เจ้าบ่าวค้างสต็อก by สลิลา

Tags: เจ้าบ่าว ,สต็อก ,โรแมนติก

ตอน: บทนำ - บทที่ 1

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ นักอ่านชาวเวบเลิฟทุกคนนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการเลยค่ะ เพี้ยง!

เรื่องที่สอง ต้องขออภัยอย่างสูงที่ลงนิยายแบบค้างๆ คาๆ แล้วก็หายไปเลย ตอนนี้วิรัตต์ยารู้ซึ้งตัวเองแล้วว่า ไม่สามารถเขียนนิยายไปโพสต์ไปได้เลยค่ะ เพราะเป็นคนไม่มีวินัยในการทำงาน บวกกับแต่ละวันภาระก็เยอะแยะ เลยขาดความเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งในตอนนี้ นิยายเรื่องนี้ก็เขียนไปได้พอสมควรแล้ว คิดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วละ หรือจะมีก็น้อยมาก เลยเอามาลงให้อ่านกันค่ะ

เรื่องที่สาม ฉบับรีไรท์นี้แตกต่างจากฉบับก่อนอยู่เยอะเหมือนกันค่ะ ติดตามอ่านและติชมได้ค่า

+ + + + + + + + + + + +

บทนำ

คราวนี้ละ เขาจะต้องขอแต่งงานให้ได้ และเขาจะแต่งงานให้ได้!

นวินให้คำมั่นกับตัวเอง ภายในอกกว้างเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและความหวัง เขาคบหาดูใจหล่อนมาหกเดือน ซึ่งเป็นหกเดือนที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย เต็มไปด้วยการเรียนรู้ เข้าใจ ซ้ำยังมั่นใจหนักหนาว่าหล่อนต้องตอบตกลง

ขออย่างเดียว ‘เหตุการณ์บ้าๆ’ อย่าได้เกิดขึ้นอีก!

หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบที่ดูเหมือนสามสิบตอนกลางสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มลึก ดวงตาโตกว้างยามนี้วิบวับเหมือนเต้นระบำได้ ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มน้อยๆ กับช่อกุหลาบสีชมพูในมือ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัญชาตญาณบางอย่างทำงานขึ้นมาเสียดื้อๆ

‘เหตุการณ์บ้าๆ’ กำลังจะเกิดขึ้น?

ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบกายด้วยความหวาดระแวง ครู่หนึ่งก็พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อพบว่าภายในร้านอาหารสุดหรูที่เขายืนอยู่นั้น ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย

เขายิ้มขำตัวเองที่ช่างคิดมากไปได้ ก็เขาปิดชั้นนี้ทั้งชั้นเสียขนาดนี้ ไอ้ ‘เรื่องบ้าๆ พรรค์นั้น’ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อปัดเรื่องที่รบกวนความรู้สึกออกไปได้แล้ว ที่เหลือก็คือความหวังและความชุ่มชื่นในหัวใจ เขาสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง แล้วก้าวเดินด้วยความมั่นคง

...หล่อนรออยู่แล้ว...

แม้จะยืนกอดอก แนบศีรษะพิงกระจกใสและทอดสายตายังทิวทัศน์เบื้องนอกนั่นด้วยท่าทีสบายๆ แต่เขาก็รู้ว่าหล่อนกำลังตื่นเต้นและรอคอย เพราะพอได้ยินเสียงฝีเท้าเขา หล่อนก็เกร็งตัวขึ้นนิดหน่อย

เขาก้าวไปหยุดยืนข้างหลัง จนได้กลิ่นน้ำหอมรวยรินจากร่างระเหิดระหงนั้น

“คุณมนครับ...”

“คะ” หล่อนสะดุ้งน้อยๆ แล้วค่อยๆ หันมามองเขาคล้ายประหลาดใจหนักหนา ซึ่งถึงแม้จะดูออกว่าแสร้งทำ เขาก็มองว่ามันน่าเอ็นดูไม่หยอก

นวินยื่นดอกไม้ไปตรงหน้าพลางทรุดกายลงคุกเข่าด้วยขาข้างหนึ่ง ยังผลให้หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ

“แต่งงานกับผมนะครับ” เอ่ยประโยคนั้นพร้อมแววหวานในดวงตา

หล่อนยังคงเอามือปิดปาก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นปลาบปลื้มนั้น ปรากฏหยาดน้ำหยดใสเอ่อคลอ ก่อเกิดประกายแวววาวน่ามอง ครั้นแล้ว หล่อนก็ดึงมือออกจากปาก ย้อนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณแน่ใจแล้วหรือคะ”

“ผมไม่เคยแน่ใจขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่เจอคุณวันแรก ผมก็รู้แล้วว่า เราสองคนเกิดมาเพื่อกันและกัน” เสียงเขาทุ้มน่าฟัง หญิงสาวยังคงร้องไห้เงียบๆ ขณะค่อยๆ โน้มตัวลงมาจุมพิตแผ่วเบาที่แก้มของเขา

“ขอบคุณค่ะ คุณวิน...ตก...”

“เฮ้ย ไอ้วิน มาอยู่ที่นี่เองเหรอวะ พี่ตามหานายแทบแย่” เสียงร้อนรนของชายวัยสี่สิบตอนปลายคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่จะเจ้าตัวจะถลามาถึงตัวเขาภายในเวลาไม่กี่วินาที และนอกจากชายผู้นั้นแล้ว ก็ยังมีเสียงเท้าในรองเท้าส้นสูงอีกสองเสียงตามมาติดๆ ด้วย

สองหนุ่มสาวคู่หวานสะดุ้ง หญิงสาวยืดกายขึ้น ขณะที่นวินยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมพร้อมกรามที่ขบแน่น

นี่เขาจะหนีไอ้เรื่องบ้าๆ นี่ไม่พ้นจริงๆ ใช่ไหม!

“เอ้อ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คุณ พอดีผมมีธุระกับน้องชายผมหน่อยน่ะครับ” ผู้มาขัดบรรยากาศแสนหวานหันไปยิ้มให้สาวสวยที่ก็ได้แต่ยืนนิ่งไปด้วยความตกใจ จากนั้นเขาก็หันมาทางนวินที่ตอนนี้ยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วด้วยอาการมือไม้กำแน่น “...เฮ้ย วิน พี่พาเด็กนายมาส่งน่ะ”

“อะไรนะคะ!” หญิงสาวที่กำลังจะตอบตกลงแต่งงานกรีดเสียงอย่างไม่อยากเชื่อ “เด็กคุณ หมายความว่ายังไงคะ วิน”

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ มน” นวินพยายามข่มความโมโหแล้วหันไปอธิบายกับหล่อน

แต่หญิงสาวกลับหันไปมองผู้หญิงสองคนที่มากับผู้ชายคนนั้น ก็พบว่าคนหนึ่งซึ่งแก่กว่านั้นเป็นหญิงร่างท้วม หน้าบึ้งจัดและกำลังสำรวจทุกคนยกเว้นหล่อนด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง ส่วนอีกคนเป็นเด็กสาววัยสิบแปด แต่งตัวเปรี้ยว แต่งหน้าเข้มเกินวัย ท่าทางกร้านโลกและไม่แคร์อะไรบนโลกใบนี้

ท่าทางของหญิงทั้งสองนอกจากไม่รู้จักกันแล้ว คล้ายจะไม่พอใจกันและกันอีกด้วย

“แล้วเด็กคนนี้ใครคะ” หล่อนหันกลับมาทางชายคนรักด้วยเสียงสั่นๆ

“ผมไม่...” นวินรีบสั่นหน้า

“ก็...เด็กนายวินเขาแหละครับ คุณ พอดีผมเจอยืนเคว้งอยู่แถวนี้ เลยโทรฯถามลูกน้องนายวินให้ ว่ามันอยู่ที่ไหน ก็เลยอาสาพามาส่งนี่แหละครับ” ผู้มาใหม่อธิบายแทรกด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ไม่เชื่อก็ถาม...ถาม...น้องเขาดูได้เลย”

“ใช่ค่ะ หนูเป็นคนรักของคุณอาวิน” เด็กสาวตอบฉาดฉาน พลางเดินเข้ามาใกล้นวินแล้วคล้องแขนเขาหมับ เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาหลงใหล “คบกันมานานแล้วด้วย...”

“โก...” นวินอ้าปากจะร้องค้าน แต่เมื่อบังเอิญมองไปที่หญิงร่างท้วมและได้เห็นสายตาเต็มไปด้วยความหวั่นใจระคนเจ็บปวดของหล่อน ปากก็มีอันต้องหุบฉับลง ไหล่กว้างงองุ้มลงไปเล็กน้อย

“คะ วิน? ที่เด็กคนนี้พูดเป็นเรื่องจริงหรือคะ” แม้ใจส่วนหนึ่งจะหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว แต่อีกใจก็ยังหวังว่าเขาจะปฏิเสธ

“เอ้อ จริงสิจริง” ผู้มาเยือนเป็นคนทำหน้าที่แทนอีกครั้ง “ภาพก็ฟ้องอยู่...”

เท่านั้นเอง ช่อดอกไม้ทั้งช่อก็ถูกฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาของนวิน ก่อนที่หล่อนจะหมุนตัวแล้วเดินแกมวิ่งจากไปด้วยน้ำตานองหน้า ชายหนุ่มขยับตัวจะก้าวตาม แต่เด็กสาวกลับกอดแขนเขาไว้แน่น

“อย่าไปนะคะ คุณอา”

“ปล่อยแขนฉันนะ” ชายหนุ่มสะบัดออกอย่างรังเกียจ เด็กสาวทำหน้างอ และไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา

“แหม..ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ คุณอาขา...ใครๆ เขาก็รู้ทั้งนั้นว่าเรากิ๊กกันอยู่”

“เอ่อ คุณนวล ผมว่าเรากลับกันดีกว่านะ ป่านนี้ลูกๆ รอแย่แล้ว” ยังไม่ทันที่นวินจะตอกอะไรกลับไป ผู้มาเยือน ซ้ำยังนำความพินาศมาให้เขา ก็หันไปทางหญิงกลางคนร่างท้วมที่ยืนเงียบมาตลอด “ปล่อยพวกเขาให้อยู่กันตามลำพังเถอะ”

หญิงร่างท้วมยอมขยับตัวตามแรงรั้งของสามี หากไม่วายหันมามองสองหนุ่มสาวด้านหลังด้วยสายตาพิจารณา คล้ายต้องการความแน่ใจบางอย่าง ครั้นเห็นว่านวินพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ หล่อนจึงยิ้มออกและก้าวตามสามีไปด้วยความมั่นคงขึ้น

ทันทีที่สองสามีภรรยาคล้อยหลัง นวินก็กระชากแขนออกจากมือเรียวที่เกาะเกี่ยวไว้แน่นหนา จนเด็กสาวต้องส่งค้อนปะหลับปะเหลือกมาให้

“รังเกียจอะไรหนูนักหนาคะ คุณอาสุดหล่อ” ตอนท้ายหล่อนทำตาเจ้าชู้ส่งมาให้เขาด้วย

“ไม่ใช่แค่รังเกียจธรรมดานะ รังเกียจมากและเกลียดผู้หญิงแบบพวกเธอมาก!” นวินตะคอกเสียงกร้าว ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ “กี่ครั้งแล้วที่พวกเธอทำให้ความรักของฉันพัง กี่รอบแล้วที่ฉันต้องโดนผู้หญิงตบหน้าน่ะ”

“เอ่อ...อาพูดอะไรอ่ะ หลายครั้งอะไร หนูเพิ่งเจออาครั้งแรกเองนะ” เด็กสาวทำหน้างงก้าวถอยหลังด้วยท่าทีหวาดๆ

“แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องรับสมอ้างว่าเป็นคนรักของผู้หญิงหน้าด้านอย่างพวกเธอ!” ยิ่งพูดเสียงเขาก็ยิ่งดังเพราะยิ่งเจ็บใจ “เธอรู้มั้ย ฉันใกล้จะสมหวังกับความรักทีไร เพื่อนฉัน ไม่คนใดก็คนหนึ่ง เป็นต้องโดนเมียหลวงจับได้ว่ามีเมียน้อยเมียกิ๊กตลอด และวิธีเดียวที่พวกเขาเลือกเอาตัวรอดก็คือ เอาผู้หญิงหน้าด้านพวกนั้นมายัดเยียดให้เป็นผู้หญิงของฉันเหมือนเมื่อกี้ไงล่ะ!”

“เอ่อ...” เด็กสาวเหลือบมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวังว่า ถ้าหากผู้ชายสุดหล่อตรงหน้าเกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายหล่อนขึ้นมา จะมีคนช่วยหล่อนได้ทันการณ์ แต่ก็ต้องใจแป้ว เมื่อพบว่า ไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนี้เลย

“อะ...อาพูดจริงเหรอ...แต่ของแบบนี้ อาจะมาโทษพวกหนูฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ...ถ้าพวกเพื่อนๆ ของอาซื่อสัตย์กับเมีย ไม่หื่น ไม่มักมาก ผู้หญิงแบบหนูก็ไม่เกิดขึ้นหรอก”

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!” นวินตวาดลั่นให้หล่อนสะดุ้งไปอีกรอบ ผู้ชายอะไรหนอ ยามอยู่เฉยๆ หล่อกระชากใจเป็นบ้า แต่ยามโมโหล่ะก็ น่ากลัวได้โล่ “ใช่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเพื่อนของฉันที่มันมักมาก แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะผู้หญิงอย่างพวกเธอที่ชอบอ่อย ชอบยั่วให้พวกตาแก่ตบะแตกไง”

“อุ๊ย แต่อายังไม่แก่นะ...” เจ้าหล่อนยังหาญกล้าชมกลับมา ด้วยหวังว่าเขาจะอารมณ์ดีขึ้น ขณะที่เท้าก็ยังก้าวถอยหลังเรื่อยๆ “ยังหนุ่มฟ้อหล่อระห่ำเลยละ ยิ่งตอนไม่ดุนะ หนูนึกว่าลุงก้อง สหรัถมาเอง”

“ฉันไม่ใช่คนบ้ายอนะ! ไป กลับบ้านได้แล้ว แล้วฉันขอสั่งห้ามเด็ดขาดนะ แม่สาวน้อย เลิกยุ่งกับพี่โรจน์ซะ ไม่อย่างนั้น จะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้!”

“ไปบอกเพื่อนโน่นว่าเลิกยุ่งกับหนูซะที คนบ้าอะไรไม่รู้ขี้เหนียวเป็นบ้า...หนูน่ะ อยากเลิกกับเขานานแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่ร่วมมือเล่นละครเมื่อกี้ด้วยหรอก สงสารป้า เอ๊ย เมียเขา ขืนหนูปฏิเสธว่าไม่ใช่เด็กของอา ยายป้านั่นเป็นลมแน่ๆ”

“อ้อ ยังมีสำนึก” นวินกัดฟันกรอดๆ “แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าเธอจะไม่ยุ่งกับคนมีเมียแล้ว”

เด็กสาวยักไหล่คล้ายไม่ยอมรับคำพูดของเขา จากนั้นก็หมุนตัวเพื่อเดินจากไป แต่ด้วยนึกอะไรออกจึงหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง

“โชคดีนะ อา ขอผู้หญิงแต่งงานคราวหน้าขอให้สมหวัง ไม่มีมารมาผจญก็แล้วกัน!”

+ + + + + + + + + + + +

1

...สองปีผ่านพ้นไป...

นวินยังโสด แม้จะไม่มี ‘เหตุการณ์บ้าๆ’ นั่นเกิดขึ้นอีกนับจากวันนั้น แต่ผลพวงของมันก็ส่งผลให้ยี่ห้อ ‘เพลย์บอย’ บนหน้าผากยิ่งชัดขึ้น ทำให้ไม่มีผู้หญิงดีๆ คนไหนอยากคบหาอย่างจริงใจด้วย ทั้งที่มีหญิงสาวมากมายเดินเข้ามาให้เขาเลือก แต่ถ้าไม่แน่ใจว่า พวกเธอเหล่านั้นดีพอสำหรับตน นวินก็ไม่อยากเสียเวลาด้วย

ถึงกระนั้น ความหวังก็ยังคงอยู่คู่กับเขา...และตอนนี้เขาก็หวังว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เขาจะไม่โสดแล้ว...เพราะใครคนนั้นกำลังจะมาถึง...ผู้หญิงดีๆ ที่เขาใช้เวลานานหลายเดือนกว่าหล่อนจะยอมเปิดใจให้...

“พี่โรจน์ไปต่างจังหวัด พี่สรมีประชุมผู้ถือหุ้น พี่มาตรมีคดีใหญ่ต้องจัดการ...” ชายหนุ่มไล่เรียงรายชื่อเพื่อนรุ่นพี่ที่มัก ‘ใช้บริการ’ เขาบ่อยๆ เพื่อความมั่นใจ “ส่วนพี่กอบอยู่ซิดนีย์...เอ่อ รายหลังนี้ เราจะนับทำไมวะ พี่กอบไม่เคยมีปัญหาเหมือนพี่ๆ คนอื่นนี่หว่า”

นวินระบายลมหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งใจ เขาฮัมเพลงออกมาเบาๆ ขณะสำรวจความเรียบร้อยของโต๊ะอาหารซึ่งถูกจัดวางไว้ริมสระน้ำภายในบ้านของเขาเอง โดยมีเด็กสาวมาดทอมบอยคอยทำตามคำสั่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องแล้ว จึงขยับตัวเพื่อขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เจ้านายฮะ” เด็กสาวเรียกไว้ “หว้าว่า โปรยลีลาวดีลงสระซักหน่อยดีมั้ยฮะ จะได้ดูโรแมนติกมากขึ้น...” เด็กสาวเสนอความเห็นขึ้นพลางเงยหน้ามองต้นลีลาวดีที่กำลังออกดอกสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยไปในอากาศ “แล้วเดี๋ยวหว้าเอาเทียนหอมมาลอยในสระให้ด้วย”

นวินขมวดคิ้วทำหน้าทึ่ง “นี่แกคิดอะไรโรแมนติกๆ แบบนี้เป็นด้วยเรอะ”

“แหม ใครจะเหมือนเจ้านายล่ะฮะ ปุ่มโรแมนติกสลายไปตามอายุ” พูดจบเจ้าหล่อนก็ถอยหลังกรูดเมื่อเห็นเท้าเจ้านายเริ่มกระดิก “ผู้หญิงนะ เจ้านาย ไม่ว่าจะวัยไหน เขาก็ชอบความโรแมนติกทั้งนั้น แต่เจ้านายต้องโรแมนติกให้สอดคล้องกับอายุพวกเธอด้วยนะ”

นวินหัวเราะหึหึอย่างอดไม่ไหว “ถามจริงๆ แกใช้ไอ้ความโรแมนติกจีบสาวสำเร็จมากี่รายแล้ววะ”

“โอ๊ย ถ้าหว้าตั้งใจจีบจริงล่ะก็ กี่รายๆ ก็ไม่พ้นไอ้หว้าหรอก” มันยังมิวายโอ่ให้นวินส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้

“อย่ามามัวโม้ แกไปเฝ้าหน้าบ้านโน่นไป ถ้าคุณรดามาถึง แล้วฉันยังไม่ลงมา ก็พาเธอมานั่งรอที่นี่ได้เลย...อ้อ แล้วทั้งเทียนทั้งลั่นทมนั่นน่ะ อย่าริเอาลงไปในสระน้ำฉันเชียวนะ สกปรก!”

เด็กหว้าส่งค้อนให้คน ‘ปุ่มโรแมนติกสลาย’ ครั้งหนึ่ง แล้วหมุนตัววิ่งออกไปทำตามคำสั่งของเขาทันที



เมื่อกลับลงมาข้างล่างอีกครั้งในชุดอยู่บ้านแบบสบายๆ แต่ราคาแพงระยับ ก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่นอกรั้วบ้านพอดี นวินจึงตะโกนสั่งให้หว้าไปรอที่ริมสระ เขาจะเป็นคนออกไปรอรับคนรักที่หน้าบ้านเอง

แต่แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นว่ารถที่กำลังวิ่งตีโค้งอ้อมมาจอดหน้าบ้านนั้นเป็นรถแท็กซี่

เอ๊ะ ใคร? หรือหล่อนมาแท็กซี่ อืม...ก็ดีเหมือนกัน ขากลับ เขาจะได้ไปส่งหล่อนที่บ้าน...ชายหนุ่มนึกอย่างครึ้มใจ

ความสงสัยนั้นคลายลงภายในไม่ถึงนาทีต่อมา เมื่อเห็นว่าผู้ที่ก้าวลงจากรถไม่ใช่คนที่เขารอคอย ซ้ำยังเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้

“อ้าว พี่กอบ กลับจากซิดนีย์เมื่อไร ไหนว่ากำหนดกลับมะรืนนี้ไงครับ” เขาเอ่ยทักพลางมองหนุ่มใหญ่ร่างท้วม ท่าทางใจดีที่เดินหน้าเครียดมาหาด้วยความประหลาดใจ

“พี่มีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย วิน” กอบหรือกอบทรัพย์ไม่ตอบคำถาม แต่รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนพลางตวัดสายตาไปยังแท็กซี่ครั้งหนึ่ง นวินมองตามแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอีกหน เมื่อเห็นเงาผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ทางด้านหลังรถ ซึ่งเป็นเงาที่เขาไม่เคยคุ้น

สังหรณ์ร้ายวาบเข้ามา ก่อนที่เขาจะดีดมันออกไป เพราะสำหรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาเลื่องชื่อเรื่องความรักลูกรักเมียนัก อย่าว่าแต่ในกลุ่มกันเองเลย ถ้าต้องจัดอันดับคนรักครอบครัวระดับประเทศ เขาว่ากอบทรัพย์ติดอันดับต้นๆ แน่นอน

“คือ...พี่...เอ่อ...พี่พาวาณีมาจากซิดนีย์...แล้วก็อยากฝากไว้กับนายก่อน” อีกฝ่ายอึกอักในตอนแรก ก่อนจะพูดคล่องปรื๋อในช่วงท้ายๆ

“วาณี?” นวินทวนชื่อ สังหรณ์เดิมกลับเข้ามาอีกครั้ง “ผู้หญิง?”

“อือ” กอบทรัพย์พยักหน้า สีหน้าทั้งเคร่งเครียด ทั้งละอาย ทั้งหวั่นใจผสมปนเปกันไปหมด

ดวงตาคู่คมปรากฏความผิดหวังและเสียศรัทธา “นี่พี่...นี่พี่...โอ๊ย นี่พี่เป็นเหมือนคนอื่นๆ ได้ยังไงน่ะ ผมเพิ่งนึกชมพี่เมื่อกี้นี้เอง พี่ทำแบบนี้ได้ยังไงกันวะ”

“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด...คือวาณีเค้า...คือ แม่เขาเพิ่งเสีย เขาอยู่ตัวคนเดียว พี่ก็เลย...”

“ตั้งตัวเป็นมูลนิธิช่วยเหลือสตรีผู้ตกยาก?” นวินต่อคำให้ด้วยเสียงที่ยังไม่ลดละความผิดหวัง “ให้ตายเถอะ ผมไม่นึกเลย พี่จะมาดีแตกเอาตอนนี้...เอางี้ พี่เลิกกับแม่คนนี้ซะ แล้วผมจะเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ จะไม่บอกพี่แบม ไม่ให้ตาโกยยายออมรู้ โอ เค ป่ะ” นวินยื่นข้อเสนอที่พอจะนึกออกในตอนนี้

“ไม่ได้ เลิกไม่ได้!” กอบทรัพย์ส่ายหน้าหวือ ส่งผลให้ความโกรธของนวินยิ่งพุ่งสูง

“เลิกไม่ได้? นี่พี่กล้าพูดคำนี้ออกมาเลยเหรอ...ถ้ารักเขาขนาดนั้นล่ะก็ พี่พาเขาออกจากบ้านผม แล้วก็ย้ายไปอยู่กับเขาเลย อ้อ แล้วก็ต้องเลิกกับพี่แบมด้วยนะ”

“ไม่ได้ กับคุณแบมยิ่งเลิกไม่ได้เว้ย!” กอบทรัพย์ส่ายหน้าแรงกว่าเมื่อครู่นี้อีก

“งั้นก็ต้องเลิกกับผู้หญิงในรถนั่น” นวินวกกลับไปที่ข้อเสนอเดิม

“นั่นก็เลิกไม่ได้ไง วิน” กอบทรัพย์ทำเสียงเหมือนระอาหนักหนา “น่า วิน พี่ฝากวาณีไว้หน่อย ไม่กี่เดือนหรอก เดี๋ยวพี่จะหาที่อยู่ใหม่ให้เขาเอง”

“เป็นเดือน?” นวินทวนคำเสียงสูงอีกครั้ง “โห ทำไมพี่กล้าขอวะ คิดว่าผมจะให้หรือไง แค่คืนเดียว บ้านผมก็เป็นกาลกิณีแย่แล้ว”

“ก็วาณีเขาจากเมืองไทยไปตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไหนอีกแล้ว และพี่ก็ไม่ไว้ใจใครเท่านายไง วิน...นายจำได้ไหม เมื่อก่อนตอนที่นายไม่เหลืออะไรติดตัวซักบาท พี่ยังเคยช่วยนายเลย แล้วทำไมแค่นี้นายถึงจะช่วยพี่ไม่ได้วะ”

คราวนี้นวินถึงกับชะงักไปกับการทวงบุญคุณนั่น

สิบปีก่อน ครอบครัวของเขาประสบชะตากรรมหนักหน่วง โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ล้มละลาย เพราะพ่อที่ติดการพนัน สุดท้ายก็หอบเงินก้อนสุดท้ายที่มี ไปอยู่กับเมียน้อย ทิ้งแม่ ทิ้งเขาและทิ้งหนี้ก้อนโตเอาไว้ให้ อันมีทั้งหนี้กับทางธนาคารและหนี้นอกระบบ จึงเป็นหน้าที่ลูกชายคนเดียวอย่างเขาที่ต้องหาทางใช้หนี้ให้เร็วที่สุด ขายบ้านขายที่ดินที่มีในตอนนั้นแล้วก็ยังไม่พอ

ตอนนั้นเองที่เพื่อนรุ่นพี่กลุ่มนี้ยื่นมือเข้ามาช่วย บางคนให้ยืมเงินใช้หนี้ บางคนให้ยืมเงินตั้งตัวใหม่ ที่มีอำนาจหน่อยก็ไป ‘เจรจา’ กับเจ้าหนี้นอกระบบทั้งหลายให้ และกอบทรัพย์ ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เคยให้ที่พักอาศัยแก่เขาและแม่อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะลืมตาอ้าปากได้ และกลายเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่รายหนึ่งอย่างทุกวันนี้

นวินไม่เคยลืมบุญคุณของทุกคน พอๆ กับที่ทุกคนก็ไม่เคยลืมเช่นกัน เอามันมาเป็นตัวยื่นบท ‘ผู้รับสมอ้าง’ ให้เขาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีการทวงบุญคุณครั้งไหนที่ทำให้นวินเจ็บปวดเหมือนครั้งนี้

“พี่กอบ...” นวินครางเสียงหดหู่ “นี่พี่...พี่...เหมือนไม่ใช่คนที่ผมเคยรู้จักเลย...พี่...โธ่เว้ย!” เขาสบถและเอากำปั้นทุบลงบนฝ่ามือตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรมากไปกว่านี้

“ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พี่ก็ไม่ทำแบบนี้หรอกน่า...ขอบใจมากนะ วิน” กอบทรัพย์สรุปเอาง่ายๆ ว่ารุ่นน้องยอมทำตามคำขอร้องของตน จึงเอื้อมมือมาตบบ่ากว้างนั้นหนักๆ สองสามที

“อย่ามามัดมือชกเสียให้ยาก” เขาผลักมือฝ่ายนั้นออกแรงๆ ตามแรงอารมณ์ “ผมไม่มีวันทรยศพี่แบมเหมือนพี่หรอก...”

จังหวะนั้นเอง ประตูแท็กซี่ก็เปิดออก เรียวขากลมกลึงในกางเกงเล็กกิ้งสีดำ มีกระโปงยีนส์สั้นสวมทับก้าวลงมา ตอนแรกนวินยังไม่คิดจะมองไป เพราะสายตาขุ่นเคืองยังจับจ้องที่เพื่อนรุ่นพี่ หากแต่ความสว่างวาบจากเสื้อยืดสีเหลืองสดใสทำให้เขาต้องหันไปดู จึงสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มภายใต้กรอบตากว้าง ดวงตาซึ่งกำลังส่งความไม่ชอบใจระคนแปลกใจมาให้เขา

นวินกวาดตาสำรวจใบหน้าและรูปร่างของหล่อนอย่างรวดเร็ว อายุเจ้าหล่อนประมาณยี่สิบต้นๆ ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียว จมูกโด่งได้สัดส่วนกับใบหน้า ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ผมสีน้ำตาลเหยียดตรงเคลียหลังไหล่ ท่าทางมั่นอกมั่นใจอย่างคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่หล่อนกลับทำให้แปลกใจด้วยการยกมือไหว้เขาด้วยท่าทีนอบน้อม แล้วจึงเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง

“ทำไมต้องรุนแรงกันด้วยคะ คุณอา” เนื้อเสียงเปี่ยมด้วยกระแสเชื่อมั่นในตนเองดังขึ้น ก่อนที่ร่างระหงนั้นจะก้าวไปยืนใกล้ ‘สามี’ เหมือนพร้อมจะปกป้องหากเขาทำอะไร

“สำหรับคนทรยศ ฉันควรทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ!” นวินเอ่ยเสียงลอดไรฟันพลางมองเจ้าหล่อนอย่างดูถูก

“คนเราผิดพลาดกันได้นี่คะ และเราทุกคนก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน” วาณีตอบโต้กลับทันควัน

“จะให้ฉันเชื่อเรอะว่าเธอเสียใจ เฮอะ คนเสียใจ เขาไม่วิ่งแร่ตามสามีคนอื่นมาถึงนี่หรอก แม่หนู”

แทนที่จะโกรธ วาณีกลับขมวดคิ้วมองเขาด้วยท่าทีครุ่นคิด “วิ่งแร่แปลว่าอะไรคะ”

“ก็แปลว่า...”

“อย่าไปสนใจเลยวาณี...” กอบทรัพย์รีบเอ่ยแทรกก่อนที่นวินจะทำการเปิดพจนานุกรมให้ความหมายคำนั้นแก่หญิงสาว จากนั้นจึงหันไปสบตานวินตรงๆ

“พี่เสียใจที่ทำให้วินผิดหวังในตัวพี่ แต่พี่ขอรับผิดเพียงคนเดียว วาณีไม่ผิดอะไรเลย เขาไม่เกี่ยว”

นวินเบะปากหมั่นไส้กับการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษปกป้องเมียน้อยของคนตรงหน้า

“มันไม่ได้ทำให้พี่ดูดีขึ้น แล้วก็ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูมีค่ามากขึ้นด้วย...เอาละ ผมขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่า ผมจะไม่ช่วยปกปิดความเลวของพี่เด็ดขาด...พี่พาคนของพี่กลับไปได้แล้ว แขกสำคัญของผมกำลังจะมา” ชายหนุ่มเน้นย้ำทุกถ้อยคำอีกครั้ง

“แขกสำคัญ...คุณรดาสินะ” กอบทรัพย์ย้อนถามด้วยรู้เรื่องราวในชีวิตของอีกฝ่ายดี ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเอ่ย “เอาสิ ถ้านายไม่ยอมให้วาณีอยู่ที่นี่ พี่จะทำให้คุณรดาเข้าใจนายผิด ทีนี้ นายก็จะต้องเป็นผู้ชายค้างสต็อกไปอีกหลายปี”

สิ้นประโยคนั้น นวินก็ได้ยินเสียงเหมือนคนสำลักดังมาจากผู้หญิงคนเดียวในที่นั้น ครั้นเขาหันขวับไปมอง เจ้าหล่อนก็ทำสีหน้าเรียบเฉย ทว่าลูกแก้วสีน้ำตาลเข้มกลับพราวระริกด้วยความขบขันเม้นไม่มิด

ชายหนุ่มรีบดึงสายตากลับก่อนจะระงับอารมณ์ไม่ไหว กระชากคอเสื้อเจ้าหล่อนแล้วตะคอกใส่หน้าว่า ไอ้คนที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นสินค้าค้างสต็อกก็คือบรรดาผู้หญิงหน้าด้านเช่นหล่อนนี่ละ

“พี่กอบ อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ!” นวินเอ่ยห้ามเสียงลอดไรฟัน

“พี่มีทางเลือกให้นายแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น วิน” กอบทรัพย์พูดขึ้นอย่างผู้ที่มองเห็นชัยชนะอยู่รำไร

“ไม่มีทาง...” สิ้นคำพูดขอ งเขา รถเก๋งคันหนึ่งก็แล่นผ่านรั้วบ้านเข้ามาให้เขาตาเหลือก หันมาเร่งเร้าเพื่อนรุ่นพี่ทันที “ชิบหาย คุณรดามาแล้ว...พี่กลับไปก่อน เร็วเข้า เราจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง”

“แต่พี่อยากคุยตอนนี้ว่ะ ไอ้น้องรัก” กอบทรัพย์ตอบอย่างไม่ยี่หระ พลางเหลือบมองไปที่รถที่กำลังแล่นตรงมาด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนสักนิด

นวินขบกรามแน่น นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นรุ่นพี่ ซ้ำยังเป็นผู้มีบุญคุณมากมายมหาศาล เขาได้ต่อยอีกฝ่ายคว่ำอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“ผมขอร้อง...”

“ถ้าพลาดจากคุณรดา นายก็จะค้างสต็อกอีกประมาณสองปีเป็นอย่างต่ำ เพราะกว่านายจะเจอผู้หญิงถูกใจ กว่าจะจีบ กว่าจะดูใจกัน... ถึงตอนนั้นนายก็น่าจะอายุประมาณสี่สิบสี่สี่สิบห้า โอ๊ย แก่ขนาดนั้นจะเลี้ยงลูกไหวมั้ยน่ะ โอ๊ะ อย่าว่าแต่เลี้ยงเลย ผลิตลูกจะไหวหรือเปล่า...” กอบทรัพย์ยังคงยั่วเย้าอย่างอารมณ์ดีเพราะชัยชนะของตนกำลังใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

“พี่พาคนของพี่เข้าไปรอในห้องทำงานก่อน เราจะคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งหลังจากรดากลับไปแล้ว!”



ความเครียดของนวินสลายลงทันทีที่เห็นใบหน้าหวานละมุนของทิพรดา หล่อนเป็นหญิงสาววัยสามสิบกว่า ร่างอรชรอ้อนแอ้น เรียบร้อยอ่อนหวานตรงตามแบบฉบับผู้หญิงที่เขาชอบทุกประการ

ก่อนหน้าที่จะตกลงคบหาดูใจกับเขา ทิพรดาเพิ่งเลิกรากับคนรักที่คบกันมาสิบกว่าปี เพราะจู่ๆ ต่างฝ่ายต่างก็พบว่าความรักแบบหนุ่มสาวลดน้อยลง ถึงขนาดพอคุยเรื่องแต่งงานแล้วเกิดความอึดอัดแปลกๆ จึงถอยคนละก้าวกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

‘รดาเลยคิดว่า ต่อไปจะไม่คบใครนานๆ แบบนี้แล้วล่ะค่ะ ถ้ารดารู้ตัวว่ารดารักเขาและเขาก็รักรดา ถ้าเขาขอรดาแต่งงาน รดาก็จะแต่งกับเขาทันที’

นั่นเอง การตั้งใจจะขอแต่งงานในวันนี้จึงเกิดขึ้น หลังจากเขาคบหล่อนมาครึ่งปี

“คุณมีแขกอยู่หรือเปล่าคะ เมื่อกี้รดาเห็นแท็กซี่จอดอยู่” ทิพรดาถามอย่างเกรงใจเมื่อเดินมาถึงริมสระน้ำ

“ไม่ใช่แขกหรอก พี่กอบน่ะ” นวินตอบสั้นๆ พลางเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อน

“อ้าว แล้วพี่เขาไม่มาทานข้าวกับเราด้วยหรือคะ” หญิงสาวมองจานช้อนสองชุดบนโต๊ะก่อนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ไม่หรอกครับ” ชายหนุ่มเดินอ้อมไปนั่งลงตรงข้าม ก่อนจะพยักหน้าให้เด็กหว้าจัดการรินเครื่องดื่มทันที

ทิพรดาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกแปลกแปร่งบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่เซ้าซี้อะไรต่อ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

หลังจากนั้นสองหนุ่มสาวก็ใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข...สุขจนแทบสำลัก...สำหรับนวินแล้ว ยามนี้ทิพรดาคือโลกทั้งใบของเขา ชายหนุ่มลืมเรื่องของกอบทรัพย์และเมียน้อยของฝ่ายนั้นเสียสิ้น

และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ในใจ เขาก็ไล่เด็กหว้าให้เข้าไปในครัว และย้ำหนักแน่นว่าไม่ต้องออกมาคอยรับใช้อีกถ้าไม่ได้เรียก จากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเตรียมหยิบกล่องแหวนออกมา โดยตั้งใจจะไปคุกเข่าลงข้างๆ หญิงสาว แต่ปรากฏว่า จู่ๆ ทิพรดาก็ลุกขึ้นยืนขึ้นเช่นกัน

“อ้าว คุณรดาจะไปไหนหรือครับ” นวินจำต้องชักมือกลับก่อน

“ห้องน้ำค่ะ”

“อ้อ...เชิญครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”

“อุ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ รดาไปเองได้” หญิงสาวยิ้มหวาน แววตาเปล่งประกายระยับสุข จากนั้นจึงเดินจากไป

คนที่เก้อเพราะว่าที่เจ้าสาวผิดคิวมองตามไปครู่หนึ่ง ก็หันมาซักซ้อมการขอแต่งงานอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นกว่าครั้งไหน ตื่นเต้นเพราะรู้ว่าความวาดหวังของตนจะสัมฤทธิ์ผลในคราวนี้อย่างไม่มีอะไรมาขัดขวางได้อีกแล้ว

ประมาณสามนาทีต่อมา ทิพรดาก็เดินแกมวิ่งกลับมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ที่ตามหลังหล่อนมาด้วยท่าทีตกใจนั้น นอกจากเด็กหว้าแล้ว ยังมีหญิงสาวที่เขาลืมหล่อนไปเสียสนิทอีกคนด้วย

วาณี!

เอ๊ะ...!?


(จบบทที่ 1)

พบกันใหม่อาทิตย์หน้าค่ะ




วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2556, 16:19:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2556, 21:50:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 4082





   บทที่ 2 >>
Sukhumvit66 6 ม.ค. 2556, 18:37:31 น.
ใครเป็นนางเอกค่ะนี่


IAmJin 6 ม.ค. 2556, 19:57:15 น.
บอกได้คำเดียวว่าเป็นความโชคร้ายของพระเอกที่มีเพื่อนแบบนี้คะ


konhin 7 ม.ค. 2556, 11:22:41 น.
โอ แบบว่า วาณีเป็นลูกสาวพี่กอบ ฮ่าๆๆ คงจะขำน่าดู


NB 8 ม.ค. 2556, 12:42:31 น.

^
^
^
โอ้ววว น่าจะจริงอย่าง ข้างบนว่า


ฌลารักษ์ 8 มี.ค. 2556, 00:02:12 น.
ฮาพระเอกที่ถูกขัดขวางการขอแต่งงานค่ะ


ผักหวาน 13 พ.ย. 2556, 15:09:56 น.
สงสารพระเอกจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account