกระเป๋าไม่เป็นอีกมานี้มาแม่จัดให้ให้ตายซิลูกคนนี้นี้นี่เอายาไปด้วยนี้สบายาสีฟันของใช้ต่างๆมาดูแม่นะยัยมัท แล้วแบบนี้จะมีใครรับเลี้ยงไหมนี้ยัยมัท
มัทนาเห็นแม่จัดข้าวของให้เธอมั้ยทำให้เธอต้องรู้สึกใจหายที่จะจากบ้านเกิดไปอยู่ที่อื่นแต่จะทำไงได้เมื่อมันเป็นโชคชะตาอย่างที่หลวงลุงสมานพี่ชายของพ่อเธอบอกไว้
เตชิตจัดกระเป๋าตรวจเรียบร้อยแล้วรู้สึกใจหายเหลือเกินที่ต้องจากบ้านเกิดไป
ณ สถานีบขส.เวลา 15.00 น.
ครอบครัวของทั้งสองก็มาส่งทั้งสองขึ้นบนรถทัวร์ นางผสุดีมองหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังขึ้นรถทัวร์
ผสุดี: ดูแลตัวเองพอถึงกรุงเทพอย่าลืมโทรมาหาแม่ด้วยละ หนูมัทป้าฝากไอ้เตด้วยนะ
มัทนา: จ้าป้า
ญาณวดีเมฆินก็สวมกอดลุกสาวบังเกิดเกล้า
เมฆิน: ตั้งใจเรียนล่ะยัยมัทอย่าไปสร้างความลำบากใจให้กับเตมันล่ะ
ญาณวดี: ดุแลสุขภาพด้วยล่ะยัยมัทแม่เป็นห่วงอย่าเผลอหลับอีกล่ะลูกจะเห็นอะไรที่ไม่มีใครได้เห็นกัน อย่าลืมห่มผ้าหนาๆล่ะที่หลังหักจัดกระเป๋าเองบ้างนะยัยมัท
มัทนา: จ้าแม่หนูรักพ่อแม่ที่สุดเลยหนูลานะจ๊ะแม่และพ่อ
เมฆิน: อย่าลืมโทรหาข้าละไอ้มัท
มัทนา: จ้าพ่อ
หลังจากครอบครัวของเตชิตกับมัทนาแยกย้ายกันกลับบ้านไปหลังจากส่งลูกของๆพวกเขาไป
เตชิตกับมัทนายังไม่รู้ว่าตนเองต้องเจออะไรกันบ้างแต่หญิงสาวก็ไม่ลืมคำที่หลวงลุงสมานได้บอกเธอกับเตชิตเอาไว้
อะไรต้องเกิดมันก็ต้องเกิด










บูบี้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2555, 14:55:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2555, 14:06:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1072





<< แนะนำตัวละครที่ 6   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account