เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย

หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๒๒ กรรมใครกรรมมัน

บทที่ ๒๒

กรรมใครกรรมมัน



รตีที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขก เธอนิ่วหน้าเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนอย่างถนัดตา นายตำรวจสามนาย กล่าวทักทายเธอก่อนจะนั่งลงที่โซฟาเมื่อเธอเอ่ยเชื้อเชิญ สีหน้าของรตีนั้นพยายามที่นิ่งเรียบรอฟังสาเหตุที่นายตำรวจยกขบวนกันมาเช่นนี้

“คุณตำรวจมีธุระอะไรหรือคะ ถึงได้มาหาดิฉันถึงที่บ้าน” เธอเอ่ยถามออกไปทันที

“ผมไม่ได้มาหาคุณรตีหรอกครับแต่ว่า เรามาเชิญคุณลิษาไปให้ปากคำครับ” นายตำรวจที่นั่งอยู่ตรงกลางที่มียศสูงกว่านายตำรวจคนอื่นกล่าวตอบทันที ในมือมีซองเอกสารยื่นให้กับมือหญิงม่าย

“ให้ปากคำ? เรื่องอะไรกันหรือคะ” เสียงหลงเหมือนตื่นตระหนกจนควบคุมโทนเสียงไม่ได้อีกต่อไป

“คือ มีผู้ต้องหาซัดทอดว่าคุณลิษาว่าจ้างให้เขาไปตัดสายเบรกรถที่ใช้แข่งขันทีมของคุณอนุทัตครับ”

“เอาอะไรมาพูด มีหลักฐานหรือเปล่า คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า อย่างลิษาน่ะเหรอจะทำแบบนั้น เธอไม่ใช่คนที่จะไปทำร้ายคนที่ไม่รู้จักหรอกนะ แล้วฉันเป็นใครพวกคุณก็น่าจะรู้ดี อยู่ ๆ คิดจะมากล่าวหากันง่าย ๆ แบบนี้หรือคะ”

“เรามีหลักฐานคือ พยานและหลักฐานการโทร.เข้ามือถือของผู้ต้องหาเพื่อว่าจ้างเรื่องงาน แล้วที่สำคัญคุณลิษามีแรงจูงใจที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว”

“ชู้สาว!!” เสียงของรตีลั่นห้องไปด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง ลูกสาวเธอจะไปมีเรื่องชู้สาวกับใครได้ ความหยิ่งถือตัวของลิษามีมากพอที่จะไม่สนใจใครเว้นก็แต่... “มีน...งั้นเหรอ?”

“ครับ คนที่ขับรถคันนั้นคือคุณอลินา เป็นคนรักของคุณมีน ซึ่งฝ่ายนั้นยืนยันว่าคุณลิษาไม่พอใจเพราะชอบคุณมีนอยู่ แล้วเมื่อวาน คุณลิษาก็ไปทำร้ายคุณอลินาที่ร้านด้วย มีพยานรู้เห็นแล้วก็กล้องวงจรปิด คุณรตีอยากดูไหมครับ”

รตีถึงกับมือไม้อ่อนปวกเปียกด้วยความเจ็บปวดร้าวลึกในอก ทำไมลูกสาวเธอถึงได้กล้าทำเรื่องขนาดนี้ ที่ผ่านมามีแต่เธอออกหน้าแทนเสมอ รตีเริ่มนึกเรื่องที่มีนกล่าวกับเธอเมื่อไม่นานนี้ได้ เขากล่าวหาว่าเธอทำร้ายอลินา แท้จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด คนที่ทำเรื่องนี้คือ ลิษา...



“หนูไม่ยอมไปกับตำรวจนะคะคุณแม่ ขายหน้าที่สุดเลย ไม่เอาหรอก” เสียงลิษาโวยวายหลังจากที่ได้ยินเรื่องจากแม่แม้ว่ามือค่อนข้างสั่นด้วยความหวาดกลัว

“แม่บอกเขาไปแล้วว่าจะพาลูกไปพบเขาวันหลัง นี่มันเรื่องอะไรลิษา ทำไมลูกถึงทำอย่างนี้ รู้ไหมว่าทำเรื่องอะไรลงไป”

“ทีคุณแม่ละคะ ยังส่งคนไปซ้อมพี่มีนได้เลย ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรตามมา” หญิงสาวอ้าง หัวใจยังเต้นระริกด้วยความหวาดกลัวปัญหา

“แม่จัดการเรื่องได้ ทำรัดกุมพอ ลูกทำไมไม่ปรึกษาแม่เสียก่อนที่จะทำอะไรลงไป” รตียังคงต่อว่าด้วยใจที่แสนเหน็ดเหนื่อยกับการแก้ปัญหาใหญ่ของลิษา

“ตอนนั้นษาโกรธมากนี่คะ พี่มีนทำเหมือนษาไม่มีค่าอะไรเลย ส่วนยายคนนั้นก็หน้าด้าน ษายอมไม่ได้หรอกค่ะที่ใครจะมาทำเหมือนษาเป็นตัวตลก เป็นหมากเกมหนึ่งของเขา” เธอยังคงค้านเสียงแข็งทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ผิดอะไรนักหนา

“แต่ก็ควรปรึกษาแม่ก่อน เรื่องคราวที่แล้วที่ไม่มีปัญหาก็เพราะแม่สั่งให้คนของแม่หนีออกไปต่างจังหวัดทันที ให้เงินไปก้อนใหญ่ปิดปาก แล้วฝ่ายนายมีนก็ยอมไม่ให้มีการตามเรื่องเองด้วย แต่เรื่องนี้ดูท่าเด็กคนนั้นต้องการให้มีเรื่องแน่ๆ”

“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีคะแม่ ยังไงหนูก็ไม่ยอมไปโรงพัก คุณแม่จัดการเรื่องให้ษาเลยนะ” ลิษายังคงโวยวายไม่อยากให้เรื่องเข้าตัว เหมือนทุกครั้งที่ตัวเองไปสร้างปัญหา เธอต้องส่งเรื่องต่อให้แม่เป็นคนจัดการแล้วมันก็ผ่านไปทุกครั้ง โดยที่เธอไม่มีความผิด...ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

รตีถอนหายใจยาว เธอเลี้ยงลูกมาผิดๆ ไม่เคยให้ลิษาได้แก้ปัญหาเอง พอเกิดเรื่องเธอก็กระโดดเข้าไปจัดการทุกที เรื่องนี้ก็คงไม่พ้นเช่นกัน



รตีเดินทางไปพบทางตำรวจที่รับผิดชอบคดีของอลินาทันทีที่โทรศัพท์นัดพูดคุยได้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต้อนรับเธออย่างดี

“คุณรตีไม่พาคุณลิษามาด้วยละครับ” นายตำรวจใหญ่เอ่ยถาม สีหน้าไม่ได้เคร่งเครียดอะไร เป็นฝ่ายของรตีมากกว่าที่ออกอาการ

“ฉันอยากมาคุยก่อนนะค่ะ” เธอตอบมองตานายตำรวจด้วยท่าทีชั่งใจที่จะกล่าว

“จริงๆ ก็แค่มาให้ปากคำเล็กน้อยเท่านั้นเอง ถ้าคุณลิษาไม่ได้ทำเรื่องนั้นจริง ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหานะครับ” นายตำรวจกล่าวอย่างเป็นกลางมากที่สุด

“ฉันอยากให้เรื่องมันเงียบลงภายในวันนี้ได้ไหมคะ” รตีเสนอสีหน้าจริงจัง

นายตำรวจสบตากับเธอก่อนจะยิ้มที่มุมปาก แม้จะรู้ว่าสิ่งที่นักธุรกิจหญิงกล่าวมีนัยอะไรแอบแฝงก็ตามแต่ยังแกล้งถามออกไปเหมือนซื่อ “หมายความว่ายังไงครับ”

“ฉันจะบริจาคให้ สักสี่ห้าแสน พัฒนาปรับปรุงโรงพักนี้ แต่ว่าให้คดีนี้หายไปได้ไหมคะ”

สีหน้าของนายตำรวจนั้นดูหนักใจ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “ผมไม่รับเงินบริจาคครับ อีกอย่างเรื่องนี้มีคนดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้วคงปล่อยให้คุณรตีไม่ได้หรอกครับ”

“อะไรกัน แค่คดีอุบัติเหตุของเด็กสาวคนหนึ่งทำไมต้องดูแลเหมือนมันสำคัญนัก”

“คือ...ผมขอแก้ความเข้าใจผิดนิดหนึ่งครับ มันไม่ใช่คดีอุบัติเหตุ แต่เป็นการวางแผนฆาตกรรมกันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องความสำคัญผมก็ไม่ทราบนะครับ คุณรตีต้องไปถามท่านรัฐมนตรีธนาดุลเอง ท่านเป็นคนสั่งลงมาเองเลยว่าให้หาคนร้ายให้ได้”

“รัฐมนตรีธนาดุล?”

“ครับ ท่านลงมาคุมเรื่องนี้เองเลย ผมว่าคุณรตีควรไปคุยกับท่านมากกว่าผมนะครับ”

รตีออกอาการอึ้งระคนสงสัยในเรื่องนี้ ทำไมรัฐมนตรีต้องมาดูแลคดีเล็กๆ แบบนี้ด้วย แค่เด็กในร้านอาหารของลูกชาย มันมากเกินไปหรือเปล่า?



สีหน้าซีดเซียว ดวงตาเลื่อนลอย ท่าทางเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้น เป็นที่สังเกตของพัชระนานแล้ว ตั้งแต่มีนหายตัวไป อลินาก็มีท่าทางอย่างนี้ตลอด มือหนาเอื้อมไปแตะบ่าเบาๆ ทว่าทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง หันมามองด้วยแววตาตื่น

“มีอะไรหรือคะพี่พัช”

“มาคุยกันหน่อยสิ” เขาว่าพลางเดินนำหน้าไปในห้องครัว นั่งลงเก้าอี้ตัวเล็กรอให้หญิงสาวนั่งเรียบร้อยก่อนจะกล่าวอะไรออกมา “พี่ให้ลีน่าพักงาน ไปทำในสิ่งที่อยากทำดีกว่า”

“พี่พัช...”

“อยากไปหาไอ้มีนใช่ไหมละ ไปเถอะ”

“แล้วพี่พัชรู้ไหมคะว่าพี่มีนจะไปที่ไหน”

“อืม...พี่ไม่รู้เหมือนกัน เขาไม่ได้บอกอะไรไว้เลย” ใบหน้าสวยนั้นเจื่อนจืดลงด้วยความผิดหวัง พัชระเอื้อมมือมากุมมือน้องสาวเอาไว้ ก่อนจะถอนหายใจพรืด “พี่เคยบอกลีน่าไปแล้วว่าให้ชั่งใจ ว่าตัวเองคิดอย่างไรกันแน่ รักหรือแค้นมากกว่ากัน ก่อนที่จะทำอะไรลงไป คิดให้ดี ๆ เสียก่อน ไม่มีใครเสียใจกับเราหรอกนะ เราเองคือคนที่เสียใจมากที่สุด”

“ขอบคุณค่ะพี่พัช ลีน่าผิดเองที่มัวแต่ลังเล จนตัวเองเจ็บ”

“ตอนนี้มันยังไม่สายไปนี่ ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการเถอะ”

อลินาขับรถไปหาสนต์และชารีนที่สำนักงาน ทั้งคู่นั่งคุยกับหญิงสาวพักใหญ่ รับฟังปัญหาทั้งหมด ก่อนจะคอยคิดหาทางช่วยเหลือ

“พี่ไม่เห็นมีนติดต่อมาเลยนะ ปกติเวลาเขาอยากไปเที่ยวเขามักจะโทร.มาชวนพี่เสมอ คราวนี้ไม่เห็นโทร.มาเลย” สนต์ว่าทั้งวางแก้วน้ำเย็นให้หญิงสาว “เว้นแต่ไปกับคุณพัช แล้วนี่คุณพัชไม่รู้เหมือนกันเหรอว่ามีนไปไหน”

อลินาส่ายหน้า ในมือกุมแก้วน้ำอย่างหลวมๆ “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเพื่อนๆ คนอื่นดูเผื่อพวกเขาจะรู้อะไรบ้าง”

“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ” อลินาตอบด้วยความรู้สึกนั้นจริงๆ ตอนนี้เธอมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้ว่ามีนจะหายตัวไปอยู่ที่ไหนได้

“ลีน่า พี่ถามอะไรบางอย่างได้ไหม” ชารีนเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวจะขอตัวกลับ “ลีน่ารักมีนจริงๆ หรือเปล่า”

อลินานิ่งไปเพียงไม่นานก่อนจะเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ความรู้สึกที่ฉันมีให้พี่มีนอาจจะถูกบดบังด้วยความแค้นในใจแต่จริงๆ แล้ว...ฉันรักเขามาก ฉันถึงต้องตามหาเขาเพื่อบอกความจริงทั้งหมดค่ะ”



ธนาดุลก้าวฉับๆ เข้าไปยังที่ทำการพรรคเพื่อเข้าประชุมประจำปี เลขาหนุ่มเดินตามพร้อมกับยื่นเอกสารเตรียมการประชุมให้ “ท่านครับ มีโทรศัพท์จากคุณรตีขอนัดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวครับ”

ธนาดุลยิ้มที่มุมปาก เป็นเรื่องที่เขาคาดการณ์ไว้แล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง นักธุรกิจหญิงคนนี้ต้องเข้ามาหาเขา

“บอกว่าหลังประชุมเสร็จ ฉันจะไปพบเขาที่ร้านอาหาร ช่วยหาร้านดีๆ ที่เป็นส่วนตัวให้ด้วย” เขาหันมาสั่งเลขาหนุ่มก่อนจะเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป



รตีนั่งรอธนาดุลในร้านอาหารที่ถูกจัดเป็นห้องแยกออกมาต่างหาก บริกรเข้ามารับรายการอาหาร ก่อนจะเดินออกไป เกือบหนึ่งชั่วโมงที่เธออดทนรอคอย มันต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเหลือเกิน เสียงประตูห้องเปิดอ้าออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของรัฐมนตรีธนาดุลซึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเลขา รตีลุกขึ้นต้อนรับพร้อมกับยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างอ่อนน้อม ธนาดุลรับไหว้ก่อนจะนั่งลงส่งยิ้มที่ดูกันเองให้กับคู่สนทนา

“สวัสดีค่ะ ท่านคงจำดิฉันไม่ได้ เราเคยเจอกันหลายครั้งตามงานการกุศล” รตีเกริ่นแนะนำตัวเองเสียก่อน แม้จะเคยเจอกันหลายครั้งแต่กลับไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย ธนาดุลยิ้มรับ

“ทำไมผมจะจำนักธุรกิจหญิงที่สวยแบบคุณรตีไม่ได้ละครับ คุณน่ะเป็นร่ำลือกันในวงสังคมมากมายนะครับ”

ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงนั้นเจื่อนจืดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าถูกกล่าวถึง “ลือกันแบบไหนคะเนี่ย ดิฉันมีอะไรให้น่าเอ่ยถึงกันนักเชียว” กล่าวแก้เก้อแม้จะรู้ว่าวงในนินทาเธอว่าเป็นแค่พนักงานบริษัทที่ถูกล๊อตเตอรี่จับสามีร่ำรวยจนได้ดีในปัจจุบัน

“คุณเป็นคนเก่งนี่ครับ ใครๆ ก็กล่าวขวัญ รู้จักที่ทางทำมาหากิน อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ถือได้ว่าเป็นญาติๆ กันกับคุณกิตติธรด้วยซ้ำ มีนก็ถือว่าเป็นหลานชายผมคนหนึ่ง” คำอธิบายคร่าวๆ นั้นทำให้รตีสะอึก

“เอาเป็นว่าดิฉันของตรงประเด็นเลยนะคะ เอ่อ...ดิฉันมีเรื่องที่จะต้องรบกวนท่านรัฐมนตรี เรื่องของคดีลูกสาวดิฉันเป็นผู้ต้องสงสัย ได้ยินว่าท่านคุมคดีนี้เองหรือคะ”

“ครับ” ธนาดุลตอบรับสีหน้ายังคงยิ้มปกติ ไม่ได้แสดงอาการใดให้หญิงตรงหน้าผิดสังเกตได้เลย

“ทำไมท่านต้องเหนื่อยเองด้วยละคะ คดีเล็กน้อย เด็กแค่มีเรื่องทะเลาะกันเท่านั้นเอง”

“คำว่าทะเลาะของคุณรตีนี่แรงไปนะ ขนาดตัดสายเบรกรถกันได้ ถ้าเกิดรถไม่ได้ตั้งความปลอดภัยไว้เข้มงวดป่านนี้เด็กที่คุณว่าก็คงตายไปแล้ว มันหนักไปหน่อยนะ”

“ท่านน่าจะอยากช่วยลูกชายขนาดแค่เด็กในร้านมีปัญหายังลงมาดูเองเลยหรือคะ ดู...รักลูกเกินไปหน่อยเหมือนกัน”

“ใช่ ผมยอมรับว่ารักลูก ผมถึงได้เลือกที่จะลงมาดูคดีนี้เองอย่างไรล่ะ”

“ลูกชายท่านไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรเลยนะคะ แค่เด็กในร้านมีปัญหาเท่านั้นเอง ท่านปล่อยไปไม่ได้หรือคะ หากท่านอยากได้อะไรเดี๋ยวดิฉันจะช่วยจัดการให้”

“ผมไม่อยากได้อะไรหรอกคุณรตี ผมโชคดีที่แต่งงานกับภรรยาที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่รู้จะกอบโกยไปทำไมอีกมากมาย ตายไปก็ไม่ได้เอาไปด้วยที่มีมันก็แค่เหรียญในปาก ผมไม่อยากกลายเป็นเปรตขอส่วนบุญนะครับ”

“ท่านพูดออกจะเกินไป ดิฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ”

“ครับผมรู้ว่าคุณไม่ได้หมายความถึงผม ผมเองก็ไม่ได้ว่าตัวเองหรอก พูดไปเรื่อยๆ เผื่อจะกระทบใจใครเข้า เรื่องนี้ที่ผมยอมมาคุยกับคุณก็เพราะอยากให้มันกระจ่างสักที”

“กระจ่าง?”

“คุณบอกว่าคุณรักลูก ผมก็รักลูกผมเหมือนกันในเมื่อคุณกล้ามาเสนอให้ลูกสาวพ้นข้อกล่าวหา ผมเองก็จะบอกว่าผม...ไม่มีทางยอมความแน่ๆ ผมจะไม่ยอมให้ลูกสาวผมเจ็บฟรีๆ เช่นกัน”

“ลูกสาว?”

“ใช่ครับ อลินาเป็นลูกสาวผมเอง เรื่องนี้ผมคงยอมไม่ได้เหมือนกัน คุณห่วงลูกคุณ ผมก็ห่วงลูกผม เราทำตามหน้าที่พ่อกับแม่ให้ดีที่สุดดีกว่า อ้อ ถ้ายังอยากให้ลูกสาวพ้นคดีนี้ไม่ให้อับอายต่อสังคมแล้วละก็...เลิกยุ่งกับอลินาแล้วก็มีนสักที ถ้าผมยังได้ยินเรื่องที่คุณไปทำร้ายหลานชายกับลูกสาวผมอีก...ผมก็จะทำหน้าที่พ่อที่ดีเหมือนกัน ขอโทษนะครับ ผมขอตัวละกัน”

แม้ร่างของธนาดุลจะหายลับออกไปจากห้องแล้วแต่ รตี ยังคงนั่งเงียบด้วยความเครียดขึง เธอไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มาทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ มือกำหมัดแน่น ดวงตาแสดงแววกร้าวด้วยความแค้นเคือง ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้!!!



เสียงโทรศัพท์มือถือของพัชระดังขึ้นติดต่อกันยาวสองรอบ ชายหนุ่มยังคงง่วนอยู่กับเครื่องดื่มที่ผสมในมือ จึงยังผละรับไม่ได้ จนได้จังหวะเสร็จงานถึงได้โทรศัพท์กลับไป เบอร์ที่แสดงอยู่นั้นคือเบอร์ของพยาบาลที่ดูแลคุณหญิงพิกุล

“สวัสดีครับคุณน้ำ”

“สวัสดีค่ะ พอดี ดิฉันโทร.มาเรียนคุณพัชน่ะค่ะ ว่าคุณหญิงท่านไม่สบายมาก ตอนนี้ดิฉันพาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว ใกล้มือหมอน่าจะดีขึ้น”

“คุณยายเป็นอะไรหรือครับ”

“คุณหญิงเป็นลม ล้มในห้องน้ำค่ะ ยังไงคุณพัชรีบมาพบท่านด้วยนะคะ ท่านเพ้อหาแต่คุณค่ะ” พัชระถึงกับมืออ่อนเมื่อได้ยินข่าวร้ายนี้ เขาหันไปบอกประวีย์ให้เก็บร้านเร็วเป็นพิเศษก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องเก็บของใช้เล็กน้อยแล้วออกไปจากร้านทันที คุณหญิงพิกุลเปรียบเสมือนแม่คนที่สอง ท่านเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้เป็นความโชคดีของเขาเอง ชายหนุ่มเดินทางไปเชียงรายด้วยสายการบินเที่ยวแรกที่เร็วที่สุด!!








ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2556, 15:02:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2556, 15:02:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1748





<< บทที่ ๒๑ ความจริงที่ปวดใจ   --ลบ-- >>
nutcha 11 ม.ค. 2556, 21:16:54 น.
ขอให้อลิสตามหาพี่มีนเจอเร็วนะ


Auuuu 14 ม.ค. 2556, 03:00:35 น.
รุ่นใหญ่ปะ ฉะ ดะ กันเลยจ้า ยัยลิษาคงอึ้งไปเลยยยละงานนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account