เจ้าบ่าวค้างสต็อก by สลิลา

Tags: เจ้าบ่าว ,สต็อก ,โรแมนติก

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2

สังหรณ์ร้ายว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยแล่นปรูดปราดกับภาพตรงหน้า ทว่าหนุ่มใหญ่ก็ยังเบาใจว่าจะสามารถทำให้ทิพรดาเข้าใจได้ กอบทรัพย์คงไม่ใจร้ายเหมือนพี่คนอื่นๆ

“เข้าห้องน้ำเร็วจัง รดา” เขาเอ่ยทักด้วยสีหน้าปกติ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองไปที่สีเหลืองๆ ที่อยู่ข้างหลังนั่น

“ห้องน้ำที่นี่ ‘สกปรก’ ฉันจะกลับบ้าน” หญิงสาวเน้นเป็นพิเศษตรงคำว่าสกปรก พลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าใบบางของตนจากบนโต๊ะ

“จะรีบไปไหนครับ...เราตกลงกันว่าคุณจะอยู่ที่นี่นานๆ ไงครับ” ชายหนุ่มยังคงใจเย็นด้วยการยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างที่เคยทำให้หล่อนใจละลายมาแล้ว

“คงไม่จำเป็นมังคะ คุณมีคนที่อยากให้อยู่อยู่แล้วนี่” หญิงสาวปรายตาไปทางวาณี นวินไม่ได้มองตาม สายตาเขายังจ้องแค่ใบหน้างดงามของหล่อนเท่านั้น

“คุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากให้อยู่ที่นี่ อยู่นานๆ อยู่ตลอดไปได้ยิ่งดี รดา” เสียงเขาทุ้ม แววตาหวานซึ้งไม่ปกปิดความรู้สึก

“อ๋อ ก็หมายความว่าคุณจะให้คนอื่นอยู่ชั่วครั้งชั่วคราวงั้นสิคะ” ทิพรดาย้อนกลับทันควัน คราวนี้เสียงหล่อนสั่น หยาดน้ำตาคลอขึ้นมาจนเกือบเต็มหน่วยตา

“ไม่มีครับ ผมไม่มีใครนอกจากคุณ”

“เลิกแสร้งทำหน้าซื่อได้แล้วค่ะ คุณนวิน...ฉันน่าจะเชื่อคำเตือนของคนอื่นที่ว่าคุณไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหน แล้วก็ซ่อนผู้หญิงไว้มากมาย แต่ที่ทำให้ฉันผิดหวังมากที่สุดก็คือ ไม่นึกว่าคุณจะกล้าซ่อนไว้ในบ้านในวันที่พาฉันมาทานข้าวแบบนี้ คุณมัน...” ทิพรดาพรั่งพรูความรู้สึกพลางมองเขาด้วยความผิดหวัง

“คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ” วาณีเอ่ยแทรกขึ้น “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของ...”

“เธอเงียบไปเลย ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!” นวินหันไปสั่งห้ามด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ

“แต่ฉันกำลังช่วยคุณอานะ...” วาณียังไม่ยอมแพ้

“ฉันบอกให้เงียบไง!” คราวนี้เขาตะคอกเสียงดังด้วยความหงุดหงิดที่ทบทวีจนทุกคนในที่นั้นสะดุ้ง

เขารังเกียจวาณีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอหล่อนขัดคำสั่งเขาด้วยท่าทางไม่เกรงใจ ก็เลยยิ่งไม่ชอบใจหล่อนเข้าไปอีก “ไอ้หว้า เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คุณทิพรดาเจอพี่วาณีที่หน้าห้องน้ำ คุณทิพรดาถามว่าพี่วาณีเป็นใคร พี่วาณีบอกว่ามากับคุณกอบทรัพย์ แต่คุณทิพรดาไม่เชื่อ คิดว่าเป็นกิ๊กของเจ้านาย ก็เลยเดินออกมานี่แหละฮะ” เด็กหว้าตอบเร็วปรื๋อ เพราะอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น

“ความผิดอยู่ที่เธอ” นวินหันมาชี้หน้าวาณีระยะใกล้จนแทบจะทิ่มตาหล่อนอยู่รอมร่อ “เป็นบ้าอะไรไปตอบแบบนั้น ทำไมไม่บอกไปตรงๆ ล่ะว่าเป็นเมียน้อยพี่กอบน่ะ จะพูดกำกวมทำไม”

“กำกวม?” วาณีทวนคำ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง “แปลว่าอะไรคะ”

นวินนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อให้เวลาตัวเองในการทำใจให้เย็นลง ไม่ลากเจ้าหล่อนออกไปทิ้งนอกบ้าน

“มันจะแปลว่าอะไรก็เถอะ แต่เธอตอบคำถามฉันมาซิว่า ทำไมไม่พูดตรงๆ ตั้งใจให้รดาเข้าใจฉันผิดใช่มั้ย!”

“พอที! คุณนวิน ฉันจะกลับละ” ทิพรดาเอ่ยแทรกด้วยท่าทีห่างเหินเย็นชา หลังจากจับตาดูทั้งคู่มาสักพัก

“ไม่นะ รดา คุณยังไปไหนไม่ได้ คุณต้องฟังความจริงก่อน เขาไม่ได้เป็นอะไรกับผมนะ เขาเป็นคนของพี่กอบ” นวินที่รู้ตัวว่ามัวแต่เสียเวลากับคนอื่นนานเกินไป รีบหันมาอธิบายน้ำเสียงร้อนรน

“พี่กอบ? ก็ไหนคุณเคยบอกฉันว่า พี่กอบติดอันดับผู้ชายซื่อสัตย์กับครอบครัวระดับประเทศไงคะ แล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงดีแตกเสียล่ะ น่าแปลกใจจริง” หญิงสาวทำเสียงประชด

“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วน่ะสิ ผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เขาจะกลายเป็นคนแบบนี้”

ทิพรดาเงียบไปสองสามวินาทีก็ยิ้มสมเพช “ฉันก็ไม่นึกเหมือนกันว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเอาซะเลย โยนบาปให้เพื่อนได้หน้าตาเฉย”

“ผมไม่ได้โยนบาปให้ใคร แต่มันเป็นเรื่องจริง ผมรักคุณ ผมมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น” นวินเอื้อมมือมาจับแขนหล่อนเอาไว้

“อย่าแตะเนื้อต้องตัวฉันอีก คุณน่ากลัวกว่าที่ฉันคิด คุณไม่ใช่คนอ่อนโยน สุภาพอย่างที่แสดงออกสักนิด” ทิพรดาดึงแขนตัวเองออกด้วยท่าทางรังเกียจ

“นี่คุณพูดอะไรน่ะ รดา เรื่องแม่คนนี้ยังไม่จบ คุณหาเรื่องใหม่ให้ผมได้แล้วหรือ” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายตัดพ้อบ้างแบบงงเต็มที

“มันเป็นเรื่องเดียวกันค่ะ เพราะมันทำให้ฉันตัดสินใจที่จะเลิกกับคุณได้เด็ดขาดขึ้น...กิริยาที่คุณแสดงกับผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่นี้มันหยาบคาย คุกคาม และน่ากลัวมาก ฉันอยู่กับคนแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

“ไม่ใช่นะ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น...ถามพี่กอบดูได้เลย พี่กอบรู้จักผมดี เออ ใช่ คุณต้องคุยกับพี่กอบ เขาจะช่วยยืนยันทุกอย่างที่คุณกำลังเข้าใจผิดได้” แล้วนวินก็หันไปทางวาณี พร้อมออกคำสั่ง “ไปตามพี่กอบมาซิ”

“ไปตามที่ไหนคะ” วาณีทำหน้าเหลอหลา ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มทบทวี เพราะเขามองว่าหล่อนกำลังยั่วโมโหเขา

“เขาอยู่ที่ไหน...” เขาตะคอกถาม แต่พลันก็นึกได้ว่าคนรักกำลังจับตามองอยู่จึงปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติ “พี่กอบอยู่ที่ไหนก็ไปตามที่นั่นแหละ”

“แต่ฉันไม่รู้นี่คะว่าเขาอยู่ที่ไหน” อีกฝ่ายยังคงยียวนกวนประสาทได้น่าบีบคอที่สุด

“นี่ แม่หนู นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเล่นลิ้นนะ ฉันบอกให้ไปตามก็ไปตามมา...เดี๋ยวนี้”

“พี่วาณีไม่ได้เล่นลิ้น พี่กอบกลับไปแล้วฮะ เจ้านาย” เด็กหว้ารีบทำหน้าที่ผู้ช่วย เพราะไม่อยากให้เจ้านายหนุ่ม ‘เสียอาการ’ ต่อหน้าคนรักมากไปกว่านี้

“ว่าไงนะ! กลับไปตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้ แล้วกลับไปได้ยังไง ฉันบอกให้รอไงล่ะ” แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า เจ้านายของหว้ายิ่งอาการหนัก เพราะคราวนี้ไม่เพียงกับวาณีเท่านั้น เขายังตะคอกใส่หน้ามัน ราวกับมันคือกอบทรัพย์เสียด้วย โดยมีทิพรดาส่ายหน้าไปมาด้วยความผิดหวังอีกหน

“กลับไปตั้งนานแล้วฮะ ตอนลุงกอบกลับ เจ้านายคงกำลังมีความสุขมาก จนไม่รู้ไม่ได้ยินอะไรฮะ”

“ไม่เป็นไร ฉันโทรฯหาก็ได้...รอแป๊บนะ รดา ผมจะให้คุณคุยกับพี่กอบ” ตอนท้ายเขาหันไปขอร้องคนรัก แต่หญิงสาวสั่นหน้าปฏิเสธ แววตาเด็ดเดี่ยวมั่นคงนัก

“ไม่ค่ะ พอกันที ขืนยอมรอ มีหวังฉันได้สิ้นศรัทธาในตัวคุณมากไปกว่านี้แน่ ลาก่อนค่ะ นวิน หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก” คราวนี้ไม่รีรออะไรอีกแล้ว ทิพรดาหมุนตัววิ่งจากไปทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้นวินยืนอึ้งเหมือนปลาช่อนถูกทุบหัว

“อะไรกันวะเนี่ย...”

“คุณทิพรดาเข้าใจผิดเรื่องเจ้านายกับพี่วาณี แถมยังผิดหวังที่เห็นเจ้านายตะคอกพี่วาณี เพราะเขานึกว่าเจ้านายเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ผิดคาดฮะ” เด็กหว้าทำหน้าที่สรุปความทั้งที่คนเป็นนายไม่ได้ร้องขอ

“แกไม่ต้องย้ำในสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็นนะเว้ย ไอ้หว้า” นวินตะคอกห้าม ก่อนจะหันขวับไปทางวาณี แล้วชี้หน้าหล่อนอีกครั้ง “ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ!”

จากนั้นเขาก็วิ่งตามคนรักไป วาณียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก

“สงสัยได้ค้างสต็อกไปอีกนาน” พูดจบหล่อนก็หมุนตัวกลับเข้าบ้าน เด็กหว้ามองไปทางเจ้านายของตนด้วยสายตาเห็นใจ แล้วจึงเดินตามวาณีไป



พอทิพรดาก้าวขึ้นรถ นวินก็หยุดวิ่งตาม ปล่อยให้หล่อนไปตามที่ใจหล่อนต้องการ ด้วยรู้ดี เมื่อปักใจว่าเขาเป็นอย่างนั้นแล้ว หล่อนก็คงจะเชื่ออยู่อย่างนั้น อย่างที่รู้กันอยู่ว่าหล่อนไม่ใช่คนแรกที่ด่วนตัดสินใจแบบนี้ ซึ่งเขาก็หยิ่งและเหนื่อยเกินกว่าจะตามไปอธิบายด้วยถ้อยคำซ้ำๆ กับเรื่องเดิมๆ

เขาจะรอให้หล่อนใจเย็นกว่านี้ หรือไม่ก็คงรอให้กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนพาหล่อนกลับมาหาเขาเอง!

หนุ่มใหญ่ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าบ้าน มีอีกเรื่องที่เขาต้องจัดการให้เรียบร้อย...เรื่องของหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุของความผิดหวังครั้งนี้ของเขาและ ‘สามี’ ของหล่อน

“ไอ้หว้า ไอ้หว้าเว้ย!” เข้ามาถึงห้องโถงกว้าง เขาก็เรียกหาเด็กสาวเสียงลั่น ไม่นานเจ้าตัวก็วิ่งกระหืดกระหอบมา

“หว้านึกว่าเจ้านายตามคุณรดาไปเสียอีกฮะ”

“ฉันยังไม่ไปตอนนี้ หรืออาจจะไม่ไปเลย” เขาตอบสั้นๆ

“อ้าว ทำไมล่ะฮะ เจ้านายทำแบบนี้เหมือนไม่รักเธอเลยนะฮะ” เด็กสาวมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ “ไหนเจ้านายบอกว่าเธอคือคนที่เจ้านายรอมานานไงฮะ”

“แล้วเขารอฉันหรือเปล่าล่ะ เห็นมั้ย แน่บไปโน่นแล้ว” นวินย้อนถามดุๆ ก่อนจะโบกมือให้วุ่น “แกไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว ไปตามแม่นั่นมาให้ฉันที”

“แม่นั่น?”

“อย่ามายั่วโมโหฉันอีกคนนะ ฉันรู้ว่าแกรู้ว่าฉันหมายถึงใคร” เขาชี้หน้าเจ้าหล่อนอย่างคาดโทษ “ให้ไปพบฉันที่ห้องทำงาน...ภายในห้านาที”

พูดจบเขาก็เดินไปยังห้องทำงานของตน ระหว่างนั้นก็กดโทรศัพท์หากอบทรัพย์ไปด้วย ทว่าอีกฝ่ายทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งขึ้นด้วยการไม่ยอมรับสาย

ห้องทำงานของนวินอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน มองออกไปเห็นสวนหย่อมหลังบ้าน ซึ่งนอกจากปูหญ้าเขียวขจี ลงไม้ประดับที่ผ่านการตกแต่งอย่างสวยงามแล้ว ยังมีศาลาหลังเล็กๆ สำหรับใช้พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย การพักผ่อนหย่อนใจที่มาในรูปของการอ่านหนังสือและเล่นดนตรี

น้อยคนนักที่จะรู้ว่า นักธุรกิจผู้เอาการเอางานเช่นนวินจะเล่นดนตรีเป็น แถมยังเล่นได้หลายชิ้นอีกต่างหาก แต่ที่ถนัดที่สุดคือกีตาร์ ทว่ามาสิบปีหลังนี้ กีตาร์ตัวโปรดนอนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่เคยถูกจับมาเล่นอีกเลย

ภายในห้องทำงาน ถูกจัดตกแต่งอย่างโปร่งตา เครื่องเรือนล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาอย่างเก๋ ไม่ซ้ำใคร สมกับเป็นห้องทำงานของเจ้าของโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ผนังด้านหนึ่งเป็นตู้วางหนังสือและนิตยสาร อีกด้านเป็นโต๊ะวางตัวอย่างวัสดุที่จะใช้ประกอบเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

นวินยืนโดยใช้สะโพกพิงโต๊ะ แล้วทอดสายตายังสวนหย่อม ความผิดหวังความเสียดายยังฉายชัดอยู่เต็มสีหน้าและแววตา วูบหนึ่ง ความรู้สึกอยากหยุดทุกอย่างก็แล่นผ่านเข้ามา หยุดตามหา หยุดไขว่คว้าและหยุดต้องการชีวิตครอบครัว!

ไม่! เขาจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ เขาต้องการใครสักคนเคียงข้าง ต้องการทายาทเอาไว้สืบสกุล อยากให้ในบ้านมีเด็กตัวเล็กๆเพื่อให้บ้านมีชีวิตชีวา เขาต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม เขาจะไม่ยอมตายอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายแน่ๆ

แค่คิดภาพที่ตัวเองต้องนอนตายตามลำพังในห้องนอนกว้าง ไม่มีลูกหลานอยู่ใกล้คอยให้กำลังใจ เขาก็รู้สึกแย่จนแทบทนไม่ได้แล้ว!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง และประตูก็เปิดออกตั้งแต่เขายังไม่ทันอนุญาต จุดความหมั่นไส้ให้ติดหมัด

“เธอควรจะรอให้ฉันเอ่ยปากอนุญาตก่อน แล้วค่อยเข้ามา” ชายหนุ่มละสายตาจากด้านนอกมายัง ‘ต้นเหตุของความล่มสลาย’ วันนี้

“ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายขอพบคุณอานี่คะ คุณอาเป็นคนขอพบฉันเอง” วาณีตอบกลับมาเสียงดังฟังชัด “ซ้ำยังย้ำว่าให้มาภายในห้านาทีด้วย ขืนรอให้คุณอาอนุญาต ก็คงเกินเวลา”

นวินหน้าร้อนผ่าวตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว พอจบประโยคที่สองเขาก็ร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย...ด้วยความโกรธ...

“ทีอย่างนี้เถรตรงเชียวนะ”

“เถรตรง?” วาณีทวนคำพลางพยายามทำความเข้าใจ และหล่อนก็เข้าใจได้ เนื่องจากมีคำที่ความหมายชัดเจนคือคำว่า ตรง อยู่ด้วย “กับพี่ผู้หญิงคนนั้นฉันก็เถรตรงนี่คะ แต่พี่เขาไม่เชื่อเอง”

“บอกว่ามากับพี่กอบเนี่ยนะ ตรง?”

“ค่ะ แล้วมันไม่ตรง-ตรงไหน” หญิงสาวย้อนถาม “แต่ฉันว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ฉันพูดอะไรหรอกค่ะ มันอยู่ที่ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เชื่อคำพูดของฉัน เพราะไม่เชื่อใจคุณอามากกว่า”

นวินอึ้งไปครู่หนึ่งก็ขบกรามแน่น “ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”

“ฉันไม่ได้ยุ่ง มีแต่คนของคุณอาที่มาทำให้ฉันวุ่นวาย แล้วเมื่อกี้คุณอาก็เป็นคนเริ่มต้นเรื่องนี้ก่อนด้วย” ไม่มีการลดละ ไม่มีการยอมรามือจากผู้หญิงตรงหน้า

วูบนั้นนวินรู้สึกว่าหล่อนแข็งและกระด้างเกินกว่าจะเป็นเมียน้อยใครได้ แต่ก็นั่นละ ความรู้สึกจะมาสู้ความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไรเล่า

“ที่ฉันเรียกเธอมาก็เพื่อจะคุยเรื่องของเธอกับพี่กอบ” ชายหนุ่มตัดสินใจเปลี่ยนมาที่เรื่องที่ตั้งใจ ก่อนจะทะเลาะกันบานปลายอยู่ตรงนี้ “ฉันให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ”

“ค่ะ ฉันรู้” หญิงสาวพยักหน้ารับง่ายๆ หล่อนสัมผัสความรังเกียจจากเขาได้จะแจ้งตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากันโน่นแล้ว “ความจริงฉันก็บอกเขาแล้วว่าไม่อยากอยู่กับใคร ฉันอยากอยู่คนเดียว แต่เขาก็บอกว่า คุณอาเป็นน้องชายเพียงคนเดียวที่เขารักและไว้ใจให้ดูแลฉัน”

นวินแค่นเสียงแห่งความหงุดหงิดออกมาคำหนึ่ง ...เจริญละ ไอ้พี่กอบ ไว้ใจให้ดูแลเมียน้อยตัวเอง ทั้งที่ก็รู้ว่าเราเกลียดผู้หญิงพวกนี้ยังกะอะไรดีเนี่ยนะ...

“ดี! ท่าทางเธอเข้าใจอะไรง่ายดีนี่ ถ้าอย่างนั้น ฉันขออีกอย่าง ขอให้เธอเลิกกับพี่กอบซะ เพื่อเห็นแก่ครอบครัวของเขา”

วาณีอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือของนวินกรีดเสียงขึ้นเสียก่อน ครั้นเห็นชื่อที่แสดงอยู่หน้าจอ คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันแปลกใจ

“ไง หนูออม...ว่าไงนะ!...” นวินยืดกายขึ้นเต็มความสูง ท่าทางตกใจเป็นอันมาก ระหว่างนั้นเขาก็วางสายตามาทางวาณีตลอดเวลา “โอ เค อาจะไปเดี๋ยวนี้”

วางสายแล้ว เขาก็เดินแกมวิ่งออกจากห้องนั้นทันที โดยไม่สนใจวาณีอีก เพราะถือว่าได้พูดกับหล่อนรู้เรื่องแล้ว


ออกจากห้องทำงานมาได้ นวินก็เรียกหาใครคนหนึ่งเสียงดังลั่น

“พี่นาง พี่นาง”

ไม่นาน หญิงเลยกลางคนร่างผอมบาง ในชุดผ้าถุง เสื้อคอบัว แขนจีบ รวบผมมวยเรียบร้อย สวมผ้ากันเปื้อน ในมือถือทัพพีก็เดินหน้าตาตื่นมาจากห้องครัว

“มีอะไรคะ คุณวิน”

“พี่รู้เรื่องเมียน้อยพี่กอบแล้วใช่มั้ย” มาถึงตรงนี้เขาลดเสียงให้เบาลง

“ค่ะ คุณกอบมาฝากฝังพี่ให้ช่วยดูแลหนูคนนั้นแล้ว” ตอนที่พูดประโยคนั้นสีหน้าของช้องนาง แม่บ้านสาวใหญ่เต็มไปด้วยความผิดหวังไม่ต่างจากนวิน

“ลืมคำฝากฝังของพี่กอบไปได้เลย ผมให้แม่คนนั้นเลิกกับพี่กอบ แล้วก็ออกจากบ้านแล้ว และเขาก็ตกลงแล้วด้วย ที่ผมจะบอกพี่นางก็คือ ช่วยให้คนขับรถไปส่งเขาหน่อย อยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ทาง ไม่ทันคน เดี๋ยวโดนแท็กซี่หลอกเอา”

“แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนคะ”

“ไม่รู้ ก็คงจะนอนโรงแรมก่อนล่ะมั้ง จุดนี้อยู่นอกเหนือหน้าที่และความสนใจของผมแล้วละ ตกลงตามนี้นะ ผมต้องรีบไป”

“จะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือคะ คุณวิน”

“พี่นางก็รู้ว่าผมเกลียดพวกเมียน้อยยังกับอะไรดี ให้อยู่ในบ้านเป็นชั่วโมงนี่ก็ถือว่ากรุณามากแล้ว...” คนที่กำลังจะผละจากไปหันมาตอบ “...แถมยังทำให้เดทของผมล่มไม่เป็นท่าอีก อัปมงคลแบบนี้ ไปจากบ้านเร็วเท่าไรยิ่งดี”

“คุณวิน” อีกฝ่ายส่งเสียงเชิงกำราบ มองหน้าเขาอย่างตำหนิ และนวินก็มีท่าทีอ่อนลงไปเล็กน้อย

ช้องนางเป็นญาติห่างๆ ทางพ่อเขา และมาอยู่กับครอบครัวเขาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ช่วยแม่ดูแลงานบ้านรวมทั้งช่วยเลี้ยงเขา ตอนที่ครอบครัวเขาประสบปัญหา ช้องนางก็ไม่ทิ้งไปไหน อยู่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ซ้ำยังเอาเงินเก็บที่เก็บมาตั้งแต่สาวๆ มาให้เขาจ่ายหนี้อีกต่างหาก แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้นวินยิ่งซึ้งในน้ำใจและเกรงใจแกมากขึ้น

“โธ่ พี่นาง ท่าทางแม่นั่นไฟแรงจะตายไป เลิกจากพี่กอบแล้ว เดี๋ยวเขาก็หาผู้ชายใหม่ได้ คงมีคนอยากรับเลี้ยงเขาเยอะแยะล่ะน่า”

“แล้วถ้าเขาไม่ยอมเลิกกับคุณกอบล่ะคะ แล้วคิดเหรอคะว่าเขาจะทำตามที่คุณต้องการง่ายๆ ขนาดนั้น” อีกฝ่ายย้อนถาม “แล้วถ้าวันหนึ่งหนูคนนั้นเกิดบ้าขึ้นมา ไปแสดงตัวกับคุณแบมโดยที่เราไม่รู้ล่ะคะ”

นวินอึ้งไปอย่างคิดได้ จริงสิ ถ้าวาณีไปอยู่ที่อื่น เขาจะรู้ได้อย่างไรว่า หล่อนจะยอมเลิกรากับกอบทรัพย์อย่างที่เขาต้องการ และจะมีหลักประกันอะไรว่าหล่อนจะไม่ทำอย่างที่ช้องนางว่า

“สู้เราเอาเขาไว้ใกล้ตัว จะได้คอยห้ามคอยปราม แถมยังคอยกันคุณกอบได้ด้วย...ไม่ดีกว่าเหรอคะ” ช้องนางโน้มน้าวอีก พลางมองเขาลุ้นๆ

“แต่ผม...” นวินไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ช้องนางพูดจะเป็นทางออกที่ดี

“อย่าลืมว่าคุณแบมเป็นโรคหัวใจนะคะ แล้วยายออมก็รักพ่อของแกมากด้วย แกจะเสียใจแค่ไหนที่พ่อที่เคยเป็นฮีโร่ของแก กลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ไปแบบนี้...”

“พอ พอ พี่นาง ผมยอมแล้ว ยังไงพี่ก็ดูแลเขาให้ดีด้วยก็แล้วกัน ให้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ และทำตัวให้เหมาะสมด้วย ถ้าเขาวุ่นวายจุ้นจ้านล่ะก็ ผมไล่ออกไปจริงๆแน่” นวินยอมจำนนในที่สุด ช้องนางยิ้มพอใจ

“แล้วนี่คุณวินจะรีบไปไหนคะ ท่าทางรีบร้อนจัง”

“อ้าว ตาย มัวแต่คุยกับพี่นาง ลืมไปเลย...พี่กอบขับรถคว่ำ” นวินลดเสียงให้เบาลงอีก วางสายตาไปยังทิศที่เป็นห้องทำงานของตนแว่บหนึ่ง

“ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“ยังไม่รู้ ตอนนี้กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล...พี่นางอย่าเพิ่งบอกแม่นั่นนะ ผมกลัวจะแล่นออกไปแสดงตัว ทำให้เรื่องวุ่นวายมากไปกว่านี้”

ช้องนางรับปากแข็งขัน ก่อนจะบอกให้เขารีบไป จากนั้นก็พนมมืออธิษฐานขออย่าให้กอบทรัพย์เป็นอะไรมากเลย

(จบบทที่ 2)

คุยกันค่ะ

คุณ Sukhumvit66...คิดว่าตอนนี้น่าจะเดาออกแล้วนะคะ อิอิ

อัญ...โชคร้ายท่ามกลางความโชคดีแหละจ้ะ อัญ

คุณ konhin...อ๊ะๆๆ ของแบบนี้ต้องติดตามน้า

คุณ NB...โอ้ววว ต้องติดตามต่อไปค่า ๕๕๕๕๕๕


สุขสันต์วันเด็กค่า



วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ม.ค. 2556, 11:58:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2556, 01:05:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 3214





<< บทนำ - บทที่ 1   บทที่ 7-8 >>
ตุ๊งแช่ 12 ม.ค. 2556, 15:51:31 น.
มาต่อแบบนอนสต๊อปเลยน๊า วันเด็กพาเด็กเสือเที่ยวไหนค๊า


ผักหวาน 13 พ.ย. 2556, 15:50:43 น.
อิตาพี่กอบก็ไม่แถลงซะที จนรถคว่ำไปซะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account