เพลิงรักอัปสรา (มนตรากลีบลำดวน) นิยายชุดดอกไม้แห่ง Asian
นิยายชุดนี้ มีหลายเรื่อง หลายรส พระนาง หลายเชื้อชาติเพื่อต้อนรับการเปิดเสรี Asian ที่จะมาถึงนี้ขอเริ่มเรื่องแรกที่ดอกลำดวน คงเดาได้ไม่ยากนะคะว่าเป็นดอกไม้งามประจำชาติใด และบังเอิญเหลือเกินที่พล็อตนี้มาพัวพันกับนามปากาของคนเขียน หลายคนคงออกอาการขำนึกว่าเราจะมาเขียนเรื่องรักของตัวเองไม่ใช่นะแต่ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตามนะคะ
(บางทีอาจลงช้าไปหน่อยต้องขออภัยเนื่องจากไรเตอร์คนนี้มีงานประจำค่ะ)ใช้เวลาว่างเขียนนิยายเท่านั้นค่ะ



ดอกไม้ประจำชาติของราชอาณาจักรกัมพูชา ดอก Rumdul ก็คือดอก ลำดวน นั่นเอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Melodorum Fruticosum
ชื่อวงศ์ ANNONACEAE


ลำดวนเป็นไม้ต้นสูง 8-20 เมตร ทรงพุ่มรูปกรวยคว่ำและแน่นทึบ ลำต้นตรงแตกกิ่งและใบจำนวนมาก ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับสองด้าน ใบรูปรีแกมขอบขนานกว้าง 3-4 ซม. ยาว 5-12 ซม. ปลายใบแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีเหลืองนวลออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 2-3 ซม. กลีบดอกหนาและแข็งมี6 กลีบ เรียงเป็นสองชั้น ชั้นละ 3 กลีบ กลีบดอกชั้นนอกรูปไข่ ปลายแหลม กลีบกางออก ปลายกลีบงองุ้มเข้าเล็กน้อย เมื่อบานแล้วจะโค้งกลับไปทางโคนดอก กลีบใน 3 กลีบ งุ้มเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม เมื่อดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. มีกลิ่นหอม แต่ละต้นจะมีช่วงดอกบานอยู่ประมาณ 15 วัน ในช่วงเดือน ธันวาคม-มีนาคม



Tags: อัปสรา เขมร ลำดวน Asian

ตอน: ตอนที่ 1 แรกพบสบตา(ครึ่งแรก)

เพลิงรักอัปสรา (มนต์ตรกลีบลำดวน)




ตอนที่ 1 แรกพบสบตา

ธนา ชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวหน้าตาคมเข้มยืนอยู่เพียงลำพังภายในศาลาริมน้ำทรงไทย เขามองไปในเวิ้งน้ำอันกว้างใหญ่เบื้องหน้าลมจากแม่น้ำเจ้าพระยายามดึกสงัดแผ่วพัดมาปะทะผิวกายจนเส้นผมดกดำของชายหนุ่มขยับเบาๆ แต่มันทำให้เขารู้สึกเย็นสบายมากขึ้นไม่อบอ้าวเหมือนเมื่อช่วงหัวค่ำเขาเป็นคนไม่ชอบนอนเปิดแอร์ชอบลมจากธรรมชาติมากกว่า

จมูกโด่งได้รูปของธนาได้กลิ่นหอมจางๆจากดอกไม้ชนิดหนึ่งมาตามสายลมซึ่งเขามั่นใจว่าภายในบ้านริมน้ำหลังนี้อันเป็นของตระกูลเขาสืบทอดกันมาแม้จะอนุรักษ์บ้านเรื่อนไทยริมน้ำเอาไว้และมีต้นไม้มากมายแต่ไม่มีดอกไม้ที่ชื่อว่าลำดวนอย่างแน่นอน แต่กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกลำดวนมจากไหนกันเขากวาดมองเพื่อหาที่มาของกลิ่นและก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อยบ้านสวนริมน้ำเป็นบ้านไม้ทรงปั้นหยาที่อยู่ถัดไปนี้บ้านของเพื่อนบ้านอาจจะนำต้นลำดวนมาปลูกเอาไว้อย่างแน่นอนจากการมองด้วยสายตาเข้าไปที่บ้านริมน้ำหลังถัดไปนั้นปลูกพืชสมุนไพรไว้มากมายทั้งพันธ์ไม้หายากคงไม่แปลที่จะปลูกลำดวนด้วย


ธนาสูดกลิ่นหอมบางเบาของดอกลำดวนที่ส่งกลิ่นหอมจางๆมาตามสายลมเข้าไปจนเต็มปอดจากนั้นหลับตาผ่อนลมหายใจออกเบาๆกลิ่นดอกลำดวนทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลลาดเหมือนกัยว่าการรอคอยอะไรบางอย่างกำลังจะสิ้นสุดลง เขาเผลอฮัมบทกลอนบทหนึ่งของกวีชื่อดังขึ้นมาเป็นบทกลอนที่เขาเคยได้อ่านและติดตาตรึงใจมาจนกระทั่งทุกวันนี้ น่าแปลกใจที่เขาจำบทกลอนบทนี้ได้อย่างไม่ลืมเลือนแม้ว่าจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเสียหลายปีแทบจะไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน



"เหมือนกลิ่นปรางนางปนสุคนธ์รื่น
คิดถึงคืนเคียงน้องประคองสม
ถอนสะอื้นยืนเด็ดลำดวนดม
พี่นึกชมต่างนางไปกลางไพร"Ž
(อ้างอิง มาจาก นิราศเมืองแกลง ผู้แต่งสุนทรภู่)

ลมที่พัดแผ่วบามาจากแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนได้พัดพาดอกลำดวนสีเหลืองอ่อนดอกหนึ่งมาตามสายลมและตกลงตรงหน้าเขา

“มาได้ยังไง” ธนาก้มลงไปหยิบดอกลำดวนขึ้นมาเขามองมันอย่างสนใจจากนั้นพลันกลิ่นหอมเย็นที่สูดเข้าไปจากกลิ่นของเจ้าดอกลำดวนในมือที่โชยกลิ่นขึ้นมาก็ทำให้ธนาต้องหลับตานิ่งราวกับถูกมนต์สะกด

เขาปล่อยดอกลำดวนล่วงหล่นจากมือเหมือนมีพลังบางอย่างผลักดันให้เขาตกลงไปในหุบเหวลึกสูงชันความแรงของพลังนั้นแทบจะทำให้ร่างเขากับวิญญาณของธนาแยกออกจากกัน ความรู้สึเหมือนร่างกำลังตกไปที่ก้นหุบเหวลึกมืดมิด ธนารู้สึกปวดศีรษะหนึบๆเขาขยับศีรษะและค่อยๆลืมตาขึ้น อย่างช้าๆทันทีที่เปลือกตาเปิดอย่างเต็มที่ธนาก็แทบจะตะลึงงันไปกับสถานที่แปลกไปเขามองรอบตัวถ้านี่ไม่ใช่ความฝันเขาคงกำลังเจอดีกับสิ่งเล้นลับความกลัวเกิดขึ้นอยู่ภายในหัวใจแต่ฉาบเอาไว้ด้วยใบหน้าหล่อนิ่งสงบ


เมื่อพบว่าตนเองกำลังอยู่ในปราสาทหินโบราณหรือว่าเทวสถานที่ใดสักแห่ง ธนาลุกขึ้นยืนและพยายามนึกหาเหตุผล

“เป็นไปไม่ได้” ทันใดนั้นไฟจากตะเกียงน้ำมันโบราณที่อยู่ริมสองข้างผนังก็ค่อยติดขึ้นทีละดวงจนเป็นแนวยาวชวนให้ขนลุก แสงไฟเหมือนกำลังเชื้อเชิญให้ธนาเดินไปตามทางนั้นตามระเบียงคตยาวเรื่อยไป

“นี่มันอะไรกัน” เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้นเมื่อครู่ธนายังคงยืนอยู่ที่ศาลาริมน้ำหน้าบ้านของตนเอง แต่เวลานี้เขาตื่นมาอีกครั้งในปราสาทหินโบราณหากไม่ใช่คนที่คุมสติได้ดีแบบธนาแล้วคงจะแทบคลุ้มคลั่ง

ธนาซ่อนความกลัวเอาไว้และเดินไปตามทางเดินนั้นแม้เขาจะไม่ใช่นักโบราณคดี แต่ด้วยการที่เขาจบด้านการท่องเที่ยวก็พอจะเดาได้ว่าที่นี่คือปราสาทหินโบราณเก่าแก่อายุนับพันปี เขาเดินผ่านระเบียงคดหินทรายศิลปะแบบขอมยุครุ่งเรือง ตามผนังเป็นภาพจำหลักอวตารของพระนารายณ์เมื่อเดินต่อมาอีกนิดเขาก็พบระเบียงคดอีกชั้นเต็มไปด้วยภาพนางอัปสราในอริยบทต่างๆ ดูอ่อนช้อยงดงาม และการแต่งกายที่แตกต่างกันแทบจะไม่ซ้ำกันสักนางเดียวหากไม่ใช่การมาแบบผิดปกติเขาคงจะหยุดดูความงามจากศิลปะสองข้างทางแต่นี่คือการมาแบบผิดปกติ


ปราสาทนี้คล้ายปราสาทดังแห่งหนึ่ง แต่เขาบอกตัวเองว่าไม่ใช่ปราสาทเดียวกันอย่างแน่นอน ปราสาทดังที่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นเขาเคยไปแล้วหลายครั้งตอนฝึกงานที่บริษัททัวร์ แต่ปราสาทหินที่นี่ก็มีส่วนคล้ายคลึงกันมากเขามองออกไปด้านนอกผ่านหน้าต่างก็พบว่าด้านนอกมีบารายเดาไม่ยากนักว่าเป็นศิลปะในยุคใด เพียงแต่ปราสาทหินหลังนี้เล็กกว่ามากแต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อะไรกันที่ชักนำเขามาที่นี่


หรือว่าเขากำลังฝันไปมันไม่ใช่ความจริง แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้ธนาคิดว่าเขาไม่ได้ฝันไปเมื่อพลันสายตาคู่คมไปสะดุดเข้ากับภาพนางอัปสราจำหลักรูปร่างอรชรส่งยิ้มหวานละไมอยู่ตรงมุมทางเดินด้านขวาที่จะเลี้ยวไปไหนสักห้องอาจเป็นบรรณาลัย หรือห้องสำหรับทำพิธี นางอัปสรานางนี้ต่างกับนางอัปสรานางอื่นๆที่เรียงรายกันไปตามทางเดินที่เขาได้เดินผ่านมา ธนารู้สึกว่าหล่อนไม่เหมือนรูปสลักนางอัปสรานางนี้เหมือนมีชีวิตและกำลังส่งยิ้มหวานให้เขา ไม่สิหล่อนกำลัง....ขยิบตาทักทายเขาด้วย


“ไม่จริงๆ ”ธนาพึมพำ “นี่คือความฝันมันไม่ใช่เรื่องจริง นางอัปสราอะไรขยิบตาได้ด้วย”


อันที่จริงเขากควรจะกลัวแล้ววิ่งหนีไปไม่ใช่เหรอ แต่เปล่าเลยสองเท้าเขากลับก้าวเข้าไปหานางอัปสรานางนั้นนางอัปสราผู้สวมชฎาสามยอดประดับด้วยดอกไม้ ทัดดอกลั่นทมข้างจอนหูมีพวงมาลัยห้อยลงมาคล้ายอุบะแต่งกายด้วยกรองทองลายงดงามเปลือยอกมีสังวาลย์ทาบทับ นุ่งผ้าซิ่นยกดิ้นและจับหน้านางเฉลียงไปทางด้านขวาสวมกำไลแขนเป็นห่วงสองอัน มีรัดกรเป็นรูปนงยูงลำแพนที่แขนด้านขวา กำลังอยู่ในท่าร่ายรำอ่อนช้อย เขามองรูปสลักนางอัปสรานางนี้ราวกับว่ากำลังต้องมนต์และพลันนั้นกลิ่นลำดวนจางๆก็ลอยมาตามสายลมเขาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเขาเอื้อมมือไปแตะที่รูปสลักของนางราวกับต้องมนต์ตรา และทันใดนั้นผิวกายที่ทำจากหินโบราณแข็งกระด้างอายุนับพันปีกับแปรเปลี่ยนสภาพไปกลายเป็นผิวกายมนุษย์นุ่มนิ่มละเอียดละออ จากนั้นนางอัปสราที่เคยเป็นรูปสลักจำหลักอยู่ก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นนางอัปสราที่มีชีวิตอย่างมนุษย์ต่างกันตรงนางงามราวกับเทพธิดาลงมาจุติสวยกว่านางฟ้านางสวรรค์ตามจินตภาพที่เขาเคยคิด และนางกำลังยืนจิ้มลิ้มพริ้วเพรายิ้มฟันขาวทักทายเขา


“ยืนมาตั้งนานหลายร้อยปีเราก็เมื่อยเป็นเหมือนกันนะ กว่าจะได้เจอคนที่สื่อกับเราได้”นางบิดไล่ความปวดเมื่อย


นางอัปสรายิ้มให้เขาและทักขึ้น “ซัวสเดย” ธนายังไม่ตอบ นางอัปสราหน้าตาจิ้มลิ้มขมวดคิ้วและกอดอกก่อนจะพูดขึ้นใหม่


“สบายดี” ธนามองนางตาข้างไปสองวินาทีก่อนจะถอยหลังหนีไปสองก้าว

เขาไม่ตอบนางอัปสรายิ่งไม่มั่นใจว่าเขาเป็นคนชาติใดกันแน่

“ซาลามัต ดาตัง” นางเลยทักเป็นภาษามาเลเซียและพบว่าธนาตาค้างขึ้นนางคิดว่าเขาไม่เข้าใจภาษาของนาง


“หนีเห่า”นางยิ้มและกระพริบตามองหน้าเขาจะเข้าใจหรือยัง




“อะไรเนี่ย เป็นไปไม่ได้นางอัปสรามีชีวิตพูดได้ ผีหรอกๆ” ธนาถอยห่างทันทีอีกหลายก้าว



“อ้อที่แท้เป็นชาวสยาม อ้อเขาเปลี่ยนชื่อแล้วสินะ ที่แท้ก็เป็นชาวไทยนี่เอง สวัสดี” นางทักเขาเป็นภาษาไทยประโยคยาว



“ฝันๆ นี่คือฝันมั้นไม่ใช่ความจริง” ธนาสั่นศีรษะและหยิกแขนตน



“แต่นี่คือความจริงไม่ใช่ความฝัน”นางอัปสรายิ้มหวานค้านเขา



“ไม่ไหวแล้วมั้ง” ธนากับหลังหันเตรียมวิ่งแต่แล้วนางอัปสราคนงามกับหายวับมาดักตรงหน้าเขาจนธนาตกใจถอยหลังหนี


“นี่ท่านจะหนีไปอีกทำไม ที่จริงถ้าคิดจะวิ่งควรจะวิ่งตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่จะมาเริ่มกลัวกันตอนนี้ ตอนเห็นอดีตเคยเป็นคนเคยสวยอย่างเรามันทำให้เราหมดความมั่นใจ”

“โอ้ไม่!” ธนาอ้ำอึ้งประมวลเหตุการณ์เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี นี่เขาไม่ได้เจอแค่ผีธรรมดาเสียแล้วมั้ง


++++++++++++++++++++++++++++++++




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2555, 13:08:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2555, 13:10:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1829





<< บทนำ    
อัปสรา 30 พ.ย. 2555, 13:13:11 น.
นิยายรักนานาชาติครึ่งตอนแรกมาแล้วจ้า ใครจะเดาได้บ้างนะถึงอดีตของนางอัปสรา


lovemuay 30 พ.ย. 2555, 20:29:13 น.
เปิดเรื่องมาก็น่ารักซะแล้ว


pseudolife 1 ธ.ค. 2555, 11:27:31 น.
น่ารักจัง ทักทีมาทุกภาษาเลย


อัปสรา 1 ธ.ค. 2555, 12:15:52 น.
สวัสดีค่ะ ถ้าน่ารักก็อย่าลืมมาตามอ่านและให้กำลังใจนางอัปสรา อินเตอร์ของเราหน่อยนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account